
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 46เวลาที่คนเราอารมณ์ดีนี่ เห็นอะไรนิดหน่อยก็รู้สึกดีไปหมดจริงๆ นะครับ ถ้าผมยังหงุดหงิดก็คงไม่รู้สึกสนุกเหมือนตอนนี้ พี่นพขับนำชมรอบๆ รีสอร์ท บ้านพักมีอยู่ประมาณสิบหลังในบริเวณพื้นที่ แต่มีห้องพักอีกยี่สิบห้องที่ตั้งห่างออกไปโดยหันหน้าไปทางไร่ สระว่ายน้ำที่ผมมองเห็นอยู่ไม่ห่างจากตัวตึกมากนัก คงสำหรับให้นักท่องเที่ยวลงมาใช้ได้ พวกเราเดินเข้ามาในสวนอาหารด้านข้างที่ตกแต่งอย่างร่มรื่นกลมกลืนกับธรรมชาติ
“พรุ่งนี้ตื่นแล้วพี่จะพาเข้าไปเก็บองุ่นกันนะ สองคนนี้ดื่มไวน์ได้มั้ย”พี่นพถามขึ้นระหว่างที่ผมนุและพี่หน่อยนั่งทานไอศครีมเชอเบทรสองุ่นอย่างเอร็ดอร่อย
“ผมดื่มได้ครับ”นุเงยหน้าจะถ้วยไอศครีมมาตอบพี่นพ
“พายดื่มไม่เป็นครับ ไม่อยากดื่มด้วย”ประสบการณ์ล่าสุดที่มีแอลกอฮอล์มาเกี่ยวข้องไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่
“พายไม่ดื่มก็ไม่เป็นไร ดื่มน้ำองุ่นแทนก็ได้อร่อยเหมือนกัน ไว้ตอนเย็นเราจักปาร์ตี้เล็กๆ กันดีกว่า”
“ดีสิ หน่อยอยากทำบาร์บีคิว”พี่หน่อยทานไอศครีมหมดถ้วยแล้วก็นั่งพิงพนักเอนไปทางพี่นพเล็กน้อยแต่ดูไม่น่าเกลียด
“เอาสิ เดี๋ยวบอกให้แม่บ้านเขาเตรียมของไว้ให้หรือว่าอยากทำเอง”
“ทำเองดีกว่า สนุกกว่า มีลูกมือตั้งสองคน ไม่เหนื่อยหรอก”พี่หน่อยพูดพร้อมเหล่มองมาทางผมกับนุ เราสองคนแกล้งหันหน้าหนีโดยไม่ได้นัดหมาย พี่นพเลยหลุดหัวเราะออกมา ทำเอาพี่หน่อยงอนไปเลย
“แล้วพี่นพทำธุระเสร็จแล้วเหรอครับ”ผมนึกขึ้นได้เลยถาม เพราะตอนมาก็เร่งผม พอมาถึงไม่เห็นปลีกตัวไปทำธุระเลย
“มาเซ็นต์เบิกเงินเดือนพนักงานน่ะ เสร็จตั้งแต่เราสองคนอาบน้ำกันอยู่นั่นล่ะ”พี่นพตอบมาผมก็พยักหน้ารับ ไม่ได้จะจับผิดอะไร แค่ถามเฉยๆ
หลังจากทานอาหารกันเสร็จ ขากลับคนขับรถสองคันสลับกัน มันแยกออกไปคนเดียว และไปในทิศทางที่ไม่ได้เยี่ยมชมในตอนขามา
“พี่ตั้มไม่ได้นอนบ้านนี้เหรอครับพี่นพ”นุเป็นคนถามหลังจากที่เรากลับมานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
“ตั้มเขามีเรือนเล็กอีกหลังน่ะ”คำตอบของพี่นพทำให้ผมนึกย้อนถึงคราวก่อนที่ถูกจับมาไว้ที่นี่ เรือนเล็กที่ว่านั้นคงเป็นสถานที่ที่เป็นจุดเริ่มของเรื่องราวระหว่างผมกับมันสินะ ดีแล้วที่ผมไม่ได้เฉียดใกล้ไปแถวนั้น ไม่งั้นถ้าคนอื่นเผลอเมื่อไหร่ผมคงได้แอบออกไปจุดไฟเผาทิ้งแน่ๆ
รุ่งเช้าหลังจากตื่นขึ้นมาเดินออกกำลังกายกับพี่หน่อยเราก็กลับมาเตรียมพร้อมเข้าไร่ ฟ้าใสๆ ไม่ทำให้รู้สึกร้อนอบอ้าว อากาศเย็นๆ ปนไอหมอกยามเช้ายังความสดชื่นให้ได้ตลอดวัน รถกอล์ฟสองคันมุ่งหน้าสู่พื้นที่ไร่องุ่นด้านข้าง พื้นที่ด้านหน้าเป็นร้านขายของฝากแลกร้านอาหารเล็กๆ สำหรับนักท่องเที่ยว ผมค่อนข้างตื่นเต้นที่จะได้เห็นลูกองุ่นที่ยังอยู่บนต้น และรสชาติคงหวานอร่อยถ้าได้เก็บกินสดๆ
“พอดีทางแล็บบอกว่ายังเก็บกินไม่ได้ คงต้องรอสักสามสี่วันให้สารเคมีเจือจางลงไปก่อน”คำบอกเล่าของมันทำให้ความหวังของผมพังลงพริบตา
“งั้นเหรอ ไม่เป็นไรๆ กินแต่น้ำองุ่นก็ได้ เดี๋ยวเดินดูเรื่อยๆ แล้วเราไปทานข้าวกันดีกว่า สายมากแล้ว”พี่นพยิ้มเชิงขอโทษที่ทำให้ผมกับนุผิดหวัง แต่ไม่เป็นไร ท่าทางผมจะได้อยู่ที่นี่อีกหลายวัน ส่วนนุ...ผมไม่แน่ใจ
ร้านอาหารเล็กๆ ค่อนข้างโล่งเพราะวันนี้ไม่มีคณะทัวร์มาลง พี่นพเล่าเรื่องไร่ให้ฟังคร่าวๆ ว่าลูกทัวร์ส่วนใหญ่จะมาช่วงที่เก็บองุ่นกินได้เท่านั้น ที่นี่ค่อนข้างระมัดระวังเรื่องสารเคมีตกค้างเป็นพิเศษ ทางแล็บจากต้องมาเก็บผลไปวิเคราะห์ในห้องแล็บเพื่อให้ฝ่ายการตลาดกำหนดวันเวลาในการเข้าชมได้ถูกต้อง ไร่องุ่นแบ่งเป็นสองส่วน ด้านหน้าจะเป็นพันธุ์องุ่นสำหรับกินสดๆ ด้านหลังจะเป็นพันธุ์องุ่นสำหรับทำไวน์ ทั้งสองส่วนถูกแบ่งโดยห้องแล็บสีขาว โรงงานสำหรับผลิตไวน์และอาหารแปรรูปอย่างอื่นจะอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร
หลังจากกลับมาถึงบ้านพัก พี่หน่อยชวนพวกเราออกไปซื้อของสำหรับตอนเย็น แต่ผมปล่อยให้นุไปคนเดียวเพราะอยากพักผ่อนมากกว่า ถึงไปด้วยผมก็ช่วยถืออะไรมากไม่ได้อยู่ดี บ้านหลังงามบนเนินเล็กๆ ดูเงียบและวังเวงถนัดตาเมื่อทุกคนออกไป พี่นพชวนผมให้ไปที่คลินิกด้วยกันแต่ผมปฏิเสธโดยไม่ต้องบอกเหตุผลก็น่าจะเดาได้
“นั่งทำอะไรคนเดียว”เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้สะดุ้งจากความคิดที่หลุดลอย
“..............”ผมหันมามองคนที่กลับมาหลังจากแยกออกไปทำงานในแล็บ
“กินข้าวรึยัง”มันเดินมานั่งบนโซฟาตัวยาวตัวเดียวกับผมแต่คนละมุม และเว้นระยะห่างให้ผมชั่งใจว่าควรจะลุกหรือทนนั่งต่อไป
“ไปทำอะไรมาให้กินหน่อยไป ขี้เกียจไปโรงครัว”โรงครัวที่มันพูดคงหมายถึงครัวสำหรับพนักงาน
“อาหารเมื่อเช้ายังเหลือ ไปมากินเองสิ”เมื่อเช้ามีแม่บ้านมาทำอาหารไว้โดยที่พี่นพไม่ได้บอกก่อนว่าจะเข้าไร่ สุดท้ายอาหารก็เลยมีแค่พี่นพกินคนเดียว
“ก็ไปอุ่นแล้วยกมาสิ ต้มมาม่ามาก็ได้ เร็วๆ อย่าเรื่องมาก”มันพูดจบผมก็ลุกโดยไม่รอให้พูดซ้ำ ขี้เกียจนั่งพูดกับมัน สู้ไปทำมาแล้วจบๆ ไปดีกว่า
อาหารเมื่อเช้ามีพวกไส้กรอก เบคอน ไข่ดาวกับขนมปัง ผมกะจะทำตามที่มันบอกคือต้มมาม่า แต่หามาม่าไม่เจอสักซอง สุดท้ายเลยต้องทำข้าวผัดง่ายๆ ที่เอาอาหารเช้ามาผัดรวมไป
“พี่นพไปคลินิกเหรอ”หลังจากอาหารวางลงตรงหน้ามันก็ใช้คำถามรั้งให้ผมยังยืนอยู่ข้างโซฟา
“อืม พี่หน่อยกับนุไปตลาด”ผมตอบเกินคำถามเพื่อที่จะได้ไม่ถามอีก
“แล้วอยู่ทำไมคนเดียว ไม่ออกไปเล่นข้างนอก รถกอล์ฟก็จอดอยู่”มันคงเห็นรถกอล์ฟที่พี่นพจอดไว้โดยไม่ขับไป และเลือกปั่นจักรยานไปแทน
“..............”เป็นคนถามที่ไม่อยากตอบ
“หรือว่าขับไม่เป็น”ถ้าผมฟังไม่ผิด น้ำเสียงมันค่อนไปทางเยาะเย้ยมากกว่าคาดเดาเฉยๆ
“ไม่อยากไปไหน อยากอยู่เฉยๆ คนเดียวเงียบๆ”
“แสดงว่าขับไม่เป็นจริงๆ เดี๋ยวสอนให้ ง่ายกว่ามอเตอร์ไซค์อีก”มันคงไม่รู้ว่าผมขี่เป็นแต่จักรยาน
“ไม่ต้อง จะไปไหนก็ไปเถอะ ผมจะไปนอนต่อ”
“อย่าเรื่องมาก บอกว่าจะสอนก็สอน ต้องอยู่นี่อีกนาน ไปไหนจะได้ไม่ต้องรอคนอื่นพาไป”
“ต้องอยู่นานแค่ไหน”
“เปิดเทอม”มันพูดโต้ตอบกับผมโดยลงมือกินข้าวในงานเรื่อยๆ จนเกือบหมดด้วยความรวดเร็ว
“แล้วเมื่อไหร่แม่ผมจะกลับมา”ผมไม่สนใจว่าคนฟังจะรำคาญกับคำถามที่ถามซ้ำๆ แต่ในเมื่อไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนผมก็ยังคงถามเรื่อยๆ
“เร็วๆ นี้ล่ะ พี่บอกไปแล้วว่าพายมาอยู่ที่นี่ เดี๋ยวก็คงกลับมา”
“.....................”เป็นคำตอบที่สร้างความพอใจให้ผมได้บ้างเล็กน้อย อย่างน้อยแม่ก็รู้แล้วว่าผมรอ และแม่คงให้ผมรอไม่นาน
“เปิดแผลให้ดูหน่อย”
“ทำไม อยากเห็นเหรอว่ารอยยาวขนาดไหน ไม่ต้องห่วง ยังไงก็เหลือรอยให้เห็นตลอดชีวิตแน่ๆ”ผมเอามือกุมรอบผ้าพันแผลเอาไว้ อีกไม่นานก็เปิดออกได้ เปิดออกมาให้ทุกคนได้เห็นว่า....ผมเคยทำเรื่องโง่เง่ากับร่างกายตัวเองแค่ไหน
“เมื่อไหร่จะเลิกอวดดีสักทีพาย กับพี่น่ะไม่เท่าไหร่ แต่อย่าไปพาลใส่คนอื่นที่เขาหวังดีด้วย หัดฟังคนรอบข้างบ้างก็ดีนะ”
“คนรอบข้าง...ใครล่ะ รอบข้างผมน่ะเหรอ ก็มีแต่พวกของคุณไม่ใช่หรือไง จะให้ฟังทำไมในเมื่อไม่ใช่พวกผมสักคน”
“ประสาทหรือไง ไม่มีพวกใครทั้งนั้นล่ะ คิดอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้”
“ทำไมจะไม่ใช่ ในเมื่อพี่นพพี่หน่อยแล้วก็นุเข้าข้างคุณ เป็นพวกเดียวกับคุณ”ในตอนนี้ที่ผมเห็นและรู้สึก ผมไม่สามารถพูดคุยกับใครได้สนิทใจ ไม่มีเพื่อน....มีแต่คนรอบตัว
“พี่นพเป็นพี่ชายพี่ แต่เป็นกลางพอที่จะไม่เข้าข้างคนที่ผิดเหมือนๆ กับพี่หน่อย ส่วนนุ...เขาเป็นเพื่อนพาย”
“ใช่ เพื่อนของผม เพื่อนรักที่หลงคุณจนยอมทำตามที่คุณสั่งทุกอย่าง อยู่ข้างผมเพราะคุณสั่งให้เฝ้าดู จะหลอกอะไรนุอีกล่ะนุถึงยอมทุกอย่าง”
“ถ้าไม่ต้องการให้นุอยู่ที่นี่พี่จะส่งนุกลับพรุ่งนี้ ว่าไง เอาตามนี้ดีมั้ย อยู่คนเดียวในถิ่นของศัตรูที่ตัวเองเกลียด ไม่ต้องมีคนที่คอยพูดคอยหยอกล้อด้วยได้ มีแต่หมอกับจิตแพทย์ที่คอยเฝ้าดูเพื่อรักษาร่างกายกับจิตใจที่ฟุ้งซ่าน ว่าไงล่ะ จะเอายังไง ให้ทำแบบไหนดีพายถึงจะสงบลงบ้าง ทำแบบไหนถึงจะเลิกพาลใส่คนอื่น ทำแบบไหนดี”
“..........ถ้าไม่ให้ลงกับคนอื่น....แสดงว่าลงกับคุณได้งั้นสิ”
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
โซ่ แส้ เทียน กุญแจมือ จัดไปให้พาย เอาไว้ลงกับพี่ตั้ม
