
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 38ผมเคยคิดจะให้นุย้ายไปอยู่หอพักอื่นซึ่งสะดวกสำหรับผมมากกว่านี้ แต่นุก็ดูจะติดพายพอควร ผมคิดไปคิดมาก็เปลี่ยนใจให้นุอยู่ใกล้พายเหมือนเดิมดีกว่า ข่าวคราวของพายผมได้รับจากพี่หน่อยเสมอๆ ต่างจากเดิมคือผมเป็นคนโทรไปสอบถามเอง พฤติกรรมของพายและคนรอบข้างที่เข้าหูผมเริ่มไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ เพื่อนใหม่และเพื่อนสนิทมันเป็นเกย์ ถ้าเดาไม่ผิดเพื่อนสนิทมันต้องรู้สึกอะไรกับมันบ้างล่ะ จะมีใครดีกับคนอื่นโดยไม่หวังผลได้รึไง โลกนี้มันไม่ได้สวยงามขนาดนั้น
บ้านไม้หลังเล็กๆ เก่าๆ ตั้งอยู่ตรงหน้า ผมว่าสภาพบ้านพักพนักงานที่รีสอร์ทยังดูดีกว่าหลายเท่า ในมือผมถือกล้องถ่ายรูปเอาไว้ ความจริงก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนี้ แต่ต้องมาติดต่องานที่นี่พอดีเลยลองขับรถมาดู รูปบ้านเก่าๆ ถูกถ่ายหลายมุม ผมมองหาเจ้าของบ้านอยู่บ้านก็ไม่เห็น ผมเดินลัดเลาะแนวต้นไม้ตามเสียงซักผ้าไปจนถึงหลังบ้าน ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปผู้หญิงตรงหน้าสองสามครั้งแล้วก็เตรียมหันหลังกลับ เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ
“อ้าวพ่อหนุ่ม ทำอะไรอยุ่ตรงนั้น”เสียงเรียกจากคนที่ผมตั้งใจมาแอบถ่ายรูปเพื่อไปข่มขู่ลูกชายของเธอดังจากด้านหลัง ผมหันไปมองอย่างไม่จนปัญญาที่จะตอบอะไรออกไป
“จะมาเด็ดมะม่วงล่ะสิ มันเหลือแต่ยอดสูงๆ ที่เหลือน้ากับคนอื่นเก็บไปหมดแล้ว”
“ครับ ไม่เป็นไรครับ”
“ตามน้าไปเอาในบ้านสิ น้าสอยมาเก็บไว้ทำมะม่วงกวนส่งไปให้ลูก นี่ก็ทำเหลือบานเลย แบ่งไปกินหน่อยมั้ยล่ะคุณ”
“ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณครับ”
“มาๆ อย่ามาเกรงใจกัน ของมันเหลือจะทิ้งก็เสียดายเปล่าๆ”น้าผู้หญิงเดินเข้าบ้านพร้อมเช็ดมือ เปียกๆ ด้วยชายผ้าถุงที่พับเหลือตรงขอบเอว ผมเดินตามเข้าไปในครัวด้านหลัง ครัวที่....เหมือนห้องเก็บของ ถ้าไม่มีกะทะกับตู้กับข้าวไม้เก่าๆ ผมคงคิดว่าเป็นห้องเก็บของแน่ๆ เห็นจากสภาพความเป็นอยู่ด้านในที่ไม่ต่างจากด้านนอกแล้วก็เข้าใจว่าทำไมเด็ก นั่นถึงต้องทำงานหนักขนาดนั้น
“ลูกชายน้านะชอบมากเลยมะม่วงเนี่ย ถ้าอยู่บ้านนะเป็นต้องปีนขึ้นไปเก็บมาจนเกือบหมดต้น เก็บมาเยอะแล้วก็เที่ยวไปแจกชาวบ้าน มันบอกดีกว่าปล่อยให้ร่วงลงพื้นเสียของ มะม่วงกวนนี่ก็ของโปรดเจ้าพายเลยล่ะ กินเล่นเป็นขนมจนบางทีน้าต้องบ่น กลัวมันกินอิ่มแล้วจะไม่ยอมกินข้าว นี่น้าส่งไปให้ตั้งเยอะไม่รู้จะแบ่งเพื่อนหรือเก็บไว้กินเอง”รอยยิ้มกับสี หน้าบ่งบอกถึงความรักที่มีต่อลูกชายที่กำลังพูดถึง มือหยาบกร้านเพราะทำงานหนักหยิบมะม่วงกวนในขวดโหลใส่ถุงพลาสติกจนเต็มไป หนึ่งถุงแล้วก็ยังหยิบถุงใหม่มาใส่ให้อีก
“ท่าทางน้าจะรักลูกมากนะครับ แล้วนี่เขาไม่อยู่เหรอ”
“จ๊ะ ไม่อยู่หรอก ไปเรียนที่กรุงเทพฯโน่น เพื่อนบ้านเขาอิจฉาน้าเป็นแถวว่าได้ลูกดี เรียนเก่ง สอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลได้ รายนั้นก็เรียนด้วยทำงานด้วย ส่งเงินให้น้าทุกเดือน กลัวแม่มันทำงานหนักแล้วจะไม่สบาย...แค่นี้พอมั้ยคุณ จะเอามะม่วงดิบไปด้วยมั้ย อยู่ในเข่งหน้าบ้านแน่ะ”
“แค่นี้ก็พอครับ ขอบคุณมากนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกพ่อหนุ่ม แค่นี้เอง น้ามีเหลือกิน แบ่งๆ ไปน่ะแหล่ะดีแล้ว”
“ครับ งั้นผมกลับล่ะนะครับ”ผมยกมือไหว้แล้วรีบเดินกลับมาออกมา เป็นครั้งแรกที่....รู้สึกผิด.....ลูกคนดี คนเก่งของผู้หญิงที่ใจดีแบ่งขนมให้...ถูกผมทำลายเสียย่อยยับ แต่เธอก็ไม่รู้เรื่อง หากรู้ว่าผมทำอะไรกับลูกเธอบ้าง ความเอื้ออาทรที่มีให้จะยังเหมือนเดิมมั้ย ความเชื่อที่ว่าคนเราไม่เคยทำดีกับคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนเริ่มสั่นคลอน เพราะผมไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า...เธอหวังอะไรจากผม เพื่อแลกกับมะม่วงกวนสองถุง คนเราสามารถเชิญคนแปลกหน้าที่บุกรุกบ้านตัวเองเข้าไปในบ้านได้ง่ายๆ อย่างนี้ทุกคนเลยเหรอ
การกระทำที่ผิดแปลกจากวิสัยของตัวเองเกิดขึ้น เมื่อผมย้อนกลับไปบ้านหลังนั้นอีกหลายครั้งด้วยข้ออ้างหลายอย่างไม่ซ้ำกัน ตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ที่ต้องติดต่องานที่นั่น ผมได้นอนค้างบ้านหลังนั้นหนึ่งคืน หากแต่เป็นคืนที่...สำคัญ หลังจากกลับมาผมและเพื่อนอีกสองคนก็นัดเจอกันด้วยเหตุผลบางอย่าง....นั่นคือ ....ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจริง และได้เวลายอมรับ
“กูติดต่อกับแพรได้สักพักแล้ว ความจริงก็แค่แม่น้องเท่านั้นแหล่ะ แต่ก็ดีที่รู้ว่าสบายขึ้นแล้ว”
“แล้วไง”ผมกอดอกถามอั๋นที่นั่งทำหน้าเหมือนจะสำนึกอะไรบางอย่าง
“เท่าที่กูตามดูเด็กคนนั้น กูคิดว่า...คงเป็นเรื่องเข้าใจผิดของกูเอง ดูๆ แล้วมันก็เป็นคนดีนะ”
“มึงจะพูดอะไรเอาให้จบๆ ทีเดียวได้มั้ย กูเริ่มรำคาญแล้ว”นัทเองก็เริ่มทนไม่ไหวกับอาการอ้ำอึ้งของไอ้อั๋นเหมือนกัน
“กู ว่าเราจับผิดตัว เพราะกูลองเลียบๆ เคียงๆ ถามแม่เขาว่าจะเอาเรื่องพวกที่ทำแพรแบบนี้มั้ย แต่แพรเคยยืนยันว่าไม่ต้องทำอะไร พ่อแพรคิดจะแจ้งความจับพายหลังจากที่แพรเพิ่งบินไปไม่กี่วัน แพรดันรู้ก่อนแล้วบอกว่าพายไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แม่แพรเลยถามๆ กูว่าตกลงเรื่องเป็นยังไง แล้วพายเนี่ยเป็นคนดีอย่างที่แพรบอกจริงเหรอ....กูเลยต้องแอบๆ ตามสืบดู”
“เวรจริงๆ เลยนะมึงไอ้อั๋น นำความซวยความให้พวกกูแท้ๆ กูก็นึกอยู่แล้วว่าท่าทางแบบนั้นเนี่ยนะจะมีผัวมาก่อน”
“แต่ก็มีแฟนเป็นผู้ชายจริงๆ นะมึง”
“มึงรู้ได้ไง”
“ก็ คนข้างตัวเด็กคนนั้นไง บางคนก็บอกว่าเป็นเพื่อนสนิท แต่บางคนก็บอกว่าเป็นแฟน กูเลยคิดว่าสองคนนี้คงแอบคบกันอยู่ แล้วดันมายุ่งกับแพรของกูอีก”
“มึงมันโง่ว่ะไอ้อั๋น เด็กนั่นน่ะไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน แล้วกูก็เป็นคนแรกด้วย ส่วนเรื่องที่มันสองคนจะเป็นแฟนกันน่ะยิ่งไม่มีทาง เพราะพายไม่เพิ่งจะสงสัยว่าเพื่อนตัวเองเป็นเกย์ไม่นานมานี้เอง”
“แล้วมึงรู้ได้ไง”
“ก็พี่หน่อยเล่าให้กูฟัง”ผมพูดจบ สองคนนี้ก็พยักหน้ารับรู้ พวกผมยังจำได้ว่าผมต้องทำอะไรตามคำสั่งพี่นพบ้าง
“แล้วเอาไงต่อ”นัทถามตรงกับความคิดผม เพราะจากที่นั่งฟังอั๋นพูดก็ยังไม่เข้าใจว่ามันต้องการอะไร
“ก็ ไม่เอาไง กูแค่บอกให้รู้เฉยๆ ว่าเราจับคนผิด แต่เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว จะไปแสดงตัวรับผิดชอบก็คงไม่ใช่เรื่อง เพราะนั่นเป็นผู้ชายไม่ได้เสียหายอะไร อาการอื่นๆ ตั้มมันก็เคยบอกว่าหายแล้วนี่”
“ดีแล้ว กูบอกตรงๆ นะว่ารู้สึกผิดว่ะ พวกเราทำกับเขาเกินไปมากเลยนะเว้ย จริงๆ ก็อยากไปขอโทษเหมือนกัน แต่ก็นะ ผ่านแล้วก็ผ่านเลยแล้วกัน”นัทพูดสนับสนุนความคิดอั๋น ตรงนี้คงมีผมคนเดียวที่คิดไม่เหมือนพวกมัน ผมรู้ว่าเราทำผิด...และก็เริ่มรู้สึกผิด...แต่...ทำไมต้องปล่อยผ่านไป ในเมื่อเด็กนั่นก็เป็นของผมแล้ว ต่อให้เพื่อนมันจะทำให้หวั่นไหวยังไงก็ไม่มีสิทธิ์ไปตอบรับความรู้สึกคนอื่น ของที่ผมไม่ได้ถือไว้ในมือ ใช่ว่าผมจะทิ้งนี่ แต่สงสัยคงวางห่างไป ถึงได้ไม่มีใครรู้ว่า....มีเจ้าของแล้ว
การพบกันครั้งแรกที่ลานจอดรถ เรียกว่าบังเอิญจริงๆ หากแต่ครั้งต่อมาไม่ใช่พรหมลิขิตใดๆ แต่เป็นการจงใจของผม น้ำเสียง สีหน้า แววตาที่หวั่นวิตกเมื่อคล้ายจะจำผมได้ ผมยอมรับว่าแปลกใจแต่ก็ดีใจที่มันจำเสียงผมได้ การแสดงตัวในครั้งต่อๆ มาทำให้รู้ว่าอาการที่พี่หน่อยบอกว่าหมดแล้วยังไม่หมดไปจริงๆ หรือว่าพายเสียการควบคุมเฉพาะอยู่กับผม...อันนี้ไม่แน่ใจเท่าไหร่ หน้าตาที่พยายามจะแสดงออกว่าเข้มแข็ง แต่ร่างกายกับสั่นเทาแม้จะถือมีดจ่อท้องผมอยู่ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเด็กนี่จะกล้าแทงผม แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว เจ้าตัวเองก็คงนึกไม่ถึงเหมือนกัน เพียงแค่เห็นเลือดที่ไหลซึมจากแผลก็ทรุดฮวบลงไป ร่างกายเกร็งสั่นสะบัดตัวหนีผมเหมือนคนไม่มีสติ ผมพยามกดแขนพายแนบกับพื้นเพื่อให้อาการทุเลา แต่กลับได้รับเป็นรอยฟันที่หัวไหล่ แรงกัดรุนแรงจนได้เลือด ใช่ว่าจะเจ็บจนทนไม่ไหว แต่เพราะกลัวคนที่กัดอยู่จะเผลอกัดลิ้นตัวเองเลยต้องทำให้สลบอย่างช่วยไม่ได้
รูปที่เคยคิดล้มเลิกในการนำมาใช้ข่มขู่ก็ต้องใช้ อย่างน้อยก็เบาใจเมื่อพายอ่อนลงไปมาก ใช่ว่าจะอยากทำ แต่ไม่อยากใช้กำลังทำให้เจ็บตัวอีกเลยเลี่ยงใช้วิธีทำร้ายจิตใจแทน....ได้ ผลดีเกินคาด ในที่สุดก็ของที่อยากได้ก็มาอยู่บนมือแล้วจริงๆ และของที่ไม่ต้องการ...ก็เตรียมโละทิ้งได้แล้วเหมือนกัน ครั้งที่สองที่....ข่มขืนพาย...ทำให้รู้ว่าคำพูดของนุไม่จริง ที่เคยบอกว่าทิวจีบพายมานาน และพายเริ่มเล่นด้วย...ไม่เป็นความจริง คำใส่ร้ายง่ายๆ ที่คิดจะให้ผมเลิกล้มความสนใจในตัวเพื่อนข้างผมทำให้ตอนนั้นผมโมโห...ผิดคน ความจริงผมน่าจะรู้ว่านุทำไปเพราะอะไร นุเองก็เป็นคนฉลาดพอที่จะรู้ว่าผมให้ความสนใจเรื่องของพายจากปากนุ...นี่คง เป็นการใส่ร้ายเพื่อ....กันท่า แต่นุคงลืมไปว่าผมไม่ชอบคนโกหก และไม่ชอบให้คู่นอนยุ่งเรื่องส่วนตัว
อะไรๆ มันดูง่ายในความคิดผม การจะแยกพาย ออกจากคนอื่น..ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะพายมีคนที่เรียกว่าสนิทแค่สองคน อาการหมดอาลัยตายอยากมีให้เห็นทุกครั้งที่มองหน้าพาย ไม่เข้าใจว่าจะอาลัยอาวรอะไรนักหนา ไม่รู้ตัวบ้างเลยรึไงว่าคนข้างตัวที่คิดว่าดีน่ะ...มันก็เลวไม่ต่างจากผม หรอก กลุ่มเที่ยวที่พอจะคุ้นเคยของผมกับนัทเคยบอกว่าพวกมัน...เล่น...อะไรกันบ้าง พฤติกรรมการสนุกก็ไม่ต่างกัน หากแต่ยังเด็ก....ถึงได้เล่นเสียแทบทุกอย่าง....ยาเสพติด....ที่ไม่ได้เสพ เพราะติด... แต่พวกนี้เสพ...เพราะความสนุกในเรื่อง....sex
ยิ่งรู้ ประวัติมากเท่าไหร่ก็ยิ่งหมดความไว้ใจที่จะให้อยู่ใกล้ หากย้ายที่เรียนได้ผมคงทำไปแล้ว คนของผมดูท่าจะไม่รู้เรื่องราวรอบตัวเอาเสียเลย และผมก็ไม่ใช่คนดีที่จะมานั่งปกป้องความเลวคนอื่น คำตอบที่เคยสงสัยว่าทำไมพายถึงโดนจับ ทำไมอั๋นถึงเข้าใจผิด และคนผิดจริงๆ คือใคร....ทุกอย่างเฉลยออกมาพร้อมกับการกลับมาของแพร เธอไม่ได้พูดกับอั๋นว่าใครเป็นคนทำ แต่บอกว่าไม่ใช่พาย อั๋นกล้าที่จะเล่าเรื่องราวที่มันทำลงไปให้แพรฟัง และมันก็กล้าเผชิญกับความรู้สึกเสียใจที่รู้ว่า...แพรยังรักพายอยู่.....ถึง ไม่บอกว่าใครเป็นคนทำ แต่อาการตื่นกลัวเพียงแค่ถามว่า...คนทำ....เป็นคนใกล้ตัวพายหรือเปล่า...ก็ แทนคำตอบทุกอย่างได้
ยอมรับว่าเป็นครั้งแรกที่คิดอยากฆ่าคนขึ้นมา จริงๆ สภาพพายที่กลับมาอย่างเมามายกับคนที่ผมฝาก..ให้ดูแล..แต่ไม่เคยทำได้ อาการเมาที่ไม่บอกก็รู้ว่าไม่ใช่แค่เมาเหล้า แต่มอมยาโดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่ติดว่าผมต้องไปทำธุระกับพี่นพ ผมคงไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ คนเราไว้ใจไม่ได้...แม้แต่เพื่อนที่แอบรักตัวเอง บางทีพายควรเรียนรู้เรื่องนี้ไว้บ้าง อย่างน้อยก็จะได้.....ไม่เกิดเรื่องในวันถัดมา
----------------------------------------------------------------------------------------------------
