
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 44การสอบของสัปดาห์นี้หมดไปท่ามกลางความเหนื่อยยากของผม อ่านหนังสือหนักกว่าทุกเทอมเพราะไม่ค่อยได้ไปเรียน แถมบรรยากาศในห้องสอบก็ไม่เอื้ออำนวยให้มีสมาธิเอาเสียเลย สายตาของทิวเพียงคนเดียวก็ทำให้อึดอัดแล้ว แต่นี่มีสายตาของเพื่อนร่วมคณะ สายตาของคนที่มองมาบริเวณข้อมือ ผ้าพันแผลสีขาวยังคงพันปกปิดร่องรอยเอาไว้ แต่สายตาอยากรู้อยากเห็นกลับทำให้รู้สึกเหมือนปากแผลเปิดขึ้นมาอีก พี่หน่อยคอยดูแผลให้ตลอด ไม่นานก็คงหายสนิท แต่ไม่เหมือนเก่า ยังไงก็ต้องเหลือร่องรอยแห่งความอ่อนแอของผมเอาไว้ประจานตัวเอง
"พายเอาอะไรมั้ย เดี๋ยวนุจะลงไปซื้อข้าวสาร"นุเปิดประตูห้องนอนโผล่เฉพาะหน้าเข้ามาถามผม
" ไม่เอาล่ะ นุอยากซื้ออะไรก็ซื้อมาเถอะ"ผมเงยหน้าจากหนังสือบนตักมาตอบแล้วก้มลงอ่าน ใหม่หลังจากได้ยินเสียงปิดประตู การที่นุกลับมาอยู่เคียงข้างผมทำให้ดีใจ แต่สาเหตุของการกลับมาทำให้ผม....ยากที่จะเชื่อใจเหมือนเก่า คำพูดเล่นหยอกล้อห่างเหินจนเหมือนคนที่เพิ่งรู้จักกัน บางครั้งผมก็รู้สึกแย่ที่ทำเย็นชากับนุ แต่...เมื่อไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับผม....ก็คือศัตรูไม่ใช่รึไง
เสียง เปิดปิดประตูจากด้านนอกพร้อมเสียงพูดคุยเบาๆ ลอดเข้ามาดึงความสนใจจากความคิดผม ยังไงนุก็ดูแลผมดี อยู่กันแค่สองคนแต่ผมดันหนีเข้ามานั่งอยู่ในห้องนอนคงเดียวนุคงอึดอัด ผมวางหนังสือไว้บนหมอน พักผ่อนสมองสักหน่อยคงทำให้อ่านหนังสือได้มากขึ้น ประตูห้องนอนเปิดตามแรงดึงของผม ใจหนึ่งอยากผลักให้ปิดลงตามเดิมเมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่บนโซฟา
"เอ่อ...พายจะเอาอะไรเหรอ"นุเดินถือแก้วน้ำมาบริการคนที่นั่งรอ แสดงอาการเอาใจใส่แขกที่อยู่เต็มที่
" จะออกมากินน้ำเฉยๆ ขอโทษที่ออกมาขัดจังหวะนะ นึกเสียว่าพายเป็นวิญญาณแล้วกัน"ผมเดินผ่านไปโดยไม่สนใจคนทั้งสองที่นั่ง อยู่ ผมเปิดตู้เย็นรินน้ำดื่มจนหมดแก้วแล้วหันหลังเดินกลับเข้าห้องเดิม
"นั่งคุยกันหน่อยสิ"ไม่รู้ว่าเป็นเพราะห่างเหินกันมาหลายวันหรือเปล่าถึงทำให้เดาอารมณ์ของมันไม่ออก
"คำสั่งหรือว่าขอร้องล่ะ"ผมหยุดยืนใกล้ๆ ประตูห้องนอนแล้วหันมาถามหันที่นั่งอยู่บนโซฟา
"พูดดีๆ ด้วยก็อย่ากวนกันสิ บอกให้นั่งก็นั่ง"
"อ้อ....คำสั่ง"ผมยกไหล่เบาๆ รับคำสั่งแล้วเดินไปนั่งโซฟาเดี่ยวด้านข้างมัน และไม่เงยหน้าไปสบตากับนุที่นั่งตรงข้ามผม
"พี่นพบอกเรื่องไปอยู่ที่บ้านหรือยัง"
"ไปอยู่รีสอร์ทน่ะเหรอ บอกแล้ว"ผมแก้ไขคำพูดให้ถูกต้อง....นั่นไม่ใช่บ้านผม
".....จะกลับไปเก็บเสื้อผ้าที่ห้องหรือว่าให้พี่จัดให้"
"ไม่รู้สิ ผมเลือกได้เหรอ"
"พายก็พูดดีๆ หน่อยสิ พี่ตั้มเขาถามดีๆ นะ"นุพูดจบผมก็หันหน้าไปสบตาตรงๆ นึกไว้ไม่ผิด....ไม่ใช่พวกผมจริงๆ ด้วย
" พายก็ถามดีๆ ปกติไม่มีสิทธิ์เลือกนี่นา ตอนนี้เลยงงๆ กับทางเลือกที่มีให้ คนมันไม่ได้มีอิสระมานาน เข้าใจหน่อยแล้วกัน"ผมกอดอกพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างที่ไม่คิดว่าตัวเอง จะทำได้ แต่ระยะหลังทำบ่อย...จนเริ่มจะชิน
"พาย....."นุครางในลำคอเบาๆ แต่ไม่พูดอะไรต่อ
"ช่างเถอะนุ คนมันรั้นน่ะ พูดยังไงก็ไม่เคยฟังใครเขาหรอก ดีแต่คิดเองเออเอง"
"ถ้าไม่มีอะไรจะสั่งแล้วผมขอตัวไปอ่านหนังสือต่อแล้วกัน"ผมรีบลุกเดินผ่านไปทางประตูห้องนอนแต่คนที่นั่งอยู่กลับคว้าข้อมือผมเอาไว้
"โอ้ย!!"แรงจับที่ข้อมือบริเวณแผลทำให้รู้สึกเจ็บจนต้องสะบัดมือหนี
"อ๊ะ...ขอโทษ พี่ไม่ตั้งใจ แผลเปิดหรือเปล่า ยื่นมือมาสิ"น้ำเสียงร้อนรนกับท่าทางที่รีบลุกขึ้นมาไขว่คว้าข้อมือผมทำให้แปลกใจ
" ไม่ต้อง แค่นี้ไม่ตายหรอก มีเวลาให้คุณเล่นกับชีวิตผมไปอีกนาน"ผมสะบัดมือหนีแล้วเดินเข้าห้องนอนปิด ประตูแน่นหนา เสียงเคาะเรียกดังรัวจากด้านนอกแต่ผมไม่สนใจ เดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงมองข้อมือตัวเอง ไม่มีเลือดซึมก็แสดงว่าแผลไม่เปิด ความจริงพี่หน่อยบอกว่ามันแห้งสนิทแล้ว แผลค่อนข้างหายเร็วเลยไม่ต้องเป็นห่วง แต่สิ่งที่ทำให้ต้องเข้ามานั่งมองข้อมือตัวเองคืน....สายตา...ของคนด้านนอก น้ำเสียงและสีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก....รู้สึกผิด...เสียใจ.....ขอ โทษ....ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็นอารมณ์เหล่านี้จากคนแบบนั้น ไม่น่าเชื่อว่า...ความเจ็บปวดจากบาดแผลนี้....ไม่สูญเปล่า
ผมนอนอ่าน หนังสือในห้องจนเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีก็ใกล้ค่ำแล้ว พี่หน่อยกลับมาดูแผลที่ข้อมือให้ บาดแผลปกติไม่มีเลือดซึมหรืออะไร ความจริงผมก็เจ็บแค่นิดเดียว เพียงแค่รู้สึกถึงสัมผัสของฝ่ามือมันผมก็สะบัดออกแล้ว ถึงชีวิตไม่ได้เป็นของผม แต่ร่างกายก็ยังพอจะเชื่อฟังจิตใจผมอยู่บ้าง
ผม นึกเสียดายอยู่ลึกๆ ที่มันไม่มาให้ผมเห็นหน้าก่อนจะสอบ ถ้ามันมาก่อนหน้านี้ผมจะได้มีกำลังใจในการอ่านหนังสือ เสียดายที่เหลือวันสอบอีกแค่สองวัน ถ้าสอบเสร็จแล้วต้องไปอยู่ที่รีสอร์ทผมก็ไม่ได้เจอมันน่ะสิ แต่ก็ไม่แน่ ผมคิดว่าอย่างมันต้องไม่ปล่อยให้ผมสบายหรอก ผมเริ่มรู้สึกว่าโชคดีกำลังเข้ามาหาตัวเอง อย่างน้อยวันนี้ตอนสอบผมก็มีสมาธิกว่าเดิม วิชาที่สอบเป็นวิชาพื้นฐานที่มีหลายคณะได้เรียน สนามสอบเลยมีปนกันสองคณะทำให้ผมกับทิวสอบคนละห้อง นุยังคงตามมาเฝ้าผมเหมือนเดิม พี่นัทก็คอยรับส่งเหมือนเดิม
วันสอบ วันสุดท้ายเป็นวันที่ผมค่อนข้างกังวล วิชาที่สอบไม่ค่อยยากเพราะผมอ่านหนังสือค่อนข้างหนัก แต่เพราะวันเป็นวันสุดท้ายของการสอบ วันสุดท้ายที่จะได้พบกับทิวก่อนที่จะปิดเทอม ผมไม่รู้ว่า...ทิวจะทำอะไรได้บ้าง....ไม่รู้จริงๆ
"วิชานี้ยากเหรอ ครับ ทำหน้าเครียดเชียว"พี่นัทเหลียวมาถามจากหน้ารถที่จอดสนิทบริเวณลานจอดรถ ใกล้ๆ ตึกคณะ เพราะว่ามาถึงก่อนเวลาและผมไม่สามารถเดินเตร่ไปไหนเลยเลือกที่จะนั่งทบทวนบท เรียนอยู่ในรถ
"ท่องจำเสียมากกว่าน่ะครับ"ผมปิดหนังสือเมื่อมองมองนาฬิกาข้อมือที่แสดงเวลาเข้าสอบ
" ได้เวลาแล้วนี่ ไปกันเถอะพาย"นุรู้เวลาเข้าสอบของผมอยู่แล้วเลยเอ่ยขึ้นพร้อมก้าวลงไปรอข้าง รถ ผมเตรียมอุปกรณ์เครื่องเขียนแล้วก้าวตามออกไป มองไปรอบๆ เห็นนักศึกษาบางตา แต่...มีเพียงคนเดียวที่มองตรงมา
"......ทิว"ผมไม่รู้ว่าทิวยืนมองจากฝั่งตรงข้ามลานจอดรถตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่คิดว่ายืนรอให้ผมออกมาจากรถแน่ๆ
"เอายังไงล่ะพาย วิ่งไหวมั้ย เดี๋ยวนุกันไว้ให้"นุมองตามสายตาผมแล้วเสนอทางออกมาให้ ผมกลัวทิวมากไปหรือเปล่าถึงต้องหนีขนาดนี้
"...... เดินไปธรรมดานี่แหล่ะ ทิวคงไม่ทำอะไรหรอก"ผมเดินจับมือนุไปทางอาคารเรียน รับรู้ถึงเสียงฝีเท้าที่ก้าวตามมาอย่างกระชั้นชิดจนเดินเสมอกัน
"ทิว อยากอธิบาย พายคุยกับทิวหน่อยเถอะนะขอร้องล่ะ ถ้ากลัวทิวมาก....เราคุยกันทางโทรศัพท์ก็ได้"น้ำเสียงที่ฟังออกว่าเสียใจและ แฝงคำขอโทษอยู่ในนั้นทำให้ผมต้องหยุดยืน
".....ทิว"ผมอยากจะบอกว่าไม่ได้กลัวทิว แต่....ผมก็ไม่สามารถโกหกออกไปได้
"นะ.....ขอร้อง....ทิวจะรอพายโทรมานะ....นานแค่ไหนก็จะรอ"ทิวพูดจบก็เดินนำเข้าห้องสอบไป นุตบบ่าเบาๆ แล้วดันให้ผมเดินไปเข้าห้องสอบ
การ สอบวันสุดท้ายช่างสาหัสสำหรับผม การสอบแบบท่องจำ แต่ความจำผมกลับเลือนหายไปหมด มีเพียงเสียงของทิวที่ดังซ้ำไปซ้ำมา สุดท้ายแล้วผมนั่งจนหมดเวลาแต่ทำข้อสอบได้ไม่ครบทุกข้อ ผมเดินออกมาหานุที่นั่งรออยู่ด้านนอก ไม่จำเป็นต้องรีบหนีเพราะทิวออกจากห้องสอบไปนานแล้ว
ผมนั่งรถกลับมา ที่คอนโดฯพี่หน่อยโดยไม่พูดกับใครระหว่างทางเลย พี่นัทส่งเสร็จก็ขับออกไปโดยไม่แวะขึ้นไปบนห้อง ความคิดที่ยังวกวนเพราะคำพูดทิวถูกเบี่ยงเบนไปเพราะคนที่รอในห้อง
"เป็นไงบ้างพาย สอบได้มั้ย"พี่หน่อยส่งยิ้มพลางร้องถามด้วยความห่วงใย
"ก็...นิดหน่อยครับ"
" พอดีพี่ต้องรีบไปทำธุระที่คลีนิคน่ะ พายรีบเก็บของเลยนะ จะได้ไปกันเลย"พี่นพแก้ข้อข้องใจที่แสดงออกทางสีหน้า ผมเดินเข้าห้องนอนพร้อนนุ กระเป๋าเป้สองใบเก็บเสื้อผ้าและข้าวของส่วนตัวลงอย่างรวดเร็ว ผมเดินตามหลังพี่นพกับพี่หน่อยมาที่ลานจอดรถ แล้วก็เห็นคนที่คาดอยู่แล้วว่าจะเห็นยินพิงรถตัวเองใกล้ๆ รถพี่นพ ผมเดินตามพี่หน่อยแล้วเข้าไปนั่งเบาะหลังโดยไม่สนใจรถอีกคัน ปล่อยให้เขานั่งคู่กันไปคงดีกว่า ผมยึดเวลาของนุมานาน ให้ได้อยู่กันตามลำพังบ้างก็ดี
"เดี๋ยวแวะกินข้าวระหว่างทางแล้วกัน นะ พี่ไม่อยากออกเย็นกว่านี้รถมันจะติด"พี่นพมองผ่านกระจก ผมพยักหน้ารับคำในลำคอเบาๆ แล้วเอนศีรษะพิงกระจก ความจริงก็อยากนั่งรถอีกคันเหมือนกัน เผื่อจะได้เห็นอะไรสนุกๆ แบบวันนั้นอีก...แต่วันนี้เหนื่อยเกินกว่าจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ การสติแตกต่อหน้ามันไม่ใช่ผลดีเท่าไหร่
รถยนต์สองคันที่ขับตามกันจน พ้นเขตของเมืองหลวง ร้านอาหารข้างทางถูกเลือกเป็นสถานที่แวะพักแห่งแรก พี่หน่อยแนะนำว่าร้านนี้อร่อยและราคาถูก พี่นพก็เลยเลี้ยงรถเข้ามา ผมเลือกที่ฝั่งเดียวกับพี่นพพี่หน่อย ปล่อยให้สองคนนั้นนั่งคู่กันฝั่งตรงข้าม
"กินอะไรสั่งตามสบายเลยนะนุ ไม่ต้องเกรงใจพี่"พี่นพยื่นเมนูให้นุรับไป ส่วนผมนั่งพิงพนักลูบหยดน้ำจากแล้วรอให้คนอื่นสั่ง
"พายอยากกินอะไรก็สั่งนะ พี่ไม่รู้ว่าพายชอบอะไร"พี่หน่อยยื่นเมนูมาให้แต่ผมดันกลับไป
"ผมกินอะไรก็ได้ครับ"ผมคงไม่คุ้นชินกับอิสระแล้วจริงๆ การคิดว่าจะกินอะไรเลยดูยากเกินไป
"ผมเอาผัดผักรวมมิตร"นุสั่งหลังจากที่พี่หน่อยพี่นพสั่งไปคนละอย่างสองอย่าง ผมคงไม่รู้สึกอะไรถ้าไม่มีเสียงมันดังขึ้น
"ไม่ใส่ถั่วลันเตานะครับ"มันพูดจบพนักงานก็เดินไปพร้อมรายการอาหารที่สั่งเสร็จเรียบร้อย
"พี่ตั้มไม่กินถั่วหรอกเหรอไม่ยักรู้"
"เปล่า"
"อ้าว...."
"ถามเพื่อนนุสิ"
"พายเหรอ...พายไม่กินเหรอ"
" แพ้น่ะ กินแล้วจะหายใจไม่ออก"ผมตอบโดยที่ยังไม่ละสายตาจากหยดน้ำข้างแก้ว ทำเหมือนกับว่ามันน่าสนใจ แต่ความจริงแล้ว...ก็น่าสนใจกว่าการเงยหน้าแล้วมองเห็นมันจริงๆ น่ะแหล่ะ
"แหม ไม่รู้นะเนี่ยว่าพี่ตั้มก็มีมุมอ่อนโยนแบบนี้เหมือนกัน"
" เขาไม่เรียกว่าอ่อนโยนหรอกนุ เรียกว่าฝังใจดีกว่า พอดีตอนที่โดนข่มขืนน่ะพายกินเข้าไปโดยไม่รู้เพราะถูกปิดตาอยู่ เกือบตายเลนะ โชคดีที่พี่นพไม่อยากให้น้องเป็นฆาตกรเลยรักษาให้ โชคดีจริงๆ"
----------------------------------------------------------------------------------------------------

พระเจ้าจ๊อด พายยอดมาก
