ตอนที่ 23 แค่เคียงข้าง
เสียงน้ำไหลพร้อมกลิ่นสะอาดของป่าปลุกคนที่คุ้นชินกับในเมืองปรือตาตื่นงัวเงีย อากาศที่ค่อนข้างเย็นทำให้ร่างนั้นขดตัวเข้าหาความอบอุ่นไม่อยากจะลุก แถมรอบตัวยังมืดสนิทจนเดาไม่ออกว่ากี่โมงแล้ว ภามหาวหวอดขยี้ตาตั้งสติอยู่สักพักถึงนึกได้ว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่คอนโดแต่อยู่ที่แพเมืองกาญจน์
แพ..
เชรด!!!!!!!!!!!
เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง เขาไม่ได้กระเด้งตัวลุกเพราะตอนนี้กำลังนอนตัวแข็งอยู่ในอ้อมกอดของคนรัก พี่ดีนยังหลับสนิทท่าทางสบายจนไม่อยากปลุกให้ตื่น ภามเริ่มแตะตัวเองแล้วพบว่าสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย คิ้วเรียวขมวดมุ่นแต่ก็มั่นใจว่าเมื่อวานไม่ได้ฝันแน่ๆและที่สำคัญคือเขาสลบเหมือดไปทั้งๆแบบนั้น งั้นแสดงว่าพี่ดีนแต่งตัวให้?
โอยยยยยยยยยย คนเพิ่งตื่นโหยหวนหน้าแดงจัดอยากจะไปโดดแม่น้ำให้หายบ้า ภาพเมื่อคืนย้อนมาเป็นฉากชัดเจนจนจะบ้าตาย
ภามพยายามระงับความตื่นเต้น รอจนหัวใจเริ่มสงบและมีสติสตังครบเขาถึงค่อยๆขยับตัวจากอ้อมแขนอบอุ่น หน้าจอมือถือแสดงเวลาตีห้าซึ่งอีกสักพักพวกเขาก็ต้องตื่นเพื่อไปล่องแพดูพระอาทิตย์ขึ้นกับทางรีสอร์ท แสงไฟจากภายนอกที่ลอดผ่านหน้าต่างเหนือหัวนอนทำให้เขาเห็นอะไรรอบตัวค่อนข้างชัดเจน เห็นกระทั่งแพขนตาที่ปิดสนิทของพี่ดีน เด็กหนุ่มนั่งมองใบหน้าคนรักตาปริบๆ พอไม่ได้เซตผมคนตรงหน้าก็ดูเด็กลงไปอีกหลายปี ภามแตะรอยปานข้างขมับอย่างที่ชอบทำแล้วลากปลายนิ้วสางผมให้ อมยิ้มเมื่อเห็นคิ้วเข้มขมวดนิดนึงก่อนจะคลายลงเหมือนเก่า
อินทัชจะเคยมองพี่กรณ์แบบนี้ไหมนะ แล้วเคยมีความสุขขนาดนี้หรือเปล่า..
เขาอยากจะมีความสุขให้เต็มที่ทั้งเพื่อตัวเองและเผื่อในส่วนของกรณ์และอิน อยากทำหลายๆอย่างที่สองคนนั้นไม่เคยทำ อยากจะมีความรักที่ไม่โดนขัดขวาง แต่ความเป็นจริงคงไม่ง่ายขนาดนั้น..
เด็กหนุ่มถอนใจ เขาทำท่าจะเอนตัวลงนอนต่ออีกนิดแต่พอร่างสูงใหญ่ขยับผ้าห่มที่พาดหมิ่นเหม่ไว้ก็ร่วงหล่นจากตัว ท่าทางเหมือนเด็กขี้เซาชวนให้อมยิ้ม ภามเอื้อมมือไปหยิบผ้าเพื่อจะห่มให้ใหม่แต่อะไรบางอย่างก็สะกดสายตาเขาเอาไว้
ขอบกางเกงนอนที่ร่นลงกลายเป็นเอวต่ำหมิ่นเหม่ของพี่ดีนทำให้เขาเห็นลายอะไรบางอย่างบนสะโพก
รอยสัก!??
ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เขาลังเล ภามถือผ้าห่มค้างตาจ้องเป๋งไปที่ขอบกางเกงคนรัก ถ้าเกี่ยวลงอีกนิดจะเห็นชัดไหมนะ แต่เฮ้ยนี่กางเกงมันต่ำมากจนเห็นวีไลน์แล้วถ้าเกี่ยวลงอีกละก็...
ภาพเมื่อคืนก็โผล่ขึ้นมาในสมองทันที
ว๊ากกกกกกกกกก ภามแหกปากลั่นในใจ หน้าเน่อแดงไปหมดจนต้องปล่อยผ้าห่มเอามือมาปิดหน้าตัวเอง หัวใจเต้นแรงจนหนวกหูรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนลามก เขาตบแก้มตัวเองแปะแล้วเม้มปากเหล่มองสะโพกพี่ดีนอีกครั้ง
แต่ก็อยากรู้จริงๆ นี่นา เมื่อคืนก็ไม่ทันมองด้วย ถ้าแค่นิดเดียว..
ไวเท่าความคิด มือเจ้ากรรมก็ไปถึงขอบกางเกงพี่ดีนเสียแล้ว ภามเหลือบตามองคนที่ยังนอนหลับเป็นการดูต้นทางแล้วจับขอบกางเกงพี่มือสั่น เขาขอดูแค่....
หมับ!
เฮือก!!!
“ซนอะไรครับ”
เด็กซนเบิกตากว้างแล้วก็สบเข้ากับดวงตาสีเทาอมเขียวอันคุ้นเคยเข้าเต็มๆ
“พะ พะ พี่ดีน” เรียกเสียงสั่นลิ้นพันกันไปหมด จะดึงมือหนีแต่พี่ดีนก็จับข้อมือเอาไว้แน่นจนทำอะไรไม่ได้
“จะตีห้าครึ่งแล้ว เดี๋ยวไปอาบน้ำแล้วเตรียมตัวไปล่องแพกัน” ดีนยันตัวขึ้นนั่งหยิบมือถือมาดู ท่าทางการขยับตัวรวมถึงการพูดบอกชัดว่าไม่ใช่เพิ่งตื่น
ตลอด เขาโดนแบบนี้ตลอด!! ทำไมพี่ดีนต้องตื่นอยู่แล้วทุกครั้งด้วย
ภามโวยลั่นในใจหน้าเหมือนจะระเบิด พอสบตากันพาลนึกถึงสายตาพี่ดีนเมื่อคืนแล้วมันก็ลามไปถึงบางภาพที่ไม่ควรนึกถึงด้วย ทั้งสัมผัส แรงขยับ เสียงคำรามต่ำๆแล้วก็..
พี่..จูบ เร็ว ฮึก..พี่ดีน อ๊ากกกกกกกกกกกก ว๊ากกกกกกก ภามแกทำอะไรลงไป๊!!
พอสติแตกอีกหนคนน้องก็รีบใช้มืออีกข้างคว้าผ้าห่มมาม้วนตัว แต่ทว่าคนพี่ไวกว่าจัดการดึงผ้าห่มโยนไปอีกทาง ภามร้องเอ๊ะขัดใจหันไปคว้าหมอนเตรียมเอาหน้ามุดแต่ก็ยังโดนคนขี้แกล้งดึงหมอนออกอีก พอหันซ้ายหันขวาไม่มีอะไรให้หลบก็เริ่มแตกตื่นหน้าเสีย
อาย มันอายมากๆเข้าใจไหม!! ไหนจะเรื่องเมื่อคืนแล้วยังเรื่องเมื่อกี้!
“พี่ดีนนนนนน” สู้ไม่ได้ก็เบ้ปากใส่
ดีนหัวเราะในลำคอ เขายักไหล่ยอมปล่อยมือน้องแล้วกางแขนออกให้เป็นทางเลือกสุดท้าย เด็กน้อยเม้มปากสายตาดูลังเลแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจคลานเข่าเข้าไปซุกในอ้อมแขนนั่นอย่างเต็มใจ
“เลิกอายแล้วม้วนตัวหลบได้แล้ว” ชายหนุ่มกอดคนรักในอ้อมแขนแน่น น้องเอาหน้าซุกอกเขาส่ายหัวพรืดแทนคำตอบ น่าเอ็นดูจนต้องฝังจูบลงบนเรือนผมนุ่ม
“น้องภามครับ”
“ฮื้อ?” เจ้าของชื่อค่อยๆเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก
“เมื่อคืนมีความสุขไหม”
“อะ” ภามหน้าแดงเถือกไปถึงหูและคอแล้วมุดหน้าซุกอกคนรักเหมือนเดิม “อย่าถามสิ...”
ดีนก้มลงจูบใบหูแดงแจ๋เบาๆ มือก็ลูบหลังให้ “พี่ก็ไม่มั่นใจเป็นเหมือนกันนะ”
พอเจอเสียงอ้อนๆ จากคนตัวโต ภามก็ยิ่งใจเต้นไปกันใหญ่ เขากอดรัดคนรักแน่นขึ้นกระซิบตอบอู้อี้
“มี..ความสุขครับ”
ชายหนุ่มอมยิ้มแกล้งโยกตัวเหมือนกล่อมเด็กซึ่งน้องก็ไม่ว่าอะไรนอกจากกอดเขาเอาไว้แน่น
“แล้ว” แกล้งลากเสียงยาว “เมื่อกี้คิดจะทำอะไรครับ”
เด็กน้อยในอ้อมแขนสะดุ้งโหยงตั้งท่าจะดีดตัวหนี แต่คนกอดไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ ดวงตาสีสวยแพรวพราวชนิดที่ว่าถ้ารองประธานชมรมว่ายน้ำได้มาเห็นคงด่าด้วยความหมั่นไส้
“หืม ว่าไง จะทำอะไรครับ” ก้มลงหอมขมับแต่น้องก็ยังไม่ยอมเงยหน้าจากอกสักที “อยากเห็นรอยสักเหรอ”
มือที่กุมเสื้อชายหนุ่มกระตุกเบาๆแทนคำตอบ ดีนดันน้องออกจากอกซึ่งเจ้าตัวก็ยังก้มหน้าเขินอยู่แบบนั้น เขาเชยคางมนขึ้นเกลี่ยริมฝีปากสั่นๆด้วยปลายนิ้ว ขยับรอยยิ้มมุมปากเมื่อเห็นทั้งแก้มทั้งหูแดงไปหมดทุกส่วน
“พี่ อย่าแกล้ง” อาการจนมุมมาพร้อมเสียงโวยวายเบาหวิวแถมสายตายังหลบเลี่ยงมองไปทางอื่น
เสียงหัวเราะในลำคอบอกชัดว่าตั้งใจแกล้ง ภามเม้มปากตั้งใจจะหันไปค้อนใส่สักทีสองทีแต่ทว่ามือใหญ่ของอีกฝ่ายกลับกอบกุมมือเขาไว้แล้วจับมันไปวางไว้ตรงสะโพกจุดเดิมที่เขาพยายามจะดึงขอบกางเกงผู้ชายตรงหน้าลง

“เอ๋...” เด็กหนุ่มมองตามใจเต้นตึกรู้สึกร้อนวูบไปทั้งฝ่ามือ ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อมือถูกบังคับให้จับขอบกางเกงแล้วเลื่อนมันลงช้าๆ
“เอ๋ เอ๋ เอ๋ พี่ดีน เดี๋ยว!?” เด็กน้อยร้องเสียงหลงตาโต
“พี่สัญญาแล้วนี่ว่าจะให้ดู” ดีนกระซิบริมใบหูแดงจัด รู้ดีว่ามือที่เขากอบกุมอยู่กระตุกฝืนแต่ก็ยังดึงดันให้มันลากลงช้าๆ
ขอบกางเกงถูกรั้งลงเผยผิวสีแทนและกล้ามเนื้อแข็งแรง รอยสักที่มักซ่อนตัวอยู่ในกางเกงปรากฏออกมาช้าๆ ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวNตวัดสวยถัดมาด้วยสิ่งที่คล้ายดาวเป็นแฉกก็เผยตัวตามออกมา แน่นอนว่าขอบกางเกงลดลงวีไลน์ก็เด่นชัดขึ้นจนเห็นไรขนจางๆเล่นเอาเจ้าของมือที่ถูกบังคับแทบจะขาดใจตายเพราะไม่รู้จะโฟกัสตรงไหนดีระหว่างรอยสักกับ..
“พะ..พี่” เสียงสั่นปากสั่นมือสั่นไปหมด
“เข็มทิศ” ดีนอธิบายพลางจับมือน้องให้แตะบนรอยสักนั่น กราฟิกรูปเข็มทิศสี่แฉกไปยังสี่ทิศเด่นชัดที่สะโพกด้านซ้าย ถ้าเขาใส่กางเกงว่ายน้ำต่ำกว่านี้หรือใส่ตัวสั้นแบบวินก็คงเห็นรอยสักได้ชัดเจนแต่เขาเคยชินกับการใส่กางเกงว่ายน้ำแบบยาวครึ่งขาไปเสียแล้ว “ตอนนั้นพี่ยังมองหาภามอยู่..เหมือนกำลังหลงทางไม่รู้จะไปทางไหน”
ภามเงยหน้ามองคนรักแล้วขยับตัวจูบปลายคางเบาๆปลอบโยน สัมผัสสากเล็กน้อยจากไรหนวดที่เริ่มขึ้นทำให้จั๊กจี้แต่ก็รู้สึกดี เขาขยับปลายนิ้วแตะไล้รอยสักไปมา
“ตอนนั้นพี่ท้อบ้างไหม” การที่ต้องหาใครสักคนโดยไม่รู้ว่าเป็นใคร หามาตลอด10ปีมันไม่ใช่เรื่องที่มีความสุขเลย
“ท้อสิ” ชายหนุ่มกระซิบแผ่ว“แต่ก็เชื่อว่าสักวันต้องหาเจอ...” แตะแต้มริมฝีปากไปตามพวงแก้มที่ร้อนระอุ
“แล้วพี่ก็เจอ”
ตามสัญญา.. ภามหลับตาลงฟังเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นรัว ความอบอุ่นฟูฟ่องข้างในอกจนมันแทบดันตัวออกมาเป็นน้ำตา เด็กหนุ่มเลื่อนมือขึ้นโอบกอดรอบคอคนรักผลัดกันคลอเคลียใบหน้ากันและกัน เป็นความคิดถึงเป็นความโหยหาที่ไม่ว่าเติมเต็มเท่าไหร่มันก็ไม่เคยพอ
“พี่จูบ..ได้ไหม” คำขอชวนใจสั่นกลับมาอีกครั้งพร้อมกับแรงขบเบาๆที่ริมฝีปากล่าง
“ถามตอนนี้..ขี้โกง” ภามอุทธรณ์เสียงพร่าก่อนที่คำพูดทุกอย่างจะถูกกลืนหายไปด้วยจูบอ่อนหวาน
สองมือของเด็กน้อยขยำเสื้อนอนคนตัวโตยามลิ้นร้อนๆกระตุ้นจนตัวสั่น สัมผัสชื้นแฉะในช่องปากยิ่งทำให้อยากค้นหา ลิ้นอุ่นเข้าพัวพันพร้อมกับมือใหญ่ร้อนผ่าวที่สอดเข้าใต้เสื้อนอนน้องลูบผิวกายสั่นระริก
ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเราจะไม่ทิ้งกันใช่ไหม?
“พี่ดีน..”
เสียงร้องเรียกไม่ได้ดังไปกว่าเสียงกระซิบ ร่างกายโดนรั้งให้นอนราบไปบนเตียงนอนนุ่มตามด้วยจูบร้อนๆที่แต้มสีแดงไปทั่วหน้าท้อง
พี่จะไม่ไปไหนใช่ไหม? “ภาม”
ดีนฝังจมูกและริมฝีปากลงบนผิวกายขาวย้ำๆ จูบจนมันขึ้นรอยแดงช้ำราวกับจะสร้างสัญลักษณ์เอาไว้ ไล่ต่ำลงมาจนถึงท้องน้อยที่ขมวดเกร็ง
เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปใช่ไหม? “อา...” ใบหน้ามนแหงนขึ้นครางเสียงกระเส่า แขนสองข้างยกขึ้นปิดบังใบหน้าที่ตอนนี้คงเต็มไปด้วยอารมณ์หวามไหว
สัญญาสิ พี่สัญญากับผมแล้ว พี่สัญญาแล้ว! พี่กรณ์!!!!!!! เฮือกกกก
ติ้ด ติ้ด ติ้ด
เสียงมือถือปลุกดังขึ้นชะงักกิจกรรมที่ทั้งสองคนสร้างขึ้นมา ดวงตาของทั้งคู่มองสบกันลมหายใจหอบถี่ระรัวสับสน งุนงง อารมณ์ปรารถนาที่กำลังคุกรุ่นค่อยๆเจือจางลงพร้อมการเต้นของหัวใจที่ปรับเข้าสู่ปกติ ดีนเอื้อมมือไปปิดมือถือตัวเลขดิจิตอลเรืองแสงให้เห็นว่าเป็นเวลาตีห้ากว่าแล้วและพวกเขาต้องลุกเสียที ชายหนุ่มเลียริมฝีปากก่อนจะก้มลงไปจูบปากน้องเบาๆ
“อาบน้ำเถอะ”
ภามลูบใบหน้าตัวเองพลางพยักหน้าน้อยๆตอบรับ พอดันตัวลุกขึ้นถึงได้รู้ว่าเสื้อนอนถลกขึ้นมาถึงอกแถมกางเกงโดนดึงลงมาครึ่งสะโพกแล้ว
“ฮื้ออออออ” ร้องหงุงหงิงรีบจัดเสื้อผ้าหน้าแดงเถือก พอสติกลับมาถึงได้รู้สึกตัวว่าเมื่อกี้ทำอะไรลงไป นี่ถ้ามือถือไม่ดังมีหวัง..โดนกินทั้งตัวแน่ๆ โอ้ย ไอ้ภาม!!ทำไมคล้อยตามง่ายแบบนี้!! สบถด่าตัวเองในใจรัวๆ
“ขอโทษครับ ขอโทษ” ดีนหัวเราะไปด้วยช่วยแต่งตัวให้ด้วยเมื่อเห็นน้องหน้าตาบู้บี้ ก่อนจะฉุดให้ลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำ เขาแอบหยอกชวนให้ไปอาบด้วยกันแต่น่าเสียดายที่เด็กขี้อายส่ายหัวพรืดแล้วคว้าข้าวของวิ่งหน้าตั้งไปห้องน้ำทันที ปล่อยให้คนพี่ส่ายหัวยิ้มๆแล้วเดินไปอาบน้ำอีกแพ
ก็ต้องค่อยๆฝึกกันไปสินะ
แพขนาดใหญ่ที่บรรจุแขกผู้เข้าพักรีสอร์ทเอาไว้ราวสามสิบชีวิตกำลังไหลไปตามแม่น้ำปะปนทั้งคนไทยและต่างชาติ สองข้างทางยังเป็นป่ารกชัฏเขียวชอุ่มทำให้มีกลิ่นของธรรมชาติและผืนดินระรวยแตะจมูก เหนือผืนน้ำมีหมอกขาวจางๆลอยอยู่ด้านบนชวนให้นึกว่ากำลังล่องแพฝ่ามวลหมู่เมฆออกไป
สมาชิกชมรมว่ายน้ำมีตื่นมาทันขึ้นแพเพียงไม่กี่คนและสองคนในนั้นคือท่านประธานกับแฟนแต่ไร้วี่แววรองประธานหัวทองคนเก่ง อากาศเย็นทำให้ภามขยับตัวชิดกับคนตัวโตข้างๆ ซึ่งพอสังเกตเห็นดีนก็เอื้อมมือไปโอบไหล่น้องเอาไว้
“อากาศดีมากเลย” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นพลางทอดสายตามองวิวรอบกาย
แพหยุดลงปล่อยให้แขกได้ซึมซับอากาศสะอาดจนเต็มปอด แสงสีทองค่อยๆโผล่พ้นแนวทิวเขาเกิดเป็นภาพสวยงามจนหลายคนต้องควักกล้องออกมาถ่าย เพียงครู่เดียวพระอาทิตย์ก็ส่องแสงสว่างไสวกระจ่างไปทั่วผืนฟ้า เป็นภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามอย่างที่คนกรุงเทพฯไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นบ่อยนัก
“ไว้มากันอีก” คนตัวโตก้มลงจูบหน้าผากน้องแล้วขยี้ผมนุ่มเบาๆ
ภามอมยิ้มพยักหน้าตอบรับคำชวน เขาอยากจะตื่นขึ้นมาเห็นแสงอาทิตย์สวยงามแบบนี้ทุกวันและจะดีที่สุดถ้าได้มองฟ้าพร้อมคนที่ยืนอยู่ข้างๆคนนี้
พวกเขาชื่นชมกับธรรมชาติอยู่พักใหญ่จนเจ้าหน้าที่ประกาศว่าจะล่องแพกลับเพื่อให้ทุกคนกลับไปกินอาหารเช้าที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ ซึ่งพอแพล่องกลับมาถึงฝั่งก็เกือบเจ็ดโมงเช้าสมาชิกชมรมว่ายน้ำหลายคนเริ่มเดินสะลึมสะลือมาตักข้าวกันหนาตา
“ทางนี้” วินโบกมือให้เพื่อนที่เดินเข้ามาในส่วนของห้องอาหาร โต๊ะที่เขานั่งอยู่เป็นโต๊ะกลมสำหรับสี่คนซึ่งยังไม่มีใครมาจับจอง
ดีนพยักหน้าแล้วพอน้องไปตักอาหารเช้า เขาเดินเลยไปชงกาแฟก่อนอันดับแรกในขณะที่ภามแวะตักข้าวต้มหมูใส่ถ้วย เขาลองชิมเล็กน้อยก่อนจะปรุงเพิ่มนิดหน่อยแล้วตักเผื่อส่วนของพี่ดีนให้ ก่อนกลับไปนั่งโต๊ะก็ลากเอาเพื่อนซี้ที่เพิ่งตื่นเดินเข้ามาในห้องอาหารให้มานั่งด้วยกันได้อีกคน
ตอนนี้บนโต๊ะกินข้าวน่ากลัวมาก ภามมองขนมปังปิ้งเกือบสิบแผ่นข้าวต้มอีกหลายถ้วย ไข่ดาว ไข่ต้มกับแฮมอีกเป็นกอง ทั้งหลายทั้งมวลนั่นคือของสมาชิกชมรมว่ายน้ำสามคนกิน เขาเหลือบมองคนอื่นๆในชมรมสภาพบนโต๊ะแทบไม่แตกต่าง กินกันจนพนักงานเอาของมาเติมแทบไม่ทัน แต่สำหรับภามแค่ข้าวต้มหนึ่งถ้วยกับขนมปังแผ่นเดียวก็จุกแล้ว
“อ่ะ บำรุงหน่อยมึง” วินตักไข่ต้มแบ่งให้เพื่อน“โด๊บๆ”
“สัด!!” ดีนเตะขาอีกฝ่ายใต้โต๊ะจนร้องโอ้ย เขาสบถด่าแถมอีกหลายคำแต่ก็กินไข่ดาวที่เพื่อนแบ่งมาให้จนหมด
“มึงเอาด้วยไหม” ทีมทำท่าจะตักแบ่งให้เพื่อนบ้าง แต่ภามกลับทำหน้างงๆส่งกลับมาให้จนเขาต้องกุมขมับ
บางครั้งมันก็หัวไวนะแต่บางครั้งก็ตามอะไรไม่ทันเอาเสียเลย
“ไม่เอาอ่ะ กินไม่ไหวหรอก” ภามส่ายหัวปฏิเสธก่อนจะเอาขนมปังทาเนยโรยน้ำตาลเล็กน้อยส่งให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เดี๋ยววันนี้ไปน้ำตกเอราวัณ ขึ้นน้ำตก7ชั้นไม่มีแรงเอานะ” ทีมยังคงคะยั้นคะยอเพื่อนให้กิน “เชื่อกู”
“แล้วทำไมต้องไม่มีแรงวะ” ภามทำตาปริบๆ รู้หรอกว่ากินไข่จะเพิ่มพลังงานโดยเฉพาะหลังออกกำลังกายหนักๆแต่เขาแค่ไปล่องแพมานี่นาไม่ได้ไปวิ่งมาสักหน่อย
“หึหึ แม่ง น่ารักว่ะ” วินเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะแล้วก็ต้องร้องโอ้ยเมื่อโดนเตะซ้ำที่ขาไปอีกที
ทีมกลอกตาเหนื่อยหน่าย ขืนตื้อโดยไม่อธิบายแบบนี้มันคงทำตัวเป็นมนุษย์ขี้สงสัยถามต่อไปอีกนั่นแหละ เขาตัดสินใจขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้แล้วก้มลงกระซิบหูเพื่อน
“เมื่อคืนมึงทำอะไรเสียเหงื่อปะล่ะ ขืนไม่เพิ่มโปรตีนขาสั่นแน่มึง”
ภามยังคงทำตาปริบๆ แต่พอทบทวนคำพูดเพื่อนเจ้าตัวก็เริ่มหน้าร้อนจัดขึ้นมาทันที
“เชี่ย!!” คำสบถที่ปกติไม่ค่อยออกจากปากเจ้าตัวดังออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ขนาดดีนยังต้องหันมามองด้วยความแปลกใจ เจ้าตัวรีบปิดปากเกี่ยวคอเพื่อนซี้ลงมากระซิบ
“ทะ ทำไมมึง” รู้ได้ไง ทำไมถึงรู้ เขามั่นใจนะว่าเมื่อคืนกลั้นเสียงสุดๆแล้ว เอาหมอนมาปิดหน้าด้วยแถมพี่ดีนยัง..ยัง..จูบ
“ห่า ใจเย็นๆหน้าแดงจนจะระเบิดแล้ว” ทีมลูบหลังเพื่อนปลอบให้หายสติแตก “กูรู้แล้วกัน เอาเป็นว่านอกจากกูกับพี่วินคนอื่นในชมรมไม่รู้มึงวางใจได้”
งื้ออออออออออ ภามฟุบหน้าลงกับโต๊ะไม่กล้าสู้หน้าใคร ไม่เข้าใจว่าพลาดอะไรตรงไหนถึงได้หลุดรอดไปให้สองคนนี้รู้ได้ โคตรน่าอาย โอยยยยย!!
“หยุดเวิ่นเว้อ” ทีมตบหลังเพื่อนดังพลั่ก “เอ้าไข่ต้ม กูปอกให้แล้วกินเข้าไป” แถมด้วยการยัดไข่ใส่มือเพื่อนที่เบะปากงอแง
ภามนั่งกัดไข่ต้มเหลือบมองพี่วินที่ส่งยิ้มให้จนต้องหลบสายตาแก้อาย พอหันไปมองพี่ดีนบ้างคนข้างๆก็กำลังกัดไข่ต้มหน้านิ่งๆอยู่เหมือนกัน
ให้ตาย......ทำไมเขาสองคนต้องมาเพิ่มโปรตีนต่อหน้าคนอื่นตอนเช้าด้วยเนี่ย!!
หลังจากกินข้าวเสร็จและพักผ่อนกันอีกเล็กน้อยทุกคนก็เก็บของขึ้นรถตามเวลา สถานที่ถัดไปคือน้ำตกเอราวัณแน่นอนว่าเหล่ามนุษย์บ้าพลังเมื่อกินอิ่มนอนหลับก็พร้อมที่จะลุยเล่นน้ำตกต่อ ทำให้แต่ละคนใส่แค่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นพร้อมลุยเต็มที่ พอรถจอดที่เขตอุทยานแต่ละคนก็หิ้วของจำเป็นติดตัวแล้วออกเดินทางไปยังน้ำตกเอราวัณ และคงเป็นโชคดีที่วันนี้คนไม่มากนักเลยสนุกสนานกันได้อย่างเต็มที่
ทีมกอดคอเพื่อนซี้ชวนกันถ่ายรูปตลอดทางแถมส่งอวดมะนาวกับเดลให้สาวๆโวยวายอิจฉากลับมา แต่สองสาวก็ไม่น้อยหน้าส่งภาพริมหาดคืน
“ดูดิ หนีไปเที่ยวทะเลกันไม่ชวน” ทีมยื่นมือถือให้ภามดูเป็นการฟ้อง
ภามกลอกตา “เราก็อยู่น้ำตกกันป่ะวะ แล้วนี่จะแวะเล่นน้ำกันที่ชั้นไหน”
หลังจากเปิดมือถือดูภาพน้ำตกมาตลอดการเดินทางทำให้ภามได้รู้ว่าน้ำตกเอราวัณนั้นเล่นน้ำได้เกือบทุกชั้น ซึ่งแต่ละชั้นก็มีชื่อและเอกลักษณ์ส่วนตัว กลุ่มพวกเขาไม่ได้เกาะกันเล่นแต่ละคนแยกย้ายตามอัธยาศัย ขอแค่ถึงเวลากลับต้องมาอยู่ที่รถแล้วเพราะท่านประธานประกาศชัดเจนว่ารถออกไม่มีการรอตกรถให้นั่งรถทัวร์กลับกรุงเทพฯเอง
“อยากแวะชั้น4 ตรงนั้นมีสไลเดอร์” ทีมหมายถึงก้อนหินใหญ่สองก้อนที่หน้าตาเหมือนอกผู้หญิงจนทำให้ชั้นนี้มีชื่อว่าอกนางผีเสื้อและกลายเป็นกระดานลื่นธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวปีนขึ้นไปไถลตัวเล่นกัน
“นี่แอบไปเปิดหาข้อมูลก่อนแล้วละสิ” ภามถองศอกแซวซึ่งทีมก็ยักไหล่ไม่เถียง ในเมื่อไม่เคยมาทั้งคู่จะตื่นเต้นบ้างไม่เห็นเป็นอะไร
เด็กตื่นสถานที่สองคนกอดคอกันหัวเราะ ต่างคนต่างลากกันไปลากกันมาเพื่อไปถ่ายรูปสถานที่ที่ต้องการ ปล่อยให้คนที่เดินตามหลังส่ายหัวขำๆ
“โถ โดนแฟนทิ้ง” วินตบไหล่เพื่อนดังอั่ก ไม่สนใจสายตาดุที่ส่งกลับมาให้เพราะเคยชินไม่สะเทือนเสียแล้ว
“ปล่อยน้องบ้างไม่เห็นจะเป็นไร เฮ้!” พูดไม่ทันขาดคำก็พุ่งเข้าไปคว้าแขนคนรักที่ลื่นหงายเกือบได้ลงไปนอนกองที่พื้น
วินหัวเราะก๊าก ปากบอกปล่อยน้องแต่ตางี้มองไม่กระพริบ ขนาดทีมอยู่ข้างๆยังคว้าเพื่อนไม่ทันคนที่อยู่ไกลกว่าด้วยซ้ำ ภามเองก็เหมือนรู้ว่าโดนโกรธรีบขอโทษทำตาละห้อยเล่นเอาท่านประธานจอมโหดหุบปากฉับดุไม่ออก สุดท้ายก็ให้น้องเกาะพากันขึ้นน้ำตกต่อไป ดีนเอ้ยดีน หลงน้องโงหัวไม่ขึ้นจริงๆ
น้ำตกชั้นที่สี่มีน้ำสีฟ้าใสแจ๋วจนเห็นปลายว่าย ทีมรีบลากเพื่อนลงไปเล่นจนตัวเปียกชุ่ม สมาชิกบางคนในชมรมก็มาร่วมเล่นด้วยปีนป่ายขึ้นหินไปไถลตัวลงมาบ้างเป็นที่สนุกสนาน
“น้ำเย็นเจี๊ยบเลย” ภามปากสั่นแต่ก็หัวเราะร่วน ตามเพื่อนไปไถลตัวบ้างเป็นรอบที่3แล้วแกล้งขี่คอกันล้มลุกคลุกคลาน
“เสื้อเกะกะว่ะ” ทีมถอดเสื้อยืดออกพาดแถวโขนหินเอาไว้ พอผิวโดนน้ำโดนตรงก็ขนลุกซู่
ภามมองเพื่อนๆที่เริ่มลอกคราบ เขาเลยถลกเสื้อเตรียมถอดบ้างแต่พอดึงขึ้นมาได้ครึ่งทางก็โดนกระชากเสื้อลงจนหน้าคว่ำจมน้ำไปอึกโต
“ไอ้ทีม เล่นอะไรวะ!! แค่กๆ” สำลักน้ำหน้าดำหน้าแดง รีบหันไปโบกมือให้พี่ดีนที่หันมามองว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พอเห็นน้องไม่เป็นอะไรก็กลับไปนั่งคุยกับพี่วินต่อ
ทีมเบะปาก “มึงนี่ซื่อบื้อชะมัด” ดีดเหม่งเพื่อนแถมอีกที
เด็กหนุ่มร้องโอ้ยเอามือกุมหน้าผาก หน้าเต็มไปด้วยคำถามว่าทำอะไรผิดอีกถึงโดนแบบนี้
“เมื่อเช้าตอนอาบน้ำไม่เห็นรึไง” ทีมกระซิบกระซาบ
“เห็นอะไร” กระซิบตอบงงๆ
“รอยบนตัวมึง”ภามชะงักกึก เขารีบเปิดคอเสื้อตัวเองแล้วก้มลงดู ที่หน้าอกและหน้าท้องมีรอยจ้ำแดงๆประปราย พลันภาพเมื่อเช้าก็กระโดดเข้ามาในหัวอีกครั้ง ริมฝีปากร้อนผ่าวและแรงขบกัด ดวงตาสีเทาอมเขียวที่เต็มไปด้วยความปรารถนา เสียงเรียกชื่อสั่นพร่า..
ภาม...ภามครับ“โอย เชี่ยแล้ว...” เด็กน้อยหน้าแดงเถือกค่อยๆลดตัวลงจนหายไปในน้ำมิดคอ พี่ดีนนิสัยไม่ดี! เมื่อเช้าก็มัวแต่รีบอาบเพราะกลัวไปไม่ทันล่องแพลืมไปเลยว่าโดนจูบโดนกัดขนาดนั้นมันจะไม่ขึ้นรอยได้ยังไง น่าอายที่สุด ฮือออ
“ประธานชมรมกูนี่ไม่ธรรมดา” ทีมหัวเราะหึหึยักคิ้วแซวเพื่อนเสียอย่างงั้น
“ไหนใครบอกจะปกป้องวะ” คนขี้อายบ่นอุบอิบ “เห็นส่งใส่พานถวายตลอด”
“เอ้า ถ้าไม่ใช่คนที่มึงรักจะปล่อยแบบนี้เรอะ” ก้มลงช้อนแขนเพื่อนลากขึ้นมาเหนือน้ำ “แต่ก็อย่าปล่อยให้พี่เขาได้ใจล่ะ เจ้าพวกนั้นเห็นนิ่งๆปากว่ามือถึงทั้งนั้น”
ทีมบุ้ยหน้าไปบนฝั่งที่มีประธานกับรองประธานและสมาชิกชมรมว่ายน้ำที่ภามจำได้ว่าเป็นรุ่นพี่ปีสามอีกสองคนนั่งคุยกันอยู่ เด่นเสียจนคนเดินผ่านยังต้องเหลียวหลังกลับมามอง ภามถอนใจพลางเสยผมเปียกชื้นไปด้านหลัง เอาจริงๆทั้งเขาและพี่ดีนก็ไม่เคยคิดเรื่องเหตุผลอะไรเท่าไหร่นัก รู้แต่ว่ารักกันแล้วก็พยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ความรักนั้นอยู่กับตัว มันยิ่งกว่าความเชื่อใจไปแล้วด้วยซ้ำ
“หือ” ภามกระพริบตาไล่น้ำออกแล้วเพ่งมองไปข้างหน้า และเพื่อความมั่นใจเขาก็ยื่นมือออกไปแตะหลังคอเพื่อนซี้เบาๆ
“เหยยยย ทำอะไร” ทีมสะดุ้งโหยงขนลุกซู่เมื่อโดนแตะหลังคอ นี่จุดอ่อนสำคัญมากเลยนะเว้ย
“หลังคอมึง” ภามเอียงคอมองจะเอื้อมมือแตะอีกแต่ทีมก็ดีดตัวหลบเสียก่อน “มันมีรอยแดงๆ”
ทีมขมวดคิ้วเกาหลังคอแกรกๆ “ยุงมั้ง เมื่อคืนโดนทิ้งนอนอยู่ตรงชานแพตั้งนานกว่าจะโดนหิ้วกลับห้อง” พอเห็นเพื่อนพยักหน้าเข้าใจเขาก็ถอนใจออกมา ปีหนึ่งแห่งชมรมว่ายน้ำเม้มปากแน่นมือก็ถูรอยหลังคอไปด้วยสบถกับตัวเองไปด้วย
“สัด แอบทำรอยไว้นะ”
(ต่อรีพลายถัดไปค่ะ)