♥ ONE DAY ♥
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥ ONE DAY ♥  (อ่าน 23776 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
♥ ONE DAY ♥
« เมื่อ12-10-2016 22:13:19 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



**********************************************


ONE DAY

รวมเรื่องสั้นของ JittiRain




one day เป็นการรวมเรื่องสั้นทั้งหมดของจิตติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
โดยจะเก็บไว้ในคลังนี้ทั้งหมด รวบรวมเรื่องสั้นเดี่ยว เรื่องสั้นโปรเจ็กต์ เรื่องสั้นแก้บน
เรื่องสั้นโคตรสั้น เรื่องสั้นโคตรยาว เรื่องสั้นอะไรวะ?
และถึงแม้จะมีแต่เรื่องสั้นๆ จิตติก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นความทรงจำยาวนานของทุกคน

รายชื่อเรื่องสั้นที่ผ่านมา



Now every other day I'll be watching you.
จากนี้...ทุกๆ วันผมจะเฝ้ามองคุณ



#วันเดย์ชอร์ทฟิค


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2017 22:14:37 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Infinity days [12/10/59]
«ตอบ #1 เมื่อ12-10-2016 22:17:41 »


Infinity Days



If music be the food of love, play on
หากความรักมีคีตาเป็นอาหาร จงขับขานให้ข้าอย่ารู้หาย
จักดื่มกินจนสิ้นอยากแล้วพรากตาย ดื่มด่ำคล้ายโลกนี้มีเพียงเรา

- William Shakespeare -



“มอร์นิ่ง! เดย์”

   “มอร์นิ่งอลิซ วันนี้ตื่นเช้าแฮะ” เสียงทักทายหวานใสของเด็กหนุ่มวัยยี่สิบซึ่งกำลังขะมักเขม้นกับการรดน้ำต้นดอกเวอร์บีน่ากล่าวขึ้น ขณะที่เพื่อนบ้านสาวอีกคนชะโงกหน้าออกมาจากระเบียงชั้นสองด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่ต่างกัน นี่คือหน้าที่ของเขา หน้าที่...ในทุกเช้าหลังจากลืมตาขึ้นมาทักทายกับแสงแดดในรุ่งอรุณ

   “ไม่ต้องมาแซวเลย ปกติก็ตื่นเช้าอยู่แล้วนะ”

   “โอเค...เป็นปกติ” เด็กหนุ่มพึมพำ พลางพยักหน้าไปมาสองสามครั้ง

   “เดี๋ยวไอไปอาบน้ำก่อน อ้อ! ลืมบอกไป พี่สาวไอจะไปเที่ยวแคลิฟอร์เนียสักอาทิตย์นึง ยูอยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย”

   “ไม่ล่ะ...ขอบใจ” แค่ตอนนี้ กับความอบอุ่นที่ได้รับมันก็เพียงพอเกินกว่าจะต้องการสิ่งใดแล้ว

   เขาคิดเรื่อยเปื่อยอยู่ในหัวได้สักพัก จึงวางกระบอกฉีดน้ำสีเหลืองอ่อนไว้ตรงตำแหน่งเดิม ก่อนลากเท้าลงไปยังชั้นล่างของตึกแถว ซึ่งเปรียบเสมือนคาเฟ่กึ่งแกลอรี่เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป...

   ‘เชอริแดน’ เป็นเมืองเล็กๆ ในรัฐอิลลินอยส์ของอเมริกา เขาอาศัยอยู่ที่นี่ได้เกือบห้าเดือนแล้ว ชีวิตคนไทยในต่างแดนเริ่มต้นอย่างขลุกขลักในช่วงแรก และมันก็ค่อยๆ ราบเรียบเป็นน้ำไหลเอื่อย ตอนเช้าอากาศแจ่มใสและปราศจากควันพิษเพราะอยู่ในหมู่บ้านเงียบสงบ ทำให้เจ้าของดวงตากลมโตมีความสุขอย่างที่ปรารถนามาตลอด

   ปรารถนา...ว่าจะได้มา Work & Travel สักหกเดือน แต่เวลาที่เหลืออีกเพียงเดือนเดียวนั้น เขาได้แต่ภาวนาว่าขอให้มันราบเรียบเหมือนที่ผ่านมาก็คงจะดีไม่น้อย

   “เดย์มาทานเบรคฟาสต์ก่อน เดี๋ยวค่อยทำก็ได้” หญิงวัยกลางคนท่าทางจิตใจดีเอ่ยขึ้นด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษแปร่งๆ นั่นทำให้คนที่ถูกขานเรียกรีบหันไปมองยังเจ้าของน้ำเสียงอบอุ่นทันที

   “คุณทานก่อนเลย ผมขอจัดตรงนี้นิดหน่อย” พูดจบ เขาก็สาละวนกับการหยิบโน่นจัดนี่อย่างสนุกมือ

   อย่างที่บอก ร้าน Graph cafe’ คือคาเฟ่กึ่งแกลอรี่ เพราะเจ้าของบ้านชื่นชอบการถ่ายภาพเป็นพิเศษ และมันคงไม่ตื่นเต้นเลย หากเดย์...ผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีดำสนิทนั้นไม่ได้เรียนเอกถ่ายภาพ และรักภาพถ่ายยิ่งกว่าชีวิต

   “เดย์...มาก่อน อย่าให้คุณแมททิวรอสิ”

   “อ่า...ครับ”

   สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนเดินผละออกจากข้าวของบนชั้นวางจนได้ แค่เอาความเกรงใจมาขู่มีหรือคนอย่างเขาจะไม่ยอมทำตาม นี่คงเป็นแผนเด็ดของผู้หญิงคนนี้แล้วสิ ให้ตาย...

   โฮสต์ของเขาใจดี การอยู่บ้านกึ่งคาเฟ่นี้ถือเป็นความใฝ่ฝันที่เกินคาด ครอบครัวเกรเลอร์เป็นครอบครัวเล็กๆ ที่อาศัยอยู่สามคนพ่อแม่ลูก แมททิวเป็นหัวหน้าครอบครัว ทำงานเป็นคอลัมนิสต์ให้กับนิตยสารท่องเที่ยว มีภรรยาชาวไทยใจดีสุดกู่อย่างนภา และลูกสาวตัวน้อยๆ อย่างเด็กหญิงจนินที่อายุเพียง 5 ขวบ

   และตอนนี้เขาก็ได้กลายเป็นสมาชิกคนที่สี่ของบ้านไปโดยปริยาย แม้ระเบียนประชากรมันจะไม่ได้ระบุอย่างนั้นก็เถอะ

   “ทานเยอะๆ ออมเล็ตนี่ของโปรดเธอเลยนะ” แมททิวที่นั่งนิ่งอยู่นานผลักจานอาหารเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ทันทีที่เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้

   “ขอบคุณครับคุณแมททิว” เจ้าตัวตอบเสียงเรียบ

   “เออนี่เดย์ วีคเอนท์นี้ฉันกับแมทจะไปเยี่ยมญาติที่ซานฟราน ยังไงฝากร้านด้วยแล้วกัน” เธอบอกกับเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ระยะเวลาห้าเดือนบ่งบอกได้อย่างดีว่าเดย์เป็นเด็กที่ไว้ใจได้มากแค่ไหน

   “ได้ครับ...”

   “แล้วที่สำคัญ”

   “...”

   “มหา’ลัยที่นิวยอร์กกำลังอยู่ในช่วงปิดเรียน เพราะฉะนั้นหลานชายของฉันก็เลยจะมาพักกับเราที่นี่ก่อนเปิดเทอม ยังไงวันเสาร์ฝากรอรับเขาด้วยนะ” เธอฝากฝังทุกสิ่งอย่างไว้ ก่อนจะเริ่มขยับช้อนและส้อม ให้ความสนใจกับการทานอาหารเช้า รวมถึงป้อนข้าวลูกสาวตัวน้อยๆ ไปพร้อมกัน

   ทิ้งไว้เพียงเด็กหนุ่ม ที่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยโดยไม่พูดอะไรออกมา มันมีแต่คำถามและความคาดหวัง...หวังว่าคนๆ นั้นจะเป็นคนจิตใจดี เป็นเพื่อนใหม่ เป็นความทรงจำอีกหนึ่งเดือนที่น่าประทับใจ แม้เขาจะกลัวการทำความรู้จักกับคนแปลกหน้าอยู่มากก็ตาม…











 
   เช้าวันเสาร์มาถึงราวกับนาฬิกาทำงานอย่างหนัก

   เดย์หยิบภาพถ่ายมาติดไว้ตรงผนังของร้านเป็นการฆ่าเวลา เพื่อรอใครบางคนที่กำลังมาถึงในไม่ช้า วันนี้ที่ร้านคนไม่เยอะเท่าที่ควร อาจเพราะเป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่จุคนได้จำนวนหนึ่งทำให้บรรยากาศไม่พลุกพล่านจนน่าปวดหัว   

“พี่เดย์ ลูกค้าเข้า! เอสเปรสโซร้อนแก้วนึง” เสียงหวานใสของเด็กหญิงวัยสิบหกซึ่งเป็นพนักงานพาร์ทไทม์เพียงคนเดียวของที่นี่กล่าวขึ้น

   “โอเครอแป๊บนะ” เจ้าตัววางสก็อตเทปสองหน้า พร้อมกับกรรไกรลง ก่อนจะหันไปหยิบจับทำกาแฟตรงเคาท์เตอร์อย่างคล่องแคล่ว สมกับเป็นบาริสต้ามือหนึ่งของร้าน ซึ่งฝึกปรือฝีมือมาได้เกือบห้าเดือนเห็นจะได้

   กรุ๊ง...กริ๊ง!

   ประจวบกับเสียงกระดิ่งซึ่งแขวนอยู่ตรงประตูดังขึ้น เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าลูกค้าคนล่าสุดกำลังเดินเข้ามาภายในตัวร้าน

   “ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานสาวทักทายลูกค้าเสียงสดใส

   เจ้าของร่างสูงสาวเท้าเข้ามา ดวงตาเรียวยาวหรี่มองไปทั่วขณะที่สองมือยังถือข้าวของพะรุงพะรัง เขาวางของพวกนั้นไว้ริมประตู แต่มีสิ่งหนึ่งที่หวงแหนยิ่งกว่าอะไรและมันยังคงถูกแขวนไว้บนบ่าอยู่ นั่นคือกีตาร์แบรนด์ญี่ปุ่นตัวโปรด อย่าง Takamine แต่นั่นก็ยังไม่น่าสนใจเท่ากับคนที่หัวหมุนกับการทำกาแฟตรงเคาน์เตอร์

   “ขอเบอเบิ้ลวิสกี้ครับ” เสียงทุ้มต่ำคล้ายกับเสียงเบสเอ่ยขึ้น น้ำเสียงนั้นแปลกประหลาดแต่ก็น่าฟัง เพราะมันรื่นหูคนฟังเข้าอย่างจังจนต้องหันมามองให้เต็มตา

   ภาพที่เห็นคือผู้ชายร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง ใบหน้าขาวใสไร้ซึ่งหนวดเครา ดวงตาที่ดำสนิทเข้ากับสีผมที่เป็นสีเดียวกัน เขาใช้มือข้างหนึ่งพาดเคาน์เตอร์อย่างเป็นกันเอง ส่วนมืออีกข้างก็ถือสายคล้องกีตาร์เอาไว้ราวกับหวงแหนสุดชีวิต

   “เอ่อ...ร้านเราไม่ขายเหล้าครับ” เดย์ตอบตามมารยาท

   “งั้นขอ Pall mall ก็ได้”

   “นี่ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อนะครับ” เขาพยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด บ่อยครั้งที่การทำงานมักเจอะเจอผู้คนแปลกประหลาดอยู่บ่อยๆ และเขาก็ชินที่จะต้องตอบคำถามพวกนั้นโดยไม่แสดงอารมณ์ร้ายๆ ออกมา เพราะลูกค้าก็คือลูกค้า ลูกค้าคือพระเจ้า

   แม้คนตัวสูงหน้าตาหล่อเหลาบางคนจะเอาแต่ถามถึงเหล้ากับสูบบุหรี่ในร้านกาแฟก็ตาม

   “แล้วถ้าฉันต้องการล่ะ”

   “...”

   “ถ้าบอกพนักงานให้ไปซื้อเหล้ากับบุหรี่มาให้แล้วค่อยสั่งกาแฟ นายยินดีจะทำมั้ย”

   “งั้นต้องขออภัยครับ ทางร้านไม่ได้มีนโยบายให้พนักงานวิ่งโล่บริการนอกสถานที่” เดย์บ่นงุบงิบ แต่มันก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนสำหรับใครบางคนเช่นกัน

   “เวรกรรม! บาริสต้าที่นี่โคตรดุเลย”

“ผมน่ะเหรอดุ คุณต่างหากที่กวนประสาทได้ที่”

“คงงั้นมั้ง”

“...”

“ฉันชื่อองศาเป็นหลานเจ้าของร้าน ยินดีที่ได้รู้จัก” พูดจบก็รีบยื่นมือผ่านเคาน์เตอร์เพื่อเช็คแฮนด์กับเขา เดย์ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ เพราะไม่คิดว่าหลานชายของโฮสต์จะแปลกประหลาดเกินกว่าที่สมองจินตนาการเอาไว้

   “...!!”

   “จับมือสิ โธ่...เบื่อพวกความรู้สึกช้าว่ะ” สุดท้ายก็ตัดสินใจปัดมือขาวที่กำลังจับแก้วกาแฟเบาๆ เป็นเชิงทักทาย

   พูดเอง เออเอง จับมือเอง และก็เดินตัวปลิวไปยังชั้นสองโดยไม่ถามชื่อเขาสักคำ

   แปลกคน...

   ทิ้งไว้เพียงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ซึ่งวางอยู่บนพื้นระเกะระกะขวางทาง จนสาวสวยพาร์ทไทม์ต้องลากไปทิ้งไว้ตรงมุมร้านเพื่อความสะดวกในการเดินของลูกค้าท่านอื่นๆ

   หลังจากทำกาแฟเสร็จและไม่มีลูกค้ารายใหม่เข้ามา เดย์จึงเปลี่ยนจากยืนนิ่งๆ เดินไปทั่วร้านตามนิสัยเด็กไม่ชอบอยู่นิ่ง กระทั่งสายตาปะทะเข้ากับกระเป๋าเดินทางใบเขื่อง ซึ่งถูกปากกาเคมีสีดำสนิทกับสติกเกอร์ลายประหลาดติดเอาไว้จนทั่ว มองดูเหมือนเด็กสามขวบกำลังหัดเรียนรู้ แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเป็นปม พลางอ่านข้อความที่อยู่บนนั้น


   ‘If music be the food of love, play on : William Shakespeare’


   “ท่าจะชอบดนตรีจริงๆ แฮะ” เจ้าตัวพึมพำเสียงแผ่ว

   นอกจากนั้นก็มีข้อความอีกมากมายที่ถูกเขียนระบาย ราวกับเจ้าของไม่หวงแหนกระเป๋าใบนี้สักเท่าไหร่ หากเป็นที่ไทย การกระทำแบบนี้คงไม่ต่างจากการเขียนเฟรนด์ชิพให้กับเพื่อนก่อนจะแยกย้ายกันไป


   ‘ไอ้องศาหน้าหมา’


ตัวหนังสือภาษาไทยขนาดยักษ์ ที่ต่อให้เดินลากไปไกลขนาดไหนยังมองเห็นชัดเจนทำให้เขาหลุดขำ พลันยกมือขึ้นมาปิดปากเพื่อกลบเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

   หน้าหมาเลยเหรอ? หมาอะไรหล่อจัง

   ดวงตากลมโตกวาดอ่านข้อความต่างๆ ไปทั่ว ส่วนใหญ่จะเป็นคำคมเกี่ยวกับดนตรี หรือบางครั้งมักจะเห็นตัวหนังสือภาษาอังกฤษตวัดเป็นถั่วงอกคล้ายภาษาอาหรับ ให้เดาคงจะเป็นฝีมือบรรดาเพื่อนๆ ของคนตัวสูงที่พากันมาละเลงสีสันราวกับของชิ้นนี้เป็นกระดาษเปล่า

   จนกระทั่ง...


   ‘If you love me let me know : K’


   คงเป็นใครบางคน ที่รู้ว่าคนตัวสูงรู้สึกยังไง คงเป็นใครบางคน ที่มองเห็นแววตาลึกซึ้งอย่างเข้าใจ ถึงได้กล้าเขียนประโยคนั้นไว้บนกระเป๋า และมันก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าลายมือของคนอื่นมากโข

   ความรักเป็นสิ่งสวยงามจริงๆ และเขาก็อดอิจฉาผู้ชายชื่อแปลกอย่างองศาไม่ได้ เพราะมีไม่กี่คนหรอกที่แอบชอบอีกฝ่ายแล้วเขารับรู้และรักตอบ เดย์เองก็อยากเจอเหมือนกัน...

   “พี่เดย์ทำอะไรอยู่ ลูกค้ามาแล้ว” ร่างโปร่งสะดุ้งโหยง รีบหันขวับไปทางต้นเสียงก่อนจะสาวเท้าอย่างรีบเร่ง พร้อมกับโพล่งประโยคแก้ต่างให้ตัวเอง ที่เอาแต่แอบอู้งานมาอ่านข้อความของชาวบ้านจนเสียงานเสียการ

   “โทษที จะไปแล้ว...”











   วันนี้ปิดร้านค่อนข้างดึก กว่าจะเก็บของขนย้ายอะไรก็ปาไปเกือบสองทุ่ม ดีที่ดูเหมือนหลานชายโฮสต์จะไม่ค่อยสะทกสะท้านต่อความหิวสักเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่มาถึงก็เอาแต่ขลุกอยู่ในห้อง จนเขาต้องเป็นฝ่ายขึ้นไปตามตัวลงมาทานข้าวเนื่องจากเหลือกันอยู่แค่สองคน

   เขาเองก็ไม่อยากกินข้าวคนเดียวอย่างเหงาหงอยนักหรอก

   คิดได้เท่านั้นก็รีบเดินขึ้นไปยังชั้นสอง ลองเคาะประตูสองสามครั้งแต่กลับไม่มีคนเปิด จึงถือวิสาสะเปิดเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ภาพแรกที่เห็นคือร่างสูงโปร่งกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงหลังใหญ่ ใบหน้าอ่อนกว่าวัยฉุดให้คนมองย่างเท้าเข้าหาในระยะประชิด คล้ายกำลังสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ

   เขาเพิ่งรู้เหตุผลว่าทำไมการพยายามเคาะประตูอย่างบ้าคลั่งถึงศูนย์เปล่า ก็เพราะเจ้าบ้านี่เอาแต่หยิบหูฟังขึ้นมาครอบหูและหลับไปทั้งอย่างนั้นต่างหาก

   แต่ในเมื่อตั้งใจมาชวนกินข้าวแล้ว ก็ไม่อยากเสียเวลาจึงเอื้อมมือไปเขย่าไหล่กว้างเบาๆ

   “นี่นาย! ตื่น! ไม่หิวหรือไง”

   “...”

   “องศา กับข้าวจะหมดแล้วนะ ฉันจะฟาดให้เรียบเลยถ้าขืนนายยังชักช้าอยู่”

   “เสียงไก่เสียงกาที่ไหนวะ” อีกฝ่ายละเมอพูด ก่อนจะปรือตาขึ้นและได้สบกับคนตรงหน้านิ่งๆ มันเป็นเพียงเสี้ยววินาทีที่ดวงตาสองคู่ต่างไหววูบอย่างน่าประหลาด แต่ก็กลับมาเรียบนิ่งสงบอีกครั้งเมื่อเสียงหัวใจทำงานเป็นปกติ

   “ไก่ที่ไหนเล่า ฉันชื่อเดย์ ขึ้นมาเรียกนายไปกินข้าวเย็น”

   “อ่าฮะ” พยักหน้าเข้าใจ แต่ร่างกายไม่ยอมขยับไปไหน

   “เข้าใจหรือเปล่าเนี่ย ทำไมดูเป็นคนเข้าใจอะไรยากอย่างนี้”

   “เฮ้อ...ฉันกำลังฟังเพลงโปรดของฉันอยู่ต่างหาก แต่นายก็ดันมารบกวนความสุขที่มีแค่สี่นาทีกับอีกสามสิบสี่วิของฉันลง” คนตัวสูงพูดเสียงเนือยๆ รีบชันตัวขึ้นมานั่งพลางขยี้ตาราวกับเด็กน้อยเพิ่งตื่น

   แต่ทำไมมันถึงได้ดูน่ารักสำหรับคนมองก็ไม่รู้...

   “กินข้าวแล้วค่อยขึ้นมาฟังก็ได้ จะฟังสักร้อยรอบก็ไม่มีใครว่านายหรอก” เดย์บ่นอย่างไม่จริงจัง ไม่กล้าจดจ้องใบหน้าหล่อเหลา เพราะยังรู้สึกประหม่ากับคนแปลกหน้าอยู่

   “ถ้านายฟัง นายจะรู้ว่ามันดีแค่ไหนและฉันรอที่จะฟังในเวลานี้เท่านั้น” พูดจบก็ดึงหูฟัง Beats ออก ก่อนจะหยิบมันมาครอบไว้ให้คนที่ยืนทำตาปรอยในเวลาต่อมา

   “...”

   “Photograph ฟังไว้ แล้วนายจะหลงรักมัน”

ริมฝีปากได้รูป ใบหน้าขาวสะอาดกับจมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาหรี่ขวางเหมือนคนไม่สนโลกแต่กลับมีเสน่ห์อย่างน่าหลงใหล เขาแปลกใจที่ทำไมเลือดถึงได้สูบฉีดรุนแรงขนาดนั้น เพราะมันอาจทำให้เกิดสภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้ เพียง 3 วินาที...

   “นายหลงรักเพลงของฉันหรือยัง” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยซ้ำ มันกำลังดังก้องในหูไม่หยุดจนเหมือนกับเขาได้ยินประโยคแสนธรรมดานั้นเพราะกว่าเพลงที่กำลังฟังอยู่เสียอีก

   มันอาจเป็นจริงอย่างที่อีกฝ่ายพูดไว้

   “ถ้าได้ฟังบ่อยๆ ก็อาจจะหลงรัก...มั้ง!”

   ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปอีกหน่อยเขาอาจหลงรัก...เจ้าของเพลงไปแล้วก็ได้...
   










   “กินมูมมามจังนายเนี่ย”

เหมือนการสนทนาที่ยาวนานนั้นจะถูกย่นระยะลงในเวลาอันสั้น ซึ่งมันกำลังแปรฝันตามกับความสัมพันธ์ที่กินเวลาไม่นานเช่นกัน แค่ได้คุย แค่ได้รู้จัก สนิทสนม และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของกันและกัน ทำไมถึงรู้สึกว่าทั้งคู่รู้จักกันมาเนิ่นนานแล้ว

   “นายก็มูมมามเหมือนกันแหละ เดย์...” องศาเริ่มเรียกชื่ออีกฝ่ายให้ชินปาก หนึ่งเดือนต่อจากนี้จะเป็นเวลาที่เขาต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักใครอีกสักคนอย่างจริงจัง

   “อืมว่าจะถามนานแล้ว นายเรียนที่ NYU เหรอ”

   “ใช่”

   “คณะอะไร”

   “สคูลออฟอาร์ต ศิลปกรรมน่ะ แล้วไม่ต้องถามนะว่าสาขาอะไร เห็นแบกกีตาร์กับชอบฟังเพลงขนาดนี้นายคงพอเดาออก” เจ้าตัวพูดยาวเหยียด ซึ่งมันก็กระจ่างชัดในความสงสัยของเขาจนต้องพยักหน้าหงึกหงักและตักข้าวเข้าปากดับอาการบางอย่าง

   บ้าไปแล้วเดย์ นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

   “รีบกินเถอะ เดี๋ยวข้าวก็ติดคอหรอก แล้วนายล่ะอยู่ที่ไทยเรียนอะไร”

   “ฉันเรียนนิเทศเอกถ่ายภาพ”

   “ถึงว่า...”

   “ถึงว่าอะไร” ร่างโปร่งชิงถาม เมื่อเห็นใบหน้ากรุ้มกริ่มจากอีกฝ่ายตอบกลับมา

   “ร้านของคุณน้าน่ะ เมื่อก่อนมักจะมีรูปแนวเดิมๆ ตลอด ซึ่งฉันรู้ดีว่ามันเป็นฝีมือการถ่ายภาพของแมททิว แต่นี่ไม่ใช่ นี่อีก นั่นอีก แต่ฉันชอบภาพนั้น นายเคยไปที่อิสตันบูลมาสินะ ฉันพยายามถ่ายภาพมุมนั้นตลอดแต่ก็ทำไม่ได้ ช่วงเมจิกอาวส์มันหมดซะก่อนน่ะ” นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังภาพถ่ายที่ถูกแปะไว้ตามผนังร้าน ราวกับเห็นภาพพวกนั้นมานานนับปี

   “อ่า...นายนี่เก่งจริงๆ นอกจากหูดีแล้วสายตายังดีอีก” เดย์กล่าวชื่นชมเสียงเรียบ สองแก้มแดงก่ำซับสีเลือดเพราะไม่เคยคิดว่าจะมีใครมองเห็นรายละเอียดพวกนี้มาก่อน

   “นี่ชมหรือด่า”

   “ชมสิ คุณหมาหน้าหล่อ”

   “ขอร้องอย่าเรียกแบบนี้ อยากโดนกระทืบเหมือนเพื่อนฉันอีกคนหรือไง” องศาพูดอย่างไม่จริงจัง ก่อนหน้านั้นบนโต๊ะอาหาร พวกเขาต่างสนทนากันเรื่องข้อความที่ถูกเขียนอยู่บนกระเป๋าเดินทาง หนึ่งในข้อความที่ได้รับการสนใจก็คือประโยค ‘ไอ้องศาหน้าหมา’ นั่นแหละ แต่เป็นหมาทั้งทีธรรมดาก็คงไม่ได้ ต้องเป็นหมาหน้าหล่อด้วยถึงจะถูก

   “โดนนายกระทืบคงไม่เจ็บหรอกมั้ง”

   “อยากลองมั้ย”

   “ไม่ดีกว่า”

   “อยู่ที่ไทยชอบทำอะไร”

   “เดิน”

   “เดินเหรอ?”

   “ฉันชอบเดิน เดินไปเรื่อยๆ แล้วก็ถ่ายภาพ แล้วนายล่ะ”

   “เดิน...”

   “กวนตีนป่ะเนี่ย”

   “เรื่องจริง เดินไปฟังเพลงไป สนุกดี”

   “แปลกแฮะ”

   “ฉันแปลกหรือนายแปลก”

   “เปล่า...แปลกที่เพิ่งมาเจอคนที่ทำอะไรคล้ายๆ กันแต่ดันมาอยู่อีกมุมโลกต่างหาก”

   ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากทั้งคู่อีก มีเพียงเสียงลมหายใจกับเสียงกระทบกันของช้อนและส้อม ซึ่งดังขึ้นมาเพื่อกลบเสียงบางอย่างให้บรรเทาเบาบางไปเท่านั้น

   เสียงของหัวใจสองดวงที่มันสอดประสานในจังหวะเดียวกัน

   และเสียงของคำถาม ว่าทำไมถึงรู้สึกดีเพียงแค่ได้นั่งอยู่ตรงข้ามและทานข้าวด้วยกัน

   ทำไม...











   เหลือเวลาอีก 15 วันก่อนกลับไทย...

   “คุณเดย์ครับ มัวแต่รดน้ำต้นไม้อยู่นั่นแหละ วันนี้ร้านปิดนะ” เสียงทุ้มต่ำเหมือนเบสตะโกนจากด้านในตัวบ้าน ไปยังคนที่ยืนถือกระบอกฉีดน้ำอยู่หน้าระเบียง

   “ร้านปิดแต่ต้นไม้ไม่ได้ปิดด้วยนี่ มันยังต้องการน้ำ” เจ้าตัวตอบกลับมา

   คู่สามีภารยาและลูกน้อยครอบครัวเกรเลอร์กลับมาอยู่บ้านเป็นอาทิตย์แล้ว หลังจากไปเยี่ยมญาติแค่สองสามวัน พวกเขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมหลานชายกับเด็กหนุ่มจากต่างแดนถึงได้สนิทกันรวดเร็วขนาดนั้น เพราะถ้านับดูดีๆ เวลาสองอาทิตย์มันก็น้อยเกินไปสำหรับการรู้จักใครบางคนอย่างลึกซึ้งจริงๆ

   และก็อดกลัวไม่ได้ เพราะความสัมพันธ์ฉันเพื่อนแม้จะเนิ่นนานแต่บางทีก็เจ็บปวด เมื่อใครบางคนต้องจากไปในสักวันหนึ่ง...

   “รดเสร็จแล้วรีบมาเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้เรามีเดทกันนะเว้ย”

   “ดูพูดเข้า วันนี้มันเป็นแฟมิลี่เดย์ต่างหากล่ะ” เดย์พูดยิ้มๆ วันนี้คือวันหยุดของครอบครัว และพวกเขากำลังพากันมุ่งหน้าไปแถวทะเลสาบมิชิแกนเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ

   คนตัวสูงมีกีตาร์หนึ่งตัว ส่วนอีกคนมีกล้องโพลารอยด์ตัวโปรด ด้านโฮสต์ใจดีจัดแจงอาหารทานง่ายๆ และอุปกรณ์จำเป็นยัดใส่รถตู้สีขาวคันเก่า ก่อนจะออกตัวพร้อมกับเสียงเพลงยุค 70 ที่เปิดคลอไปตลอดทาง ที่นี่มีเสียงหัวเราะ มีประโยคบอกเล่าที่ติดสำเนียงแปร่งๆ มีรอยยิ้ม

และบางมุม...ก็มองเห็นความรักค่อยๆ เติบโตขึ้นในหัวใจของใครบางคน

   “อ้าวเด็กๆ ไปเดินเล่นก่อนเถอะ ตอนนี้จนินหลับไปแล้ว น้าว่าจะดูเจ้าตัวยุ่งก่อน”

น้าสาวใจดีเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนองศากับเดย์จะมองหน้ากันเหมือนรู้งาน พวกเขาชอบธรรมชาติ ชอบบรรยากาศที่ไม่พลุกพล่านด้วยผู้คน และมันคงจะดีถ้าเวลานี้ได้หยิบเสื่อผืนเล็กกับกีตาร์หนึ่งตัวสำหรับคนตัวสูง และกล้องถ่ายรูปโพลารอยด์อีกหนึ่งตัวสำหรับตากล้องจำเป็น

   “ไปกันเลยมั้ย” เจ้าของเสียงทุ้มต่ำถามด้วยแววตาตื่นเต้น

   “ไปสิ อยากไปรับลมจะแย่” เดย์ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม   

“บรรยากาศดีโคตรๆ” องศาพูดขึ้น พลางเหยียดแขนยืดเส้นยืดสายเป็นการใหญ่ หลังจากหย่อนก้นลงบนเสื่อผืนน้อยสำหรับนั่งคนเดียว แต่ตอนนี้มันกลับเบียดเสียดด้วยร่างบางของใครอีกคน

   เสื่อผืนเล็กก็จริง แต่เขาไม่ได้รู้สึกอึดอัด...กลับกัน มันอบอุ่นอย่างน่าประหลาด

   ครึ่งเดือนที่ผ่านมาเดย์ได้ค้นพบความแปลกประหลาดจากองศาอยู่หลายอย่าง หนึ่งคือเขากับคนตัวสูงชอบอะไรคล้ายๆ กัน คล้าย...จนแทบจะเป็นสิ่งเดียวกันด้วยซ้ำ

   สององศาเป็นพวกติสต์จัดและชอบนอนหัวค่ำ เป็นภาระให้เขาต้องขึ้นมาปลุกลงไปกินข้าวอยู่เสมอ

   และสามเขามีความรู้สึกบางอย่างกับอีกฝ่าย แต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันคือความรู้สึกที่เรียกว่าอะไร รู้เพียงว่าแค่นึกถึงมันก็ทำให้เข้าเผลอยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

   “ต้องถ่ายรูปเอาไว้” เดย์หยิบกล้องขึ้นมาโฟกัสบรรยากาศตรงหน้าพร้อมกดชัตเตอร์อย่างตั้งใจ นี่คือเสน่ห์ของโพลารอยด์ เพราะเขาต้องมั่นใจว่าภาพนั้นควรแค่แก่การเก็บไว้จริงๆ ถึงมันจะผิดพลาดไปบ้างก็ตาม

   “ฉันก็ต้องร้องเพลงสินะ”

   “เออว่าจะถามนานแล้ว ทำไมนายถึงติดกีตาร์ตัวนี้จัง ทั้งที่นายมีเงินพอจะซื้อตัวที่สวยและดีกว่านี้หลายเท่า” เดย์สังเกตมานานแล้ว ช่วงเวลาสองสัปดาห์ที่ได้ใช้ชีวิตเป็นคนข้างห้องกัน เขาค้นพบความล้ำค่าอีกหนึ่งอย่างในชีวิตขององศา และมันกลายเป็นความสงสัยที่เก็บเอาไว้ไม่อยู่

   “ตัวที่สวยหรือแพงมีค่ากว่าตรงไหนล่ะ มันอาจมีคุณค่าในระยะเวลาหนึ่ง แต่ในเรื่องของจิตใจมันต่างกัน กีตาร์ตัวนี้เป็นของพ่อฉัน แม่ฉันซื้อให้ตอนวันที่พวกเขาแต่งงานกัน มันเลยเป็นเหมือน...สัญญาทางใจล่ะมั้ง ตราบใดที่มีกีตาร์ตัวนี้ ความรักของเขาก็ยังส่งมาถึงฉันเสมอ”

   “เพิ่งเข้าใจวันนี้นี่เอง...”

   “แล้วนายล่ะ มีสิ่งที่รักมากๆ มั้ย แต่ถ้าให้ทายคงเป็นภาพถ่าย”

   “ไม่ใช่หรอก มันไม่ใช่ภาพถ่าย” ใบหน้าขาวสะอาดแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ก้มมองดูกล้องในมือของตัวเอง ก่อนจะยกขึ้นมาประชิดดวงตาข้างหนึ่งและกดชัดเตอร์ทันที

   ในระยะใกล้นี้เขามองเห็นเพียงใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายเท่านั้น กระดาษการ์ดสีขาวเลื่อนขึ้นก่อนที่มือบางจะหยิบขึ้นมาสะบัดสองสามครั้ง และปรากฏภาพจางๆ ขึ้นในเวลาต่อมา

   “สิ่งที่ฉันรัก มันคือความทรงจำต่างหาก ขอนะ!”

   “อืม...” คนตัวสูงไม่พูดอะไรต่อ มองดูอีกฝ่ายกำรูปที่เพิ่งถ่ายไว้ในมือ เหม่อมองออกไปข้างหน้าที่เต็มไปด้วยความเวิ้งว้างของทะเลสาบไกลสุดลูกหูลูกตา

   “อีกไม่นานฉันก็จะกลับแล้ว ก็เลยอยากเก็บความทรงจำเอาไว้ให้มากที่สุด” เจ้าตัวทำลายความเงียบลง แม้ขณะที่พูดถึงน้ำเสียงจะเริ่มแหบพร่าแค่ไหน แต่ก็ยังมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเสมอ

   องศาไม่ได้พูดอะไร นอกจากหยิบกีตาร์ตัวเก่งขึ้นมาพร้อมกับร้องเพลงๆ หนึ่ง

   “Loving can hurt, loving can hurt sometimes…”

   เดย์มองหน้าของอีกฝ่าย องศามองเฟล็ตกีตาร์พลางๆ ก่อนจะเงยขึ้นมองเพื่อนต่างแดนเป็นการบอก ยังมีบางอย่างที่เขาอยากให้รู้ ก่อนเวลามันจะไม่คอยท่า

   ไม่รู้ว่ามันเป็นความรู้สึกไหน แค่เขารู้สึกดีที่มีความทรงจำดีๆ ถูกบันทึกเอาไว้แม้ไม่ใช่เพียงรูปถ่าย แต่หมายถึงบางอย่างที่บันทึกเอาไว้ในหัวและกำลังฝังแน่นไม่เลือนหาย



But it's the only thing that I know
When it gets hard, you know it can get hard sometimes
It is the only thing that makes us feel alive

We keep this love in a photograph
We made these memories for ourselves
Where our eyes are never closing
Hearts are never broken
And time's forever frozen still

So you can keep me
Inside the pocket of your ripped jeans
Holding me closer 'til our eyes meet
You won't ever be alone, wait for me to come home


   
อ่านต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Infinity days [12/10/59]
«ตอบ #2 เมื่อ12-10-2016 22:22:52 »

แค่อยากยื้อเวลา เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่เขากลัว

หลังจากเพลง Photograph ของ Ed Sheeran จบลง ทุกอย่างก็เงียบสงบเหมือนน้ำนิ่ง ดวงตาล้ำลึกขององศาจ้องมองริมฝีปากได้รูป ก่อนยกยิ้มน้อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ

“อยู่ที่ไทยนายมีแฟนหรือเปล่า” เขาถาม และคนถูกถามก็รีบหันมามองด้วยคิ้วที่กำลังขมวดปมแน่น

“มุกเหรอ”

“มุกอะไร อันนี้ถามจริง”

“ไม่มี ฉันแปลกเกินกว่าจะมีความรัก”

“นี่ก็พูดเกินไป นายน่ารักออก”

“อย่าพูดคำว่าน่ารักได้มั้ย มันดูไม่เข้ากับฉัน”

“ให้พูดว่าอะไรล่ะ หล่องั้นเหรอ นายก็ไกลจากคำนี้เหมือนกัน” พวกเขาสูงไม่ต่างกันมาก แต่เดย์กลับดูตัวเล็กลงถนัดตาเมื่อเจอองศา ที่สำคัญคือหน้าตาห่างกันคนละโลก

องศาอาจจะเป็นสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ตัวใหญ่ที่ดูดุดัน ขณะที่เดย์อาจเป็นเพียงโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ขี้เล่นตัวหนึ่ง

“ว่าแต่ฉัน นายเถอะมีแฟนหรือยัง อยู่ที่นี่ก็น่าจะฮอตไม่เบา”

“ยังไม่มีหรอก”

“อย่ามาหลอกซะให้ยาก แล้วเคล่ะเป็นใคร” อีกฝ่ายชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยถาม

“เห็นเหรอ”

“อืม...ตรงกระเป๋าของนาย ขอโทษนะฉันแค่บังเอิญเห็น คือ...”

“คายะน่ะ เป็นคนญี่ปุ่น”

“เรียนที่เดียวกัน?”

“ใช่”

“นายชอบเธอ แล้วเธอก็ชอบนาย ฉันพูดถูกมั้ย” ขณะที่ถาม หัวใจของเดย์เหมือนถูกบีบรัดแน่นจนรู้สึกหายใจไม่ออก เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร แต่คงเรียกได้เต็มปากว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเลย

   “ไม่ถูกซะทีเดียว”

   “ยังไง”

   “ไม่รู้สิ เธอก็เป็นเหมือนชื่อ คายะแปลว่าสวย”

   “อ๋อ นายตกหลุมรักความสวยของเธอ”

   “ส่วนนายก็เหมือนกับรูปถ่าย”

   “เกี่ยวอะไรกับฉันวะ”

   “ความสวยจางหายไปได้เมื่อกาลเวลาผ่านไป รูปถ่ายเก่าลงได้แต่ความทรงจำไม่เคยหายไปไหนแม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม”

   “...”

   “ฉันชอบเพลง Photograph นายชอบถ่ายรูป เราชอบภาพถ่ายเหมือนกัน สรุปแล้วเวลาสั้นๆ นี้เราต่างชอบสิ่งเดียวกัน ฉันพูดถูกมั้ย”

   “...”

   “ฉันชอบมองนายฮัมเพลงมั่วๆ แล้วสาละวันอยู่กับการเรียงรูปถ่ายไว้ตามผนัง ชอบตอนที่ได้มองนายรดน้ำต้นดอกเวอบีน่าทุกเช้า แล้วมันก็ออกดอกให้เรายิ้มอยู่เสมอ ชอบฝีมือการทำอาหารของนาย ชอบแซนด์วิชที่นายทำ ฉันแค่ชอบ...เพราะมันคือความสุขที่ฉันไม่เคยได้รับจากเพื่อนมาก่อน”

   “เหมือนกันนั่นแหละ” ประโยคยืดยาวถูกตอบเสียงสั้นๆ แต่ก็ทำให้คนฟังยกยิ้มมุมปากไม่หยุด

“long may it be so”

อยู่แบบนี้ไปนานๆนะ

ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองนักหรอก แต่การกระทำขององศาก็ทำให้เขาอดเข้าข้างตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

“อืม”

“กลับไปก็โทรหากันบ้าง”

“ฉันจะส่งโปสการ์ดมาหานายทุกเดือน”

“ตั้งตารอเลยล่ะ”

   ถ้านี่คือความทรงจำในเชอริแดน องศา...ก็คือความมหัศจรรย์หนึ่งที่เขาได้สัมผัสก่อนจะจากไป











   If you love me let me know : K

   เธอคนนั้น เจ้าของประโยคที่เคยอ่านผ่านตากำลังยืนอยู่หน้าประตูบ้าน ใบหน้าสวยหยาดเยิ้มราวกับนางฟ้าเป็นของสาวเอเชียผิวขาวตัวเล็กคนหนึ่ง ซึ่งเดย์มารู้เอาอีกทีว่าเธอชื่อว่า ‘คายะ’ สาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่นิวยอร์กตั้งแต่อายุ 14 เขาไม่รู้เหตุผลว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมายืนอยู่หน้าบ้านโฮสต์ใจดี ในขณะที่เขาเหลือเวลาอยู่ที่นี่อีกแค่เจ็ดวัน

   “มาได้ไง”

   “ปิดเทอมมันเหงาจะแย่ ฉันก็เลยกะมาเซอร์ไพรส์นายไง นี่ๆ พวกเฟร็ดดี้กับมอลล์ก็มาด้วยนะ” นั่นแหละเสียงทักทายต่อมาของเธอ พร้อมกับเพื่อนพ้องอีกสองคนที่โบกมือไหวๆ หลังลงมาจากแอสตันมาร์ตินสีดำสนิท

   เดย์พยายามไม่สนใจ นอกจากทำตัวให้ยุ่งและเทียวเสิร์ฟนั่นนี่ให้ลูกค้าจนตัวเป็นระวิง

   “น่าจะโทรมาบอกก่อนจะได้เตรียมห้องไว้ให้”

   “แล้วนี่ไม่ได้เตรียมเหรอ ฉันนอนห้องนายก็ได้นะ”

   “พูดจริงพูดเล่น แต่ฉันทำจริงนะ ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะขององศาเหมือนกับคมมีดที่กำลังปักแทงลงในอกซ้ายของคนแอบฟังเข้าอย่างจัง เขารู้ดีว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครสำคัญแค่ไหน เพราะในคืนที่เหลือเวลาอีกเพียงแค่ไม่กี่วัน เขาได้รับรู้มันจากปากของคนตัวสูงเอง

   คายะเป็นเหมือนรักข้างเดียวขององศา

   ซึ่งตอนนี้มันก็มาถึงจุดพีคเมื่ออีกฝ่ายรับรู้และพร้อมยอมรับความรู้สึกดีๆ เหล่านั้นเอาไว้

   แล้วความรู้สึกของเขาล่ะ จะเอาไปไว้ตรงไหน...ที่ทะเลสาบมิชิแกนคงเป็นแค่ความฝัน ทุกอย่างที่ได้ยินเป็นเพียงความรู้สึกของเพื่อนที่มีต่อเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น ดีที่ไม่หน้าแตกพูดความรู้สึกดีๆ ออกไป หากไม่เป็นอย่างที่คิดเขายังสามารถรักษาระยะห่างและควบคุมสีหน้าเอาไว้ได้เหมือนตอนนี้

   คายะและเพื่อนชาวอเมริกันสองคนเข้ามาขออาศัยคุณน้าเป็นเวลาเกือบสัปดาห์ นั่นก็หมายความว่าเวลาที่เหลือของเขากับองศาได้หมดลงในเวลานี้แล้ว ร่างโปร่งรีบจัดเก็บข้าวของให้เข้าที่หลังจากปิดร้านเรียบร้อย ก่อนจะขอตัวขึ้นห้องโดยไม่คิดทำตัวสนิทสนมกับใคร เพราะรู้ดีว่าเวลาที่เหลือนั้นมันไม่เพียงพอสำหรับการรู้จักใครอีกแล้ว

   ก๊อกๆ

   ใบหน้าขาวหันไปมองกรอบประตูสีฟ้าพาสเทล เขาได้ยินเสียงเคาะประตูจากคนด้านนอก ขณะที่ตัวเองก็เหนื่อยเกินกว่าจะสาวเท้าไปยังประตูอีกครั้ง จึงได้แต่ล้มตัวลงนั่งปลายเตียงและเอ่ยเพียงประโยคสั้นๆ ออกมา

   “เชิญครับ”

   “ทำไมไม่กินข้าว นายผอมจะตายอยู่แล้วนะ” กลายเป็นองศาที่เดินตามขึ้นมา นัยน์ตาล้ำลึกมองอีกฝ่ายด้วยสายตาบางอย่าง เขาแคร์ แต่ทำอะไรไปไม่ได้มากนักเนื่องจากคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารด้านล่างก็คือคนสำคัญ

   “วันนี้ไม่หิวน่ะ ว่าจะหารูปสวยๆ แล้วเขียนโปสการ์ดสักหน่อย” เดย์รีบแก้ตัว ทั้งที่เขาไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้นตั้งแต่แรก ที่หนีหน้าก็เพื่อต้องการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ชวนอึดอัดนั้นต่างหาก

   “เหรอ แล้วได้มั้ยล่ะ”

   “ยังหาอยู่ ไม่ต้องสนใจหรอก ข้างล่างเพื่อนนายกำลังรออยู่นะ”

   “เขารอได้ นายทำความรู้จักกับพวกเขาแต่ไม่ยอมพูดอะไรเลย ฉันคิดว่านายจะโกรธ”

   “ไม่หรอก มีเหตุผลอะไรล่ะ อีกไม่นานฉันก็จะกลับไทยแล้ว ไม่มีเหตุผลที่เราจะทำเรื่องแย่ๆ ต่อกันจริงมั้ย”

   “เดย์คือ...เรื่องของฉันกับคายะ...”

   “ไม่ต้องหรอก” ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดจบประโยค เจ้าตัวก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน ดวงตากลมโตฉายแววความเศร้า ซึ่งเขาไม่รู้ว่าจะกดมันให้ลึกได้แค่ไหน ก่อนริมฝีปากจะขยับน้อยๆ และมันทำให้หัวใจของคนพูดสั่นคลอนไม่ต่างกัน

   “...”

   “ฉันรู้ว่านายชอบเธอ ยินดีด้วยฉันคิดว่านายอาจสมหวังเร็วๆ นี้”

   “ขะ...ขอบใจ”

   “ตอนเราอยู่ที่มิชิแกนฉันมีความสุขมาก มันเหมือนกับฉันมีเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่ง ขอบใจนะ”

   “เดย์...”

“คนที่รู้จักกันมาตั้งสองปีกับใครก็ไม่รู้ที่อยู่ด้วยกันแค่เดือนเดียว ความรู้สึกมันเทียบกันไม่ได้หรอก ฉันรู้ดีเพราะฉะนั้นอย่ารู้สึกผิดเลย ลงไปหาเพื่อนนายเถอะ”

   “...”

   “ไปสิองศา”

   เพื่อนก็คือเพื่อน คนอย่างเขาจะเป็นอย่างอื่นได้ยังไง ที่นี่ อิลลินอยส์...เขาได้ค้นพบรสชาติของความสุขและความผิดหวังไปพร้อมกัน ฟังดูดี แต่สุดท้ายก็ขมปร่าในลำคอ












   วันสุดท้ายก่อนกลับไทย…

   เดย์กำลังจัดของใส่กระเป๋า ช่วงหลายวันที่ผ่านมาเขาได้ใช้ชีวิตกับองศาแม้มันจะไม่เต็มอิ่มก็ตาม คนตัวสูงแคร์เขา เอาใจใส่และถามไถ่ตลอด แต่เมื่อใดก็ตามที่มีคายะโผล่เข้ามา ความสำคัญของเขาจะถูกลดระดับลงไปโดยปริยาย เขาเข้าใจตรงจุดนั้นดี แม้คนทั้งคู่จะไม่ได้เอ่ยปากหรือคบหากัน แต่ในอนาคตเป็นสิ่งแน่นอนที่เขาเห็นและรู้สึกได้

   เช้านี้ร่างสูงออกไปเล่นดนตรีกับเพื่อนๆ แถวสวนสาธารณะ เดย์จึงใช้เวลานั้นเดินสำรวจไปทั่วห้องก่อนจะมาหยุดยืนตรงกระเป๋าเดินทางมอมแมมขององศา เขาย่อเข่าลงกับพื้น หยิบปากกาหมึกดำเขียนลงตรงข้างกระเป๋าด้วยตัวหนังสือขนาดเล็กจนแทบมองไม่เห็น

   เขาแค่อยากเป็นส่วนหนึ่งไปกับมัน แต่ไม่ได้ขอให้อีกฝ่ายรับรู้


I made these memories for myselves.
ฉันได้สร้างความทรงจำนี้ไว้เพื่อตัวฉันเอง : เดย์



   เนื้อเพลงท่อนหนึ่งของเพลง Photograph ของ Ed Sheeran ที่องศาเคยร้องให้ฟังตอนอยู่ริมทะเลสาบ ที่นั่นเขาได้เข้าใจคำว่ามิตรภาพ และเรียนรู้ว่ามันเป็นความทรงจำที่ควรค่าแก่การจดจำเพียงใด   

แต่ทุกอย่างที่ค่อยๆ เลือนรางไป มีเพียงรูปถ่ายใบเดียวเท่านั้นที่เขาเก็บเอาไว้อยู่ฝ่ายเดียว

   ปัง! ตึกตัก!

เสียงเปิดประตูดังขึ้น พร้อมกับเสียงฝีเท้าของใครอีกหลายคนที่วิ่งวนไปทั่วพื้นที่ จนเดย์ต้องรีบย่างเท้าจากบันไดตามลงมา ก่อนจะเห็นร่างสูงขององศาที่นั่งก้มหน้าก้มตามองเศษซากกีตาร์สุดหวงอยู่ที่พื้น ข้างกายมีผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งคอยปลอบแต่ก็เหมือนจะไม่ได้ผล

   เขารู้ว่ามันไม่สมควร แต่ไม่รู้เลยว่าสองเท้าได้เดินมาประชิดอีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่

   กีตาร์ตัวนั้นแตกหักละเอียด ยับเยินพอๆ กับหัวใจของเขา เวลาแค่ 30 วันเองทำไมถึงรู้สึกว่ามันสั้นจนไม่มีเวลาทำใจ

   ได้แต่นั่งคุกเข่าลงเคียงข้าง ใช้ฝ่ามือนั้นแตะไหล่เอาไว้จนคนที่มีสีหน้าไม่สู้ดีต้องเงยขึ้นมามอง

   “มันพังแล้ว...”

   “...”

   “เดย์...รถบ้านั่นมันทับกีตาร์ฉัน กีตาร์ของพ่อกับแม่ ความรักของพวกเขามันส่งมาไม่ถึงฉันแล้ว...”

เป็นความทรมานที่ต้องมานั่งมองคนคนหนึ่งกำลังสูญเสีย กำลังเจ็บปวดและต้องอดทนไม่ให้น้ำตาไหลลงมา และก็เป็นความทรมานอีกเช่นกันเมื่อเขาไม่สามารถยกมือขึ้นไปโอบกอดอีกฝ่ายได้ ทั้งที่อยากทำใจแทบขาด 

   “ไม่ใช่หรอกองศา คุณค่าของมันไม่เคยสูญเสีย นายสามารถรับรู้ความรักของพ่อและแม่ได้ทุกที่ มันไม่ได้อยู่ที่กีตาร์ มันอยู่ที่ตัวนาย”

   “...”

   “ใจของนายนายรับรู้มันเอง ตอนที่ของชิ้นหนึ่งในชีวิตพัง เรามีอีกสิ่งเติมเต็มเข้ามาแทนที่ ซ้อนทับผลักสิ่งเก่าๆ เดิมๆ ให้เลือนหายไปตามกาลเวลา แรกๆ เมื่อคิดถึงอาจรู้สึกเจ็บ แต่พอนานวันเข้าหลงลืมมันไปสิ่งใหม่ก็จะมีคุณค่าแทน ชีวิตคนเราก็เหมือนกัน”

เป็นแบบนั้นไม่มีผิดเพี้ยน

“องศาไม่เป็นไรนะ เราใจไม่ดีเลย” ผู้หญิงคนนั้นเริ่มทวงพื้นที่เดิมของเธอคืน เจ้าตัวสามารถโอบกอดอีกฝ่ายไว้ทั้งตัว ปล่อยให้เดย์ได้แต่มองน้ำตารื้น เห็นคนตัวสูงซบหน้าลงกับอกราวกับเด็กน้อย แต่เขาเป็นได้แค่นี้ เป็นได้แค่คนมองและรู้สึกไปคนเดียว












ก่อนวินาทีสุดท้ายจะมาถึง ครอบครัวเกรเลอร์เดินมาส่งหน้าบ้าน โดยปราศจากร่างสูงและเพื่อนของเขาเพราะต่างต้องการการปลอบใจ เดย์ไม่ได้คิดอะไร ดีใจเสียอีกที่อาจไม่ทำให้ใครต้องเจ็บปวด ถึงแม้ว่าการร่ำลามันจะสำคัญมากก็เถอะ

กลับเมืองไทยเขาก็คงไม่ได้ติดต่อใครอีก เพราะไม่ทิ้งเบอร์โทรเอาไว้นอกจากเมลที่สามปีดีดักจะเปิดทีหนึ่ง เรียกได้ว่าเขาอาจตัดขาดจากหมู่บ้านเล็กๆ ในอิลลินอยส์ ตัดขาดจากทุกสิ่งที่ตลอดหกเดือนได้สัมผัสมา และเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะดีกว่านี้มั้ยเท่านั้น

ต่อไปถ้าเครื่องบินเหินฟ้าข้ามทวีป เขาจะกลายเป็นอีกคนที่ไม่รู้จักความเจ็บปวด แต่เข้าใจคำว่ารักได้ถ่องแท้คนหนึ่งเหมือนกัน

“เดย์...ไม่ให้ไปส่งที่สนามบินจริงๆนะ”

“ครับ ผมกลับได้ คุณก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะครับ จนินด้วย” เอื้อมมือไปขยี้หัวทุยติดมัดแกละสองข้างอย่างหมั่นเขี้ยวพร้อมกับรอยยิ้ม

“ดูแลตัวเองเหมือนกันนะ”

“ผมไปล่ะครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”

“Good luck”

เขาเกลียดประโยคบอกลาพอๆ กับการจากลาที่รู้ดีว่าต้องมีขึ้นในสักวันหนึ่ง ในเสี้ยวของความคิดเดย์ยังคงนึกถึงใครคนนั้น ตลอด 30 วันที่ผ่านมาแต่เหมือนมันยาวนานไปตลอดชีวิตในความคิดของเขา

ไม่มีทางลืม...ยังไงก็ยังคงจำผู้ชายตัวสูงผมสีดำสนิทนั้นได้ไม่เสื่อมคลาย

เพราะเขาคือเพื่อนคนพิเศษ

แต่เพื่อนมักไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา

เพราะฉะนั้นชีวิตอาจต้องดำเนินต่อไป อนาคตยังรออยู่แม้มันจะปราศจากใครคนหนึ่งอย่างที่ต้องการก็ตาม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เขาจะไม่ได้พบเจอกับเพื่อนคนอื่นๆ ในชีวิตอีก

หรือบางที...

เขาอาจได้เจอกับ ‘ใครคนนั้น’ ในสักวัน



   31 วันหลังจากเดย์กลับไทย

   มีโปสการ์ดใบหนึ่งถูกส่งมาถึง Graph cafe’ โดยไม่ได้เขียนชื่อผู้ส่ง แต่ทุกคนต่างเข้าใจดีว่านี่ข้อความจากเดย์ถึงองศา ข้อความจากเพื่อนคนหนึ่งที่อยากเล่าความเป็นไปของตัวเองให้อีกคนได้ฟังเท่านั้น


ทำตามสัญญาแล้วนะ ตอนนี้หน้าหนาวฉันอยู่เทศกาลดนตรีที่เขาใหญ่ เลยส่งภาพมาให้ดูน่ะ หวังว่านายคงสบายดี ดูแลตัวเองด้วยนะ
เดย์



มือหนาพลิกโปสการ์ดไปอีกด้านหนึ่ง เป็นภาพเวทีดนตรีขนาดใหญ่ท่ามกลางขุนเขาและเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เขาไม่เห็นเดย์ในรูปเพราะมั่นใจว่าเจ้าตัวคงเป็นคนถ่าย รู้สึกอยากส่งโปสการ์ดไปหาอีกฝ่ายบ้างแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน ข้อมูลเดิมที่เคยมีจากโครงการ Work & Travel ก็เหมือนจะช่วยอะไรไม่ได้เพราะเดย์เปลี่ยนที่อยู่กะทันหัน

ดังนั้นโปสการ์ดสองฉบับที่เขาส่งไปหลังจากที่อีกฝ่ายเดินทางจึงถูกตีกลับอย่างรวดเร็ว

เขาทำได้แค่รอเท่านั้น...

รอว่าเดือนต่อไปจะมีโปสการ์ดที่ส่งถึงเขา และเล่าเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นให้ได้อ่านอีก

ยังจำได้ดีในวันสุดท้ายที่เดย์อยู่อเมริกา เขาไม่แม้แต่จะกล่าวลาใดๆ สักคำ อ้างเหตุผลงี่เง่า ร้องหาสิ่งที่สูญเสียไป ทั้งที่แท้จริงแล้วตัวเองต่างหากที่เกลียดการจากลาเข้าไส้


31 กรกฎาคม 2015
พอร์ตเทรตนี่งานยากเหมือนกัน กว่าจะหาแบบได้ วิจารณ์ให้หน่อยสิ คิดว่าอาจจะตก ภาพมันดูโง่มากๆ ฮ่าๆ


30 พฤศจิกายน 2015
คนมาทะเลเขาว่าไม่หนีร้อนก็หนีรัก แต่ฉันมาทำงานว่ะ สำคัญคือมาตอนหน้าหนาวอีกต่างหาก ทะเลกระบี่สวยมาก ตอนนี้เรากำลังนอนอาบแดดกันอยู่ที่เกาะห้อง นายล่ะเป็นไงบ้าง ฉันเพิ่งขอที่อยู่จากน้าของนายมา โปสการ์ดฉบับแรกส่งตรงถึงนิวยอร์ก รู้สึกตื่นเต้นพิลึก


31 ธันวาคม 2015
เซนทรัลเวิร์ลกำลังจุดพลุนับร้อยดอกเต็มท้องฟ้า มั่นใจว่าอีก 12 ชั่วโมงนิวยอร์กก็คงฉลองกันอย่างอลังการยิ่งกว่าที่ไทย ฉันมากับเพื่อนน่ะ ให้เดานายก็คงอยู่กับคายะ ขอให้เป็นปีใหม่ที่มีความสุขนะ HNY


13 เมษายน 2016
   แฮปปี้สงกรานต์เดย์ สาดน้ำกันเต็มที่ ถ้านายเปิดทีวีดูบางทีอาจเห็นฉันกำลังสาดน้ำถ่ายทอดสดไปทั่วโลกอยู่ก็ได้ อยากดังว่ะ


30 มิถุนายน 2016
วันเกิดฉัน เผื่อนายยังไม่รู้



   “แฮปปี้เบิร์ดเดย์” เสียงพึมพำเบาๆ ขององศาดังขึ้นหลังจากอ่านโปสการ์ดในมือจบ เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านข้อความจากเพื่อนทางไกล และก็ตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เฝ้ารอว่าโปสการ์ดเดือนต่อมาจะมาถึงมือเมื่อไหร่

   มือหนาสอดโปสการ์ดเอาไว้ในกระเป๋า ขณะที่มืออีกข้างกำลังลูบเรือนผมของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังนอนหนุนตักอยู่

   พวกเขาอยู่ตรงสนามหญ้ากลางมหา’ลัย ความสัมพันธ์ขององศากับคายะคืบหน้าไปมาก พวกเขาคบกันแล้ว ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างองศาและเดย์ก็ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้ตามจำนวนโปสการ์ดที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน


   31 สิงหาคม 2016
   องศานี่ก็ปีกว่าแล้วที่ฉันส่งโปสการ์ดมาถึงนาย ตอนที่เขียนฉันกำลังฟังเพลง photograph อยู่เลย แบบบรรยากาศเก่าๆ มันวนอยู่ในหัวเต็มไปหมด คิดถึงนายว่ะ


   31 ธันวาคม 2016
   นี่คงเป็นโปสการ์ดฉบับสุดท้าย มันอาจเป็นคำแก้ตัวที่แย่นะแต่ว่าฉันรบกวนนายมานานแล้วจริงๆ ดูแลตัวเองด้วย ฉันเองก็เหมือนกัน
 


โปสการ์ดฉบับนี้เพิ่งถึงมือของเขาสดๆ ร้อนๆ เป็นโปสการ์ดที่พิเศษกว่าใบอื่นๆ ก็ตรงที่มีหน้าของคนส่งปรากฏอยู่บนนั้น รอยยิ้มของเดย์เป็นภาพแรกในรอบสองปีที่เขาได้เห็น ตอนแรกก็ยิ้มตามอยู่หรอกเมื่อได้เห็นอีกคนแม้เป็นเพียงรูปถ่ายอยู่ตรงหน้า

แต่ไม่นานก็รู้สึกเศร้าลงถนัดตาเมื่อรู้สึกว่าเขากำลังสูญเสียอะไรบางอย่างไป

องศาจบความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคายะลงเมื่อเดือนก่อนเพราะนิสัยที่เข้ากันไม่ได้บางอย่าง และเขาก็ปรับกันจนเหนื่อยแล้ว ตรงข้ามกับความรู้สึกที่เขามีต่อใครอีกคนที่ทวีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนไม่อาจปฏิเสธได้ว่า...

เขาหลงรักคนคนหนึ่งผ่านตัวหนังสือ

และก็สูญเสียคนในตัวหนังสือในเวลาเดียวกัน












หนึ่งปีผ่านไป...

ครืด...ครืด...

เสียงลากกระเป๋าไปตามทางเดินของสนามบิน กับเจ้าของร่างสูงโปร่งสวมแว่นตาสีชา ย่างเท้าไปข้างหน้าอย่างมีจุดมุ่งหมาย

กระเป๋าใบใหญ่ใบเดิมที่ไม่เคยเปลี่ยนมาตลอดหลายปีทำให้หลายคนหันมามอง ข้อความหลายข้อความยังคงเด่นชัดแม้กาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม วันนี้เขาแค่กลับมา...เพื่อตามหาเจ้าของข้อความเมื่อปีที่แล้วซึ่งขาดการติดต่อไปเลย และหวังว่ามันคงไม่ช้าเกินไป

I made these memories for myselves.

ตรงซอกหนึ่งของกระเป๋ายังมีความข้อความนี้เด่นชัดอยู่เช่นกัน แต่ต่างก็ตรงที่มันถูกเขียนแก้ข้อความบางอักษรเสียใหม่

We made these memories for ourselves.

   สองเท้าก้าวยาวไปข้างหน้า โบกมือไปมาเพื่อทักทายเพื่อนสมัยมัธยมฯ ตอนเรียนอยู่ไทย ก่อนจะติดรถกลับไปยังคอนโดสุดหรูใจกลางเมืองด้วยความเหนื่อยล้า เขารู้ว่าคนที่กำลังตามหาอยู่ที่ไหน รู้เอาตอนที่คิดจะตามหาอย่างจริงจังเมื่อสามเดือนที่แล้ว เพราะถ้าปล่อยเวลาไปอีกนิดมันอาจไม่ทันการ

   เช้าวันรุ่งขึ้น...

   มือหนารื้อค้นกระเป๋าเพื่อหาเสื้อผ้าดีๆ ใส่ไปพบเจอใครบางคน ซึ่งเจ้าตัวแทบไม่รู้ด้วยซ้ำ ก่อนจะควานเจอโปสการ์ดใบหนึ่งที่ใส่ติดกระเป๋ามาด้วย

   ใช่! รูปของเดย์ โปสการ์ดฉบับสุดท้ายที่ส่งถึงก่อนจะขาดการติดต่อไป

   เขาเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ยังส่วนลึก ก่อนจะเดินทางตามหาคนที่แหว่งหายไปจากชีวิตด้วยความหวัง

   “ร้านแถวไหนวะ เยอะชิบ!” ร่างสูงสบถกับตัวเอง เนื่องจากเอาแต่ย้ำเท้าวกไปวนมาอยู่ที่เก่า

   จนกระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ตรงร้านคาเฟ่กึ่งแกลอรี่เล็กๆ แห่งหนึ่ง สมองของเขาสั่งการให้รีบตรงไปที่นั่นก่อนจะผลักประตูเข้าไปยังร้านที่ติดชื่อด้านบนว่า ‘cafégraph’

   กรุ๊ง กริ๊ง!!

   เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น ก่อนสายตาของเขาจะจดจ้องไปยังหน้าเคาน์เตอร์ซึ่งมีร่างโปร่งแสนคุ้นตา แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม

   “ยินดีต้อนรับครับ”

“ขอเบอเบิ้ลวิสกี้ครับ”

“เอ่อ...ร้านเราไม่ขายเหล้า...คะ...ครับ” ท้ายประโยคขาดหาย เมื่อใบหน้าขาวสะอาดเงยขึ้นและได้พบกับใครบางคนที่ติดอยู่ในความทรงจำมาตลอด

“งั้นขอ Pall mall ก็ได้”

“ร้านเราก็ไม่ขายบุหรี่เหมือนกันครับ”

“เหล้าไม่ขาย บุหรี่ก็ไม่ขาย แล้วเจ้าของร้านล่ะ ขายมั้ยครับ!”


ความรักเกิดขึ้นได้ทุกวัน มันไม่มีวันหมดอายุ
เช่นกันตราบใดที่ยังมีนิรันดร์ รักก็ไม่มีวันสิ้นสุด...
เฉกเช่นภาพถ่ายในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขาดๆ ของเขา




THE END





เป็นเรื่องที่จิตติเขียนเอาไว้นานแล้ว
หลายคนอาจจะเคยอ่าน หรือหลายคนอาจจะไม่เคยอ่าน
แต่อินฟินิตี้เดย์ที่ทุกคนได้อ่านในวันนี้คือเวอร์ชั่นที่จิตติได้กลับมารีไรท์อีกครั้ง
หวังว่าคงทำให้คนอ่านคิดถึงใครบางคนขึ้นมาได้บ้าง : )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2016 23:43:30 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Infinity days [12/10/59]
«ตอบ #3 เมื่อ12-10-2016 23:19:52 »

อ่านแล้วซาบซึ้งอยู่ในหัวใจ คุณจิตติ ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยค่ะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Infinity days [12/10/59]
«ตอบ #4 เมื่อ12-10-2016 23:48:07 »

รีไรท์แล้วรู้สึกน้ำตาซึม TvT


คิดถึงคุณจิตตินะ มุฟๆ

ออฟไลน์ graciej

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Infinity days [12/10/59]
«ตอบ #5 เมื่อ13-10-2016 00:11:26 »

เคยอ่านแล้วแต่แยกความแตกต่างระหว่างสองเวอร์ชั่นไม่ออก  :mew5:
แต่รุ้สึกว่าโทนของเรื่องยังเหมือนเดิมนะคะ

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Infinity days [12/10/59]
«ตอบ #6 เมื่อ13-10-2016 05:11:05 »

จำเรื่องนี้ได้ค่ะ รีไรท์ใหม่แต่เราแยกไม่ออกว่าต่างตรงไหน. แต่ความประทับใจไม่เปลี่ยนแปลงนะคะ

ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Infinity days [12/10/59]
«ตอบ #7 เมื่อ13-10-2016 16:07:16 »

ซาบซึ้งใจและประทับใจจัง หม่นๆชมพูอมเทา  :impress3:

ออฟไลน์ winning

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Infinity days [12/10/59]
«ตอบ #8 เมื่อ13-10-2016 22:12:12 »

อ่านแล้วจะร้องไห้ เป็นเรื่องที่ละมุนปนกับเศร้าๆมากในความรู้สึกเรา ฮือออออออออ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Infinity days [12/10/59]
«ตอบ #9 เมื่อ14-10-2016 19:59:42 »

ประทับใจมากเลยค่ะ :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Infinity days [12/10/59]
« ตอบ #9 เมื่อ: 14-10-2016 19:59:42 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Infinity days [12/10/59]
«ตอบ #10 เมื่อ20-10-2016 13:49:34 »

เขียนได้ดีมาเลยค่ะ  o13

ออฟไลน์ blue colour

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Infinity days [12/10/59]
«ตอบ #11 เมื่อ22-10-2016 21:13:33 »

เป็นเรื่องที่อ่านแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เป็นความละมุนแบบหม่นๆ :hao5:

ออฟไลน์ Jittirain12

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1238/-18
Re: ♥ ONE DAY ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
«ตอบ #12 เมื่อ24-10-2016 03:04:09 »



เรื่องสั้น THE HIDEOUT CAFE จะไม่ถูกทำต่อแล้ว
เนื่องจากเคยมีนักเขียนเขียนเรื่องราวในลักษณะคล้ายกันมาก่อน
เราจึงยุติการเขียนต่อเพื่อไม่ให้กระทบต่อทุกฝ่ายค่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2017 22:18:49 โดย Jittirain12 »

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
«ตอบ #13 เมื่อ24-10-2016 06:21:52 »

ขอจิ้มๆก่อนค่ะ
เดี๋ยวมาอ่าน :z13:

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
«ตอบ #14 เมื่อ24-10-2016 09:06:14 »

ดูมีความอบอวลด้วยหนุ่มๆ ฮ่าา
รอติดตามค๊าาา
อยากได้ลาเต้ละมุนๆสักแก้วว

ออฟไลน์ mpp

  • malynn
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
«ตอบ #15 เมื่อ24-10-2016 10:50:24 »

ชุ้นรักเธอจังจิตติ นิยายของเธอไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย
อ่านแล้วรู้สึกดีตลอด เธอคือคนที่ช่วยชีวิตชุ้นไว้หลายครั้งแล้ว
ชุ้บๆจิตติ ชุ้นจะเอาใจช่วยเธอเน้อ

ด้วยรัก จากติ่งจิตติดาวมอ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
«ตอบ #16 เมื่อ24-10-2016 11:40:57 »

ละมุนมาอีกแล้ว อบอุ่นหัวใจจริงๆร้านนี้

กอดดดดคุณจิตติ ><

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
«ตอบ #17 เมื่อ24-10-2016 17:07:34 »

มาติดตามหนุ่มๆในเซตนี้ของจิตติด้วยคนค่ะ

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
«ตอบ #18 เมื่อ24-10-2016 22:53:21 »

โอ้ หนุ่มๆเซ็ตใหม่ล่ะ อิๆๆๆๆ :mew4: :mew4:

ออฟไลน์ winning

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
«ตอบ #19 เมื่อ24-10-2016 23:37:18 »

ติดตามค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
« ตอบ #19 เมื่อ: 24-10-2016 23:37:18 »





ออฟไลน์ pinkpunk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
«ตอบ #20 เมื่อ25-10-2016 15:24:35 »

ฮืออออออออ บรรยายได้อบอุ่นมากกกกก อยากไปบ้างจังเลยยยยย the hideout cafe ~*

ออฟไลน์ darksnow

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
«ตอบ #21 เมื่อ25-10-2016 16:15:55 »

กรี๊สสสส รอเลยค่าาา แค่บรรยายแต่ละคนมาก็อยากจะจินตนาการ รสกาแฟของแต่ละคนละ อิอิ รอค่าาา :katai2-1:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
«ตอบ #22 เมื่อ28-10-2016 18:41:00 »

 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
«ตอบ #23 เมื่อ30-10-2016 09:12:11 »

มาตามจิ้มจิตติคนชิคชิค

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
«ตอบ #24 เมื่อ31-10-2016 18:55:32 »

งื้ออออ ร้านนี้มีหนุ่มๆเยอะเลย ดูกระชุ่มกระชวยหัวใจเหลือเกิน :impress2:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
«ตอบ #25 เมื่อ31-10-2016 20:42:56 »

มีหนุ่มๆเยอะเลย  :hao6:

ออฟไลน์ piggyfree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
«ตอบ #26 เมื่อ05-11-2016 16:28:01 »

มาติดตามนะคะ

ออฟไลน์ skysky

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
«ตอบ #27 เมื่อ15-11-2016 22:44:48 »

รอค่ะรอ :)

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
Re: ♥ 3.6.5 DAYS ♥ Introduction : The hideout cafe' [24/10/59]
«ตอบ #28 เมื่อ18-03-2017 06:42:20 »

ก็ยังรออยู่นะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ Praykanok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: ♥ ONE DAY ♥
«ตอบ #29 เมื่อ21-06-2017 11:15:30 »

น่าร้ากกกกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด