พิเศษตอนที่หนึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นในเช้าวันถัดมาของคืนที่นางเทพกวางสายลมพาลู่ไปร่วมค่ำคืนกับหยางหลง เพื่อถ่ายทอดน้ำเชื้อฝากทารกในครรภ์ของหลิวเพ่ยหลิง
นางเทพเสือโคร่งบงกชในอาภรณ์เหลืองอ่อน สลับขาว เดินทางมาถึงปากทางของเขตเทพกวางแล้วแจ้งต่อเทพกวางที่ทำหน้าที่ในละแวกนั้นว่านางมาขอพบเทพกวางสายลม
นางคือเทพเสือโคร่ง จึงเป็นเสือโคร่งที่มีร่างกายสูงใหญ่กว่าเสือโคร่งทั่วไป และเมื่อนางอยู่ในร่างของสตรีนางก็เป็นสตรีตัวหนาร่างกายสูงใหญ่ยิ่ง มีโครงสร้างของใบหน้าที่บ่งบอกว่าเป็นคนดุมาก เข้มงวดมาก ยิ่งยามที่นางไม่พอใจยิ่งสามารถแผ่รังสีกดดันสรรพสัตว์รอบตัวให้ต้องถอยห่างออกไป เมื่อนางเทพกวางสายลมมาถึง ยังต้องรวบรวมพลังขึ้นต้านทานแรงกดดันนั้นแล้วเปลี่ยนมาอยู่ในร่างมนุษย์ในชุดสีน้ำตาลทอง
การแผ่รังสีของนางเทพเสือโคร่ง มิได้เกิดจากความต้องการสังหารใคร แต่เป็นเพราะนางไม่พอใจในเรื่องที่นางเทพกวางสายลมพอจะคาดเดาได้ว่าคือเรื่องใด
หลังจากที่นางเทพกวางสายลมทำความเคารพ นางเทพเสือโคร่งบงกชจึงถามขึ้น
"ข้าอยากรู้เหตุผล" ท่าทีของนางคุกคาม ข่มขู่อย่างชัดเจน
นางเทพกวางสายลมใช้ความสงบนิ่งบรรเทาความไม่พอใจนั้น
"หลิวเพ่ยหลิงภริยาเจ้าเมืองลั่ว อธิษฐานขอบุตรแห่งป่าสีทอง"
ขณะที่นางบอกเล่าเรื่องราวไปตามลำดับ เทพกวางสายฟ้าก้าวย่างช้า ๆ ออกมาจากเขตเทพกวางแล้วเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ จากนั้นเทพเสือโคร่งภูผาก็ปรากฎตัวขึ้นจากฝั่งของนางเทพเสือโคร่งบงกช แรกนั้นเขาอยู่ในร่างของเสือโคร่ง เมื่อเห็นว่าทั้งหมดอยู่ในร่างมนุษย์จึงเปลี่ยนร่างตาม ทำให้เทพทั้งสี่ยืนล้อมกันเป็นรูปสี่เหลี่ยม
"ข้าหาได้ตัดสินใจโดยพลการ ได้ขอความเห็นจากท่านพี่เทพเสือโคร่งแล้ว"
นั่นเป็นคำกล่าวอ้างที่ผิดพลาดมาก เพราะทำให้นางเทพกวางกลายเป็นผู้ที่ไม่มีความรับผิดชอบ นางจึงรีบยกมือขอกล่าวคำชี้แจงต่อ
"ก็ไม่เชิงว่าจะยกให้ท่านพี่เทพเสือโคร่งตัดสินใจแต่ผู้เดียว แต่เพราะข้ารับคำอธิษฐานของนางมา ก็ต้องหาทางทำตามนั้น ข้าไม่รู้วิธีการบางอย่างจึงสอบถามท่านพี่เทพเสือโคร่งไป จนมาถึงขั้นตอนสุดท้ายกวางทองก็เป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะร่วมห้องกับเจ้าเมืองลั่ว"
นางเทพเสือโคร่งบงกชมีสีหน้าที่ไม่ค่อยเชื่อคำกล่าวนี้
"กวางทองยังเด็ก เป็นไปไม่ได้ที่จะตัดสินใจร่วมห้องแบบนั้น"
"เขาไม่เด็กแล้ว" เทพเสือโคร่งภูผากล่าวขัด "เขาจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ มันขึ้นอยู่กับใจของเขาไม่ใช่เพราะเจ้าชี้บอกให้เขาเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่"
นางเทพเสือโคร่งบงกชไม่พอใจคำชี้แจงนี้ ใบหน้าของนางเรียบตึง หากสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ด้วยสายตา นางคงทำไปแล้ว
...กวางทองตัวเล็กจ้อยอ่อนแอผู้นั้น ยังคงเป็นเด็กอ่อนแอเสมอในสายตาของนาง
"พวกเขารักกัน แต่ท่านเจ้าเมืองก็ไม่ได้เร่งรัดที่จะร่วมห้อง ทำตามคำอธิษฐาน เขาผิดหวังอยู่เหมือนกันที่กวางทองขอกลับมาพร้อมข้า แต่ก็มิได้คัดค้าน"
"กวางทองมีเหตุผลที่ดีที่จะไม่แน่ใจ" นางเทพเสือโคร่งบงกช ปรายตามองไปทางเทพเสือโคร่งภูผา ที่ยังคงเป็นผู้ผิดในความเห็นของนาง
"คำขอแบบนั้นมันก็เกินไปจริง ๆ" เทพกวางสายฟ้ากล่าวขึ้นบ้าง
นางเทพเสือโคร่งบงกชพยักหน้า "ข้ารู้ว่าสตรีผู้นั้นมาอธิษฐานกับเจ้า รู้ว่าเจ้าปฏิเสธไม่ได้ ขัดใจกวางทองก็ไม่ได้ เพราะกวางทองกับเจ้าเมืองลั่วรักกันอย่างที่เจ้าว่า แต่อย่างน้อยก็สมควรรอให้เจ้าเมืองลั่วกับสตรีผู้นั้นหย่ากันก่อน"
นั่นเป็นคำที่เทพสัตว์ป่าทั้งสามหันไปมองหน้ากัน เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
"พวกเขายังไม่ได้หย่ากัน แล้วรับลู่ไปอีกคน ทำให้ลู่ต้องเป็นภรรยารอง นั่นคือการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของเทพแห่งป่าสีทอง"
นางเทพกวางสายลมยอมรับว่าตนเองผิดพลาดครั้งใหญ่
"ข้าไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย รู้แต่เพียงว่าเจ้าเมืองลั่วกับกวางทองใจตรงกัน แต่เจ้าเมืองลั่วกับฮูหยินไม่ได้มีใจต่อกันแล้ว"
เทพเสือโคร่งภูผาขัดขึ้น "เจ้าเมืองลั่วกับฮูหยินน่ะหรือ"
นางเทพกวางสายลมพยักหน้า "สิ่งที่หลิวเพ่ยหลิงแสดงออกต่อเจ้าเมืองลั่วตรงข้ามกับความต้องการที่แท้จริงในใจ เพราะรู้ว่าเจ้าเมืองลั่วเป็นคนจิตใจดี นางทำผิดต่อเขา หากไม่ตั้งครรภ์ก็แล้วไป แต่หากตั้งครรภ์ก็แค่ตีหน้าเศร้ากล่าวคำสารภาพ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าจะอย่างไรเขาก็ให้อภัย แต่การอยู่กับคนดีเกินไป เข้าใจ และตามใจทุกอย่างมันทำให้รักจืดจาง ในเวลาเดียวกันนางสมรสกับว่าที่เจ้าเมืองลั่ว ต่อให้เป็นเมืองเล็ก ทั้งอยู่ห่างไกล แต่ที่นี่ก็อุดมสมบูรณ์ นางจึงต้องการรักษาตำแหน่งฮูหยินเจ้าเมืองไว้"
"ก็คิดอยู่ว่ามันแปลก ๆ" เทพเสือโคร่งภูผากล่าวขึ้นบ้าง "ข้ารู้ว่ามีกรณีที่ภรรยาเอกมีบุตรไม่ได้เขาก็จะหาภรรยารอง หรือหาอนุให้ สามี แต่นางก็ยังมีบุตรอยู่อีกคนหนึ่ง"
"หยางเจิ้นขุยมิใช่บุตรของเจ้าเมืองลั่ว นางไม่ต้องการให้เขารับตำแหน่งต่อจากหยางหลง" นางเทพกวางสายลมอธิบาย
เทพกวางสายฟ้าผู้สุขุมรอบคอบช่วยเสริม "หากเขาครองเมือง แล้วผู้เป็นบิดาที่แท้จริงกลับมาเรียกร้อง หยางเฉิง และหยางไห่ต้องไม่ยอม หลิวเพ่ยหลิงจะถูกประณาม อีกอย่างหากนางต้องการตำแหน่งฮูหยินเจ้าเมือง นางย่อมไม่ยอมหย่าให้แน่นอน"
"แต่ข้าก็ลืมเรื่องภรรยาเอก ภรรยารองนั่นจริงๆ" นางเทพกวางสายลมยอมรับ
"เพราะพวกเราก็มิได้ยึดติดกับเรื่องนั้น" นางเทพเสือโคร่งบงกชชะงักมือที่กำลังจะนวดขมับตนเอง เปลี่ยนเป็นกอดอกไว้ "รองแม่ทัพคนนั้นเรียกเจ้าว่าท่านใหญ่ใช่ไหม"
นั่นก็เป็นอีกเรื่องที่นางเทพกวางสายลม รวมถึงเทพเสือโคร่งภูผาลืมนึกไปเช่นกัน นางเทพเสือโคร่งบงกช รีบโบกมือห้ามก่อนที่ทั้งสองจะคิดวุ่นวาย
"ข้าไม่ได้อยากให้เขามาเรียกข้าแบบนั้น มันฟังดู...อาวุโสมากไปสักหน่อย"
ทั้งเทพกวางสายฟ้า และเทพเสือโคร่งภูผาต่างหัวเราะกับประโยคนี้ ส่วนนางเทพกวางสายลมยิ้มกว้าง เพราะทั้งสามรู้ดีว่านางเทพเสือโคร่งบงกชไม่ชอบการถูกเรียกขานแบบนั้น ทุกคราที่พบกัน นางเทพกวางสายลมจึงมักทำความเคารพตามลำดับชั้นของเทพ แต่มิได้เรียกขานชื่อ
ในบรรดาเทพทั้งป่าสีทอง นางคือผู้ที่ออกไปนอกเขตของตนเองน้อยที่สุดแล้ว
ส่วนเทพเสือโคร่งภูผา แม้จะดูเหมือนว่าเป็นเทพเจ้าชู้แต่ที่จริงแล้วก็มีเพียงนางเทพกวางผู้นี้ กับสตรีอีกสองสามคนที่เป็นมนุษย์ ซึ่งล้วนจากไปแล้ว
จนกระทั่งวันหนึ่งเทพเสือโคร่งศิลาดำที่เป็นบุตรชายมาเล่าให้ฟังว่า บิดาติดตามชายหนุ่มผู้หนึ่ง และบอกให้บุตรเรียกเขาว่าแม่เล็ก แต่แม่เล็กผู้นี้เรียกนางเทพกวางสายลมว่า ท่านใหญ่
นางเทพเสือโคร่งบงกชถึงกับหัวเราะเสียงดังด้วยความอารมณ์ดี จนกระทั่งบุตรชาย และหญิงสงสัยว่า หากจะนับกันจริง ๆ นางเทพเสือโคร่งบงกชต่างหากที่เป็นท่านใหญ่ เหตุใดนางจึงไม่โกรธ
"ทำไมต้องโกรธ ปล่อยให้เขาเรียกสายลมว่าท่านใหญ่ต่อไป ข้าอยู่ของข้าแบบนี้ดีที่สุดแล้ว"
นางเทพเสือโคร่งบงกชไม่ได้หึงหวง เพราะนางก็มีหน้าที่ของนาง เหมือนกับเทพเสือโคร่งภูผาที่ก็มีหน้าที่สำคัญของตนเอง
ว่าแต่ เจ้ากวางทองตัวน้อยนั่น เติบโตเป็นหนุ่มที่สามารถมีคู่ได้แล้วหรือ....
"ไอ้เรื่องการจัดลำดับที่น่าปวดหัวนี่ เป็นเรื่องที่ข้าขัดใจกับอวี้เอ๋อร์บ่อยที่สุดแล้ว" เทพเสือโคร่งภูผาเจตนาชักจูงออกนอกเรื่อง "เจ้าลองคิดดูเฉพาะในความสัมพันธ์ของพวกเราสี่คน ข้ากลายเป็นสามีรองให้สายลม โดยสายฟ้าเป็นท่านใหญ่ ส่วนสายลมเป็นท่านรอง แล้วบงกชเป็นท่านใหญ่...."
"หุบปาก!"
"ก็ไม่จริงหรือไง" เทพเสือโคร่งภูผายังไม่รู้ตัวว่ากล่าวคำต้องห้ามออกไป "ถ้ามีท่านรองก็ต้องมีท่านใหญ่ไง"
"ภูผา! อยากตายใช่ไหม! ห้ามเรียกคำนั้นกับข้าอย่างเด็ดขาด!"
เสียงเสือโคร่งคำรามดังก้องป่า ตามมาด้วยเสียงต้นไม้ใหญ่ล้มครืน
ที่ตั้งใจจะมาสอบถามด้วยความเป็นห่วงกวางทองตัวน้อย ไว้มาถามใหม่ในวันหน้าก็ได้!
.....
เฉินอวี้รู้จักกับเทพเสือโคร่งภูผามานานหลายปี ถึงได้พบกับนางเทพกวางสายลม และอีกสองปีถัดมาจึงได้พบกับนางเทพเสือโคร่งบงกช และผู้ที่พาไปพบก็คือนางเทพกวางสายลมนั่นเอง
ชายหนุ่มมีสีหน้าตกใจ เมื่อทราบว่าสตรีรูปร่างสูงใหญ่เบื้องหน้าคือนางเทพเสือโคร่งบงกช ซึ่งเป็นคู่ครองของเทพเสือโคร่งภูผา
"ท่านใหญ่" ทันที่กล่าวคำเรียกขานออกมา นางเทพกวางสายลมก็สะดุ้งรีบโบกมือห้ามพูดต่อ
เฉินอวี้รู้ตัวรีบกล่าวคำขออภัย แต่กระนั้นรอยยิ้มของนางเทพเสือโคร่งก็ยังดูเกร็ง
"ขออภัยที่เพิ่งได้มาทำความเคารพ ข้ามาที่ป่าสีทองหลายครั้ง แต่ก็มักจะอยู่ในเขตป่าของเทพกวางเท่านั้น"
สตรีรูปร่างสูงใหญ่เบื้องหน้ายกนิ้วชี้ขึ้น
นางรู้ว่ามนุษย์ผู้นี้เข้ามาที่ป่าสีทองก็เพื่อจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ให้กับกวางทอง
หากไม่ใช่เพราะกวางทอง เทพเสือโคร่งภูผาคงไม่พาอีกฝ่ายเข้ามา
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้นางก็มีคำถาม
"เขาเคยพูดถึงข้าไหม"
เฉินอวี้ ตอบตามตรง "เคยขอรับ บอกว่าพวกท่านครองคู่กัน และท่านเป็นมารดาของเทพเสือโคร่งศิลาดำ"
เมื่อเฉินอวี้หยุดกล่าวคำ นางจึงคาดเดาต่อ "เขาเล่าแค่นี้ ทั้งไม่เคยพาเจ้ามาที่นี่ เจ้าจึงคิดว่า ข้าหาชีวิตไม่แล้ว และเข้าใจผิดว่าสายลมคือท่านใหญ่มาตลอดใช่หรือไม่"
ชายหนุ่มรูปงามพยักหน้าอีกครั้ง
"เป็นความหลงลืมของข้าเอง ตอนที่ได้พบกับท่านเทพกวางที่จวนเจ้าเมือง เหตุการณ์ทุกอย่างเร่งรีบ จึงกล่าวคำผิดพลาดไป"
"ไม่ผิดหรอก" นางเทพเสือโคร่งภูผายิ้มกว้างอารมณ์ดี "เรียกสายลมว่าท่านใหญ่เหมือนเดิมน่ะดีแล้ว และเรียกข้าว่าบงกชเหมือนกับผู้อื่นก็ได้ ข้าไม่ได้ถือสาในเรื่องนี้"
เฉินอวี้พยักหน้ารับปฏิบัติตามคำสั่ง นางเสือโคร่งเรียกเสือโคร่งสาวที่อยู่ใกล้ ๆ ไปนำสุรา และอาหารมาเพิ่ม
"ในเมื่อเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว เล่าเรื่องที่เมืองหลวงให้ข้าฟังหน่อย ผู้คนที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง"
เฉินอวี้จิบสุรา แล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงให้นางเทพทั้งสองรับฟัง
.....
ในคืนนั้น ขณะที่เฉินอวี้กำลังนอนหลับสบายอยู่ในถ้ำยา ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อมีแรงสั่นสะเทือนรุนแรงคล้ายแผ่นดินไหว และเสียงต้นไม้ใหญ่หักโค่น เมื่อเหตุการณ์ข้างนอกสงบลง เสือโคร่งตัวใหญ่โซซัดโซเซเข้ามาในถ้ำแล้วนอนหลับตา หมดแรง
"ท่านพี่ ข้าทายาให้นะ"
.....
นกยูงทองเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดดั่งเห็นมากับตาตนเอง สีหน้าท่าทางเกินความจริงไปมากจนเหมือนนางเทพเสือโคร่งบงกชจะกลายเป็นนางมารช้างสารบงกชก็ไม่ปาน
"ท่านแม่เสือโคร่งดุขนาดนั้นเชียวหรือ" ดวงตาสีทองเป็นประกายของกวางทองเต็มไปด้วยความรู้สึกว่าเหลือเชื่อ "ท่านแม่เสือใจดีจะตาย"
"เฉพาะกับเจ้าคนเดียวน่ะสิ" นกยูงทองเสียงดัง "นี่นะ นางสะบัดขาหลังคราหนึ่งต้นไม้ใหญ่ทางฝั่งขวาก็หักโค่นลงมา ฟาดหางไปอีกทีต้นไม้ใหญ่ทางฝั่งซ้ายก็โค่นลงมา พอส่งเสียงคำรามฝุ่นก็คลุ้งตลบ พอกระทืบเท้าหน้าลง เทพเสือโคร่งภูผาก็กระเด็นไปไกล"
"โห..." กวางทองอ้าปากค้าง
"โห นี่คือไม่เชื่อใช่ไหม นี่นะ ในคืนนั้นนะ สรรพสัตว์ทั้งป่าล้วนตื่นขึ้นมากันหมดเลย ผู้เฒ่านกฮูกที่หลับอยู่ยังตกจากคอนเลยนะ"
กำปั้นแข็ง ๆ เขกลงกลางศีรษะเล็ก ๆ ของเจ้านกยูงทองช่างพูด "ไม่มีความจริงสักคำเดียว ท่านแม่จะสะบัดขาหลัง ฟาดหางอะไรนั่นได้อย่างไร"
กวางทองเกาคางตนเอง "ก็จริงนะ"
เทพเสือโคร่งศิลาดำหันไปส่งสายตาดุ ๆ ใส่นกยูงทอง "รู้ว่ากวางทองเชื่อผู้อื่นโดยง่ายก็ชอบเอาเรื่องไม่จริงมาเล่าให้ฟัง" จากนั้นพี่ใหญ่ก็หันมาหากวางทองเตือนว่าได้เวลากลับขึ้นเขาไปหาอาจารย์แล้วโดยที่ไม่ได้กล่าวตำหนิน้องเล็กสักคำ
...ก็นี่ใคร เขาคือกวางทอง ทุกสิ่งที่คิดและทำคือสิ่งที่ถูกต้อง ผิดที่เจ้านกยูงทองนั่นต่างหากที่ชอบเล่าเรื่องเกินจริง
...จบพิเศษหนึ่ง...
ที่มีความเห็นว่าจบห้วน ผมก็ว่าจริง 
พิเศษของกวางทองที่จะเรียงลำดับกันมาหลังจากนี้ ที่จริงมันอยู่ในเรื่อง แต่ห้วงเวลาที่เกิดเหตุมันอยู่ห่างไกลกันมาก เลยยกออกมาเล่าต่างหาก แต่กำลังสงสัยตัวเองว่า คิดผิดไหมหว่า ฮ่าๆ
คือถ้าจะบอกว่า "ผมคิดแบบนี้ และจะทำแบบนี้" จะกลายเป็นคนเขียนอีโก้จัดไหม
หรือถ้าจะบอกว่า "ถ้าอยากให้ยกกลับเข้าไป ผมก็โอเคนะ" ผมก็จะกลายเป็นคนไม่มั่นใจสินะ
แต่ที่จริง....ผมอยากบอกว่า "คิดยังไงก็บอกผมหน่อย ผมอยากได้รีพลาย ผมชอบคุย ผมชอบอ่าน" ก็อาจโดนว่าปั่นกระทู้
ดังนั้น... "คิดยังไงก็บอกผมหน่อย ผมอยากได้รีพลาย ผมชอบคุย ผมชอบอ่าน" เนี่ยจริงใจสุดละ
น้ำชาครับ