Chapter 19 : ผู้มาเยือนในที่สุดก็ถึงวันตามกำหนดการที่ผู้มาเยือนจะเดินทางมาถึง พวกทหารตื่นมาประจำการกันตั้งแต่เช้าตรู่ สวมใส่เสื้อผ้าเต็มยศ หมวกโลหะบนศีรษะเป็นเงามันวาบ ดูเป็นกองทัพที่น่าเกรงขามไม่ใช่น้อย ที่บนกำแพงปราสาทมีธงสองแบบปักไว้ สายลมพัดให้มันปลิวไสว ธงสีแดงซึ่งตรงขอบและลวดลายมังกรตรงกลางปักด้วยดิ้นทองอยู่ฝั่งซ้าย และธงสีน้ำเงินมีลายสิงโตปักด้วยด้ายสีขาวที่ตรงกลางอยู่ฝั่งขวา
ลูคัสนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมภายในห้องของลอร์ดหนุ่ม เขาถอนหายใจหนักๆ อย่างอ่อนใจ เมื่อคืนอีกฝ่ายก็ไม่ยอมกลับมาที่ห้องอีกแล้ว ช่างเป็นการรอคอยที่ราวกับไม่มีวันสิ้นสุดเลยจริงๆ
มือเรียวประคองล็อกเกตที่วางอยู่บนแผ่นอกขึ้นดู ก่อนจะก้มลงจูบอย่างแผ่วเบา ทั้งที่ท่านลอร์ดให้ของสำคัญขนาดนี้กับเขา แต่ทำไมจึงเลี่ยงไม่มาพบกันเล่า
“คุณคิดอะไรอยู่กันแน่นะ” ลูคัสพึมพำกับตัวเอง “จะทำให้ผมวุ่นวายใจอีกแค่ไหนกัน”
พอถึงเวลาสายๆ เด็กหนุ่มได้ยินเสียงทหารจากข้างล่างตะโกนโหวกเหวก เขาจึงรีบรุดไปยังระเบียง ดูเหมือนว่าผู้มาเยือนจะมาถึงแล้ว พวกหัวหน้านายทหารจึงออกคำสั่งให้เตรียมตัวตั้งแถวต้อนรับ
ขบวนของผู้มาเยือนมีสามขบวน แต่ละขบวนนำกองทัพทหารมาด้วย ซึ่งแยกได้จากสีธงที่แตกต่างกันไป หากทุกขบวนก็มีธงสีน้ำเงินลายสิงโตสีขาวด้วย หมายความว่าทั้งสามขบวนนั้นมาจากแคว้นเดียวกัน
ลูคัสยืนรอดูทหารของแต่ละขบวนทยอยกันเข้ามาในเขตปราสาทอยู่พักใหญ่ กว่าจะหมดทั้งสามขบวนก็ยืนเสียจนเมื่อยขา ขนกันมามากมายอย่างกับว่าจะมาบุกยึดปราสาทอย่างนั้นล่ะ เขามองดูทหารตั้งแถวกันอีกสักพักก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วนั่งลงบนโซฟาตัวเดิม สักพักสาวใช้ก็ยกสำรับอาหารเช้าเข้ามาให้
แต่เพราะวันนี้มีสาวใช้เข้ามาหาเขาเพียงคนเดียว เด็กหนุ่มจึงเอ่ยถาม “อ้าว ทำไมวันนี้มาคนเดียวล่ะ”
“คนอื่นไปช่วยเตรียมงานเลี้ยงหมดเจ้าค่ะ ท่านลูคัสรอนานไหมเจ้าคะ”
ลูคัสส่ายหน้าไปมา “ตกลงจะมีงานเลี้ยงวันไหนน่ะ”
“อีกสองวันเจ้าค่ะ”
“ท่านบาร์ดอฟคนนั้น เขายังมาไม่ถึงใช่มั้ย ผมเห็นมีขบวนเข้ามาในปราสาทแค่สามขบวน”
“ยังเจ้าค่ะ น่าจะมาถึงวันมะรืนเจ้าค่ะ”
เด็กหนุ่มหันมองออกไปทางระเบียง พอได้ยินเสียงทหารเริ่มต้นเตรียมตัวฝึกซ้อมอาวุธกันทันทีที่มาถึงก็ขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกใจอย่างไรชอบกล... การมาเยี่ยมของท่านอาจารย์กับน้องชายท่านลอร์ด ไม่น่าจะต้องนำทหารมามากมายถึงขนาดนี้ แล้วก็ไม่น่าต้องเร่งฝึกซ้อมกัน ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะเป็นการนำกองทัพมาเพื่อเตรียมรับมือการมาถึงของบาร์ดอฟแน่ๆ
“เขาเป็นคนอันตรายมากเลยหรือ”
สาวใช้ก้มหน้าหลุบตาต่ำ หล่อนพยักหน้าช้าๆ จากนั้นจึงถอยออกไปรออยู่ที่มุมห้อง
ลูคัสจัดการอาหารของตัวเองไปช้าๆ คิดไปพลางว่าวันนี้ท่านลอร์ดคงจะยุ่งมาก อย่างไรก็คงไม่ได้กลับมาที่ห้องเป็นแน่ เพราะอย่างนั้นเขาจึงคิดว่าจะออกไปเดินเล่นในสวนแก้เบื่อสักหน่อย อยู่แต่ในห้องแบบนี้อึดอัดเหลือเกินแล้ว
“เดี๋ยวผมออกไปเดินเล่นในสวนหน่อยดีกว่า”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อเสร็จจากมื้ออาหาร ร่างโปร่งเดินออกจากห้องไปพร้อมกับทหารหนึ่งนายและสาวใช้อีกหนึ่งคน เขาเลือกใช้บันไดที่อยู่ในปราสาทฝั่งซ้ายซึ่งเป็นบันไดสำหรับข้ารับใช้กับทหารเท่านั้น พอลงไปถึงชั้นล่างสุดก็ตรงเข้าสวนกุหลาบไปทันที
ดอกกุหลาบร่วงโรยไปจนหมดแล้ว กิ่งก้านถูกตัดแต่งจนสั้นและใช้ฟางกลบโคนต้นเพื่อเตรียมรับความหนาวจัดในฤดูเหมันต์ ต้นไม้ที่ปลูกไว้รอบนอกเหลือเพียงกิ่งก้าน ทำให้สวนแห่งนี้ดูเหงาหงอย แต่จะว่าไปก็ดีอยู่เหมือนกัน เขาจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครเข้ามาที่สวนแห่งนี้
เด็กหนุ่มเดินไปเรื่อยๆ ตรงไปยังศาลาภายในสวน ตามเสาของศาลามีเถากุหลาบเลื้อยพัน เมื่อถึงเวลาออกดอกในฤดูร้อนคงจะสวยงามไม่ใช่น้อย คิดไปพลางก้าวเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ในศาลาแห่งนั้น
“ท่านลูคัสหนาวไหมเจ้าคะ วันนี้อากาศเย็นจังเลย”
“ก็หนาวนะ แต่ไม่เป็นไร ผมอยากสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง” เขาตอบพร้อมกับยืดแขนยืดขาบิดขี้เกียจ
โฮ่ง!
สาวใช้สะดุ้งเฮือก รีบหันกลับไปทางต้นเสียง “แย่แล้ว ท่านลูคัสอยู่นิ่งๆ นะเจ้าคะ!” สีหน้าของหล่อนซีดเผือด ขณะที่บอกกับนายทหาร “ไปตามใครมาช่วยสิ เร็วเข้า!”
ลูคัสลุกขึ้นพรวด “เกิดอะไรขึ้น”
“สุนัขของท่านลอร์ดเจ้าค่ะ มันดุมาก โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า!”
“ฮะ! แล้วผมต้องทำยังไง”
แต่ว่าไม่ทันการเสียแล้ว สุนัขเกรทเดนตัวเบ้อเริ่มสองตัววิ่งด้วยความเร็วตรงเข้ามายังศาลาที่เด็กหนุ่มอยู่กับสาวใช้ หล่อนกรีดร้องเสียงดังลั่น
นัยน์ตาสีเข้มเบิกโพลง “ลูห์! ลาห์!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกสุนัขทั้งสองก็หยุดกึก “ลูห์ลาห์นี่นา!” เด็กหนุ่มอ้าแขนกว้าง “มานี่สิ”
เจ้าสุนัขทั้งสองตัวกระโจนเข้าสู่อ้อมกอดราวกับว่าพวกมันห่างเหินจากอีกฝ่ายมาแสนนาน พากันเลียหน้าเลียตาของเด็กหนุ่มจนเปียก
น้ำอุ่นๆ เอ่อคลอหน่วยตา แขนเรียวโอบกอดสุนัขทั้งสองตัวไว้แนบกาย “คิดถึง คิดถึงพวกแกเหลือเกิน”
“โฮ่ง” พวกมันส่ายหางรัว ร้องงี้ดง้าดเสียงแหลมราวกับจะขาดใจ สร้างความแปลกใจให้แก่ทุกคนที่ยืนอยู่ในที่แห่งนั้น สักพักพวกทหารก็มาดึงตัวพวกมันออกไป แต่ก็ยื้อกันอยู่สักพักใหญ่
“เจ้าเป็นใครกัน”
ลูคัสหันขวับไปยังต้นเสียง ซึ่งที่ตรงนั้นมีชายสูงวัยยืนอยู่ เส้นผมของเขาเป็นสีดอกเลา ริ้วรอยบนใบหน้าบ่งบอกถึงประสบการณ์มากมายที่ผ่านมาในชีวิต ดูจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็น่าจะเป็นคนที่มียศสูงไม่ใช่น้อย ที่ด้านหลังอีกฝ่ายมีทหารยืนอยู่อีกสองนาย
เด็กหนุ่มหันไปทางสาวใช้กับนายทหารที่มากับเขาอย่างงุนงง “เอ่อ...” เขายกมือขึ้นเกาศีรษะ ก่อนจะตอบกลับไป “ผมชื่อลูคัสครับ”
“รู้จักลูห์ลาห์ได้อย่างไร”
“เอ้อ... คือที่บ้านผมมีหมาสองตัว รูปร่างหน้าตาและชื่อเหมือนกัน... คงจะบังเอิญ...”
“ลูห์ลาห์เกิดในปราสาทแห่งไฮเดลแบร์ก นอกจากท่านคาร์ลแล้วข้ายังไม่เคยเห็นพวกมันแสดงท่าทีเชื่องกับใคร ช่างน่าแปลกนัก” ชายสูงวัยย่นคิ้วเข้าหากันพลางพิจารณาเด็กหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “เจ้าอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ”
ลูคัสพยักหน้าหงึกหงัก “แล้วคุณ เอ๊ย ท่าน... คือ...”
ผู้มาเยือนสบสายตากับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งทำให้เด็กหนุ่มดูไร้เดียงสาอย่างไม่น่าเชื่อ และก็น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกโกรธเมื่อโดนถามย้อน
สาวใช้ขยับไปกระตุกผ้าคลุมของร่างโปร่ง “ท่านลูคัสเจ้าคะ ท่านนี้น่ะ...”
ชายสูงวัยยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร “ข้าชื่ออาเธอร์ เป็นคนที่สั่งสอนท่านคาร์ลมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย เจ้าคงเคยได้ยินเรื่องของข้ามาบ้างแล้ว”
“ครับ ท่านอาจารย์ของท่านลอร์ด”
“บอกชื่อเต็มของเจ้ามาหน่อยซิ”
ดวงตากลมใสกะพริบปริบ “ลูคัส อารามิส วินเซนต์ครับ”
“ลูคัส อารามิส ชื่อเพราะดีนะ” อาเธอร์จับจ้องอีกฝ่ายอย่างสนใจ “อืม... ลูคัส ชื่อนี้คุ้นหูเหลือเกิน”
“ก็เด็กที่พวกทหารบอกว่าระเบิดคุกจนเป็นรูเบ้อเริ่มอย่างไรกันล่ะท่านอาเธอร์”
เจ้าของชื่อเรียกหันไปทางลอร์ดหนุ่มทั้งสองที่กำลังเดินเข้ามาจากทางด้านหลัง “อ้าว ท่านไฮน์ริช ท่านยาคอป”
“แล้วก็เป็นคนคิดสร้างถนนกับกังหันน้ำในเมือง”
ไฮน์ริชก้าวเข้าไปยืนประจันหน้าเด็กหนุ่ม แล้วพิจารณาอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “ไม่น่าเชื่อ เจ้ายังดูเด็กมากเลยนะ”
ขาเรียวพาเจ้าของถอยหลังออกไปเองโดยอัตโนมัติ ทั้งสองคนนี้ จากชื่อเรียกที่ได้ยินเมื่อครู่ก็น่าจะเป็นน้องชายของท่านลอร์ด แต่ทำไมต้องจ้องมองกันแบบแปลกๆ ด้วย เขาไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวสักหน่อย เด็กหนุ่มหันรีหันขวาง “เอ่อ...”
“ดูแปลกจริงอย่างที่ได้ยินมา จริงไหมท่านพี่” ยาคอปสะกิดพี่ชายเบาๆ ก่อนจะเดินวนไปทางด้านหลังของร่างโปร่ง “เจ้าอายุเท่าไหร่น่ะ”
ลูคัสหันหน้าไปทางคนถาม แล้วหันกลับมาทางอีกสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า “เอ่อ สิบเก้าครับ”
“ก็ไม่เด็กเท่าไหร่นะ ข้าได้ยินว่าเจ้ามาจากต่างแคว้น แคว้นไหนรึ”
แคว้นหรือ? เอาชื่ออะไรดีล่ะ เขามาจากมิวนิค ถ้างั้นก็... “แคว้นบาเยิร์น”
คนถามขมวดคิ้ว “ท่าจะไกลมาก ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
อีกคนพยักหน้าเป็นเชิงว่าเห็นด้วย “พูดจาแปลกๆ แต่คุยกันรู้เรื่องก็ยังดี”
“อืม... หน้าตารูปร่างก็ไม่ต่างจากคนปกติทั่วไปสักเท่าไหร่ พวกทหารเล่าถึงเสียข้าคิดว่าเจ้าจะมีเขาหรือมีปีก”
“แต่ก็ตัวเล็กไปหน่อย เหมือนจะกินอาหารไม่เพียงพอ แคว้นของเจ้าอดอยากรึไงน่ะ”
“ผมสีดำเหมือนถ่าน ดูสกปรกนะ แต่ก็แปลกดี”
ลูคัสชักสีหน้า ก็ทั้งสองคนนี่ จู่ๆ ก็มาวิพากย์พิจารณ์ตัวเขาตรงๆ ต่อหน้า ถึงจะเป็นผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ แต่ทำไมช่างไร้มารยาท “พวกคุณมีปัญหาอะไรกับผมกันแน่”
“เจ้ากล้าถามย้อนข้างั้นรึ”
“ผมก็ถามอยู่นี่ไง” นัยน์ตาสีเข้มฉายแววแข็งกร้าว “พวกคุณไม่ควรพูดจาแบบนี้กับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก”
“อืม... นั่นสินะ” ยาคอปหัวเราะเสียงดังอย่างพอใจ เขากับน้องชายแกล้งพูดจาไร้มารยาทใส่อีกฝ่ายเพื่อทดสอบอะไรบางอย่างเท่านั้น ก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสปลายคางพลางเม้มริมฝีปากไปด้วย เขาเริ่มก้าวขาเดินวนรอบตัวเด็กหนุ่มไปพร้อมๆ กับพี่ชาย “ท่านพี่คิดเหมือนข้าไหม”
ไฮน์ริชสบสายตากับน้องชายแล้วยิ้มมุมปาก ทว่ายังไม่ทันพูดอะไรก็มีเสียงดุๆ ของใครบางคนดังขึ้น
คาร์ลก้าวเข้ามาสมทบพร้อมกับองครักษ์ทั้งสองของเขา “พวกเจ้ามีอะไรกับลูคัสงั้นรึ”
“ท่านลอร์ด” พอเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น เห็นลอร์ดหนุ่มเดินเข้ามา เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหลบทางด้านหลังอีกฝ่ายทันที เพราะรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับแขกผู้มาเยือนเอาเสียเลย
“พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเจ้าใช่ไหม” คาร์ลถามอย่างอ่อนโยน
เพียงแค่นั้นหัวใจของเด็กหนุ่มก็พองโต เขายิ้มพลางส่ายหน้า “เปล่าครับ” เมื่อลอร์ดหนุ่มหันกลับไปทางที่น้องชายและอาจารย์ยืนอยู่ เขาก็ยังคงจับจ้องแผ่นหลังกว้างเขม็ง นานเหลือเกินแล้วที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกันขนาดนี้ หากอีกฝ่ายก็ยังอ่อนโยนกับเขาเช่นเดิม
“ท่านพี่ล่ะก็ ทำเป็นหวงไปได้ พวกข้าก็แค่อยากรู้จักคนโปรดของท่าน”
คนโปรดงั้นหรือ
ใบหน้าน่ารักซับสีเลือดทันทีที่ได้ยิน หัวใจเต้นระรัว
คาร์ลถอนหายใจหนักๆ “มันใช่เวลารึ”
“พวกข้าเห็นว่าท่านพี่กำลังสั่งงานพวกนายกองกับนายทหารใหม่ๆ วุ่นวาย ก็เลยแยกออกมาเดินเล่นรอในสวนฆ่าเวลา”
“งั้นรึ แต่ทหารของข้าบอกว่าพวกเจ้าตามหาลูคัสเป็นพัลวัน”
น้องชายทั้งสองคนหัวเราะกลบเกลื่อน ก่อนจะกระแอมเบาๆ แล้วเปลี่ยนเป็นตีหน้าขรึม “ช่างเถอะน่าท่านพี่ เรามาคุยเรื่องสำคัญกันก่อนดีกว่า พวกข้ามีแผนดีๆ ที่ท่านจะปฏิเสธไม่ได้”
คาร์ลถอนหายใจยาว “แผนอะไร”
“ข้าว่าบาร์ดอฟต้องเซ้าซี้ท่านเรื่องเลดี้บาธิลดาแน่ๆ” ยาคอปเปิดประเด็นขึ้นก่อน ซึ่งพอเขาหันหน้าไปขอกำลังเสริมจากอาเธอร์และไฮน์ริช ทั้งสองก็พยักหน้าหงึกหงัก
“เรื่องนี้ข้าก็พูดคุยกับท่านวิลแฮล์มมาเช่นกัน ข้าคิดว่าจุดประสงค์ที่ท่านบาร์ดอฟมาในครั้งนี้ นอกจากจะมาดูลาดเลาแล้ว ก็น่าจะมาคาดคั้นท่านเรื่องเลดี้บาธิลดา”
คาร์ลส่ายหน้าไปมา “เลดี้บาธิลดางั้นรึ ข้าไม่ขาดเหลือขนาดที่จะต้องไปรับเด็กอายุไม่ถึงสิบปีมาเป็นภรรยาหรอกนะ”
“แต่ถึงท่านพี่ปฏิเสธ บาร์ดอฟก็ยังจะตื๊อท่านแน่นอน ข้ามั่นใจ ดีไม่ดีอาจจะตู่เอาว่าท่านพี่รังเกียจ ทำให้เกิดความบาดหมางระหว่างสองเมือง แล้วก็ใช้เป็นข้ออ้างในการยกทัพเข้ามา”
“ใช่แล้ว เพื่อตัดปัญหานี้ไป ท่านพี่จึงจำเป็นจะต้องมีเลดี้ที่คู่ควรตลอดเวลาที่บาร์ดอฟอยู่ที่นี่” สองพี่น้องพูดเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
อาเธอร์พยักหน้าเห็นด้วย “หากท่านบาร์ดอฟเซ้าซี้จะยกลูกสาวให้ชายที่มีคู่ครองแล้ว ก็ดูจะเกินไป ข้าเห็นด้วยกับพวกท่าน”
“แล้วเลดี้ที่ว่า...” ไฮน์ริชยิ้มมุมปาก “พวกข้าก็พบคนที่เหมาะสมแล้ว” เมื่อพูดจบ เขา ยาคอปและอาเธอร์ก็พยักเพยิดหน้าไปทางด้านหลังลอร์ดหนุ่ม
คาร์ลขมวดคิ้ว จากนั้นจึงเบี่ยงตัวไปอีกทางพร้อมกับหันกลับไปสบสายตากับลูคัส “พวกเจ้าหมายถึง...”
“เด็กคนนี้นี่แหละ”
ลูคัสเบิกตาโพลง “เดี๋ยวๆ ผมเป็นผู้ชายนะ!”
“เจ้ามีใบหน้าที่น่ารักน่าเอ็นดู แต่งเป็นหญิงก็คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่สำคัญคือเจ้าเป็นคนฉลาด ช่างต่อปากต่อคำอย่างไม่กลัวเกรง ไม่มีใครเหมาะที่จะรับบทเลดี้ของท่านพี่ที่จะต้องเผชิญหน้ากับบาร์ดอฟเท่าเจ้าอีกแล้ว”
“อาจจะต้องฝึกเรื่องคำพูดกับมารยาทอีกสักหน่อย แต่เรายังมีเวลา” อาเธอร์เห็นดีเห็นงามไปด้วย
“เจ้าเต้นรำเป็นไหม” ยาคอปเอ่ยถาม
“รูปร่างผอมบางเช่นนี้ เสื้อผ้ากับเครื่องประดับก็ไม่น่าจะหายาก”
เด็กหนุ่มชี้ไปที่ตัวเองแล้วถามย้ำ “พวกคุณจะให้ผมเนี่ย แต่งตัวเป็นผู้หญิง แล้วก็ทำตัวเป็นเลดี้เนี่ยนะ!”
“เดี๋ยวก่อน” คาร์ลก้าวเข้ามาขวางข้างหน้าเด็กหนุ่ม “ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้”
วินาทีที่ได้ยินเช่นนั้น หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ เขาจ้องมองแผ่นหลังกว้างอย่างไม่เข้าใจ ทำไมกันล่ะ เขายังไม่ได้ปฏิเสธสักหน่อย
“ทำไมเล่าท่านพี่”
ลอร์ดหนุ่มอึกอัก เขาไม่ต้องการให้ลูคัสเข้ามาพัวพัน เพราะไม่อยากให้เด็กหนุ่มเข้าใจว่าเขาต้องการเพียงแค่ผลประโยชน์จากอีกฝ่าย และอีกอย่าง... “มันอันตรายเกินไป”
“โธ่ ท่านจะห่วงไปทำไมกัน ทหารของเรามีเป็นพันๆ บาร์ดอฟจะกล้าทำอะไรร้ายกาจเชียวหรือ”
ท่านลอร์ด... เป็นห่วงเขาอย่างนั้นหรือ
“ไม่ได้ อีกอย่าง... ข้าไม่อยากให้ลูคัสทำอะไรที่เขาไม่อยากทำ”
“ท่านลอร์ด” เด็กหนุ่มพึมพำเสียงเบา เขาเริ่มจะเข้าใจลอร์ดหนุ่มบ้างแล้ว เป็นเพราะว่าเป็นห่วง และเพราะอีกฝ่ายให้อิสระกับเขาแล้วจึงไม่ต้องการบังคับอย่างนั้นสินะ
ลูคัสเอื้อมมือออกไปจับท่อนแขนแกร่งไว้ “ท่านลอร์ด ผมจะทำ”
“ไม่ได้ มันอันตราย บาร์ดอฟเป็นคนที่ร้ายกาจมาก ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าต้องเข้าไปเสี่ยง!”
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นเถียง “ถ้าคุณตกอยู่ในอันตราย ผมก็จะเผชิญหน้ากับอันตรายนั่นไปพร้อมกับคุณ” ก่อนริมฝีปากสีแดงจะคลี่ยิ้มบาง “อีกอย่าง คุณคงไม่ปล่อยให้มีอะไรเกิดขึ้นกับผมได้หรอกใช่มั้ย”
“เจ้า...” คาร์ลราวกับถูกรอยยิ้มน่ารักนั้นตรึงไว้ชั่วครู่ ก่อนจะเบือนหน้าหนี
“เขาตกลงใจแล้ว ท่านพี่ก็อย่าขัดเขาเลยน่ะ” ไฮน์ริชสรุปเอาเองเสร็จสรรพ จากนั้นจึงส่งยิ้มให้กับเด็กหนุ่ม เขาเดินเข้าไปหาพร้อมกับยกมือขึ้น
ลูคัสมองฝ่ามือนั้นอย่างงงๆ เขาส่งมือให้ไฮน์ริชเพราะเข้าใจว่าจะเชคแฮนด์กัน ทว่าอีกฝ่ายกลับประคองมือเขาขึ้นแล้วโน้มใบหน้าลงมาแนบจูบ
“เพื่อเป็นการขอโทษที่ข้าพูดจาไม่ดีกับเจ้าไป ข้าขอสัญญาว่าในสองวันนี้ เจ้าจะกลายเป็นเลดี้ที่เหมาะสมกับท่านพี่ที่สุด”
“เห!” เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง
“ไฮน์ริช!” คาร์ลดุน้องชายเสียงดัง หากไม่ทันได้พูดอะไรต่อ น้องชายทั้งสองก็กึ่งลากกึ่งจูงเด็กหนุ่มเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
อาเธอร์หัวเราะ “ข้าไม่ได้เห็นความวุ่นวายเช่นนี้มานานเหลือเกินแล้ว ท่านคาร์ลไม่ต้องกังวลไป ข้าจะช่วยดูแลลูคัสให้อีกแรง แต่ข้าว่าตอนนี้เข้าไปข้างในกันก่อนเถิด ข้าต้องการปรึกษาท่านเรื่องงานเลี้ยงสักหน่อย”
นัยน์ตาสีฟ้ามองตามหลังเด็กหนุ่มไป ก่อนเขาจะหันกลับมาหาอีกฝ่ายแล้วพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก “อืม”
*~TBC~*บรรยากาศระหว่างทั่นหลอดกับน้องลูเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้วน้า~
งานนี้ต้องมีคนสำลักน้ำอ้อยจากไร่น้องลูแน่นวล /โปรดอย่าคิดลึก
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านนะคะ