ตอนที่ 13.2
โจฮาลยังคงเป็นผู้นำทางของคณะ แม้ว่าการเดินทางครั้งนี้พวกเขาจะมากับกลุ่มพรานที่มีความชำนาญพิเศษในการเดินป่าก็ตาม ทั้งคณะเดินทางขึ้นเหนืออีกครั้ง ข้ามแม่น้ำไอเรนาและล่วงเข้าไปในชายแดนของอาณาจักรแอสทารอธ เพื่อจะเดินทางไปยังทุ่งอีแลนด์ซึ่งเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่และเต็มไปด้วยฝูงสัตว์
"ทุ่งอีแลนด์เรียกได้ว่าอยู่ระหว่างเส้นทางที่เซนทอร์ใช้ข้ามจากเมืองเลาน์เรนไปยังเมืองมารินา จึงนับได้ว่ามันเป็นอาณาเขตของแอสทารอธ ทางที่ดีก็ควรจะยุติการล่าสัตว์ก่อนพระอาทิตย์ตกดินดีกว่า"
เอเดรียนวางแผน เขาถือแผนที่แสดงอาณาเขตคร่าวๆไว้ในมือ และแนะนำให้พวกพรานดูด้วยเพื่อทำความเข้าใจ "ข้าไม่รู้ว่าฝูงสัตว์ใด อาศัยอยู่ที่ใดบ้าง นั่นจึงเป็นหน้าที่ของพวกเจ้า เราอาจจะต้องออกล่าสัตว์อย่างนี้ไปอีกหลายวัน ถ้าสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่ดีขึ้น ไอย์ชวลก็คงจะไม่ขายเนื้อสัตว์ให้เราอยู่ดี"
เหล่านายพรานพยักหน้ารับรู้และเริ่มคิดว่าควรจะวางแผนการล่าสัตว์อย่างไร เพราะทุ่งอีแลนด์ที่กว้างใหญ่นี้มีสัตว์อยู่มากมายหลายชนิดเหลือเกิน แต่ละพวกก็ออกหากินไม่พร้อมกันเสียด้วย "ตอนเช้าพวกกวางเอลก์จะมาดื่มน้ำที่แม่น้ำธีนา เราสามารถข้ามแม่น้ำไปล่าสักหกเจ็ดตัว" พรานหนึ่งเสนอ "ส่วนพวกอีแลนด์จะเลาะเล็มหญ้าที่ชายป่า หากต้องการจะจับพวกมัน เราจะต้องต้อนพวกมันให้ห่างป่า สัตว์พวกนี้หากกระโจนเข้าพงไม้แล้วก็คงจะหากันไม่เจอ"
เอเเรียนพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันไปหาจาเร็ตต์ "เจ้าว่าอย่างไร"
"ข้าได้สังเกตพฤติกรรมของพวกครึ่งม้าแล้ว พวกเขานิยมล่าสัตว์ในตอนบ่ายที่พวกสัตว์เริ่มพักผ่อนตามชายป่า และออกล่าอย่างเป็นทางการเดือนละสองครั้ง ซึ่งเมื่อวานนี้ก็เป็นครั้งสุดท้ายของเดือนนี้ ดังนั้นจึงมีความเป็นได้สูงว่าพวกเขาจะไม่เข้ามาในทุ่งอีแลนด์วันนี้"
คนสนิทมุ่นคิ้วเล็กน้อย "แต่การไปต้อนพวกอีแลนด์ถึงชายป่าเกรงว่าใกล้เมืองมารินามากไปหน่อย"
"เช่นนั้นเราก็ควรจะล่าอีแลนด์ในตอนที่พวกมันมาดื่มน้ำ น่าจะปลอดภัยกว่า"
เมื่อพวกพรานป่าตกลงกันได้แล้ว พวกเขาจึงเริ่มแบ่งกลุ่มกันตามอาวุธที่ถนัด และแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับพฤติกรรมของสัตว์แต่ละชนิดซึ่งจะทำให้การล่าง่ายขึ้น โจฮาลดึงม้าเข้ามาใกล้เอเดรียนในจังหวะที่เลสธีราห์ชะโงกหน้าไปฟังการสนทนาของกลุ่มพรานด้วยความอยากรู้ "ทำไมเลสธีราห์ถึงไปอยู่ในห้องเจ้าได้" เอเดรียนที่โจฮาลรู้จักไม่ค่อยให้ความสนิทสนมกับใครมากนัก เขาดูจะปิดตัวเอง และเข้าหายากแม้ว่าจะมีท่าทางอ่อนโยนยิ้มง่ายใจดีกับทุกคนก็ตาม จริงแล้วเลสธีราห์อาจเป็นคนแรกที่ได้เข้ามานอนในห้องของแม่ทัพใหญ่
"ก็คุยเพลินน่ะ ทีแรกเจ้านั่นมีเรื่องจะปรึกษาข้า"
โจฮาลไหวไหล่ทีหนึ่ง "น่าแปลกที่เจ้ายอมให้เข้าห้องด้วย ปกติเห็นระวังระแวงจะเป็นจะตาย" ถึงลักษณะการแสดงออกของเลสธีราห์จะไม่น่าสงสัยเลยก็ตาม แต่ประวัติและภูมิหลังของอีกฝ่ายก็ยังดูไม่น่าไว้ใจสำหรับคนระดับเอเดรียนอยู่ดี "เจ้าไม่ระแวงเด็กนี่จริงรึ" ชายหนุ่มกระซิบถามแม่ทัพ
"จะมีสักกี่คนกัน... ที่ข้าสบายใจจะอยู่ด้วยแบบนี้" เอเดรียนยิ้มตอบ
โจฮาลถอนใจยาวแล้วจึงตบบ่าสหายสองสามครั้ง "เจ้าขี้ระแวงอย่างเดิมก็ดีแล้ว เอเดรียน ระวังตัวให้มาก อย่าบอกนะว่าเจ้าลืมเรื่องของเวห์เซียไปแล้วน่ะ" คำเตือนของคนสนิททำให้แม่ทัพใหญ่ขมวดคิ้วเข้าหากันและมองคนพูดอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
"เลสธีราห์เป็นผู้ชาย..."
"จะผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเจ้ายังใจดีให้เข้าหาง่ายๆอยู่อย่างนี้มันน่ากลัวเหมือนกันนั่นล่ะ"
เอเดรียนพ่นลมหายใจไม่สบอารมณ์ "เจ้าก็น่าจะรู้จากบุคลิกของเขา เลสไม่มีอะไรเหมือนเวห์เซีย"
"เอเดรียน..." โจฮาลเรียกเหนื่อยใจ "ข้าไม่ได้ห้ามปรามอะไรเจ้า แต่ข้าแค่อยากจะเตือน เวห์เซียก็เข้าหาเจ้าในเวลาอันรวดเร็วไม่ใช่หรือ แล้วก็ได้รับความไว้ใจจากเจ้าในเวลาสั้นๆไม่ใช่หรือ เพราะเจ้าเป็นคนอ่อนโยนอย่างนี้ถึงได้ถูกหักหลังเอาไม่ใช่หรือไง"
เอเดรียนยอมรับว่าสิ่งที่โจฮาลพูดนั้นเป็นความจริง "หากข้าไม่ใช่แม่ทัพ... คงจะดีกว่านี้"
ก่อนที่โจฮาลจะพูดอะไรต่อ เสียงฝีเท้าของฝูงสัตว์ก็ทำให้ทั้งหมดเงียบฟังด้วยความตื่นเต้นระคนระวังตัว ดูเหมือนว่าฝูงกวางเอลก์ขนาดใหญ่จะมาถึงแม่น้ำธีนาแล้ว พวกมันกรูกันเข้ามาแย่งที่ดื่มน้ำ บ้างก็ลงไปแหวกว่ายในกระแสน้ำที่ค่อนข้างแรง "เราเล็งตัวที่ลงเล่นน้ำดีกว่า ขว้างหอกจากฝั่งนี้อย่างไรก็ไปถึงตัวพวกที่อยู่ริมน้ำยาก ขอแค่ทำให้พวกมันเสียการทรงตัวได้ เอลก์ก็จะไหลไปตามกระแสน้ำ ขอแค่ดักร่างของมันให้ทัน" หัวหน้าพรานให้คำแนะนำ "ไปตามกระแสน้ำนี้มีต้นไม้ล้มขวางอยู่ เราควรไปดักที่ตรงนั้น"
"เลสธีราห์... เจ้าเป็นคนเลือกเหยื่อ" เอเดรียนออกคำสั่ง "ข้าจะให้โจฮาลล์กับจาเร็ตต์แล้วก็พรานอีกสี่คนไปดักเหยื่อที่ไม้ล้มขวางแม่น้ำนั่น เจ้ายิงตัวที่ล้มยากที่สุดสามตัวให้มันไหลไปตามน้ำ แล้วที่เหลือก็แค่ให้มันบาดเจ็บ ข้ากับพรานที่เหลือจะข้ามไปจัดการพวกมัน"
"เจ้าเห็นข้าขึ้นสายเร็วกว่ากวางวิ่งหรือไร!"
ถึงจะประท้วง แต่เอเดรียนก็ตบบ่าร่างโปร่งและดึงให้อัลธอร์วิ่งไปที่ไม้ล้มขนาดยักษ์ที่กลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสองฝั่งแม่น้ำ แม้ว่าสุดทางจะมีช่องว่างอยู่บ้างก็ตามที เลสธีราห์ส่ายหัวกับตัวเองและลงจากอานเพื่อขยับเข้าไปใกล้ฝูงสัตว์มากยิ่งขึ้น ลูเซียที่รู้งานยืนอยู่เฉยๆเพื้อไม่ให้เกิดเสียงเคลื่อนไหว
นัยน์ตาสีฟ้าครามเเหลือบมองเอเดรียนที่ปีนขึ้นไปบนซากไม้อย่างทุลักทุเลและไม่แน่ใจว่าอัลธอร์จะสามารถกระโดดข้ามช่องว่างระหว่างยอดไม้กับอีกฝั่งแม่น้ำได้หรือไม่ ร่างโปร่งจับสายธนูของตนดึงเล็กน้อยขณะมอง และทันใดนั้นน้ำที่อยู่เบื้องใต้ก็เคลื่อนไหลลดอย่างรวดเร็วจนซากไม้เอนลงใกล้ฝั่ง เอเดรียนรีบพาอัลธอร์กระโจนลงไปอย่างคล่องแคล่ว แม้จะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
"หึ... มนุษย์เอย" เลสธีราห์ลอบยิ้ม แล้วลูบคันธนูแอควาเรียร์ของตนเบาๆ
เมื่อพวกบนหลังม้าทยอยข้ามฝั่งไปแล้ว เซนทอร์ก็เริ่มมองหาเหยื่อขนาดพอเหมาะที่ไม่ใหญ่เกินไปหรือเล็กเกินไป พวกเอลก์ยังลงเล่นน้ำสนุกสนานขณะที่เอเดรียนเริ่มสั่งกระจายกำลังล้อมรอบฝูงสัตว์ ขนาดตัวของพวกมันเทียบเท่าหรือใหญ่กว่าม้าศึกขอพวกเขาด้วยซ้ำ และเขายาวใหญ่ก็เป็นอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นการออกล่าครั้งนี้จึงต้องอาศัยความแม่นยำและความชำนาญอย่างยิ่งทีเดียว
เลสธีราห์ได้สัญญาณจากแม่ทัพใหญ่ เขาหยิบลูกดอกมาขึ้นสายและค่อยๆง้างมันออก
นัยน์ตาสีฟ้าครามเพ่งไปที่ตัวผู้หนึ่งที่เดินลงมาถึงกลางแม่น้ำโดยไม่กลัวเกรง
การจะยิงสัตว์พวกนี้ให้ถึงตายในครั้งเดียว เลสธีราห์จะต้องเล็งที่ลำคอหนาที่เต็มไปดัวยเส้นเลือด เส้นประสาท และมัดกล้าม เซนทอร์หนุ่มง้างธนูขึ้นสุดแขนและเพ่งที่จุดหมายอย่างแน่วแน่
...ผึง!!
อาวุธพุ่งออกจากสายอย่างรวดเร็วและแหวกอากาศไปถึงตัวเหยื่อในอึดใจ และเสียงร้องสั้นๆด้วยความเจ็บปวดก็ทำให้ฝูงสัตว์ตื่นตระหนก กวางที่เหลือวิ่งขึ้นจากน้ำ จังหวะเดียวกันที่เลสธีราห์ขึ้นสายเพื่อยิงให้ได้อีกสักตัว
"ไป!" แม่ทัพใหญ่ออกคำสั่งกับกลุ่มพราน พวกเขากระจายกำลังออก และเริ่มพุ่งคมอาวุธใส่เป้าหมาย เอเดรียนชักดาบคู่ใจของตนออกมาบ้าง เขามุ่งฟันท่อนขาที่วิ่งห้อสุดแรงเพื่อเอาชีวิตรอด เสียงร้องของฝูงสัตว์ดังระงมไปทั่วบริเวณ
"อ้าก!!!"
ฝูงสัตว์ตื่นตกใจวิ่งชนทุกสิ่งที่กีดขวางและเหยียบกระทืบซ้ำไม่สนใจ พรานหนุ่มเคราะห์ร้ายล้มลงพร้อมกับม้าของตนและหายไปใต้ฝีเท้าระรัว อัลธอร์วิ่งตีคู่ไปกับเอลก์เพศเมียขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง ม้าศึกเร่งฝีเท้าเพื่อให้เจ้านายของตนฟาดฟันดาบไปที่ช่วงขาทรงพลังนั้น แต่จังหวะที่เอเดรียนเงื้อดาบขึ้นสุดแขนนั่นเอง... ลมกราดเกรี้ยวก็พุ่งเข้าปะทะร่างจนอัลธอร์ยังเซถลา
"เอเดรียน!!" จาเร็ตต์ตะโกนเรียก "พวกไอย์ชวล!"
...
สิ่งที่พัดผ่านแม่ทัพใหญ่ไปคือปีกมหึมาของม้าศึกขนาดยักษ์ที่มาพร้อมกับคนขี่บนหลังของมัน
"ถอย! ถอยออกมา!!!"
อัลธอร์เบี่ยงวิ่งออกจากฝูงสัตว์และกลับไปที่แม่น้ำใหญ่ แต่แล้วอาชาร่างยักษ์ก็ร่อนลงตัดหน้าพร้อมกับสะบัดปีกใส่จนขนนกร่วงหล่นออกมาหลายเส้น "ขยันกันแต่เข้าเลยเชียว พวกมนุษย์นี่" นัยน์ตาสีดำของผู้ควบขี่หันมองแม่ทัพใหญ่ ร่างกายกำยำแน่นไปด้วยมัดกล้ามหันมาเผชิญหน้าพร้อมกับธนูคันโตในมือ
"วันนี้ก็เป็นวันที่ข้าขยันผิดปกติเหมือนกัน"
พวกภูตบนหลังม้าพุ่งออกมาจากชายป่าและเผชิญหน้ากับคณะพรานจากอาเดรีย เอเดรียนรู้จักผู้นำทัพปราการของไอย์ชวลดี เขาเป็นหัวหน้าคณะนักล่าที่มีชื่อเสียงที่สุดของภูต และขึ้นชื่อว่ามีความชำนาญการในการล่าสัตว์มากที่สุด "...คูแรนน์"
การที่เอเดรียนมีชีวิตรอดอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะคูแรนน์ไว้ชีวิตเขา
"เอเดรียน... แม่ทัพแห่งอาเดรีย" คูแรนน์ดึงม้าของตนมาประจันหน้าตรงๆ อัลธอร์เหยาะย่างเท้าอยู่กับที่ขณะประสานสายตากับม้าศึกร่างยักษ์ตรงหน้า การเคลื่อนไหวของทุกคนหยุดชะงักทั้งภูตจากไอย์ชวลและมนุษย์จากอาเดรีย พวกเขามองผู้นำของตนด้วยหัวใจที่แทบจะหยุดเต้น "เจ้าล่วงเข้ามาในเขตแดนของแอสทารอธ นี่เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่..."
"เจ้าเองก็ล่วงเข้ามาในเขตแดนของแอสทารอธ" เอเดรียนยอกย้อน
คูแรนน์แค่นหัวเราะสั้นกับประโยคนั้น และตบคอม้าคู่ใจของตนทีหนึ่ง "ฟังซิ ไคลเดสเดล พวกมนุษย์ที่ทำผิดแต่กลับไม่ยอมรับ ซ้ำยังพยายามหาคนร่วมกระทำผิดอีกด้วย" นัยน์ตาสีดำมองคู่สนทนานิ่ง "ข้าเป็นตัวแทนจากไอย์ชวล มุ่งหน้าไปยังมารินาหลังจากได้รับคำอนุญาตจากเหนือหัวให้สามารถติดต่อค้าขายกับพวกเอลฟ์ได้"
เอเดรียนพยายามจะดึงให้อัลธอร์ก้าวถอย แต่ไคลเดสเดลก็รุกเข้าหาอย่างรู้ทัน แม่ทัพใหญ่รู้ดีกว่าเพียงแค่พละกำลังของม้าสองตัว เขาก็ไม่อาจเอาชนะได้แล้ว และเขาก็ไม่ต้องการเสี่ยงชีวิตของม้าคู่ใจด้วย ไคลเดสเดลของคูแรนน์มีขนาดใหญ่เกินไป ทั้งโครงสร้าง และพละกำลัง เพียงกระแทกแค่ครั้วเดียว อัลธอร์อาจจะซี่โครงหักและถึงชีวิตได้
ผู้นำกลุ่มพรานของไอย์ชวลมองความสงบนิ่งของคนตรงหน้าดัวยความสนุกลึกๆ
"สุขุมอย่างที่เขาว่า... แต่โทษทีที่ข้าไม่ชอบความเงียบนานๆ"
อึดใจที่ไคลเดสเดลขยับปีกใหญ่ เอเดรียนก็ชิงชักม้าวิ่งเบี่ยงออกมาให้พ้นช่วงแขนของคูแรนน์ "ถอย!!!" พวกเขาไม่มีสิทธิ์จะต่อสู้กับเจ้าของอาณาเขตหรือผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาอย่างถูกต้อง ดังนั้นการถอยกลับจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด คณะพรานของอาเดรียรับคำสั่งนั้นด้วยการบังคับม้าให้หันกลับไปยังแม่น้ำ แต่ในระยะทางที่ต้องล่าถอยนั้นก็จำต้องมีการปะทะอย่างช่วยไม่ได้
...เคร้ง!
เสียงดาบสองเล่มประสานกันรุนแรงจนฝูงนกแตกฮือจากพุ่มไม้ อัลธอร์พยายามก้มตัวลงขณะผู้ควบขี่บ่ายเบี่ยงวิถีดาบของศัตรูออกสุดแรง "นี่รึ แม่ทัพแห่งอาเดรีย!!" ไคลเดสเดลยกสองขาหน้าขึ้นตะกายอากาศและกระทืบลงดินด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะออกวิ่งไล่ผู้รุกรานที่พยายามจะถอยหนีกลับไปในเขตตน
เอเดรียนไม่ตอบคำปรามาส เพราะเขารู้ดีว่าตนอยู่ในสถานะอะไร
ในวันนี้เขารุกรานแอสทารอธ และไม่มีเหตุผลใดจะกล่าวอ้างให้เห็นใจ อีกทั้งการปะทะกับคนอย่างคูแรนน์ก็ไม่ใช่หนทางที่ฉลาด พวกเขาอาจต้องต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด แต่เอเดรียนก็พยายามภาวนาไม่ให้มีภูตถูกฆ่า เพราะไม่อย่างนั้นอาเดรียอาจจะต้องรับศึกหนักจากไอย์ชวลด้วย
ด้วยความที่มีขนาดใหญ่กว่าและน้ำหนักมากกว่า ฝีเท้าของไคลเดสเดลจึงเทียบอัลธอร์ไม่ได้ แต่นายของมันก็เปลี่ยนมือจากดาบเป็นหอกเล่มยาวแทน
...ฉึก!
ภูตหนุ่มไม่เจตนาจะเอาชีวิต ดังนั้นหอกเล่มยาวจึงพุ่งลงปักพื้นข้างตัวอัลธอร์แทน และนั่นก็ทำให้ม้าศึกตื่นตระหนกและเสียความเร็วในการวิ่ง
...พลั่ก!!
จังหวะนั้นเองที่ไคลเดสเดลไล่ถึง มันทุ่มน้ำหนักกระแทกม้าศึกข้างเคียง และนั่นก็ทำให้ม้าตัวเล็กกว่าเสียหลักล้มพร้อมกับเหวี่ยงคนขี่ตกจากหลังด้วย "เอเเรียน!!" เลสธีราห์ตะโดนเรียก ร่างของแม่ทัพหนุ่มร่วงลงกระแทกพื้นและไถลออกไปอีกตามแรง ชายหนุ่มรีบวิ่งขึ้นไปที่ซากไม้เพื่อไปช่วยสหายของตน ขณะที่ม้าตัวอื่นของอาเดรียกำลังกรูกันกลับมา
โจฮาลหันกลับเมื่อได้ยินเสียงอัลธอร์ร้อง เขาพุ่งเข้าไปขวางระหว่างคูแรนน์กับเอเดรีย และยกขวานในมือขึ้นข่มขู่ ผู้นำทางของอาเดรียอาจมีขนาดตัวไม่ต่างจากผู้นำคณะพรานของไอย์ชวลมากนัก แต่ด้วยขนาดของม้า ทำให้โจฮาลคิดว่าตนดูตัวเล็กไปถนัดตา ไคลเดสเดลยังคงกางปีกออกกว้าและย่างเดินเข้าหาศัตรูเชื่องช้าเอาเรื่อง
"ถอยรึ... ช่างเป็นแม่ทัพที่ไม่มีศักดิ์ศรี"
โจฮาลตั้งท่าพร้อม และภาวนาให้เอเดรียนลุกขึ้น "ศักดิ์ศรีของแม่ทัพข้า ยิ่งใหญ่กว่าอะไรทั้งสิ้น"
...โครม!!
ไคลเดสเดลกระะทืบเท้าอีกครั้งและพุ่งเข้าโถมใส่คู่ต่อสู้ คูแรนน์เหวี่ยงดาบลงฟาดประสานกับขวานใหญ่และกันศัตรูออกไปด้วยพละกำลังทั้งหมด จังหวะเดียวกับที่ภูตอีกตนพุ่งเข้ามาใช้ดาบจ่อโจฮาลเอาไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนไปไหนอีก
เอเดรียนยังเจ็บจนลุกไม่ขึ้นถึงตอนนี้... ขณะที่คูแรนน์ก้าวเข้าไปใกล้ทุกที
"เอเดรียน ลุกสิ..." เลสธีราห์อยู่อีกฝั่งฟากแม่น้ำ และกำหมัดโดยไม่สนใจสายตาของภูตตนอื่นที่มองตนอยู่ด้วยความสนใจ เพราะทั้งรูปร่างและการแต่งตัวของเลสธีราห์นั้นดูไม่เหมือนมนุษย์เอาเสียเลย
คูแรนน์ไม่ได้คิดจะเอาชีวิตเอเดรียน... แต่เขาก็คงปล่อยฝ่ายนั้นกลับไปไม่ได้เช่นกัน
แต่ภูตหนุ่มแค่ไม่พอใจการกระทำที่ไม่มีศักดิ์ศรีของมนุษย์ตรงหน้า
"ความเป็นผู้นำของเจ้าไปไหนเสียหมด แม่ทัพใหญ่" เสียงทุ้มถามเรียบ "แม่ทัพไม่ใช่สักแต่รับคำสั่งผู้นำที่ไม่ได้เรื่อง แต่แม่ทัพมีหน้าที่ต้องประคองบ้านเมืองให้อยู่รอด" แต่ก่อนที่ปลายดาบยาวจะแตะกับคอของคู่สนทนา เอเดรียนก็หยัดตัวขึ้นยืนและเงื้อดาบขึ้นพร้อม "แม่ทัพไม่จำเป็นต้องกู้หน้าให้ผู้นำที่นำพาความเดือดร้อนมาให้ประชาชนของตัวเอง"
"เจ้าจะไปเข้าใจอะไร คูแรนน์"
นัยน์ตาสีเข้มมองประสานกันดุดัน คูแรนน์กระชับดาบในมือมั่น และตั้งใจว่าจะลองประมือด้วยสักครั้ง "ความสุขุมของเจ้ามันน่าโมโหชะมัด" เอเดรียนกลั้นใจเล็กน้อย หัวใจของเขาบีบเกร็งด้วยความรู้สึกกลัวขึ้นมาชั่วขณะ คูแรนน์เป็นนักรบแถวหน้าของไอย์ชวล และขึ้นชื่อว่าเลือดเย็นที่สุดในบรรดาผู้นำสี่เหล่าทัพ... และการกระทำของอีกฝ่ายในตอนนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
การถูกเหวี่ยงตกจากหลังม้าครั้งนี้ทำให้เอเดรียนรู้สึกมึนชาไปครึ่งซีก และเขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถสู้กับคนที่อยู่บนม้าตัวโตขนาดนั้นได้หรือไม่ "เจ้าไม่ใช่ชาวอาเดรีย... เจ้าไม่มีวันเข้าใจ" คูแรนน์กระตุกบังเหียน และพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ เออเดรียนได้ยินเสียงหวีดลม เขายกอาวุธในมือตนขึ้นรับแม้จะรู้ว่าอาจไม่สามารถทัดทานได้
...เคร้ง!!!
เสียงปะทะนั้นดังใกล้หู แต่กลับไม่มีแรงกระแทกใดๆส่งผ่านมาถึงตัวเขา กลับเป็นคูแรนน์เองที่เสียหลัก "เลสธีราห์!!" ทั้งที่เตรียมใจไว้อย่างนั้น แต่เมื่อเอเดรียนดึงตัวเองกลับมาเขาก็พบว่าร่างโปร่งของตนใช้คันธนูรับคมดาบเอาไว้ และเหวี่ยงกลับอย่างกราดเกรี้ยว
"ย้าก!!"
ฝ่ายนั้นผงาดร่างขึ้นเหนือไคลเดสเดลและฟาดคันธนูเข้าใส่ม้าศึกจนอาชาร่างยักษ์ต้องวิ่งถอย... ชายชุดหนังสีดำพลิ้วไหวสะบัดตามแรงปะทะ และร่างกายช่วงล่างที่กลับคืนเป็นอาชาก็ยกขาสองข้างขึ้นตะกุยอากาศอย่างดุร้าย
ไคลเดสเดลยขาขึ้นสู้... แต่กลับไม่อาจทานแรงของเซนทอร์ได้
เช่นเดียวกับคูแรนน์ที่เหวี่ยงดาบเข้าใส่ แต่ก็ถูกกันออกไป
เซนทอร์สีขาวทองปราดร่างผ่านผู้นำพรานไอย์ชวลไป และยกขาหลังขึ้นกระแทกกีบเท้าใส่สีข้างม้าศึกจนเสียหลัก ไคลเดสเดลกางปีกพยุงตัว แต่ก็ล้มคว่ำลงกับพื้นไม่เป็นท่า คูแรนน์ถูกเหวี่ยงตกจากหลังม้าตาม แต่เขาก็แข็งแรงพอที่จะหยัดตัวขึ้นทันทีเพื่อตั้งรับการโจมตีของเซนทอร์
มือใหญ่คว้าคันธนูคู่ใจมาขึ้นสายโดยปราศจากลูกดอก ทันใดนั้นสายลมรอบตัวก็แปรเปลี่ยนทิศทางมารวมกันเป็นอาวุธในมือของผู้นำพรานแห่งไอย์ชวล เช่นเดียวกับเลสธีราห์ที่ง้างธนูของตนด้วยความเร็วไม่แพ้กัน และนั่นก็ทำให้น้ำในแม่น้ำต้องกลับทิศ ผงาดขึ้นสูงในอากาศและพร้อมที่จะโถมเข้าใส่คู่ต่อสู้
"ธนูลมอัลซาโตเกียร์..." เซนทอร์หนุ่มมุ่นคิ้ว "คูแรนน์!"
คนที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยกันดีจรดยิ้มเหยียดที่มุมปากตอบ "ไง... เลสธีราห์ ผู้บัญชาการกองเรือเซเลสต์แห่งแอสทารอธ..."
--------------------------------------------------
---------- TO BE CONTINUE ----------
---------- WRITER's TALK ----------
สวัสดีค่ะ ดราม่า(...)
ฮาาา... มีเรื่องดราม่าหลายเรื่องในตอนนี้(?) ทั้งเอเรส แอสทารอธ เลสธีราห์
ขอแจ้งความดราม่าที่สำคัญที่สุดก่อนนะคะ
...ตอนนี้อัพทันที่ลงในอีกเว็บแล้ว ความเร็วในการอัพตอนต่อไปจะช้าลง(พอสมควร) จากที่อัพทุกวัน วันละ 1 ตอน จากนี้จะเป็นอาทิตย์ละ 1 ตอน (หรือ 2 ตอนถ้ามีแรงเขียน) แฮ่ะๆ (แล้วจะต้องมา down speed ช่วงที่เรื่องกำลังดราม่าด้วยนะ << มันใช้แรงเยอะมากอะ ในการเขียนแต่ละฉาก ซับซ้อนเหลือเกิน OTL)
ไม่รู้จะคุยอะไร ฮา... กรี้ดตัวละครได้ไหม 555
อาจจะมีงงบ้าง... ขออธิบายเกี่ยวกับตัวละคร "คูแรนน์" (ที่เรียกอย่างสนิทสนมซะเหลือเกินทั้งเพิ่งมีบทแค่ 2 ฉาก) เน้อะ
![](https://scontent.fbkk2-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/1382956_568047939917626_938975575_n.jpg?oh=34f43ad4ac66fc7e16dfc269f5db17e4&oe=5897EAC8)
ชื่อเต็มๆของนางคือ คูแรนน์ บลังค์ ค่ะ (เป็นตัวละครจากเรื่อง "REVERSED ปลายศรธนูเพลิง" และมีเมียชื่อเรียฟ)
...เป็นญาติลูกพี่ลูกน้องของเลสธีราห์ แต่ตัวคูแรนน์เป็นครึ่งภูตนะคะ เป็นเผ่านกที่สามารถกางปีกออกมาจากหลังได้ (ตระกูลบลังค์นี่เป็นอะไรกัน ชอบแต่งข้ามพันธุ์ 555) คูแรนน์ใช้ธนูลม ในขณะที่เลสธีราห์ใช้ธนูน้ำ... คุณสมบัติของธนูลม (อัลซาโตเกียร์) คือสามารถดึงลมมาขึ้นสายได้ ถือเป็นธนูระดับเมพที่สุดในตระกูลธนูสี่ธาตุ (แต่เลสธีราห์ก็กลัวที่ไหนล่ะ)
ส่วนไคลเดสเดลเป็นชื่อม้าของคูแรนน์... เป็นม้าพันธุ์ Clydesdale (มีปีก) ตัวสูงใหญ่มาก (คูแรนน์เองก็สูงประมาณ 196 เซน)
พูดถึงม้าก็ต้องบอกหน่อยว่าม้าอัลธอร์ของเอเดรียนเป็นพันธุ์ Alter-Real ค่ะ ตัวเล็กกว่า Clydesdale มากกกกก (รู้สึกเหมือนเป็นสารคดีม้า 555 นี่ถึงขนาดมีสอนเรื่องเกือกร้อนเกือกเย็นด้วย << แค่จะให้ซาฮาลกับรีดาห์ได้จับมือกันเมื่อตอนที่แล้ว...)
.
.
เห็นที่นี่ไม่ค่อยมีแนวแฟนตาซี(อันนี้ดูเป็นทั้งสารคดีม้า สารคดีปลาวาฬ สารพัด...)
แอบแป้วๆใจนิดหน่อย OTL แต่เห็นมีกดเป็ดให้ทุกตอนเลยก็... เอาน่ะ!! มีคนอ่าน!!! สู้ค่าา...
ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้นะคะ ,;, 3 ,;, ยาวมากเลย
เพิ่งได้กันไปครั้งเดียวแบบเมาๆด้วย //หึ่ยยย
ปล. เพจ >>
https://www.facebook.com/khaosapNOVEL/ || ทวิตเตอร์ >>
https://twitter.com/KhaosapWriting