ตอนที่ 18 : ใต้ผ้าห่ม
เย็นวันนั้นคีรีขับรถบีเอ็มสีขาวเข้ามาเทียบหน้าบ้าน เดินเข้ามาด้วยท่วงท่าประหนึ่งท่านประธานมาติดต่อเจรจาธุรกิจ ผมเห็นเขาปั้นหน้าจริงจังขนาดนั้นก็นึกขำๆ ลากราเชนทร์ไปยืนต้อนรับ กลัวว่าเหล่าขบวนการปกป้องคุณชายจะเอาเกลือมาสาดใส่ซะก่อนเพราะคิดว่าคีรีเป็นศัตรูหัวใจแสนร้ายกาจ ร่วมมือกับผมในการย่ำยีหัวใจน้อยๆ คุณชายของพวกเธอ
“ยิ้มให้กันหน่อยสิครับ” ผมกระซิบบอกทั้งคู่ ทางคีรีไม่ค่อยชอบที่ต้องมาเยือนถิ่นคู่กัด ราเชนทร์เองก็ไม่อยากจะต้อนรับสักเท่าไหร่ สองคนนี้นี่...เป็นคนดึงผมมาร่วมวงเองนะเฮ้ย จะให้ผมดูเป็นคนผิดได้ยังไงล่ะ!
ผมแอบเหยียบเท้าพวกเขาเบาๆ เป็นการเตือนสติ เพราะเหล่าแม่บ้านเล่นยกพลออกมาดูน้ำหน้า เอ่อ...ดูหน้าคีรีกันหมดบ้าน
“ไง สหาย” ราเชนทร์ถนัดยิ้มอยู่แล้ว เขาทำได้ดีไร้ที่ติแม้จะแอบคิ้วกระตุกหน่อยๆ
“ไง...สบายดีนะ”
ผมอยากจะกุมขมับ สบายดีอะไรของคีรีเนี่ยพวกเราเพิ่งแยกกันตอนเช้า ไม่ใช่คู่ค้าที่นานๆ เจอกันทีสักหน่อย!
“ไปข้างในเถอะครับ” ผมจับมือทั้งสองคน เอ่อ...ดูเป็นคนหลายใจชะมัด แล้วทำไมพวกแม่บ้านต้องมองด้วยสายตาอย่างกับผมทำความผิดร้ายแรงขนาดนั้นด้วย หรือจะให้คีรีกับราเชนทร์จับมือกันเองไปเลยดี
อย่าดีกว่า...กลัวพวกเธอจะคิดแผลงๆ หาทางสลัดผมทิ้งแล้วให้พวกเขาคู่กันเพราะท่านประธานคนนี้มีทรัพย์สินให้ราเชนทร์ถลุงได้อีกหลายชาติ ยังไงคนรวยก็ดีกว่าคนไม่มีอะไรเลยอย่างผมอยู่แล้ว เฮ้อ...
แม้ผมจะพอทำใจอยู่แล้วว่าในสายตาคนนอกมักมองที่รูปลักษณ์ฐานะเป็นอย่างแรก แต่ก็อดเซ็งไม่ได้เมื่อช่วงนี้ชักจะถูกเปรียบเทียบบ่อยเกินไปแล้ว
“รัญ...” ราเชนทร์หันมาจับมือผมแน่น
“อย่าคิดมากนะ” คีรีก็บีบมือเบาๆ ก้มหน้ากระซิบปลอบผมเกือบจะพร้อมๆ กันแถมยังเดินในจังหวะที่ต่างรอกันไม่ทิ้งช่วงโดยไม่ต้องให้ผมนำก่อน พวกเขาดูสมัครสมานสามัคคีกันมากจนพวกแม่บ้านยังยกมือทาบอกอย่างตกใจ
อย่าลืมสิว่าพวกเขาสองคนมาตกหลุมเดียวกันได้ยังไง
ก็เพราะผมไม่ใช่เหรอ
ตอนพวกเราเดินมาถึงห้องอาหาร โต๊ะตัวยาวก็ทำเอาคีรีแอบตกใจเพราะทั้งบ้านมีแค่แค่พวกเราสามคนนั่งประจำที่ แค่นึกว่าปกติมีแค่ราเชนทร์นั่งหัวโต๊ะคนเดียวก็เหงาแล้ว ถึงว่าชอบออกไปคิงส์คลับหาความสำเริงสำราญ ยังไงก็ตามเพราะราเชนทร์กำชับไว้ว่าจะมีคนมาค้าง พ่อครัวเลยแสดงฝีมือเต็มที่ เมื่อเช้าผมกินอาหารตะวันตกไปแล้วเลยขอให้เป็นอาหารไทยบ้าง ไม่รู้ไปพลิกตำราที่ไหนรึเปล่า ถึงได้กลายเป็นมื้อที่ปนระหว่างตะวันตกกับตะวันออกซะได้
เหล่าแม่บ้านช่วยเข้ามาจัดโต๊ะจัดผ้ากันเปื้อนให้คุณชายโดยทิ้งให้ผมกับคีรีทำกันเอง พวกเธอตั้งใจจะตักกับข้าวให้ด้วยซ้ำ แต่ราเชนทร์รีบบอกให้ถอยไปก่อนเพราะจะจู๋จี๋กับผม
...แล้วดูสายตาเหล่านั้นสิ มองอย่างกับว่าคุณชายเสียสติไปแล้วที่คิดจะพลอดรักกับผมโดยมีส่วนเกินอย่างคีรี
พวกเขาคงจะจินตนาการไม่ออกล่ะมั้งว่าคบกันสามคนจะเป็นยังไง
หรือไม่ก็กลัวว่าคุณชายจะโดนเอาเปรียบ
แต่ผมยุติธรรมขนาดไหนก็ทำเหมือนเดิม ช่วยตักกับข้าวให้ราเชนทร์กับคีรีแต่ของที่พวกเขาชอบโดยไม่ต้องบอก ไม่มีการลำเอียงให้พวกแม่บ้านมีโอกาสได้เก็บไปนินทาลับหลัง สองหนุ่มก็ให้ความร่วมมือดี หาหัวข้อมาคุยไม่ให้บรรยากาศเงียบเหงา
“วันนี้รัญว่ายน้ำได้มั้ย”
“ลอยตัวไม่ได้ แต่เหมือนจะข่มความกลัวได้มากขึ้นแล้ว”
ครับ หัวข้อเรื่องผมนั่นแหละ
“ข่มความกลัว?”
ราเชนทร์หันมายิ้มให้ คงจะนึกถึงตอนที่ผมทิ้งตัวลงน้ำเรียกร้องความสนใจ โทษเถอะ ผมไม่ได้ทำเพราะหึงสักหน่อย อย่ามามองด้วยสายตาวาวระยับขนาดนั้นจะได้มั้ย
“ใช่ วันนี้มีเรื่องตลกน่ะ”
“หืม เล่าหน่อยสิ” คีรีก็พลอยสนอกสนใจไปด้วย ทุกอย่างค่อนข้างเป็นธรรมชาติ พวกเขาคุยกันสนิทสนมราวกับสหายที่คบมานาน แต่โทษเถอะ ก็แค่เรื่องนินทาผมเท่านั้นแหละที่เข้ากันได้ดีขนาดนี้
“ก็วันนี้มีผู้หญิงมาหาฉัน...ฉันคิดกับเธอแค่น้องสาวน่ะนะ แบบว่ารู้เนื้อแท้กันมานาน เรื่องเล่นละครทำเนียนน่ะถนัดนัก”
”อ้อ...” คีรีครางยาวๆ ในลำคอ ไม่บอกก็รู้ว่าในใจคงคิดว่าเหมือนใครแถวนี้แน่นอน
“แล้วทีนี้เธอก็มาทำทีว่าถูกรัญลากตกน้ำ ร้องขอให้ช่วย” ราเชนทร์กลั้นขำ “ใส่ร้ายคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น ตลกชะมัด”
ผมเหลือบมองเหล่าแม่บ้านที่พยายามยืนกุมมืออย่างสงบเสงี่ยม แต่ก้มหน้าอับอายที่โดนคุณชายมองเป็นเรื่องตลก แต่พวกเธอก็พลาดเองจริงๆ นั่นแหละ
“แล้วที่บอกว่ารัญข่มความกลัวได้ล่ะ หมายความว่าไง”
“ก็รัญหึงฉัน”
“ผมเปล่า” ผมแย้งขึ้นมาระหว่างแกะเปลือกกุ้งให้ราเชนทร์กับคีรีคนละตัว “ผมแค่หงุดหงิดที่คุณไม่ช่วยแก้ต่างเฉยๆ”
“รัญหึงฉันก็เลยทิ้งตัวลงน้ำเอาดื้อๆ ไอ้เราก็ตกใจแทบแย่วิ่งกระโจนลงไปช่วยสุดฤทธิ์ ที่ไหนได้...ไม่ยักจะตัวสั่นสักนิดเดียว แถมยังกระซิบขู่อีก”
“ผมไม่ได้ขู่...” ผมรีบแย้ง กลัวพวกแม่บ้านจะเข้าใจผิด ก่อนจะเอ่ยขอบคุณคีรีเบาๆ ที่ช่วยแกะปลามาใส่ในจานของผม ราเชนทร์เห็นอย่างนั้นก็ช่วยรินน้ำเติมให้ไม่ยอมน้อยหน้า แถมยังขยับถ้วยน้ำจิ้มให้อีก โคตรเป็นภาพหายากเลย
“พอฉันเปิดโปงเท่านั้นแหละ แจ็คพอตแตก รีบวิ่งกลับบ้านแทบไม่ทัน” ราเชนทร์เล่าต่ออย่างราบรื่น เหมือนเมื่อครู่ทำไปโดยไม่ทันคิด แค่เห็นคีรีทำเลยอยากทำคะแนนบ้างเท่านั้นทั้งที่ไม่เคยจะบริการใครมาก่อน “ไอ้เราก็นึกว่าดีขึ้น แต่พอพาไปกลางสระก็กลับมาตัวแข็งเหมือนเดิม เกร็งขนาดนั้นจะลอยตัวได้ยังไง แต่พอให้ลองดำน้ำเอง ก็พอไหวแล้วนะ”
“จริงเหรอหรัญญ์”
“ครับ” ผมตอบเสียงเรียบ วันนี้ต้องขอบคุณสองแม่ลูกที่ทำให้ผมเอาชนะอาการกลัวน้ำได้มากขึ้น ก่อนหน้านั้นแค่เอาหน้าจมน้ำนับนึกถึงสิบเล่นเอาน้ำตาจะไหล แต่พอลองทำอีกครั้งกลับนับเลขได้ง่ายๆ ถึงจะหวาดๆ อยู่บ้างก็ไม่ได้หนักเท่าเดิมแล้ว
เพราะพอทำได้ครั้งหนึ่งด้วยเหตุผลไร้สาระ ลึกๆ ในใจก็คิดว่าไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้นสักหน่อย
“งั้นก็ดีไป” คีรียิ้มให้ผมอย่างอบอุ่น ผมเลยยิ้มตอบไม่รู้ตัว ตอนแรกนึกว่าเขาจะโกรธที่มีคนมาแกล้งผม แต่พอราเชนทร์เล่าเป็นเรื่องตลกตบท้ายด้วยผลพลอยได้อย่างนี้ ก็เลยกลายเป็นเรื่องขำขันประจำวันไปจริงๆ ซะงั้น
“แล้ววันนี้คุณเป็นไงบ้างครับ”
“ก็มีโทรไปคุยกับธาราธารนิดหน่อย”
บรรดาแม่บ้านแอบสะดุ้งเฮือก ผมสะกิดขาคีรีเบาๆ ใต้โต๊ะ
“เขายังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของเราเท่าไหร่ เหมือนจงใจหาทางใส่ร้ายให้เราแตกคอกันเอง ฉันพยายามอธิบายแล้วก็ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวนัก”
ผมสะกิดขาราเชนทร์ต่อ
“พวกได้ยินได้ฟังจากปากคนอื่นแล้วคิดเองก็แบบนี้ ถ้ามาเห็นด้วยตัวเองคงเข้าใจไปนานแล้ว เนอะรัญ”
“ครับ”
โชคดีชะมัดที่แฟนผมทั้งคู่เป็นพวกหัวไว ต่อประโยคกันได้เป๊ะๆ เล่นละครดีกว่าสองแม่ลูกเมื่อบ่ายเป็นไหนๆ แม้ใต้โต๊ะจะแอบเหยียบขากันเองก็ตาม...เฮ้ ถึงผมไม่เห็นแต่รู้สึกถึงขาที่แอบตีกันนะเฮ้ย!
“ดูเหมือนธาราธารจะอยากให้ผมเลือกคบคนใดคนหนึ่งนะครับ และเขาคงอยากให้ผมเลือกราเชนทร์มากกว่า”
“คนที่คบกันมันพวกเราไม่ใช่ไอ้ธาราธารนั่นสักหน่อย มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินใจ ขืนรัญคบกับฉันคนเดียวก็ไปไม่รอดน่ะสิ หาเรื่องให้ฉันโดนทิ้งชัดๆ!”
“จำได้เลยว่าตอนนั้นนายทำตัวโทรมขนาดไหน” คีรีเสริม ทำเอาราเชนทร์ยิ้มเหี้ยม เตะขาข้ามเก้าอี้เฉียดมาโดนผมด้วย “หนวดเคราไม่ตัด น้ำไม่อาบ ดื่มแต่เหล้า”
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ผมถามประหลาดใจ เรื่องนี้เพิ่งได้ยินครั้งแรก ต่อหน้าผมเขาเอาแต่ทำตัวดูดีให้เห็นเสมอ เรื่องสิ้นหวังตีหน้าเศร้าอย่าหวังซะให้ยาก
“คนบางคนตอนโดนรัญทิ้งก็กลับมาซมซานพอกัน เห็นว่าทำงานจนไม่หลับไม่นอนเลยไม่ใช่รึไง”
โอ้ คีรีก็ด้วย?“เอาเป็นว่าฉันจะพยายามทำให้ธาราธารเข้าใจเอง ไม่งั้นพวกเราจะแย่กันหมด ฉันไม่อยากกลับไปสภาพนั้นอีกหรอก”
“ฉันก็ด้วย” ราเชนทร์ยักไหล่
“แต่คุณธาราธารแทบไม่ฟังคุณเลยนี่ครับ”
“...เขาคงเห็นว่าคำพูดฉันเชื่อไม่ได้ล่ะมั้ง” คีรีว่าอย่างกลุ้มใจ ท่านประธานในสภาพหล่อเนี้ยบแม้จะเป็นหลังเลิกงานในท่าท้าวางคิ้วขมวดน้อยๆ นี่เท่บาดใจสุดๆ “ถ้ามีคนนอกจากพวกเราช่วยพูดให้ เขาอาจจะยอมฟังและเปิดใจกว่านี้”
เยี่ยม!
ผมรักคีรีชะมัด ถึงราเชนทร์จะเจ้าเล่ห์ แต่พอเทียบกับลูกล่อลูกชนแถมตรงประเด็นของคีรีแล้วยังนับว่าเทียบชั้นไม่ได้ ขนาดผมเองก็คาดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าเขาจะทำได้ดีขนาดนี้โดยที่ยังไม่ทันเล่ารายละเอียดเรื่องที่ได้ยินได้ฟังจากบรรดาแม่บ้านเหมือนที่เล่าให้ราเชนทร์ฟังด้วยซ้ำ!
แต่ถ้ามีคีรีคนเดียวก็จะดูจริงจังเกินไปจนน่าสงสัยว่าจงใจรึเปล่า ต้องขอบคุณพวกเขาสองคนที่แม้ต่างกันแค่ไหนแต่พออยู่ด้วยกันกลับให้บรรยากาศที่ลงตัว ท่าทางทีเล่นทีจริงของราเชนทร์ให้ความรู้สึกน่าคล้อยตามได้ง่าย พอมารวมกับความเคร่งขรึมเป็นการเป็นงานของคีรีเลยทำให้ทุกอย่างดูมีน้ำหนัก น่าเชื่อถือขึ้นมา
เห็นพวกเราเข้าขากันดีขนาดนี้ผมไม่เชื่อหรอกว่าพวกแม่บ้านที่รักราเชนทร์และไม่เคยเห็นคุณชายของพวกเธอในสภาพทรุดโทรมสิ้นหวังจนตรอกแถมยังประกาศกร้าวขนาดนั้นจะหันมาหาเรื่องผมอีก
ในเมื่อไม่ฟังคำพี่ชาย งั้นถ้าโดนพันธมิตรหักหลังจะยอมฟังมั้ย
ธาราธารก็ธาราธารเถอะ ถ้าแผนให้ผมโดนบีบไม่ได้ผลจะทำยังไงต่อ ผมล่ะอยากรู้จริงๆ!
และแล้วก็ถึงช่วงเวลาที่หลายคนรอคอย
คีรีตอนแรกค่อนข้างอึดอัดเมื่อต้องมาอยู่ห้องส่วนตัวของราเชนทร์ซึ่งผ่านการอาศัยอย่างโชกโชนไม่เหมือนห้องใหม่เอี่ยมที่ปริ้นส์รูม จะมองไปทางไหนก็มีแต่ของของเขาเต็มไปหมดจนวางท่าทำมือไม้ไม่ถูก แต่พอแยกย้ายกันอาบน้ำ พากันแก้ผ้าอยู่บนเตียง ทั้งความอึกอักหรือบรรยากาศกระอักกระอ่วนทั้งหมดก็หายไป เหลือแต่ความรักใคร่ปนหื่นกระหายที่ทำเอาคนสองคนมุดผ้าห่มคลุมโปงอย่างสามัคคี
ส่วนผมนอนตาปริบๆ อยู่ตรงกลาง มองทั้งคู่ที่เอามือดันผ้าห่มเหนือหัวคนละฝั่งแล้วหลุดหัวเราะเบาๆ
จำเป็นต้องลำบากขนาดนี้มั้ยเนี่ย
“ขำเหรอรัญ” ราเชนทร์ก้มหน้าซุกอกผมเป็นอย่างแรก ดูดดุนยอดอกจนผมร้องครางเหมือนแมวครวญ
“วันนี้วันคู่...” คีรีเองก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงคำรามต่ำเปี่ยมด้วยอารมณ์จนผมพลอยร้อนรุ่มขึ้นมาด้วย เขาตะปบเข้าที่ส่วนกลางลำตัวของผม ก่อนจะใช้ลิ้นละเลงจนเสียวซ่านครางหนักกว่าเดิม
ลิ้นของเขามันสุดยอดจริงๆ
ผมขย้ำหลังหัวของคีรีขณะก้มหน้าดูดปากกับราเชนทร์เป็นระยะ ได้ยินเสียงฟึ่บฟั่บตลอดเวลาเพราะพวกเขาต้องคอยดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตลอด ให้ความรู้สึกมืดๆ สลัวๆ มองเห็นชัดบ้างไม่ชัดบ้างพอตื่นเต้นดีเหมือนกัน
“อ๊ะ” พลันคีรีอุทานขึ้นมาหลังจัดการช่องทางผมจนตัวระทวยไปหมด “ฉันลืมเอาถุงยางมา”
“โอ๊ะ” ราเชนทร์เองก็ร้องขึ้นมาเหมือนเพิ่งนึกได้ “ฉันไม่ได้คิดจะค้างเลยไม่ได้เตรียมเหมือนกัน”
พูดจบทั้งคู่ก็หันมามองผมด้วยสายตาสื่อความนัย คนหนึ่งจู่โจมช่วงล่าง อีกคนจู่โจมช่วงบน ถ้าผมไล่ให้พวกเขาไปหาซื้อตอนนี้มีหวังโดนเล่นงานจนเสียน้ำเป็นการแก้เผ็ดแน่ๆ
เอาไงดีละเนี่ย
ผมพยายามข่มความอยากที่หน่วงๆ เมื่อคีรีค่อยๆ สอดนิ้วคลึงเข้ามาขยายช่องทางโดยไม่รีรอ ราเชนทร์ก็เข้ามารับช่วงต่อเอามือรูดเค้นหรัญญ์น้อยปลุกปั้นเต็มที่จนนอนระทวยครางหวิว
พวกเขาร่วมมือกันดียิ่งกว่าเมื่อเย็นอีก!
อา...ในใจน่ะไม่อยาก แต่ตอนนี้ร่างกายเองก็ไม่ไหวแล้ว“เข้ามาเลยครับ” ผมว่าพลางยกขาพาดกับเข่าของคีรี “ช่างถุงยางมันเถอะ”
“ว้าว รัญเท่มาก”
ราเชนทร์ยอมให้คีรีสดก่อนน่าจะเพราะว่าเขาเคยทำกับผมตรงสระน้ำมาแล้ว นับว่ายังพอมีความดีอยู่บ้าง
แต่พอรู้สึกถึงส่วนร้อนแข็งโป๊กดุนดันเข้ามา ผมก็ต้องกำผ้าปูเตียงแน่นจนเรียกว่าจิกทึ้ง ไอ้ตอนที่ทำกับราเชนทร์มีมวลน้ำขวางกั้นอยู่เลยไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่พอเนื้อแนบเนื้อขนาดนี้ก็เล่นเอาอ้าปากหอบหายใจพอตัว เหมือนร่างกายปรับได้ไวมากขึ้นและรับสัมผัสได้ดีกว่าเดิม
เคยคิดว่าถุงยางบางเฉียบแน่แล้วนะ
แต่โดนจัดอย่างนี้แน่กว่าอีก!
ผมร้องลั่นเมื่อคีรีดันตัวเข้ามากะทันหัน เสียงหอบหายใจอย่างอดกลั้นมาพร้อมจังหวะสอดแทรกที่เล่นเอาตัวสะเทือน ผมเบิกตากว้างมองราเชนทร์ที่จับผ้าห่มไว้แล้วอ้าปากรับจูบ เราแลกลิ้นกันด้วยอารมณ์พุ่งสูงก่อนที่เขาจะเอาไอ้จ้อนไม่น้อยมาจ่อปาก ผมอมให้ราเชนทร์โดยที่ช่วงล่างยังโดนกระทั้นหนัก ราเชนทร์หันไปปรามเป็นระยะแต่ก็สูดปากร้องซี๊ด จับศีรษะผมบังคับให้กลืนกินส่วนของเขาให้ลึกที่สุด
“อย่าหลั่งในนะโว้ย”
ราเชนทร์ท้วงทันก่อนที่คีรีจะถอนตัวเองออกมาแล้วปล่อยบนตัวผมจนเปรอะเต็มหน้าท้อง สีหน้าของคีรีตอนถึงนั้นทำเอาผมถึงกับตามไปติดๆ ให้ตาย ท่านประธานเซ็กซี่โคตรๆ
แม้คีรีจะถอนตัวเองไปแล้วแต่ช่องทางผมยังคล้ายจะรู้สึกถึงความอุ่นร้อนจนกระตุกเป็นระยะ พอราเชนทร์พาตัวเองแทรกเข้ามาเลยโดนตอดหนักจนรอยยิ้มบิดเบี้ยว ผมโดนจัดท่าให้ตะแคงข้างถูกรุนรานด้านหลังเพราะจะลุกจะทำอะไรก็ไม่สะดวกเท่าไหร่ จนสุดท้ายราเชนทร์ก็ทนไม่ไหว เหวี่ยงผ้าห่มออกไปด้วยตัวเอง
“ไม่ไหวแล้วโว้ย!”
พอไม่มีตัวกั้นกลางราเชนทร์ก็จับขาผมที่ยังนอนตะแคงพาดบ่าจนยกสูงข้างหนึ่ง ก่อนจะจัดแจงกระแทกตัวเข้าถี่รัวจนทั้งตัวทั้งเตียงสั่นสะเทือนไปหมด ผมครางระโหยรู้สึกถึงส่วนร้อนผ่าวที่ผลุบเข้าผลุบออก คีรีลูบหน้าผมช่วยเกลี่ยเส้นผมให้ มองด้วยสายตาหลงใหลคอยจูบปิดปากโดยที่มือคอยหยอกหรัญญ์น้อยไม่หยุดจนปลดปล่อยน้ำเหนียวข้นเต็มมือ
ราเชนทร์เองก็ถอนตัวเองมาหลั่งตัวผม ซ้ำรอยกับของคีรีที่เริ่มแห้งพอดี
ผมหอบหายใจเหนื่อย พอผ้าห่มโดนสลัดทิ้งอะไรๆ ก็เห็นชัดขึ้น รวมทั้งอะไรๆ ที่ชักจะรุ่มร้อนขึ้นจนเกินจะห้าม
คีรีเข้ามาซ้อนให้ผมนอนทับบนร่างเขาก่อนจะจัดแจงเอาเข่าดันให้ขาผมแยกออก เห็นไปถึงไหนต่อไหนต่อหน้าราเชนทร์กันเลยทีเดียว คุณชายเจ้าของห้องน้ำลายแทบไหล ส่วนนั้นตั้งโด่ขึ้นมาโดยไม่ทันได้แตะ ผมพักหายใจได้ไม่ทันไรคีรีก็จับสะโพกให้ผมทิ้งตัวลงบนส่วนแข็งขืนเต้นตุบพร้อมสู้ที่ขยายขนาดจนน่าตกใจพอกัน ในท่านอนเงยทับกันแบบนี้เขากอดอกผมให้แนบชิด ก่อนจะกระดกเอวสวนแรงดีจนตัวผมแทบกระเด้งกระดอน ถูกเสยใส่จังๆ โดนจุดกระสันเน้นๆ จนร้องลั่น
“โอ๊ย รัญ จะยั่วเกินไปแล้ว”
ผมครวญครางดิ้นไปมาบนตัวคีรี เสียงเนื้อกระทบดังถี่อย่างกับหมูสับ ผมคิดว่าคีรีคงเป็นเขียงส่วนผมก็เป็นหมู เพราะในเวลาไม่นานเขาก็กัดหูผมเบาๆ ก่อนจะดันตัวออก ปลดปล่อยออกมาเลอะเต็มง่ามขาผมเลย
ราเชนทร์ที่รอจังหวะอยู่แล้วหน้าดำหน้าแดงไม่รอช้า คีรีหลั่งไม่ทันจะเสร็จก็สอดตัวเข้ามาทันที ไม่คิดจะเปลี่ยนท่าเปลี่ยนทาง ยกขาผมพาดไว้กับข้อพับแขนแล้วสวนตัวเองจ้วงเอาจ้วงเอาโดยที่ผมยังนอนทับบนตัวคีรีทั้งอย่างนั้น ที่ปากทางคล้ายจะมีท่อนลำแข็งเสียดสีไปมาระหว่างที่ราเชนทร์กระทั้นหนัก ตัวผมโยกคลอนสั่นไปมาไม่หยุด หน้าอกก็โดนคีรีบดขยี้จนแดงก่ำ
ราเชนทร์ครางต่ำในลำคอ ถอนตัวมาป้ายน้ำขุ่นที่ง่ามขาอีกข้างของผมไม่ทันไร คีรีที่แทบจะจ่อรออยู่แล้วก็เสียบสวนเข้ามาทันที
ผมโดนจับพลิกกลับให้นอนคว่ำกะทันหัน คราวนี้เปลี่ยนมานอนทับราเชนทร์แทน ส่วนนั้นเลยเบียดเสียดสีหากันจนแทบจะเกิดไฟลุก ผมอ้าปากพะงาบครางไม่หยุด ราเชนทร์ก็จับผมจูบเอาจูบเอามองตาเยิ้มเหมือนจะจับกลืนไปทั้งตัว
คีรีทิ้งน้ำหนักตัวลงมาจนเตียงสั่นดังโครมคราม ผมเองก็จะแทบจะขาดใจ แทนที่จะห้ามราเชนทร์ดันสติหลุดไปแล้ว เพราะยิ่งคีรีย้ำตัวเข้ามาเท่าไหร่ผมก็ยิ่งเบียดกับส่วนกลางลำตัวของราเชนทร์มากเท่านั้น สุดท้ายพวกเราเกือบจะถึงพร้อมกัน ผมเตรียมยกมือบอกให้พอ แต่ก็โดนราเชนทร์จับพลิกให้นอนหงายไปรวบไว้เหนือหัว เส้นผมกระจายไปทั่วหมอน ก่อนจะเริ่มยกใหม่ต่อทันทีจนปากที่จะร้องห้ามกลายเป็นร้องลั่น รู้สึกถึงแรงกระทุ้งจากภายในที่ส่งผ่านมาถึงท้องน้อย ตัวผมดิ้นพล่าน แต่คีรีก็ยังนัวเนียไม่ห่าง ทั้งจับทั้งหอม พรมจูบไปทั่วและลูบส่วนอ่อนไหวเป็นระยะจนตัวระทดระทวยสั่นกระตุกไม่หยุด
เนื้อตัวเหนียวเหนอะไปหมด แต่สองหนุ่มยังคึกคักและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ ผมโดนจับพลิกไปพลิกมาอยู่อย่างนั้นตลอดคืนจนสลบไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่แน่ใจ หลับๆ ตื่นๆ ก็ยังโดนกอดก่ายไม่เลิกรา แถมยังรู้สึกได้ว่าช่วงหลังพวกเขาเริ่มจะบ้าบิ่นขึ้นเรื่อยๆ ขนาดหลั่งในตัวผมจนชุ่มฉ่ำ พากันตอกย้ำความเป็นเจ้าของปะปนไม่รู้ของใครเป็นของใคร
ผมครางจนเสียงแหบ ร้องจนหมดแรง ขาชาหนึบเจ็บไปทั้งตัว ในช่องทางก็หน่วงๆ ตึงๆ เหมือนถูกรุนรานอย่างหนัก
พรุ่งนี้ผมต้องตายแน่
ใช่...และพวกเขาก็ต้องหัวแตกกันบ้างล่ะ!บ่ายวันต่อมาสองหนุ่มนั่งสำนึกผิดอยู่ข้างเตียงนอน ผมนอนไข้ขึ้นสูงแค่จะขยับนิ้วยังทำไม่ได้ ไม่เคยโดนฝืนบังคับร่างกายหักโหมขนาดนี้มาก่อน จะเค้นปากว่าพวกเขาทำไปกี่ยกทั้งคู่ก็ดันตอบไม่ได้อีกเพราะไม่ได้นับ พอถามเรื่องหลั่งในก็ทำเฉไฉ ราเชนทร์เป็นจอมปลิ้นปล้อนอยู่แล้ว มาร่วมมือกับคีรีคนหน้าขรึมเข้าไปก็เหมือนเจอกำแพงที่ถล่มไม่ได้ ผมล่ะอยากจะเป็นลมตายซะเดี๋ยวนั้น
ก็ยังดี...คีรีลาหยุดเพื่อช่วยดูแลผมเพราะไอ้บ้าราเชนทร์ดูแลคนป่วยไม่ค่อยจะเป็น ที่ผมเรียกว่าไอ้บ้าเพราะคนที่ควรจะห้ามทัพดันสติหลุดเองซะงั้น ทุกอย่างถึงได้เลยเถิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ ผมเจ็บระบมไปหมด ช่องทางบวมแดงคล้ายจะมีเลือดซึม แม้จะถูกจับทายาแล้วก็ยังเจ็บจนโมโห
“งดไปเลยหนึ่งอาทิตย์” เสียงผมเบายิ่งกว่ากระซิบซะอีก แต่ทั้งคู่ที่ต่างนั่งสำนึกผิดได้ยินชัดเจน
“รัญจ๋า...รัญเป็นคนบอกให้ลองบนเตียงเองนะ”
อ้อ ผมผิดเองสินะที่ให้พวกเขาสมานฉันท์บนเตียง!?ผมกวาดตามองคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ทั้งคู่แล้วก็ได้แต่หลับตาทำใจ
แม้ในใจจะไม่สงบเลยก็เถอะ!
ใครกันที่ทำท่าเหมือนกลัวจะหมดอารมณ์เวลามองเห็นหน้าอีกฝ่าย ไอ้เราก็คิดว่าต้องออกมาทุลักทุเลแน่ๆ แต่ไหงลองจริงถึงกลายเป็นยิ่งทำก็ยิ่งมีอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ จนทะลุปรอทซะงั้นล่ะวะ!!!
ผมนอนอย่างกับคนเป็นอัมพาตบนเตียงหนานุ่มพิเศษ...สงสัย...จะได้ค้างอีกสักคืน
-------------------------------------
>///<
และแล้วคีรีขันก็ได้สดกับรัญก่อนอย่างเท่าเทียมแล้วนะคะ โอ๊ย เขินจัง เอาเป็นว่า...อะแฮ่ม...สองหนุ่มก็สมานฉันท์ด้วยดี ส่วนรัญก็ต้องอึดทนถึกต่อไปค่ะ!!
เพจนักเขียนที่ตั้งกล้องถ่ายแบบซูมระดับเฮซดี