บทที่ 12 : บ่วงอารมณ์ (1)
โคลด์เองก็ไม่รู้ว่าทำไมบางทีเขาถึงรู้สึกได้ว่าซิกฟรีดอยู่ที่ไหน แต่นั่นพวกเขาต้องอยู่ใกล้กันระดับหนึ่ง
จุดหมายที่โคลด์มุ่งหน้าไปขณะนี้ค่อนข้างไกล แต่เขารู้ว่าถ้าจะตามหาซิกฟรีด ควรไปหาที่นั่นก่อน เพราะซิกฟรีดชอบไปที่นั่น
เจ้าชายเอลฟ์น่าจะยังไม่ได้ออกจากเขตภูเขา เพราะหากเป็นเช่นนั้น พวกควาร์คงแตกตื่นมากกว่านี้ ไม่ตามหากันแค่ในบริเวณภูเขา
สุดทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเขตอาศรมควาร์มีน้ำตกเล็กๆ ซึ่งสะอาดและสวยงามอยู่ โคลด์ไม่อยากบอกให้คนแห่กันมาที่นี่ เพราะมันเป็นสถานที่ส่วนตัวของเขาเวลาอยากหลบจากพวกควาร์เช่นกัน
เห็นได้ว่าซิกฟรีดคิดตรงกับเขา
ดาร์กเอลฟ์พบเจ้าชายนอนหลับตานิ่งอยู่กลางผืนน้ำ ฝนกระทบใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากแดงจัดและสั่น
โคลด์หย่อนตัวลงน้ำ เดินลุยน้ำเข้าไปหา เมื่อเข้าไปใกล้จึงเห็นว่าใต้ร่างของซิกฟรีดมีพรายน้ำรูปร่างคล้ายแมลงปอนับร้อยตัวอุ้มอยู่ และริมฝีปากที่สั่นก็กำลังเพ้อภาษาที่โคลด์ไม่เข้าใจ
โคลด์เหมือนเห็นเจ้าชายเอลฟ์จอมเย็นชากลับเป็นเจ้าเด็กเอลฟ์เก้าขวบที่เขาช่วยจากฝูงหมาป่า ตอนนั้นซิกฟรีดก็มีอาการประหลาด พูดภาษาอะไรก็ไม่รู้ แถมยังพูดเร็วจนฟังไม่ได้ศัพท์
ตอนที่โคลด์คิดว่าจะลากซิกฟรีดกลับเข้าฝั่งแล้วเอายังไงต่อนั้นเอง พรายน้ำรูปแมลงปอตัวหนึ่งก็กระพือปีกใสเข้ามาหา
“เจ้าคือดาร์กเอลฟ์นามโคลด์ สตาร์” พรายน้ำเอ่ยด้วยเสียงของซิกฟรีด แต่ลึกๆ โคลด์รู้ว่ามันไม่ใช่ซิกฟรีด หรือตัวแทนของซิกฟรีด
“แล้วทำไม” โคลด์ตอบเฉื่อยชา ดึงร่างเจ้าชายไปทางฝั่ง
“ข้าเห็นเจ้า ดูเจ้าอยู่...ขอบใจที่ดูแลบุตรชายของข้า” พรายน้ำบินไปรอบๆ ศีรษะของโคลด์
ดาร์กเอลฟ์เบ้ปาก บุตรชายหรือ...เขาไม่ชอบคำนี้เลย มันทำให้เขานึกถึงบิดาบุญธรรมขึ้นมา
“ข้าไม่ดูแลบุตรเอลฟ์ ข้าทำเพราะโดนบังคับให้เป็นทาสของเขา”
“ถ้าเช่นนั้นก็ปล่อยให้เขากลับสู่ห้วงนทีเถิด”
ฝนตกหนักขึ้น แต่ละเม็ดกระแทกผิวเนื้อจนเจ็บ
โคลด์ปัดแมลงปอน้ำจนมันแตกกระจายเป็นน้ำหยดเล็กๆ “เขาตายข้าก็ตายสิ เอลฟ์ไม่ปล่อยข้าไว้หรอก” ดาร์กเอลฟ์ลากเจ้าชายขึ้นฝั่งได้สำเร็จ
ฝนประกอบเป็นพรายน้ำอีกครั้ง
คราวนี้เป็นรูปร่างของสตรีสูงศักดิ์ ใบหน้าสงบทว่าทรงอำนาจ รอยยิ้มที่ระบายบนมุมปากทั้งสองข้างดูสบายตา
“ถ้ายังไม่เลิกยุ่ง ข้าจะกรีดเลือดตัวเองลงน้ำ” โคลด์ขู่ เขารู้ว่าโลหิตของตนจะสร้างความอัปมงคลแก่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้
โลหิตอันเป็นที่โปรดปรานของบิดาแห่งความตาย
“เจ้าจะเจ็บเสียเปล่า บุตรแห่งบิดานภาแลมารดาสมุทร”
“ข้าไม่สนใจ เลิกยุ่งกับพวกเรา” โคลด์ก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะเถียงกับสิ่งตรงหน้าทำไม แม้สัมผัสได้ถึงพลังที่บริสุทธิ์และสูงส่งของนาง แต่เขาก็เคยเผชิญหน้ากับพลังที่ไม่บริสุทธิ์แต่สูงส่งเฉกกันมาแล้ว
มารดานที...บิดาแห่งความตาย...เหล่าบิดามารดาจะสนใจเรื่องของพวกเขาทำไม
“ต่อจากนี้...พวกเจ้าจะเผชิญชะตากรรมอันหนาหนัก ข้ามาเพื่ออวยพร”
“ข้าไม่สนใจ” โคลด์ย้ำ “ท่านอยู่ข้างเหล่าเอลฟ์ ไม่ใช่พวกข้า ถ้าท่านมีเวลามาห่วงบุตรชายสายเลือดสูงศักดิ์ที่ตัวหนักชะมัดคนนี้ ก็ไปห่วงใยบุตรเอลฟ์ชาวบ้านธรรมดาด้วยดีไหม”
แววตาอ่อนโยน รอยยิ้มหรือก็เปี่ยมด้วยเมตตา สตรีตรงหน้าไม่แสดงอาการโกรธขึ้งแต่อย่างใด นางเพียงวาดมือ ฝนค่อยๆ ซาเม็ด อีกไม่นานกบจะร้องเปรมปรีดิ์ สายรุ้งจะพาดผ่านฟ้า น้ำสะอาดจะเต็มลำธาร ให้รสชาติสดชื่น คอยหล่อเลี้ยงสรรพชีวิต
โคลด์คิดว่า...ที่พวกควาร์หาซิกฟรีดไม่เจอ คงเป็นเพราะการบดบังซ่อนเร้นของมารดานที แต่เขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่ามารดานทีจะปรากฏตัวออกมา เพราะขนาดบิดาแห่งความตายยังเคยปรากฏตัวให้เขาเห็นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
จิตวิญญาณแห่งบรรพกาลจากไปพร้อมกับสายฝน และในที่สุดซิกฟรีดก็หยุดพร่ำเพ้อ ก่อนหน้า ระหว่างนำเครื่องใช้ไปส่งให้โคลด์ที่โรงเก็บของ ฝนกำลังจะตกพอดี เขาเดินไปคิดไป หากฟังเสียงกระซิบฝนได้ แปลความหมายออก คงทราบข่าวสารจากทั่วสารทิศ ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ตะวันออกจรดตะวันตก เนื่องเพราะฝนก็คือสายน้ำที่เชื่อมนภากับธรณีเข้าด้วยกัน
บางทีอาจทราบแม้กระทั่งข่าวสารที่ถูกปิดบังไว้ซิกฟรีดเคยได้ยินพระสุรเสียงของบิดานภามาแล้ว (ทว่าหลังจากเติบโตขึ้น เสียงหลายเสียงที่เคยได้ยินแจ่มชัดในตอนเด็กกลับซาไป บางเสียงก็ไม่ได้ยินอีก) เขาคิดว่าแค่ฟังเสียงของฝนคงไม่ยากนัก
แต่ซิกฟรีดคิดผิด
คราแรกเขาไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียง ซ่า…ซ่า ของฝนที่ตกกระทบใบไม้และผิวน้ำ
ต่อมาเสียงกระซิบจับใจความไม่ได้ค่อยๆ ดังขึ้น
ผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก คนแก่ สำเนียงของสัตว์ ภาษาเอลฟ์ ภาษาทมิฬ ภาษาของเอลฟ์ตะวันออก ภาษามนุษย์ ดวอร์ฟ เซ็นทอร์ ออร์ค ยักษ์ ภูตผี...และอื่นๆ ผสมปนเปมั่วไปหมด หัวเริ่มปวดระบม เขาสูดลมหายใจลึก พยายามไม่หลุดเข้าไปในเสียงอันโกลาหลวุ่นวาย เจ้าชายเอลฟ์ดันทุรัง เขาต้องการทราบความเป็นไปในราชวังรูเมเรียร์ ในแผ่นดินบ้านเกิด
‘เจ้าพร้อมรับฟังความจริงหรือไม่...ซิกฟรีด อาเลธ แห่งรูเมเรียร์’เสียงนุ่มนวลของสตรีดึงเขาจมสู่ภวังค์
ซิกฟรีดหลับ
ก่อนจะตื่นในโลกแห่งมหานที
ซิกฟรีดลืมตา พบว่าตนอยู่ในห้องของตัวเอง เขาเปลือยอก ห่มผ้านวมหนา สวมกางเกงตัวใหม่ มีดาร์กเอลฟ์นอนขดบนพื้นข้างเตียง
เมื่อคืนโคลด์แบกซิกฟรีดกลับมายังอาศรม กว่าจะมาถึงก็ใกล้เช้าแล้ว เขาตอบคำถามควาร์ว่าเจอเจ้าชายนอนสลบอยู่ในป่า แต่ที่จริงเขาแบกซิกฟรีดกลับมาจากน้ำตก แบกแล้ววางอยู่เป็นสิบรอบ เพราะระยะทางไกลเกินไป ซิกฟรีดก็ตัวหนักเกินไป
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ซิกฟรีดและตัวเอง สุมไฟในเตาผิงให้ห้องอุ่น และนอนหลับ
“ตื่นแล้วเหรอ ข้าเหนื่อยมาก ขี้เกียจจับเจ้าใส่เสื้อ แค่ใส่กางเกงก็ลำบากแล้ว” ก้อนโคลด์ที่ขดบนพื้นพึมพำ
ซิกฟรีดครางเบาๆ รู้สึกหนักไปทั้งตัว ศีรษะก็ยังปวดรุนแรง
“น้ำ...” คำแรกที่หลุดจากปากก็ใช้โคลด์เสียแล้ว
“ไปหยิบเองไป๊ ใช้จัง” โคลด์โมโหขึ้นมา นอกจากไม่ขอบคุณที่ช่วย ตื่นมายังใช้งานเขาทันที ต่อให้เขาเฉื่อยแฉะไม่รู้ร้อนรู้หนาวแค่ไหน แต่นี่ก็เกินไป
ซิกฟรีดพยายามลุก แต่ระหว่างพลิกตัวกลับเสียหลัก ล้มตึงลงทับโคลด์ที่นอนบนพื้น ดีที่ใช้มือยันทัน ไม่ทับไปทั้งตัว
“โอ๊ย!” น้ำหนักบางส่วนที่ทิ้งลงมากะทันหันทำให้โคลด์จุกอยู่ดี
ลมหายใจร้อนผ่าวรดต้นคอโคลด์ ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววหงุดหงิดที่อะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ เขาพยายามนึกย้อนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นั่นทำให้ปวดศีรษะหนักกว่าเดิม หูก็อื้อไปหมด คล้ายกับเพิ่งหลุดออกจากที่ที่เสียงดังมากๆ
“หนัก ร้อน ลุกออกไป” ร่างของพวกเขาแนบชิดกันในสภาพล่อแหลม โคลด์เคยนอนกอดเจ้าชายน้อย ปลอบให้เลิกฝันร้ายเรื่องหมาป่า แต่นั่นก็นานมาแล้ว
ตอนนี้ เจ้านี่ไม่ใช่เจ้าชายน้อยเลย
“เกิด...อะไรขึ้น” ซิกฟรีดพึมพำ เขาไม่ได้ถามโคลด์แต่ถามตัวเอง
“หนัก” โคลด์ย้ำ เขาอธิบายว่าซิกฟรีดหายตัวไป แล้วควาร์ตามหา แต่ไม่ได้พูดเรื่องมารดานที
เพราะเรื่องนั้นต้องเป็นความลับ หาไม่แล้วจะเสี่ยงต่อการเปิดเผยตัวจริงของเขา ว่าสามารถสื่อสารกับเหล่าเทพได้
เขาต้องเป็นแค่ทาสดาร์กเอลฟ์ธรรมดาๆ
“ข้าบอกพวกเขาว่าเจอเจ้าในป่า” โคลด์เอ่ยเสียงเบา
“ขอบใจ” ซิกฟรีดเอียงใบหน้ามาจ้องโคลด์แบบไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ ว่าโคลด์จะอธิบายอะไรๆ ให้เขาฟัง
ถ้าโคลด์บอกว่าซิกฟรีดไม่เคยสนใจตน ซิกฟรีดก็คิดว่าโคลด์ไม่เคยสนใจเขาเช่นกัน เว้นเสียแต่โคลด์จะได้รับคำสั่งให้ดูแลเขา หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่หากโคลด์ไม่สนใจก็จะเดือดร้อน (เช่น ซักผ้ากับปัดกวาดเช็ดถู)
“ข้าเหนื่อยมากกับการแบกเจ้ากลับมา ถ้าอยากขอบใจ ขอข้านอนพักดีๆ” หน้าท้องของซิกฟรีดร้อนแนบกับท้องน้อยของโคลด์ ราวคนมีไข้ที่ร้อนไปทั้งตัว
“ลุกไม่ขึ้น”
โคลด์ขืนตัว จะพลิกอีกฝ่ายออก แต่เขาเองก็เหนื่อยจนหมดแรง “เจ้าพยายามลุกสิ เจ้าคนตัวหนัก”
ซิกฟรีดยันแขนขึ้น ตาดุๆ จ้องโคลด์ระยะประชิด
ก่อนจะร่วงลงมาทับอีกครั้ง
“อา…” โคลด์หมดหวัง เขาไม่อยากเรียกใครมาช่วย ให้เห็นเจ้าชายนอนทับเขาในสภาพนี้
ไม่สิ…ยังมีอีกคนที่พอช่วยได้อยู่“เจ้าเรียกมาลแกธมาช่วยสิ ควาร์มีเวทสื่อสารใช่มั้ย”
ถ้าเป็นมาลแกธโคลด์โอเค
ซิกฟรีดมองดุ “เวทสื่อสารใช้ผ่านอุปกรณ์เวท ทำไมข้าต้องมีอุปกรณ์เวทคู่กับเอลฟ์ตะวันออก”
อันที่จริงก็มีวิธีสื่อสารอื่นๆ แต่ซิกฟรีดไม่เอ่ยถึง
“แล้วจะเอายังไง จะนอนทับดาร์กเอลฟ์ให้ผิวขาวๆ ของเจ้าหมองหรือไง”
“ตัวเจ้าก็นุ่มดี” ซิกฟรีดประชด
คำตอบนี้ทำให้โคลด์บื้อไปเลย
“ข้าไม่ได้ตัวนุ่มนิ่ม” เขาออกกำลังด้วยการฝึกอาวุธทุกวัน
“นุ่ม” ซิกฟรีดได้ช่องกวนโคลด์แล้ว
“ไม่ ข้าตัวแข็ง กล้ามเป็นมัดๆ” ซึ่งเกินจริงไปหน่อย แต่พอกล้อมแกล้มได้
ซิกฟรีดเอาหน้าหนุนหัวโคลด์ “หัวเจ้าก็นุ่ม สมองนุ่ม...นิ่ม”
ผมสีเงินอ่อนนุ่มระแก้มเจ้าชายเอลฟ์
“ลุกออกไป” โคลด์พูดเรียบๆ ไม่ขึ้นเสียงด้วยซ้ำ แต่เด็ดขาด
ซิกฟรีดโงศีรษะขึ้นมา ดวงตาสีแปลกถึงจะดุแต่ก็มีแววร่าเริงขี้เล่นเจืออยู่เล็กน้อย เขาถึงกับยิ้มด้วยซ้ำแต่ไม่รู้ตัว
“ขำอะไร”
“ขำ?” ซิกฟรีดเอาศอกยันคร่อมหน้าโคลด์ไว้ จะได้มองหน้ากันได้ กำลังค่อยๆ ฟื้นกลับมาทีละนิด
ดาร์กเอลฟ์มองตอบด้วยดวงตาสีม่วงเข้ม ผิวสีม่วงอมเทา ริมฝีปากสีม่วงอ่อน ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ความงามในอุดมคติของเอลฟ์
“ข้าไม่ได้ขำ”
แต่ยิ้มอยู่ชัดๆ
“เจ้ายิ้ม” โคลด์ใช้ลูกฮึดดิ้นไปมาใต้ร่างอีกฝ่าย ที่ว่าซิกฟรีดทำควาร์บ่าหลุดไปสองคนน่าจะไม่ได้โม้ เขารู้สึกเหมือนถูกก้อนหินขนาดเท่าคนทับ พอดิ้นมากๆ ร่างกายท่อนล่างบดเบียดกัน โคลด์ก็รู้สึกเสียววาบในท้องน้อย
ดาร์กเอลฟ์หยุดดิ้นกะทันหัน
—————————————————————————
A/N ก็ต้องหยุดดิ้นละนะ แนบชิดกันขนาดนี้ ('////') อ่านถึงช่วงจบ มีใครลืมคอมเมนต์เรื่องมารดานทีไหมคะ /เราลืมค่ะ!!! /ยกมือ XD
ป.ล. ตอนต่อไป...ลุ้นค่ะๆ \(*0*)/ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy
♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/
♰ Twitter : @VinzeSchwarz