บทที่ 25 รักไม่ได้
ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เพราะได้ยินเสียงไก่ตัวละแสนของเสี่ยมุ่ยขันตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้น พี่เจิดเลย
ลุกขึ้นยืนบิดซ้ายบิดขวาเพราะว่านั่งหลับนานก็เลยเมื่อย
ลองบิดลูกบิดประตูดูก็เจอว่ามันไม่ได้ล็อคแล้ว พี่เจิดเลยเปิดเข้าไป มองเห็นไอ้มะลิมันกำลังหลับอยู่บนเตียงอย่าง
สบายใจ
อากาศก็หนาวออกขนาดนี้ แต่มันยังใส่กางเกงขาสั้นนอน หนำซ้ำยังนอนดิ้นจนถีบผ้าห่มลงมากองปลายเตียงอีก ความที่
กางเกงมันขาสั้น เวลาพี่เจิดมองมุมเสยขึ้นไปก็เห็นไข่ขาวๆอยู่รำไร
มันปล่อยให้พี่เจิดนอนตากยุงนอนหนาวอยู่ข้างนอก แต่มันดันนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสบายใจได้ยังไงวะ!! คิดแล้วก็
เจ็บใจ ทั้งเจ็บใจทั้งหงุดหงิดที่ไอ้มะลิมันไม่เข้าใจพี่เจิดเลยว่าพี่เจิดทำไปเพราะอะไร
“อีลิ”พี่เจิดสะกิดให้มันตื่น
พี่เจิดต้องคุยกับมันให้รู้เรื่องตอนนี้ ไม่อย่างนั้นพี่เจิดนอนไม่หลับแน่ ถึงจะเผลอหลับไปรอบหนึ่งแล้วก็เถอะ
“อือ”มันครางรับเสียงเบาก่อนจะขยับตัว
พอมันหันมาเห็นพี่เจิดมันก็พลิกตัวหันหลังหนีใส่พี่เจิดแทบจะทันที นี่ใจคอมันจะโกรธอะไรกันนักหนาวะ
“หันมานี่เลยมึง”ว่าแล้วก็คว้าไหล่มันเอาไว้ จับให้มันหันมามองหน้า
พอเห็นหน้ามันเท่านั้นแหละ พี่เจิดก็รู้สึกผิดขึ้นมายังไงไม่รู้ ขอบตาของไอ้มะลิมันคล้ำเหมือนคนอดนอนไม่มีผิด
“ถ้ามึงจะนอนมึงก็ไปอาบน้ำก่อน”มันว่าพลางจะหันหนีอีกรอบ
แต่เรื่องอะไรพี่เจิดจะยอมให้มันหันหนีง่ายๆ ยังไงวันนี้พี่เจิดต้องคุยกับมันรู้เรื่อง!!
“นี่มึงโกรธกูเหรอวะ”
“กูไม่มีอะไรต้องโกรธมึงนี่”
“มึงนี่นะ ก็เพราะมึงเป็นอย่างนี้ไงกูถึงได้ต้องทำแบบนี้”พี่เจิดบอกเสียงเบา
ก็เพราะอย่างนี้ไง มันไม่เคยพูดตรงๆกับพี่เจิดสักอย่าง เวลามีอะไรมันก็ไม่ยอมบอก ถ้ามันบอกแค่ว่าชอบพี่เจิดสักหน่อยก็
ยังดี
“ปล่อยกูได้แล้วกูจะนอน”
“กูไม่ให้มึงนอนจนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรจะคุย”ไอ้มะลิมันใช้มือดันมือของพี่เจิดออกจากไหล่
แต่มีเหรอที่พี่เจิดจะยอม พี่เจิดจับไหล่มันทั้งสองข้างเอาไว้แน่น ในเมื่อพูดด้วยปากดีดีมันไม่ยอมพูดกับพี่เจิด พี่เจิดคง
ต้องพูดกับมันด้วยร่างกายสินะ รู้สึกหงุดหงิดยังไงก็ไม่รู้
“ก็กูบอกให้มึงตื่นขึ้นมาคุยกับกูไงวะ”
“กูบอกแล้วว่าไม่คุย”
“ถ้ามึงไม่ลุกมาคุยกับกูดีๆกูปล้ำมึงแน่”
“อย่าแม้แจ่จะคิด”มันขมวดคิ้วข่มเสียงต่ำใส่พี่เจิด แต่พี่เจิดหรือจะยอม
“เอาสิ นอนได้มึงนอนไป”
จับหัวไหล่ของมันเอาไว้แน่นไม่ให้หันหนี พูดจบก็จัดการปล้ำจูบมันซะเลย ไอ้มะลิมันหันหน้าหนีทำให้พี่เจิดต้องระดมจูบ
มันทั่วหน้า ซุกไซร้เอาซอกคอหอมๆเวลาเบี่ยงหลบ ยิ่งไม่ได้กออดไม่ได้หอมมันหลายวันยิ่งทำให้พี่เจิดครึ้มใจยิ่งกว่าเก่า
“อื้อ ไอ้เจิด หยุดนะ!!”
“ทำไมล่ะ ก็นอนไปสิ”
ถ้ามันอยากให้พี่เจิดหยุดทำไมมันไม่ลองขัดขืนพี่เจิดเป็นจริงเป็นจังอย่างที่ปากพูดล่ะ เอาแต่ครางงึมงำในลำคอ ยกมือปัด
ป่ายไปทั่วจะช่วยอะไรได้
“อย่ามายุ่งกับกูนะ”
“ไม่อยากให้กูปล้ำก็ผลักกูออกสิ”
“มึงมันบ้า อื้อ”
ปากดีนักนะ ทำไมปากดีดีแบบนี้ถึงไม่เคยบอกรักให้พี่เจิดได้ชื่นใจบ้างนะ พี่เจิดก้มลงจูบมันอีกรอบ คราวนี้มันไม่ได้เบี่ยง
หนีไปไหน แต่ก็ยังใช้แขนดันเอาไว้ไม่ให้เข้าไปใกล้มากกว่านี้
“อือ หยุดสิ กูบอกว่าอย่า อะ อึก!!”
ปากก็บอกแบบนั้น แต่ตัวนี่อ่อนระทวยไปหมดแล้วเวลาที่พี่เจิดสอดมือลูบไล้เข้าไปในเสื้อ
ผิวขาวๆนุ่มมือยิ่งพาลให้พี่เจิดเตลิดเข้าไปใหญ่ ยิ่งเสียงแหบๆห้าวๆของมันดังเบาข้างหูก็ยิ่งน่าฟัง ไม่ว่าไอ้มะลิมันจะทำ
อะไรพี่เจิดก็ดูจะชอบไปซะทุกอย่าง พอรู้ตัวว่ารักมันก็พึ่งจะคิดได้ว่าพี่เจิดหลงมันแค่ไหน
ว่าแล้วก็ค่อยๆเลื่อนมือไปลูบขาอ่อนเนียนๆของมันอย่างเบามือ ก่อนจะดึงเอาขอบกางเกงนอนร่นลงแล้วจัดการถอดมันซะ
เลย เสื้อที่เกะกะก็เลิกขึ้นมา แล้วจัดการถอดออกตามกันมาติดๆ นมแบนๆกับหัวนมเม็ดเล็กๆตรงหน้าพี่เจิดก็จัดการดูดให้มันได้
สะดุ้งเฮือก ได้ยินเสียงร้องเบาๆ
พี่เจิดไม่สนใจหรอกว่าจะโยนเสื้อผ้าไอ้มะลิทิ้งไปตกอยู่ตรงไหนของห้อง พี่เจิดสนใจแต่ไอ้มะลิที่นอนหอบอยู่ตรงหน้า
ขนาดมองในแสงสลัวตัวขาวๆของมันตอนนี้แดงเถือกไปทั้งตัว ตากลมสวยปรือตามองพี่เจิดไม่วางตา
พี่เจิดรู้ดีว่ามันมองพี่เจิดด้วยสายตาผิดหวัง แต่พี่เจิดเองก็ผิดหวังเหมือนกัน
“ฮึก!! อือ”
ไอ้มะลิสะดุ้งเกาะพี่เจิดแน่น เกร็งตัวแข็งทื่อตอนที่พี่เจิดจับขาทั้งสองข้างขอองมันอ้าออกและพยายามดันงูยักษ์เข้าไปข้าง
ในดอกมะลิของมัน
“อย่าเกร็งสิวะ”ก้มไปกระซิบข้างหูมันเบาๆ
โถมน้ำหนักลงไปให้ไอ้มะลิได้โผเข้ากอด จูบที่ขมับของมันเบาๆ มันดีที่ร่างกายของไอ้มะลิมันตอบรับเวลาที่พี่เจิดทำกับ
มัน แต่มันไม่ดีกับใจพี่เจิดเลยเมื่อมันยังมองพี่เจิดด้วยสายตาที่พี่เจิดไม่อยากจะเห็นเลย
ทำไมกันนะ แค่พูดว่ารักพี่เจิดแค่นี้มันจะตายรึไง ต้องให้พี่เจิดพูดก่อนใช่ไหมมันถึงจะยอมพูด แต่ถ้าพี่เจิดพูดไปแล้วมัน
ยอมพูดพี่เจิดก็ยอม ต่อให้มันจะดูเหมือนว่าแพ้ที่ดันไปตกหลุมรักมันจนได้พี่เจิดก็จะไม่สน เพราะอย่างเดียวที่พี่เจิดสนคือคำว่า
รักจากไอ้มะลิมากกว่า
พี่เจิดยิ่งคิดก็ยิ่งกระแทกแรงจนมันตัวคลอน แขนไอ้มะลิทั้งสองข้างกอดคอพี่เจิดเอาไว้แน่น ขาทั้งสองข้างก่ายรัดรอบเอว
พี่เจิดเอาไว้เวลาที่ดันเข้าไปลึก เล็บแทบทุกนิ้วจิกลงมาบนหลังของพี่เจิดให้ได้รู้สึกแสบ
“อึก อือ!!”
ตอนนี้ไอ้มะลิมันหลับตาแน่นไม่ยอมมองหน้าพี่เจิดเลย เพราะพี่เจิดเอาแต่จ้องหน้ามัน มันอาจจะรำคาญที่ไปมองมันแบบ
คาดคั้นล่ะมั้ง มันถึงได้ไม่มองหน้าที่เจิด แถมหางตายังมีน้ำตาเล็ดออก อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปเลียเบาๆเพราะว่าพี่เจิดไม่อยากจะ
เห็นน้ำตาของมัน
ความรู้สึกเจ็บที่ใจนี้มันอะไรก็ไม่รู้ ยิ่งพยายามกระแทกแรงๆเพื่อให้รู้สึกดีที่ได้กอดไอ้มะลิมัน ใจของพี่เจิดก็ยิ่งเจ็บเป็นเท่า
ตัว ความรู้สึกเจ็บแบบนี้มันคืออะไรวะ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยรู้สึกเจ็บขนาดนี้มาก่อนเลย
เจ็บเพราะไอ้มะลิมันไม่รักพี่เจิดใช่ไหม?
พี่เจิดได้แต่มองไอ้มะลิตลอดเวลาที่ทำ แต่ไอ้มะลิมันไม่มองพี่เจิดเลย มันกัดปากเอาไว้แน่น ได้ยินแค่เสียงครางในลำคอ
แค่นั้น ตัวมันสั่นเหมือนลูกนกตกลงมาจากรังไม่ผิดเพี้ยน
จนสุดท้ายที่พี่เจิดโถมกายเข้าหามันแรงๆ ปล่อยเอาของพี่เจิดเข้าไปในตัวมัน ไอ้มะลิมันก็ยังไม่ลืมตาขึ้นมามองหน้าพี่เจิด
อยู่ดี
“ถ้าเสร็จแล้วก็เอาออกไปได้แล้ว”มันบอกทั้งที่หอบจนตัวโยน
หน้าท้องเต็มไปด้วยคราบขาวขุ่น พลางปล่อยมือจากคอแล้วทุบเข้าที่ไหล่ของพี่เจิดแรงๆ
“ลืมตาขึ้นมามองกู”
“ไม่”มันยังคงหลับตาแล้วหันหน้าหนี
“มึงโกรธกูใช่ไหมที่กูหายไปทำน้ำมันพรายมา”
“กูไม่ได้โกรธ กูมีสิทธิโกรธมึงด้วยเหรอ มึงน่ะจะทำอะไรก็เรื่องของมึง ตั้งแต่ไหนแต่ไรเวลามึงทำอะไรมึงก็ไม่เคยถามกู
อยู่แล้วนี่ แล้วเรื่องอะไรกูจะต้องไปโกรธมึงด้วย มึงจะทำอะไรหรือไปที่ไหน กินข้าวหรือไม่กินมันก็เรื่องของมึง”
ดูคนไม่โกรธมันพูดใส่พี่เจิดสิ มันพูดใส่พี่เจิดเป็นชุดทั้งที่ตัวยังไม่หยุดสั่นด้วยซ้ำ
“นี่เหรอวะคนที่เขาไม่โกรธ ก็เพราะมึงเป็นอย่างนี้ไงกูถึงได้ทำแบบนี้ มึงมันดื้อด้าน ปากแข็ง เป็นครูซะเปล่าแต่เสือกโง่”
“อย่ามาว่ากูโง่นะ มึงนั่นแหละไปทำอะไรโง่ๆ ไอ้บ้า ปล่อยให้คนอื่นเข้าเป็นห่วงอยู่ข้างหลังอยู่ได้”ไม่ว่าเปล่าแต่ยังทุบเข้า
มาที่ไหล่พี่เจิดไม่ยอมหยุด
แต่เมื่อกี้มันพูดว่าอะไรนะ มันพูดว่าเป็นห่วงพี่เจิดเหรอวะ เหมือนไอ้มะลิจะรู้ตัวว่ามันหลุดปากพูดอะไรออกมา มันลืมตาหัน
มามองพี่เจิดตาโต หน้าแดงก่ำ แต่พี่เจิดนี่สิ ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งไปแล้ว
“ยอมรับแล้วสิว่ามึงเป็นห่วงกูน่ะ”
“คะ ใครจะไปเป็นห่วงคนบ้าอย่างมึง”
“ก็เมียกูไง เมียกูที่มันเป็นห่วงกู ไม่หลับไม่นอนรอกูกลับมา แถมพอกูกลับมายังรีบลงไปรับ ถามว่ากูกินข้าวยังอย่างนั้น
อย่างนี้”
“มึงอย่ามาหลงตัวเองนะไอ้หมาเจิด!! คนอย่างมึงมันบ้า ไอ้หมาบ้าเจิด ทำแต่เรื่องบ้าๆ”
“แล้วมึงอยากรู้ไหมล่ะ ว่าที่กูทำเรื่องบ้าๆมันเพราะอะไร”
“จะเพราะอะไรได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเกลียดกู”
“กูไม่ได้เกลียดมึง ที่กูทำบ้าๆอย่างที่มึงว่าก็เพราะว่ากูอยากให้มึงรักกูไง”
“มะ มึงพูดอะไร”มันถามเสียงเบาขาดๆหายๆ ช้อนตาขึ้นมองออย่างกับว่าไม่เข้าใจที่พี่เจิดพูด”
“กู…รักมึง”
ครั้งแรกพี่เจิดคิดว่าคำว่ารักที่พี่เจิดต้องยอมพูดออกไปก่อนนั้นมันจะพูดยากกว่านี้ซะอีก เอาเข้าจริงมันไม่ได้ยากอย่างที่คิด
เอาไว้เลย
พี่เจิดจ้องมองใบหน้าที่ดูตกใจของไอ้มะลิ มันดูอึ้งเหมือนกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวองได้ยิน ก่อนที่มันจะเบือนหน้าหนีไปมอง
ทางอื่น
“กูรู้นะว่ามึงเกลียดกู แต่การที่มึงมาพูดเล่นๆกับกูแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยรึไง กูไม่ตลกด้วยนะ”
“กูก็ไม่ได้พูดให้มึงตลกนี่ ก็แค่บอกสิ่งที่ใจกูรู้สึกกับมึง มันไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้นเลย”
พี่เจิดยิ้มกว้างให้มัน มองหน้าแดงๆของมันหันหน้าหนี ใจของพี่เจิดตอนนี้รู้สึกว่าเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมาเต้นบน
พื้นห้อง หน้าแดงๆของมันทำให้พี่เจิดนึกอยากจะจัดไอ้มะลิมันอีกกสักรอบถ้าไม่ติดว่าตะวันจะพ้นขอบฟ้าขึ้นมาแล้ว
“กูรักมึงนะ”บอกย้ำเสียงเบา
ก่อนจะช้อนหน้าไอ้มะลิให้หันกลับมามอง จ้องลึกเข้าไปในตาของมันให้มันได้เห็นว่าพี่เจิดจริงจังแค่ไหน และพร้อมที่จะ
เป็นผัวที่ดีของมันแค่ไหน
แต่ทั้งที่มันน่าจะดีใจที่พี่เจิดบอกรักมัน แต่ทำไมกันหน้า หน้าแดงๆของมันตอนนี้ถึงได้ดูเหมือนอยากจะร้องไห้ แล้วทำไม
มันถึงได้พูดออกมาแบบนั้น
“แต่…กูรักมึงไม่ได้”เสียงของมันสั่นเครือดูน่าสงสาร
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สนใจมากกว่าความหมายของสิ่งที่มันพูดออกมาเลย
“มึง…พูดอะไรของมึงน่ะ”
ทำไมล่ะ ทำไมมันถึงรักพี่เจิดไม่ได้วะ ก็พี่เจิดรักมันแล้วนี่ พี่เจิดบอกมันไปแล้วว่าพี่เจิดรักมัน ทำไมล่ะ ทำไมล่ะวะ พี่เจิด
ไม่เข้าใจเลยสักนิด
“กูบอกว่า…กูรักมึงไม่ได้”
“มะ หมายความว่ายังไงวะ นี่มึงล้อกูเล่นใช่ไหม”
“กู…รักมึงไม่ได้จริงๆ”
เสียงของมันน่าสงสารจนพี่เจิดนึกใจหาย ใช่แล้ว!! ใจหาย หัวใจของพี่เจิดตอนนี้มันหายไปแล้ว
นี่ไอ้มะลิมันไม่รับรักของพี่เจิดใช่ไหมวะ แบบนี้เรียกว่าอกหักใช่รึเปล่า พี่เจิดอยากจะคว้าตัวมันมาเขย่าแรงๆให้มันยอมรับ
ความจริงแล้วบอกรักพี่เจิดออกมา แต่ตอนนี้พี่เจิดรู้สึกว่าตัวเองไม่มีแรงเอาซะเลย
“ไม่เป็นไร กูจะใจดีให้เวลามึงเตรียมตัวสักหน่อยก็แล้วกัน”พี่เจิดพูดก่อนจะยิ้มอีกรอบ
เป็นยิ้มที่โคตรจะยากที่สุดในชีวิตเลย พูดออกไปเสียงมั่นอกมั่นใจสุดๆ บางทีไอ้มะลิมันอาจจะตกใจที่จู่ๆพี่เจิดมาบอกรัก
มันก็ได้ มันถึงได้พูดออกมาแบบนั้น
ใช่แล้ว!! พี่เจิดต้องให้เวลามันตั้งตัวสักหน่อย อีกเดี๋ยววันสองวันมันหายตกใจเดี๋ยวมันก็วิ่งมาบอกรักพี่เจิดเองนั่นแหละ
คิดได้ดังนั้นพี่เจิดเลยถอนตัวออกมาจากตัวมัน ก่อนจะลูบลงไปบนหัวทุยๆของมันเบาๆไม่ให้มันคิดมาก
“เดี๋ยวกูไปอาบน้ำก่อนนะ”
------------------------------------------------------------
“พี่เจิดจ๊ะ!! พี่เจิด!!”
“พี่เจิดจ๊ะ พี่เจิด!!
“โว้ย!! ไอ้พี่เจิดดดดดด!!”ทำไมไอ้มิ่งมันต้องตะโกนเรียกพี่เจิดด้วยวะ
“มึงจะตะโกนทำไมวะ เรียกเบาๆกูก็ได้ยิน”
“แหม่!! ฉันตะโกนเรียกพี่มาได้สิบรอบแล้วมั้ง หน้าอย่างนี้น้ำมันพรายไม่ได้ผลสิท่า ถึงได้มายืนใจลอยมองตูดควายไถนา
อยู่แบบนี้”
ไอ้มิ่งนี่ก็ปากดีนัก ซ้ำเติมลูกพี่มันนักเชียว จะว่าพี่เจิดใจลอยมันก็จริงนั่นแหละ เพราะเอาแต่คิดว่าทำไมไอ้มะลิมันถึงบอก
ว่ามันรักพี่เจิดไม่ได้
“แล้วมึงมาเรียกกูทำไมวะ”พี่เจิดหันไปถามมัน
“เออ!! ฉันก็ลืม ก็ไอ้ดำน่ะสิมันหล่นท้องร่องโดนไม้ปักขา ป่านนี้เลือดหมดตัวแล้วมั้ง”
“แล้วมึงพึ่งพึ่งจะมาบอกกูเนี่ยนะ ไปเตรียมรถพามันไปโรงพยาบาลสิวะ!!”
ดันมีหน้ามาซ้ำเติมกระแนะกระแหนลูกพี่มันเรื่องเมีย ยิ่งคิดพี่เจิดก็ยิ่งเจ็บใจขึ้นมาตงิดๆ ยังไงพี่เจิดก็ต้องรู้ให้ได้ว่าทำไม
มันถึงบอกว่ามันระพี่เจิดไม่ได้
---------------------------------------------------------
พาไอ้ดำมาเย็บแผลเสร็จอะไรเสร็จก็เดินมาจ่ายค่ายาให้มัน ระหว่างที่ยืนนับตังไอ้มิ่งมันก็สะกิดพี่เจิดยิกๆ
“พี่เจิดๆ!!”
“อะไรของมึงวะ กูจะนับตังจ่ายเขา”
“นั่นมันเมียพี่ไม่ใช่เหรอจ๊ะ หลังไวไวนั่นน่ะไอ้มะลิใช่ไหม”ไอ้มิ่งชี้ไปที่เจ้าของร่างคุ้นตาเดินผ่านตึกกลางของโรงพยาบาล
อยู่ไกลๆ
ถึงจะไกลแค่ไหนพี่เจิดก็จำได้ว่านั่นน่ะเมียพี่เจิด ว่าแต่ไอ้มะลิมันมาทำอะไรที่โรงพยาบาลวะ?
“งั้นมึงจ่ายตังแทนกูที”พี่เจิดโยนกระเป๋าตังให้ไอ้มิ่งรับเอาไว้แล้วเดินตามไปตามทางที่ไอ้มะลิมันเดินหายไป
หรือว่าไอ้มะลิมันจะไม่สบายอะไรตรงไหน แล้วทำไมมันจะมาโรงพยาบาลทำไมมันไม่บอกพี่เจิดวะ พี่เจิดจะได้พามันมาส่ง
มันจะได้ไม่ต้องนั่งรถนั่งเรือมาลำบากลำบน แถมร้อนอีกต่างหาก
พี่เจิดเดินตามมันผ่านทางเดินเข้ามาอีกตึกหนึ่ง พอมาถึงไอ้มะลิมันก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เลยไปถามนางพยาบาลดู ให้
เขาช่วยชี้ทาง
พอเดินตามหาไอ้มะลิอยู่พักใหญ่นั่นแหละ ถึงได้รู้ว่าตึกนี้มันตึกเด็กอ่อน ตึกที่เอาไว้คลอดเด็ก หรือว่าน้องหมวยจะคลอด
แล้ววะ ไอ้มะลิมันก็เลยมาเยี่ยม แต่ว่าน้องหมวยยังไม่น่าจะถึงเวลาคลอดเลยนี่หว่า หรือว่าจะก่อนกำหนด
แต่ก็ช่างเถอะ คิดมากไปก็ปวดหัว เดินมาหยุดหน้าห้องพิเศษตามที่พยาบาลชี้บอกเอาไว้
ก็ไม่ได้ตั้งใจจะสงสัยอะไรนักหรอก แต่เสียงผู้หญิงที่ไม่คุ้นหูพี่เจิดทำให้พี่เจิดชะงักมือที่กำลังผลักประตูเข้าไป กลายเป็น
ว่าเปิดแง้มๆแทน
“ทักทายพ่อมะลิหน่อยเร๊วตัวเล็ก”
พ่อมะลิ? มันหมายความว่าอะไรวะ!!
“ว่าไงคนเก่ง คิดถึงพ่อไหม”แล้วทำไมไอ้มะลิมันต้องแทนตัวเองว่าพ่อวะ
“ก็ต้องคิดถึงอยู่แล้ว”เสียงผู้หญิงคนเดิมหัวร่อต่อกระซิก
“อยู่กับแม่ดื้อไหม งอแงรึเปล่าพิกุล ถ้างอแงพ่อจะไม่พากลับบ้านนะ”
พักใหญ่ที่พี่เจิดตัวแข็งทื่อฟังไอ้มะลิกับผู้หญิงคนนั้นหยอกล้อกับเสียงอ้อแอ้ของเด็กแดงๆ มองลอดเข้าไปก็เจอว่าไอ้มะลิ
มันกำลังอุ้มเด็กตัวนิดเดียวโยกตัวไปมา แถมยิ้มอีกต่างหาก
ทนไม่ไหวกับสิ่งที่เห็นพี่เจิดเลยเปิดพระตูโผล่งออกไป
“มึง…มาได้ยังไง”ไอ้มะลิหันมามองพี่เจิดตาโต
ท่าทีของมันดูตกใจแต่มันก็กอดเด็กอ่อนที่อยู่ในอกของมันเอาไว้แน่น
“นี่ใครเหรอมะลิ”ผู้หญิงบนเตียงหันไปถามไอ้มะลิ
ว่าแต่ใครกันแน่ที่ต้องเป็นฝ่ายถาม เป็นพี่เจิดไม่ใช่รึไงที่ต้องถามเมียพี่เจิดว่าผู้หญิงสวยๆบนเตียงน่ะใคร
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”พี่เจิดถามเสียงแข็ง
กำมือแน่นจ้องมองผู้หญิงบนเตียงเขม็ง
“คนนี้เป็น…”ไอ้มะลิอ้ำอึ้ง หันไปตอบผู้หญิงข้างๆมัน
“มึงก็บอกเขาไปสิว่ากูเป็นใคร”
พี่เจิดไม่ได้ตั้งใจจะบังคับมันเลย แต่ใจของพี่เจิดมันเจ็บจนจะบ้าอยู่แล้วเวลาที่เห็นมือของผู้หญิงคนนั้นคว้าเอาแขนของไอ้มะลิไปจับเอาไว้แน่น
เห็นภาพที่ไอ้มะลิมันอุ้มเด็กแล้วยืนอยู่ข้างเตียงแล้วแขนถูกมือของผู้หญิงจับเอาไว้แล้วทำให้พี่เจิดนึกอิจฉาอยากจะคว้า
เอาตัวไอ้มะลิมันแย่งออกมาจากตรงนั้นซะให้ได้
มันเหมือนเป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกกันยังไงก็ไม่รู้
“คือว่ากู…”ไอ้มะลิก้มหน้า ไม่ยอมสบตาพี่เจิด
“นี่ใช่ไหมล่ะเหตุผลที่มึงบอกว่ามึงรักกูไม่ได้”
“ไม่..ไม่ใช่”
จนถึงป่านนี้แล้วมันยังจะไม่ยอมรับอีก นี่ถ้าพี่เจิดไม่มาเห็นด้วยตาตัวเองพี่เจิดไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไงต่อไป
“คนนี้เหรอที่มะลิแต่งงานด้วย”เสียงอ่อนเสียงหวานให้พี่เจิดได้รู้สึกอิจฉา
“อืม”ไอ้มะลิพยักหน้า
“ทำไมก่อนแต่งงานกับกูมึงไม่บอกกูก่อนล่ะว่ามึงมีเมียอยู่แล้ว กูจะได้ไม่ต้องมาแต่งงานกับมึง”
ถ้ามันบอกพี่เจิดก่อนพี่เจิดก็จะได้ไม่ต้องมาหลงรักมันจนโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้ ไม่เข้าใจเลย พี่เจิดไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเรื่อง
ใหญ่ขนาดนี้ทำไมมันถึงได้ปิดบังพี่เจิดได้ เป็นพี่เจิดคนนี้ไม่ใช่รึไงที่นอนกอดมันอยู่ทุกคืน ทำไมถึงปิดบังกันได้ลงคอ
“มันไม่ใช่อย่างที่มึงคิดนะ”
“แล้วมึงจะให้กูคิดยังไงในเมื่อมึงมึงกำลังอุ้มลูกของมึงอยู่”
“เด็กคนนี้เป็นลูกของกูก็จริง แต่ว่า…”
“มึงไม่ต้องอธิบายหรอก กูรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร”
เจ็บฉิบหายเลยเวลามารู้เอาเองแบบนี้ ทั้งโกรธทั้งเสียใจเลยที่มารู้เอาทีหลังว่าไอ้มะลิมันมีครอบครัวของมันอยู่แล้ว ที่ผ่าน
มาพี่เจิดก็คงเป็นแค่ตัวเกะกะของมันสินะ เอาแต่คิดเข้าข้างตัวเองว่ามันรักพี่เจิด ที่ไหนได้มันก็มีลูกเมียอยู่แล้ว
พี่เจิดเดินออกมาจากห้องพิเศษโดยไม่ฟังเสียงเรียกของมัน มันคงจะมีความสุขถ้าพี่เจิดปล่อยให้มันอยู่กับลูกเมียมันตามที่
ควรจะเป็นตั้งแต่แรก
--------------------------------------------------
อย่าเพิ่งไปไหนกันน้าาาาาา รอฟังความข้างอีลิกันก่อนนนน ใจไม่ดีเลยเวลาคนอ่านขู่ว่าจะทิ้งกันเนี่ย!!
ซินคาดว่าอีกไม่เกิน 5 ตอนก็จบแล้ว อยู่ด้วยกันจนจบนะ T T ใครที่รอรวมเล่มก็รอฟังข่าวดีเน้อ
เจอกันอีกทีวันอังคารนะ