อีกเรื่องเค้าบอกจะเปลี่ยนนะคะ ก็พอจะโอเคขึ้นมาหน่อย
เราเชื่อว่าไม่มีนักเขียนคนไหนจะแฮปปี้แน่ๆ ที่เกิดเรื่องแบบนี้
ส่วนใครจะเบื่อจะเกลียดเราที่พยายามทวงสิทธิ์ของตัวเองก็แล้วแต่ค่ะ เราบังคับกันไม่ได้เนาะ
ส่วนยังไงถ้ายังเหมือนกันอีก เราคงต้องยอมแพ้ ลบทิ้งแล้วไปทำเรื่องใหม่แทนแล้วแหละค่ะ
...
ถ้าว่างจะมาวาดให้เสร็จนะคะ อันนี้เอาแบบสเก็ตไปก่อนนะ เราพยายามวาดให้หล่อที่สุดแล้วค่ะ
ตอนที่3 การผายลมไม่ใช่เรื่องน่าตลก มันเป็นเรื่องของธรรมชาติและพยาธิในป่านั่นก็ไม่อันตรายด้วย
จ๊อกกกกก!
ท้องของผมร้อนขึ้นมาด้วยความหิวโหย
ไอท้องบ้านี่ ในเวลาแบบนี้ยังจะมีหน้ามาหิวอีกหรอ ได้แต่คิดบ่นในใจแล้วเปิดตู้เย็นหยิบนมรสน้ำผึ้นที่เจคราทเพิ่งเอามาให้รวดเดียวหมดขวดจึงค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังไม่อิ่มอยู่ดี ทั้งๆ ที่ปรกติครุ่งขวดผมก็จุกแล้วแท้ๆ
อ้อ ลืมไปว่าตอนนี้มันไม่ปรกติ…….
“เอิกกกก…”
ผมเรอออกมาเสียงดังสนั่นหลังจากฟาดอาหารที่หยิบมาจากห้องเก็บอาหารใต้ดินที่ทุกบ้านบนเกาะแห่งนี้ต้องมีกัน มันเป็นปริมาณที่ปรกติผมไว้กินสองถึงสามวันแต่สำหรับผู้ชายตัวโตๆ ทั่วไปคงได้แค่วันเดียวเท่านั้น
ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปอาหารของผมต้องหมดก่อนเรือมารอบหน้าแน่ๆ โชคยังดีที่สวนหลังบ้านพอจะมีผักผลไม้ปลูกไว้อยู่บ้าง สงสัยว่าผมคงจะต้องออกไปซื้อมาตุนไว้ก่อนท้องจะใหญ่กว่านี้ซะแล้ว
แต่จะว่าไป ไม่แน่บางทีผมอาจจะตายก่อนอาหารหมดก็ได้นะ แบบคืนนี้นอนๆ อยู่แล้วเจ้าเอเลี่ยนน้อยนี่แหวกท้องผมออกมากลางดึกไรงี้
อึ๋ย!
ไม่เอา ไม่คิดสิ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว บางทีมันอาจจะไม่แย่ขนาดนั้นก็ได้ หรือบางทีผมควรจะไปหายาถ่านมากินแล้วเบ่งๆ มันออกมาดี?
อืม ความคิดนี้ก็ไม่เลว
เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็รีบไปค้นตู้ยาทันที เผื้อจะมียาถ่ายเก็บไว้ที่ไหนสักแห่ง แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังเพราะตู้ยานั้นช่างว่างเปล่า………
ผมลืมไปได้ยังไงว่าตั้งแต่มาอยู่ที่เกาะแห่งนี้ก็ยังไม่เคยซื้อพวกยาอะไรมาเก็บไว้เลยนอกจากพลาสเตอร์ลายแมวน้อยแสนคิคุอโนเนะ
บางทีนอกจากหาอาหารที่ตลาดมาตุนไว้แล้วผมยังต้องแวะคลีนิคของหมอเอเว่นด้วย
หลังจากเตรียมตัวเสร็จผมก็หยิบสมาร์ทการ์ดที่ทั้งไว้แสดงตัว เป็นกุญแจบ้าน และยังไว้ใช้เก็บและจ่ายเงินอีกด้วย นอกจากนี้มันยังทำได้อีกหลายอย่าง แต่ช่างมันก่อนเถอะเพราะนี่ใกล้จะมืดแล้ว เดี๋ยวร้านขายของของลุงเจฟจะปิดเสียก่อน
ถึงที่นี่จะเป็นเกาะกลางทะเล แต่กลับทันสมัยมากอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว ทั้งสภาพแวดล้อมที่ล่มลื่นและการจัดวางผังหมู่บ้านที่ลงตัว รวมถึงอุปกรณ์อำนวยความสดวกที่ทันสมัย ส่วนประชากรบนเกาะนี้มีประมาณสองร้อยกว่าคน และใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกัน
อา ดูเหมือนผมจะค่อนข้างโชคดีที่ร้านขายอาหารของลุงเจฟยังเปิดอยู่ ผมจึงเข้าไปเลือกซื้อพวกอาหารแห้ง เนยแข็ง และก็พวกอาหารกระป๋องกับปลาแซลม่อนสดๆ มาอีกเป็นจำนวนมาก
หลังจากจ่ายเงินด้วยบัตรสารพัดประโยชน์ ผมก็เดินออกมาตัวเปล่าเพราะของมีจำนวนมากไป อีกทั้งแค่ต้องแบกเจ้าท้องโตๆ นี่ผมก็เหนื่อยจะแย่แล้ว จึงตัดสินใจให้ลุงเจฟขับรถไปส่งของให้พรุ่งนี้เช้าแทน แล้วจึงแวะไปคลินิคของหมอเอเว่นก่อนมันจะปิด
ที่นั่นผมเจอทั้งหมอเอเว่นและคุณนีทซึ่งเป็นผู้ช่วยของเขา หมอเอเว่นกำลังนั่งจิบกาแฟฝีมือคุณผู้ช่วยนีทอยู่ ส่วนคุณนีทก็กำลังอ่านนิยายแนวสยองขวัญเลือดสาดอย่างที่ชอบอ่านเป็นประจำบนโซฟาขนแกะ
“เอ่อ สวัสดีฮะหมอเอเว่น” คุณหมอเงยหน้าขึ้นมานิดหน่อยเหมือนจะถามว่าผมมีอะไรไหม?
ช่างเป็นหมอที่ใส่ใจคนไข้จริงๆ……
“คือ ผมจะมาขอซื้อยาถ่ายหน่อยได้ไหมครับ เอาเป็นยาถ่ายพยาธิอะ พอดีช่วงนี้รู้สึกเหมือนเป็นพยาธิเลยครับ”
พรวด!
“แคกๆ! ฮะ!/ฮะ?”
ทันทีที่ผมพูดจบ หมอเอเว่นก็สำลักกาแฟออกมาทันที ส่วนคุณนีทก็ทำหนังสือนิยายเรื่องโปรดตกลงพื้น ทั้งคู่ดูมีท่าทางที่ตกใจมากทั้งๆ ที่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจอะไรเลย
“อา คื่อก่อนหน้านี้ผมไปเดินป่ามาแล้วเหมือนจะติดพยาธิมาด้วยน่ะครับ”
ทั้งสองคนพลันทำสีหน้าแปลกๆ ขึ้นมาทันที คุณหมอเอเว่นมีสีหน้าอึ้งๆ ส่วนคุฯผู้ช่วยนีทก็ก้มลงไปกุมท้องกลั้นขำเต็มที่
มีอะไรให้น่าขำกัน?
“อา โทษทีนะเซน พอดีช่วงนี้ยาธ่ายพยาธิขาดแคลนพอดีน่ะ แต่เธอไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก หมอว่าพยาธิในป่านั้นไม่มีอันตรายอะไรหรอก”
“เห๋ ตะ แต่ว่า……”
“พรืด ฮะๆๆๆๆๆๆๆ”
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ คุณนีทก็ระเบิดหัวเราะออกมาเสียก่อนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“นีท! “ เมื่อหมอเอเว่นเอ็ดขึ้นมาเบาๆ คุณนีทถึงหยุดหัวเราะได้ แต่ก็ยังพยายามกลั้นขำอยู่
“เอาเป็นว่าเธอเชื่อหมอเถอะ พยาธิที่เธอเจอในป่านั่นมันไม่อันตรายอะไรมากหรอก และนี่ก็ดึกแล้วด้วย เธอรีบกลับเถอะเดี๋ยวยุงจะเยอะซะก่อน”
คุณหมอว่าพลางดันหลังผมออกจากคลินิคแล้วปิดประตูล๊อกกลอนทันที ทิ้งให้ผมยืนงงอยู่หน้าร้านเพียงคนเดียว ผมจึงได้แต่เดินกลับบ้านด้วยความเซ็งและงงงวย
เฮ๋อ! ไม่อัันตรายงั้นหรอ งั้นลองหมอมาเจอแบบผมดูมั่งไหมล่ะจะได้รู้ว่ามันอันตรายหรือไม่อันตรายน่ะ!
คืนนั้นผมล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนล้าจากความเครียดที่สั่งสมมาทั้งวัน แต่นอนไปได้ไม่เท่าไหร ท้องเจ้ากรรมก็ดันปวดมวนขึ้นมา
พรู้ดดดดดดดด
ผมตดออกมาเยอะมาก แต่มันก็ไม่ได้มีกลิ่นเหม็นเหมือนกลิ่นตดทั่วไป กลับกันกลิ่นมันเหมือนดอกไม้อะไรสักอย่างที่มีกลิ่นหอมเย็นเสียมากกว่า
และคืนนั้นผมก็ตดอยู่ทั้งคืนจนแทบไม่ได้หลับได้นอนเลยทีเดียว ทำให้ตอนตื่นเช้ามาผมรู้สึกเพลียและไม่มีเรี่ยวแรงเอามากๆ แถมยังหิวจนไส้แทบขาดอีกด้วย
เช้านี้ซัดนมและน้ำผลไม้ของเจคราทไปอย่างละสองขวด ช่วยให้รู้สึกดีและสดชื่นขึ้นมากๆ จนน่าเหลือเชื่อ ส่วนนมและน้ำผลไม้ในตู้ตอนนี้เหลือแค่อย่างละขวดเท่านั้น ซึ่งผมกะไว้กินตอนเย็นอีกที แม้ว่าใจจริงจะอยากหยิบมากินให้หมดในทีเดียวเลยก็ตาม
และดูเหมือนว่าวันนี้เจคราทจะไม่มาเสียด้วย เพราะนี่มันก็จะเที่ยงแล้ว ปรกติหมอนั่นจะมาไม่เกินสิบโมง แต่ถ้าวันไหนเลยสิบโมงไปแล้วยังไม่เห็นหัวละก็ แปลว่าวันนั้นเขาไม่มา
อา เสียดายจัง…...ไม่ได้เสียดายที่ไม่ได้เจอหน้าเจคราทนะ ผมเสียดายเจ้านมกับน้ำผลไม้สดของหมอนั่นต่างหาก
คิดแล้วท้องก็พลันร้องโครกคราก รู้สึกโหยหาทั้งนมและน้ำผลไม้สดของหมอนั่นมาก แต่ยังไงก็ต้องตัดใจไว้กินตอนเย็นอยู่ดี
โชคยังดีที่ของที่ผมซื้อจากร้านลุงเจฟมาส่งแล้ว ผมจึงนำพวกของแห้งและของสดต่างๆ ไปเก็บไว้ในห้องเก็บอาหารชั้นใต้ดิน เหลือแต่ปลาแซลม่อนกับปลาทูน่าดิบไว้ทำกินส่วนหนึ่ง
อ้า ไม่มีอะไรจะอร่อยได้เท่าซาชิมิปลาแซลม่อนกับปลาทูน่าทะเลสดๆ อีกแล้ว
จ๊อกกกกกกกกกกก!
ว่าแล้วท้องก็ร้องประท้วงขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เพิ่งกินนมและน้ำผลไม้ขนาดครึ่งลิตรไปถึงสี่ขวด
หลังจากจัดการฟาดแซลม่อนและปลาทูน่าไปอย่างละครึ่งตัวใหญ่ๆ ก็พอทำให้อิ่มขึ้นมาบ้าง แม้จะยังรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอยางก็ตาม
พรู้ดดดดดดดดดดดดดดดดด
อา ผมตดออกมาชุดใหญ่อีกแล้ว คราวนี้ตดนานและกลิ่นแรงกว่าเดิมอีกด้วย
นอกจากจะตดไม่หยุดแล้วยังเหมือนสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อตัว รู้สึกตัวอีกทีผมก็มานอนแก้ผ้าตดแตกอยู่ตรงสวนหลังบ้านซะแล้ว
“โฮ่ง!ๆๆๆ”
พลันได้ยินเสียงเห่าของสุนัขตัวใหญ่ดังขึ้น และกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ซะด้วย