【 ♕ Elven Almanac ♕ 】♰ ราชันพันธนาการ ♰ ตำนานเทพีจันทร์ แจ้งข่าวหน้า 35
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【 ♕ Elven Almanac ♕ 】♰ ราชันพันธนาการ ♰ ตำนานเทพีจันทร์ แจ้งข่าวหน้า 35  (อ่าน 237047 ครั้ง)

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
อนุญาติเม้นท์ย้อนหลังเจ้าค่ะ :katai4:
บทที่ : 17  โรงเตี๊ยมตุ่นเก็บทอง (1)
อั่ยย่ะเผ่ามนุษย์ บรรยากาศโรงเหล้าครึ้นเครง อิลมาเรเป็นเจ้โหดไปแล้ว ขำชื่อเหล้าสูตรพิเศษ ผมดำผมแดงนี่กวนพอกันเล้ยยย /เบะใส่อิป๋า
คำตอบมาลแกธมีความติสท์ สมกับที่เป็นนักรัก(แต่ก็แพ้รัก) /จ้องตาราง Battle *Q*
บทที่ : 17  โรงเตี๊ยมตุ่นเก็บทอง (2)
กรี๊ดดดเอลฟ์กับมนุษย์ ชอบตอนแมดส์พูดหยาบคายใส่สามี อิอิ
นายเป็นเคะที่ดุและเฟี้ยวมาก ทำเอาโวรอนเรากลายเป็นหมีเชื่องๆไปเลย ส่วนโคลด์กับอิป๋า..   :angry2:
บทที่ : 17 โรงเตี๊ยมตุ่นเก็บทอง (3)
จอมทัพทมิฬมาแว้วว ลุงแกดูผ่านโลกมาเยอะ เอลฟ์กับมนุษย์ขายข่าวกันร้อนแรงต่อเนื่อง~
อ่านเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแล้วหยักหน้าหงึกๆ แดนทมิฬดีงาม แต่งเมียชายได้เลย /เก็บข้าวของย้ายไปแดนทมิฬ
บ่าวแอบหวังให้รวมเล่มมาตั้งแต่เริ่มอ่านเลยเจ้าค่ะ ฮรื่อออ
บทที่ : 17 โรงเตี๊ยมตุ่นเก็บทอง (4)
สงสารโคลด์ของบ่าววว /แย่งกันกอดกับอิป๋า
อดีตคืนชีพจอมทัพทมิฬเป็นปมใหญ่ในใจโคลด์เลยเนอะ
เชื่อว่าเรื่องนี้มีคนอ่านเยอะน้าา เป็นกำลังใจให้ได้อีก
หายไปนานยังไงก็จะกลับมาเม้นท์เจ้าค่ะ  o13
บทที่ : 17 โรงเตี๊ยมตุ่นเก็บทอง (5)
โอ้โหตอนนี้ทำอิบ่าวช็อค  :z3: :z3:
อยู่เรือซิกเจอแบบนี้มีสตั้น ยังเชื่อว่าซิกเป็นเบอร์1น้าาา (โคลด์เจ้าขาแก้เผ็ดซิกเรื่องแอรี่ใช่มั้ยนาย /นี่ยังไม่ยอม)
โคลด์กับป๋าล่อแหลมกันมาหลายตอน แต่ก็ผ่านพ้นไปได้ทุกตอน จนถึงตอนนี้แล้วอิป๋าก็วิน คืออิป๋าโคตรจะวินนนน  :angry2:

ปล. ทยอยอ่านต่อมันส์มาก คนเขียนสู้ๆเจ้าค๊าาาา :fire:

โอ คอมเมนต์จัดเต็มมากเลย ขอบคุณนะคะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ตอบคอมเมนต์ แบบว่ามาลงแล้วก็ไปทำงานต่อน่ะค่ะ
;w; แต่อ่านครบน้า

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
5555 หลอกด่าก้อมา

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
19 คำสาป(2)

เข้าใจความรู้สึกซิกฟรีด จริงๆซิกเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมาก
เพราะตัดสินใจที่จะปกป้องและจะทำให้ได้แม้ต้องสละตนเอง
เป็นโคลดซะอีกที่อารมณ์ผันไปผันมาจะตัดก็ไม่ตัด มาถามเหมือนมาให้ความหวัง
สงสารเจ้าชายน้อยที่สุด :hao5:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อ่านตอนนี้พร้อม ๆ กับยิ้มทั้งที่อยากจะร้องไห้

รู้สึกว่าเรือทุกลำกำลังวิ่งลงก้นวังน้ำวน 

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 19 : คำสาป (5)

“ข้าไม่ทราบ แต่คราวที่กลับเอวา เธมาร์ตอนข้าอายุสิบห้า เขาก็พูดข่มขู่ได้ดี”

“แสดงว่าเขาก็มีมุมน่าเกลียดที่คอยซ่อนไว้จากโลก”

“รูปโฉมของข้าน่าจะตอบคำถามของเจ้าได้” ซิกฟรีดเคาะหน้ากากเบาๆ

“มันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร นิสัยเจ้าขัดใจข้ามากกว่าใบหน้าเจ้า”

“นิสัยข้าเป็นอย่างไรเล่า” ซิกฟรีดกอดอก ขมวดคิ้ว ทำท่าคล้ายไม่พอใจ ทว่าสีหน้าผ่อนคลายกับรอยยิ้มบางๆ ทำให้โคลด์ทราบว่าราชาเอลฟ์แค่ถามไปอย่างนั้นเอง

“เจ้าชอบทำให้ข้าอารมณ์เสีย”

ซิกฟรีดมองอีกฝ่ายชวนคุยเรื่อยเปื่อย ใจเบาลงเมื่อเห็นว่าโคลด์สงบ ไม่ท้อ หรือเครียดเรื่องดวอร์ฟจนน่าเป็นห่วง

การคงสติให้นิ่งสำคัญมากในสถานการณ์เช่นนี้…

ตัวเขาเองก็ต้องทำให้ได้เช่นกัน

“เช่นว่า?” ซิกฟรีดถามโคลด์ “ยกตัวอย่างมาสักข้อ”

“มากมายเป็นภูเขาเลากา และเจ้าควรรู้ด้วยตัวเองมากกว่าให้ข้าบอก แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆ ก็เหมือนที่เจ้าปากเสียใส่ข้าเมื่อกี้ แต่เจ้ารู้ตัว ถึงพยายามทำให้บรรยากาศดีขึ้น ข้าคิดว่าเจ้าอยู่ในระหว่างแก้ไขนิสัยชอบยั่วโมโหข้า”

ซิกฟรีดหัวเราะอีกครั้ง คราวนี้ค่อนข้างดัง เขาทราบว่าตัวเองดีขึ้นเมื่อมีโคลด์อยู่ข้างๆ

แต่เพราะดีนี่ละถึงอันตราย

ยิ่งดี...ยิ่งอยากครอบครอง


“คำสาปมันพูดว่าอะไรตอนที่เจ้าหัวเราะจากใจ”

ซิกฟรีดหลุบตาลง ก่อนจะมองไปทางอื่น เขาชั่งใจว่าจะบอกดีหรือไม่

“เจ้ามันน่าสมเพช อาเลธ” ราชาหนุ่มจับสายตาที่ใบหน้าของอีกฝ่ายเพื่อดูปฏิกิริยา

“เหตุผลล่ะ” โคลด์ลุกมาใกล้ ยิ้ม เขาแกะหน้ากากหนังของราชาออกเพื่อดูสีหน้า “จู่ๆ จะมาด่าว่าน่าสมเพชต้องมีเหตุผลด้วยสิ”

ซิกฟรีดไม่ได้ห้าม เขายอมให้โคลด์ปลดหน้ากาก รูปโฉมน่าเกลียดน่ากลัวปรากฏแก่สายตา ซึ่งคราวนี้โคลด์เห็นว่ามันลามไปถึงหูข้างซ้าย

ตอนนี้ซิกฟรีดได้ยินเสียงรอบด้านจากหูขวาแค่ข้างเดียว

ซึ่งแปลว่าความสามารถด้าน ‘การฟังเสียงสรรพสิ่ง’ อย่างควาร์ก็ลดลงไปอีก

ราชาหนุ่มไม่คิดว่าโคลด์อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด ดวงตาสีส้มเงินหรี่แคบลง

“...แค่ดาร์กเอลฟ์ตนเดียว เจ้ายังชิงมาไม่ได้”

โคลด์ยิ้มค้าง “ด่ามันกลับไป ชิงมาก็ไม่ได้ เจ้าอยู่กับมันมาสิบปีโดยไม่ต้องแย่งกับใคร เจ้ายังไม่เคยได้” เขาพริ้มตา “เพราะนิสัยเจ้า...ห่วย”

“คราวนี้มันเห็นด้วยกับเจ้านะ” ซิกฟรีดเอ่ย “มันว่า ‘ใช่...อาเลธ เจ้าห่วย เจ้าอ่อนแอ รอวันเน่าตายเถิดราชาไร้ความสามารถ’ ”

“เจ้าไม่อ่อนแอ เจ้าเหวี่ยงดาบฟันข้ากระเด็นได้” โคลด์ยืดตัวขึ้นไปดมใบหน้าข้างที่เหมือนอสุรกาย จมูกแตะแก้มอีกฝ่าย “แล้วเจ้าก็ไม่เหม็นเน่าด้วย” คิ้วสีเงินเลิกขึ้นอย่างกวนอารมณ์

“มันย้ำ ได้ยินไหม อาเลธ มันย้ำให้เจ้าฟัง หยามหน้าเจ้า” พอได้ระบายเสียงน่ารังเกียจออกมาบ้าง ซิกฟรีดก็รู้สึกเบาขึ้นอย่างน่าประหลาด

เขากำลังเรียนรู้ ‘การแบ่งปัน’ ซึ่งไม่ใช่การแบ่งปันสิ่งของนอกกาย แต่เป็นการแบ่งปันความรู้สึก หากพูดให้ตรง มันคือ ‘การแบ่งเบาความทุกข์’

โคลด์ช่วยเขา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

“เพ้อเจ้อ อย่าไปฟังมัน ฟังข้านี่ ข้าไม่ได้หยาม ข้าพูดความจริง ข้าชมว่าใบหน้าของเจ้าหอมอยู่”

ซิกฟรีดถึงกับแหงนหน้าหัวเราะ

“ไหนดูซิ” โคลด์ไม่ได้คิดว่าเขาอาจเข้าใกล้เกินไปตอนที่กอบใบหน้าของซิกฟรีดให้มองหน้ากันดีๆ ดวงตาสีม่วงไม่มีแววรังเกียจความพิกลพิการของใบหน้าซีกซ้ายแม้แต่น้อย “สีหน้าของเจ้าดูดีขึ้นแล้ว แสดงว่าเจ้าเชื่อข้ามากกว่าเชื่อมัน ดูสิว่าคราวนี้มันจะว่ายังไงอีก”

“อา…” สีหน้าที่เพิ่งดูดีอย่างที่โคลด์บอกเปลี่ยนเป็นหนักใจ “ข้าจะพูดอะไรก็ได้ แต่ถ้าข้าพูดความจริงคงไม่น่าฟังนัก”

“ข้าอยากฟัง นานๆ เราจะพูดกันดีๆ”

ซิกฟรีดรอจนโคลด์ย้ำอีกครั้ง เขาจึงเอ่ยปาก

“เจ้าอยากเอามันก็เอาสิ คิดว่าตัวเองสูงส่งนักรึ คิดว่าให้มันสมรักแล้วทุกอย่างจะดีงั้นรึ เจ้าต้านทานข้าได้หรือ อาเลธ ข้าเห็นความต้องการแท้จริงของเจ้า”

โคลด์ยิ้ม...ค้าง...อีกรอบ

“อื้อหือ ตรงยิ่งกว่าดาร์กเอลฟ์บางคนอีก” เขาใช้สองมือบีบแก้มซิกฟรีด “ในหัวคำสาปของพี่ชายเจ้ามีแต่เรื่องพรรค์นั้นหรือ ถึงคิดแต่เรื่องเอาไม่เอา”

“หัวมันก็หัวข้ากระมัง” ซิกฟรีดไหวไหล่ เป็นกิริยาแบบที่เหล่าขุนนางจะไม่ได้เห็นแน่

“ป่านนี้แล้ว เจ้าต้องยอมรับได้แล้วว่าตัวเองขี้เอา” โคลด์ปรายตา

ซิกฟรีดดุโคลด์ทางสายตา ‘เอลฟ์หน้าบาง’ ดาร์กเอลฟ์ชอบพูดกันอย่างนั้น

“ทำไม ยอมรับความจริงบ้าง หัวหล่อๆ ของเจ้าจะหนักบ่าขึ้นมาหรือไง” โคลด์หัวเราะ ลดมือลง

ซิกฟรีดลองหยิกแก้มโคลด์ เขาดึงคล้ายลงโทษเด็ก

“อือ” ดาร์กเอลฟ์หยีตาข้างที่แก้มโดนหยิก “เจ็บ ทำอะไร”

“เจ้าเคยหยิกแก้มข้าแบบนี้ตอนเด็กๆ ข้าเอาคืน”

“ก็เจ้าน่าหมั่นไส้” โคลด์พยายามเบือนหน้าออก แต่ไม่พ้นมือใหญ่เสียที “สรุปว่า เสียงในหัวเจ้าหาอะไรมาเถียงข้าไม่ได้แล้ว เจ้าถึงหยิกข้า”

“โอ...มันไม่เคยเงียบ ข้าบอกเจ้าแล้ว” ซิกฟรีดละมือ ก่อนจะลูบรอยหยิกเบาๆ

“บางที เจ้าอาจไม่เคยสั่งให้มันหุบปากอย่างจริงจัง แบบคนที่เหนือกว่า คนที่เอาชนะใจตัวเองได้” โคลด์เอ่ยด้วยสีหน้าต่างจากปกติ ไม่ใช่ทาสดาร์กเอลฟ์โคลด์ สตาร์ แต่เป็นฮีมเดียร์ เซฮาไนน์ แห่งเผ่าจันทร์

“ข้าจะลองดู” ราชาหนุ่มรับฟัง “ขอบใจ”

“เล็กน้อยเท่านั้น...ข้าพูดแบบนี้ มันพูดอะไรอีก”

ซิกฟรีดยิ้มน้อยๆ สีหน้าค่อนข้างอ่อนโยน

“มันบอกว่า ‘ไปพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้ออกเดินทางแต่เช้ามืด’ ” เขาไล้แก้มโคลด์เบาๆ “และเชื่อใจราชาไร้ความสามารถสักนิดเถิด มันอยากช่วยเจ้า”

ความจริงแล้วปีศาจพูดต่างจากที่ซิกฟรีดเอ่ยลิบลับ ทว่าเขาเลือกที่จะโกหก

เพราะโคลด์ยิ้มอยู่

 

“เราไม่ได้พูดกันดีๆ เลย ข้าเลยคิดว่าเราควรพูดกันดีๆ บ้าง”


 

ซิกฟรีดบีบไหล่โคลด์เบาๆ “เป็นบทสนทนาที่ดี ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร ข้าเริ่มหิวแล้ว ถ้าได้อาหารอัดเม็ดเป็นมื้อค่ำก็ไม่เลว”

“ไม่ละ ในกระเป๋าคาดเอวของเจ้าคงมีของอร่อยกว่าของข้า” โคลด์รัดหน้ากากหนังคืนที่เดิมให้ซิกฟรีด

ราชาเอลฟ์จูบมือดาร์กเอลฟ์ที่กำลังสวมหน้ากากหนังให้

เขาตัดสินใจได้แล้วว่าควรทำอย่างไร

โคลด์ไม่ค้านตอนริมฝีปากหยักงามเหมือนคันศรของบิดาแห่งสงครามแตะถูกมือ เพราะเขารู้สึกได้ว่าเสียงในหัวสร้างความทรมานให้ซิกฟรีดมากพออยู่แล้ว

“ข้ามีเรื่องอยากถาม”

ซิกฟรีดพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต

“ที่เจ้าเคยบอกว่า เอริแอดเน่เคยแสดงบางอย่างให้เจ้าดู ‘บางอย่างที่สามารถทำลายความภูมิใจของสตรีได้ สิ่งที่หากตายคงสบายกว่าแบกรับ’ บางอย่างที่ว่านั้นคืออะไร”

“ถึงเจ้าทราบ มันก็ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร โคลด์ สตาร์” ซิกฟรีดปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องนี้

“เปลี่ยนสิ” โคลด์ตอบนิ่งๆ “ข้าต้องการรู้ทุกอย่างของศัตรู ไม่ว่ามันจะมากน้อย สำคัญแค่ไหนหรือไม่ อย่างไร เจ้าตัดสินใจเลือกข้างข้าแล้ว อย่าบอกว่าไม่ใช่ ถ้าเจ้าไม่เลือกข้างข้า นางคงไม่ล้ำเส้นขนาดนี้ เพราะฉะนั้นเจ้าติดค้างความจริงกับข้า อะไรที่ทำให้นางทำตัวไม่สมเป็นท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์ ทำไมคู่หมั้นของพระราชาลงมือลักพาตัวดวอร์ฟตัวเล็กๆ คนเดียวเพื่อลากตัวทาสดาร์กเอลฟ์ไปหานาง”

“เพราะข้าเลือกเจ้าที่เป็น ‘ดาร์กเอลฟ์’ ” แววตาของซิกฟรีดไหวเล็กน้อย แทบไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง “ถ้าเจ้าจำเป็นต้องทราบ ข้าจะเล่าให้ฟังเท่าที่เล่าได้”

และแล้วซิกฟรีดก็เอ่ยปากถึงคืนงานฉลองสีเลือด

คืนเดียวกับที่เจ้าชายริวอร์นอร์สังหารคิงเฟรธูรินผู้เป็นพี่ชาย

ในคืนนั้นเอง...ผิวขาวเนียนละเอียดอันไร้มลทินของท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์ถูกกรีดเป็นรอยแผลฉกรรจ์ มันกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความอัปยศและความเกลียดชังต่อดาร์กเอลฟ์ที่จะไม่มีวันลบเลือน

โคลด์รับฟังอย่างสงบนิ่งโดยไม่ขัดสักประโยคหนึ่ง เหมือนเมื่อครั้งที่ซิกฟรีดได้ฟังเรื่องความต้องการไปตามหาเกวนโดลินของเขา

เมื่อฟังจบ ดาร์กเอลฟ์ไม่พูดอะไร เขานิ่งอยู่สักพัก และขอตัวออกไป

ยามได้อยู่ตามลำพัง ซิกฟรีดเอ่ยภาษาควาร์ถึงมารดานที

“หากท่านได้ยินเสียงข้า...มารดาแห่งนที

ขอให้แผนการของข้าสำเร็จ

โดยไม่มีโลหิตของผู้ใดตกต้องแผ่นดิน”


—————————————————————————

A/N เรื่องใกล้จะถึงบทสรุปของภาค 1 แล้วค่ะ ตอนต่อไปจะเป็นตอนสุดท้าย หรือเกือบสุดท้ายที่มีความยาวพอสมควร และเรายังเขียนไม่เสร็จ (จริงๆ จนถึงตอนที่ค้างไว้ เรากับคุณ FOULSOUL เขียนทิ้งไว้ราว 3 เดือนแล้วค่ะ แต่เราทั้งคู่ต้องเขียนหนังสือเล่มอื่นด้วย จึงพักไว้) เพราะฉะนั้นในตอนถัดไป เราจะพิจารณาทยอยลง อาจเป็นลงต่อเนื่องจนถึงจุดที่ยังไม่สรุปแล้วเว้นไว้ จนเขียนจบมาลงอีกที หรือลงวันเว้นวัน


นักอ่านสามารถออกความเห็นได้ว่าอยากอ่านแบบไหนนะคะ

1. ลงจนถึงจุดที่มี แล้วค้างไว้ มาลงอีกทีหลังเขียนจบ

2. ลงวันเว้นวัน


ป.ล. เรื่องนี้มีทั้งหมด 3 ภาค กำหนดการเขียนจบภาค 1 คือในวันที่ 15-20 เมษายน 60

เมื่อจบแล้วมีกำหนดการทำงานชิ้นต่อไปดังนี้

เขียน+รีไรท์ Of Demon & Angle (Y) < คู่อิกเนเชียส x ฟรานซิส เป็นเล่มในซีรีส์เดียวกับ Of vivid Creatures

เขียน+รีไรท์ Elven Almanac ภาค Ugly Queen (Normal)

เขียน+รีไรท์ Limbo Love Letter ภาค 2 (Y)

เขียน+รีไรท์ Elven Almanac ภาคจบ (ยังไม่ตั้งชื่อ)

ทั้งหมดเป็นหนังสือทำมือ แต่เรายังมีงานส่งสำนักพิมพ์ที่ต้องเขียนอีก 2 เล่ม คือ Key of Solomon เล่ม 5-6

และงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่แนว Y เรียกว่าตารางแน่นค่ะ หากเรื่องไหนออกช้าไปบ้าง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้


ข่าวดี :) สำหรับคนที่ถามเรื่องรวมเล่ม Elven Almanac เราตัดสินใจไม่ส่งสนพ.

(อย่างที่บอกว่าแนวแฟนตาซีในบ้านเราตอนนี้เงียบเหงาซบเซา

เรื่องนี้ทั้งวายและแฟนตาซี แบบเฉพาะทางมากๆ คงไม่มีสนพ. ไหนรับไปพิมพ์ค่ะ)

เราจะทำเรื่องนี้เป็นหนังสือทำมือ โดยได้มีการเจรจาจ้างวาดปกและติดต่อบรรณาธิการไว้แล้ว

นักวาดปก+ภาพประกอบเป็นที่แน่นอนแล้วว่าคือคุณ Enfer De Hell ซึ่งเป็นนักวาดที่เชี่ยวชาญด้านภาพแฟนตาซี

และเป็นนักวาดที่มีความรับผิดชอบต่องานสูงมากๆ ค่ะ เธอรับปากแล้วว่าจะวาดจนจบครบ 3 ภาค

เราจองคิวไว้ถึงปีหน้าเลยค่ะ (เพจนักวาด: https://www.facebook.com/shadenea/)


กำหนดการขาย : ยังไม่มีค่ะ แต่เมื่อลงจนจบภาค จะมีแบบฟอร์มให้ลงชื่อ+อีเมลไว้ว่าต้องการหนังสือ

เมื่อจะเปิดจองก็จะส่งอีเมลไปหาท่านที่ลงชื่อไว้ ท่านจะได้ไม่พลาดค่ะ


อยากให้มาซื้อไหม : ก็อยากนะคะ เพราะตัดสินใจทำขายแล้วย่อมมีต้นทุน และค่าจ้างนักวาดปกราคาไม่เบาเลย (แต่ก็การันตีด้วยฝีมือของน้องเขา) ถ้าไม่มีคนซื้อจะเอาเงินที่ไหนไปจ้างน้องเขาล่ะ แง!


จะมีการรีไรท์และพิสูจน์อักษรไหม : มีแน่นอนค่ะ เราเขียนหนังสือและทำหนังสือทำมืออยู่แล้ว ชอบงานที่ตั้งใจทำสุดความสามารถ และไม่ชอบคำผิดเช่นกันค่ะ U_U


รวมเล่มเหมือนที่ลงในเว็บหรือไม่: จะมีการรีไรท์เพิ่มเติมหรือตัดทอนเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหา และมีตอนพิเศษแน่นอนค่ะ (ตอนพิเศษที่แพลนไว้คือ ซิกฟรีดxโคลด์ สมัยอยู่อาศรม / มาลแกธและโคลด์ สมัยอยู่อาศรม / เกวนโดลินและเอเลียต / กอห์นดีเอนxแมดส์ / ทาราเธียลxมอร์นเพน / และอื่นๆ เช่นภูมิหลังของตัวละครบางคน อย่าง มาลแกธสมัยอยู่แดนตะวันออก / เกวนโดลินและโคลด์สมัยอยู่กับจอมทัพทมิฬ / อิลมาเรสมัยยังเป็นแม่ค้าฉายเดี่ยวหรือช่วงเจอกับโคลด์ใหม่ๆ คอยติดตามข่าวได้ค่ะ)


จำนวนเล่มของภาค 1 : 2 เล่มค่ะ



ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @VinzeSchwarz

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สุขใจ ได้อ่าน  :mew1: :mew1: :mew1:
เหมือนซิก กับโคลด์ เข้าใกล้กันมากกว่าเดิม
จริงๆ ซิกเป็นราชาที่รักสันติ
ไม่อยากเห็นเลือดฝ่ายใดตกต้องแผ่นดิน
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จะลงให้อ่านทักภาคช่ายม๊า ^^!

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ติดตามและสนับสนุนผลงานดีๆค่ะ

ใจนึงก็อยากให้ต่อให้จบไปทีเดียวเลยแต่อีกใจก็กลัวเหงา
เลือกม่ะถูก

รักซิกฟรีดทูลหัวของเก๊านางเป็นคนที่ปรารถนาดีต่อผู้อื่น รู้จักควบคุมตนเอง และแบกรับสิ่งที่น้อยคนจะทำได้
นี่คือสมบัติของราชา อ่อนแอบาง โดดเดี่ยวบาง แต่ยังคงเชียร์ต่อไป//อวยนางตลอด
หวังว่าหนูโคลดจะเป็นกำลังใจให้นะ :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อาเลธเอ๋ย ขอให้เจ้าแข็งแกร่ง สุขุม เอาชนะใจตนเพื่อเอาชนะคำสาปได้ พร้อมทั้งทำได้ดังหวัง

ฉันคาดว่า อาเลธหวังจะเปลี่ยนให้เป็นดินแดนที่ปรองดอง ทุกเผ่าพันธุ์มีเสรีและสงบสุข เฉกเดียวกับที่เฟรธูรินหวัง
เพื่อให้ได้มอบอิสระของโลกทั้งใบให้กับรักเดียวที่อาจจะไม่มีวันได้กลับมา

หากแต่เจ้ายังเยาว์นักกลับต้องมาต่อกรกับความปั่นป่วนที่สะสมมาเนิ่นนาน
และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรอบตัวก็มากทั้งประสบการณ์และอิทธิพล

ขอให้มารดานทีอำนวยพรดั่งที่เจ้าขอ



ปล. ลงวันเว้นวัน หรือเว้นหลาย ๆ วันก็ได้ค่ะ แต่อย่าทิ้งนานเลย
เดี๋ยวผู้โดยสารเรือราชาที่อดมื้อกินมื้อรอจะขาดใจไปเสียก่อน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2017 22:31:11 โดย alternative »

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 20 : แตกหัก (1)

รุ่งสาง นกส่งสารกลับมาหาซิกฟรีดพร้อมรายงานสถานการณ์ในเอวา เธมาร์จากอิลราลาน ราชองครักษ์เขียนในสารว่ายังไม่มีอะไรน่ากังวล รวมถึงการลักพาตัวดาร์กเอลฟ์เริ่มผ่อนลง มาตรการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราสินค้าเข้าออกชายแดนได้ผลดี

ก่อนออกเดินทางซิกฟรีดจึงเขียนสารอีกฉบับ ส่งถึงเอริแอดเน่--ผู้เป็นพี่หญิงที่เขารัก และจะเป็นตลอดไป

 

ถึงพี่หญิงเอริแอดเน่,

 

ข้าส่งสารฉบับนี้ในนามของอาเลธ ผู้เป็นน้องชายของท่าน ไม่ใช่ในนามของราชาซิกฟรีดแห่งรูเมเรียร์ผู้ไร้หัวใจ

อาเลธผู้นี้ได้ทำร้ายพี่หญิงไปเสียแล้ว ด้วยความเขลา ด้วยความไม่ยั้งคิด เป็นเหตุให้พี่หญิงไม่สบายใจจนออกจากเอวา เธมาร์

ข้าสำนึกในความผิดของตน และบังอาจขอความเมตตาจากพี่หญิง ขอพี่หญิงโปรดประทานอิสระแก่ดวอร์ฟ โดยไม่ว่าพี่หญิงประสงค์สิ่งใด ข้าจะหามาให้ทุกประการ

จดหมายนี้ไม่ได้เขียนเพื่อแสดงความอหังการ แต่ยอมจำนน เนื่องเพราะน้องชายไม่อาจเสียพี่หญิงไป หากพี่หญิงตอบรับเจรจา ข้าจะไปรับนกส่งสารสีน้ำเงินตัวนี้ด้วยตัวเอง

 

รักและเคารพ,

อาเลธ


 

หลังปล่อยนกให้โผบินขึ้นฟ้า ซิกฟรีดเรียกประชุม ทวนแผนการและหน้าที่ของแต่ละคนอีกครั้ง

“เดเนธอร์ส่งเฟียตกลับมาแล้ว” มาลแกธรายงาน “ท่านหญิงอยู่ในป้อมปราการ...ที่นี่” เขาเคาะนิ้วบนแผนที่ “ขอให้ความเห็นในฐานะเพื่อน ข้าคิดว่ามันน่าสนใจที่ท่านหญิงเลือกป้อมปราการนั่น”

“อย่างไร” ซิกฟรีดรับฟังมาลแกธพอๆ กับเอริแอดเน่

“ประวัติศาสตร์จารึกไว้ ราชา…” มาลแกธยิ้มมุมปาก “ป้อมปราการที่นิ้วข้าชี้อยู่เป็นป้อมปราการของ ‘เมืองโรสมินาส’ ”

 

เมืองโรสมินาสหรือ ‘เมืองแห่งฝน’ ตั้งอยู่ระหว่างทางจากเอวา เธมาร์ไปยังอิซิลดาร์ บริเวณทิศตะวันตกของรูเมเรียร์

เมื่อประมาณสองร้อยปีก่อน หลังจบศึกกับเผ่าทมิฬ ท่านหญิงเอริแอดเน่แห่งอิซิลดาร์ได้พาเจ้าชายริวอร์นอร์ อาห์นดีร์ รูเมเรียร์ซึ่งเจ็บหนักจากการสงคราม มาพักฟื้นยังป้อมปราการในเมืองเล็กๆ ก่อนเข้าเอวา เธมาร์ อันที่จริงแล้วนางประสงค์ให้เจ้าชายถึงมือแพทย์หลวงโดยเร็วที่สุด แต่อาการของริวอร์นอร์กลับทรุดเพราะพิษทมิฬที่ยังคั่งค้างอยู่ในกระแสเลือด

ยิ่งในคืนที่เทพีจันทร์ส่องแสงกล้า อาการของเจ้าชายริวอร์นอร์ยิ่งทรุดลงทุกขณะ จนทหารบางนายเริ่มร่ำไห้ เว้นเพียงท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์ซึ่งไม่ยอมพ่ายให้แก่บิดาแห่งความตาย

ในคืนเดียวกันนั้นเอง นางแต่งกายอย่างนักเวทชั้นสูง เป็นอาภรณ์แบบเดียวกับที่สวมใส่ระหว่างขับเคี่ยวกับกองทัพทมิฬ ผ้าคลุมยาวสีฟ้าอ่อนส่องประกายระยับท่ามกลางแสงจันทร์ ราวกับถักทอด้วยเกศาของมารดานที

ใครสักคนถึงกับเพ้อว่านางคือธิดาจันทร์แสนงามผู้ซึ่งพำนักอยู่ในสายน้ำ

ท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์เปล่งเสียงร่ายเวท อ่อนหวานทว่าทรงอำนาจ จากนั้นภาพอันน่าอัศจรรย์ก็ปรากฏแก่สายตา เมื่อน้ำจากธรณีทุกหยาดหยดถูกฉุดขึ้นฟ้า แม้หยาดน้ำตาบนผิวแก้มก็ถูกดึงหายลับเข้าไปในกลุ่มเมฆครึ้ม

ไม่นาน...บิดาแห่งนภาก็เปล่งพระสุรเสียงคล้ายตอบรับธิดาของพระองค์ น้ำกลับคืนธรณีอีกครั้งในรูปของฝนสะอาดใส รสฉ่ำสดชื่น เสียงกบร้องระงม เช่นเดียวกับเสียงจิ้งหรีดที่กรีดปีกดีใจตั้งแต่ฝนยังไม่ซา

ท่านหญิงเอริแอดเน่รองน้ำฝนด้วยขวดแก้วเจียระไน ก่อนนำไปชำระเวททมิฬให้เจ้าชายริวอร์นอร์ ไม่มีใครทราบวิธีการ...ท่านหญิงเอริแอดเน่รับสั่งห้ามใครเข้าไประหว่างรักษา นางเก็บตัวอยู่ในห้องกับเจ้าชายแห่งรูเมเรียร์ตลอดระยะเวลาที่ฝนโปรย

นั่นหมายถึงเจ็ดวันเต็ม

ต่อมา แม้ท่านหญิงเอริแอดเน่และเจ้าชายริวอร์นอร์จะออกจากเมืองไปแล้ว แต่ความอุดมสมบูรณ์ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเพาะปลูกอะไรก็เติบโต ทั้งยังให้ผลผลิตมากกว่าผืนดินอื่นถึงสองเท่า ผู้คนจึงหลั่งไหลเข้ามาตั้งรกรากในเมืองแห่งนี้มากขึ้น และตั้งชื่อให้เมืองเสียใหม่

‘เมืองโรสมินาส’

 

“แต่ถัดจากนั้นอีกไม่นาน ระบุชัดๆ คือหลังจากคิงเฟรธูรินสิ้นพระชนม์ ฝนที่เคยใสก็กลายเป็นฝนเลือด จะปลูกอะไรก็ไม่ขึ้นอีกเลย แม้แต่วัชพืชยังขี้เกียจมีชีวิต”

มาลแกธยิ้มด้วยตา

“ก็จริงอยู่...ท่านหญิงเลือกป้อมปราการแห่งนี้เพราะรู้จักทางหนีทีไล่ดี แต่ใช่ว่าป้อมอื่นจะไม่มี นางเป็นจอมเวทสงคราม ช่วงนั้นคงสำรวจมาทุกป้อมแล้วกระมัง”

“เจ้ากำลังจะบอกว่าพี่หญิงตั้งใจเลือกป้อมปราการแห่งนี้เพราะ…?” ซิกฟรีดตามไม่ทัน เขาเข้าใจเรื่องเล่า แต่ไม่เข้าใจว่าทั้งหมดมีประโยชน์กับแผนการอย่างไร

“ท่านหญิงอาจไม่ได้ ‘ตั้งใจเลือก’ แต่ ‘ใช้อารมณ์เลือก’ ” มาลแกธค่อยๆ อธิบาย “นางเป็นสตรีที่น่าชื่นชม มีปัญญา มีความสามารถ มีเหตุผล แต่อย่างไรนางก็ยังมีหัวใจ”

คำพูดของมาลแกธทำให้ซิกฟรีดเสียวแปลบด้วยความรู้สึกผิด

“ข้าไม่ทราบว่าระหว่างท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์และคิงริวอร์นอร์แห่งรูเมเรียร์มีความสัมพันธ์กัน ‘อย่างไร’ ...อย่ามองข้าอย่างนั้น ข่าวลือรักๆ ใคร่ๆ ก็ไม่ได้ไร้มูลเหตุไปเสียหมด”

ซิกฟรีดพยักพเยิดให้มาลแกธว่าต่อได้ ถึงแม้จะไม่พอใจนักที่อีกฝ่ายกล่าวพาดพิงพี่หญิงในเรื่องที่ไม่งาม

“ข้าจะสรุปง่ายๆ หากเรื่องเล่าในประวัติศาสตร์เป็นจริง และหากข่าวลือใต้ดินเชื่อถือได้ ป้อมปราการที่เรากำลังจะบุกก็เปรียบเสมือนอนุสรณ์แห่งความรักและชัง ท่านหญิงกับคิงริวอร์นอร์มีความสัมพันธ์บางอย่างที่ลึกซึ้ง ยามดีกัน นางร่ายเวทขอให้มารดานทีเมตตา ยามชังกัน นางร่ายเวทขอให้มารดานทีสาปส่ง…”

ความเห็นของมาลแกธใช่ว่าจะฟังไม่ขึ้นเสียทีเดียว เอลฟ์ตะวันออกอ่านสีหน้าและแววตาของราชาหนุ่มแล้วเอ่ยว่า

“หากสิ่งที่ข้าคิดถูกต้องละก็...ซิกฟรีด” มาลแกธบีบไหล่ราชาเอลฟ์ “ท่านหญิงเลือกป้อมปราการนี้เพื่อย้ำเตือน ‘ความชัง’ ย้ำเตือนว่านางพังทลายเพราะรักเป็นครั้งที่สองแล้ว”

โคลด์ที่ร่วมฟังอยู่ด้วยยืนเงียบๆ อย่างครุ่นคิด

“ข้าเข้าใจเจตนาที่ดีของเจ้า ราชาหนุ่ม และข้าชื่นชมมัน แต่ถึงเวลาแล้วที่เจ้าต้องเรียนรู้ว่าโลกนี้มีจุดแตกหักมากมาย ซึ่งเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เลือกทุกทาง”

-----------------------------------------------

เอริแอดเน่อ่านสารของซิกฟรีด สีหน้าไม่ยินดียินร้าย แต่ในใจกำลังทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิตของตนอย่างละเอียด

นางคาดหวังอะไร ต้องการสิ่งใดหรือ

คำตอบไม่ยากเลย นางต้องการเป็น ‘ราชินี’

นางเกิดมาเพื่อตำแหน่งนี้ นางมีอำนาจ ปัญญา ได้รับความรักล้นเหลือจากเหล่าบิดามารดา นางสละได้ทุกอย่างแลกกับการก้าวไปข้างหน้า

‘ทุกสิ่งทุกอย่าง’ จริงๆ ที่พานางมาถึงจุดนี้

และตอนนี้ นางมีราชาที่แสนเชื่อฟังคนหนึ่งอยู่ในกำมือ เขาเชื่อฟังนางทุกอย่างในฐานะราชา เขาจะเป็นราชาที่ดี และพาให้รูเมเรียร์กับอิซิลดาร์มุ่งไปสู่อนาคตอันแกร่งกล้า เตรียมรับศึกที่จะมาจากจอมทัพทมิฬผู้กระหายเลือด ควันไฟ และสงคราม

ไม่มีอะไรไม่ดีในข้อเสนอของซิกฟรีด

นางยังได้เป็นราชินี…

จริงหรือ? ไม่มีอะไรไม่ดี จริงหรือ?

เสียงกระซิบแห่งความหยิ่งยโสในใจนางดังค้าน

จริงหรือ จริงหรือ จริงหรือ?

เขาให้เจ้าเป็นราชินี แต่เขารักดาร์กเอลฟ์

“เขารักดาร์กเอลฟ์ก็ไม่เป็นไร...ข้าสละทุกอย่างเพื่อเป็นราชินี ข้าเคยสละมามากกว่านี้” เอริแอดเน่รำพึง ทว่าไม่มีใครได้ยินเสียงรำพึงนั้น นอกจากมโนสำนึกของนางเอง

แต่มันก็ยังเฝ้าถามคำถามเดิม

จริงหรือ จริงหรือ จริงหรือ?

เช่นนั้นแล้วทำไมไม่เป็นราชินีของริวอร์นอร์เล่า


คำตอบนั้นมี อัดอั้นอยู่ในทรวงอก มันอยู่ตรงนั้นมานาน ตั้งแต่วันที่ริวอร์นอร์ทรยศความไว้ใจของนาง มันแผดเผาใจนางดุจไฟนรกที่ไม่เคยดับ และคงไม่มีวันดับแม้เจ้าคนชั่วช้าคนนั้นจะตายโหงไปแล้วก็ตาม

-----------------------------------------------

เอริแอดเน่ส่งสารนัดหมายว่านางจะรออยู่ในป้อมปราการร้าง โดยราชาหนุ่มต้องมาเพียงคนเดียว

“ข้าจะเข้าไปลำพัง เจ้ารออยู่ที่นี่กับมาลแกธ” ซิกฟรีดเอ่ยกับโคลด์

ณ ลานในป้อมปราการหิน ราชาเอลฟ์ก้าวเข้ามาโดยไม่มีใครขัดขวาง ไม่มีวี่แววขององครักษ์หญิง มุมลานทั้งสี่เคยเป็นบ่อน้ำพุ มีน้ำพุใสเย็นพวยพุ่งให้ทหารใช้ดื่มดับกระหายหลังฝึกซ้อม แต่บัดนี้ไม่มีน้ำเหลืออยู่ในบ่อเลยสักหยด มีแค่คราบแห้งกรังสีแดงเกือบดำติดก้นบ่อ

เอริแอดเน่เดินมาบนกำแพงป้อมเมื่อซิกฟรีดหยุดยืนกลางลาน นางปล่อยนกส่งสารสีน้ำเงินคืนเจ้าของ บังคับให้ซิกฟรีดต้องเงยหน้ามองนาง

ซิกฟรีดยกมือให้มันเกาะ นกน้อยไซ้ขน ส่งเสียงร้องทักทาย

“พี่หญิง” ราชาหนุ่มผายมือแล้วน้อมศีรษะ ก่อนจะเงยหน้ามองนางอีกครั้ง “อาเลธอยู่ที่นี่แล้ว”

“ราชามาตามลำพังอันตรายนะ ดาบของเจ้าไปไหนเสียล่ะ” เอริแอดเน่กล่าวเรียบเรื่อย สองมือประสานบนหน้าท้อง นางสวมชุดสีฟ้าอ่อน ทำให้นึกถึงเรื่องที่มาลแกธเล่าก่อนหน้านี้

“ในการเจรจาไม่ควรพกอาวุธ พี่หญิงเคยให้คำสอนไว้ขอรับ”

“งั้นหรือ แล้วเจ้ามาเจรจาอะไรเล่า”

การเจรจาที่ให้อีกฝ่ายยืนเหนือกว่ามีความหมายว่าซิกฟรีดยอมจำนน เขาหลุบตาลง ซ่อนแววตาเด็ดขาดไว้ใต้แพขนตาสีทอง

เอริแอดเน่ให้เขาเอ่ยเรื่องที่เขียนมาในสาร เหมือนว่าแค่ข้อความนั้นไม่เพียงพอ นางต้องการให้เขาพูดออกมาจากปากด้วยตัวเอง

“ข้าสำนึกในความผิดของตน และบังอาจขอความเมตตาจากพี่หญิง ขอพี่หญิงโปรดประทานอิสระแก่ดวอร์ฟ โดยไม่ว่าพี่หญิงประสงค์สิ่งใด ข้าจะหามาให้ทุกประการ”

ซิกฟรีดจำข้อความในจดหมายได้ทุกตัวอักษร

“โปรดเมตตาเถิด พี่หญิง”

“ข้าคงต้องสอนเจ้าอีกหลายอย่าง” เอริแอดเน่วาดนิ้ว องครักษ์ผมสีดำของนางนำตัวดวอร์ฟออกมา

อิลมาเรยังอยู่ครบสามสิบสอง แต่ถูกมัดมือ มัดเท้า มัดปาก เธอส่งเสียงอู้อี้ มองหาโคลด์ แต่ถูกซอนย่ารั้งผ้าปิดปากให้เงียบ

“ข้าต้องสอน ซิกฟรีด” เอริแอดเน่ย้ำ “ว่าจงอย่าเสนอในสิ่งที่เจ้าให้ไม่ได้ มันน่าสมเพช” การพูดจาของนางเปลี่ยนไป นางมองซิกฟรีดด้วยสายตาชืดชาเหมือนครั้งที่หมางเมินต่อริวอร์นอร์

“ขออภัยขอรับ” ซิกฟรีดน้อมศีรษะลงอีก

“แต่ข้าจะเล่นตามเกมของเจ้าก็ได้” เอริแอดเน่เปลี่ยนสีหน้ามาอ่อนโยน ยกหลังนิ้วแตะปากด้วยกิริยาน่ารักอ่อนหวาน “เจ้าสำนึกผิดแล้ว จะมอบสิ่งที่ข้าประสงค์ให้ เช่นนั้นเอาเป็นหัวของดาร์กเอลฟ์เป็นอย่างไร”

นางเอานิ้วลง เอ่ยต่อโดยไม่ให้ซิกฟรีดแทรก

“แต่แบบนั้นเจ้าคงทำไม่ได้ ในเมื่อเจ้ารักเขาหมดใจ งั้นเอาเป็นตัดแขนขาของเขาออกไหม ส่งชิ้นส่วนไปแดนทมิฬทีละส่วน ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่านายพลทมิฬเบเลธจะสนใจชิ้นส่วนร่างกายที่ส่งไปหรือไม่”

สิ่งที่เอริแอดเน่เอ่ย...น่าหวาดผวาอย่างที่ซิกฟรีดไม่เคยได้ยินจากปากนางมาก่อน

ราชาหนุ่มหลับตา

ณ ใจกลางพายุแห่งความขึ้งเครียด ซิกฟรีดกลับสงบนิ่งเช่นภูผา ยามตัดสินใจเด็ดขาดในเรื่องใดแล้ว ราชาหนุ่มจะไม่โอนอ่อน

หากภูผาโอนอ่อน จะเหลือสิ่งใดนอกจากพังทลายเป็นฝุ่นทรายเล่า…

อาเลธ


เสียงหนึ่งสะท้อนขึ้น นุ่มนวลทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเสียงของปีศาจ

เสียงนั้นคล้ายพระสุรเสียงของคิงเฟรธูริน ช่างนิ่ง...ช่างสงบ

ช่างกล้าแกร่งยิ่งกว่าคมดาบ

ซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์เงยหน้าขึ้นช้าๆ และเมื่อได้สบตากันอีกครั้ง เอริแอดเน่ได้เห็นนัยน์ตาสีส้มโชนแสง วงแหวนสีเงินคล้ายหมุนช้าๆ

“ตามที่พี่หญิงประสงค์ขอรับ”

“โป้ปด ข้าเป็นคนตีสองหน้ามาก่อนเจ้า” เอริแอดเน่กลับมาประสานมือบนหน้าท้อง รอยยิ้มหายไปทันควันราวกับนางแค่ถอดหน้ากาก “เจ้าตีสองหน้าเก่งกว่าข้าหรือริวอร์นอร์หรือ”

ซิกฟรีดตอบรับด้วยการยกมือวางทาบอก คล้ายแสดงความจริงใจ คล้ายย้ำว่ายอมจำนน

“ชิ้นส่วนของดาร์กเอลฟ์...อาเลธจะนำมาให้พี่หญิงเดี๋ยวนี้”

—————————————————————————

A/N ในที่สุด ซิกฟรีดก็ตัดสินใจแล้วค่ะ เชื่อว่าหลายคนจะเข้าใจเขา และหลายคนอาจไม่พอใจเขา ว่าทำไมเขาต้องยึดติดกับเอริแอดเน่ขนาดนี้ ถ้าให้พูดกันง่ายๆ เขารักเธอเหมือนพี่สาวและไม่อยากเสียเธอไป ถึงคนทั้งโลกจะเกลียดเธอ ซิกฟรีดก็ยังรักและเห็นเอริแอดเน่เป็นครอบครัวค่ะ


ในแง่นี้ เราไม่รู้จะโทษใคร โทษซิกฟรีดที่คิดทิ้งเอริแอดเน่แต่ยังอยากให้เธอรักและเข้าใจ โทษเอริแอดเน่ที่รับไม่ได้ที่ซิกฟรีดรักดาร์กเอลฟ์ ไม่รักเธอ หรือโทษทั้งสองคนที่เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่


อย่างไรก็ตาม ขอให้รอดูผลลัพธ์ของการเลือกครั้งนี้กันไปก่อน

นิยายที่เดาได้ว่าเรื่องจะจบยังไง ไม่ค่อยท้าทายสำหรับนักอ่านเท่าไหร่หรือเปล่าคะ?


อนึ่ง ไม่รู้ว่ามีคนสังเกตหรือเปล่า แต่เราว่าเอริแอดเน่ใกล้เสียสติแล้วค่ะ เป็นคนใกล้เสียสติที่ดูมีสติ แต่มีอะไร 'หลุด' ไปแล้วจริงๆ เพราะตามปกติ เธอไม่มีทางแสดงด้านมืดให้ซิกฟรีดเห็นขนาดนี้


กำหนดการลงนิยายหลังจากนี้จะเป็นแบบวันเว้นวันอย่างที่นักอ่านส่วนมากลงความเห็นไว้นะคะ อาจมีลงวันเว้น 2 วันบ้าง แต่จะแจ้งล่วงหน้าค่ะ ครั้งนี้ บทต่อไปจะลงวันที่ 10 เมษายน 60


ภาค 2 Ugly Queen เป็น Normal จะลงที่เว็บเด็กดี ReadaWrite และธัญวลัย เท่านั้น ตัวเอกคือเอริแอดเน่

ภาค 3 (ยังไม่ตั้งชื่อ) เป็น Y ผสม Normal (เน้น Y เหมือนภาค 1) ตัวเอกคือโคลด์ ลงทุกเว็บเหมือนเดิมค่ะ


ทุกภาคลงเนื้อเรื่องจนจบ แต่ไม่ลงตอนพิเศษ ซึ่งจะมีเฉพาะในฉบับรวมเล่ม

ทุกภาคอ่านฟรีได้เรื่อยๆ จนกว่าจะมีการรวมเล่มค่ะ



ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @VinzeSchwarz
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-04-2017 21:55:41 โดย ILLREI »

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สมกับเป็นพี่น้อง?กัน
อยากรู้แล้วว่าจะเป็ยยังไงต่อไป
อะไรหรือใครที่แอริแอดเน่รักและต้องการจริงๆกันแน่
นางดูโหยหาความรัก
เป็นตัวละครที่ไม่น่าเบื่อดีเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ(ขนาดเธอเองยังสับสนตัวเองเลย เฮ้อๆ)
คนมันเข้าไป เมฆฝนตั้งเค้ารอแล้ว :katai5:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ทุกตัวละครในฝั่งเอลฟ์และโคลด์กับเกวนโดลินช่างน่าสงสาร

ดูเหมือนทุกอย่างที่พยายามคว้าไว้เป็นเพียงเม็ดทราย ถึงจะกำไว้แน่นแค่ไหนก็ร่วงหล่นจนแทบไม่เหลืออะไร

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
สมกับเป็นพี่น้อง?กัน
อยากรู้แล้วว่าจะเป็ยยังไงต่อไป
อะไรหรือใครที่แอริแอดเน่รักและต้องการจริงๆกันแน่
นางดูโหยหาความรัก
เป็นตัวละครที่ไม่น่าเบื่อดีเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ(ขนาดเธอเองยังสับสนตัวเองเลย เฮ้อๆ)
คนมันเข้าไป เมฆฝนตั้งเค้ารอแล้ว :katai5:

อยากรู้ลึกๆ ต้องอ่านภาค 2 ค่ะ ;)
จุ๊บ

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
ทุกตัวละครในฝั่งเอลฟ์และโคลด์กับเกวนโดลินช่างน่าสงสาร

ดูเหมือนทุกอย่างที่พยายามคว้าไว้เป็นเพียงเม็ดทราย ถึงจะกำไว้แน่นแค่ไหนก็ร่วงหล่นจนแทบไม่เหลืออะไร

ความพยายามย่อมได้รับการตอบแทนค่ะ ไม่มีสิ่งใดที่พยายามไปแล้วเสียเปล่า
เพียงแค่ผลตอบแทนนั้นจะเป็นที่พอใจของทุกฝ่ายมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง  :call:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เอามังกรมาเผาให้หมด บ้าบอ ให้อีลุงเปงตัวเอกไปซะ

ไหนๆก้ออยู่มานานละ 5555

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 20 : แตกหัก (2)

เอริแอดเน่สะบัดมือ ซิกฟรีดจึงได้เห็นว่านางยกดาบเวท ก่อนนี้เขาไม่เห็นนางพกอาวุธเพราะกำแพงบังช่วงล่างของนาง

“เจ้ากับข้า ใครเล่นถ่วงเวลาอยู่”

ดาบเวทอันวิจิตรบอบบางเรืองแสงสีแดง บ่อน้ำแห้งกรังสี่มุมลานเกิดน้ำพุเลือดพวยพุ่งสูง ละอองโลหิตสร้างอาณาเขตเวทมนตร์กักขังซิกฟรีด

นี่คือเวททมิฬ

ซอนย่าหายไปจากที่แห่งนั้นแล้ว แต่อิลมาเรยังขยับตัวไม่ได้ ของเหลวหนืดเหมือนเลือดข้นๆ ซึมขึ้นมาจากรอยต่อของพื้นหินใต้เท้า ยึดลำตัวท่อนล่างของเธอไว้

“ข้าจะบอกอะไรให้ ซิกฟรีด เจ้าให้สิ่งที่ข้าต้องการไม่ได้ และข้าไม่มีสิ่งที่ต้องการจากเจ้า แต่ข้าจะสอน…องครักษ์ของข้าจะฆ่าผู้ติดตามทั้งหมดของเจ้ารวมถึงดาร์กเอลฟ์ และหากข้าเสียองครักษ์หนึ่งคน ข้าจะตัดแขนขาของดวอร์ฟออกทีละข้าง ที่เจ้าทำได้คือยืนดู!”

เอริแอดเน่ยิ้มเหี้ยมเกรียม นางตวัดแขนเบาๆ ดาบเวทก็ฟันขอบกำแพงหินขนาดใหญ่ขาดเป็นรอยตัดเรียบกริบ

ชิ้นส่วนที่ถูกตัดร่วงกระแทกพื้นดังตึงใหญ่!

ราชาหนุ่มค่อยๆ ปลดหน้ากากออก พร้อมเอ่ยภาษาควาร์ถึงมาลแกธ ล็องธู

‘ต่อจากนี้ไม่มีหน่วยกาลาฮาน’

เอลฟ์ตะวันออกซึ่งอยู่ด้านนอกแตะตุ้มหู ก่อนเอ่ยทวนคำสั่งอีกครั้ง

‘ท่านไล่ข้าออกทั้งหน่วยหรือ ราชา’

ซิกฟรีดมองเอริแอดเน่...มองการตัดสินใจอันเด็ดขาดของนาง มองราคาที่เขาต้องจ่าย

‘ใช่...ต่อจากนี้เจ้าจะทำอะไร จะตัดสินใจอย่างไร ทั้งหมดไม่ขึ้นกับข้า’ ราชาหนุ่มย้ำช้าๆ ขณะถกแขนเสื้อข้างซ้ายขึ้น รอยแผลที่ซิกฟรีดเคยกรีดเป็นอักขระทมิฬแห้งแล้ว แต่ยังไม่หายดี

‘ปกป้องโคลด์เถิด ข้ารู้ว่าเจ้าจะทำ หากข้าจะตัดแขนขาเขา จงหยุดข้า แม้เจ้าจะต้องตัดแขนขาข้าก็ตามที’

มาลแกธกดตุ้มหูให้แนบขึ้น พลางเหลือบมองไปทางโคลด์

‘ส่วนตัวข้า...จะปกป้องพี่หญิงจากเจ้าและโคลด์เอง’

จุดแตกหักมาถึงแล้ว…

ถึงกระนั้นซิกฟรีดก็ไม่เลือกทางใดทางหนึ่ง--ซึ่งหมายถึงเลือกให้ฝ่ายหนึ่งรอด อีกฝ่ายหนึ่งตาย

หรือเลือกเก็บฝ่ายหนึ่งไว้ ทิ้งอีกฝ่ายหนึ่งไป

เขาเลือกที่จะช่วยทั้งคู่

...เท่าที่กำลังจะช่วยได้

โดยปฏิเสธที่จะทำร้ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

เขาฝากโคลด์ไว้กับมาลแกธ และพยายามยึดพี่หญิงไว้ด้วยตัวเอง

ในมุมมองของโคลด์หรือพี่หญิง การตัดสินใจครั้งนี้อาจดูไม่เด็ดขาด เหยาะแหยะ

ให้เขาคิดไปเถิด อาเลธ...เขามีสิทธิ์ตัดสินเจ้า ชื่นชมเจ้า หรือกระทั่งดูแคลนเจ้า เขามีสิทธิ์รักเจ้า ขณะเดียวกันก็สามารถชังเจ้า

เจ้าไม่อาจบังคับความคิดหรือความรู้สึกใครได้ น้องชายข้า

แต่เจ้าต้องรู้ใจตัวเอง…

หากเจ้าคิดว่ามันดีแล้วก็จงทำ

และหากเจ้าทำแล้วก็จงรับผลที่ตามมา

ภูผาต้องรับได้ทั้งแรงประโลมของลม

...และแรงโหมของพายุ


เสียงในมโนสำนึกซ้อนขึ้น แม้จะแผ่วเบา...ทว่ากลบเสียงกราดเกรี้ยวของคำสาปได้ เขาเริ่มได้ยินเสียงนี้หลังบทสนทนาอันแสนสั้นกับโคลด์ สตาร์

 

“บางที เจ้าอาจไม่เคยสั่งให้มันหุบปากอย่างจริงจัง แบบคนที่เหนือกว่า คนที่เอาชนะใจตัวเองได้”

 

เจ้ารู้แล้วว่าควรทำอย่างไร อาเลธ

และมันชัดเจนอย่างถึงที่สุดในตอนนี้

‘ข้ารักเขา...ฝากเจ้าด้วย มาลแกธ ล็องธู’

จบการติดต่อ ซิกฟรีดร่ายเวททมิฬ

ทุกๆ คำที่เขาเปล่งออกมาทำให้ท่อนแขนซ้ายปริแตกเป็นรอยอักขระทมิฬ เลือดสีดำเหนียวข้นผุดจากรอยแผล แล้วแปรสภาพเป็นไอทมิฬคลุมร่างด้านซ้ายของราชาหนุ่ม

ไอหมอกสีดำสนิทแผ่ออก มันสยายจนกลายเป็นปีกขนาดใหญ่ ร่างกายด้านซ้ายของซิกฟรีดพร่าเลือนเหมือนเงา คล้ายเนื้อหนังระเหิดออกเป็นวิญญาณ ปีกทมิฬกระพืออย่างบ้าคลั่ง มันอยากฉีกร่างออกอาละวาด แต่ซีกร่างกายด้านขวาไม่ยอมให้มันเป็นอิสระ

 “ข้าจะไม่ทำแค่ยืนดู พี่หญิง…” ซิกฟรีดเอ่ย ขณะที่ใบหน้าด้านซ้ายคำรามเหมือนสัตว์ป่า “ร่างทมิฬของข้าไม่น่ามองนัก ไม่นานนี้ข้าสิ้นหวังที่ไม่อาจปกป้องใครได้แม้แต่ตัวเอง จนกล้าพลีวิญญาณแลกกับการที่สามารถกางปีกปกป้องได้ทั่วแผ่นดิน”

ราชาหนุ่มสืบเท้าเข้าไปทางอิลมาเรช้าๆ ปีกทมิฬกระพือแรงขึ้นจนพัดละอองโลหิตคลุ้ง

“ข้าตัดสินใจโดยไม่ยั้งคิดในคราแรก ร่างทมิฬจะค่อยๆ กลืนกินข้า แต่ในเมื่อข้าลงมือทำไปแล้ว ข้าก็คิดจะใช้ประโยชน์จากพลังของมันสักหน่อย”

ก่อนหน้าที่โคลด์จะมาพบเขาในวิหารของพี่หญิงคาลิเธียล ซิกฟรีดเพิ่งได้รับร่างทมิฬ ปีกใหญ่แทบฉีกร่างเขาออกเป็นสองส่วน มันอาละวาด ยากจะควบคุม เขาจึงปล่อยให้มันโผบิน ให้มันเสาะหาโคลด์ ในที่สุดมันก็พบ มันส่งต่อภาพที่เห็นมาสู่ดวงตาข้างซ้ายของเขา เป็นเหตุการณ์ในโกดังช่วงที่ดวอร์ฟนามอิลมาเรถูกลักพาตัวพอดี

แต่ซิกฟรีดทำได้แค่เห็น ร่างทมิฬปฏิเสธไม่ทำตามคำสั่งอื่นๆ ของเขา

น่าหวั่นใจว่าแม้แต่ครั้งนี้...มันก็จะไม่ยอมทำตามเจ้าของร่างอย่างซิกฟรีดเช่นเคย

กำแพงเวทของเอริแอดเน่แน่นหนา มันกักขังซิกฟรีด แต่ผู้ร่ายเวทอย่างนางก็ตึงมือเช่นกัน ไอเวททมิฬบนร่างซิกฟรีดเป็นไอเวทที่เอริแอดเน่คุ้นยิ่งกว่าคุ้น

“ริวอร์นอร์” นางรำพึง “ข้าคิดแล้วว่าเจ้าไม่ยอมตายง่ายๆ เจ้าฝังส่วนหนึ่งของเจ้าไว้ในตัวซิกฟรีด”

เอริแอดเน่ยิ้มกว้าง นัยน์ตาเบิกโพลง นางร่ายสายฟ้าสีเลือดฟาดใส่ซิกฟรีดเหมือนลงแส้ให้สัตว์ร้ายในกรงขังเจียมตัว

หากนางรู้ว่าซิกฟรีดเลือกนาง

...แล้วอย่างไร

หรือซิกฟรีดไม่เลือกนาง

...แล้วอย่างไร

เอริแอดเน่แห่งอิซิลดาร์มีคำตอบให้ตัวเองมานานแล้ว นางฝากหัวใจไว้กับคนอื่นไม่ได้ หากมอบใจไป มันจะไม่ใช่ของนาง แต่เป็นสิ่งที่ผู้ได้รับบดขยี้ได้ตามแต่ใจ!

นางไม่เชื่อคำพูดของซิกฟรีด และจักไม่เชื่อใจใครอีก

-----------------------------------------------

“มาลแกธ…”

โคลด์ได้ยินคำประกาศของเอริแอดเน่ตั้งแต่ท่อน ‘องครักษ์ของข้าจะฆ่าผู้ติดตามทั้งหมดของเจ้ารวมถึงดาร์กเอลฟ์ และหากข้าเสียองครักษ์หนึ่งคน ข้าจะตัดแขนขาของดวอร์ฟออกทีละข้าง ที่เจ้าทำได้คือยืนดู!’

เสียงของนางก้องไปทั่วอย่างไม่ใช่การพูดธรรมดา แต่เป็นการใช้เวทมนตร์ให้คนที่อยู่ข้างนอกได้ยิน และรู้ว่าอะไรจะตามมาหากคิดต่อสู้ขัดขืนคนของนาง

เอริแอดเน่ส่งสารนี้ถึงโคลด์โดยตรง เพราะโคลด์เป็นคนเดียวที่เห็นความปลอดภัยของอิลมาเรสำคัญที่สุด และเป็นคนเดียวที่มาลแกธจะฟัง

ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวของโคลด์คือ

‘นางฉลาดและอำมหิต’

เพราะสิ่งที่เอริแอดเน่ทำอยู่ เขาเองก็ทำได้อย่างเลือดเย็นเฉกกัน หากสถานการณ์กลับกัน เขาสามารถจับคนสำคัญของนางมาขู่แบบเดียวกันโดยไม่ลังเล

นางฉลาดและอำมหิตอย่างไม่สมควรเป็นเอลฟ์ผู้สูงศักดิ์และเมตตา

เนื้อแท้ของเอลฟ์ไม่ต่างจากดาร์กเอลฟ์เลยไม่ใช่หรือ...ท่านพ่อบุญธรรม

“ซิกฟรีดยกเลิกหน่วยกาลาฮาน” มาลแกธเล่าทั้งหมดที่ได้ฟังจากซิกฟรีดกับโคลด์ ขณะเดียวกันก็เคาะตุ้มหูไฟเป็นรหัสข้อความ ส่งถึง ‘อดีต’ หน่วยกาลาฮานทุกนาย “หมายความว่าข้าเป็นเอลฟ์ตะวันออกที่ไม่มีเจ้านาย และกำลังคิดอย่างหนักว่าจะบุกอย่างไร”

มาลแกธสังเกตปฏิกิริยาของโคลด์ แปลกใจที่โคลด์นิ่งหลังจากได้ฟังว่าซิกฟรีดเลือกเอริแอดเน่ แต่คิดอีกทีก็ไม่น่าแปลกใจขนาดนั้น เพราะนี่เป็นสิ่งที่โคลด์ต้องการมาตลอด

...จนถึงกับยอมรับไมตรีจากเขา ให้เขามีโอกาสได้ ‘รัก’ บ้าง

“จากคำประกาศของเอริแอดเน่เมื่อครู่กับคำพูดของซิกฟรีดข้าสรุปได้สองทาง หนึ่ง นางหมายชีวิตข้าจริง สอง นางยังหมายจับตัวข้าอยู่ นางยอมรับได้ทั้งสองทาง”

“ซิกฟรีดอาจกำลังหาทางทำให้นางหมดกำลัง พร้อมๆ กับปกป้องอิลมาเร” มาลแกธขมวดคิ้วอย่างหนักใจ “แต่เราไม่ควรหวังกับคนที่เพิ่งบอกว่าจะเข้ากับอีกฝ่าย”

เขาเสริมอีกว่าตอนนี้ตนไม่ได้ยินเสียงอะไรผ่านตุ้มหูเวทนอกจากเสียงคำราม

“เหมือนเสียงสัตว์...แต่ไม่แน่ใจว่าตัวอะไร ข้าไม่เคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน”

“เจ้าทราบว่าซิกฟรีดใช้เวททมิฬได้ใช่ไหม”

“ระแคะระคาย ไม่ถึงกับทราบ” มาลแกธตอบ

โคลด์พยักหน้าเป็นการยืนยัน “เขาคงกำลังใช้อยู่ แต่ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องใช้มัน แค่กำลังของเขาไม่พอหรือ แสดงว่าเอริแอดเน่เก่งกาจ...ไม่สิ เขาไปเข้ากับนางแล้ว เขาใช้เพื่อรับมือเรา”

“โคลด์...ข้าไม่ได้จะอวดตัวเอง แต่ฝีมือของซิกฟรีดทำได้แค่สูสีกับข้า และสูสีในที่นี้คือต้องพยายาม ‘แทบเป็นแทบตาย’ ” มาลแกธพูดตรงๆ “อีกอย่าง ทั้งท่านหญิงและข้ามีประสบการณ์มากกว่าเขา นางเป็นจอมเวทสงคราม ผ่านสมรภูมิมานับไม่ถ้วน ส่วนข้าเคยเป็นหัวหน้าตระกูลล็องธู...ไม่ว่าเขาคิดจะรับมือกับใคร ก็หนักทั้งนั้น”

“เพิ่งรู้ว่าเจ้าเคยเป็นหัวหน้าตระกูลกับเขาด้วย”

ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลของเอลฟ์ตะวันออกเทียบได้กับตำแหน่งหัวหน้าเผ่าของดาร์กเอลฟ์ วัดตามความแกร่งกล้า ตระกูลล็องธูเทียบได้กับเผ่าใหญ่ๆ ในแดนทมิฬอย่างเผ่าเหยี่ยวของนายพลเบเลธ หรือในรูเมเรียร์ก็ใกล้เคียงกับตระกูลอิซิลดาร์

“ข้ามีบลัดแมจิก ซิกฟรีดมีเวททมิฬเสริมกำลังงั้นสินะ” โคลด์เริ่มเข้าใจความลำบากและความกดดันของซิกฟรีดแล้ว การเป็นราชาอายุน้อยท่ามกลางเอลฟ์ที่เก่งกาจระดับตำนานคือนรกแท้ๆ “เจ้าบอกจะช่วยข้า” เขาจ้องมาลแกธ “ในเมื่อซิกฟรีดยกเลิกหน่วยกาลาฮาน แปลว่าเจ้าไม่มีลูกน้องแล้ว”

“ไม่เสมอไป” มาลแกธเคาะตุ้มหูไฟส่งรหัสบอกเดเนธอร์และลูกน้องคนอื่นๆ ว่า

‘พวกเจ้าทราบพระประสงค์ขององค์ราชาให้ยกเลิกหน่วยกาลาฮานแล้ว เพราะฉะนั้นข้าไม่ใช่หัวหน้าของพวกเจ้าอีกต่อไป แต่อย่างไรข้าก็จะทำงานนี้ให้เสร็จ หากใครยังอยู่กับข้า ให้ตอบกลับมา’

รอเพียงชั่วอึดใจ อดีตหน่วยกาลาฮานทุกนายก็เคาะตุ้มหูเวท ส่งรหัสกลับมาโดยพร้อมเพรียงกัน

‘พวกเราจะอยู่ข้างท่านขอรับ ท่านมาลแกธ’

มาลแกธยืนยันคำตอบนั้นกับโคลด์

“พวกนั้นยินดีเป็นศัตรูกับราชาของตนหรือ เราวางแผนกันไว้หลายแบบ แต่ไม่คิดว่าซิกฟรีดจะลอยแพหน่วยกาลาฮาน ถึงขั้นนี้ข้าไม่อยากพูดมาก แต่เขามุทะลุ ทำอะไรไม่ปรึกษา ไม่เชื่อใจใครกระทั่งคนของตัวเอง”

“พวกมันคงลำบากใจกว่าข้า แต่ในเมื่อพวกมันตัดสินใจจะตามข้า ก็ให้เป็นอย่างนั้น” มาลแกธบีบไหล่โคลด์ “จัดการตรงหน้าให้เสร็จก่อน เรื่องอื่นค่อยคิด รวมถึงเรื่องที่เจ้าอยากเขย่าคอซิกฟรีดด้วย”

โคลด์คิดอยู่อีกอึดใจ

“กำลังรบของเราเทียบกับฝ่ายนั้นล่ะ ทางเราเจ้าเก่งที่สุด รองลงมาคือ?”

“เดเนธอร์” มาลแกธแทบไม่ต้องคิด

“เดเนธอร์พอรับได้ เพราะข้ายังไม่เคยเห็นฝีมือมัน แต่เจ้าคงไม่บอกว่าข้าจะแพ้กระทั่งเนอร์ดาเนลนะ” โคลด์ทำหน้าคล้ายถูกดูถูก

มาลแกธส่ายหน้า “เนอร์ดาเนลอายุยังน้อย ฝีมือพอใช้แต่ไหวพริบดี ข้อเสียคือมันมุทะลุแบบเด็กๆ”

“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าข้ายินดีสละแขนขาของเดเนธอร์หรือเนอร์ดาเนล แต่ไม่ยินดีสละแขนขาของอิลมาเร”

“ลูกน้องข้าพร้อมจะสละแขนขาเพื่อข้า” มาลแกธจ้องมองโคลด์ สายตาหนักแน่น เด็ดขาด “ข้าเคยใช้คนเหมือนหมากทิ้งได้ ที่รัก...แต่ตอนนี้ ข้าหวังว่าจะไม่ต้องเสียใครไป”

“รูเมเรียร์ทำเจ้าเปลี่ยนไปกระมัง และเจ้าทำข้าเปลี่ยนไปนิดหน่อย คงได้เวลาที่ข้าต้องเอาจริงบ้าง” โคลด์ยิ้มอย่างเคร่งเครียด เขามีความปลอดภัยของอิลมาเรเป็นเดิมพัน

“ข้าจะประลองปัญญากับเอริแอดเน่” โคลด์เค้นสมองอย่างใจเย็น เขาต้องอ่านสถานการณ์ให้ขาด สู้กับเอริแอดเน่นั้นใช้กำลังอย่างเดียวไม่ได้ เขามีบทเรียนมาแล้ว “จากแผนที่ที่เราดูกันเมื่อวาน ป้อมปราการนี้มีทางเข้าออกอยู่สามทาง ประตูหน้าที่ซิกฟรีดเข้าไป ประตูด้านข้าง ประตูด้านหลัง...”

ทั้งสองอยู่บนต้นไม้เพื่อดูสถานการณ์โดยรวม พวกเขาไม่เห็นลานกลางป้อมที่ซิกฟรีดอยู่ แต่เห็นแสงสีแดงเรืองโรจน์จากจุดนั้น

“เห็นแสงสีแดงนั่นไหม ไอเวทเป็นเวททมิฬไม่ผิดแน่ ถึงจะคล้ายบลัดแมจิก แต่ไม่ใช่” โคลด์อธิบาย “เอริแอดเน่เป็นจอมเวทวารี นางผสานเวทควบคุมนทีกับฝนเลือดที่ซึมลงแผ่นดินนี้มาเนิ่นนาน ตอนนี้ทั้งป้อมปราการอยู่ในกำมือนาง”

“ถ้ากอห์นดีเอนมาอาจง่ายกว่านี้ มันถนัดทำให้หินสลายเป็นฝุ่น เราจะเข้าชิงพื้นที่ได้ง่ายขึ้น”

“อาจจะ...แต่กอห์นดีเอนมาไม่ทันแล้ว เราไม่มีเวลารอมันด้วย”

โคลด์บอกแผนให้มาลแกธสั่งการลูกน้อง

“เจ้าปรับแผนได้ตามสถานการณ์โดยยึดความปลอดภัยของอิลมาเรเป็นอันดับแรก ส่วนความปลอดภัยของลูกน้องเจ้า ถ้าพวกมันทำตามแผนของข้าได้ อย่างน้อยถึงพิการก็ยังมีชีวิตกลับบ้าน”

มาลแกธตกลง เลียริมฝีปาก เขาชอบการต่อสู้ดีๆ ถ้าไม่ติดว่าฝ่ายตนเสียเปรียบเพราะถูกจับตัวประกันอยู่ละก็…

น่าเสียดาย...

น่าเสียดายจริงๆ



—————————————————————————

A/N ลงนิยายมา 3 เดือนกว่าๆ แล้ว ดีใจที่ได้นำมาลงนะคะ ปกติเราไม่ค่อยลงในเว็บที่คนรู้จักกันเท่าไหร่ มักจะลงแค่ในกลุ่มปิดหรือเว็บเมืองนอก (เพราะเขียนนิยายเฉพาะทางเป็นส่วนมาก) มีเรื่องเอลฟ์นี่แหละที่เฉพาะทางน้อยหน่อย

พอมาลงที่ใหม่ๆ ก็ดีใจที่นักอ่านที่รักทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ให้โอกาสและติดตามผลงานนะคะ ;) จึงขอมอบของขวัญในช่วงสงกรานต์ นิยายเรื่องนี้จะลงต่อเนื่องให้ทุกท่านได้ฟินกันเช่นเดิมค่ะ!


ตอนนี้อยู่ในช่วงลงวันเว้นวัน กำหนดการลงครั้งต่อไปคือวันที่ 12 เมษายน 60 ค่ะ XD



ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @VinzeSchwarz

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ขอบคุณที่ลงให้ได้อ่านค่ะ

ชอบแฟนตาซีเข้มข้นแบบนี้มาก


ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้ำตาไหล เป็เรื่องที่อ่านแล้วไม่รู้จะเข้าข้างใครดี
ชอบทุกคน แต่ทุกคนดันเอาตัวเองเป็นใหญ่

 :katai1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
สู้กันเลย เอาให้จำสักที

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 20 : แตกหัก (3)

เดเนธอร์นำกลุ่มเข้าทางประตูด้านหลังของป้อมปราการ อดีตหน่วยกาลาฮานห้าคนรวมตัวเขาและเนอร์ดาเนลกระจายกำลังเคลียร์พื้นที่ทีละส่วน การต้องทำอย่างระมัดระวัง เนื่องเพราะศัตรูได้เปรียบด้านชัยภูมิ องครักษ์ของท่านหญิงเอริแอดเน่ทราบเส้นทางภายในป้อมปราการเป็นอย่างดี ขณะที่พวกเขาทราบเท่าที่แผนผังพอจะบอกได้

อดีตหน่วยกาลาฮานอีกกลุ่มเข้าทางประตูข้าง เมื่อไม่มีมาลแกธที่แยกตัวออกไปกับโคลด์ กลุ่มนี้ก็มีกำลังทหารเพียงสี่นาย

พวกมันจงรักภักดีกับรูเมเรียร์ ปฏิญาณตนว่าจะรับใช้ราชาซิกฟรีด ทว่าพวกมันเชื่อใจแก่มาลแกธ ล็องธูเป็นอย่างยิ่ง หากหัวหน้าตัดสินใจเช่นนี้ย่อมเป็นทางที่ดีที่สุด ถามว่าพวกมันเกรงกลัวอาญาแผ่นดินหรือไม่...ย่อมแน่ แต่จะปล่อยหัวหน้าให้เผชิญสถานการณ์เป็นตายโดยลำพังหรือ...ย่อมไม่!

‘ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากังวลอะไร’

อดีตหน่วยกาลาฮานได้รหัสจากตุ้มหูเวท

‘ถ้าพวกเจ้ากล้าหันดาบใส่องค์ราชาและท่านหญิงก็หมายความว่าพวกเจ้าเป็นกบฏ’

ใช่ นั่นคือสิ่งที่พวกมันกังวล

‘ข้าเชื่อใจซิกฟรีด’

รหัสข้อความชิ้นนี้ทำให้เดเนธอร์สูดลมหายใจ หัวหน้าชอบเรียกราชาเอลฟ์ด้วยชื่ออย่างสนิทสนม หากไม่ใช่เวลาปฏิบัติราชการ

‘มันอาจเป็นราชาผีเข้าผีออก เดี๋ยวน่าติดตาม เดี๋ยวน่าเหนื่อยใจ แต่ซิกฟรีดก็เป็นราชาที่สมควรแก่การรับใช้’

ด้านเนอร์ดาเนลกดตุ้มหูเวทแน่น

‘ข้าเชื่อว่าซิกฟรีดมีแผนการเตรียมไว้สำหรับข้า เช่นนั้นก็จะมีสำหรับพวกเจ้าด้วย’

มาลแกธอยู่กับซิกฟรีดช่วงที่ขึ้นเป็นกษัตริย์มานานกว่าโคลด์ รับรู้ความเป็นไปและการเติบโตของราชาหนุ่ม รวมถึงมองเห็นความพยายามอันน่าชื่นชม หากมีที่ปรึกษาผู้ฉลาดเฉลียวและจงรักภักดีคอยรับใช้ ภายในเวลาสักยี่สิบหรือสามสิบปี ซิกฟรีดก็จะเป็นราชาที่สามารถยิ่ง

ทว่าข้างกายราชาเอลฟ์มีท่านหญิงเอริแอดเน่จากอิซิลดาร์ และเขา--มาลแกธจากตระกูลล็องธูแห่งแดนตะวันออก ถึงจะว่าเป็นพี่หญิงกับสหาย แต่ก็หวังประโยชน์คอยขนาบข้างซ้ายขวาไม่ให้ราชาหนุ่มขยับตัวได้สะดวก

(ใครบ้างที่ไม่หวังอะไร มาลแกธหัวเราะในใจ)

ยิ่งตอนนี้ซิกฟรีดเป็นปรปักษ์กับท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์ไปแล้ว ยิ่งต้องรักษาไมตรีจากแดนตะวันออก หากไม่ รูเมเรียร์จะต้องรับศึกสามด้าน คือจากแดนทมิฬ อิซิลดาร์ และแดนตะวันออก มาลแกธจึงค่อนข้างมั่นใจว่า แม้ซิกฟรีดอาจสิ้นหวังกับสถานการณ์จนแทบหาทางออกไม่ได้ แต่คงไม่โง่เง่าขนาดตัดหางปล่อยวัดเขาแน่

ข้าบอกลูกน้องไปว่าข้าเชื่อใจเจ้า อย่าทำให้ข้าผิดหวังละ ซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์

 

อีกด้านหนึ่ง

เวเรด้าจับคู่กับจามิลลา ซอนย่าจับคู่กับซิลเวีย คู่หนึ่งเฝ้าประตูด้านข้าง อีกคู่เฝ้าประตูหลัง พวกนางสอดแนมกำลังของศัตรูมาก่อนแล้ว และเตรียมใจห้ำหั่นกับเอลฟ์ด้วยกัน

อัศวินสตรีแห่งอิซิลดาร์ยึดมั่นในคำสัตย์ปฏิญาณ--อุทิศชีวิตรับใช้นายแห่งตน

ซอนย่าและซิลเวียรับหน้าที่เฝ้าประตูหลัง ทั้งคู่อาศัย ‘เวทอำพราง’ ของซิลเวียซึ่งเป็นสายเลือดของดีราน--หนึ่งในตระกูลใหญ่แห่งแดนตะวันออก เวทบทนี้ใช้ได้สองลักษณะ หนึ่งในนั้นคือการเปลี่ยนพื้นผิวสิ่งของหรือร่างกายให้ ‘กลมกลืน’ กับสภาพแวดล้อม ทว่ารูปแบบที่ว่านี้จะมีข้อจำกัดตรงที่ไม่เหมาะกับพื้นที่โล่ง ด้วยเหตุนั้นพวกนางจึงแนบร่างกายไปกับกำแพงป้อมปราการ ให้เวทแห่งดีรานช่วยอำพรางผิวกายและผิวผ้า จนดูเหมือนเป็นหนึ่งเดียวกับกำแพงหิน

แผนการของซอนย่าคือซุ่มโจมตี นางจะรอจังหวะแล้วค่อยสังหารนักรบรูมเรียร์ทีละนาย ไร้เกียรติหรือ...ใช่ ด้วยเหตุว่านักดาบควรประจันหน้ายามต่อสู้ แต่เวลานี้ซอนย่าวางเกียรติลง นางพร้อมทำทุกอย่างเพื่อท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์

ท่านหญิงเอริแอดเน่ผู้ที่นางรักและเทิดทูนยิ่ง

ซอนย่าบอกแผนการกับซิลเวีย นักเวทดีรานเอ่ยว่านางไม่อาจใช้เวทอำพรางได้หากไม่เห็นตัวผู้ที่ต้องการอำพราง--หรือก็คือซอนย่า ทั้งยังไม่อาจอยู่ไกลเกินไป ซอนย่าจึงให้ซิลเวียอยู่ใกล้ ทว่าห่างพอที่จะไม่โดนลูกหลงหากเกิดการปะทะ นักเวทมักเป็นหน่วยสนับสนุน ไม่ใช่หน่วยบุกทะลวง

“หากเกิดอะไรขึ้นกับข้า ไม่ต้องสนใจ จงยึดคำสั่งของท่านหญิงเป็นที่ตั้ง”

ซอนย่าทิ้งท้าย

 

ก่อนแบ่งกำลังเข้าชิงพื้นที่ อดีตหัวหน้าหน่วยกาลาฮานแจ้งลูกน้องทุกคน โดยเฉพาะเดเนธอร์ที่นำกำลังเข้าบุกประตูด้านหลัง เกี่ยวกับความสามารถ ข้อดี และข้อด้อยของอัศวินแห่งอิซิลดาร์แต่ละนาง ทั้งหมดเป็นข้อสังเกตที่เขาได้จากการประมือกับพวกนางในโกดัง--ครั้งที่อิลมาเรถูกลักพาตัวไป

คนสนิทของท่านหญิงเอริแอดเน่มีทั้งสิ้นสี่นาง คนที่หนึ่งได้แก่จามิลลา เอลฟ์สตรีผมฟ้าแห่งตระกูลการาซีน ล็องธูหมิ่นการาซีนว่าเป็นเพียงเหยื่อให้ล่า ด้วยรูปร่างที่ค่อนข้างแบบบางไม่ว่าชายหรือหญิง รวมถึงนิสัยโกรธง่าย แค่ยุเพียงนิดเดียวก็พยศเหมือนสัตว์เล็ก ทาราเธียลและคนในตระกูลล็องธูส่วนใหญ่จึงชอบล่าหรือ ‘ปราบพยศ’ การาซีนมากที่สุด ทว่าจามิลลาต่างออกไป นางเยือกเย็น จริงจัง รูปร่างปราดเปรียวก็ได้เปรียบด้านความเร็ว ทั้งยังใช้เวทเสริมกำลังให้ดาบแกร่งขึ้นไปอีก

คนที่สอง เวเรด้า นางมีผมสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์แห่งตระกูลดาเอียร์--ตระกูลพรานไพรจากแดนตะวันออก ดาเอียร์เก่งกาจด้านกับดักและอาวุธระยะไกล เวเรด้าก็มีฝีมือในการยิงธนูอันฉกาจฉกรรจ์ นางมักพูดยั่วยุศัตรู และคาดว่าจุดอ่อนคือจามิลลา เห็นได้จากที่นางเป็นเดือดเป็นร้อนเมื่อเพื่อนถูกทาราเธียลหยามว่าเป็นเพียงเหยื่อ

คนที่สาม ซอนย่า เอลฟ์สตรีจากอิซิลดาร์ อาวุธที่ใช้คือดาบสองมือ มีเวทเสริมกำลังเป็นเวทธาตุน้ำ นางลึกลับ คาดเดายาก ที่เห็นได้ชัดคือใจกล้า ไม่กลัวการต่อสู้ระยะประชิดแม้ศัตรูจะแข็งแกร่งกว่า ซอนย่ากล้าประมือกับอดีตหัวหน้าตระกูลล็องธูเช่นมาลแกธอย่างไม่กลัวตาย หนำซ้ำพลังกายยังแกร่งมาก นางอาจบุกได้ต่อเนื่องโดยไม่ปล่อยช่องให้ศัตรูพักเลย

คนที่สี่ ซิลเวีย ผมสีเทาบ่งชัดว่าเป็นสายเลือดตระกูลดีราน อายุน้อย ไม่ทราบฝีมือแน่ชัดทั้งทางอาวุธและทางเวท เนื่องจากครั้งก่อนที่ปะทะกัน นางเป็นเพียงตุ๊กตาเรียกความสนใจ และเป็นสื่อในการใช้มนตราให้กับท่านหญิงเอริแอดเน่

เดเนธอร์จดจำข้อมูลและเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง เขาภาวนาถึงพระบิดาแห่งสายลม ขอให้พระองค์บันดาลสังหรณ์อันแม่นยำ ชั่วขณะนั้นเกิดลมอ่อนบางสายหนึ่งสัมผัสผิวเดเนธอร์ ไม่ว่าจะเป็นพระบิดาหรือไม่ แต่เขาก็ใจชื้นขึ้นแล้ว

ป้อมปราการส่วนหลังเป็นที่ตั้งของอาคารหลัก หากเข้าทางประตูหลังเช่นเดียวกับเดเนธอร์ จะพบโถงกลางซึ่งขนาบด้วยห้องรับรองซ้ายและขวา ตรงไปอีกผ่านประตูกลางจะพบโถงหน้าโอ่อ่า และที่นี่เป็นที่ตั้งของประตูหน้าอันเปิดไปสู่ลานกลางป้อมปราการ

เดเนธอร์เข้ามายังโถงกลาง จากตรงนี้มองผ่านประตูกลางจะเห็นประตูหน้าซึ่งเป็นทางเข้าลานอยู่ไกลๆ แสงวาบอันเกิดจากอาคมทมิฬปะทะกันส่องลอดแนวหน้าต่างและซุ้มประตูโค้ง กลิ่นไอเวทของแดนมืดอบอวล ไม่น่าเชื่อว่าผู้ที่ห้ำหั่นกันอยู่จะเป็นราชาและท่านหญิงแห่งแผ่นดินใหญ่อย่างรูเมเรียร์และอิซิลดาร์

อดีตรองหัวหน้าหน่วยกาลาฮานลอบถอนใจหนักๆ ขณะจดจ่ออยู่กับโถงโล่งว่างซึ่งจะกลายเป็นสนามประลองฝีมือในไม่ช้า เขาเห็นว่านักดาบอาจร้ายกาจ ทว่ายังไม่เท่านักธนูที่คอยซุ่มยิงจากมุมที่คาดไม่ถึง และที่ตึงมือที่สุดเห็นจะเป็นนักเวท

ไม่นับว่าคำสั่งจากท่านมาลแกธคือ ‘จับเป็น’ หรือขัดขวางไม่ให้เหล่าอัศวินแห่งอิซิลดาร์เข้าช่วยเหลือท่านหญิงเอริแอดเน่

จับเป็น...ยากกว่าเข่นฆ่า

‘จะล่อพวกนางออกมาอย่างไร’ คำถามผุดขึ้นมาในใจก่อนจะเข้ามาในอาคาร--หรือที่เขาเรียกว่า ‘ถ้ำนางสิงห์’ เสียอีก และคำถามที่ว่าก็ทำให้อดีตรองหัวหน้าหน่วยกาลาฮานคิดหนัก

พิจารณาจากรูปการณ์ ตอนนี้มีกำลังพลในมือสี่นาย รวมตัวเขาเองก็เป็นห้า อีกฝ่ายมีกำลังพลทั้งหมดสี่คนซึ่งดูจะสมน้ำสมเนื้อกันดี เพียงแต่พวกนางน่าจะแบ่งกำลังเฝ้าประตูแต่ละแห่ง (การเทกำลังพลมายังส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ควรนัก และไม่คิดว่าสตรีแห่งอิซิลดาร์ผู้เก่งกาจในการสงครามจะทำ)

ด้วยจำนวนคนที่น้อยกว่า รวมกับข้อได้เปรียบด้านพื้นที่ ทำให้เดเนธอร์คะเนว่าพวกนางจะใช้วิธีซุ่มโจมตี

นอกจากนั้น พวกนางยังมีข้อได้เปรียบอื่นๆ เช่น มี ‘ตัวประกัน’ และ ‘เวลา’ อยู่ในมือ

ซึ่งเป็นสิ่งที่เดเนธอร์ต้องระมัดระวัง

อดีตหน่วยกาลาฮานต้องทำงานแข่งกับเวลา ขณะที่อัศวินอิซิลดาร์ไม่มีปัญหาใด แค่ควบคุมพื้นที่ไม่ให้ถูกบุก และเฝ้ารอให้บรรดาเหยื่อผู้เร่งร้อนเดินเข้าถ้ำนางสิงห์ด้วยตัวเอง

หลังพิจารณาอย่างรอบคอบและรอบด้าน ท้ายที่สุด เดเนธอร์ก็พาตัวเองและลูกน้องเข้ามาจับนางสิงห์ถึงในถ้ำ

...ณ โถงกลางที่เต็มไปด้วยมุมอับของเสา ช่องหน้าต่าง และซากขื่อคานต่างๆ

เมื่อตั้งแนวรบกวาดทั่วโถงกลางจนหยุดที่ทางเข้าโถงหน้า เดเนธอร์ก็เคาะตุ้มหูถึงลูกน้อง

‘อยู่รวมกันพวกนางไม่เผยตัว แยกไปทางห้องรับรองซ้ายสอง ขวาสอง ข้าคุมตรงนี้’

ทหารทุกนายรับทราบ เนอร์ดาเนลที่จะแยกไปทางห้องรับรองขวาส่งสายตาเป็นกังวลให้เดเนธอร์ อดีตรองหัวหน้าเก่งกาจก็จริง ทว่าอยู่คนเดียวอย่างไรก็เป็นเป้า

แต่พอเดเนธอร์ลูบจี้สีมรกตซึ่งสวมใส่เป็นประจำ พร้อมส่งสายตาหนักแน่นกลับมา เนอร์ดาเนลก็พยักหน้ารับ

เดเนธอร์เป็นเป้าที่ยวนใจ

แต่พึงระวังไว้...อิซิลดาร์

 

‘ห้าคน’

ซอนย่านับจำนวนหน่วยกาลาฮานที่บุกเข้ามา นางกลมกลืนแนบสนิทไปกับผนังของโถงกลาง เฝ้ารอเงียบเชียบเฉกอสรพิษ ส่วนซิลเวียอยู่ไม่ไกลนัก ห่างจุดปะทะ แต่ใกล้พอร่ายเวทได้ถนัดและเห็นสัญญาณมือของซอนย่า

นักรบผมดำประดุจนางกาแห่งความตายไม่รีบร้อน นางประเมินอย่างละเอียดว่า ในหมู่ทหารแห่งรูเมเรียร์ห้านาย ใครเป็นผู้นำ ใครเป็นผู้ตาม ใครน่าจะตึงมือหรือใครอ่อนที่สุด

จนหัวหน้าพวกมันสั่งให้แยกกันสำรวจพื้นที่ นางจึงเลือกเป้าหมายแรกอย่างใจเย็น ค่อยๆ คืบคลานตามติดไปสู่ห้องรับรองปีกซ้ายพร้อมนักเวทดีราน

พวกมันแยกมาทางนี้สองคนด้วยกัน นางรอ...กระทั่งเป้าหมายที่ต้องการอยู่โดดเดี่ยว นางส่งสัญญาณมือถึงซิลเวีย

‘พร้อม’

นักเวทผู้เยาว์ส่งสัญญาณมือกลับ ‘พร้อม’

ซอนย่าออกสู่ที่โล่ง

เวทอำพรางสูญอำนาจ

จากที่เคยกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับผนังของห้องรับรองปีกซ้าย...จากที่ผิวหนังและเสื้อผ้าเคยเป็นสีเทาและมีรอยแตกอย่างผนังหิน  อัศวินแห่งอิซิลดาร์ก็กลับคืนสู่สภาพแท้จริง หากศัตรูหันมาทางซอนย่าในตอนนี้จะสามารถเห็นนางได้ชัดเจน

และ…

ด้วยสัญชาตญาณเฉียบคม นายทหารหนุ่มหันมาทางซอนย่าจริงๆ

ทว่าในวินาทีเดียวกัน ซิลเวียร่ายเวทอำพรางอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้เป็นรูปแบบที่สอง

“งู?”

เขาเห็นนางเป็นงู

เวทอำพรางรูปแบบที่สอง ‘ลวงการรับรู้’

ป้อมร้างจะมีงูสักตัวก็ไม่แปลก ทหารหนุ่มลดเกราะลงแล้วไล่มันไป งูขู่แฟ่ ก่อนเลื้อยไปทางอื่น

ชั่วขณะที่เขาหันหลังด้วยความโล่งใจนั้นเอง ท้ายทอยก็เสียดแปลบก่อนจะร้อนวูบ นายทหารหนุ่มเหลือบสายตาลง เห็นปลายดาบแหลมแทงทะลุคอ เสียงร้องกลายเป็นเสียงสำลักลิ่มเลือด เขาทรุดลงด้วยความงุนงง และสิ้นใจโดยที่เห็นงูตัวเดิมจ้องมาอย่างชิงชัง

ซอนย่าดึงดาบสั้นกลับขณะรับร่างอีกฝ่ายไม่ให้ล้มเสียงดัง นางจ้องศพของเป้าหมายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนโจนไปทางผนังเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา


—————————————————————————

A/N ฉลองตอนที่ 100 เย้ๆๆๆ ลงมาแวบเดียว 100 ตอนแล้ว เวลาผ่านไปไวจริงๆ ค่ะ

เขาเริ่มสู้กันแล้วค่ะ บทนี้ แฟนๆ เดเนธอร์หายคิดถึงรึยังคะ ;)


ตอนต่อไปจะลงวันที่ 14 เมษายน 2560


ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @VinzeSchwarz

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ทำไมต้องเห้นใจฆ่าได้ก้อฆ่ากลับให้หมด

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
สงครามมีแต่ความโหดร้าย

สงสารทุกคน

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
กำลังเข้มข้นเลย เดาไม่ถูกเลยว่าจะใชิวิธีไหน
อยากเห็นฉากสองนาง(โคลด์-เอริ)ประทะกัน
แต่พูดก็พูดเถอะ ขอฝากข้ความถึงทั้งสอง
ถ้าพวกเธอไม่เอาซิกฟรีด ชั้นขอ :m16:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2017 00:57:09 โดย แม่มดน้อย »

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 20 : แตกหัก (4)

เดเนธอร์เตรียมพร้อมรับการโจมตี เขาอยู่ลำพัง น่าจะเป็นเป้าที่ดีให้อัศวินอิซิลดาร์ ทว่าคิดอีกด้าน หากเป็นตัวเขาเอง เขาก็คงนึกระแวงไว้ก่อนว่าอาจเป็นกับดัก

ในความเป็นจริง เวลาเพิ่งไหลผ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ แต่ในความรู้สึก เดเนธอร์คิดว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน มือที่กำดาบเริ่มชื้นเหงื่อ ประสาทเครียดเกร็ง ฟันขบหากันจนปวด

จู่ๆ ขนอ่อนบริเวณต้นคอของเดเนธอร์ก็ลุกชัน สังหรณ์ร้ายทำให้เขากระชับดาบในมือ และจู่ๆ เขาก็ได้รับสารจากมาลแกธผ่านตุ้มหูเวท

สารนั้นทำให้เขาก้าวฉับไปทางห้องรับรองซ้าย พบลูกน้องที่ตนสั่งการคนหนึ่งกำลังจรดดาบในท่าพร้อมสู้ ส่วนอีกคน…

กลายเป็นร่างไร้ลมหายใจ

ลูกน้องที่เหลืออยู่รายงานว่าพวกตนแยกกันเพียงครู่เดียวก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว ไม่เห็นแม้เงาของฝ่ายโจมตี

เดเนธอร์คุกเข่าลงสำรวจศพ เขาสังเกตรอยแผลขนาดประมาณดาบสั้น คอเป็นเป้าที่เล็ก พลาดได้ง่าย ทว่ารอยแทงที่รุนแรงและแม่นยำทำให้คาดว่าผู้ซุ่มโจมตีเป็นอัศวินซึ่งชำนาญทางดาบ อาจเป็นจามิลลาหรือซอนย่า

แต่...ทำไมถึงไม่มีเสียงการปะทะ

เดเนธอร์เคาะตุ้มหูรายงานถึงมาลแกธอย่างรวดเร็ว อดีตหน่วยกาลาฮานคนอื่นๆ ก็รับรู้ด้วย ลูกน้องที่เสียชีวิตไปมีฝีมือในทางดาบ หากเผชิญหน้ากับนักดาบก็ควรจะรับมือได้ ทั้งรอยแผลฉกรรจ์อยู่ตรงคอบริเวณท้ายทอยก็บ่งชัดว่าเป็นการซุ่มโจมตี

การซุ่มโจมตีแบบไหนถึงได้เงียบเชียบปานนั้น

และนักดาบแบบใดที่กล้าทิ้งศักดิ์ศรี...ด้วยการแทงคู่ต่อสู้จากด้านหลัง

เคร้ง!

ชั่วพริบตา เดเนธอร์ยกปลอกแขนกันคมดาบซึ่งดูคล้ายไร้ที่มาได้ทันท่วงที จู่ๆ สตรีผมดำแววตาดุดันก็ปรากฏจากอากาศธาตุ เดเนธอร์เสือกใบดาบโจมตีกลับ นางหลบแบบฉิวเฉียด

แล้วหายไป

นางหายไปต่อหน้าต่อตา

‘เรียกใช้ข้า...เดเนธอร์’

เสียงกระซิบน่าขนลุกแว่วจากจี้อัญมณีสีเขียวซึ่งเดเนธอร์ห้อยคออยู่

‘เรียก…ข้า’

--------------------------------------------

ก่อนหน้านี้เพียงเล็กน้อย ก่อนที่เดเนธอร์จะได้รับสารจากมาลแกธผ่านตุ้มหูเวท และทำให้เขารีบตรงไปทางห้องรับรองซ้าย

เบื้องหน้าของโคลด์กับมาลแกธคือแผนผังป้อมปราการที่วาดลงดิน มีตำแหน่งของซิกฟรีด เอริแอดเน่ อิลมาเร แทนด้วยก้อนหินสามก้อนอยู่ตรงลานกลางป้อม

“เราเสียไปคนหนึ่งแล้ว บอกให้ที่เหลือระวังตัว” โคลด์พูด เขาชี้ตำแหน่งของหินก้อนหนึ่งที่อยู่บริเวณประตูหลังแล้วกดมันลงดิน

มาลแกธเคาะตุ้มหูเวทส่งสารถึงเดเนธอร์ทันที ไม่นาน ลูกน้องคนสนิทก็ส่งรหัสกลับมา

ทว่ามาลแกธได้รับรหัสไม่ครบ เพียงเป็นการเคาะครั้งสองครั้งเท่านั้นก็หายไป ไม่อาจแปลความหมายได้

เอลฟ์ตะวันออกคาดว่าฝั่งเดเนธอร์ถูกโจมตีกะทันหันอีกครั้ง

“จับเป็นแบบไม่ให้บุบสลายยากกว่าจับตายหลายเท่า” มาลแกธเอ่ยกับโคลด์

“ข้าบอกตอนไหนว่าพวกนางบุบสลายไม่ได้” โคลด์จัดก้อนหินที่เหลืออีกสี่ก้อน เป็นตำแหน่งของพวกเดเนธอร์ที่เหลือสี่คนว่าอยู่ใกล้ไกลจากจุดที่ทหารคนแรกตายแค่ไหน “กับคนที่จับตัวประกันมาขู่ว่าจะตัดแขนขา ต่อให้ทหารของนางฆ่าทหารของเราตายหมดโดยพวกนางไร้รอยขีดข่วน แต่ถ้านางไม่ได้ตัวข้า นางก็จะทำร้ายตัวประกันอยู่ดี”

ตรงประตูข้าง โคลด์วางก้อนหินลงไปอีกสี่ก้อน แทนทหารอีกกลุ่มรับหน้าที่บุกด้านข้างป้อม ทหารเหล่านั้นได้รับการกำชับให้จัดขบวนแบบกองรบย่อย มีนักดาบนำหน้าและนักธนูระวังหลัง

เมื่อขาดมาลแกธ อดีตหน่วยกาลาฮานก็เหลือกันเก้าคน ห้าคนบุกประตูหลัง ตายไปหนึ่ง สี่คนบุกประตูข้าง ยังไม่เจอศัตรู ส่วนโคลด์กับมาลแกธแยกมาด้วยกัน ทั้งสองจะเป็นกำลังบุกหลัก หาทางเข้าชิงตัวประกัน ขณะที่อีกเก้าคนต้องกักตัวองครักษ์ของท่านหญิงเอริแอดเน่ไว้ให้ได้

แผนที่วาดเองตรงหน้าโคลด์และมาลแกธสามารถบอกตำแหน่งของทหารแต่ละคนได้ก็เพราะ…

“ตรงนี้หรือ เกวน” โคลด์วางก้อนหินแสดงตำแหน่งของนักธนูสตรีของฝ่ายตรงข้ามตามการผินหน้าของนกสีขาวที่เกาะบนมือ

‘เกวนโดลิน’ คือกำลังรบที่เพิ่มขึ้นมาจากการขอความช่วยเหลือของโคลด์ ตั้งแต่ทราบว่าต้องบุกป้อม โคลด์คิดไว้แล้วว่าพวกเขาอาจต้องแบ่งกำลังออกไป และ ‘หูตา’ ที่สามารถมองได้รอบด้านจะทำให้พวกเขาได้เปรียบมหาศาล

สมัยก่อน จอมทัพทมิฬเป็นผู้สอนวิชาการรบให้สองพี่น้องด้วยตนเอง เขานำจุดเด่นในการสื่อสารกับสัตว์ของกวินีเวียร์มาผสานกับพลังควบคุมกองทัพโครงกระดูกไร้พ่ายของฮีมเดียร์ บนฟ้าใช้นก บนดินใช้งูหรือสัตว์ชนิดอื่นที่เข้ากับสภาพแวดล้อมลอบเร้นสืบข่าว

โคลด์ถูกฝึกให้สั่งการกองทัพเดินบนกระดานเหมือนหมาก และในตอนนี้เขาก็แจ้งตำแหน่งการเข้าโอบล้อมนักธนูของฝ่ายตรงข้าม โดยไม่ลืมให้จัดขบวนป้องกันนักดาบ

เขาประลองปัญญากับเอริแอดเน่อยู่จริงๆ

“ถ้านักเวทอยู่ประตูหลัง นักธนูอยู่ประตูข้าง ที่เหลือก็คือนักดาบ การใช้ความสามารถของเกวนในระยะไกลมีข้อจำกัด ตอนนี้นางควบคุมสัตว์ที่ไม่ได้เจอหน้ากันตรงๆ ได้มากสุดห้าตัว และทำได้ไม่นานนัก เรามีเวลาไม่มากกว่าหนึ่งชั่วโมง ในการมีหูตาเหมือนพระเจ้าแบบนี้”

มาลแกธแจ้งข้อมูลที่ได้รับถึงลูกน้องทุกคน เขาเสริมไปด้วยว่า ‘ถ้าจำเป็นต้องใช้ความรุนแรง ก็ระวังอย่าให้ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส’ ที่สั่งเช่นนั้นเพราะเขาคุยกับโคลด์แล้วว่า เอริแอดเน่สามารถล่วงรู้ได้ หากอัศวินของนางเสียชีวิตหรือแม้กระทั่งได้รับบาดเจ็บ เช่นเดียวกับเขาที่ทราบความเป็นไปของอดีตหน่วยกาลาฮาน

“นักธนูเห็นง่ายเพราะนางต้องมีจุดลอบยิง ข้าให้เกวนบังคับนกวนไปตามจุดเหล่านั้นจนเจอ ส่วนนักเวทน่าจะแอบอยู่ ตอนนี้ฝ่ายนั้นยังไม่รู้ว่าเรารู้ตำแหน่งของนักธนูแล้ว เอาคืนทางประตูข้างก่อน เราจะใช้ความได้เปรียบนี้บีบให้นักดาบร้อนรน” โคลด์สั่ง

 

เวเรด้าอยู่บนจุดซุ่มยิง ซิลเวียส่งข่าวผ่านตุ้มหูเวทแล้วว่าทางนั้นเก็บไปหนึ่ง เหลืออีกสี่คน ส่วนฝั่งนางมีศัตรูสี่คน พวกมันจัดขบวนรัดกุม ยังหาโอกาสอยู่ ที่สำคัญกว่านั้นคือทั้งสองฝั่งไม่เห็นมาลแกธที่ฝีมือฉกาจที่สุด และโคลด์ สตาร์ เป้าหมายหลัก

แม้ท่านหญิงประกาศว่าจะฆ่าฝ่ายนั้นให้หมดรวมถึงดาร์กเอลฟ์ แต่นั่นเป็นเพียงการข่มขวัญและแสดงออกว่าท่านหญิงโกรธขึ้งเพื่อให้ศัตรูประมาท ที่จริงแล้วคำสั่งที่พวกนางได้รับมาคือ ‘ขัดขวางมาลแกธ ล็องธู เป็นสำคัญ’ แม้ประเมินแล้วว่าทหารหน่วยกาลาฮานมีฝีมือใช่ย่อยและมีจำนวนมากกว่า แต่พวกนางก็ยังเชื่อว่าตนจะรับมือได้

เวเรด้าเอาความมั่นใจว่าจะรับมือได้มาจากไหนน่ะหรือ

ถึงตายก็ช่างมัน


เอลฟ์สาวผู้มีผมสีเขียวอ่อนนวลตาคิดเฉกนั้น เพราะนางต้องการให้ท่านหญิงสมประสงค์ ท่านหญิงเจ็บปวดและสูญเสียมามากพอแล้ว พอกันทีกับความผูกพันที่มีต่อบุรุษราชวงศ์รูเมเรียร์และราชาองค์ปัจจุบัน

เอลฟ์สาวผู้ภักดีขึงสายธนูเตรียมพร้อมยิงเมื่อเห็นกลุ่มสี่คนที่ตั้งขบวนอย่างดีแยกออกไปสองคน

สองคนที่แยกตัวไปเข้าสู่มุมอับสายตาที่นางมองไม่เห็น จึงแจ้งให้จามิลลาจัดการ

 

ในสนามรบ พึงระลึกอยู่เสมอว่าการณ์อาจไม่เป็นไปตามที่คาด

ทหารสองนายที่หายไปจากสายตาของเวเรด้า ไม่ได้ฉีกออกจากกลุ่มอย่างไร้ความหมาย แต่กำลังคืบเข้ามาใกล้นางอย่างระมัดระวังตามเส้นทางที่โคลด์ สตาร์ชี้นำ ทหารสองนายนั้น คนหนึ่งเป็นนักดาบ อีกคนเป็นนักธนูที่สามารถใช้อาวุธระยะไกลได้หลากหลาย ซึ่งเวลานี้ สองมือของมันไม่ได้ถือคันธนู แต่เป็นโซ่เส้นบางเท่าสายสร้อย ปลายด้านหนึ่งเป็นจี้อัญมณีเหลือบรุ้งขนาดเท่าข้อนิ้วชี้

หากมองด้วยตาเปล่า ไม่ได้ลองถือด้วยตัวเอง คงนึกไปว่าอาวุธชิ้นนี้เบาหวิว แต่เปล่าเลย...จี้ถ่วงหนักกว่ากริชหรือมีดสั้นทั่วไปเสียอีก แต่พอเหมาะสำหรับการควบคุมวิถีการเหวี่ยง

ทั้งคู่รอจังหวะ…

จนเสียงลูกธนูปะทะดาบ นักธนูสตรีโจมตีใส่ทหารที่ยังอยู่ในที่แจ้ง หมายจะได้เหยื่อจากการซุ่มยิง ชั่วขณะที่นางลดการ์ดลง อดีตทหารหน่วยกาลาฮานที่อ้อมมาจากทิศที่คาดไม่ถึงก็เหวี่ยงโซ่ออกไป

มันไม่ใช่อาวุธสังหาร

แต่คือโซ่เวทซึ่งเหนียวเป็นพิเศษ

เมื่อถูกมันพันรัดก็ยากที่จะดิ้นหลุด

โซ่พุ่งแหวกอากาศเหมือนงู หวังจับนักธนูแห่งอิซิลดาร์ให้มั่น!

 

จามิลลา เอลฟ์สตรีผมสีฟ้าผู้เป็นนักดาบได้รับแจ้งจากเวเรด้าให้จัดการทหารสองนายที่หายไปจากสายตาของจุดซุ่มยิง อัศวินสาวเลือกเส้นทางที่คาดว่าจะเข้าปะทะกับทหารทั้งสองภายในไม่กี่นาที

ทว่าเมื่อมาถึงจุดที่คาดไว้กลับมีเพียงความว่างเปล่า

ไม่มีวี่แววของหน่วยกาลาฮานที่ควรผ่านเส้นทางนี้!

จามิลลาหันขวับ พอดีกับที่ได้ยินเสียงลูกธนูปะทะดาบ ยิงเพียงหนึ่งครั้งแล้วขาดช่วงไป แม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาที แต่นางสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเวเรด้ามานานปี ทราบว่าจังหวะการโจมตีของเวเรด้าไม่เป็นเช่นนี้

ลูกธนูไม่ควรถูกยิงแค่หนึ่งดอกเมื่อนักธนูเผยตัว ประกอบกับไม่พบหน่วยกาลาฮานอย่างที่ตั้งใจไว้ จามิลลาจึงพุ่งตัวไปทางทิศที่เวเรด้าอยู่!

“พลาดท่าหรือ” จามิลลาถามผ่านตุ้มหูเวท แต่ไม่ได้รับคำตอบ หากเป็นสถานการณ์ธรรมดา นางเชื่อว่าเวเรด้ารับมือหน่วยกาลาฮานสองคนได้ แต่เพราะเส้นทางของศัตรูเปลี่ยนไปอย่างคาดไม่ถึง ทั้งที่พวกนางควรชำนาญเส้นทางในป้อมปราการนี้มากกว่าและเป็นฝ่ายได้เปรียบ จามิลลาจึงไม่ประมาท

ทว่าจามิลลาต้องหยุดกะทันหันก่อนวิ่งไปถึงทางขึ้นบันไดสู่จุดซุ่มยิง เพราะทหารเอลฟ์สองนายเข้ามาขวางหน้านางไว้พร้อมอาวุธครบมือ ทั้งสองมาจากทางที่โล่ง เป็นกลุ่มที่เหลืออยู่ในที่แจ้งและถูกลูกธนูของเวเรด้าโจมตี

ศัตรูรู้ความเคลื่อนไหวของพวกนางด้วยสาเหตุอะไรสักอย่าง

พลาดท่าแล้วจริงๆ!

—————————————————————————

A/N บทต่อสู้เขียนยากจริงๆ ค่ะ อะไรที่วางแผนไว้ บางทีตัวละครก็ไม่ได้เล่นตามบทไปทุกเรื่อง พอมีการนอกบทขึ้นมา (แต่บทเข้ากับตัวละครมากกว่าที่คนเขียนวางแผนไว้) บางทีก็เขียน (แก้) ตื่นเต้นดีค่ะ (อ้าๆๆๆ เขียนยาก < ไรงี้น่ะค่ะ)


สวัสดีวันสงกรานต์ XD ตอนต่อไปลงวันที่ 16 เมษายน 60 จ้า!



ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @VinzeSchwarz

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด