ตอนพิเศษ เรื่องของเด็กในวันเด็ก
By เด็กเกรียนแฟนพี่กอล์ฟ
วันเด็กปีนี้เป็นวันที่ผมเหงาจับใจเลยครับ ผมตื่นแต่เช้า เช้ามากกว่าที่ควรตื่น ก็เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ ผมนอนคิดถึงแต่พี่กอล์ฟผู้เป็นที่รักของผม ไม่ว่าผมจะนอนหันไปทาง ไม่มีเลยที่จะไม่มีภาพพี่กอล์ฟขึ้นมา นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมนอนไม่หลับและตื่นเช้า หลังจากที่ผมจัดการภารกิจตัวเองเสร็จแล้ว ก็หาอะไรทาน ผมชงโอวัลตินแล้วก็เอาขนมปังออกมาทาแยมสองสามแผ่น พอทานไปรู้สึกว่ามันไม่อร่อยเหมือนที่เคยเป็น ลองนั่งคิดดู ทำไมนะ มันก็โอวัลตินขวดเดิม ขนมปังกับแยมก็ยี่ห้อเดิม ใช่แล้ว คงเป็นเพราะทุกทีพี่กอล์ฟเป็นฝ่ายเตรียมให้ผมมากกว่า น้อยครั้งที่ผมจะตื่นมาทำทานเองแล้วเพื่อพี่กอล์ฟด้วย เวลาที่พี่กอล์ฟต้อง
รับศึกหนักจากเมื่อคืน แล้วตื่นไม่ไหว
ปกติพี่กอล์ฟจะตื่นแต่เช้ามืดประมาณก่อนตีห้า ลุกขึ้นไปเตรียมทำกับเช้าให้ผมทาน (ผมเห็นว่ามันเช้าจนเกินความจำเป็น แค่เตรียมเครื่องปรุงต่างๆ ตื่นหกโมงเช้าก็ยังทัน) แล้วก็จะกลับมานอนอีกทีตอนใกล้ๆหกโมง (ตอนกลับมาในห้องนอนนี่แหละครับ พี่กอล์ฟชอบทำให้ผมตื่น (ตื่นทั้งตัวจริงกับลูกน้องผมด้วย) ผมเลยได้ทานพี่กอล์ฟเป็นอาการเช้าแทบทุกวัน ก่อนทานอาหารเช้าจริงๆ) พอพี่กอล์ฟกลับเขามาปลุกผมแล้ว (หลังจากที่ผมทานพี่กอล์ฟรอบเช้า) พี่กอล์ฟก็จะออกไปทำอาหารเช้า ส่วนผมก็อาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปเรียน ผมแต่งตัวเสร็จก็จะพอดีกับเวลาที่พี่กอล์ฟทำกับข้าวเสร็จพอดี
ผมเคยถามพี่ว่า “ทำไมพี่ไม่ทำไว้เลย ค่อยอุ่นในเวฟก็ได้”
ผมได้รับคำตอบที่น่าดีใจในความพิถีพิถันของพี่กอล์ฟคือ “ถ้าทำไว้แล้วมาอุ่นทีหลัง มันจะเสียคุณค่าทางอาหารเยอะ อย่างโก๋นะ อยู่ในวัยเรียนต้องกินร้อนๆใหม่ๆ จะได้มีแรงเรียน”
ดูเหมือนมันเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆแต่มันสื่อออกมาถึงความเอาใจใส่ที่พี่กอล์ฟมีให้ผม
พอมาวันนี้พี่กอล์ฟไม่อยู่ ผมถึงรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยในสิ่งที่พี่กอล์ฟทำ การที่ผมได้ทานอาหารร้อนๆในยามเช้า จะทำให้ผมทานอาหารได้มาก ไม่เหมือนตอนนี้ที่ผมจะทานขนมปังแค่แผ่นเดียวก็ยังหมด
ผมทานเสร็จแล้วก็เข้ามาในเวบที่ผมเอาเรื่องของเราที่พี่กอล์ฟพิมพ์ไว้ไปลง ผมดีใจมากที่มีคนเข้ามาอ่านแล้วให้กำลังผมเยอะ แต่ผมก็ยังอดคิดถึงพี่กอล์ฟไม่ได้ ผมนั่งอ่านสักพักก็ไปเปิดข่าวดู เห็นมีข่าวเกี่ยวกับวันเด็ก ผมเลยนึกขึ้นมาได้ วันเด็กทุกปี แหมะจะชวนผมกับพี่กอล์ฟไปที่บ้านแคนทอง (เป็นบ้านเด็กที่ถูกทิ้งให้เป็นกำพร้า) ไปเลี้ยงอาหารแล้วก็เอาของไปแจก ผมเลยโทรไปชวนเพื่อนว่าจะไปซื้อขนมแบบยกแพ็คแล้วเอาไปแจกเด็ก ก็มีเพื่อนสามคนที่ว่างไปด้วย
“ไงว่ะไอ้โก๋ ปกติเสาร์อาทิตย์ไม่เคยเห็นหัว แล้วอยู่ๆทำไมวันนี้ถึงได้โทรมาชวนไปโน่นไปนี่”ไอ้ไม้มันทักผมเป็นคนแรกทันทีที่เห็นผมมาถึงห้างที่เรานัดกัน
“ก็แฟนมันไม่อยู่นี่หว่า ถ้าพี่กอล์ฟอะไรของมันอยู่ มึงอย่าหวังว่าจะได้เห็นหัวมันเลย”ไอ้นัทเสริมเหมือนเยาะเย้ยผม แต่ผมไม่อยากโต้กลับเพราะมันเรื่องจริง (ไอ้นัทกับไอ้ไม้สองคนนี้ไปงานหมั้นผมด้วยครับ)
“อย่าไปล้อโก๋มันดิ่ เป็นใคร ใครก็อยากอยู่กับคนรักทั้งนั้นแหละ”เจนครับ สาวเดียวในกลุ่มที่จะไปกับพวกผมในวันนี้ (เจนมารู้เรื่องผมกับพี่กอล์ฟทีหลัง ก็วันที่ผมพาพี่กอล์ฟไปเที่ยวหลังสอบเสร็จช่วงคริสต์มาสอ่ะครับ)
“เมท ไม่มาด้วยเหรอเจน”ผมถามเพราะอยากเปลี่ยนเรื่องพูด ยิ่งพูดถึงพี่กอล์ฟทำให้ผมยิ่งคิดถึง
แล้วเราก็เดินซื้อของกัน ผมเดินไปที่แผนกขนม แล้วก็คิดถึงคำพูดพี่กอล์ฟขึ้นมาว่า “การให้ที่ดี คือการให้การศึกษา” ผมเลยเลือกขนมนิดหน่อยแล้วก็เดินไปแผนกเครื่องเขียน เลือกซื้อพวกดินสอ ปากกา สมุดเอาไปแจกเด็กดีกว่า ผมยืนเลือกไปโดยมีเพื่อนคอยช่วย แต่ผมก็คิดถึงแต่พี่กอล์ฟตลอดเลย คิดว่าถ้าพี่กอล์ฟมายืนอยู่ข้างๆตอนนี้ก็คงดี คงได้ช่วยเลือกเหมาะสมกับพวกเด็กๆที่จะได้รับแจก
ผมกับเพื่อนซื้อของเสร็จก็ตรงดิ่งไปที่บ้านแคนทอง ไปถึงก็เห็นมีหลายฝ่าย หลายคน หลายหน่วยงานเอาของมาให้เด็กๆ พวกผมไปติดต่อเจ้าหน้าที่ เขามาตรวจสอบแล้วก็ทำหนังสือขอบคุณมาให้ก่อนที่จะให้พวกผมเข้าไปแจกของให้เด็ก ระหว่างแจกของ ผมสะดุดตากับเด็กคนหนึ่งมาก ภาพเด็กน้อยหน้าตาน่ารักกำลังยืนทานไอศกรีม ตัวขาวๆเล็กๆ หน้ายาวๆคางแหลมๆ ปากเล็กเรียวบางสีชมพูอ่อนๆ ใช่เลยครับ เด็กคนนี้เหมือนพี่กอล์ฟตอนเด็กๆมาก (ผมเคยไปบ้านพี่กอล์ฟ แล้วแอบเห็นรูปพี่กอล์ฟตอนเด็กคับ พี่กอล์ฟบอกว่าตอนเด็กๆไม่ค่อยมีรูป เพราะไม่ค่อยมีเงินไปถ่าย แล้วก็ไม่ค่อยมีคนมาถ่ายด้วย)
ผมละมือจากการแจกของ ให้เพื่อนๆแจกของกันต่อไป ตัวผมเองเดินไปหาเด็กคนนั้นที่ยืนทานไอศกรีมอยู่คนเดียว “ไงครับ หนุ่มน้อย อร่อยป่ะ”
น้องเขาตอบด้วยเสียงที่ใสๆน่ารักว่า “หย่อย ดีคับ”
ผมเลยชวนน้องเขาคุยได้ความว่า น้องเขาชื่อ เก่ง (ชื่อขึ้นต้น ก.ไก่เหมือนผมกับพี่กอล์ฟด้วย) อายุจะ 6 ขวบแล้ว มาอยู่ที่นี้ได้สองปี ผมรู้สึกถูกโฉลกกับเด็กคนนี้มาก มากจนผมคิดว่าถ้าผมโตเป็นผู้ใหญ่พอเมื่อไหร่ผมจะมาขอเด็กคนนี้เป็นบุตรบุญธรรม (เรื่องนี้คงต้องไว้ปรึกษากับพี่กอล์ฟอีกที)
น้องเขาคุยเก่ง แต่ค่อนข้างขี้อาย ต้องถามซ้ำหลายครั้งถึงจะยอมพูดออกมาได้ ผมไปถามข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ เขาบอกว่า น้องเก่ง ไม่มีพ่อ มีแต่แม่อยู่กับยายที่ชุมชนแออัด แม่ไปทำงานที่ต่างประเทศแล้วไม่ติดต่อกลับมาเลย จนเมื่อสองปีทีแล้วยายน้องเก่งเสีย เพื่อนบ้านเลยพาน้องเก่งมาส่งที่นี้ เพราะไม่รู้จะติดต่อกับแม่เด็กยังไง เจ้าหนาที่ไปทำการสืบค้นเอกสารที่บ้านก็ไม่พบเอกสารอะไร เลยต้องมาตั้งชื่อแล้วทำเอกสารกันใหม่
ก่อนกลับน้องเก่งเข้ามาเกาะขาผมแล้วร้องไห้ เหมือนไม่อยากให้ผมกลับ ผมต้องอุ้มแล้วโอ๋อยู่นานร่วมกันกับเจ้าหน้าที่คอยดูแล (เด็กหลายคนก็มีปฏิกิริยาอย่างนี้นะครับ เวลาที่คนมาแจกของจะกลับกัน เจาหน้าที่บอกว่าเป็นเพราะเด็กขาดความอบอุ่น เวลามีคนมาให้ความรักความอบอุ่นทีไรก็จะเป็นอย่างนี้ทุกที)
ระหว่างที่ผมขับรถกลับมา ผมนั่งคิดถึงเรื่องน้องเก่ง ทำไมเขาต้องมาแบกรับอารมณ์ความรู้สึกอะไรที่โหดร้ายอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก การพลัดพรากการจากลา อย่างผมก็ไม่มีแม่ แต่ผมมีอาแหมะเป็นตัวแทน มีครอบครัวที่อบอุ่น ผมคิดแล้วก็วกเข้ามาถึงเรื่องพี่กอล์ฟ ก็พี่กอล์ฟเองไม่มีพ่อตั้งแต่เด็กเหมือนกัน พี่กอล์ฟต้องทนกับความรู้สึกอย่างนี้ด้วยหรือเปล่าหนอ ช่างน่าสงสารจริงๆ
ไอ้ความรู้สึกที่ต้องพลัดพรากจากลา ผมไม่ชอบเลย ตอนนี้ผมเข้าใจมันดีว่ามันเป็นยังไง มันแทบจะเข้ามายึดครองซึมซาบทุกอณูของหัวใจผมหมดแล้ว จากเรื่องน้องเก่งถึงพี่กอล์ฟทำให้ผมได้รู้อะไรหลายๆอย่างในวันเด็กวันนี้ อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้ว่า แท้จริงแล้วผมไม่ได้เป็นเด็กอีกต่อไป (เหมือนที่พี่กอล์ฟชอบว่าผมบ่อย) เพราะผมเริ่มที่จะรู้จักจัดการกับความเหงา ความเศร้า ความคิดถึงเองเป็น ผมรู้จักที่จะเป็นผู้ให้มากขึ้น ผมรู้จักที่จะเลือกเข้าใจคนอื่นมากกว่าตัวเอง เท่านี้ก็คงพอแล้วมั้ง สำหรับวันเด็กปีนี้
ปอลอ ป่อล่อ ป้อล้อ ป๊อล๊อ ป๋อล๋อ ม่ายรู้ว่าถ้าพี่กอล์ฟเข้ามาอ่านแล้วจะดีใจไหม ที่ผมม่ายด้ายเป็นเด็ก(ในเรื่องความคิด)อย่างที่พี่คิดแล้ว (เพราะอย่างอื่นผมแสดงให้พี่เห็นหมดแล้วว่าผมม่ายด้ายเป็นเด็กจิงๆ)