สุดต๊อง หัวใจกุ๊กกิ๊ก ตอนจบ 10/06/2018 หน้า 4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สุดต๊อง หัวใจกุ๊กกิ๊ก ตอนจบ 10/06/2018 หน้า 4  (อ่าน 17249 ครั้ง)

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือสถานที่ใดทั้งสิ้น
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปีควรได้รับการแนะนำ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-06-2018 05:48:41 โดย ตีสี่ »

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
สุดต๊อง หัวใจกุ๊กกิ๊ก ตอนแรก
«ตอบ #1 เมื่อ25-09-2016 08:31:24 »

ตอนแรก


เสียงเคาะคีย์บอร์ดดังรัวต่อเนื่องกันไม่มีหยุดผลที่ได้คือข้อความตัวอักษรบนกรอบหน้าจอเล็กๆ ด้วยความยาวจำนวนหนึ่ง พร้อมกันนั้น หลังสิ้นสุดเสียงเคาะสุดท้าย ตัวอักษรต่างๆ ก็ปรากฏอยู่บนหน้าจอสนทนา และเพียงครู่อีกฝ่ายก็ตอบกลับมา อีโมชั่นน่ารักสีหวานๆ ปรากฏอยู่เต็มพรืด

“พรุ่งนี้ไปเจอกันที่สยามก่อน แล้วเราก้อค่อยไปดูหนังกันนะ”

“ได้จ้า แต่เฮอร์คิวลิสต้องเลี้ยงนะ หนูนาม่ะมีตังค์”

“แน่นอนอยู่แล้ว เด๋วเสี่ยเลี้ยงเอง”

“เย้ เย้ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ บาย”


เสียงหัวเราะหึหึอย่างชอบใจดังขึ้น เขาอดไม่ได้ที่จะฝันหวานถึงวันพรุ่งนี้ ในที่สุด... พรุ่งนี้แหละ เขาจะมอบความบริสุทธิ์ของผู้ชายให้กับน้องหนูนา และจะได้ลบคำสบประมาทของไอ้ฝาแฝดสองตัวนั่น ที่บังอาจมาว่าเขาได้ว่าโตจนป่านนี้ยังไม่เคยฟันสาวใด!!!

ชายหนุ่มเปิดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เขาสร้างขึ้นเพื่อดูภาพจำลองเหตุการณ์ซ้ำอีกครั้ง เขาไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดใดๆ แว่นกรอบหนาสะท้อนภาพที่อยู่บนหน้าจอ เขาแสยะยิ้มและส่งเสียงหัวเราะหึหึ... อีกครั้ง



สุดฟ้าลุกขึ้นแต่งตัวแต่เช้าชนิดที่เรียกว่าฟ้ายังไม่ทันสาง เสื้อผ้าสำหรับออกเดทครั้งแรกในชีวิตถูกเลือกเฟ้นมาแล้วอย่างถี่ถ้วน เสื้อเชิ้ตลายสก็อตติดกระดุมเม็ดบนสุดถึงคอ กางเกงยีนส์ขาตรงสีเข้ม เอาเสื้อยัดไว้ในกางเกง และใส่เข็มขัดหนังสีน้ำตาล ส่วนทรงผมเขาควักเอาเจลเกือบครึ่งกระปุกมาโปะบนหัว ยีๆ ป้ายๆ ก่อนจะหวีเสยไปด้านหลังจนผมเรียบแป้ ล้างมือแล้วจึงเทแป้งเด็กขึ้นทาหน้า หยิบแว่นสายตากรอบสีน้ำตาลที่คิดว่าเท่ที่สุดขึ้นมาสวม สุดท้ายสวมถุงเท้าและรองเท้าเป็นอันพร้อมออกจากบ้าน

ชายหนุ่มรู้สึกปลื้มปิติตื้นตันอย่างที่สุด ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่เขาจะได้นอนกอดก่ายสาวสวยทรงโตในอ้อมอกยามค่ำคืน และเขาจะได้กลับไปตอกหน้าแฝดนรกยามที่พวกมันพูดถึงเรื่องนี้ สุดฟ้าดันแว่นขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินออกจากบ้านด้วยความมั่นใจ

ณ สยามแสควร์แหล่งรวมวัยรุ่น... สถานที่ที่เขานัดหมายสาวสวยหนูนาที่แห่งนั้นยังคงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเฉกเช่นเดิม หลากหลายคนหลังจากเดินผ่านเขาไปก็หันกลับมามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกรอบ และมีอีกหลายคนที่มองแล้วหัวเราะ สุดฟ้ายิ้มให้ด้วยความมั่นใจเช่นเดิม แน่นอน เขามั่นใจว่าเขาหล่อ สาวๆ ที่มองเขาแล้วมองอีกนี่ต้องเป็นเพราะความหล่อของเขาแน่ๆ สุดฟ้าจึงยิ้มตอบพร้อมกับยืดตัวเชิดหน้าขึ้นด้วยความภูมิใจไม่น้อย

“มาถึงแล้ว เฮอร์คิวลิสอยู่ไหนหรือ” เขาเปิดดูข้อความในโทรศัพท์มือถือ และรีบพิมพ์ตอบกลับไป

“หน้าร้านหนังสือ หนูนาอยู่ไหน” พอกดส่งเขาก็เงยหน้าขึ้น ประจวบเหมาะกับสาวนางหนึ่งตรงหน้าซึ่งมองเขาด้วยอาการตกใจ เธอถือโทรศัพท์ไว้ในมือ สุดฟ้ารู้ได้ทันทีว่าเธอคือหนูนา ชายหนุ่มเดินเข้าไปหา เธอยังไม่หายจากอาการเอ๋อ อึ้ง สุดฟ้าคิดว่าเธอคงจะตะลึงในความหล่อของเขาอย่างแน่นอน

“หนูนา ผมเฮอร์คิวลิสครับ”

“อ๊ะ ค่ะ” หญิงสาวแทบอยากจะตบปากตัวเอง ไปตอบรับทำไมนะ เธอควรจะปฏิเสธไปสิ ถ้าวันนี้เธอคงต้องไปเดทกับผู้ชายเฉิ่มเชยอย่างนายนี่เธอต้องอกแตกตายแน่ๆ ความคิดในใจของสาวแอบแบ็วพรั่งพรูออกมาอยู่ในหัวสมองของเธอโดยที่สุดฟ้าไม่รับรู้

“ไปกันเถอะผมจองตั๋วไว้แล้ว”

“อะ... เอ่อ” เธอกำลังอ้าปากบอกปัดอยู่แล้ว ถ้าไม่นึกอะไรได้เสียก่อน ไอ้บ้านนอกนี่มันบอกว่ามีตังค์นี่นา ดีล่ะเธอจะปอกเสียให้หมดตัวเชียว ตอนนี้ยิ่งมีของที่อยากได้หลายอย่างอยู่ด้วย

“ดีค่ะ เราไปกันเถอะ” หนูนาเปลี่ยนสีหน้ายิ้มหวานให้ทันที สุดฟ้าถือโอกาสจะโอบไหล่หญิงสาว แต่เหมือนเธอจะรู้ทัน เบี่ยงกายหนีอย่างแนบเนียน เขาเลยอด... ไม่เป็นไรสุดฟ้านึก วันนี้ยังมีโอกาสตลอดทั้งวัน พร้อมกับเสียงหัวเราะหึหึดังลอดออกมาจากลำคอ

ทว่าหลังจากนั้นมันยิ่งแตกต่างจากแผนที่สุดฟ้าวางไว้ เมื่อดูหนังและกินข้าวมื้อกลางวันจบ สาวเจ้าชวนเขาไปเดินซื้อของแทนที่จะไปเดินสวนสาธารณะหรือสวนสัตว์ตามที่เขาคิดไว้ และพอเธอออดอ้อนให้เขาซื้อชุดกระโปรงให้ มีหรือเขาจะไม่ใจอ่อน อันที่จริงไม่เรียกว่าใจอ่อนหรอก แต่ต้องตามใจเพื่อให้เหยื่อหลงต่างหาก ส่วนไอ้ชุดกระโปรงนั่นก็...โค-ตะ-ระแสนแพง ชุดหนึ่งตั้งสองหมื่นห้าพันบาทสุดฟ้าได้แต่ค่อนขอดในใจ ไอ้ชุดพรรค์นี้ใส่แล้วมันจะบินได้หรือไงฟะ แต่กระนั้นเขาก็ยังฉีกยิ้มเหมือนเต็มใจอย่างเต็มเปี่ยม เท่านั้นยังไม่พอสาวเจ้ายังพาเดินเข้าไปร้านกระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ น้ำหอม และอีกมากมาย มันไม่เท่าไหร่ถ้าแค่พาเดินเข้าไปดู แต่ดันซื้อของจากทุกร้านที่พาเขาไป ของแต่ละชิ้นก็ไม่ได้ถูกๆ หมดวันนี้เขาคงต้องจนไปอีกสามปีสี่ชาติ!!! .....แต่ไม่เป็นไร สุดฟ้ากัดฟัน แค่วันนี้เขาได้อ่างอ๊างเงินทองเท่านี้ก็นับว่าคุมค่าแล้ว...

“ขอบคุณมากนะเฮอร์คิวลิสที่วันนี้ซื้อของให้หนูนาตั้งหลายอย่าง แต่วันนี้หนูนาต้องกลับแล้ว ขอตัวก่อนนะ” หญิงสาวขอตัวชิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว พร้อมข้าวของมากมายที่เธอขอเอาไปถือก่อนหน้า สุดฟ้าได้แต่ยืนอึ้งกิมกี่อยู่สามนาทีกว่าจะประมวลผลได้ว่า.... วันนี้เขาแห้วเสียแล้ว

แต่อย่างว่า ดั่งคำสุภาษิตที่มีมาแต่โบร่ำโบราณ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น เมื่อกลับไปถึงบ้านเขาจึงเข้าห้องแชทหาเธอทันที ไว้นัดครั้งหน้าก็ไม่เสียหลาย สุดฟ้าพยายามปลอบใจตัวเอง แต่วันนี้เธอไม่ออนไลน์ เขาจึงยังคงคิดในแง่ดี เธออาจจะเหนื่อย ไว้พรุ่งนี้ละกัน...

กระนั้นไม่ว่าจะวันพรุ่งนี้ สองวันให้หลัง หรืออีกสามอาทิตย์ต่อจากนั้น ก็ไม่มีวี่แววว่าเธอจะออนไลน์เลยสักครั้ง สุดฟ้ากลุ้มใจจนต้องนำเรื่องนี้ไปปรึกษาแฝดนรกเพื่อนหนึ่งเดียวของเขา แม้พวกมันสองคนจะปากหมา ชอบซ้ำเติมและอีกมากมายหลายเรื่องที่เขาไม่ชอบใจในตัวของพวกมันสองคน หากอย่างน้อยพวกมันก็ไม่เคยปล่อยให้เขาต้องอยู่คนเดียวเวลาที่เขาป่วย

“ดีใจด้วยว่ะไอ้เชี่ยสุด แกโดนหลอกเสียแล้ว” ธัชนนท์พูดขึ้น

“หล่อนปอกลอกแกแล้วก็จากไปอย่างไม่เหลือเยื่อใยเลยล่ะ” แฝดผู้น้องเจ้าของชื่อธัชนันท์เสริมขึ้นมา ทั้งสองคนหัวเราะราวกับคนบ้าเหมือนว่าญาติใครเสีย สุดฟ้าตีหน้ามุ่ยบึ้งตึง เขายังไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น

“ไม่มีทาง หนูนาไม่มีทางทำแบบนั้นแน่” สุดฟ้าเถียง ฝาแฝดคนโตจึงตบบ่าเขา ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มขำขัน และกล่าวต่อไปว่า

“หนูนาที่แกว่า ใช่ผู้หญิงทรงโต ผิวขาว ตัวเล็ก ผมสีน้ำตาลทองเป็นลอนใช่ไหม”

สุดฟ้าพยักหน้างึกๆ

“งั้นพวกฉันจะพาแกไปดูอะไรบางอย่าง”

สถานที่ที่ฝาแฝดพามาเป็นร้านเบอร์เกอร์ที่เหล่าวัยรุ่นไม่ว่าจะเป็นพวกตอนต้น ตอนกลางหรือตอนปลายนิยมมาใช้บริการ ธัชนนท์และธัชนันท์พาเขามานั่งโต๊ะที่ติดๆ กับกลุ่มสาวๆ สี่นางซึ่งหนึ่งในนั้นคือหนูนาของสุดฟ้านั่นเอง

“แกไม่น่ารีบชิ่งมาเลยนะ รวยอย่างนี้น่าจะตอดต่ออีกซักหน่อย” เสียงของหนึ่งในสี่สาวดังมาให้ได้ยิน แหม...ช่างเป็นจังหวะปะเหมาะเคราะห์ดีเสียจริงๆ สี่สาวกำลังเม้าท์มอยถึงชายหนุ่มผู้โชคร้ายสักคนอยู่พอดี

“ไม่เอาล่ะ แค่วันเดียวฉันก็จะทนไม่ไหวแล้ว”

สุดฟ้าจำได้ทันที เสียงนี้คือเสียงของหนูนา

“ผู้ชายอะไรไม่รู้ทั้งเฉิ่มและเชย แถมยังหื่นพยายามจะลวนลามฉันตลอดเวลา แค่มองหน้าไอ้บ้านนอกนั่นฉันก็รู้แล้วว่ามันอยากจะฟันฉัน ใครจะไปนอนกับไอ้ทุเรศนั่นลง อยากจะอ้วก หรือถ้าแกอยากได้นะ ฉันให้แอดเดสมันเอาไหม”

สุดฟ้าไม่สามารถทนฟังคำดูถูกพวกนั้นได้ไหวอีกต่อไป สุดฟ้าคิดว่าถึงอย่างไรเขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง แม้ว่าธัชนนท์และธัชนันท์จะเคยหัวเราะเยาะเย้ยหรือดูถูกเขา ทั้งสองคนก็ยังไม่เคยพูดจารุนแรงแบบผู้หญิงคนนี้มาก่อน เขาลุกขึ้นหันหลัง เดินไปเผชิญหน้ากับหล่อน

“ขอโทษนะ ที่ผมทั้งเฉิ่มทั้งเชย และหื่น แต่อย่างน้อยผมก็มั่นใจว่าตัวเองไม่เลวแบบคุณที่โกหกปลิ้นปล้อนหลอกลวงคนอื่นไปวันๆ แน่นอน ยัยหน้ากัปปะ” แค่ด่าว่ายังไม่สาแก่ใจของเขาพอ สุดฟ้ายังยกแก้วน้ำบนโต๊ะสาดใส่หน้าเธอคนนั้นไปด้วย รู้สึกสะใจดีแท้ เหมือนว่าตนเองเป็นนางร้ายในทีวีอย่างไรอย่างนั้น ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นผู้ชายนะเนี่ย

ถึงจะได้ทำเช่นนั้นไปแล้วก็ตาม สุดฟ้าก็ยังรู้สึกเสียใจอยู่ดีที่โดนว่าโดนดูถูกถึงขนาดนั้น ทันทีที่ถึงบ้านชายหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง เอาหมอนมาปิดหน้าและร้องไห้อย่างหนัก

ฝาแฝดหนุ่มทั้งพี่และน้องเมื่อเห็นคนเป็นเพื่อนทำเช่นนั้นก็ได้แต่ส่ายศีรษะอย่างระอา สุดฟ้ายังคงทำเหมือนเมื่อวัยเยาว์ไม่มีผิด ด้วยคำสั่งสอนที่ว่าเด็กผู้ชายต้องไม่ให้ใครเห็นน้ำตา ทุกครั้งที่ฝ่ายนั้นเสียใจจนต้องร้องไห้จึงต้องซุกหน้ากับหมอนเช่นนี้เสมอ พวกเขาเองกลัวว่าเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กจะขาดอากาศหายใจตายเสียก่อนเช่นเดียวกัน

“เฮ้ย เงยหน้า” ธัชนันท์ดึงศีรษะของสุดฟ้าขึ้น ทำให้อีกฝ่ายต้องเงยหน้าจากหมอน ชายหนุ่มสูดอากาศเข้าปอดไปหลายเฮือกก่อนจะกดหน้าลงไปกับหมอนใหม่ พักใหญ่ ธัชนันท์ก็ทำเช่นเดิมอีกครั้ง

“จะไปเสียใจทำไมวะ ผู้ชายหน้าตาดีอย่างแก จะหาผู้หญิงมานอนกอดอีกสักกี่คนก็ได้” ธัชนนท์เอ่ยปลอบใจ

“แต่เขาบอกว่าฉันเฉิ่มเชย บ้านนอก หื่น แล้วก็ทุเรศด้วย” ทั้งสองคนจับใจความได้เช่นนั้นจากเสียงดังอู้อี้ของสุดฟ้าซึ่งยังคงฝังใบหน้าอยู่กับหมอน

“เออ แกอาจจะเฉิ่มไปนิด เชยไปหน่อย แต่แกหล่อ ไม่ได้บ้านนอก แกหื่นและฉันก็หื่น ไอ้อาทก็หื่น ผู้ชายทั้งโลกก็หื่น ยัยนั้นไม่มีตาเองที่มองว่านายทุเรศ”

“แต่ฉันไม่เคยได้นอนกับผู้หญิงคนไหนเลย ไม่เหมือนพวกแกนี่” สุดฟ้ายังคงสะอึกสะอื้นอู้อี้เช่นเดิม “ฉันแค่อยากนอนกับผู้หญิงคนนั้นเท่านั้นเอง ทำไมเธอต้องมาว่าฉันขนาดนี้”

“ก็นั่นน่ะสิ และนายจะไปสนใจทำไมล่ะ ถ้าแค่อยากมีอะไรด้วย เดี๋ยวฉันพาไปก็ได้คืนนี้”

“ไม่เอา ฉันไม่ชอบแบบนั้น มันสำส่อนเกินไป” สุดฟ้าเงยดวงตาแดงก่ำซึ่งฉายแววใสซื่อขึ้นมามองเพื่อนทั้งสอง ธัชนันท์ตบกะโหลกไปทีหลังจากฟังคำพูดนั้นจบ

“ยัยหนูนาก็สำส่อนเหมือนกันนั้นแหละ”

“แต่เธอบอกว่าเธอบริสุทธิ์”

“ยัยนั่นมันตอแหลไง” ฝาแฝดพูดออกมาพร้อมกัน และธัชนนท์ก็กล่าวต่อไปอีกว่า “สมัยนี้นะถ้านายอยากนอนกับผู้หญิงที่ไม่เคยผ่านมือใครมาก่อนล่ะก็ คงต้องไปคบกับเด็กประถมเท่านั้นล่ะ”

“แต่นั่นมันผิดกฎหมายนะ”

“ก็เออน่ะสิ” ตะโกนประสานเสียงพูดพร้อมกันอีกครั้งจนสุดฟ้าต้องยกมือขึ้นปิดหู

“ไม่เห็นต้องตะโกนเสียงดังเลย” สุดฟ้าพูดอย่างหงอยๆ

“อย่างนี้แล้วกัน ฉันจะแนะนำเพื่อนให้ เธออาจจะไม่บริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่ก็นิสัยดีไม่ชอบดูถูกคนเหมือนยัยหนูนาหรอก”

“ไม่เอาล่ะ ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะสร้างคนรักของตัวเองขึ้นมาเลยดีกว่า บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่เคยผ่านมือใคร และก็จะมีแต่ฉันคนเดียวด้วย” สุดฟ้าลุกขึ้นยืน วิ่งออกไปจากห้อง ย่ำเท้าตึงตังบนพื้นไม้ไปทางห้องทำงานซึ่งซ่อนอยู่ด้านหลัง ฝาแฝดเองก็ตามไปเช่นเดียวกัน

“อะไรของแกวะ เชี่ยสุด” ธัชนนท์เอ่ยปากถามเมื่อตามมาทันขณะที่สุดฟ้ากำลังกดรหัสปลดล็อคประตู

“พวกแกกลับไปได้แล้วฉันจะทำงาน ชิ่วๆ” เอ่ยปากไล่ง่ายๆ ก่อนจะหายเข้าไปหลังประตูบานหนาหนักซึ่งกั้นโลกภายนอกไว้เบื้องหลัง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2017 11:06:39 โดย ตีสี่ »

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
สุดต๊อง หัวใจกุ๊กกิ๊ก ตอนแรก
«ตอบ #2 เมื่อ25-09-2016 08:38:52 »

ด้วยความเป็นห่วงปนความอยากรู้ ฝาแฝดหนุ่มจึงมาเยี่ยมเยียนบ้านศิริกรทุกวัน และอยู่คอยตั้งแต่เช้าจรดเย็น ซึ่งห้าวันเข้าไปแล้วที่พวกเขายังไม่เห็นหน้าเจ้าของบ้านเสียที

“นี่สเตบาสเตียน สุดมันออกมาจากห้องนิรภัยบ้างไหม” ธัชนนท์เอ่ยปากถามหุ่นยนต์พ่อบ้านซึ่งนำกาแฟและขนมมาเสิร์ฟให้

“ยัง-ไม่-ออก-มา-เลย-ครับ” ตอบคำถามเสร็จมันก็เคลื่อนตัวกลับไปทำงานของมันต่อ

“ไอ้บ้านั่นมันจะทำอะไรของมันวะ” ธัชนันท์พูดขึ้นบ้าง เขาเบื่อสุดๆ จนต้องมายืนอยู่บนตัวเหรียญกลม หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ทำหน้าที่ของมันอย่างขยันขันแข็ง

“กลับไปรอให้มันทำเสร็จแล้วเรียกพวกเรามาดูผลงานของมันอย่างทุกทีดีไหม” ธัชนนท์ถาม

“แต่มันก็อยากรู้เดี๋ยวนี้นี่หว่า” ทั้งสองขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ดูท่าวันนี้พวกเขาคงจะโชคดี เพราะขณะที่กำลังตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปนั้น สุดฟ้าก็เดินออกมาพอดี พร้อมกับถือแก้วกาแฟลายคิกขุแมนไว้ในมือ ทั้งสองคนรู้ได้ในทันทีว่าสุดฟ้าคงกำลังคิดอะไรไม่ออก แน่นอนว่าถ้าสมองของเจ้าของบ้านกำลังลื่นไหล พวกเขาคงได้เห็นหน้ามันตอนที่สิ่งที่มันกำลังจะสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วนั่นล่ะ

“อ้าว หวัดดีสุดฟ้า” ธัชนนท์เอ่ยทักทำเหมือนว่าตนแค่มาแวะผ่านมาเยี่ยมเยียนที่บ้านหลังนี้เฉยๆ เช่นปกติ

“พวกแกมาพอดีเลย ฉันกำลังกลุ้มใจว่ะ”

นั่นไงว่าแล้ว ฝาแฝดกระหยิ่มยิ้มอยู่ภายในใจ ธัชนันท์เดินเข้าไปโอบไหล่สุดฟ้า เสนอตัวอาสาช่วยเหลือเต็มที่

“มีอะไรให้พวกเราช่วยเหรอ”

“พวกแกว่าแฟนฉันควรจะหน้าตาเหมือนใครดี มิยาบิ หรือซาโอริดีล่ะ”

ธัชนันท์หันไปมองหน้ากับคู่แฝดของตนแวบหนึ่ง ก่อนหันกลับมามองคนที่ตนกอดคออยู่ “แกจะทำอะไรวะ สุด”

“หุ่นยนต์แฟนร่านสวาท” ฟังคำตอบแล้วพวกเขาได้แต่ร้องโอ้โฮ้ในใจ (พร้อมกันเสียด้วย) แค่ชื่อยังมุ่งมั่นเสียขนาดนี้

“หุ่นยนต์แบบสเตบาสเตียนนะหรือ” ธัชนนท์เอ่ยถามพร้อมทั้งพยายามนึกภาพตาม สเตบาสเตียนเป็นหุ่นยนต์พ่อบ้านที่สุดฟ้าสร้างขึ้นเพื่อให้จัดการดูแลบ้าน สุดฟ้าไม่จ้างแม่บ้านเพราะกลัวว่าจะมีใครมายุ่มย่ามกับข้าวของต่างๆ ที่สำคัญยิ่งชีพ พูดง่ายๆ คือกลัวโดนยกเค้า สุดฟ้าทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ โปรแกรมเมอร์ นักสำรวจ ซึ่งนักฯ กรณีสุดท้ายนี้ค่อนข้างจะน้อยหน่อยเพราะเจ้าตัวไม่ชอบออกจากบ้าน ห้องทำงานของสุดฟ้าคือห้องด้านหลังที่มีระบบนิรภัยแน่นหนา เวลาที่เจ้าของบ้านทำงานจะหมกตัวอยู่ในนั้นสองวัน สามวัน หรือเป็นเดือนๆ ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆ ถ้าเจ้าของบ้านหายเข้าไปในนั้นเป็นเดือนๆ ของที่อยู่นอกห้องนั้นอาจจะหายได้

ด้วยสาเหตุที่กล่าวมาในย่อหน้าข้างต้น สุดฟ้าจึงใช้ความเป็นนักฯ ทั้งหลายแหล่ของตัวเองสร้างหุ่นยนต์พ่อบ้านที่ชื่อสเตบาสเตียนขึ้นมา หน้าตาของสเตบาสเตียนก็เหมือนหุ่นกระป๋องดีๆ ที่สามารถเห็นได้ทั่วไปตามภาพยนตร์สำหรับเด็ก สเตบาสเตียนเคลื่อนที่โดยล้อยาง มีความสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร แข็งทื่อ ไม่มีส่วนโค้งส่วนเว้า ไม่น่าพิศวาสไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใดก็ตาม

“หุ่นยนต์แบบสเตบาสเตียนเนี่ยนะ” ธัชนนท์ถามซ้ำเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

“ใช่ และฉันตั้งใจจะควงแฟนของฉันไปเย้ยยัยหน้ากัปปะนั่นด้วย”

“นายจะพาแฟนหุ่นยนต์ของนายออกไปข้างนอกด้วยหรือ” ธัชนันท์เอ่ยปากถามขึ้นบ้าง

“ใช่สิ ทำไมหรือ” สุดฟ้าถามกลับด้วยความสงสัย ฝาแฝดจึงหันไปมองหน้ากัน แน่นอนนอกจากพวกเขาจะหน้าตาเหมือนกันแล้ว ใจยังตรงกันอีกด้วย ไม่ต้องขยับปากต่างคนต่างก็รู้ว่าคิดอะไรกันอยู่

แฟนหุ่นยนต์หน้าตาขี้เหร่แบบสเตบาสเตียนพวกเขาไม่ยอมพาออกไปไหนด้วยหรอก แค่ให้ยืนข้างๆ ยังไม่อยากทำเลย!!!!!!!!

“อ่อ ถ้านายคิดจะทำอย่างนั้นนะสุดฟ้า ฉันว่านายน่าจะสร้างให้แฟนนายหน้าตาไม่เหมือนใคร ยังไงดีล่ะ คือถ้านายพาแฟนออกไปข้างนอกแล้วบังเอิญเจอตัวจริงเข้า มันจะวุ่นวายเสียเปล่าๆ อย่างหน้าตาเหมือนดาราอะไรทำนองนี้ก็ตัดไปเลย ฉันว่านะ”

“แต่ถ้าไม่มีแบบ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรทำออกมาแบบไหน” สุดฟ้าพูดหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความกังวล

“งั้นก็เป็นคนที่ไม่อยู่ในประเทศไทยก็น่าจะได้” ธัชนนท์เสนอ

“นั่นสิ หน้าตาเหมือนซี ชวิศาดีกว่าไหม รายนั้นสวยขนาดผู้หญิงยังอายเลย” ธัชนันท์เป็นลูกคู่รับอย่างดี

“ผู้หญิงยังอาย... ยังไงอ่ะ”

“ก็ชวิศาเขาเป็นผู้ชายไง หนังสือรุ่น” ประโยคหลัง ธัชนันท์หันไปพูดกับพี่ชายที่เดินไปหยิบหนังสือรุ่นสมัยมหาวิทยาลัยซึ่งเก็บอยู่บนชั้นวางหนังสือของบ้านศิริกรมาอย่างรวดเร็ว พวกเขารีบเปิดหน้ากระดาษพร้อมทั้งผลัดกันสาธยายใต้ภาพ

“ตอนนั้นนายอาจจะจำไม่ได้ แต่ฉันว่านายไม่ใส่ใจเสียมากกว่า” มือก็ชี้ให้ดูภาพผู้ชายคนหนึ่ง ภาพถ่ายเป็นรูปเต็มตัวของคนหลายคน แต่ใบหน้าขาวใสพร้อมรอยยิ้มหวานของคนที่ชื่อชวิศาก็ยังเตะตาคนที่ได้เห็น

“ซี ชวิศาเรียนคณะเดียวกับพวกเราแต่อยู่คนละสาขา มีอยู่วิชาหนึ่งที่เขามาเรียนรวมกับพวกเรา ฉันยังจำได้ ผู้ชายสาขาเราแทบจะขอย้ายกันหมด”

“ฉันไม่เห็นจำได้” สุดฟ้าพยายามนึกแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

“ตอนนั้นนายเคยสนใจใครที่ไหน วันๆ เอาแต่ผสมน้ำอะไรก็ไม่รู้”

“น้ำอะไรนั่นมันคือยาอายุวัฒนะเชียวนะ ถึงจะยังไม่สำเร็จก็เถอะ” สุดฟ้าแย้ง

“เออ เออ ช่างมันเถอะ ฉันเล่าถึงซีต่อแล้วกัน” ทั้งธัชนันท์และธัชนนท์ยังคงมีสีหน้าชื่นชมและเคลิ้มฝัน

“ซีเป็นเดือนมหา’ ลัยที่หน้าตาสวยชนิดที่ว่าดาวมหา’ ลัยต้องชิดซ้าย ถ้านายได้ควงกับคนคนนี้ไม่ว่าจะไปไหนก็ตาม รับรองได้ว่าไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายต้องอิจฉาทั้งนั้น”

“แต่เขาเป็นผู้ชายนะ”

“แล้วยังไงล่ะ หน้าตาของซีสวยกว่าผู้หญิงบางคนอีกนะ”

สุดฟ้าลังเลใจเล็กน้อย “ก็ได้ ซีชวิศาก็ซีชวิศา” หลังจากทำใจได้แล้วก็คว้าเอาหนังสือรุ่นเข้าห้องนิรภัยที่คู่แฝดเรียกทันที

“เอ่อ... อาท แกว่าไอ้สุดจะรู้หรือเปล่าวะว่าให้ทำหน้าตาแบบซี แต่รูปร่างเป็นผู้หญิง”

แฝดผู้น้องเกาหัวหยิก “เออว่ะ ฉันก็ลืมพูดให้มันเข้าใจแบบเคลียร์ๆ”

“แต่ว่าช่างเหอะ แฟนมันไม่ใช่แฟนพวกเราซะหน่อย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ว่าแล้วสองพี่น้องก็หัวเราะให้กันอย่างขำขัน



ด้วยประการฉะนี้แล อีกหนึ่งเดือนต่อมาสองพี่น้องหน้าตาเหมือนกันจึงถูกโทรตามให้มาเยือนบ้านตระกูลศิริกรตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งทั้งสองก็ไม่ได้อิดออดเช่นทุกครั้งเพราะรู้ดีว่า ‘หุ่นยนต์แฟนร่านสวาท’ ของสุดฟ้านั้นสำเร็จแล้วนั่นเอง การมาเยือนครั้งนี้ทั้งสองคนก็เตรียมตัวมาหัวเราะ ‘หุ่นยนต์ซีชวิศา’ เต็มที่เช่นเดียวกัน

เสียงออดดังขึ้นไม่นานประตูบ้านศิริกรก็เปิดออก และพวกเขาต้องยืนอึ้งด้วยความตกใจ

“สะไปซ์”

ถ้าเป็นปกติ ธัชนันท์คงเดินเข้าไปตบศีรษะไอ้เพื่อนปัญญาอ่อนคนนี้สักที ข้อหาเล่นมุกดึกดำบรรพ์ไม่เลิก แม้อันที่จริงพวกเขาจะรู้ว่ามันไม่ใช่มุข เพราะสุดฟ้าเข้าใจผิดระหว่างคำว่าเซอร์ไพรซ์กับสะไปซ์มาตั้งแต่เด็ก แน่ล่ะนี่ไม่ใช่เวลาปกติเพราะพวกเขากำลังอึ้งและทึ่งกับคนตรงหน้า หากไม่รู้มาก่อนว่าสุดฟ้าจะสร้างหุ่นยนต์ซีชวิศา พวกเขาจะต้องคิดว่าเป็นตัวจริงๆ เป็นๆ แน่นอน ธัชนนท์อดไม่ได้กับการเอื้อมมือไปจับ ซึ่งสุดฟ้าก็ตีมือนั้นที่เอื้อมมาสัมผัสดังเพี๊ยะเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มร่างสูงผู้ถูกประทุษร้ายนึกก่นด่าตัวเองในใจ ลืมได้ไงวะ ของเล่นใหม่ๆ แบบนี้เจ้าสุดฟ้ามันหวงจะตาย ใครจะแตะของมันไม่ได้เชียว

“อ่ะ ฉันให้พวกแกจับ จะได้รู้ว่าเหมือนจริงขนาดไหน” ครั้งนี้สุดฟ้าตั้งใจจะอวดเต็มที่ จึงยอมให้คนอื่นสัมผัสของรักของหวงของตนได้ตามสบาย ฝาแฝดทั้งคู่ไม่รอช้าคนหนึ่งเปิดเสื้อดูหน้าอก อีกคนถลกกางเกง เห็นหน้าอกแบบราบกับน้องน้อยของหุ่นยนต์ซีชวิศาที่ดูไม่ออกว่าของจริงหรือของปลอม ก็ต้องยอมซูฮกเจ้าบ้าสุดฟ้าในใจ มันเก่งจริงๆ เว้ยเฮ้ย

“ทำไมแกทำเป็นผู้ชายวะ”

“ก็พวกแกบอกว่าไม่เป็นไร ชวิศาสวยกว่าผู้หญิงไง นี่นะฉันทำออกมาเหมือนในหนังสือนี่เขียนไว้เด๊ะ” สุดฟ้าพูดพลางโชว์หน้าประวัติในหนังสือรุ่นฯ ซึ่งบอกลักษณะรูปร่างความสูงของซีชวิศาอย่างละเอียด

สองคนคิดในใจ บางครั้งมันก็โง่ไม่มีใครเกินเช่นกัน.....

“แกจะนอนกับหุ่นของแกไม่ใช่เหรอ แล้วทำออกมาเป็นผู้ชาย แกทำเป็นหรือไง” ธัชนันท์พูดออกมาด้วยความรู้สึกซึ่งแกล้งหงุดหงิดเล็กน้อย สุดฟ้าหน้ามองฝาแฝดด้วยใบหน้าเหลอหลา ก่อนจะเจื่อนซีดขยับปากมุบมิบ

“ไม่เป็น”

“ว่าแล้ว แต่ไม่ต้องห่วง พวกฉันจะช่วยสอนแกเอง” สองพี่น้องรู้ใจเข้าขากันอย่างดี ทีแรกเพราะคิดว่าจะออกมาไม่ได้เรื่องเหมือนสเตบาสเตียนแต่มาเห็นแบบนี้พวกเขาก็อยากลองป่ามป๊ามกับหุ่นยนต์นี่เหมือนกัน แต่เหมือนว่าสุดฟ้าเองก็จะรู้ใจฝาแฝดเช่นเดียวกัน ร่างสูงจึงได้โอบร่างของหุ่นยนต์เข้าหาตัว กอดรัดไว้แน่นอย่างหวงแหน

“ถึงฉันทำไม่เป็นก็ไม่ต้องให้พวกแกมายุ่งหรอก ฉันรู้นะว่าพวกแกกำลังคิดอะไรอยู่” สายตาดุจ้องมองเพื่อนสนิทคาดเอาโทษหากมาแตะต้องของของเขา ฝ่ายฝาแฝดเองก็นึกละเหี่ยใจ บางครั้งไอ้บ้านี่มันก็หัวไวจริงโว้ย

“บอกไว้ก่อนนะ ถ้าพวกแกแตะต้องชวิศาละก็ บ้านบึ้ม”

แค่ได้ยินคำขู่ก็สยอง เพราะคำว่าบ้านบึ้มที่ว่า คือ บึ้มจริงๆ ไม่ใช่แค่คำขู่ ขอเล่าย้อนกลับไปครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วสุดฟ้าเคยทำแบบนั้นกับบ้านของพวกเขาจริงๆ ส่งระเบิดไปถล่มบ้านช่วงที่แม่ของพวกเขาออกไปซื้อกับข้าว พ่อยังไม่กลับจากทำงาน และพวกเขากำลังเอ้อระเหยลอยชาย มองเห็นบ้านตัวเองอยู่ข้างหน้าเพียงไม่กี่ร้อยเมตร และแล้วมันก็หายไปต่อหน้าต่อตา เหลือแต่ตอม่อ โชคดีที่สุดฟ้าไม่ค่อยข่มขู่ด้วยคำพูดนั้นบ่อยนัก (พูดกันตามจริง แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวเท่านั้นเอง) พวกเขาสามคนเลยยังเป็นเพื่อนกันเรื่อยมา

สุดฟ้าโบกมือไล่ฝาแฝด ก่อนจะโอบไหล่พาชวิศาเดินเข้าห้องนอน เป็นอันว่าจบการสนทนาเพียงเท่านี้

ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนบนเตียง โดยดึงร่างหุ่นยนต์ของชวิศาให้ล้มตัวลงนอนข้างๆ ชายหนุ่มมุโหมงานหนักสร้างหุ่นยนต์ที่หน้าตาเหมือนซี ชวิศาขึ้นมาแบบแทบไม่หลับไม่นอน เมื่อหัวถึงหมอนเขาจึงหลับเป็นตายทันที แต่กระนั้น เขายังโอบกอดร่างซึ่งนอนอยู่ข้างกันไว้ในอ้อมแขน ด้วยความอัจฉริยะหาใครเปรียบไม่ได้ของเขา ร่างหุ่นยนต์ที่เขาสร้างขึ้นมานั้นจึงไม่มีผิวเนื้อแข็งกระด้าง รวมถึงผิวเนื้อก็อุ่นสบายชนิดที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากปล่อยเลยทีเดียว



หลังจากนอนหลับเหมือนตายมาสองวันสองคืนเต็มๆ สุดฟ้าลืมตาขึ้นมาพร้อมความหิวโหยของร่างกาย เมื่อชายหนุ่มลุกขึ้น ชวิศาก็ลุกขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน สุดฟ้ารู้สึกอิ่มเอมใจอย่างไรบอกไม่ถูกที่ตื่นลืมตาขึ้นมาแล้วเจอหน้าใครสักคนอยู่ข้างๆ ทั้งที่เป็นหุ่นยนต์ แต่สุดฟ้ากลับเห็นว่าชวิศาน่ารักมากจนอดไม่ได้ที่ต้องหอมแก้มไปหนึ่งที

“หิวข้าว ทำอะไรให้กินหน่อยนะ”

“ได้ครับ ด็อกเตอร์ หลังจากที่ด็อกเตอร์ล้างหน้าล้างตา อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ตามออกมานะครับ” นี่คือความพิเศษอีกอย่าง หุ่นยนต์ชวิศาที่สุดฟ้าสร้างขึ้นนั้นมีอารมณ์และความรู้สึกที่คล้ายกับมนุษย์ แม้ว่าจะเป็นระบบสมองกลที่จำลองอารมณ์ของมนุษย์ก็ตาม โดยที่สุดฟ้าได้ใส่อารมณ์ความรู้สึกที่ชวิศารักเขาเพียงแค่คนเดียว และมีความสำนึกของการมีเขาเป็นเจ้าของ ต้องออดอ้อน เอาใจ ตามใจเขาและซื่อสัตย์ต่อเขาเพียงคนเดียว

สุดฟ้าออกมาจากห้องนอนอีกครั้งพร้อมกับกลิ่นตัวหอมฉุย เขาเดินตามกลิ่นหอมฉุยของอาหารไปด้วยเช่นกัน นอกจากทำอาหารแล้วชวิศายังทำได้อีกหลายอย่าง สุดฟ้าบรรจุความสามารถต่างๆ ที่คนหนึ่งคนซึ่งสมบูรณ์พร้อมควรมีลงไปในระบบสมองกลของหุ่นยนต์ชวิศาด้วย

“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ผมทำได้แต่อาหารง่ายๆ ในตู้เย็นมีของสดไม่กี่อย่างเอง”

สุดฟ้ามองข้าวผัดตรงหน้าแล้วยิ้มออกมา แค่มีคนทำอาหารให้กินเขาก็ดีใจมากแล้ว แม้ปกติสเตบาสเตียนจะเป็นคนทำให้เขาก็เถอะ แต่มีคนน่ารักๆ มาทำให้มันย่อมดีกว่าอยู่แล้วล่ะ

เสียงมอเตอร์เฟืองล้อของสเตบาสเตียนดังฟีด ฟีด อยู่ไม่ไกล สเตบาสเตียนกำลังทำความสะอาดบ้านเช่นปกติ

“งือๆ ไม่เป็นไร ฉันกินได้ เดี๋ยวเราออกไปซื้อของกันไหม ฉันจะพาไปดูสถานที่รอบๆ” แต่เรื่องที่เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับชวิศายังไม่ออกไปจากหัว กะว่าหลังจากกลับมาจากข้างนอกเขาไปศึกษาข้อมูลในเว็บเสียหน่อย แน่นอนว่าการถามจากสองพี่น้องฝาแฝดคงจะเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า แต่เชื่อเถอะ เจ้าสองคนนั่นต้องคิดค่าจ้างแพงแน่ และค่าจ้างที่ว่าเขาก็ไม่มีทางยอมให้ได้หรอก!!!

กินข้าวเสร็จสุดฟ้าและชวิศาจึงเตรียมตัวออกจากบ้าน

“ฝากดูแลบ้านด้วยนะ คุณสเตบาสเตียน” ชวิศาหันไปบอกกับสเตบาสเตียนเป็นครั้งสุดท้าย

“ครับ ไป-ดี-มา-ดี-นะ-ครับ”



วันนี้ช่างเป็นวันที่อากาศดีเหลือเกิน ชายหนุ่มคิดพลางขยับแว่น ตอนนี้เป็นช่วงปลายฤดูฝนแต่วันที่ไม่มีเมฆครึ้มเช่นนี้ แสงแดดสว่างจ้าสดใส ดอกไม้ใบไม้ต่างผลิดอกออกใบแข่งกันอวดช่อชูดอก สุดฟ้าสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด ช่างเป็นวันที่สุขใจเสียจริง เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นข้างกายดึงให้เขากลับไปสนใจคนที่เดินอยู่ข้างกันอีกครั้ง

“มีอะไรเหรอ”

“ท่าทางของด็อกเตอร์ดูมีความสุขนะครับ สูดลมหายใจเข้าปอด อย่างนี้ อย่างนี้” ชวิศาพูดพร้อมทำท่าเลียนแบบชายหนุ่มไปด้วย

“กลิ่นเป็นอย่างไรหรือครับ อากาศที่ด็อกเตอร์สูดเข้าไป” ชวิศาถามด้วยความสงสัย หากมันก็ไปกระตุ้นให้สุดฟ้านึกขึ้นได้ว่าตนนั้นลืมบรรจุข้อมูลเรื่องกลิ่นรอบกายให้ชวิศา

“ขอโทษนะ นี่ฉันพลาดไปได้อย่างไรเนี่ย ไว้กลับไปฉันจะแก้ไขให้นายเลย”

“อ๊ะ... ไม่ต้องก็ได้ครับ ผมไม่ได้ว่าอะไร”

“ไม่หรอก เพราะถึงอย่างไรฉันก็ต้องแก้ไขนายอยู่แล้ว”

“อืม นั่นสินะครับ เพราะตอนนี้ผมทำในสิ่งที่แฟนต้องทำไม่ได้” พูดจบชวิศาก็หัวเราะคิกคัก จนสุดฟ้าอดรู้สึกเขินไม่ได้ เหมือนโดนเยาะเย้ยว่าตัวเองไร้เดียงสาเรื่องพรรค์นั้นอย่างไรก็ไม่รู้อันที่จริงสุดฟ้าบรรจุความรู้ทางเพศศึกษาให้ชวิศาเช่นเดียวกัน แต่ก็เหมือนที่สุดฟ้ารู้ เขารู้แค่ว่าผู้หญิงกับผู้ชายทำกันอย่างไรเท่านั้น

“อย่าหัวเราะนะ ผิดหรือไงที่ฉันไม่เคย”

“ด็อกเตอร์ลืมไปแล้วหรือครับ ว่าผมก็ไม่เคยเหมือนกัน” จากนั้นทั้งคู่ก็จูงมือคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋งหัวเราะต่อกระซิกอย่างมีความสุข ราวกับโลกนี้มีแค่พวกเขาสองคน



สุดฟ้าดาวน์โหลดวิดีโอความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายกับผู้ชายมาหลายไฟล์ ทั้งยังอ่านข้อมูลเบื้องต้นมาหลายต่อหลายชั่วโมงและหลังจากที่เขาจัดการเชื่อมต่อระบบให้ไฟล์วิดีโอเล่นบนจอโทรทัศน์ขนาดสี่สิบสองนิ้ว โลกรอบตัวพลันหายไปจากมโนสำนึก ฝ่ายชวิศาเองนั่งดูอยู่ข้างๆ ไม่รบกวนหรือเอ่ยปากพูดอะไร เพียงแค่ซบศีรษะลงบนบ่ากว้าง ภาพที่จะได้เห็นหากใครสักคนเดินเข้ามาที่บ้านศิริกร ณ เวลานี้ ชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งดูหนัง AVเกย์ราวกับเป็นหนังรักธรรมดาอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อดูวิดีโอซึ่งโหลดมาจนจบสุดฟ้าก็ลากชวิศาเข้าสู่ห้องแห่งความลับ ผลักร่างหุ่นยนต์ลงนอนบนเตียงซึ่งทำมาจากอะลูมิเนียม ดึงนิ้วก้อยเท้าข้างขวา มีเสียงวืดเบาๆ ดังขึ้น เบาขนาดที่แม้จะตั้งใจเงี่ยหูฟังยังไม่ได้ยิน มันคือระบบพาวเวอร์ออฟ (Power off) ขั้นต้น ชวิศาจะหลับตาลง อกกระเพื่อมเล็กน้อย มีลมเบาๆ ออกจากปลายจมูกเสมือนคนคนหนึ่งซึ่งกำลังหลับ สุดฟ้าลูบที่กลางฝ่าเท้าข้างขวาของชวิศา ผิวตรงนั้นจะแตกต่างกว่าจุดอื่น แต่ก็นั่นล่ะ คงมีแต่ชายหนุ่มเท่านั้นที่รู้ว่ามันแตกต่าง เขาปุ่มตรงกลางฝ่าเท้า พลังงานทุกอย่างถูกตัดลง ก่อนโครงสร้างของร่างกายจะแยกออกเผยให้เห็นโครงเหล็กและสายไฟระโยงระยางภายใน สุดฟ้าขยับนิ้วมือไปมาเพื่อวอร์มร่างกาย หยิบไขควงไฟฟ้าขึ้นมาแล้วลงมือปรับปรุงชวิศาขึ้นใหม่!!!



+++++โปรดติดตามตอนต่อไป+++++


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2017 11:08:01 โดย ตีสี่ »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
มาลงชื่อ~

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
ตอนที่สอง


สุดฟ้านอนหลับไปอีกหนึ่งวันเต็มๆ หลังจากแก้ไขหุ่นยนต์ชวิศาเสร็จเรียบร้อยหุ่นยนต์ชวิศาเห็นว่าค่อนบ่ายแล้วจึงออกจากบ้านไปซื้อกับข้าว เพื่อมาเตรียมอาหารให้ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้าน หุ่นยนต์ในรูปร่างชายหนุ่มหน้าสวยหายไปเป็นเวลาหลายชั่วโมงแต่กระนั้นเมื่อกลับมาถึงบ้านสุดฟ้าก็ยังไม่ตื่น ตอนที่ชวิศาเดินเอาข้าวของไปวางในครัวนั้น สเตบาสเตียนเคลื่อนตัวมามองชวิศาด้วยความสงสัยเล็กน้อย แต่ไม่ว่าอะไรก่อนจะกลับไปทำงานของตนเองต่อ ร่างเพรียวบางมองตามร่างหุ่นยนต์ของสเตบาสเตียนซึ่งพอแน่ใจว่าฝ่ายนั้นไม่ได้สนใจตนแล้วก็ระบายลมหายใจออกมา แล้วจึงหันกลับไปสนใจของสดตรงหน้า

ตอนที่สุดฟ้าตื่นขึ้นมา ชวิศาทำอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยพอดีใบหน้าน่ารักของชวิศายิ้มให้สุดฟ้าด้วยสีหน้าออกระเรื่อๆ นิด ชายหนุ่มเพิ่งตื่น หัวหูเลยกระเซอะกระเซิง หนวดเคราหร็อมแหร็ม เพราะลงมือแก้ไขชวิศาทั้งวันและนอนหลับไปอีกวันเต็มๆ ที่สำคัญหน้าท่ายังไม่อาบ!!! พอตื่นมาแล้วไม่เห็นชวิศานอนอยู่ข้างๆ ก็รีบคว้าแว่นเดินออกมาด้านนอกทันที

“ทานอาหารเลยไหมครับ”

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบคำถาม เดินตรงมากอดชวิศาไว้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆ เขาประกบปากเข้าจูบกับร่างในอ้อมแขน จูบนั้นเงอะงะ แต่อีกฝ่ายกลับตอบรับด้วยดี สุดฟ้าเบี่ยงหน้าหวังจะบดเบียดสัมผัสให้มากกว่านี้ แต่แว่นที่สวมอยู่มันช่างเกะกะ ชายหนุ่มผละออกมาเล็กน้อยแล้วถอดแว่นออก ชวิศาซึ่งลืมตาขึ้นมาในช่วงนั้นพอดี ดูตกตะลึงไปชั่วครู่ มันไม่ใช่ระยะเวลายาวนานเมื่อสุดฟ้าประทับริมฝีปากมาอีกครั้ง

สุดฟ้ากำลังหิวกระหาย เขาจุมพิตชวิศาอย่างดูดดื่มช่วงเวลาแห่งความเงอะงะหายไปแล้ว เมื่อปล่อยให้อารมณ์ความต้องการภายในพวยพุ่ง แม้ชวิศาจะรู้ตัวว่าพวกเขาอยู่ในห้องครัวก็ไม่อาจต้านทาน เพราะในขณะที่กำลังจะพยายามดึงรั้งให้อีกฝ่ายหยุดการกระทำนี้ ร่างบางกว่าต้องถูกตัดตวงรสชาติความหอมหวานเสียทุกครั้งไป

มือของสุดฟ้าไม่ได้หยาบกระด้าง แค่แข็งกร้านคล้ายๆ กับผู้ชายทั่วไป มือข้างหนึ่งของสุดฟ้าลูบไล้ไปทั่วร่างนุ่มนิ่มของชวิศา อีกข้างประคองอยู่ท้ายทอยของร่างที่สูงน้อยกว่าเพื่อให้อีกฝ่ายรับจุมพิตได้ถนัดถนี่ เวลานี้สุดฟ้าไม่รู้ตัวว่าตนเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้มากน้อยแค่ไหนและตัวเขาเองก็ไม่สนใจมันด้วยซ้ำ เขาแค่ลากฝ่ามือไปตามแต่ละตำแหน่งที่ทำให้ชวิศาสะดุ้งไหวและตอบสนองความต้องการของเขาเท่านั้นเอง

สุดฟ้าดันชวิศาจนไปติดกับโต๊ะอาหารทรงสี่เหลี่ยมสำหรับสี่คนของบ้านศิริกร เอนตัวให้อีกฝ่ายนอนลงกับโต๊ะ แสงไฟบนเพดานคงทำให้ชวิศาตาพร่า ร่างนั้นจึงดูเหมือนงุนงงและมึนเบลอ สุดฟ้าประกบจูบซ้ำเบาๆ พลางเลิกเสื้อขึ้น แล้วย้ายมาหยุดอยู่ที่ยอดอกของชวิศาข้างหนึ่งใช้ลิ้นไล้เลียขบริมฝีปากจนมันชูชัน สุดฟ้าขลุกอยู่กับมันอยู่ชั่วพักใหญ่โดยที่มืออีกข้างเค้นคลึงอยู่ที่เนินสะโพก ดูเหมือนชวิศาจะไม่สบายตัวกับสภาพเช่นนี้นัก เพราะร่างด้านล่างขยับไปขยับมาอยู่เป็นระยะ สุดฟ้าจึงสอดแขนโอบรอบตัวดึงตัวชวิศาขึ้นและยกตัวอีกฝ่ายเดินเข้าผ่านไปอีกห้อง ห้องนอนของสุดฟ้าอยู่ตรงข้ามกับบริเวณรับแขกและครัวนี่เอง

“เอ่อ...” ชวิศาออกเสียง แม้ระยะทางจะไม่ไกลแต่ดูเหมือนว่าสติของชวิศาจะกลับมาแล้ว สุดฟ้าจ้องมองใบหน้าอึกอักลังเลนั้นด้วยรอยยิ้ม ร่างเพรียวบางหลบสายตาชั่วครู่ก่อนจะเหลือบสายตาขึ้นจ้องมองสุดฟ้าอีกครั้ง “เบาๆ หน่อยนะครับ”

สุดฟ้าหัวเราะกับความน่ารักนั้น ต้องอย่างนี้นี่สิแฟนสุดที่รักของเขา แม้จะเป็นหุ่นยนต์แต่ก็น่ารักที่สุด น่าแปลกที่สุดฟ้าไม่รู้สึกประหม่าเลยสักนิด เขาอิ่มเอมใจมากทีเดียวขณะดึงเสื้อที่ชวิศาใส่อยู่ออกทางศีรษะ ปลดกางเกงที่ชวิศาสวมอยู่ออก แล้วจึงถอดเสื้อของตนบ้าง เขาแทบจะทนไม่ไหวเมื่อเห็นชวิศาเบือนหน้าหนีด้วยความอายและพยายามหนีบขาของตนเข้าหากันทั้งที่มีเขาแทรกอยู่ระหว่างกลาง ด้วยความทนไม่ไหวที่ว่านี่หล่ะ เขาจึงยังไม่ได้ถอดกางเกงของตนออก มันเป็นแค่กางเกงผ้าธรรมดา ยามที่เขาบดเบียดร่างกายเข้าหาความร้อนรุ่มของร่างบางมันจึงให้ความรู้สึกแปลกพิกล เขาจึงยิ่งจงใจขยับเสียดสี แม้จะเบือนหน้าไปทางอื่นและหลับตาลงชวิศาก็ยังคงส่งเสียงครางเบาๆ ถ้าไม่กลัวว่าตนเองจะปลดปล่อยออกมาจนทำให้เลอะกางเกงที่สวมอยู่ละก็สุดฟ้าคงจะทำแบบนั้นไปเรื่อยๆ จนกว่าพวกเขาจะเสร็จสมอารมณ์หมายเชียวละ

จากการเล้าโลมอยู่นานในความคิดของสุดฟ้านั้น เขาคิดว่ามันควรถึงเวลาสักที สุดฟ้าเอื้อมมือไปที่ลิ้นชักข้างเตียง หยิบขวดของเหลวใสมาไว้ในมือ เปิดฝาขวดเทใส่มือจนชุ่ม และทาลงบนท่อนเนื้อที่ชูคอผงาด เห็นครีมบางส่วนหยดลงบนผ้าปูเตียง ชายหนุ่มก็นึกได้ จากวิดีโอที่เขาดูมันต้องใช้นิ้วก่อนนี่หว่า เทมาเยอะขนาดนี้อาบได้เลยแฮะ เออ...แต่ช่างมัน สุดท้ายสุดฟ้าก็ปัดความคิดทั้งหลายทั้งมวลทิ้งไป แล้วใช้นิ้วจากมือที่ชุ่มครีมค่อยๆ สอดเข้าไปในช่องทางที่กำลังเต้นตุบๆ อยู่ตรงหน้าช่องทางคับแน่นดูเหมือนจะผลักไสยามที่เขาสอดใส่เข้าไปในครั้งแรกชวิศารั้งขาทั้งสองข้างของตนไว้แนบอกมองดูก็รู้ว่าฝ่ายนั้นพยายามฝืนร่างกายที่อยากต่อต้านสุดฟ้าสอดนิ้วเข้าไปจนสุดภายในทั้งอุ่นร้อนและรู้สึกดีสุดๆ นี่ขนาดแค่นิ้วมือยังรู้สึกดีขนาดนี้ยังไม่ทันคิดจบสุดฟ้าก็ดึงนิ้วของตนออกและจดจ่อท่อนเนื้อที่เต็มไปด้วยอารมณ์ปรารถนาที่ปากทางเข้านั้นแทนถ้าไม่ติดว่าเขาสร้างผิวหนังด้านในของชวิศาให้อ่อนนุ่มเช่นเดียวกับของมนุษย์จริงๆ ทั้งยังมีระบบให้ชวิศารับรู้ความเจ็บปวดหากผิวหนังขาดหรือเป็นรอยถ้าไม่อย่างนั้นแล้วละก็เขาคงสอดใส่เข้าไปจนสุดทางแล้วเป็นแน่แท้หรือว่าจะแก้ไขชวิศาใหม่อีกรอบดีสุดฟ้าคิดอย่างลังเลขณะกำลังขยับสะโพกกดท่อนเนื้อเข้าไปในช่องทางคับแคบด้วยจังหวะสั้นๆ นานทีเดียวกว่าที่ชวิศาจะรับเขาเข้าไปได้ทั้งหมดสุดฟ้านิ่งอยู่พักใหญ่มองไรผมที่ชื้นเหงื่อของชวิศาดวงตาฉ่ำเยิ้มซึ่งมองตรงมาทางเขาริมฝีปากแดงเรื่อที่เผยอขึ้นน้อยๆ

ให้ตายเถอะ!!! น่ารักเป็นบ้า สุดฟ้าสบถกับตัวเองในใจ

แล้วดึงมือของชวิศาซึ่งรั้นอยู่ที่ต้นขาให้มาโอบรอบคอของเขาแทนสุดฟ้าโน้มตัวเข้าหาประกบจูบที่ปากสีเรื่อนั่นพลางขยับสะโพกเบาๆ สุดฟ้าไม่รู้ว่าความหวามหวานที่ว่านี้มันมาจากไหนหรือเริ่มมาจากจุดใดหากแต่มันกำลังเรียกร้องให้เขาตักตวงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดชายหนุ่มได้แต่กระแทกกระทั้นกายเข้าหาร่างแบบบางข้างใต้เพื่อเติมเต็มความกระหายอยากดูดกลืนลมหายใจของอีกฝ่ายอย่างหิวกระหายเสียงครางกระเส่าข้างหูช่างทำให้หน้ามืดตามัวเสียจริง

สุดฟ้าโถมกายไม่ยั้งก่อนร่างกายจะกระตุกแล้วฉีดพ่นของเหลวเข้าสู่ร่างเพรียวบางด้านล่างชวิศานอนอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงผิวกายที่ขาวจัดยังคงแดงเรื่อ ทิ้งเวลาชั่วครู่ใหญ่กว่าที่ลมหายใจหอบเหนื่อยจะกลับสู่สภาพวะปกติ ชายหนุ่มถอนกายออกเอื้อมตัวไปหยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะเตี้ยๆ ที่อยู่แถวหัวเตียงเพื่อนำมาเช็ดทำความสะอาดคราบขาวขุ่นซึ่งเลอะอยู่ทั้งบนตัวเขาและบนตัวของชวิศาสุดฟ้านึกตำหนิตนเองอยู่ในใจเล็กน้อยที่ตอนที่ชวิศาปลดปล่อยนั้นตนไม่ได้สนใจสังเกตเขาออกแบบให้หุ่นยนต์ซี ชวิศาสามารถปลดปล่อยออกมาได้เช่นเดียวกันโดยภายในช่องทางด้านหลังจะมีเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับความถี่และแรงที่การกระทำต่อเนื่องในภาวะหนึ่ง นั่นหมายถึงถ้าเขา ‘ขย่ม’ ชวิศาด้วยค่าตามที่ตั้งไว้อย่างต่อเนื่องจนครบช่วงเวลา หุ่นยนต์ชวิศาของเขาก็จะปลดปล่อยของเหลวสังเคราะห์สีขาวขุ่นซึ่งเขาพยายามทำให้มันดูเหมือนของจริงออกมา

เช็ดทำความสะอาดเรียบร้อยสุดฟ้าล้มตัวลงนอนข้างกายดึงร่างเล็กบางกว่าเข้ามากอดสองร่างนอนอิงแอบแนบชิดด้วยร่างกายเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มผืนบางและแล้วค่ำคืนนี้ก็จบลง



แสงแดดของเข้าวันใหม่ไม่ได้สาดส่องเข้ามาในห้อง แต่สุดฟ้าก็รู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นเอง ข้างกายว่างเปล่าเหลือเพียงที่นอนเย็นชืดเหมือนน้ำแกงค้างคืนแล้วใส่เอาไว้ในตู้เย็น ชายหนุ่มจึงเด้งตัวลุกขึ้นโดยไว หยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างลวกๆ เปิดประตูเดินออกไปนอกห้อง ฝั่งตรงข้ามเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นที่เป็นห้องรับแขกในตัว ถัดไปเป็นห้องครัวที่มีร่างเล็กบางที่เขาสร้างขึ้นมายืนอยู่หน้าเตา สุดฟ้าเดินเข้าไปสวมกอด อีกฝ่ายสะดุ้งตกใจเล็กน้อย หากเมื่อหันมาแล้วเห็นว่าเป็นเขาก็ยิ้มให้

“ตื่นแล้วหรือครับ”

ชายหนุ่มร่างสูงกว่าไม่ตอบคำถามนอกจากจะกดย้ำประกบริมฝีปากลงไป ซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายนั้นก็ตอบรับเป็นอย่างดี

“รีบลุกมาทำไม” สุดฟ้าตัดพ้อ ดวงตาที่ไม่มีแว่นบดบังจ้องมองที่ใบหน้าใส

“ตื่นมาทำอาหารให้ คุณ...อ่ะ ด็อกเตอร์ไงครับ” ชวิศาตอบด้วยรอยยิ้มสดใส ไร้วี่แววอ่อนระโหยโรยแรง แน่ละ ชวิศาเป็นหุ่นยนต์นี่ ทำอะไรแค่นั้นอย่างเมื่อคืนแล้วเหนื่อยก็แปลกแล้ว

“อีกแป็บ อาหารเช้าก็เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ด็อกเตอร์ไปล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อยก่อนนะครับ” ชวิศาพาสุดฟ้าไปส่งถึงห้องน้ำ หยิบแปรงสีฟันที่มีเนื้อยาสีฟันอยู่บนนั้นให้อีกฝ่าย ส่วนตนเองหมุนตัวออกมาจากห้องน้ำกลับไปในครัว สุดฟ้ารีบแปรงฟันล้างหน้าโกนหนวดอย่างรวดเร็ว ยกรักแร้ขึ้นดมรู้สึกเหมือนมันจะมีกลิ่นนิดๆ แต่ถ้าจำไม่ผิดเขาไม่ได้อาบน้ำมาสองวันแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบถอดเสื้อผ้าเพื่อเดินผ่านน้ำและเอาสบู่มาถูตัวก่อนจะเดินผ่านน้ำอีกรอบ แล้วเดินโทงๆ ออกจากห้องน้ำมาหาเสื้อผ้าใส่ ยังไม่ทันที่จะใส่เสื้อผ้าเสร็จดีก็พาตัวเองมานั่งที่โต๊ะอาหารแล้ว

สุดฟ้ามองร่างเพรียวบางด้วยใจที่เป็นสุขและอิ่มเอมเสียยิ่งกว่าการถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง แน่นอนว่าสุดฟ้าไม่เคยถูกรางวัลที่ว่า แต่เขาคิดว่าคนที่ถูกหวยรางวัลที่หนึ่งคงไม่รู้สึกเบิกบานชื่นมื่นเท่าตัวเขาในขณะนี้แน่นอน สุดฟ้ามองแผ่นหลังของชวิศาไปเรื่อยๆ อย่างอารมณ์ดี ไอ้สายตาเจ้ากรรมดันเผลอเหลือบไปมองบั้นท้ายของชวิศาเข้า น้องน้อยของสุดฟ้าจึงชักธงรบขึ้นทันใด

ให้ตายเถอะ!!! สุดฟ้าก่นด่าตัวเองอยู่ในใจพลางขยับขากดหัวน้องน้อยให้มันสงบลง ถ้าไม่ติดเสียงโครกครากเพราะพยาธิประท้วงขออาหารที่เขาไม่ได้กินตั้งแต่เมื่อวานละก็ เขาคงจะลากชวิศาเข้าห้องไปแล้ว

ด้วยเหตุดังกล่าว สุดฟ้าจึงหน้าเจื่อนไปนิดเมื่อชวิศายกถ้วยน้ำแกงมาตั้งตรงหน้า

“ทานกันเถอะครับ”

ร่างเพรียวบางกว่านั่งฝั่งตรงข้าม และที่ตรงหน้าของชวิศามีจานข้าวอีกใบหนึ่งสุดฟ้าชะงักมองด้วยความแปลกใจ ช้อนและส้อมในมือนิ่งค้างอยู่เช่นนั้น

“เอ่อ... ทำไมหรือครับ ด็อกเตอร์ไม่ชอบหรือ” ชวิศาหน้าเสีย

“อ่ะ...เปล่า ไม่หรอก น่าทานมากๆ เลย” ถึงสุดฟ้าจะตอบชวิศาไปอย่างนั้น ใบหน้าใสๆ ก็ยังจ้องเขาเขม็งอย่างรอลุ้น สุดฟ้าจึงต้องตักกับข้าวเข้าปาก

“อืม อร่อยมากๆ เลย” พูดเช่นนั้นไปแล้ว ชวิศาถึงจะยิ้มออกและลงมือทานอาหารในส่วนของตัวเองบ้าง สุดฟ้ามองชวิศาที่เคี้ยวข้าวตุ้ยๆ อย่างไม่วางตา แน่ละ ใครบ้างจะไม่รู้สึกตกใจและแปลกใจเมื่อเห็นว่าหุ่นยนต์ที่เราสร้างขึ้นมากำลังกินข้าว สุดฟ้ากำลังนึกทบทวน ตอนที่เขาแก้ไขชวิศาครั้งล่าสุดเขาไปทำอะไรกับระบบสั่งการหรือเปล่านะ ถึงชวิศาจะเป็นอัจฉริยะ ฉลาด เพียบพร้อม และเหมือนมนุษย์ขนาดไหนก็ตาม แต่ในมโนสำนึกของชวิศาก็ยังรู้ว่าตนเป็นเพียงหุ่นยนต์อยู่ดี สุดฟ้าแน่ใจอย่างที่สุดว่าเขาไม่ได้สร้างระบบรองรับการกินอาหารให้ชวิศา

“อาหารของผมไม่อร่อยหรือครับ” เสียงหวานใสนั่นถามซ้ำตัดห้วงความคิดของสุดฟ้าให้ขาดช่วง ใบหน้าดูกังวลอย่างจริงจัง

“ถ้าอย่างนั้นให้ผมทำให้ใหม่นะครับ”

“อ่ะ...ไม่ต้องหรอก กับข้าวที่ชวิศาทำนี่อร่อยมากจริงๆ” สุดฟ้าย้ำพร้อมตักข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็ว

เวลาอาหารเช้าจึงจบลงไม่นานหลังจากนั้นสุดฟ้ากำลังนั่งย่อยอาหาร และทานของหวานไปพลางอยู่ที่เก้าอี้ที่ตนนั่งทานอาหารเช้าตัวเดิม เรื่องที่สงสัยเมื่อตอนกินข้าวหายไปจากสมองเป็นปลิดทิ้ง มองด้านหลังของชวิศาที่กำลังล้างจานอยู่ตรงหน้า ที่จริงไม่ต้องทำก็ได้แท้ๆ เพราะไม่ว่าอย่างไรก็เป็นหน้าที่ของสเตบาสเตียนอยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายยังยืนยันว่าจะทำให้ได้ สุดฟ้าจึงได้นั่งมองแผ่นหลัง เอวสอบ และบั้นท้ายใต้กางเกงผ้าขาสั้นอยู่เช่นนี้ แต่หากยิ่งมอง อารมณ์สวิวกิวกิ้วมันยิ่งลุกโชน เพราะแค่เห็นเรือนร่างใต้เสื้อผ้าเขากลับนึกไปถึงผิวเปลือยเปล่ายามไร้อาภรณ์ปกคลุมกายของชวิศาทุกที ไหนจะความคับแน่นยามสอดใส่นั่นอีก.... ความคิดดังที่กล่าวมานี่ล่ะที่ทำให้สุดฟ้าลืมความสงสัยเมื่อตอนกินข้าวไปหมดสิ้น

สุดฟ้าตัดสินใจลุกขึ้นด้วยสัญชาตญาณและอารมณ์ดิบล้วนๆ เขาลากชวิศาเข้าห้องนอนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม กดชวิศาลงกับเตียงและตามขึ้นทาบทับ ถูไถความแข็งขืนของตนกับช่วงล่างของอีกฝ่าย ชวิศาได้แต่หน้าแดงเมื่อสัมผัสถึงสิ่งนั้น

“ด็อกเตอร์...” ท่าทางชวิศาเหมือนอยากเอ่ยห้าม แต่เมื่อสุดฟ้าจูบประทับปิดปากที่จะเอื้อนเอ่ยเสียก่อน จึงมีแค่เสียงครางเครือออกมาจากลำคอเท่านั้น ในขณะที่สุดฟ้าโอ้โลมร่างบางกว่าด้วยจูบ สองมือของเขาก็ถอดกางเกงของชวิศาออกพร้อมกับเล้าโลมช่องทางเบื้องหลังด้วยเจลหล่อลื่น สุดฟ้าไม่อยากจะเยิ่นเย้อมากไปกว่านี้เมื่อน้องน้อยของเขาพร้อมสู้เต็มที่อยู่แล้ว ไม่ช้าไม่นานต่อจากนั้นสุดฟ้าก็สอดใส่ความเร่าร้อนเข้าไปในตัวของชวิศา



แม้จะปลดปล่อยความต้องการของตนไปแล้วถึงสองครั้ง เรี่ยวแรงของสุดฟ้าก็ยังดีอยู่ เขายังขยับกายเอื่อยๆ อยู่บนร่างที่นอนคว่ำข้างใต้ ก่อนจะรั้งร่างนั้นให้ลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังสอดใส่อยู่เช่นนั้น การเปลี่ยนท่วงท่าอย่างกะทันหันทำให้ชวิศาผวาเหยือก ผนังอ่อนอ่อนนุ่มตอดรัดจนชายหนุ่มกระสันซ่านไปทั้งร่างกายทั้งเขาก็สามารถสอดใส่เข้าไปได้ลึกกว่าเดิม แต่ฝ่ายที่ถูกสุดฟ้ารุกรานกลับเริ่มที่จะไร้เรี่ยวแรงที่จะตอบสนองเสียแล้ว แผ่นหลังบางพิงแนบบนอกกว้างของร่างด้านหลัง ขณะที่ถูกยกสะโพกและกดลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“เหนื่อยแล้วหรือ” สุดฟ้าเอ่ยกระซิบชิดริมใบหู ใช้ปลายลิ้นเลียใบหูแล้วขบเม้มติ่งหูเบาๆ ดูเหมือนว่าที่ชวิศายังรู้สึกตัวเพราะแรงอารมณ์ที่ถูกกระตุ้นเร้าอย่างต่อเนื่อง คำตอบที่สุดฟ้าได้รับจึงเป็นแค่เสียงครางเครือเท่านั้น

สุดฟ้าขยับให้ชวิศาเปลี่ยนท่าอีกครั้ง รั้งให้ร่างบางกว่านอนราบไปกับพื้นเตียง จับให้ขาข้างหนึ่งของชวิศาคร่อมข้ามเอวของเขาไป ก่อนจะกดสะโพกย้ำกระชั้นจนกระทั่งตนปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง ในสมองของสุดฟ้าพร่างพราวไปด้วยแสงสีขาวตอนที่ล้มตัวทับร่างบางกว่าร่างด้านล่างหอบหายใจดวงตาหลับพริ้ม ไม่นานเสียงลมหายใจนั้นก็สม่ำเสมอทั้งที่สุดฟ้ายังไม่ได้ถอนกายออกเสียด้วยซ้ำ สุดฟ้าอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ แล้วไล้จูบที่เปลือกตาปิดสนิทเบาแสนเบา ความรู้สึกอุ่นซ่านบางอย่างพุดขึ้นมาในใจ เป็นความรู้สึกที่สั่งการให้เขาแนบจูบลงไปอย่างทะนุถนอม

เขายันตัวลุกขึ้นพลันนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงดึงเท้าขวาของชวิศาขึ้น ลูบไล้หาจุดแตกต่างแต่มันกลับเรียบเนียนทั้งฝ่าเท้าชายหนุ่มมั่นใจว่าไม่มีทางที่เขาจะหามันไม่เจอ ซึ่งนั่นเป็นการยืนยันความคิดที่ชัดเจน ชวิศาคนที่นอนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่เขาสร้าง.... แต่เป็นมนุษย์จริงๆ สุดฟ้ารี่ตามองร่างบางตรงหน้า พร้อมคำถามที่ผุดขึ้นมา...

คนตรงหน้าต้องการอะไรจากเขา!!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2017 06:35:46 โดย ตีสี่ »

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'

 

อีกหลายชั่วโมงต่อจากนั้นชวิศาถึงจะตื่นขึ้น ชายหนุ่มกอดรัดร่างนั้นไว้ไม่แน่นหนานัก เขาแกล้งทำเป็นหลับ คนในวงแขนขยุกขยิกเล็กน้อยก่อนจะนิ่งไป แต่สุดฟ้ายังรู้สึกถึงสายตาที่มองมา ก่อนจะตามมาด้วยจูบเบาๆ ที่ริมฝีปาก ซึ่งชายหนุ่มต้องพยายามอย่างมากกับการบังคับไม่ให้ตัวเองยิ้มออกมา แม้จะคิดว่าชวิศาคนนี้อาจจะมีจุดประสงค์บางอย่างแอบแฝงแต่เขาก็ไม่สามารถห้ามความรู้สึกตัวเองได้

“อ่ะ” เสียงอุทานดังขึ้นทำให้สุดฟ้าต้องลืมตา ชวิศารู้แล้วว่าเขาแกล้งหลับ มันช่วยไม่ได้จริงๆ ก็ความหวานซ่านในอกมันล้นจนออกมากองอยู่บนหน้าแล้วนี่นะสุดฟ้ายิ้มกว้างก่อนจรดริมฝีปากของตนลงบนปากสีเรื่อของอีกฝ่าย

“ลุกเถอะครับ ผมอยากอาบน้ำ”

“แต่ยังอยากนอนอยู่แบบนี้อีกสักหน่อย”

“ก็ได้ แต่หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จแล้วนะ เพราะตอนนี้รู้สึกเหนอะๆ ยังไงบอกไม่ถูก”

“อย่างนั้นหรือ” สุดฟ้ายันตัวพร้อมกับดึงชวิศาให้ลุกขึ้นตาม หัวคิ้วของคนตรงหน้าขมวดมุ่นเล็กน้อย

“เป็นอะไรหรือ”

“อ่อ เปล่าไม่เป็นอะไรครับ” ชวิศายิ้มกว้างออกมา

ไม่มีทางที่จะไม่เป็นอะไรไปได้หรอก สุดฟ้ารู้ดี แม้ร่างกายตรงส่วนนั้นจะสามารถรองรับการสอดใส่ได้โดยที่ไม่เกิดบาดแผลหรือความเจ็บปวดก็ตาม แต่ถ้าทำอย่างไม่บันยะบันยังอย่างที่เขาทำเมื่อช่วงเช้า ไม่ว่าแข็งแรงบึกบึนแค่ไหนก็ไม่มีทางทานรับได้หรอก สุดฟ้ารู้สึกผิดจริงๆ แต่ก็อย่างว่านะ ถ้าเป็นชวิศาที่เป็นหุ่นยนต์ไม่มีทางเกิดอาการแบบนั้นขึ้นได้หรอก และเขาก็ไม่รู้นี่ ว่าชวิศาตรงหน้าจะเป็นมนุษย์จริงๆ

“งั้นแช่น้ำเสียหน่อยดีกว่า” ว่าแล้วก็ยกตัวชวิศาขึ้น

“อ่ะ... ไม่ต้องหรอกครับ ผมเดินเองได้”

“ช่างเถอะน่า ขอให้ฉันได้ดูแลนายเอง ตอบแทนที่นายให้ฉันกอดโดยไม่ปริปากบ่นสักคำไง” จบคำพูดสุดฟ้าก็พาชวิศาที่เขินอายหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกซึ่งพยายามมุดหน้าหนีสายตาของร่างสูงมาถึงห้องน้ำ ห้องน้ำที่ว่าเป็นห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนของสุดฟ้าถูกออกแบบให้มีทั้งอ่างอาบน้ำและฝักบัว โดยพื้นใต้ฝักบัวจะถูกลดระดับให้ต่ำกว่าพื้นปกติสุดฟ้าปล่อยให้ชวิศายืนรอตรงนั้น ตอนที่ตนเปิดก๊อกน้ำลงอ่างและปรับระดับน้ำ

“ผมอาบเองได้ครับ” ชวิศาเอ่ยเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าหยิบฝักบัวและหมุนเปิดก๊อกน้ำ สุดฟ้ามองใบหน้าที่แดงระเรื่อ

“อายหรือ” สุดฟ้าแกล้งเย้า นั่งทำให้อีกฝ่ายหน้าแดงยิ่งกว่าเดิมและเบือนหน้าหนี

“ไม่เป็นไรหรอกน่า เราสองคนมีอะไรกันแล้วนะ ฉันน่ะเห็นของนายทั้งหมดแล้วล่ะ”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันก็น่าอายอยู่ดีนี่ครับ” พอได้ยินเช่นนั้น มันอดไม่ได้เลยที่สุดฟ้าจะจูบบนปากที่เอ่ยคำน่ารักแบบนั้นออกมา

“นี่ชวิศา เอามือเกาะบ่าฉันไว้สิ”

ชวิศาทำหน้างง หากแต่ยอมยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปเกาะบ่ากว้างของชายหนุ่มแต่โดยดี สุดฟ้ายิ้มกว้าง ใช้มือข้างที่ว่างไม่ได้ถือฝักบัวดึงร่างเพรียวให้แนบชิด ใช้หัวเข่าแยกขาชวิศาให้ห่างออกจากกันเล็กน้อย ก่อนจะใช้นิ้วสอดเข้าไปในช่องทางหลืบลึก

“อ่ะ...” ชวิศาเกร็งตัวกอดคอร่างที่สูงกว่าไว้แน่น

“อย่าเกร็งสิ ไม่อย่างนั้นมันจะเจ็บนะ”

“ก... ก็มันรู้สึกแปลกๆ นี่นา อึก ฮ่ะ” พอเปิดปากพูดเสียงแปลกๆ ก็หลุดออกมาด้วย เสียงครางเหมือนตอนที่พวกเขาร่วมรักกัน และดูเหมือนว่าปลายนิ้วกับสายน้ำจากฝักบัวจะทำให้ชวิศามีอารมณ์ขึ้นมาเสียแล้ว

“นายกำลังมีอารมณ์หรือ”

“อย่าพูดสิครับ” แม้จะเถียงออกมาแบบนั้น แต่น้ำเสียงของชวิศากลับแหบพร่าเหลือเกิน มันทำให้สุดฟ้าอดที่จะกระตุ้นเร้าจากภายในไม่ได้ทั้งที่เขาก็ล้างทำความสะอาดของเหลวคาวขุ่นที่เหลือทิ้งไว้ในตัวชวิศาจนหมดแล้ว สุดฟ้านำฝักบัวกลับไปไว้ที่ที่ของมันบนผนัง โดยปล่อยให้สายน้ำไหลชโลมกายพวกเขาทั้งคู่เช่นนั้น พลางขยับปลายนิ้ว งอบ้าง ขยับเข้าออกบ้าง บ้างก็บดขยี้จนชวิศาครางกระเส่าไม่เป็นภาษา ส่วนอ่อนไหวของชวิศาแนบอยู่แถวบริเวณหน้าท้อง ขยับบดเบียดเสียดสีอย่างเรียกร้อง

“ฉันเข้าไปนะ” สุดฟ้าพูดราวกับจะขออนุญาต ชวิศาไม่แม้จะมองหน้าคนถามได้แต่เบือนหน้าหนี ร่างสูงใหญ่จึงได้ทำท่าเหมือนจะผละออกด้วยความอยากกลั่นแกล้งชายหนุ่มร่างเพรียวจึงรีบรั้งตัวสุดฟ้าไว้ ใบหน้าเนียนใสแดงเรื่อ ปากสีอิ่มขบแน่นยามที่ช้อนสายตามองเขา หัวใจของสุดฟ้าแทบจะกระดอนออกมานอกอก

น่ารักจังโว้ย!!!!!!
 
เรื่องที่คิดกลั่นแกล้งอะไรนั่นตอนนี้ช่างมันเถอะ ถ้าเขายังรั้งรออีกต่อไป ตัวเขาเองนั่นแหละที่จะขาดใจตาย!!!

สุดฟ้ากดจูบชวิศาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่ดันแผ่นหลังบางให้ชิดผนัง ยกขาข้างหนึ่งให้สูงขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการรุกราน

“อ่ะ อะ อึก” ร่างบางกว่าในอ้อมแขนส่งเสียงครางออกมา ลำแขนเพรียวบางยึดไหล่ของเขาไว้แน่น สุดฟ้าขยับสะโพกรุนแรงด้วยความเสียวซ่านแล้วต้องลดแรงกระแทกกระทั้นลง เมื่อสำนึกได้ด้านหลังเป็นกำแพงกระเบื้องไม่ใช่เบาะนุ่มๆ ของพื้นเตียง หากกระนั้นด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านฝ่ามือใหญ่จึงบีบเค้นสะโพกของอีกฝ่ายอย่างไม่ยั้งมือ.....



หลังการปลดปล่อยความพลุ่งพล่านใต้สายน้ำไหลรินของฝักบัว สุดฟ้าพาร่างของชวิศาให้มาลงอ่างน้ำ อุณหภูมิในอ่างกำลังอุ่นพอดีที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย

“อ่ะ” ชวิศาอุทานออกมาเมื่อถูกบังคับให้รับความร้อนรุ่มของชายหนุ่มเจ้าของเรือนร่างสูงให้เข้ามาในร่างกายอีกครั้ง แผ่นหลังบางถูกรั้งให้พิงแผงอกกว้าง สุดฟ้ารู้สึกถึงชีพจรที่เต้นรัวเร็วของอีกฝ่าย

สุดฟ้าวักน้ำขึ้นมาลูบไล้ผิวเนียน บีบนวดให้คลายความเคร่งเครียดตื่นกลัว

“ฉันชอบอยู่ในตัวนาย” ชายหนุ่มกระซิบบอก สังเกตเห็นผิวที่ขึ้นสีจางๆ อยู่แล้ว แดงเรื่อขึ้นอีก หลังจากนั้นชวิศาจึงยอมนั่งนิ่งๆ เอนหลังพิงตัวสุดฟ้าอย่างว่าง่าย ปล่อยให้ร่างสูงนวดเฟ้นลูบไล้ตามใจ จะมีสะดุ้งบ้างก็ตอนที่มือหนาปัดป่ายต่ำลงไปกว่าสะดือ สุดฟ้ายิ้มแย้มกับปฏิกิริยาตอบรับเหล่านั้น

ถึงแม้ว่าสุดฟ้าจะไม่รู้ว่าการที่หุ่นยนต์ชวิศาที่เขาสร้างขึ้นกับชวิศาที่เป็นมนุษย์มีชีวิตเลือดเนื้อคนนี้ถูกสลับสับเปลี่ยนตัวไปด้วยสาเหตุใด แต่กระนั้นด้วยความที่จุดมุ่งหมายในการสร้างหุ่นยนต์ชวิศามันคือการรองรับความต้องการทางเพศเช่นนี้แล้ว ไม่ว่าบุคคลตรงหน้าจะเป็นมนุษย์หรือหุ่นยนต์มันจึงไม่ใช่เรื่องที่แตกต่างกันนัก เพียงแต่เขาจำเป็นต้องระมัดระวังในเรื่องต่างๆ มากขึ้นเท่านั้นเอง

สุดฟ้ามีอาชีพรับจ้างอิสระ นั่นคือไม่ว่าใครจ้างให้เขาทำอะไร เขาก็ทำทั้งนั้น เพียงแต่ชายหนุ่มจะรับเฉพาะงานที่ตนเองสนใจเท่านั้น และจากที่ผ่านมางานที่สร้างปัญหาให้กับเขามากที่สุดเป็นงานจำพวกออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้วยความที่เขาเป็นอิสระอย่างสุดโต่งไม่สังกัดกับหน่วยงานหรือองค์กรใด และเมื่อสุดฟ้ารับงานแล้วก็จะทำจนกว่าสำเร็จโดยไม่สนใจเรื่องอื่น มีหลายครั้งที่มีการจ้างงานทับซ้อนหรือในช่วงเวลาใกล้เคียงกันการตัดสินใจรับงานก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจในช่วงนั้นๆ ล้วน จึงมีเหตุให้นักย่องเบารวมทั้งกลุ่มบุคคลไม่พึงประสงค์เข้ามาตีสนิทกับชายหนุ่มเพื่อล้วงความลับและขโมยของหลายต่อหลายครั้ง

อันที่จริงแล้วชื่อของสุดฟ้า ศิริกรไม่ได้โด่งดังในวงการอุตสาหกรรมหรือวงการออกแบบพัฒนามากนัก ชื่อของเขามีแค่คนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นที่รู้จัก พร้อมกับชื่อเสียงด้านราคาค่าตัวที่แสนแพงและผลงานที่รับรองความพึงพอใจ สุดฟ้ายินดีที่จะแก้ไขงานของตนเองจนกว่าลูกค้าจะพอใจภายใต้เงื่อนไข ‘งานที่เขาสนใจเท่านั้น’ แต่อย่างว่า ถึงจะโดนบอกว่าไม่ชอบงานที่เขาทำให้ ชายหนุ่มก็ไม่สนใจอยู่ดี ก็เพราะเขาพอใจนี่นะ เขามีความคิดว่าผลงานที่เขาพอใจ นั่นแหละคือที่สุดของที่สุดและที่สุดแล้ว

อีกทั้งเขายังมีนิสัยอย่างหนึ่ง นั่นคือถ้าลองได้สนใจต่อสิ่งใดแล้ว เขาจะจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น จนไม่เป็นอันกินอันนอน ก็เหมือนกับที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้

....ช่วงนี้สุดฟ้ากำลังทำการวิจัยเกี่ยวกับความสุขสมในการมีเพศสัมพันธ์....

เพราะถึงแม้ชวิศาจะปลดปล่อยอย่างรุนแรงไปเมื่อสักครู่ แต่เมื่อสุดฟ้ากระตุ้นเร้าส่วนอ่อนไหวด้วยการนวดคลึง และรูดขึ้นลงอย่างที่กระทำอยู่ตอนนี้ ช่องทางคับแน่นยังคงตอดรัดพร้อมกับสะโพกบางยังคงขยับส่ายบิดเร่าบดเบียดให้แก่กายแข็งขืนของสุดฟ้าชำเราด้วยตัวของชวิศาเอง ใบหน้าคมเข้มจดจ้องจับสังเกตสีหน้าและปฏิกิริยาตอบสนองทางกายของร่างในวงแขนอย่างไม่วางตาร่างบางพิงศีรษะกับช่วงไหล่ของร่างด้านหลัง ริมฝีปากเผยอหอบเล็กน้อย ขณะที่น้ำในอ่างกระเพื่อมตามแรงกระแทกกระทั้น สุดฟ้าละมือออกจึงมีแค่ชวิศาเท่านั้นที่ขยับสะโพกอย่างเร่งร้อนเพื่อปลดปล่อยความอึดอัดในกายที่ทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ ช่องทางด้านหลังเริ่มตอดรัดกระตุกถี่เป็นสัญญาณว่าอีกฝ่ายกำลังจะไปถึงฝั่งฝันในไม่ช้า ในนาทีที่สุดฟ้าโอบตัวชวิศาและยกตัวของอีกฝ่ายให้โน้มตัวไปเท้าแขนกับขอบอ่างด้านหน้า ร่างบางก็ปลดปล่อยออกมา จะว่าเป็นการกระทำที่จงใจก็เป็นได้ เพราะหลังจากนั้นสุดฟ้ายังคงฝืนบังคับให้ชวิศารองรับอารมณ์ที่คั่งค้างของเขาอีกเป็นครู่ใหญ่ ย้ำกายกดลึกจนเสียงเนื้อกระทบกันดังก้อง ความกระสันซ่านเร่งเร้าให้เขายิ่งจ้วงทะยาน ร่างเพรียวบางกระตุกไหวปลดปล่อยอีกครั้งก่อนที่เขาจะถึงจุดและฉีดพ่นของเหลวเข้าไปในร่างของตนตรงหน้าในเวลาไล่เลี่ยกัน

ร่างที่หอบหายใจไร้เรี่ยวแรงเกาะอยู่ขอบอ่างถูกดึงขึ้นอีกครั้ง ไม่มีทั้งเสียงและอาการต่อต้านตอนที่ชายหนุ่มขยับสะโพกด้วยความต้องการที่พวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง รวมถึงยังตอบสนองความปรารถนาของเขาแต่โดยดี....



สุดฟ้าอุ้มพาชวิศาขึ้นจากน้ำ ร่างในห่อผ้าขนหนูหลับลงเพราะความเหนื่อยอ่อน ทั่วทั้งร่างกายหลงเหลือรอยช้ำและผิวแดงก่ำจากเลือดฝาด ชายหนุ่มร่างสูงมองนาฬิกาที่โต๊ะเตี้ยข้างหัวเตียงหลังจากที่สวมใส่เสื้อผ้าให้อีกฝ่ายเรียบร้อย ตอนนี้เลยเวลาอาหารเที่ยงจนเรียกได้ว่าใกล้เวลาอาหารเย็นเข้าไปแล้ว กระนั้นก็คงเป็นเรื่องยากหากปลุกร่างที่หลับใหลไร้สติขึ้นมารับสารอาหารตามเวลา เขาจึงตัดสินใจสวมเสื้อผ้าของตน เดินออกจากห้องปล่อยให้ร่างแบบบางที่รับศึกอย่างหนักหน่วงได้พักผ่อนเต็มที่ เพื่อให้พร้อมรับศึกในครั้งต่อไป


เจ้าของบ้านที่สวมเสื้อกล้ามกับกางเกงวอร์มเดินออกมาจากห้องนอนตอนใกล้เย็นย่ำผมบนศีรษะยังเปียกซ่กด้วยน้ำ ผู้มาเยือนซึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารทั้งสองจึงไม่จำเป็นต้องอ้าปากถาม เพราะเดาได้ว่าเจ้าของบ้านคงเพิ่งตื่น แต่ก็นั่นแหละ ฝาแฝดพี่น้องรู้ดีว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น

“เป็นไงบ้างวะ เอากันตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยหรือไง” แฝดผู้พี่ถามไปอย่างคะนองปากและไม่ได้กลัวว่าใครจะมาได้ยินจนเอาไปนินทาว่าร้าย ผนังของบ้านนี้เก็บเสียงได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นตอนที่เขาทั้งสองคนเข้ามาในบ้าน บ้านทั้งหลังจึงเงียบสนิทราวกับไร้ผู้คน

สุดฟ้ารับผ้าขนหนูจากสเตบาสเตียนมาซับน้ำบนศีรษะ พลางตอบรับว่าอืมในลำคอ ในเมื่อคนที่เอ่ยปากถามไม่ได้กระดากกับคำถาม สุดฟ้าก็ไม่ยี่หระที่จะตอบไปตามตรงเช่นกัน ไม่มีคำว่าอายหรือหน้าบางระหว่างพวกเขาทั้งสามคน เพราะแม้แต่การดูหนังโป๊และช่วยตัวให้เห็นพร้อมกัน พวกเขาก็ทำกันมาแล้ว

คำตอบของอีกฝ่ายทำให้ทั้งสองกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะถามต่อไปว่า “แล้วเป็นยังไงบ้างวะ”

“จะให้เป็นยังไง พวกแกก็รู้ฉันไม่เคยลองทำกับใคร” คิดไปคิดมาเขาก็เขินเหมือนกันนะเนี่ย แล้วก็ตื้นตันใจมาก ในที่สุดวันนี้เขาก็เป็นผู้ชายเต็มตัวเสียที สุดฟ้าแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความปลื้มปริ่มเสียเดี๋ยวนั้น

“เพราะงั้นแกก็ควรให้พวกเราลองบ้าง เราสองคนจะได้ช่วยเปรียบเทียบว่าระหว่างคนจริงๆ กับหุ่นยนต์มันแตกต่างกันไหม”

“นั่นสิ” สุดฟ้ายิ้มกว้าง “ถ้าพวกแกสองคนมายุ่งกับชวิศาฉันจะส่งคนไปถล่มบริษัทของแกสองคน และจะตามราวีจนกว่าจะตายกันข้างหนึ่ง”

“โห!!!!!!!!!!!!!!! หวงกว่าครั้งที่แล้วอีกนะเว้ย” สองเสียงร้องขึ้นพร้อมกันและเป็นธัชนันท์ที่พูดต่อไปอีกว่า “ชวิศาเป็นแค่หุ่นยนต์เองนะ ถึงฉันสองคนทำอะไรไปก็ไม่สึกหรอหรอกน่า”

“พวกแกเองก็มีเด็กในฮาเร็มตั้งเยอะ จะมายุ่งอะไรกับแฟนของคนอื่นล่ะ” สุดฟ้าเลี่ยงตอบ ขมวดคิ้วเบ้ปาก

“มันเหมือนกันที่ไหน คนกับหุ่นยนต์นะ หรือว่าที่จริงหุ่นยนต์ของแกไม่ได้ทำให้แกสวิวกิ้วเลย”

“อืม... ไม่รู้สินะ” สุดฟ้าพึมพำ “อ่อ ว่าแต่ที่ชวิศาไปต่างประเทศน่ะ เขาไปทำไมหรือ”

“หือ” สองพี่น้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเล็กน้อย สำหรับสองพี่น้องที่รู้จักสุดฟ้ามาตั้งแต่เด็กย่อมรู้จักนิสัยของสุดฟ้าดีเช่นกัน

“เห็นว่ามีญาติอยู่ที่โน่น แล้วเขาว่ากันว่าไปเรียนทำอาหารอ่ะ” ธัชนนท์ตอบก่อนจะตักเค้กตรงหน้าเข้าปาก ธัชนนท์และธัชนันท์มาถึงบ้านของสุดฟ้าตั้งแต่บ่ายกว่าๆ สองพี่น้องมากินข้าวที่บ้านสุดฟ้าจนเป็นเรื่องปกติ แม้ว่าเจ้าของบ้านจะยุ่งอยู่กับงานก็ตาม ฝาแฝดจะเข้ามาในบ้านและสั่งให้สเตบาสเตียนทำอาหารให้เหมือนกับทั้งคู่อยู่ในบ้านของตัวเอง

เสียงมอเตอร์เฟืองล้อสำหรับการเคลื่อนที่ของสเตบาสเตียนดังฟีดเบาๆ ตอนที่หุ่นยนต์พ่อบ้านนำอาหารเย็นมาตั้งตรงหน้าชายหนุ่มเจ้าของบ้าน

“พวกนายบอกว่าเขาเรียนคณะเดียวกับพวกเราไม่ใช่หรือ แล้วไปเรียนทำอาหารนี่น่ะ” สุดฟ้าหยิบช้อนและส้อมขึ้นมาตักชิ้นเนื้อเข้าปาก

“ที่จริงแล้วซี ชวิศาเป็นพวกสมองกลวงน่ะ” ธัชนันท์เอ่ยบ้าง เขาคาบช้อนไอศกรีมไว้ในปาก แล้วส่งถ้วยให้สเตบาสเตียนเพื่อให้ไปตักไอศกรีมมาอีกถ้วย “เด็กที่เรียนสาขาเดียวกับซี ชวิศาพูดว่า นอกจากหน้าตาที่น่ารักและฐานะทางบ้านแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่น่าจะอวดได้อีก ได้ยินว่ากว่าที่จะจบมาได้ก็เหนื่อยทั้งคนติวและคนเรียนเองอย่างซี ชวิศา รู้สึกว่าจะจบออกมาด้วยเกรดที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะสามารถเรียนจบได้เลยละ”

“ทีแรกฉันก็สงสัย ว่าทำไมถึงมาเข้าคณะที่เรียนยากแบบนี้” ข้อสงสัยนี้เป็นของธัชนนท์ และกล่าวต่อไปอีกว่า “เห็นว่าไม่ว่าวิชาอะไรก็เรียนไม่ได้เรื่องเลย แต่ฟลุ๊คสอบติดคณะเรา น่าตลกดีชะมัด ทั้งที่ฉันกับอาทต้องอ่านหนังสือกันแทบตาย”

“ฉันก็ไม่ได้อ่านอะไรสักเท่าไหร่”

“แกมันข้อยกเว้น ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องเรียนด้วยซ้ำ ดันเสือกสอบไปกันที่คนอื่นเขาอีก” ธัชนนท์บ่นอุบ พลางยกน้ำชาขึ้นดื่ม ฝ่ายธัชนันท์ก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มในเวลาที่ไล่เลี่ยกันหลังจากทานไอศกรีมถ้วยที่ห้าหมดไปอย่างรวดเร็ว

“เอาล่ะ พวกฉันอิ่มแล้ว งั้นไปก่อนนะ”

“แล้วเจอกันใหม่”

“อ่ะ อืม” สุดฟ้าพยักหน้ารับ ยกมือโบกให้ก่อนจะก้มหน้าลงกินข้าวต่อ

ยังไม่ทันที่สุดฟ้าจะได้ทานข้าวจนอิ่ม เสียงเปิดประตูดังขึ้น พร้อมร่างของชวิศาที่เดินออกมาจากห้อง

“ด็อกเตอร์” ร่างแบบบางนั้นพาตัวเองมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างสุดฟ้า

“ผมหิวข้าว ท้องร้องจ๊อกๆ นอนไม่หลับเลย” แม้จะพูดเช่นนั้นแต่หน้าตายังง่วงงุนเต็มที่ สุดฟ้าพยักหน้ารับรู้ก่อนจะตักอาหารในจานส่งเข้าปากของชวิศา ใบหน้าใสยิ้มให้ เคี้ยวงับๆ อยู่สองสามที หลังจากกลืนกุ้งในปากลงท้องไปก็ฟุบหลับลงกับโต๊ะไปอีก ในตอนแรกชายหนุ่มยังคงรู้สึกงงๆ กับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ก่อนจะปัดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็วและลงมือทานข้าวต่อ จากนั้นเขาอุ้มพาชวิศาให้กลับเข้าไปนอนบนเตียงในห้อง

จะว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความหมกมุ่นเลยก็เป็นได้ เพราะแค่เห็นชวิศานอนหลับอยู่บนเตียงแค่นี้สุดฟ้ากลับรู้สึกถึงตัณหาที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างกาย ชายหนุ่มจึงไม่รอช้าที่จะถลกดึงกางเกงขาสั้นของชวิศาออก จับแยกท่อนขาเรียวเล็กยกขึ้นสูง ช่องทางหฤหรรษ์ยังคงบวมแดงจากผลของการกระทำเมื่อครั้งก่อนๆ หน้าอยู่เล็กน้อย กระนั้นเขาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่สำคัญ ถึงอย่างไรเขาไม่ได้รุนแรงจนเลือดตกยางออกอยู่แล้ว

หลังจากที่สุดฟ้าชโลมเจลจนชุ่ม เขาขยับตัวเข้าหาร่างของชวิศา ยกท่อนขาเพรียวบางขึ้นพาดบ่า และกดส่วนปลายให้ชำแรกลึกเข้าไปในช่องทางคับแคบ ร่างที่นอนหลับไม่ได้สติสะดุ้งไหวและปรือตามอง ดูท่ายังคงง่วงอยู่มาก

“ด็อก..เตอร์” เหมือนชวิศาอยากจะเอ่ยถาม ถึงได้พึมพำอย่างสะลึมสะลือ

“ไม่เป็นไร นายนอนไปเถอะ” สุดฟ้าบอก ชวิศาก็ช่างพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ปล่อยให้ชายหนุ่มขยับสะโพกรุกรานชำเราทั้งที่ยังหลับตาอยู่เช่นนั้น พอเสร็จสมอารมณ์หมายก็ยังคงสอดใส่สุดฟ้าน้อยทิ้งค้างไว้ในช่องทางคับแน่นของอีกฝ่ายและล้มตัวลงนอนข้างๆ กัน



ตอนที่ชวิศารู้สึกตัวยังไม่ทันที่จะขยับเขยื้อนร่างกายสุดฟ้าก็รับรู้ได้จากส่วนที่เชื่อมโยงกัน ช่องทางนั้นบีบรัดเขาอยู่หลายครั้งราวกับจะยืนยันให้แน่ใจชวิศาจึงยิ่งนอนนิ่งไม่กล้าขยับสุดฟ้ารู้สึกได้ว่าร่างในอ้อมกอดนิ่งเกร็งไปทั้งตัว ไม่รู้ว่ากลัวเขาจะตื่นหรือกลัวเหตุการณ์หลังจากนั้นกันแน่ แต่ถ้าเป็นเพราะกลัวเหตุการณ์หลังจากนั้นจริงๆ สุดฟ้าคงเศร้าใจนิดๆ อย่างแน่นอน ดังนั้นร่างสูงด้านล่างจึงจงใจขยับยกสะโพกขึ้นเพื่อกระตุ้นอีกฝ่าย

“อึก...” เสียงดังกล่าวหลุดรอดออกมาพร้อมลมหายใจที่แรงขึ้นชวิศายังคงนิ่งเหมือนทำอะไรไม่ถูกอีกเป็นครู่ใหญ่ หากอารมณ์ปรารถนาที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมาแล้วนั้นไม่สามารถดับมอดลงได้ชวิศาจึงพยายามลุกออกจากบนตัวของสุดฟ้า ในจังหวะนั้นร่างสูงใหญ่จึงตะปบร่างของอีกฝ่ายไว้และยันกายลุกขึ้นนั่ง

“น่าน้อยใจนะ ที่นายไม่อยากทำกับฉันถึงขนาดนั้น”

ชวิศาสั่นศีรษะยิก

“ถ้าอย่างนั้น มันเพราะอะไรล่ะที่นายจะลุกหนีไปแบบนี้”

“ก็... ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี” ชวิศาพูดด้วยเสียงอันแสนเบา ถึงกระนั้นสุดฟ้าก็ยังคงได้ยินอยู่ดี

“ทำอย่างที่นายอยากทำอย่างไรล่ะ” ชายหนุ่มพูดพลางดึงท่อนแขนเพรียวขึ้นมาโอบบ่าของตน และจับยึดสะโพกของอีกฝ่ายให้กดลึกลงมาแล้วยกขึ้นชักนำให้ร่างบางขยับตามจังหวะ จนชวิศายอมเคลื่อนไหวตาม ริมฝีปากบางเฉียบจึงเลื่อนประทับไปที่ริมฝีปากแดงเรื่อได้รูป ขบเม้มหยอกเย้าริมฝีปากล่างของฝ่ายตรงข้ามก่อนจะส่งปลายลิ้มเข้าไล้เลียแตะสัมผัสซึ่งชวิศายอมตอบรับแต่โดยดี ต่างฝ่ายต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับ ขยับโยกสอดรับจังหวะของกันและกัน ความสุขสมจากรสเพศโหมโยนตัวเหมือนเกลียวคลื่น สาดซัดหนักบ้างเบาบ้างสร้างความกระสันเสียวสุดหฤหรรษ์ที่แผ่กระจายไปทั่วร่าง ก่อนจะแตกพรายเป็นเม็ดฟองซึ่งสร้างความอิ่มเอมไม่รู้จักลืมเลือน

ไม่รู้ว่านอนมานานจนเต็มอิ่มหรืออย่างไร ชวิศาถึงยังคงสตินอนมองหน้าสุดฟ้าได้อยู่เช่นนี้ ความอบอุ่นของผิวเนื้อที่ได้สัมผัสจากอีกฝ่ายทำให้ในหัวใจเกษมสันต์โดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยสิ่งใดๆ ออกมา สองคนผลัดกันประทับริมฝีปากเย้าแหย่อีกฝ่าย หากไม่เพราะเสียงท้องที่ดังประท้วง คนทั้งคู่คงกอดก่ายดูดซับไออุ่นของกันและกันไปอีกนาน

แม้จะเป็นยามดึกร่วมค่อนคืนไปแล้ว สเตบาสเตียนหุ่นยนต์พ่อบ้านยังคงทำหน้าที่ของตนอย่างดีเช่นเคย หลังจากที่สุดฟ้าและชวิศานั่งเคียงคู่กันบนเก้าอี้ของโต๊ะทานอาหาร ไม่นานจากนั้นหุ่นยนต์พ่อบ้านก็ยกอาหารสำหรับมื้อดึกมาให้

“เฮ้อ...พรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงานแล้ว แย่จริงๆ” สุดฟ้าเปรยออกมาหลังจากทานอาหารไปได้พักใหญ่ซึ่งชวิศาฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมา

“ฉันอยากให้วันลาพักร้อนของนายไม่มีวันหมดจริงๆ เลย”

“เอ๊ะ!!! วันลาพักร้อนของผม” ชวิศาเอ่ยทวนซ้ำด้วยใบหน้างุนงงสงสัย

“อืม อย่าบอกนะว่านายลืมไปแล้วว่าพรุ่งนี้นายต้องไปทำงานแล้ว”

“ท...ทำงาน”

“ฉันเข้าใจนะ ว่านายอยากทำกับฉันเยอะๆ ใช่ไหมล่ะ ถึงกับลาพักร้อนเลยนี่นะ นึกถึงใบหน้าที่เขินอายของนายเมื่อตอนนั้นแล้ว ฉันดีใจจริงๆ นะ ฉันเนี่ยหัวใจเต้นรัวเลยล่ะ” สุดฟ้าเล่าด้วยท่าทางปลื้มและตื้นตันสุดๆ พลางลอบสังเกตใบหน้าทั้งซีดทั้งอึ้งของชวิศาไปด้วย เป็นหน้าตาที่ตลกอย่างมากสุดฟ้ายิ้มแย้มหัวเราะในใจ

“อ่อ...” สุดฟ้าร้องเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนจะเดินไปเปิดลิ้นชักของตู้เตี้ยๆ ซึ่งวางไว้ข้างผนัง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาให้ชวิศา

“โทรศัพท์ของนาย ฉันว่าน่าจะเปิดเครื่องได้แล้วละนะ หมดเวลาพักร้อนแล้วนี่” พูดซ้ำประโยคหลังอีกครั้ง จากนั้นจึงนั่งลงทานข้าวมื้อเย็นของตนต่อไป ปล่อยให้ชวิศาหน้าซีดเหงื่อแตกซกไปแต่เพียงลำพัง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2017 06:40:23 โดย ตีสี่ »

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'



วันรุ่งขึ้นสุดฟ้าตื่นขึ้นมาช่วยชวิศาแต่งตัวแต่เช้า เสื้อผ้าทั้งหมดเพิ่งถูกจัดส่งมายังบ้านศิริกรในช่วงเช้ามืดของวัน ทั้งหมดถูกทำความสะอาดและติดอุปกรณ์สอดแนมไว้เรียบร้อย มนุษย์ผู้มีนามว่าชวิศาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเสื้อผ้าชุดนี้มันพิเศษอย่างไรบ้าง เพราะมันดูแสนธรรมดาและแสนปกติราวกับว่าผู้เป็นเจ้าของได้ใส่มันมาแล้วหลายสิบหลายร้อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นรอยเปื้อนเล็กๆ ตรงข้อมือ หรือสีของด้ายที่กระดุมเม็ดสุดท้ายซึ่งแตกต่างจากเม็ดอื่นซึ่งเกิดจากการซ่อมแซมราวกับชวิศาเป็นคนปักเข็มลงไปเอง

สุดฟ้าเห็นใบหน้าของชวิศาช่างห่อเหี่ยวและไม่ร่าเริงเอาเสียเลย เขาจึงพูดปลอบใจไปว่า “ไม่เป็นไรนะ ทำงานแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็กลับมาบ้านแล้ว อย่าเศร้าไปเลยน่านะ”

ชวิศาพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

จากนั้นสุดฟ้าก็ยืนโบกมือยืนส่งชวิศาที่หน้าบ้าน พอลับหลังร่างบาง ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่รีบวิ่งเข้าห้องแห่งความลับของตนทันทีเปิดจอมอนิเตอร์ติดตามภาพของชวิศาซึ่งถูกส่งมาจาก ‘แมลงจักจั่นติดตาม’ ภาพที่ได้เป็นภาพจากมุมสูง ไม่เห็นสีหน้าของชวิศาในภาพชวิศายกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ไม่นานนักเสียงจากลำโพงก็ดังขึ้น แน่นอนว่าโทรศัพท์ของชวิศาก็ถูกติดเครื่องดักฟังเช่นกัน

“พี่โย แย่แล้วละ”

“อะไรของนาย” เสียงปลายสายยังคงงัวเงียเหมือนเพิ่งตื่น

“คนคนนั้นต้องไปทำงานด้วยละ”

“แล้วไงล่ะ ก็ไม่เห็นว่าจะแย่ตรงไหนนี่ นายก็ไปทำสิ” คงเพราะยังไม่ตื่นดีแน่ๆ อีกฝั่งถึงได้ตอบกลับมาแบบนั้น

“ผมไม่อยากไป งานอะไรนั่นผมทำไม่เป็นหรอก” น้ำเสียงงอแงจนสุดฟ้ายังนึกอยากที่จะเห็นหน้า

“งั้นนายก็กลับมาที่บ้าน พอเย็นนายก็ค่อยกลับไปหาหมอนั่น”

“อือ... โอเคตามนั้น” น้ำเสียงสดใสขึ้นในพริบตา

คนในภาพที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า เดินอย่างไม่เร่งร้อนไปตามทางบนท้องถนน ประมาณยี่สิบห้านาทีหลังจากนั้น ร่างเพรียวบางก็เลี้ยวเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง แมลงจักจั่นแสนอัจฉริยะจึงบินลงต่ำเข้าไปใกล้ ภาพของชวิศาที่ยืนกดกริ่งที่หน้าประตูจึงสามารถเห็นได้ชัด ไม่นานจากนั้นบานประตูสีน้ำตาลก็เปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวตุ่นๆ กางเกงขายาวสีดำเดินหาวหวอดมาเปิดประตูรั้ว

“พี่ไม่ไปทำงานเหรอ”

เจ้าแมลงรีบบินตามติดชวิศาเข้าไปข้างในบ้าน มันบินวนเวียนไปรอบๆ จนกระทั่งเป้าหมายหยุดอยู่กับที่ เจ้าแมลงตัวเล็กจึงได้ไปเกาะอยู่กับผนังห้องด้านหนึ่ง

“เดี๋ยวว่าจะเข้าบริษัทตอนสายๆ กินอะไรมาหรือยัง” ชายหนุ่มอีกคนเอ่ยถาม

“เรียบร้อยแล้วล่ะ”

“ดีจังนะ พี่สิ...ตั้งแต่นายไม่อยู่ลำบากขึ้นเยอะเลย แล้วผู้ชายคนนั้นก็ไม่ยอมฟื้นซะที ไหนๆ ก็ไหนแล้วนะ นาย กลับมาทั้งทีช่วยทำอะไรให้พี่กินหน่อยสิ เอาซุปครีมเห็ด เบซิลพาเมร์ กับฟรัวกรา”

สุดฟ้าที่นั่งแอบฟังอยู่ด้วยได้แต่โคลงศีรษะด้วยความงุนงง ไอ้ของพวกนั้นมันอะไรหว่า

“มีของหรือ” อ๊ะ...ไม่น่าเชื่อ ดูเหมือนว่าชวิศาจะรู้ด้วยว่าผู้ชายคนนั้นพูดถึงอะไร

พอชวิศาเคลื่อนที่ แมลงจักจั่นก็ค่อยๆ บินตามติดชวิศาไป สุดฟ้าจึงได้เห็นชวิศาหยิบผ้ากันเปื้อนมาคล้องคอ หยิบกระทะ หยิบของหลายอย่างออกมาจากตู้เย็นสุดฟ้าถึงนึกขึ้นได้ สองแฝดเล่าว่าชวิศาไปเรียนทำอาหารนี่นะ

“แล้วไปอยู่บ้านศิริกรเป็นอย่างไรบ้างล่ะ”

“เอ่อ... ก็ดีครับ”

ตรงจุดที่แมลงจักจั่นไปเกาะอยู่ด้านบนตรงหน้าชวิศาพอดี ชายหนุ่มร่างสูงซึ่งกำลังนั่งจิบชากินขนมขบเคี้ยวชมภาพบนจอแอลอีดีจึงได้มองเห็นทั้งชายหนุ่มผู้ที่แทนตนเองว่าพี่เดินเข้ามาในครัว และชวิศาที่ยืนอยู่หน้าเตาพร้อมรอยยิ้มน่ารักตอนที่ตอบคำถามของพี่ชาย

“ไม่คิดจะขยายความหน่อยหรือว่าดียังไง แต่ช่างเถอะนายโอเคก็ดีแล้ว ว่าแต่เรื่องนั้นล่ะนายรู้หรือยัง” นั่นนะสิ พวกนายอยากรู้เรื่องอะไรกันน๊า....

ชวิศาหันไปมองหน้าคนถาม ก่อนเสียงจะดังขึ้นว่า “ยังอ่ะ”

“อะไรกัน นายเข้าไปอยู่บ้านศิริกรเป็นวันแล้วนะ”

“ใจเย็นๆ สิ ผมจะพยายามสืบให้ได้นะ” ถึงนายจะน่ารักฉันก็ไม่ปล่อยให้นายมาสืบความลับของฉันไปง่ายๆ หรอก

“พยายามให้ได้จริงๆ แล้วกัน ถึงนายจะมีเวลาเป็นเดือนก็เถอะ แต่ถ้ามัวแต่เอ้อระเหยลอยชายไปวันๆ พอถึงกำหนดจริงๆ นายจะลำบากนะ แล้วเรื่องงานนี่ก็เหมือนกัน ที่จริงแล้วนายควรต้องไปทำ เพราะถ้าเขาฟื้นขึ้นมามันจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับเขาทีหลัง อ๊ะ พอพูดถึงเรื่องงาน ผู้ชายคนนั้นเขาทำงานที่ไหนละ”

ชวิศายิ้มแหยๆ หัวเราะแห้งๆ “ผมไม่รู้เหมือนกัน”

“อ้าว ได้อย่างไรกันเนี่ย ไหนดูสิในกระเป๋ามีอะไรบ้าง” ชายหนุ่มผู้พี่พยายามรื้อกระเป๋า แน่นอนว่าในคงมีแต่หลักฐานเท็จที่สุดฟ้าสร้างไว้ทั้งนั้น

จากบทสนทนาแล้ว สุดฟ้าคิดว่าหุ่นยนต์ชวิศาของเขาต้องเกิดปัญหาอะไรอย่างแน่นอน ฟังๆ ดูแล้ว ชวิศาน่าจะอยู่ในสลีฟโหมด แต่ว่าชวิศาเข้าโหมดนี้ได้อย่างไรล่ะ สุดฟ้าขมวดคิ้วอย่างสงสัย จะว่าแบ๊ตหมดก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ระบบพลังงานของชวิศาใช้เวอร์ชั่นเดียวกับของสเตบาสเตียนตอนนี้สเตบาสเตียนอายุสามปีแล้วยังไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรเลย หรือว่าจะช๊อต ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าช๊อตจะไม่มีทางเข้าสลีฟโหมดอยู่แล้ว งือ...ชวิศาเป็นอะไรไปนะ คิดไม่ออกจริงๆ

สุดฟ้าลุกออกจากเก้าอี้อย่างกะทันหัน เขาออกจากห้องแห่งความลับ เดินตรงลิ่วมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้าน

“ไม่ได้สิ ถ้าไปที่บ้านนั้นตอนนี้ ทั้งสองคนคงจะรู้ว่าเรารู้ความจริงแล้ว” สุดฟ้าเดินกลับไปกลับมาอยู่ตรงหน้าประตูหลายรอบ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ ต้องวางแผนให้รอบคอบ... ดังนั้นเขาจึงเดินกลับไปที่ห้องทำงานอีกครั้ง เปิดคอมพิวเตอร์ เข้าโปรแกรมควบคุมอุปกรณ์สอดแนมระยะไกล ชายหนุ่มคีย์คำสั่งด้วยความรวดเร็ว ภาพที่ปรากฏบนจอภาพเปลี่ยนไป เจ้าแมลงจักจั่นกำลังเคลื่อนที่ เสียงพูดคุยของชวิศาและพี่ชายยังคงดังออกมาจากลำโพงเป็นระยะๆ

บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้นสุดฟ้าสั่งให้แมลงจักจั่นเริ่มบินสำรวจตั้งแต่ชั้นล่าง แล้วบินวนกลับมาที่บันไดเพื่อขึ้นไปสำรวจชั้นสอง ชั้นสองของบ้านเกือบทั้งหมดเป็นห้องนอน และหนึ่งในห้องนอนเหล่านั้นมีร่างของหุ่นยนต์ชวิศานอนสงบนิ่งอยู่ ดูจากภายนอกแล้วเหมือนว่าชวิศาจะอยู่ในโหมดพาวเวอร์ออฟจริงๆ แล้วความคิดหนึ่งก็พุดขึ้นมาในสมองของสุดฟ้า มีอีกวิธีที่ทำให้ชวิศาเข้าสู่พาวเวอร์ออฟได้นั่นคือ สวิตซ์ที่นิ้วก้อยเท้าข้างขวา ...แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่ว่าการที่สุดฟ้าออกแบบให้สวิตซ์ต้องใช้วิธีการดึง หรือการวางตำแหน่งไว้ที่นิ้วก้อยเท้าก็ตาม ล้วนแต่เป็นการป้องกันเหตุที่ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้น จนทำให้ชวิศาตัดระบบการทำงานทั้งนั้น

สุดฟ้าวางความคิดเช่นนั้นของตนไว้ก่อน เนื่องจากไม่มีสิ่งใดที่สามารถพิสูจน์ได้ เขาจึงไม่อยากด่วนสรุป หนทางเดียวที่เขาจะรู้ได้คือการได้ร่างของหุ่นยนต์ชวิศากลับมา หรือไม่เขาต้องเข้าให้ถึงตัวหุ่นยนต์ของเขา ชายหนุ่มโหลดภาพที่ได้จากเจ้าแมลงสอดแนมลงเครื่องคอมพิวเตอร์ อัพโหลดภาพเข้าสู่โปรแกรมสร้างแผนผัง รอไม่นานแบบแปลนบ้านที่มนุษย์ชวิศากำลังไปเยือนอยู่ในตอนนี้ก็ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เสียงพูดคุยของชวิศากับพี่ชายยังดังให้ยินเป็นระยะๆ ขณะที่สุดฟ้ากำลังคิดถึงแผนการอย่างถี่ถ้วน



เป็นเวลาร่วมหนึ่งทุ่ม สุดฟ้าถึงได้เห็นชวิศากลับมาถึงบ้าน เจ้าของร่างเพรียวบางไม่ได้กินข้าวมาจากบ้านของพี่ชาย แต่ต้องอยู่ทำอาหารให้พี่ชายทาน เห็นแบบนั้นแล้วสุดฟ้าก็เลยอยากจะทานอาหารที่ชวิศาทำบ้างชายหนุ่มจึงมายืนรอรับร่างบางอยู่ที่หน้าประตู

“กลับมาแล้ว”

“กลับมาแล้วครับ”

“คิดถึงชวิศาจังเลย” สุดฟ้าไม่พูดเปล่ายังจูบชวิศาอีกด้วย ใบหน้าใสจึงแดงเรื่อและก้มหน้าลงต่ำด้วยความเอียงอาย

“ชวิศาไปทำอาหารเถอะ ฉันรอนายจนท้องกิ่วแล้ว” สุดฟ้ารุนหลังชวิศาให้เดินเข้าไปในครัว หากเป็นคนอื่นที่เพิ่งเลิกงานกลับมาถึงบ้านด้วยความเหน็ดเหนื่อย การที่โดนคนที่อยู่บ้านบังคับให้ทำอาหารทั้งที่เจ้าตัวก็อยู่บ้านทั้งวันแท้ๆ ไม่ว่าใครก็คงจะรู้สึกหงุดหงิดกันบ้าง แต่ก็นั่นแหละ ความรู้สึกแบบนั้นคงไม่มีทางเกิดกับชวิศา เพราะเขาทั้งไม่ได้เหน็ดเหนื่อยเนื่องจากใช้แรงในการทำงาน รวมทั้งการทำอาหารนั้นเป็นสิ่งเดียวที่ชวิศาถนัด

อาหารเย็นมื้อนั้นยังเป็นอาหารไทยที่สุดฟ้าเห็นหน้าค่าตาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ใบหน้าคมเข้าภายใต้แว่นสายตากรอบหนา ทรงผมกระเซอะกระเซิงจึงเบ้หน้าเบี้ยวปาก ก่อนจะบ่นงึมงำให้ร่างบางที่นั่งอยู่ตรงหน้าฟังว่า

“ทำไมนายไม่ทำมักกะโรนีไก่อบซอส ผักโขมอบชีสหรือริซอตโต้ บ้างละ ไอ้พวกนี้ฉันกินจนเบื่อแล้วนะ”

ชวิศาเอียงคอขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำท่าเหมือนสงสัย ที่สงสัยก็คงเพราะชื่อรายการอาหารที่สุดฟ้าร่ายมาให้ฟังมันคุ้นหูเหมือนที่พี่ชายบอกให้ตนทำให้กินเมื่อตอนกลางวันอย่างไรอย่างนั้น แล้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ด็อกเตอร์ก็อยากกินงั้นหรือครับ แต่ในตู้เย็นไม่มีวัตถุดิบเลย ถ้าอย่างไรพรุ่งนี้ผมไปซื้อของมาทำให้นะครับ” คนพูดยิ้มกว้างจนดูเหมือนว่าใบหน้านั้นจะกระจ่างใสไปยิ่งกว่าเดิม ทั้งในดวงตาดูเหมือนว่าจะมีประกายระยิบระยับด้วยเช่นกัน สุดฟ้าจึงพยักหน้ารับคำโดยแทบจะไม่รู้ตัว เหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของพวกที่อยากจะย้ายสาขาตอนเรียนนั่นแล้ว ใบหน้าแบบนี้ใครบ้างละที่อยากจะละสายตา...

จบอาหารมื้อเย็น หลังจากปล่อยให้กระเพาะอาหารได้ทำงานไปสักพัก สุดฟ้าก็ดึงชวิศาให้มาออกกำลังด้วยกิจกรรมเข้าจังหวะ ครั้งนี้สถานที่ที่สุดฟ้าเลือกเป็นโซฟาหน้าทีวีซึ่งควบรวมห้องรับแขกไปในตัวนั่นแหละ และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องร่องรอยในภายหลัง ชายหนุ่มจึงได้หาผ้ามารองไว้ อันที่จริงถ้าหากว่ามันเลอะแล้วหลังจากนั้นค่อยนำไปซักหรือเปลี่ยนใหม่มันก็คงไม่ใช่เรื่องลำบาก แต่มันจะมีเรื่องยุ่งยากตอนที่สองแฝดจะพรวดพราดเข้ามาในบ้านอย่างไม่รู้กำหนดเวลานี่ล่ะ พูดกันตามจริงเขาไม่อยากให้สองคนมายุ่งกับชวิศา และที่สำคัญที่สุดคือไม่อยากให้รู้ว่าชวิศาที่อยู่กับเขาคนนี้เป็นมนุษย์จริงๆ

“อ่ะ อืม”

แม้จะค่อนข้างเขินอายในช่วงแรก แต่เมื่อสุดฟ้าบอกให้ทำอะไรชวิศาก็ยอมทำตามที่เขาบอก นั่นแสดงว่าค่าตอบแทนที่ชวิศาจะได้รับเมื่อทำงานสำเร็จคงจะสูงมากทีเดียว ถึงได้ยอมทอดกายให้เขาขนาดนี้ แน่นอนว่าที่มาของความคิดนี้มาจากซีรี่ย์เรื่องหนึ่งที่สุดฟ้าเคยดูนั่นเอง ดังนั้นชายหนุ่มจึงคิดจะตักตวงความสุขจากเรือนร่างที่สวยงามนี้ให้คุ้มค่า ก่อนจะยอมตอบแทนเล็กน้อยด้วยสิ่งของที่ชวิศาอยากได้

ด้วยความคิดเช่นนี้สุดฟ้าจึงกกกอดชวิศาทั้งคืน ให้ร่างกายนั้นสร้างความสุขสมให้เขาหลายต่อหลายครั้ง โดยไม่คำนึงว่าตนได้กุเรื่องให้อีกฝ่ายต้องไปทำงานในวันรุ่งขึ้น สุดฟ้าตั้งหน้าตั้งตาใช้ร่างกายของชวิศาให้คุ้มค่าที่สุดและเช้าต่อมาชวิศาก็ต้องตื่นมาด้วยรสจุมพิตอันดูดดื่มทั้งที่เพิ่งได้หลับไปแค่ประมาณสามชั่วโมงเท่านั้น ยังไม่ทันตื่นดีร่างเพรียวบางก็ถูกอุ้มพาเข้าห้องน้ำไปขัดสีฉวีวรรณเสียเอี่ยมอ่อง แต่กระนั้นตอนที่สุดฟ้ากำลังแต่งตัวให้ ร่างบางยังคงสัปหงกงึกๆ อยู่ดี

ชายหนุ่มอมยิ้มเมื่อดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้เรื่องรู้ราวรู้จักระแวดระวังภัยที่กำลังจะเกิดเสียเลย ตอนที่เขาดันร่างอีกฝ่ายที่มีเพียงเสื้อเชิ้ตแขนยาวปราศจากอาภรณ์สำหรับส่วนล่างให้เอนตัวเองนอน ฝ่ายนั้นก็ทำตามอย่างว่าง่าย สุดฟ้าจับท่อนขาเรียวแยกออกเปิดเผยให้เห็นช่องทางหลืบลึกเบื้องหลังซึ่งยังคงบวมแดงเล็กน้อย ใช้ปลายลิ้มโลมเลียหยอกเย้าอย่างอดใจไม่ไหวก่อนจะสอดอุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นแท่งเรียวรีขนาดสั้นๆ เข้าไป คราวนี้ชวิศาจึงได้ตื่นเต็มตา

“ด... ด็อกเตอร์ทำอะไรหรือครับ” อุปกรณ์ที่ว่ามันกำลังสั่นอยู่ภายในร่างกาย ในขณะที่ชวิศาไม่สามารถลุกขึ้นได้เพราะถูกท่อนแขนแข็งแรงของสุดฟ้ากดไว้

“หือ ไม่มีอะไรหรอก อุปกรณ์ที่ช่วยทำให้นายไม่ง่วงตอนทำงานไง”

“แต่ว่ามัน...” แรงสั่นสะเทือนไม่ได้รุนแรงนัก แต่ทำให้ชวิศารู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นริ้วไปทั่วร่าง ส่วนอ่อนไหวด้านหน้าก็กำลังเปลี่ยนรูป พร้อมกับของเหลวที่ไหลซึมออกมาจากส่วนปลาย

“ไม่ต้องห่วงนะ ไม่มีทางที่ใครจะรู้หรอกว่านายสอดอะไรไว้ข้างใน แต่นแต้นแต๊น สิ่งประดิษฐ์ใหม่ล่าสุดจากสุดยอดอัจฉริยะ สุดฟ้าศิริกร กางเกงในซึมเปื้อน ซึมซับได้ดีแม้วันมามาก หลังจากที่นายใส่กางเกงในตัวนี้แล้วแม้นายจะปลดปล่อยจนเลอะแค่ไหนมันก็ไม่มีทางเล็ดลอดออกมาเลอะกางเกงตัวนอกเด็ดขาด”

ชวิศายันตัวลุกขึ้นหลุดพ้นจากพันธนาการเมื่ออีกฝ่ายหันไปสนใจกับการโฆษณาสิ่งประดิษฐ์ของตน

“ผม...”

“อะไรกันเมื่อก่อนนายก็ทำแบบนี้ออกจะบ่อย นี่เพราะเห็นว่านายบ่นหรอกนะ ฉันถึงได้ทำกางเกงในตัวนี้มาให้ เอ๊ะ แต่ว่าพักนี้นายก็ดูแปลกๆ ไปเหมือนกันนะ” สุดฟ้าแกล้งหรี่ตาจับพิรุธ

“อ...เอ่อ... ไม่นี่ครับ ผมแปลกจากเดิมตรงไหน” พูดจบก็ดึงกางเกงมาสวมทันที เนื้อผ้าที่เสียดสีทำให้ร่างเพรียวบางส่งเสียงออกมาเบาๆ จากนั้นก็สวมกางเกงผ้าขายาวทับ ความร้อนรุ่มเหมือนจะทวีขึ้นทันตา ใบหน้าของชวิศาจึงแดงระเรื่อ

“งั้นไปกินข้าวเถอะ สเตบาสเตียนทำไว้ให้แล้ว” สุดฟ้ายิ้ม

“ม... ไม่ดีกว่าครับ ผะ...ผม ไปทำงานก่อนดีกว่า” ชวิศาบอก คว้ากระเป๋ารีบออกจากบ้านไปทันที สุดฟ้ายกยิ้มด้วยความสนุกสนาน เขารีบเดินเข้าห้องแห่งความลับเช่นเดียวกัน หลังเปิดจอแสดงภาพ ชวิศาซึ่งเดินอย่างเร่งรีบก็ปรากฏตัวขึ้น จุดมุ่งหมายคงเป็นบ้านหลังเมื่อวาน หากวันนี้ชวิศาไม่ต้องหยุดกดกริ่งหน้าบ้าน เขาใช้กุญแจไขเข้าไป และตรงดิ่งขึ้นไปยังห้องหนึ่งบนชั้นสอง ในจอภาพสุดฟ้าเห็นชวิศารูดลงไปกับประตูแล้วล้มตัวนอนลงไปกับพื้น สีหน้าเต็มไปด้วยความปรารถนาที่พยายามกักเก็บไว้ เขามองด้วยความสนใจอย่างที่ไม่สามารถหยุดรอยยิ้มของความสนุกสนานไว้ได้

“ฮ่ะ ฮึก” เสียงนั้นลอดผ่านลำโพงมาเบาๆ หัวใจของชายหนุ่มที่อยู่หน้าจอแอลอีดีเต้นรัว ชวิศาลุกขึ้นถอดกางเกงของตัวออก แล้วดึงอุปกรณ์ที่สุดฟ้าสอดไว้ใส่ออกมา สุดฟ้ารู้สึกอึ้งไปนิดๆ เขาคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าชวิศาจะทำแบบนี้ เพราะ ชายหนุ่มคิดว่าอุปกรณ์ดังกล่าวต้องอยู่ในตัวชวิศาไปตลอดจนกว่าเขาจะเป็นคนไปนำมันออก

“ชวิศาเป็นมนุษย์นี่นะ เรื่องแบบนี้ต้องคิดเองได้อยู่แล้ว”

แม้จะรู้สึกขัดอารมณ์อยู่บ้าง แต่ภาพการเคลื่อนไหวของคนที่อยู่ในจอภาพก็ปลุกเร้าความปรารถนาของชายหนุ่มขึ้นมา มือเรียวเล็กกำลังรูดรั้งปลดเปลื้องความต้องการของตัวเองอยู่ต่อหน้าต่อตาของสุดฟ้าโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ว่ามีใครบางคนจับจ้องอยู่ เพราะชวิศายังคงใส่เสื้อเชิ้ตที่มีกระดุมซึ่งฝังไมโครโฟนขนาดจิ๋วไว้ เสียงที่ดังผ่านลำโพงจึงดังชัดเจน สุดฟ้ากลืนน้ำลายดังเอื้อก ฝ่ามือเลื้อยผ่านขอบกางเกงยางยืดเข้าไปกอบกุมความเร่าร้อนของตนบ้าง สายตาจับอยู่ที่ภาพบนหน้าจอ ขยับมือแทบจะเป็นจังหวะเดียวกับอีกฝ่าย หากไม่นานนักร่างบางตรงหน้าก็ถึงฝั่งฝันไปเสียก่อน สุดฟ้าชะงัก ความปรารถนายังคงร้อนรุ่มแข็งขืนอยู่ในฝ่ามือ เขาหัวเสีย ก่อนจะขยับมืออีกครั้งด้วยความหัวเสียเช่นเดียวกัน ต่อจากนั้นอีกชั่วอึดใจของเหลวขาวขุ่นจึงถูกปลดปล่อยออกมา ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความหงุดหงิด หันหลังเดินออกจากห้องเพื่อกำจัดกลิ่นคาวที่แสนน่าสะอิดสะเอียน

ร่างในจอยังคงนั่งนิ่งหลังพิงกับบานประตู ไม่ว่าจะด้วยเพราะเจ้าแมลงสอดแนมจะอยู่ห่างออกมาค่อนข้างไกล หรือเป็นเพราะความละเอียดของภาพ แต่น้ำตาที่หลั่งไหลออกมาอย่างเงียบเชียบนั้น ไม่มีใครสามารถรับรู้ได้เลย



+++++โปรดติดตามตอนต่อไป+++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2017 06:42:06 โดย ตีสี่ »

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
ตอนที่สาม



หลังจากจัดการทำความสะอาดเรียบร้อย สุดฟ้าจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกเสียงสัญญาณรอสายดังนาน จนสุดฟ้ารู้สึกหงุดหงิด และเขาต้องกดโทรออกเป็นครั้งที่สองอีกฝ่ายจึงกดรับ

“ทำไมไม่รับสาย” สุดฟ้าตะคอกถามออกไปโมโหกรุ่นโกรธเสียเห็นช้างตัวเท่ามด อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปนานไม่พูดตอบกลับมาเสียที สุดฟ้าจึงยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม

“เที่ยงนี้ออกมากินข้าวกับฉันที่โรงแรมตรงข้ามกับที่ทำงานของนาย” ชายหนุ่มพูดรวดเดียวจนจบและวางสายโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับ เขาเดินไปเดินมาอย่างที่ไม่รู้ว่าจะทำให้อารมณ์ปั่นป่วนในอกจางหายไปได้อย่างไร โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นเช่นนี้


เวลาพักเที่ยงของเหล่าพนักงานบริษัทมาถึงอย่างรวดเร็ว สุดฟ้าที่นั่งรอชวิศามาตั้งแต่สิบเอ็ดโมงครึ่งหงุดหงิดจนไม่สามารถสงบสติบังคับให้ร่างกายอยู่นิ่งๆ ได้ เขารู้พอๆ กับที่ชวิศารู้ ว่าฝ่ายนั้นไม่ได้ทำงานในบริษัทฝั่งตรงข้าม ดังนั้นไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะช้าได้ถึงขนาดนี้ ดังนั้นพอเห็นร่างบางในกรอบสายตา เขาจึงรี่ตรงเข้าไปหาทันที จับกระชากต้นแขนอีกฝ่ายอย่างไม่ออมมือ

“ทำไมถึงมาช้า” เขากดเสียงถามลอดไรฟัน

“ด็อกเตอร์บอกว่า... เที่ยง”

สุดฟ้าไม่รู้ว่าความโมโหโทโสที่กำลังพวยพุ่งนี้มาจากไหน แต่มันช่างรุนแรงโดยที่ชายหนุ่มไม่อาจจะยับยั้ง

เขาลากชวิศาให้เดินตาม ผลักไสร่างเล็กบางกว่าเขาไปในห้องน้ำชั้นล่างของโรงแรม ตอนที่สุดฟ้าและชวิศาเข้าไป มีคนอยู่สองสามคน แต่สุดฟ้าไม่สนใจ คนสองสามคนจะมองพวกเขาด้วยสายตาเช่นไรตอนที่เห็นเขาทั้งคู่เข้าไปขังตัวในห้องน้ำห้องเดียวกัน สุดฟ้ารู้เพียงแต่ว่า ...เขาต้องการปลดปล่อยที่นี่และเดี๋ยวนี้!!!

ชวิศามองเขาด้วยดวงตาที่มีน้ำคลอหน่วย ตอนที่เขาปลดเข็มขัดและตะขอกางเกงของชวิศาออก

“อย่าทำเลยนะครับ เรากลับไปทำที่บ้านเถอะ”

“ฉันจะทำที่นี่ หันหลังไป” เขาพูด เสียงแข็งด้วยอารมณ์

“ผมขอล่ะ”

สุดฟ้าไม่ฟังคำขอร้องนั้น เขาจับชวิศาให้หันหลังหันหน้าเข้าชนกำแพง ก่อนกระซิบเสียงต่ำไปว่า “ถ้าไม่อยากส่งเสียงแปลกๆ ก็กัดชายแขนเสื้อไว้ซะ” ชายหนุ่มไม่สนใจว่าชวิศาจะทำตามที่เขาพูดหรือไม่ ตอนที่เขาถลกกางเกงชั้นในของชวิศาลงแล้วเห็นว่าภายในช่องทางด้านหลังไม่มีอุปกรณ์ที่เขาสอดไว้เมื่อตอนเช้า เหมือนว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นความผิดร้ายแรงที่ทำให้เขาหน้ามืด แล้วสวนกายเข้าไปแทนที่อย่างไม่ปรานีปราศรัย ร่างที่ถูกกระทำสั่นระริกโดยที่มีเสียงร้องออกมาจากในลำคอเบาๆ สุดฟ้ากระแทกกายเข้าหาอย่างรุนแรง ถาโถมอย่างบ้าคลั่ง ภายในอกร้อนรุ่มเหมือนมีไฟแผดเผา ในหูเหมือนจะได้ยินแค่เสียงวิ้งๆ โดยไม่สนว่าชวิศาจะรู้สึกอย่างไร จะเจ็บปวด เสียใจหรืออะไรก็ตามแต่ ไม่สนใจว่าชวิศาคนที่ยืนตรงนี้เป็นมนุษย์จริงๆ ที่มีเลือดเนื้อ เขารับรู้แค่ว่าตนไม่ชอบใจ ไม่พอใจ ไม่ชอบใจที่ชวิศาขัดขืนคำสั่ง โมโหและหงุดหงิดที่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีความคิดและอยู่ได้ด้วยตัวเอง

ตอนที่ร่างกายกระตุกถี่ๆ ปลดปล่อยของเหลวขาวขุ่นเข้าไปภายในร่างกายของอีกฝ่าย สิ่งที่อัดแน่นอยู่ในอกเหมือนจะหายไปส่วนหนึ่ง

ทันทีที่ชายหนุ่มปล่อยมือจากสะโพกที่เคยยึดไว้ ร่างเพรียวสมส่วนที่ดูบอบบางลงเมื่ออยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตแขนยาวก็ร่วงไปกองอยู่ที่พื้นพร้อมกับใจของเขาที่หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม สุดฟ้าพยุงชวิศาขึ้นมา ดึงร่างที่คว่ำหน้าอยู่กับถังพักน้ำให้หันมาทางตน ใบหน้านั้นซีดราวกับกระดาษ ตอนที่พยายามจะสวมกางเกงให้ชวิศา เขาจึงได้เห็นของเหลวสีแดงปะปนอยู่กับคราบคาวขาวขุ่น

เลือดออก... สุดฟ้าพึมพำในใจ มือที่สั่นระริกยังทำหน้าที่ของมันต่อไป สุดฟ้าเช็ดสิ่งตกค้างที่ปรากฏอยู่บนพื้นด้วยกระดาษทิชชู่ และอุ้มพาชวิศาออกมาจากห้องน้ำเล็กๆ ห้องนั้น คราวนี้ด้านนอกนั่นไม่มีใครเลย ตอนที่ออกมาถึงฟรอนต์ ดูเหมือนจะมีคนมองเขาทั้งสองคนด้วยความใคร่รู้อยู่บ้างเช่นเดียวกัน แต่สุดฟ้าพุ่งตัวผ่านประตูโรงแรมออกไปอย่างรวดเร็ว เรียกรถแท็กซี่ พาชวิศาขึ้นไปและสั่งให้ตรงไปยังบ้านของเขาให้เร็วที่สุด

หัวใจของเขายังคงเต้นระรัวขณะที่เลือดภายในกายเย็นเยียบ ชวิศายังไม่ฟื้นขึ้นมาเลยหลังจากที่เขาจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อีกฝ่ายจนเรียบร้อย สุดฟ้ามองใบหน้าขาวซีดที่เริ่มจะมีสีเลือดจางๆ ด้วยความกังวล ก่อนจะลุกขึ้นหันหลังและเดินออกจากห้อง

ชายหนุ่มเดินตรงไปยังห้องทำงานของตน กดรหัสปลดล็อกประตู และเดินเข้าไปในห้องที่สว่างขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อประตูเลื่อนเปิด

สุดฟ้าเปิดคอมพิวเตอร์ เขาเช็กอีเมลที่ส่งมาจ้างงานโดยหวังว่าจะทำให้หัวใจที่ว้าวุ่นนี้สงบลง แต่ไม่มีข้อความไหนที่น่าสนใจเลย หรือที่จริงแล้วใจของเขาไม่ได้อยู่ที่ข้อความเหล่านั้น จึงเลือกอีเมลที่อยู่ในกล่องจดหมายแล้วลบมันทิ้ง ก่อนที่จะเปลี่ยนหน้าจอเป็นภาพชวิศาซึ่งกำลังหลับใหลอยู่บนเตียง

ภาพชวิศาที่สุดฟ้าใช้กล้องวงจรปิดจับตาดูอยู่นี้เป็นหุ่นยนต์ชวิศาที่เขาสร้างขึ้น สายตาของเขาจดจ้องอยู่ที่ร่างซึ่งนอนสงบนิ่งแต่ใจกลับกระหวัดไปถึงใครอีกคน เขามองร่างนั้นนิ่งๆ ด้วยความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง

เขาควรเปิดโปงเรื่องโกหกนี้ซะ.... สุดฟ้าได้แต่ครุ่นคิดในใจ



เวลาผ่านไปนานพอดูจนกระทั่งมีเสียงเรียกของสเตบาสเตียนดังออกมาจากลำโพงเล็กๆ ข้างประตู เสียงของสเตบาสเตียนยังคงทื่อๆ เหมือนเช่นเคย

“ดูเหมือนว่าคุณชวิศาจะนอนหลับอย่างไม่สบายตัวนัก ผมเลยมาเรียกด็อกเตอร์ให้ไปดู”

“วันนี้อากาศร้อน นายก็ไปเร่งแอร์ให้เขาหน่อยสิ”

“ผมเร่งแอร์ให้แล้วครับเมื่อชั่วโมงก่อน แต่เมื่อครู่ผมไปดูอีกครั้ง คุณชวิศากลับทำท่าหนาวสั่น ตามข้อมูลที่ผมมี อาการเช่นนี้น่าจะเรียกว่าไข้หวัด แต่ที่บ้านไม่มีทั้งยาและอุปกรณ์อื่นเลย ผมจึงไม่สามารถตรวจสอบได้”

ชายหนุ่มเดินผ่านหน้าหุ่นยนต์พ่อบ้านไปอย่างรวดเร็ว เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนที่เย็นสบายโดยที่สเตบาสเตียนยังตามมาข้างหลัง เสียงวีดของเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนหยุดลงพร้อมกับสุดฟ้าที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ตรงหน้าเตียงที่ชวิศานอนอยู่

เขาชะงักไปเป็นครู่ก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าผากของร่างที่นอนกระสับกระส่าย และรีบชักมือกลับ อุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่ายสูงกว่าปกติไปมากเลยทีเดียว ...ชวิศาไม่สบาย

“เดี๋ยวฉันจะไปซื้อยา” สุดฟ้าออกจากบ้านไปอย่างเร่งร้อน

สุดฟ้าเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ไม่ค่อยได้เผชิญกับอาการป่วยบ่อยนัก ตั้งแต่ที่เขาต้องอยู่คนเดียวในบ้านหลังนี้ วันที่เขาล้มป่วยนั้นแทบจะนับครั้งได้ ของจำพวกนั้นจึงแทบไม่ใช่สิ่งจำเป็น และแม้จะรู้อยู่อย่างขึ้นใจแล้วว่ายาประเภทใดที่สามารถลดอาการไข้ได้ (เหมือนที่คนทั่วไปเขารู้กัน) แต่สุดฟ้าก็ยังซื้อยาบรรเทาอาการต่างๆ มาอย่างมากมาย แม้แต่ยานวดคลายกล้ามเนื้อ

“ให้น้ำเกลือดีไหม” สุดฟ้าออกปากถามความคิดเห็นจากสเตบาสเตียน ทั้งที่รู้ดีว่ายังไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นและในอุ้งมือมียาพาราเซตามอลอยู่สองเม็ด

“ไม่จำเป็นหรอกครับ ด็อกเตอร์ให้คุณชวิศาทานยา และเช็ดตัวให้บ่อยๆ ก็เพียงพอครับ”

“แค่นั้นเหรอ”

“แค่นั้นครับ” สเตบาสเตียนพูดซ้ำยืนยันให้สุดฟ้าแน่ใจ ชายหนุ่มจึงพยายามหยอดยาใส่ปากของชวิศาด้วยอาการเก้ๆ กังๆ

“ทำแบบนั้น อีกสามวัน คุณชวิศาก็คงยังไม่ได้กินยาหรอกครับ” สุดฟ้าหันไปมองค้อนหุ่นยนต์ที่พูด ใช่!!! ไอ้สิ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังเป็นหุ่นยนต์นะสิ แต่กลับพูดจาค่อนแคะเหมือนคนจริงๆ ไม่มีผิด

“ผมป้อนยาให้คุณชวิศาเองดีกว่าครับ” สเตบาสเตียนพูดพลางขยับตัว สเตบาสเตียนมีนิ้วมือห้านิ้วและมีมือสองข้างเหมือนมนุษย์ รวมถึงที่ปลายนิ้วยังมีเซนเซอร์เพื่อตรวจวัดระยะยามที่จับสิ่งของ จากนั้นสมองกลจะทำการคำนวณแรงที่ใช้ในการหยิบจับหรือสัมผัส ดังนั้นแม้แต่ยามที่สเตบาสเตียนหยิบแก้วบางใสซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถแตกได้ง่าย ยังสามารถทำได้เหมือนมนุษย์ไม่มีผิด

“ไม่ต้อง” สุดฟ้าปฏิเสธเสียงแข็ง

“บอกมาว่าต้องทำอย่างไรบ้าง”

ถ้าสเตบาสเตียนเป็นมนุษย์คงต้องถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายกันบ้างล่ะ

“ด็อกเตอร์ต้องพยุงตัวคุณชวิศาขึ้นก่อนครับ ให้หลังพิงกับด็อกเตอร์ไว้ก็ได้ครับ”

“อย่างนี้หรือ” สุดฟ้าพยายามจัดท่าให้ศีรษะของชวิศาพิงอกของเขา “แล้วยังต่อล่ะ แต่เหมือนจะเคยเห็นในหนังเลยแฮะ” พูดแบบนั้นแล้วจึงยิ้มกว้าง ก่อนจะเอายาใส่เข้าไปในปากตัวเอง

แหยะ...ขมแฮะ สุดฟ้าคิดในใจ และประกบปากกับคนป่วย เขาพยายามใช้ลิ้นแทรกเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่าย พร้อมทั้งดันยาเข้าไปอย่างทุลักทุเล แต่ใช่ว่าเจ้ายาสองเม็ดนั้นจะยอมทำตามคำสั่งของเขาง่ายๆ มันกลับคาอยู่กลางลิ้นนี่เอง สุดฟ้าจึงม้วนลิ้นตัวเองกลับมาอีกครั้งเพื่อดุนยาไปไว้ปลายลิ้น แต่แล้ว... เอือก เขากลับกลืนมันเข้าไปเองซะนี่

สุดฟ้าเงยหน้าขึ้นมามองสเตบาสเตียน

“ฉันกลืนมันลงไปแล้วล่ะ”

“ครับ” โชคดีที่หุ่นยนต์ไม่สามารถแสดงอาการใดๆ ได้สเตบาสเตียนจึงพูดต่อไปว่า “ถ้าเช่นนั้น ด็อกเตอร์ป้อนยาให้คุณชวิศาต่อเถอะครับ”

สุดฟ้าจึงทำตามที่สเตบาสเตียนบอกอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นเขาทำการเช็ดตัวให้ชวิศาอีกรอบ สเตบาสเตียนจึงกลับออกไปทำงานของตน ปล่อยให้สุดฟ้านั่งเฝ้าชวิศาอยู่ข้างเตียง นั่งไปนั่งมาสุดฟ้ารู้สึกง่วงเหมือนกัน เลยย้ายไปนอนข้างชวิศาแทนความร้อนแผ่ออกมาจากร่างกายของชวิศาจนน่ารำคาญกระนั้นสุดฟ้ายังคงกอดชวิศาไว้อยู่ดี



รู้สึกตัวตื่นขึ้นมากันอีกครั้ง ท้องฟ้าด้านนอกกลายเป็นสีดำสนิท ภายในห้องมืดมิด แต่สุดฟ้าเหมือนเห็นแววตาของชวิศา อุณหภูมิร่างกายของคนในอ้อมกอดลดลงมาเหลือแค่ความรู้สึกอุ่นๆ หากลมหายใจที่เป่ากระทบยังคงความร้อนไม่เจือจาง

“ปล่อยเถอะครับ เดี๋ยวด็อกเตอร์จะติดหวัดไปด้วย” เสียงของชวิศาแหบแห้ง

“ไม่ทันแล้วล่ะ ฉันนอนกอดนายมาหลายชั่วโมงแล้ว”

ชวิศาหลุบสายตาลง ทั้งที่ภายในห้องนี้ก็มืด แต่สุดฟ้ารู้สึกเหมือนจะเห็นสีหน้าของชวิศาได้อย่างชัดเจนเหลือเกิน เขากระชับอ้อมกอดพร้อมกับเอ่ยออกไปว่า

“ฉันขอโทษ”

คำพูดนั้นทำให้ร่างบางกระตุกและเกร็งตัว

ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากของชวิศา รวมถึงไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากของสุดฟ้า เป็นเช่นนั้นอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งสุดฟ้าดึงตัวชวิศาให้ลุกขึ้น

“กินข้าวดีกว่านะ แล้วนายจะได้พักผ่อนต่อ ป่านนี้สเตบาสเตียนคงเตรียมอาหารไว้แล้วล่ะ” เขาไม่อยากคิดอะไรให้มากไปกว่านี้ แม้จะมั่นใจในความชาญฉลาดของตัวเอง แต่ปัญหาบางอย่างคงต้องให้เวลาคิดอีกสักหน่อย ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเดินไปเปิดไฟ พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า

“ออกไปกินข้างนอกดีกว่านะฉันจะได้กินด้วย”

ใบหน้าของชวิศาเหยเกยามที่พยายามลุกขึ้น สุดฟ้าจึงรีบปราดเข้าไปหา

“ฉันขอโทษ” สุดฟ้าพูดซ้ำอีกครั้ง ชวิศามองแล้วยิ้มพูดตอบกลับมาเบาๆ ว่าช่างมันเถอะครับ อย่าไปสนใจเลย และพยายามลุกขึ้น สุดฟ้าจึงถือโอกาสนั้นอุ้มชวิศาขึ้น พาเดินออกไปข้างนอก

ดวงไฟในบ้านของสุดฟ้านั้นเป็นระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ยกเว้นก็แต่ในห้องนอนเท่านั้น ตอนที่สุดฟ้าก้าวออกมาจากห้องไฟของห้องด้านนอกจึงได้สว่างเรียงกันไปตามทางที่สุดฟ้าเดิน สเตบาสเตียนเองก็เพิ่งออกมาโหมดประหยัดพลังงานเมื่อเซนเซอร์จับการเคลื่อนไหวของคนทั้งคู่ได้

“ไปเอาเบาะรองนั่งมาที่นี่หน่อย แล้วยกอาหารมา”

สเตบาสเตียนเคลื่อนที่พร้อมเสียงวืดเบาๆ วางเบาะบนเก้าอี้ของโต๊ะทานอาหาร

“ผมทำข้าวต้มเตรียมไว้ให้คุณชวิศาแล้วครับ ด็อกเตอร์จะรับเป็นอะไรดีครับ” เจ้าหุ่นยนต์ถามขณะที่สุดฟ้าวางชวิศาลงเบาะอย่างเบามือ

“ข้าวต้มนั่นล่ะ”

ไม่ถึงนาทีข้าวต้มหอมฉุยที่มีควันสีขาวลอยกรุ่นก็มาวางอยู่ตรงหน้า สุดฟ้าดึงถ้วยของชวิศาเข้ามาใกล้ หยิบช้อนขึ้นมาคนพลางเป่าไอร้อนให้จางลง ตอนที่ตักข้าวจะป้อนเข้าปากอีกฝ่าย คนที่นั่งมองอยู่จึงได้เอ่ยขึ้นมาว่า

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมทานเองได้”

“อือ รู้แล้วแต่ฉันจะป้อน กินซะ” คำพูดคล้ายคำสั่งกลายๆ ทำให้สีหน้าคนฟังเผือดสีลงเหมือนลำบากใจ แต่กลับยอมอ้าปากกินข้าวคำนั้นเข้าไปแต่โดยดี พอป้อนอีกฝ่ายไปคำสุดฟ้าจะตักข้าวเข้าปากตัวเองไปสองคำ ชวิศาจะเคี้ยวช้าๆ ราวกับไม่อยากกินหรือกลืนไม่ลง บางครั้งสุดฟ้าจึงกินเข้าไปสามคำกว่าที่ชวิศาจะกลืนลงไปหมด ทั้งสองนั่งกินข้าวเงียบๆ จนหมดถ้วยแรกสุดฟ้าถึงดึงถ้วยที่สองเข้าหาตัวทำท่าจะตักข้าวป้อนอีกฝ่าย

“ผมอิ่มแล้วครับ”

“ไม่ได้ นายพึ่งกินไปแค่หกช้อนเท่านั้น ข้าวต้มทั้งถ้วยมีสามสิบสองช้อน นายยังกินไม่ถึงครึ่งเลย อย่างน้อยนายต้องกินอีกเก้าช้อน”

“แต่...” ร่างเพรียวบางอยากจะเถียงแต่อีกฝ่ายกลับยื่นช้อนมาตรงหน้าเสียแล้ว ชวิศาจึงต้องอ้าปากและรับอาหารเข้าปาก

ครั้งนี้เก้าช้อนที่ว่าทำให้ชวิศาอิ่มจริงๆ ถึงกับถอนหายใจเฮือกที่ข้าวต้มในถ้วยหมดลงเสียที และยังไม่ทันคิดที่จะลุกขึ้น ร่างทั้งร่างก็ถูกอุ้มลอยสูงขึ้นอีกครั้ง สุดฟ้าพาชวิศาตรงดิ่งกลับไปยังห้องนอน วางร่างบางกว่าไว้บนเตียง จากนั้นหันไปหยิบผ้าขนหนูและกะละมังใส่น้ำใบเล็กที่ใช้เช็ดตัวให้ชวิศาเมื่อตอนกลางวัน รองน้ำอุ่นใส่และกลับมานั่งอยู่ที่ข้างเตียงอีกครั้ง

“เดี๋ยวจะเช็ดตัวให้”

“ไม่ต้องหรอกครับผมทำเองได้”

“อือ แต่อยากทำให้ ถอดเสื้อออกสิ” ไม่พูดเปล่ายังรั้งชายเสื้อยืดของชวิศาขึ้น ข้างฝ่ายชวิศาใช่ว่าจะยอมง่ายๆ จึงยึดมือหนาไว้ ยื้อกันไปยื้อกันมาอยู่พักใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของบ้านก็ไม่ยอมลงให้จึงใช้วิธีรวบรัดตัดความ รวบข้อมือเล็กเข้าไว้ด้วยกันแล้วกดร่างเพรียวลงกับพื้นเตียงพร้อมกับดึงชายเสื้อยืดพรวดเดียวจนไปหยุดกองอยู่ที่เหนือศีรษะ ความเย็นที่มากระทบร่างกายทำให้ชวิศาสั่นสะท้าน พร้อมกับเบือนหน้าหนีไปทางอื่น เมื่อเห็นคนที่นอนอยู่โอนอ้อนไม่ขัดขืน สุดฟ้าจึงดึงเสื้อยืดแขนสั้นให้พ้นจากปลายแขน ก่อนจะหันไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้ชวิศา เพราะเป็นครั้งที่สองสุดฟ้าถึงได้เช็ดตัวให้อีกฝ่ายได้อย่างคล่องมือ

เมื่อถึงตอนที่สุดฟ้าจะถอดกางเกงขาสั้นของชวิศาออก มือเรียวบางจึงยื้อฝ่ามือหนาไว้อีกครั้ง

“ไม่ทำอะไรหรอก แค่เช็ดตัวเฉยๆ”

สุดฟ้าเห็นสายตาที่มองตรงมาของชวิศา มันเต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์ แต่เขาแน่ใจอยู่อย่างหนึ่ง คำว่าไม่เป็นไรของชวิศายังคงมีความคลางแคลงแฝงอยู่ เขารู้สึกยอกในอก รู้สึกโมโหหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุอีกครั้ง

“ปล่อยมือเดี๋ยวนี้ชวิศา” สุดฟ้าสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“บอกให้ปล่อยมือ” สุดฟ้าย้ำอีกครั้ง ชวิศายอมปล่อยมือแต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายจำใจ ร่างเล็กบางกว่านิ่งเงียบ ไม่ยอมมองหน้า เห็นอย่างนั้นเขายิ่งรู้สึกหงุดหงิด ...มันจะอะไรกันนักหนา เขาก็แค่อยากจะทำดีไถ่โทษ ทำไมต้องทำเหมือนไม่พอใจ

....ถ้าไม่พอใจกันนักก็กลับไปสิ สุดฟ้าอยากจะตะโกนกลับไปเช่นนั้น แต่เขาไม่ทำหรอก เพราะต้องเอาคืนจากชวิศาให้สาสม ในฐานะที่มากระตุกหนวดสิงโตเช่นเขา

ชายหนุ่มจึงจงใจลงน้ำหนักมือกับต้นขาอ้อนเป็นพิเศษ ร่างบางกว่าเกร็งตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาไล้ผ้าขนหนูในมือเข้าหาจุดอ้อนไหวกลางลำตัว แต่เพียงแค่เฉียดไปเฉียดมา สังเกตเห็นชวิศากัดริมฝีปากไว้แน่น ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา

เอาซี่... ทนได้ก็ทนไป...

สุดฟ้าจึงกอบกุมความอุ่นร้อนไว้ในมือ

“อึก” เสียงที่หลุดออกมาทำให้ชายหนุ่มยกยิ้ม เขาขยับมือขย้ำผ้าเบาๆ ร่างที่นอนราบอยู่บิดกายหนีคล้ายต่อต้าน เขาจึงแทรกตัวเข้าไปนั่งขัดสมาธิกลางหว่างขา ดึงท่อนขาเพรียวขึ้นเกยไว้บนเข่า รั้งท่อนเนื้อที่ขยายตัวเต็มมือขึ้นลง ก่อนที่จะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น หยดน้ำใสๆ ก็ไหลออกมาจากดวงตาที่ปิดแน่นนั่นเสียก่อน เขาใจหายวูบ ตัวแข็งค้าง... เสียงสะอื้นดังตามมาทำให้เขาร้อนรนยิ่งกว่าเดิม รีบไถลตัวลงจากเตียง

พอเป็นอิสระได้ ชวิศาก็หันตัวไปอีกด้าน ซุกหน้าลงกับหมอน ปล่อยเสียงร้อง ปล่อยน้ำตาให้ร่วงหล่นโดยไม่แยแสใคร สุดฟ้านั่งชันเข่าเกาะอยู่ข้างเตียงโดยไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรให้ดีไปกว่านี้ นั่งมองอีกฝ่ายร้องไห้อย่างทำอะไรไม่ถูก ร่างผอมบางคู้ตัวเข้าหากันเหมือนจะหลบหนีหลีกเลี่ยง ในอกของสุดฟ้าจึงรู้สึกแปลบวาบพิกล

“เจ็บหรือ” สุดฟ้าเอ่ยถามเสียงเบา ช่างเป็นคำถามที่โง่แสนโง่ แต่เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี

“ขอโทษนะ”

“ถ้าคุณไม่ได้รู้สึกผิดจริงๆ ก็อย่าพูดออกมาดีกว่า” ชวิศาตะโกนตอบกลับมา แล้วเสียงร้องไห้ก็ดูเหมือนว่าจะดังกว่าเดิม

“น...นายโกรธอะไร” สุดฟ้าถามเสียงอ้อย “ไม่ชอบที่ฉันเช็ดตัวให้เหรอ หรือที่บังคับให้กินข้าวเมื่อกี้ แต่ฉันเห็นว่านายป่วยอยู่ เลยอยากให้กินเยอะๆ ถ้าครั้งหน้านาย....”

“ไม่ใช่เรื่องพวกนั้นเลย” ชวิศาลุกขึ้นมาประจันหน้า จะเรียกว่าประจันหน้าก็ไม่ถูกนัก เพราะชวิศานั่งหน้าขึงอยู่บนเตียง ในขณะที่สุดฟ้านั่งจุกเจ่าเกาะอยู่ข้างเตียง ดังนั้นชายหนุ่มจึงต้องเงยหน้าเพื่อสบตากับดวงตาดุวาวที่ฉ่ำไปด้วยน้ำ

“ผ... ผมไม่ชอบที่ด็อกเตอร์...อึก ฮือ เห็นผมเป็นแค่ที่...ระบายความใคร่” พูดไปก็สะอึกสะอื้นไป “ไม่ว่าจะของพวกนั้น หรือที่ทำเมื่อกี้ โฮฮฮฮ” ว่าก็ก้มหน้าลงกับเตียงแล้วร้องไห้ต่อ สุดฟ้าเด้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เก้ๆ กังๆ มองอีกฝ่ายพลางแตะมือลงที่แผ่นหลังบอบบางและลูบปลอบ

“ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่ให้ทำอีกเลยเหรอ” เขาถามด้วยความกังวล ไม่ได้สนใจคำพูดของชวิศาสักเท่าไหร่ แต่ถ้าชวิศาปฏิเสธจริงๆ ละก็ เขาต้องแห้งเหี่ยวเฉาตายแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเขาต้องเอาหุ่นยนต์ชวิศาของเขาคืนมา ชวิศาของเขาคงไม่ปฏิเสธแล้วก็คงจะไม่มาร้องไห้คร่ำครวญแบบนี้แน่ๆ

ชวิศาหยุดร้อง เงยหน้าขึ้นมาแล้วช้อนสายตามองเขา ก่อนจะก้มหน้าลงไปอีกครั้ง นั่งบิดไปบิดมาอยู่ไม่สุข จนสุดฟ้านึกสงสัย ช่างเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วอย่างเหลือเชื่อ

“ป... เปล่าครับ แต่ด็อกเตอร์อย่าเอาไอ้แท่งๆ เมื่อเช้ามาใส่อีกนะ ผมไม่ชอบ”

สุดฟ้าขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นครุ่นคิด ‘ไอ้แท่งๆ เมื่อเช้า’ อ้อ... ชายหนุ่มกำมือขวาทุบเข้าที่มือซ้ายพร้อมอุทานในใจ ไอ้นั่นเอง อ้อๆๆ ไม่ชอบไอ้นั่นน่ะเอง สุดฟ้าพยักหน้ารับ

“ได้ซิ ต่อไปจะไม่เอามาให้นายเห็นอีกเลย” สุดฟ้ายิ้มให้ซึ่งชวิศาก็ยิ้มตาม “งั้นก็ทำได้แล้วใช่ไหม”

ชวิศาหน้าแดง พลางกระเถิบตัวเข้าไปด้านในของเตียงเพื่อให้ชายหนุ่มร่างสูงนั่งลง สุดฟ้าดึงชวิศาให้มาเผชิญหน้า โน้มตัวลงไปหาจนใบหน้าห่างกันเพียงแค่ลมหายใจกั้นและบรรจงจูบลงไปบนริมฝีปากแดงได้รูป ขยับย้ำดูดดึงโดยที่อีกฝ่ายก็ตอบรับแต่โดยดี บทรักเอื่อยเฉื่อยเรื่อยๆ ดำเนินไปอย่างนุ่มนวล ไม่ว่าฝ่ามือหนากร้านแกร่งจะไล้ไป ณ จุดตำแหน่งใดก็แผ่วเบาราวกับแตะต้องของมีค่า แรงกระทำที่เคยกระทั้นรุนแรงนั้นกลับกลายอ้อยอิ่งเนิบนาบหากรัญจวนหวานซ่านกว่าครั้งไหนๆ ทั้งอย่างนั้นห้วงกฤษณาที่อ้อนหวานยังคงปลุกเร้าให้คนทั้งคู่เร่าร้อน ชวิศาดูจะไม่อนาทรต่อความเจ็บปวดทางกายที่เคยได้รับ ร่างแบบบางหลับตาพริ้มส่งเสียงครางเครือกับความสุขสมที่อีกฝ่ายปรนเปรอให้อย่างไม่รู้หน่าย สุดฟ้ามองร่างในอ้อมกอดด้วยแววตาอ้อนเชื่อม เฝ้าเพียรพรมจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

ชวิศาได้แต่ปรือตามองพร้อมรอยยิ้มอ้อนล้า ยามที่ร่างสูงถอดถอนกายผละจากร่าง ความอ้อนเพลียทั้งจากอาการป่วยและกิจกรรมที่เพิ่งผ่านพ้น ทำให้ร่างบางง่วงงุนจนแทบไม่อาจฝืนหนังตาที่หนักอึ้ง กระนั้นเมื่อสัมผัสได้ว่าร่างสูงกำลังจะลุกจากไปยังอุตส่าห์คว้ามือใหญ่ไว้

สุดฟ้าเห็นชวิศาขยับปากขมุบขมิบ จึงขยับเข้าไปใกล้ๆ เพื่อให้ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดได้ชัด

“...อยู่กับผมนะ”

ชวิศาคงจะพูดอะไรอีกหลายคำ แต่สิ่งที่เขาจับใจความได้มันก็มากเพียงพอที่จะทำให้ความรู้สึกในอกมันยิ่งฟูฟ่อง สุดฟ้าจึงกระซิบบอกให้อีกฝ่ายนอนหลับ เขาจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนหรอก

จากนั้น สุดฟ้าก็ลงมือเช็ดตัวให้ชวิศาอีกครั้ง และตรวจดูบาดแผลที่ชวิศาได้รับ แม้ไม่มีเลือดออกแต่ก็แดงช้ำน่ากลัว ท่าทางว่าเขาต้องยับยั้งชั่งใจให้มากกว่านี้เสียแล้ว เพราะถึงอย่างไร ชวิศาก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2017 09:25:50 โดย ตีสี่ »

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'

ตอนที่รู้สึกตัวตื่น ภายในห้องยังคงมืดสนิทอยู่เช่นเดิม ในอ้อมแขนมีร่างนุ่มนิ่มที่ยังคงหลับสนิท เสียงลมหายใจสม่ำเสมอนั้นทำให้เขารู้สึกอยากจะหลับต่ออยู่เหมือนกัน แต่รู้สึกเหมือนว่าร่างกายจะพักผ่อนมากเกินพอ ต่อให้นอนต่อไปก็คงหลับไม่ลง สุดฟ้าจึงขยับตัวลุกขึ้นหยิบแว่นตาที่วางอยู่โต๊ะเตี้ยใกล้หัวเตียงขึ้นสวม

แสงสว่างจ้าจัดซึ่งตกกระทบผ้าม่านหนาหนักลอดผ่านเข้ามาในห้องเพียงเล็กน้อย เพราะปกติสุดฟ้ามักจะนอนไม่เป็นเวล่ำเวลา บางทีก็นอนข้ามวันข้ามคืน หากปล่อยให้แสงแดดส่งเข้ามาได้ก็จะทำให้หงุดหงิดเสียเปล่าๆ ผ้าม่านบังหน้าต่างจึงถูกปิดไว้ตลอด

เช้านี้เขานึกครึ้มอกครึ้มใจจึงรั้งม่านบังแสงรวบเก็บไว้ด้านข้าง

ทันทีที่ม่านบังแสงถูกดึงออกไป แสงสว่างจึงส่องกระทบลงบนเตียงทันที ร่างบนเตียงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพลิกตัวไปอีกทาง ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมเพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดรบกวนการนอน

สุดฟ้ายกยิ้มกับภาพนั้น เหลือบสายตามองนาฬิกาตั้งโต๊ะที่บอกเวลาสิบโมงกว่า

“ชวิศา ตื่นมากินข้าวก่อนเถอะ”

อีกฝ่ายลืมตามามองเขาเพียงชั่วครู่แล้วหลับตาลงไปเช่นเดิม พลางขยับปากตอบกลับมาว่า “ผมง่วงอะ ขอนอนต่อนะ”

“จะนอนก็ได้แต่ต้องตื่นขึ้นมากินข้าวกินยาก่อน” อารมณ์ประมาณกำลังเป็นพี่เลี้ยงเด็กอย่างไรก็อย่างนั้น แต่ชวิศาดูจะว่าง่ายกว่ามาก เพราะอีกไม่ถึงนาทีก็ยอมลุกขึ้นมาแต่โดยดี สุดฟ้าจึงพาชวิศาไปล้างหน้าแปรงฟันและพามาทานอาหารเช้าตอนเวลาสายๆ

ทั้งบ้านเงียบกริบเมื่อต่างฝ่ายต่างทานอาหารของตนไปเงียบๆ และแล้วกลับมีเสียงโทรศัพท์ดังฝ่าความเงียบที่ว่านั่นขึ้นมาชวิศาลุกจากเก้าอี้ รีบเดินไปหยิบรับโทรศัพท์ที่ว่างอยู่ที่โต๊ะข้างโซฟา และเดินออกไปด้านนอก

ฝ่ายสุดฟ้าจึงหยิบโทรศัพท์ของตนเองขึ้นมาบ้าง กดรหัสลงไปก่อนจะยกขึ้นแนบใบหู

“ซี วันนี้ไม่มาเหรอ” เสียงปลายสายที่สุดฟ้าได้ยินเป็นเสียงของคนที่ชวิศาเรียกว่าพี่ชายเมื่อวันก่อน

“เมื่อวานก็ไม่กลับมาอีกเลย เป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงของฝั่งนั้นฟังคล้ายเป็นห่วง

“อือ ไม่เป็นอะไรหรอกครับ” แน่นอนว่าชวิศาและพี่ชายกำลังสนทนาผ่านระบบโครงข่ายไร้สาย โดยมีสุดฟ้ากำลังดักฟังผ่านโทรศัพท์มือถือของตน

“ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะโทรบอกหน่อย พี่เป็นห่วงนะ เคยบอกตั้งหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ”

“อืม รู้แล้ว ครั้งหน้าจะระวังให้มากกว่านี้ แล้วที่โทรมานี่มีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่หรอก แต่วันนี้นายไม่ต้องแกล้งออกมาทำงานหรือ”

“อะ นั่นสินะ” ชวิศาร้องออกมาอย่างนึกขึ้นได้ “แต่กว่าผมจะตื่นก็สิบโมงกว่าเข้าไปแล้ว อย่างไรก็คงไปไม่ได้อยู่แล้วล่ะ”

“สิบโมงเลยหรือ กลับไปอย่าเอานิสัยนี้ติดตัวไปด้วยเชียว ไม่อย่างนั้นคุณย่าต้องบ่นจนหูชาแน่ๆ”

ชวิศาเงียบไปพักใหญ่ ปลายสายจึงเอ่ยเรียกซ้ำ “อืม ผมไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก”

“อ้อ พรุ่งนี้นายจะมาใช่ไหม ฉันไม่อยากไปกินข้าวนอกบ้านนะ วันนี้อุตส่าห์แขวนท้องรอนายตั้งนาน” สุดฟ้าขมวดคิ้วฉับ ใบหน้าบ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ ไอ้ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันเนี่ย ถึงได้เห็นชวิศาของเขาเป็นพ่อครัวส่วนตัวไปได้ แบบนี้ต้องบอกให้ชวิศาเลิกไปทำงานกำมะลอนั่นแล้ว จะได้ไม่มีข้ออ้างออกจากบ้าน

“อ...อืม”

“งั้นพรุ่งนี้เจอกัน”

พอทั้งสองคนที่เขากำลังดักฟังคำสนทนาวางสาย ชายหนุ่มก็เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าไว้เหมือนเดิม ตอนที่ชวิศากลับมานั่งที่โต๊ะจึงเห็นสุดฟ้านั่งทานอาหารอยู่เหมือนเดิม

หลังทานอาหารเสร็จสุดฟ้าพาตัวเองมานั่งเอื่อยเฉื่อยอยู่หน้าทีวี โดยที่มือจับจูงชวิศาให้มานั่งด้วยกัน ให้ชวิศานั่งซ้อนอยู่ข้างหน้า รั้งให้แผ่นหลังบอบบางศีรษะทุยมนซบบนอกของตน นั่งดูรายการทีวีไปพลาง ดมดอมผมหอมผิวใสไปพลาง ช่างเป็นอะไรที่มีความสุขเสียจริง สุดฟ้ากระหยิ่มยกยิ้มออกมา

“เอ้อ... ด็อกเตอร์ไม่ต้องไปทำงานหรือครับ” ชวิศาถาม เอี้ยวตัวหันมองสุดฟ้า เจ้าของร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย สมองอันปราดเปรื่องวิเคราะห์คำถามอย่างรวดเร็วก่อนจะตอบไปว่า

“ไม่ล่ะ ช่วงนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจ”

สีหน้าของชวิศาแสดงออกถึงความสงสัยอย่างชัดเจนกับคำตอบที่ได้รับ “แล้วที่ทำงานไม่ว่าหรือครับ”

“อือ...” สุดฟ้าครุ่นคิดเล็กน้อย “ก็ไม่มีใครว่านี่นะ”

“ดีจัง ผมนะไม่ชอบไปทำงานมากๆ เลย หลังเรียนจบลองไปทำงานอยู่ที่นึง ด็อกเตอร์รู้ไหมครับ มันน่าอึดอัดมากเลยล่ะ ทำอะไรผิดนิดหน่อยก็โดยว่าเสียยกใหญ่”

“หือ...อย่างนั้นหรือ” สุดฟ้าครางเสียงตอบรับ แต่ในสมองคิดว่า ท่าทางชวิศาจะลืมว่าตนเองสลับตัวกับหุ่นยนต์ชวิศาของเขา แต่เอ๊ะ!!! หรือว่าชวิศาจะรู้ว่าเขาเพิ่งสร้างหุ่นยนต์ชวิศามาได้แค่วันเดียว ไม่สิ... ถ้าชวิศารู้ว่าเขาเพิ่งสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมา ชวิศาจะกินข้าวให้เขาเห็นต่อหน้าต่อตาแบบนั้นได้อย่างไร ชวิศาต้องไม่รู้แน่นอนว่าเปลี่ยนตัวกับหุ่นยนต์

“แล้วงานอะไรล่ะที่นายชอบ”

“ทำอาหารครับ” ชวิศาตอบอย่างรวดเร็ว “ตอนแรกถึงจะลำบากไปหน่อย แต่เวลาที่ทำอาหารเป็นแล้วและมีคนชมว่าอาหารที่เราทำอร่อย ตอนนั้นนะ ผมมีความสุขมากเลยครับ อ๊ะ!!!”

“อะไรหรือ”

ชวิศามองสุดฟ้าหน้าตาตื่น ท่าทางจะรู้แล้วละสิว่าตัวเองหลุดปากพูดเรื่องที่ไม่ควรพูด ถึงอย่างนั้นสุดฟ้ายังคงแสร้งทำตาใสไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ดี

“ไม่มีอะไรครับ” หันกลับไปมองทีวีเช่นเดิม

สุดฟ้าลอบจับสังเกต ร่างบางหลุบตาลงต่ำ ลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่เป็นสุข ดูเหมือนว่าค่อนข้างกังวลกับคำพูดของตัวเองมากเลยทีเดียว กระนั้นชายหนุ่มต้องละความสนใจไปเมื่อเสียงออดหน้าประตูดังขึ้นสเตบาสเตียนเคลื่อนที่เสียงดังวืดเบาๆ ไปเปิดประตู จากนั้นไม่นานสองพี่น้องหน้าตาพิมพ์เดียวมาปรากฏตัวให้เห็น

“โอ้” สองพี่น้องอุทาน สายตาคมกริบกวาดมองสองร่างที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างถี่ถ้วน เห็นมือของสุดฟ้าหายเข้าไปใต้เสื้อของชวิศาต่างยกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

“ตั้งแต่วันนั้นก็เพิ่งให้เห็นชัดๆ อีกครั้งก็วันนี้แหละ” แฝดผู้พี่เอ่ยขึ้นพลางเดินมานั่งฝั่งซ้ายของชายหนุ่มเจ้าของบ้าน

“ยังน่ารักเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน” แฝดผู้น้องซึ่งนั่งอยู่ขวามือเอ่ยสมทบ ทั้งยังยื่นมือหมายจะสัมผัสหากโดนฝ่ามือใหญ่ตีเพียะเข้าเสียก่อน ดูท่าคราวนี้คงจะอีกนานกว่าที่เจ้าทึ่มมันจะเลิกหวงของ สองพี่น้องนึกเข่นเขี้ยวในใจ

แน่นอนว่าครั้งนี้ฝาแฝดไม่ได้มามือเปล่า โบราณเขาว่าไว้ว่า ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยกลฉันใด ในเมื่อพี่น้องสุวราลักษณ์พูดตรงๆ แล้วเจ้าเพื่อนไม่ยอมรับคำ คราวนี้จึงต้องมีของมาล่อกันหน่อย

ธัชนนท์ชูกระดาษสีสันสดใสตรงหน้าของสุดฟ้า พลางเอ่ยว่า “บัตรวีไอพีงานคิกขุแมนแฟนมีตติ้งที่จะจัดขึ้นพรุ่งนี้”

เพราะต่างฝ่ายต่างรู้นิสัยใจคอของกันและกันดี พอสุดฟ้ายื่นมือไปคว้าบัตร ธัชนนท์ก็ดึงบัตรกลับไปในทันใด ชายหนุ่มเจ้าของบ้านจึงได้แต่คว้าอากาศไว้ในมือ

ดวงตาคมหรี่มองใบหน้าแสนเจ้าเล่ห์ของฝาแฝด

“เชอะ ช่างมันครั้งนี้ไม่ไปก็ไม่ตาย” สุดฟ้าชิงพูดขึ้นเสียก่อนพลางกอดชวิศาไว้แน่น ทั้งที่ในใจเสียดายอย่างสุดแสนแต่ถ้าต้องให้เลือกระหว่างชวิศากับคิกขุแมน เขาเลือกชวิศา!!!

“เอ้ย... เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับชวิศาหรอกน่า” แฝดคนน้องพูดด้วยใบที่พยายามทำให้ดูจริงใจที่สุด

“คราวนี้ฉันกับพี่ อยากให้นายช่วยเรื่องงานน่ะ”

“คิดดูสิบัตรนี้เปิดจองตั้งแต่ตอนที่นายยังพร่ำเพ้อคลั่งไคล้ยัยหนูนานะ พวกฉันไม่มีญาณวิเศษล่วงรู้เรื่องชวิศาหรอก” ธัชนนท์เอ่ยเสริมคำพูดน้องชาย

สุดฟ้ายังหรี่ตามองคนทั้งสองอย่างไม่เชื่อใจ “งานที่นายว่า อยากให้ฉันทำอะไร”

“เรื่องงานเอาไว้ทีหลังก็ได้ ผ่านพรุ่งนี้ไปก่อนแล้วเราค่อยมาคุยละเอียดกัน”

สุดฟ้าไม่อยากจะเชื่อใจสองพี่น้องนี้เลย แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธการแลกเปลี่ยนในครั้งนี้เหมือนกัน แน่นอนว่าทั้งสองคนอาจมีจุดประสงค์ที่อยากจะลองป่ามป้ามกับหุ่นยนต์ชวิศาของเขา แต่พวกเขาก็รู้จักกันมานานและรู้นิสัยกันดี ‘หากแตะต้องของที่เขาไม่อนุญาต คนคนนั้นต้องเจอดี’ พี่น้องสุวราลักษณ์จึงไม่น่าจะทำตัวยุ่มย่ามให้เกิดเรื่อง ดังนั้นสุดฟ้าจึงคว้าตั๋วไว้

“โอเค งั้นวันจันทร์ พวกฉันจะมาหาอีกที” จบธุระสองพี่น้องก็ออกจากบ้านไป ทันทีที่สิ้นเสียงประตู ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านก็เด้งตัวลุกขึ้น บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มระรื่น

“ไปเตรียมตัวดีกว่า”

“เอ้อ ด็อกเตอร์จะไปไหนหรือครับ”

“พรุ่งนี้มีมีทติ้งคิกขุแมนนะ ฉันเลยต้องไปขัดสีฉวีวรรณแล้วก็เตรียมข้าวของเสียหน่อย” สุดฟ้าระริกระรี้ยิ่งกว่าปลากระดี่ได้น้ำ “อ้อ แล้วพรุ่งนี้ชวิศาอยู่บ้านคนเดียวได้นะ น่าเสียดายเหมือนกันที่มีบัตรใบเดียว แต่อย่างว่าถ้าคนที่ไม่ใช่แฟนคลับไปก็คงไม่ค่อยสนุกหรอกน่ะ” สุดฟ้าหายเข้าห้องนอนไปพร้อมกับเสียงพูดด้วยความลั้นล้า ปล่อยให้ชวิศายืนเคว้งอยู่กลางห้องอยู่เป็นครู่ใหญ่ หลังหันซ้ายหันขวาดูแล้วว่าตนคงถูกทิ้งหมดความสนใจจากอีกฝ่ายแน่แล้ว เขาจึงทรุดตัวนั่งลงที่เดิม


เช้าวันต่อมา

สุดฟ้ายืนอยู่หน้าประตูกำลังเตรียมตัวออกจากบ้าน เช้านั้นชายหนุ่มพิถีพิถันในการแต่งตัวเป็นพิเศษ ผมสีดำที่เคยพองฟูอยู่เป็นนิจ ถูกโป๊ะเคลือบด้วยเจลและหวีซะเรียบแป้ เสื้อตัวในเป็นลายคิกขุแมนถูกสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าอ้อน ส่วนกางเกงเป็นผ้ายีนสีเข้ม สุดฟ้าดันแว่นตาขึ้น และบอกกับชวิศาเป็นคำสุดท้าย

“ฉันไปล่ะนะ เฝ้าบ้านดีๆ ล่ะ”

“ครับ ขอให้สนุกนะครับ” ชวิศาพูด เขย่งปลายเท้ายืดตัวขึ้นหอมแก้มสุดฟ้าก่อนจะโบกมือด้วยสีหน้าสดใส สุดฟ้ายิ้มกว้างและเดินออกจากบ้านอย่างอารมณ์ดีสุดๆ เช่นเดียวกัน

ชายหนุ่มมุ่งหน้าไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ห่างจากบ้านไปประมาณห้าร้อยเมตร เขาออกจากบ้านตั้งแต่เช้า แสงแดดอ้อนๆ เช่นนี้ยิ่งทำให้สุดฟ้าเริงร่ายิ่งไปกว่าเดิม ระหว่างทางสุดฟ้าก็นึกไปด้วยว่า วันนี้เขาจะซื้อหุ่นฟิกเกอร์คิกขุแมนสักกี่ตัวดี และต้องซื้อแก้วคิกขุแมนใบใหม่ด้วย เพราะความสะเพร่าของเขา จึงทำแก้วใบเก่าตกแตก แต่อย่างว่าถึงใบเก่าไม่แตกเขาต้องซื้อใบใหม่อยู่ดี อ๊ะ... ซื้อที่ห้อยโทรศัพท์ให้ชวิศาด้วยดีกว่า สุดฟ้าเดินไปหัวเราะอย่างชอบใจ พลันความคิดก็สะดุดกึก นึกขึ้นได้... เขาลืมกล้องถ่ายรูป ได้อย่างไรเนี่ย ถึงสมัยนี้คนส่วนใหญ่จะนิยมใช้กล้องของโทรศัพท์มือถือแทนกล้องถ่ายภาพแล้วก็ตาม แต่งานสำคัญแบบนี้ จะให้เขาไปโดยขาดกล้องโปรฯ เป็นไปไม่ได้หรอก

ว่าแล้วสุดฟ้าก็หันหลังจ้ำอ้าวกลับบ้านโดยด่วน

ชายหนุ่มเปิดประตูบ้านเข้าไปอย่างรีบร้อน แต่ทว่าภาพตรงหน้าทำให้เขาลืมสิ้นทุกสิ่ง ลืมว่าเขารีบกลับบ้านมาเพื่ออะไร ลืมแม้กระทั่งว่าวันนี้เขาต้องไปไหน และที่สำคัญลืมแม้กระทั่งว่าจะขยับร่างกายอย่างไร ในหัวได้ยินแต่เสียงวิ้งๆ ภาพที่เห็นดูห่างไกลจนเหมือนอยู่กันคนละที่ กระทั่งได้ยินเสียงสั่นเครือเอ่ยเรียกเขา

“ด... ด็อกเตอร์”

สุดฟ้ารู้สึกราวกับเพิ่งหลุดมาจากอีกโลกหนึ่ง เขาหน้ามืดตามัวและท่วมท้นไปด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลตอนที่ใช้เท้าข้างขวาถีบสุวราลักษณ์คนหนึ่ง พลางกระชากคอเสื้อฝาแฝดอีกคนออกจากการทาบทับอยู่บนร่างของชวิศา สภาพเสื้อยืดที่ถูกเลิกขึ้นจนเห็นแผ่นอกขาวเนียน กางเกงขาสั้นทั้งชั้นในถูกร่นไปกองอยู่ที่ปลายเท้าและน้ำหูน้ำตาท่วมหน้าของร่างบางทำให้สุดฟ้าประเคนหมัดไม่ยั้งใส่พี่น้องคู่นั้น ไม่แน่ว่าความเป็นเพื่อนตลอดยี่สิบหกปีอาจจะสะบั้นลงก็วันนี้

“ไอ้พวกบ้า ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามยุ่งกับชวิศา” สุดฟ้าเสยปลายคางสุวราลักษณ์คนน้องไปหนึ่งหมัด ก่อนจะก้มหลบหมัดขวาตรงของคนพี่ แล้วกระทุ้งลิ้นปี่ให้อีกฝ่ายจุกจนเซถอยไป แม้จะฝีมือพอๆ กัน และอยู่ในภาวะสองรุมหนึ่ง แต่ชายหนุ่มเจ้าของบ้านดูจะได้เปรียบอยู่หลายขุม นั่นคงเพราะความบ้าเลือดกับภาพตำตานั่นแหละ

ประลองฝีมือกันอยู่พักใหญ่ สองพี่น้องจึงยอมล่าถอยไปก่อน

“อย่ากลับมาเหยียบที่นี่อีกนะ ไม่งั้นฉันจะเอาให้พวกแกถึงตาย” สุดฟ้าตะโกนไล่หลัง หน้าตาแตกยับไม่ต่างกับคู่ต่อสู้ ทรุดนั่งลงกับพื้นด้วยความเหนื่อยอ้อน แว่นสายตากระเด็นตกไปตอนไหนไม่รู้ ผมที่เซตไว้ซะเรียบเมื่อตอนเช้าก็ยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง

เห็นภาพชายหนุ่มเป็นเช่นนั้น ชวิศาซึ่งแอบอยู่ไม่ห่างก็รีบเข้ามาหา

“ด็อกเตอร์ เป็นอย่างไรบ้างครับ” มือบางแตะไปรอยแผลที่มีเลือดไหล

“ชวิศา นายถูกเจ้าพวกนั้นทำอะไรหรือเปล่า” ฝั่งสุดฟ้าเองก็เหมือนเพิ่งรู้สึกตัว ว่าการที่ตนเองพะบู้อยู่นานสองนานมาจากสาเหตุอะไร สุดฟ้าจับไหล่ของชวิศาไว้กวาดสายตาตรวจสอบจนทั่ว แม้ภายนอกจะดูเหมือนว่าไม่บุบสลายก็ตาม แต่ภาพที่สุดฟ้าเห็น ชวิศาโดนลูบคลำทั่วทั้งตัว เรื่องแบบนี้เขายอมไม่ได้เด็ดขาด คิดแล้วยิ่งแค้น!!!!!

“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ โชคดีที่ด็อกเตอร์กลับมาช่วยไว้ได้ทัน” สีหน้าของชวิศาดูโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด และแล้วหยดน้ำตาก็ร่วงหล่นลงมา

“ชวิศา” สุดฟ้าอุทานด้วยความตกใจ ยังไม่ทันสิ้นเสียง น้ำตาของชวิศาไหลออกมาเป็นสายราวกับว่าไม่สามารถหยุดยั้ง สุดฟ้าได้แต่นิ่งเงียบอย่างทำอะไรไม่ถูกก่อนมือใหญ่จะถูกยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้าเนียนใสซึ่งกำลังแดงก่ำ เขารั้งปลายคางให้ชวิศาเงยหน้าขึ้นและประกบจูบลงไป เสียงสะอื้นหายไปในบัดดล

ปลายลิ้นของสุดฟ้าแตะปลายลิ้นของร่างในอ้อมกอดอย่างแช่มช้า ค่อยๆ ไล้ละเลียดและดูดกลืน แล้วไล้เลียไปถึงร่องรอยน้ำตา เสียงริมฝีปากที่ดูดดึงผิวอ้อนบางใสกำเนิดเป็นเสียงเบาๆ เขาดึงเสื้อยืดที่ชวิศาใส่ขึ้น แทะเล็มไปเรื่อยจนถึงติ่งเนื้อบนแผ่นอก หยอกเย้าขบเบาๆ ด้วยฟัน นิ้วมือแหวกเนินสะโพกคลึงวนรอบปากทางเข้าด้วยความไม่เร่งร้อน

“อะ อือ” ชวิศาครางเครือไม่เป็นภาษาตอบสนองการกระตุ้นเร้าปรนเปรอที่ชายหนุ่มเพียรทำให้ ไม่นานนักชวิศาก็ปลดปล่อยออกมา สุดฟ้าจึงใช้น้ำรักขาวขุ่นนั้นเป็นตัวหล่อลื่นสำหรับช่องทางด้านหลัง แล้วจดจ่อความต้องการของตนเข้าไป ช่องทางคับแน่นราวกับจะปฏิเสธ หากแต่เพราะจังหวะลมหายใจของร่างที่ถูกรุกรานที่ผ่อนลงไม่กระชั้นถี่ ร่างสูงจึงเหยียดเอวเดินหน้าโดยไม่บังคับฝืนและรุกเร่งจนเกินไปนัก

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเซ็กส์ที่เกิดจากความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่ายนั้น ให้ความสุขสมและอิ่มเอมใจมากว่าความปรารถนาที่ดันทุรังเอาแต่ได้ เพราะนอกจากความสุขในรสเพศ สุดฟ้ายังรู้สึกว่ามันมีความหอมหวานที่น่ามึนเมาอยู่ในเวลานั้น ทั้งยังตกค้างล่องลอยแม้ในยามที่พวกเขาไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน

สุดฟ้าขยับสะโพกตอบสนองความต้องการในกันและกัน ร่างบอบบางที่แผ่นหลังแนบกระแทกกับพื้นทำให้ร่างสูงนึกกังวลจึงรั้งชวิศาให้ลุกขึ้นนั่งทับตนไว้ ยกสะโพกบางขึ้นแล้วกดลงเป็นจังหวะ ขณะเดียวกันก็กดจูบขบผิวเนื้อให้ขึ้นรอยระเรื่อจางๆ กระแทกกายสวนขึ้นให้ร่างเพรียวบางผวาเยือก ตอดรัดมากกว่าเก่า

“อย่าทำอย่างนี้สิครับ” ชวิศาตัดพ้อ

“ไม่ชอบหรือ” สุดฟ้าเอ่ยกระซิบด้วยรอยยิ้มทะเล้น ชวิศาไม่ได้กล่าวตอบได้แต่ซุกใบหน้าอยู่ที่ซอกคอของสุดฟ้า พร้อมจังหวะรักที่เร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ช่องทางซึ่งดูดกลืนเขาไว้ภายในยิ่งตอดรัดกระตุกถี่ ไม่นานนักสุดฟ้าก็ปลดปล่อยความปรารถนาอันท่วมท้นออกมา

ชวิศาปล่อยร่างอันล้าแรงไว้ในอ้อมกอดของสุดฟ้า ร่างบางถูกตระกองกอดไว้พักใหญ่จนหายเหนื่อยหอบ สุดฟ้าจึงยกตัวชวิศาออก เสื้อผ้าของเขายังครบถ้วนดี ยกเว้นเข็มขัดกับตะขอกางเกง ด้านชวิศาถูกถอดไปเฉพาะอาภรณ์ส่วนล่างเท่านั้น

“ย้ายไปทำกันต่อในห้องดีไหม” สุดฟ้าถามอีกฝ่ายอย่างอารมณ์ดี เรื่องขุ่นเคืองที่สองพี่น้องทำไว้พักเก็บไว้ก่อน ความแค้นสิบปีค่อยชำระยังไม่สาย

“ก็... แล้วแต่สิครับ” ชวิศาก้มหน้างุดยามตอบคำถามนั้น ก่อนที่สุดฟ้าจะยกตัวชวิศาให้ลอยสูงขึ้นพร้อมทั้งเกี่ยวกางเกงของชวิศาที่ตนเป็นคนถอดติดมือมาด้วย

พอถึงห้องนอนแทนที่จะตรงไปที่เตียง สุดฟ้าเดินตรงไปยังห้องน้ำ คนที่ถูกอุ้มจึงร้องเอ๋ด้วยความแปลกใจ

“อาบน้ำก่อนดีกว่า”

ชวิศาจึงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย

ชายหนุ่มร่างสูงก็ยังคงเปิดน้ำอุ่นลงอ่าง คนที่ยืนอยู่ในห้องน้ำด้วยกันจึงเอียงคอมองด้วยความสงสัย ซ้ำน้ำฝักบัวที่เปิดรดตัวก็ยังอุ่นๆ

“ร้อนไปหรือ”

“ก็... ไม่หรอกครับ แต่ว่าวันนี้ร้อนจะตาย” ชวิศาพูด

“นายน่ะ ตัวรุมๆ อาบน้ำเย็นเดี๋ยวก็ไม่สบายไปอีก”

“ด็อกเตอร์ใจดีจังครับ” ชวิศายิ้มกว้าง สุดฟ้าได้แต่ยิ้มตอบ

“เอ้า เกาะบ่า”

“แบบนี้อีกล่ะ ผมทำเองได้ไหม”

“คงจะไม่ได้หรอก เพราะฉันอยากทำ”

“แต่ผมไม่อยากให้ทำเลย”

“เถอะน่า” สุดฟ้าคะยั้นคะยอ ชวิศาทำท่าอิดออดไม่นานนักก็ยอมเกาะบ่าของร่างสูงไว้แน่น คราวนี้สุดฟ้าใช้เวลาไม่นานนักรวมถึงไม่ทำอะไรที่เป็นการกระตุ้นอีกฝ่ายด้วยซ้ำ สุดฟ้าเห็นชวิศาถอนหายใจจึงเอ่ยเย้า

“ถอนหายใจเพราะโล่งอกหรือไง”

“ครับ อะ... ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ” ชวิศารีบปฏิเสธ

“ช่างเถอะ ช่างเถอะ ลงน้ำได้แล้ว” ว่าแล้วก็ยกตัวอีกฝ่ายพาลงอ่างไปด้วยกันไม่ได้อารมณ์เสียหรือขุ่นเคืองเพราะคำพูดของชวิศาแต่อย่างใด

น้ำกำลังอุ่นสบายไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าร้อนจนเกินไปนัก สุดฟ้าตั้งใจบีบนวดชวิศาอย่างดีไม่ได้ทำอะไรรุ่มร่ามเกินไปกว่านั้น ผ่านไปครู่ใหญ่จึงพาร่างเล็กบางกว่าขึ้นจากน้ำ

“ง่วงไหม” สุดฟ้าเอ่ยถามหลังจากจัดการแต่งตัวให้ทั้งชวิศาและตัวเองเสร็จ

ร่างบางสั่นศีรษะ “ด็อกเตอร์จะไปงานมีทติ้งคิกขุแมนหรือครับ ไปเถอะผมอยู่คนเดียวได้ พวกพี่น้องฝาแฝดคู่นั้นคงไม่กลับมาแล้วล่ะ และคราวนี้ผมจะไม่เปิดประตูให้ใครแล้วด้วย” ชวิศายิ้ม

“ไม่ใช่หรอก ว่าจะทำงานซะหน่อย” สุดฟ้าพูดรู้สึกเป็นห่วงชวิศาอย่างไรก็ไม่รู้ อย่างน้อยๆ ถ้าชวิศาต้องอยู่คนเดียวตอนที่เขาต้องทำงาน ชวิศาอาจจะเหงาก็เป็นได้

“อือ งั้นก็ไปทำเถอะครับ ผมอยู่คนเดียวได้” ชวิศาบอกอย่างหนักแน่นจริงจัง สุดฟ้าจึงพาชวิศาออกมาด้านนอก และมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องทำงาน

“ฉันจะทำงานในห้องนี้”

“โฮ้ ผมนึกว่าเป็นผนังธรรมดาซะอีก แถมไม่มีลูกบิดประตูด้วย”

“อ้อเรื่องนั้น...” สุดฟ้าป้อนรหัสเพื่อให้ประตูเปิดออก ชวิศาถึงกับร้องว้าวด้วยความตื่นตาพร้อมกับพึมพำว่าเหมือนกับในหนังเลย ทั้งสายตายังพยายามกวาดมองไปทั่วห้องข้างในจากช่องประตูที่กำลังเปิดอยู่ สำหรับสุดฟ้า เขาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเสียหาย รวมทั้งการที่ปล่อยให้ชวิศาเห็นอะไรแบบนี้บ้างคงจะทำให้อีกฝ่ายเผยไต๋ได้เร็วขึ้นเพราะถ้าปล่อยให้ชวิศาได้อยู่ที่นี่นานขึ้น อาจจะทำให้เขาต้องลำบากใจทีหลังก็เป็นได้

“ถ้าชวิศามีอะไรก็กดปุ่มนี้เพื่อเรียกฉันได้ และถ้าจะออกไปข้างนอกให้มาบอกฉันก่อน”

“ครับ” ชวิศาพยักหน้ารับแข็งขัน

จากนั้นสุดฟ้าจึงเรียกสเตบาสเตียนให้มาหา อธิบายกับชวิศาต่อไปว่างานที่จะทำคือ ซ่อมแซมสเตบาสเตียนซึ่งคงต้องใช้เวลาหลายวัน ระหว่างนั้นคงต้องให้ชวิศาเป็นคนทำอาหาร

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมถนัดอยู่แล้ว”



หลังจากที่สุดฟ้าชัตดาวน์ระบบการทำงานของสเตบาสเตียนยังไม่ถึงสิบนาที โทรศัพท์ของชวิศาก็มีสายเรียกเข้า ชายหนุ่มเห็นจากสัญญาณเตือนบนโทรศัพท์ของตนเอง เขาจึงวางมือจากงานที่ทำอยู่มาดักฟังคำสนทนา เสียงปลายสายยังเป็นคนเดิม

“ไหนนายบอกว่าจะมาอย่างไรล่ะ วันนี้น่ะ”

“วันนี้วันเสาร์นะครับ ผมจะใช้ข้ออ้างอะไรออกไปล่ะ พี่ก็ทนๆ เอาหน่อยไม่ได้หรือ อีกไม่กี่วันเอง”

“มันก็ใช่ ว่าแต่นายต้องทำอะไรหรือเปล่าล่ะ วันนี้หมอนั่นก็อยู่บ้านอีกหรือไง”

“ไม่ครับ เขาทำงาน”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีสิ นายออกมาเถอะ”

“แล้วจะบอกคุณสุดฟ้าว่าอย่างไรดีล่ะครับ เขาบอกว่าถ้าจะออกไปข้างนอกต้องบอกเขาก่อนน่ะ”

“ยุ่งยากจริง” อีกฝ่ายบ่น “เอาอย่างนี้ นายบอกว่ามีธุระกับเพื่อนละกัน ถ้าเขาถามว่าธุระอะไร นายก็บอกว่าเรื่องงานที่บริษัท รีบๆ มาทำอะไรให้ฉันกินได้แล้ว”

“ครับ ครับ ผมจะบอกคุณสุดฟ้าไปตามนั้น”

และไม่ถึงอึดใจเสียงอินเตอร์โฟนก็ดังขึ้น “ด็อกเตอร์ครับ ผมออกไปข้างนอกนะครับ”

สุดฟ้าเปิดประตูออกไปหา เขายื่นกุญแจบ้านให้ชวิศา “นายยังไม่มีกุญแจบ้านใช่ไหม เผื่อว่าฉันจะทำงานเพลิน แล้วอย่ากลับดึกนักล่ะ ถ้ากลับมาแล้วก็ทำมื้อเย็นให้หน่อยแต่นายไม่ต้องรอนะ หิวก็กินไปก่อนได้เลย”

“ครับผม” ชวิศายิ้มรับด้วยใบหน้าสดใสอารมณ์ดี

“งั้นไปนะครับ”

สุดฟ้าจึงกลับเข้าห้องมาทำงานต่อ

หน้าจอมอนิเตอร์ยังคงเป็นภาพของชวิศาที่ถูกส่งมาจากจักจั่นซึ่งบินติดตามร่างเพรียวบางอยู่เช่นเดิม ในขณะที่มือของสุดฟ้ายังทำงานง่วน อาจจะเป็นความคิดที่ขัดแย้งกันอยู่บ้าง แต่การปรับปรุงสเตบาสเตียนครั้งนี้เขาตั้งใจจะโปรแกรมให้สเตบาสเตียนคอยดูแลชวิศาไม่ให้เกิดเรื่องอย่างวันนี้ขึ้นมาอีก ชวิศาเป็นมนุษย์ธรรมดาที่พอโดนผู้ชายตัวโตกว่าสองคนกดลงกับพื้นก็คงไม่มีทางสู้อะไรได้อยู่แล้ว แม้ว่าจะขัดกับภาพลักษณ์สปายอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามสุดฟ้าคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่เรื่องโกหก ไม่ใช่การแสดงละครของชวิศาอย่างแน่นอน เพราะว่าถ้านี่เป็นเรื่องหลอกลวง ฝาแฝดคงต้องมีส่วนรู้เห็นด้วย

สุดฟ้าชะงักมือ ....หรือจะเป็นแผนของสองพี่น้องนั้นจริงๆ

คนที่แนะนำให้เขาสร้างหุ่นยนต์รูปร่างหน้าตาแบบชวิศาขึ้นมาก็สองคนนั่น ไอ้ท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยอย่างออกหน้าออกตานั่นอีกล่ะ สุดฟ้าไม่อยากจะคิดต่อไปเลย...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2017 09:28:33 โดย ตีสี่ »

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
ยังไม่ทันที่สุดฟ้าจะตัดสินใจถามสองพี่น้องเรื่องที่ตนสงสัย ฝาแฝดสุวราลักษณ์ก็มาปรากฏตัวที่หน้าบ้านเสียก่อนในวันรุ่งขึ้น ชวิศาวิ่งหน้าตาตื่นมาหาเขาและบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน ตอนที่สุดฟ้าไปถึงหน้าประตูบ้าน สองคนนั้นยังคงอยู่ข้างนอกและประตูบ้านยังคงล็อกอยู่ ชวิศาเกาะเสื้อที่เขาสวมใส่ไว้แน่นพลางแอบอยู่ด้านหลัง

ช่างเป็นจังหวะที่ดีเสียจริงๆ แต่ว่าเขาจะทำอย่างไรล่ะถึงจะทำให้สองพี่น้องสารภาพได้ และถ้าเกิดสองคนนั้นบอกว่าไม่รู้เรื่อง เขาจะเชื่อคำพูดของทั้งสองได้แค่ไหนกัน

“ชวิศาเข้าไปในห้องก่อนดีกว่านะ ถ้าฉันไล่สองคนนั้นกลับไปได้แล้วฉันจะไปเรียกนาย”

ชวิศารับคำและเดินเข้าห้องนอนไปอย่างว่าง่าย

สุดฟ้าเปิดประตู สองพี่น้องใบหน้าบวมช้ำไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่นัก

“มีอะไร” สุดฟ้าถามเสียงห้วน

“เรื่องเมื่อวาน...พวกฉันขอโทษ” ประโยคสุดท้ายสองพี่น้องพูดแทบพร้อมกัน ก้มศีรษะลงต่ำ ยกมือขึ้นประกบเหนือศีรษะ

“คิดว่าฉันควรจะยกโทษให้ง่ายๆ หรือไง”

“พวกฉันก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นแบบนั้น แค่อยากจะบอกแกไว้ก่อน... อย่าเอาระเบิดมาลงบ้านพวกฉันนะเว้ย เรื่องนี้พวกเราอธิบายได้ อีกอย่างแกก็โกหก นั่นน่ะ คนจริงๆ ไม่ใช่หุ่นยนต์ซะหน่อย”

“หืม” สุดฟ้าขมวดคิ้ว เหลือบสายตากลับไปมองยังทิศที่ตั้งของห้องนอน ไม่ว่าอย่างไร ชวิศาไม่ควรที่จะรู้ความจริงในตอนนี้

“ตามมา” ชายหนุ่มเจ้าของบ้านพูด เดินนำไปยังห้องด้านในสุด สองพี่น้องซึ่งเดินตามมาด้านหลังถึงกับรู้สึกหวาดๆ ห้องที่ว่าคือห้องทำงานของสุดฟ้า ซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม ผนังแข็งแรงสามารถกันไฟไหม้ได้สบายๆ ทั้งยังเก็บเสียงและกันเสียงจากภายนอก มีประตูทางออกทางเดียว ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีทางออกฉุกเฉิน หรืออาจจะมีแต่พวกเขาไม่รู้ พูดง่ายๆ คือ ถ้าเกิดอะไรขึ้นข้างในจะไม่มีใครรับรู้เลยสักคน

ฝาแฝดพร้อมใจกันกลืนน้ำลายลงคอดังเอือก ...พวกเขาไม่น่าวู่วามทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นลงไปเลย!!!!!!!!!!

เสียงประตูที่ปิดโดยอัตโนมัติทำให้ทั้งสองคนสะดุ้งเฮือก สุดฟ้าหยิบไขควงไฟฟ้าขึ้นมา กดสวิตช์ มันหมุนทำงานเสียงดังวืดๆ

“ทำไมพวกแกถึงคิดว่าชวิศาไม่ใช่หุ่นยนต์ล่ะ” สุดฟ้าถามขณะใช้ปลายไขควงไฟฟ้าหมุนน๊อตประกอบลงไปในโครงของเครื่องจักรตรงหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้มันคือหุ่นยนต์พ่อบ้านที่ชื่อสเตบาสเตียนนั่นเอง แต่สองพี่น้องที่อยู่ในห้องด้วยนั้นคงจะไม่รู้และไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ

“ก็ถ้าเป็นหุ่นยนต์คงไม่โดนพวกฉันสองคนกดง่ายๆ หรอก พวกฉันควรโดนเหวี่ยงกระเด็นมากกว่าโดนแกชก”

“ทั้งที่รู้อย่างนั้นพวกแกก็ยังอยากลอง”

“อ่านะ เผื่อฟลุ๊กไง”

“แล้วก็ฟลุ๊กจริงๆ” พอคนน้องพูดจบ คนพี่ก็ต่อทันที

“เสียใจด้วยนะที่ชวิศาที่ฉันสร้างขึ้นอ้อนแอบอบบางเหมือนคนจริงๆ”

“ร้องไห้ได้ด้วย?” ธัชนนท์ถาม

“แน่นอน” สุดฟ้าไม่ได้พูดโกหก หุ่นยนต์ชวิศาร้องไห้ได้จริงๆ แต่ค่อนข้างจะยากเสียหน่อย เพราะหุ่นยนต์ไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกได้เช่นมนุษย์ ดังนั้นคงไม่มีทางที่จะเศร้าเสียใจได้ง่ายๆ

“ฉันทำให้ชวิศาเหมือนมนุษย์จนแยกแยะไม่ออกเชียวล่ะ ลมหายใจ นอนหลับ ความอุ่นร้อนของผิว ผิวแดงเรื่อในตอนที่อุณหภูมิร่างกายควรสูงขึ้น เหงื่อ แล้วอะไรอีกล่ะ อ้อ... ตอนน้ำแตกด้วย” สุดฟ้าหัวเราะในลำคอ ถึงแม้ยังไม่ได้ทดสอบก็เถอะ แต่สุดฟ้ามั่นใจในความอัจฉริยะของตนเองเต็มเปี่ยม

“เรื่องนี้แหละ ที่พวกฉันยิ่งอยากทดสอบ แกลองคิดดูสิถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ พวกเราจะสร้างกำไรได้มหาศาลแค่ไหน ฉันสองคนคิดแผนการตลาดครั้งนี้ไว้เสร็จสรรพแล้ว มีแต่ได้กับได้ นายก็สร้างหุ่นยนต์ไว้สักสามสิบตัว ส่วนฉันสองคนจะทำเว็บไซต์บริการคู่เดตไว้ให้บริการลูกค้า ถ้าลูกค้าถูกใจคนไหนพวกเราก็จะพาไปส่งให้ถึงที่ ทีนี้เรื่องเงินเราก็จะเรียกเก็บได้อย่างไม่อั้น สำหรับส่วนแบ่งพวกฉันให้แกหกสิบเปอร์เซ็นต์เลย”

“คู่เดต?”

“ถึงจะพูดว่าคู่เดตแต่ก็ต้องมีเรื่องอย่างว่าอยู่แล้วล่ะ” แฝดผู้น้องของสุวราลักษณ์เอ่ยเสริม “เพราะฉะนั้นยิ่งเหมือนมนุษย์ยิ่งดี”

“อืมนั่นสิ เป็นความคิดที่ดีนะ” สุดฟ้าอือออราวกับจะสนับสนุน “ว่าแต่พวกแกมีเงินสักสามร้อยล้านหรือเปล่าล่ะ”

“สามร้อยล้าน!!!!!” ฝาแฝดตะโกนพร้อมกัน และธัชนันท์ก็ถามต่อไปว่า “แกจะเอาเงินขนาดนั้นไปทำอะไรวะ”

“ก็เอาไปสร้างหุ่นยนต์สามสิบตัวอย่างที่พวกแกต้องการไง ตัวละสิบล้านสามสิบตัวก็สามร้อยล้าน”

“สิบล้านเหรอ ต้นทุนในการทำนี่ไม่สูงไปหน่อยหรือวะ” ธัชนนท์ถาม

“แกคิดว่าค่าผิวหนังเทียมมันเท่าไหร่กัน แล้วเซนเซอร์ตั้งเท่าไหร่ ระบบความร้อน ระบบกันความชื้น แค่ระบบพลังงานอย่างเดียวก็ปาเข้าไปร่วมสี่ล้านแล้ว พวกแกรู้หรือเปล่าชวิศานะไม่ต้องลากปลั๊กไฟมาต่อกับไฟบ้านทุกๆ วันหรอกนะเว้ย แบตเตอรี่ที่ชวิศาใช้อยู่สามารถใช้งานได้เป็นสิบปี สิบล้านนี่ฉันยังว่าน้อยไปเลย”

“มิน่า แกถึงได้หวงนักหวงหนา”

“เออเด่ะ หัดรู้ซะบ้างกว่าที่ฉันจะทำอะไรออกมาได้มันต้องใช้เงินใช้พลังงานไปเท่าไหร่ ใครจะยอมให้พวกแกชุบมือเปิบไปได้วะ”

“เออ เออ เป็นอันว่าพวกฉันรับรู้ แล้วแกก็ต้องไม่โกรธเรื่องเมื่อวานแล้วนะเว้ย คราวนี้พวกฉันรับรองว่าจะไม่ยุ่งกับชวิศาของแกอีกแล้วจริงๆ” ธัชนนท์ให้คำสัญญารับรองอย่างหนักแน่น สุดฟ้าเหล่ตามอง ไม่อยากจะเชื่อใจเจ้าพวกนี้เลย

“แต่ฉันว่า... ชวิศาที่อยู่กับแกนี่ยังไงก็เป็นคนจริงๆ แน่ๆ” จู่ๆ ธัชนันท์ก็พูดขึ้นมา เขาพูดกอดอกเอามือเกาคางทำท่าคิด

“ฉันว่า แกบอกมาตรงๆ เลยดีกว่า แกนะไม่ได้สร้างหุ่นยนต์ได้จริงๆ หรอกใช่ไหม สุดฟ้า”

“ฉันสร้างหุ่นยนต์รูปร่างหน้าตาแบบชวิศาขึ้นมาจริงๆ” สุดฟ้าย้ำให้ทั้งสองคนฟังซ้ำอีกครั้ง “อะไรอีกล่ะที่ทำให้แกคิดอย่างนั้น”

ธัชนันท์ยิ้มให้สุดฟ้าอย่างมีเลศนัย “แกสร้างหุ่นยนต์ให้มีไฝที่ต้นขาด้านในข้างซ้ายด้วยหรือไง”




+++++โปรดติดตามตอนต่อไป+++++

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2017 09:29:50 โดย ตีสี่ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Bronc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
สนุกมากๆ ชวิศาน่ารัก ว่าแต่เข้ามาล้วงความลับอะไรของสุดฟ้า สุดหื่นกันนะ

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
ตอนที่สี่


ช่วงสามสี่วันที่ผ่านมานี้สุดฟ้าไม่มีสมาธิในการอัปเกรดสเตบาสเตียนเลย ไฝที่ต้นขาด้านในข้างซ้ายของชวิศาเป็นจริงหรือเปล่า เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้พิสูจน์ สองพี่น้องสุวราลักษณ์มาป่วนที่บ้านนี้ได้ทุกวัน แทบจะมากินอยู่หลับนอนที่นี่ จริงอยู่ว่าสองคนนั้นไม่ได้ทำตัวรุ่มร่ามกับชวิศาแล้ว แต่ไม่สามารถวางใจให้อยู่กับชวิศาได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าทั้งสองคนจะปูดเรื่องอะไรกับชวิศาบ้าง นับว่ายังโชคดีอยู่บ้างที่เขายังไม่ได้พูดเรื่องที่อยากให้ชวิศาลาออกจากงานหลอกๆ นั่นไป ตอนกลางวันที่เจ้าสองคนนั้นมานั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านจึงไม่ได้เจอชวิศาแต่กระนั้นเจ้าแฝดนรกก็ยังรบกวนชีวิตของเขาจนดึกดื่นๆ ทั้งยังมีเรื่องของชวิศามาเล่าได้ไม่ขาดปาก สองวันก่อนเล่าเรื่องที่มหาวิทยาลัยให้ฟัง แน่นอนว่าพวกเขาอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน เสียแต่ว่าตัวเขาเองไม่เคยใส่ใจช่วงชีวิตในมหาวิทยาลัยเลย จำได้ว่าตอนนั้นไปเรียนเพราะอยากได้ใบปริญญาเท่านั้น

ส่วนวันก่อน พี่น้องสุวราลักษณ์เอาเสียงลือเสียงเล่าอ้างเรื่องของชวิศาหลังจากเรียนจบแล้วมาให้ฟัง ที่บอกว่าเป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้างเพราะสองคนนั้นฟังมาจากคนอื่นเหมือนกัน และคนอื่นที่ว่าอาจจะฟังมาจากคนอื่นอีกทีเช่นเดียวกัน

“รู้หรือเปล่า ว่าชวิศากลับมาไทยแล้วนะ” ธัชนนท์บอกเขา

“ไม่รู้หรอก”

“แย่จริงถ้าฉันรู้ก่อนว่าชวิศามีโอกาสที่กลับมาฉันคงไม่แนะนำให้นายสร้างหุ่นยนต์หน้าตาเหมือนชวิศาหรอก”

สุดฟ้าอยากจะตบศีรษะเจ้าเพื่อนสนิทคนนี้จริงๆ พูดซะเสียงดังเชียว โชคดีว่าชวิศากลับเข้าไปในห้องนอนแล้ว ไม่อย่างนั้นเรื่องที่เขาปิดไว้ต้องแดงออกมาแน่ๆ

“แล้วไง” สุดฟ้าถามอย่างไม่สนใจสักเท่าไหร่ นิ้วมือกดปุ่มบนจอยเกมยิก คนที่ถือจอยอีกอันเป็นธัชนันท์

“ไม่อยากรู้หรือไงว่าซี ชวิศากลับมาที่ประเทศไทยทำไม”

“ไม่ล่ะ” สุดฟ้าตอบอย่างเย็นชา เขาจะอยากรู้ทำไมในเมื่อเจ้าตัวอยู่ที่บ้านของเขาตอนนี้ ถ้าอยากรู้อะไรสู้ไปถามจากปากเลยไม่ดีกว่าหรือ

“รู้ไว้หน่อยไม่ดีกว่าเหรอ เผื่อปะเหมาะเคราะห์ร้ายแกจะได้ไม่ต้องพาหุ่นยนต์ชวิศาของแกไปเจอเขาไง แล้วที่ชวิศาออกจากบ้านไปทุกวันอย่างนี้อาจจะไปบังเอิญไปเจอตัวจริงมาแล้วก็ได้”

“คนหน้าตาเหมือนกันมีเป็นพะเรอเกวียน เจอกันแล้วยังไงล่ะ” ไม่รู้ว่าตอนเจอกันเป็นอย่างไรแต่ตอนนี้หุ่นยนต์ของเขาหลับสนิทอยู่ที่บ้านของเจ้าคนที่ชื่อโยโดยไม่รู้ว่าพาวเวอร์ออฟได้อย่างไร ส่วนชวิศาตัวเป็นๆ ก็หลับอยู่ในห้อง

“ไม่แน่ว่าซี ชวิศาอาจจะโป๊ะยาสลบหุ่นยนต์ชวิศาของแกก็เป็นไปได้นะ” ธัชนนท์พูดด้วยน้ำเสียงระรื่นอย่างทะเล้น ประโยคต่อมาของสุดฟ้าเป็นสิ่งที่พวกเขารู้กันดีว่า

“ยาสลบใช้ไม่ได้ผลกับชวิศาหรอก”

แต่มันเป็นเรื่องที่น่าคิด ตอนที่เจอกันกับหุ่นยนต์ชวิศา ซี ชวิศาตัวจริงอาจจะเอายาสลบโป๊ะหุ่นยนต์ของเขาจริงๆ ก็เป็นได้ แต่ฤทธิ์คงจะแรงน่าดูเพราะป่านนี้หุ่นยนต์ชวิศายังไม่ฟื้นเลย

“แกเคยทดลองหรือ ซี ชวิศาออกจะอ่อนแอบอบบางขนาดนั้น” คราวนี้ ธัชนันท์พูดขึ้นบ้างพร้อมกับตัวละครในเกมถูกฝั่งสุดฟ้าอัดซ้ำๆ จนแต้มหมด ฝาแฝดผู้น้องวางของที่อยู่ในมือหันไปสบตากับพี่ชายก่อนจะลุกขึ้นยืน

“กลับก่อนนะ ฝันดีล่ะ” สองพี่น้องบอกพร้อมกัน สุดฟ้ามองตาม จะเรียกว่าชินก็เป็นได้ สองพี่น้องคู่นี้นึกอยากจะมาก็มา นึกอยากจะไปก็ไป เดินเข้าเดินออกบ้านของเขาราวกับเป็นบ้านของตัวเอง พอสุดฟ้ารู้สึกตัวอีกทีมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำเสียแล้ว

ร่างสูงลุกขึ้น ปิดโทรทัศน์ เดินไปทางห้องด้านหลัง กดรหัสปลดล็อกห้องทำงาน แสงไฟข้างในสว่างพร้อมๆ กับประตูที่เปิดออก ร่างของสเตบาสเตียนที่เกือบจะเสร็จสมบูรณ์ยังนอนนิ่งอยู่บนโต๊ะตัวยาว



สุดฟ้าออกไปกินข้าวเช้าพร้อมชวิศาและกลับเข้าไปอัปเกรดสเตบาสเตียนต่อตอนที่ชวิศากำลังเดินทางออกจากบ้านเช่นเดียวกัน แมลงจักจั่นติดตามยังคงบินตามชวิศาและส่งภาพกลับมายังมอนิเตอร์ในห้องแห่งความลับของสุดฟ้าเช่นเดิม

.....แต่วันนี้มีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม

ชวิศาเพิ่งออกจากบ้านไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่นักตอนที่รถยนต์สี่ประตูสีดำมาจอดเทียบข้าง ทีแรกสุดฟ้าได้แต่เหลือบตามองอย่างไม่ค่อยสนใจ แต่พอเห็นชายในชุดสูทสีดำออกมาจากรถพร้อมกับภาพในหน้าจอที่บ่งบอกว่าชวิศากำลังโดนจับลากขึ้นไปบนรถ จากความตกตะลึงในคราแรกกลับกลายเป็นความโมโหโกรธาขึ้นมาทันที เพราะเจ้าคนที่โผล่หัวออกมาจากรถเหมือนมองหาอะไรสักอย่างช่างคุ้นตา

ไม่ใช่แค่เจ้าพวกนั้นจะกระตุกหนวดเสือมายุ่งกับของรักของหวงของเขา ยังริอาจลองดีเป็นครั้งที่สอง อย่างนี้มันต้องโดน!!!!!!!

สุดฟ้าฮึ่มฮัมยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น ชายหนุ่มเดินย่ำเท้าตึงๆ ออกไปเปิดประตู

ฝาแฝดสองพี่น้องยืนยิ้มเผล่อยู่หน้าบ้าน

“ตกลงว่า ชวิศาของแกโดนโป๊ะยาสลบแล้วหลับจริงๆ ด้วยล่ะ” สุวราลักษณ์คนพี่ชิงพูดขึ้นมาก่อน

“เออ รู้แล้ว” เจ้าของบ้านกรรโชกกลับด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ชวิศาเป็นคนจริงๆ แล้วจะทำไมวะ ถึงจะไม่ใช่หุ่นยนต์พวกแกก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง ส่งตัวชวิศาคืนมา”

“อูย....ไม่มีใครอยากจะยุ่งกับของพี่หรอกครับ” ธัชนันท์ว่า “พวกกระผมแค่สงสัย เลยต้องพิสูจน์เท่านั้นเอง ปราบส่งคนคืนเขาไป”

ชายในชุดสูทสีดำอุ้มพาชวิศาซึ่งหลับสนิทมาส่งถึงมือสุดฟ้า หลังจากรับร่างเพรียวบางมาไว้ในอ้อมแขนแล้วชายหนุ่มเจ้าของบ้านก็ออกปากไล่ผู้มาเยือนทันที

“กลับไปได้แล้ว และถ้าจะให้ดีก็ไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก”

“เฮ้ย อย่าเพิ่งตัดรอนอย่างนั้นสิ วันนี้พวกเรามาเจรจาอย่างสันตินะเว้ย” ธัชนนท์พูด “เรื่องชวิศาพวกเรารับรองว่าไม่ยุ่งอีกอย่างแน่นอน ฉันสองคนแค่อยากรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นไงมาไงเท่านั้น”

สุดฟ้ายังยืนตีหน้าขึงอย่างไม่เชื่อถือ สองพี่น้องยังยิ้มละไมอย่างน่าหมั่นไส้

“พูดจริง แค่แกเล่าให้พวกฉันฟังเท่านั้นว่า ชวิศามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

ต่างคนต่างเงียบอีกอึดใจใหญ่ ก่อนสุดฟ้าจะรับคำออกมาว่า

“เออ” แล้วหันหลังพาชวิศากลับเข้าห้องนอน สองพี่น้องจึงลั่นล้ามานั่งรออยู่ที่โซฟา สักพักสุดฟ้าจึงออกมาจากห้อง นั่งลงต่อหน้าแขกทั้งสอง และเล่าเรื่องที่เล่าได้ อันได้แก่ไม่รู้ว่าชวิศาหุ่นยนต์สลับกับตัวจริงได้อย่างไร แต่รู้ว่าสลับตัวกันและหุ่นยนต์ของเขาก็นอนอยู่บ้านคนที่ชื่อโย

“ฉันว่าแกตัดเนื้อหาสาระสำคัญไปมากเลยว่ะ” ธัชนันท์กล่าวต่อว่า

“แกรู้ได้อย่างไรว่าชวิศาที่อยู่กับแกไม่ใช่หุ่นยนต์”

“ก็ชวิศาต้องกินข้าว หุ่นยนต์ที่ไหนกินข้าวได้”

“แกไม่ได้สร้างให้ชวิศากินข้าวได้หรือไง”

“เปล่าถึงจะพยายามให้เหมือนมนุษย์มากแค่ไหนเรื่องบ้างเรื่องมันก็ต้องมีข้อจำกัด” สุดฟ้าตอบหน้าตาย

“เอางี้ดีกว่า เข้าประเด็นเลยชวิศาเขายอมให้แกทำด้วยหรือ” ธัชนนท์ชิงถาม

“ก็ยอม”

“เขามาอยู่ที่นี่ทำไมวะ” แฝดผู้น้องถามต่อ

“ยังไม่รู้เหมือนกัน”

“เขาไม่สงสัยเรื่องคนที่หน้าตาเหมือนตัวเองราวกับแกะ แถมชื่อเหมือนกันหรือ”

“ไม่นะ”

“เขาไม่รู้ด้วยใช่ไหมว่าชวิศาอีกคนเป็นหุ่นยนต์”

“น่าจะไม่รู้”

สองพี่น้องที่ผลัดกันยิงคำถามได้แต่ขมวดคิ้วงุนงงสงสัย

“คงอยากได้อะไรสักอย่างละมั้ง” สุดฟ้าว่า “ตอนนี้กำลังสืบอยู่”

“สืบโดยใช้ไอ้แมลงปอบินตามอ่านะ”

“จักจั่นต่างหาก” สุดฟ้าแก้

“แล้วแกได้อะไรบ้าง”

“ยังไม่รู้อะไรเลย รู้แค่มีกำหนดประมาณเดือนนึง นี่ก็ผ่านไปกว่าสิบวันแล้ว ชวิศาก็ไม่เห็นมีท่าทีอะไรเลย”

“เดือนนึง ...สามสิบวัน?” ธัชนันท์ทักอย่างสงสัย

“ถ้านับดูแล้วก็พอๆ กับกำหนดกลับของชวิศาเลยนะ” ธัชนนท์ว่า

“กลับหรือ?” สุดฟ้าเอ่ยขึ้นบ้าง

“แกน่ะ ให้จักจั่นบินตาม แล้วมีบันทึกดักฟังเสียงด้วยหรือเปล่า” ธัชนนท์ถามต่ออย่างรวดเร็วไม่ทันได้ตอบคำถามของอีกฝ่าย

“มี” ชายหนุ่มพยักหน้า เดินนำทั้งสองคนเข้าไปในห้องทำงาน

ภายในห้องนั้น สเตบาสเตียนที่ถูกปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยนอนนิ่งอยู่บนโต๊ะตัวยาว

“เฮ้ย นี่หุ่นยนต์ตัวใหม่ของแกเหรอ” ธัชนันท์ออกปากด้วยความตื่นเต้น ร่างนั้นเป็นชายหนุ่ม รูปลักษณ์ภายนอกอยู่ในช่วงอายุใกล้เคียงกับพวกเขา แม้กระทั่งส่วนสูงก็น่าจะพอๆ กันเมื่อคะเนจากสายตา

“ไหนแกบอกว่าต้นทุนในการสร้างมันสูงไงล่ะ นี่แกสร้างตัวที่สองแล้วนะ”

“ฉันไม่ได้สร้างใหม่ทั้งตัว นี่สเตบาสเตียนฉันปรับปรุงขึ้นใหม่”

“สร้างซะหล่อเชียวนะ แกไม่กลัวชวิศาจะหลงรักหุ่นยนต์ของแกเหรอ”

“ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก” สุดฟ้ายืนยันเสียงหนักแน่นอย่างที่ไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน

“สุดฟ้า แกสร้างให้ฉันสักตัวสิ” ธัชนันท์เอ่ยขอกระแซะเข้าหาอย่างออดอ้อน ซึ่งก็โดนเจ้าของบ้านผลักออกห่างอย่างรังเกียจแทบทันที

“เห็นว่าเป็นเพื่อนกันฉันลดให้แก จากสิบล้านเหลือเก้าล้าน ถ้าแกตกลง อีกหนึ่งเดือนแกมารับได้เลย”

“โห้ยยยยยยยย ยังไงก็ยังแพงอยู่ดีนั่นล่ะ” ธัชนันท์โอดโอย ธัชนนท์เห็นว่าถ้าปล่อยให้คุยเล่นกันต่อไปอย่างนี้วันนี้คงไม่ได้รู้เรื่องกันจึงเอ่ยขัดขึ้นมาว่า

“เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะ สุดฟ้า แกเอาเทปบันทึกเสียงให้พวกฉันฟังก่อนดีกว่า”

“หูย บ้านนอกจัง ฉันไม่มีเทปบันทึกเสียงว่ะ มีแต่ไฟล์ภาพพร้อมเสียง เอาไหม”

ธัชนนท์หมั่นไส้นักจึงเดินไปตบศีรษะสุดฟ้าเข้าให้เสียที แล้วเอ่ยเร่ง

“รีบๆ เปิดให้ฟังเลย”

“แค่นี้ก็ต้องตีกันด้วย” ไม่วายที่สุดฟ้าจะบ่นงึมงำ ขณะกดแป้นพิมพ์คีย์พาสเวิร์ดเพื่อเปิดไฟล์ หน้าจอปรากฏภาพเคลื่อนไหวทันทีที่สุดฟ้าสั่งเล่นไฟล์ภาพที่เก็บไว้

ภาพของชวิศาเดินออกจากบ้านเพื่อไปทำงานหลอกๆ ที่สุดฟ้ากุขึ้นดำเนินไปให้ทั้งสองพี่น้องให้เห็นไล่เรียงไปตั้งแต่บทสนทนากับผู้ชายที่ชื่อโย กิจกรรมที่ชวิศาทำเมื่ออยู่ในบ้านหลังนั้น ซึ่งไม่มีอะไรเป็นที่สะดุดตา จนกระทั่งผู้เป็นเจ้าของสั่งปิดภาพเหล่านั้นลงกะทันหัน สองพี่น้องตระกูลสุวราลักษณ์เลิกคิ้วเป็นคำถาม

“ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้วล่ะ” สุดฟ้าตอบห้วนๆ จะให้เจ้าสองคนนี้ดูต่อได้อย่างไร ก็ต่อไปจะเป็นภาพที่ชวิศาช่วยตัวเองเมื่อวันนั้นนี่นา

ฝาแฝดสุวราลักษณ์รู้ว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้น แต่ไม่ได้คะยั้นคะยอรบเร้าให้มากความ เพราะรู้ว่าคงเป็นภาพที่สู่สาธารณะไม่ได้แน่ๆ

“โยธิน ภูสิทธิ์วรโชติสินะ พี่โยที่ชวิศาพูดถึง”

“แต่ดูแล้วก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะ เป็นผู้บริหารบริษัทในเครือของตระกูล ประวัติดีไม่มีด่างพร้อย แม้ว่าจะเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องกับชวิศา แต่ก็นั่นแหละ สองคนนั้นเติบโตมาพร้อมกันจะสนิทกันมากก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วคนที่เคี่ยวเข็ญจนชวิศาเรียนจบมาได้ก็คุณโยธินนี่ล่ะ” ธัชนนท์กล่าวเมื่อน้องชายพูดถึงพี่ชายที่ชวิศาพูดถึง ก่อนที่อีกฝ่ายจะออกปากเพราะสะกิดใจอะไรบางอย่าง

“บีหนึ่ง จำเรื่องแปลกๆ ตอนที่เราอยู่ปีสามได้ไหม”

“เรื่องแปลกๆ หรือบีสอง” ธัชนนท์ทำท่านึก แต่เรื่องแปลกที่ว่ามันช่างยากที่จะนึกออกจริงๆ

“เรื่องแปลกๆ ของชวิศานะ บีหนึ่ง”

“อะ... นั่นสินะบีสอง พอรวมกับเหตุการณ์ในช่วงนี้..... มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่เลย” ประโยคสุดท้ายสองพี่น้องพูดออกมาพร้อมกันพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักราวกับเด็กผู้หญิง

“รู้แล้วใช่ม่ะ อะไรเหรอ” สุดฟ้าถามหน้าซื่อตาใส พวกเขาหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับเจ้าของคำถามพลางคิด พวกเขาจะเรียกร้องอะไรเป็นข้อต่อรองดีนะ

“ถ้าแกทำหุ่นยนต์น่ารักๆ ให้สักตัว พวกฉันอาจยอมบอกก็ได้” พอพูดประโยคนั้นอย่างพร้อมเพรียงกันจบ จึงหันไปหัวเราะให้แก่กันอีกครั้ง

“ให้แกสองคนหนึ่งตัว หรือคนละตัว”

“อ่า...นั่นสิ คนละตัวย่อมดีกว่าล่ะนะ เนอะบีสอง” ธัชนนท์ว่า

“อือก็ดีเหมือนกันนะบีหนึ่ง จะได้ไม่ต้องมาแย่งกันทีหลังด้วย”

“ได้ๆ งั้นบอกมาได้แล้ว” สุดฟ้าฉีกยิ้มถาม

“เรื่องสิเพื่อน ฉันต้องเห็นหุ่นยนต์ของแกก่อนแล้วพวกฉันจะบอก”

สุดฟ้านิ่งเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะยิ้มออกมา “งั้นไม่เป็นไร ฉันไม่อยากรู้ก็ได้ อยู่แบบนี้ฉันก็ไม่ได้เดือดร้อน” ก่อนจะหันไปกดคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์เข้าห้องแชตในสังคมออนไลน์

“อย่าเพิ่งใจน้อยสิเพื่อน” ธัชนันท์รีบตามมากอดคอ

“แกกับฉันสองคนต่างก็รู้ตับไตไส้พุงกันดี ไม่คิดบ้างหรือว่าถ้าพวกฉันบอกแกแล้วแกจะเบี้ยวไม่สร้างหุ่นให้”

“คิด” สุดฟ้าตอบแล้วหัวเราะหึหึในลำคอ

“นั่นไง ดังนั้นฉันคิดหนทางที่เราทั้งสองฝ่ายจะไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบไว้แล้ว” ธัชนนท์พูด ทั้งน้องชายฝาแฝดและเจ้าบ้านศิริกรต่างพยักหน้างึกๆ

“ก่อนอื่น แกสร้างหุ่นสองตัวให้เสร็จภายในสิบวันได้ไหม”

“มันก็ได้ละนะ” สุดฟ้านิ่งคิดก่อนจะตอบออกมา

“แบบที่กลางวันทำงาน กลางคืนเข้านอนนะ”

สุดฟ้าหน้าย่น แฝดผู้พี่ของบ้านสุวราลักษณ์จึงกล่าวต่อไปว่า “ชวิศาจะอยู่ที่ไทยอีกสิบกว่าวัน ถ้าไม่ทำแบบนั้นแกกับเขาก็จะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกชั่วชีวิต”

ชายหนุ่มทำหน้าไม่เชื่อ “เว่อร์ไปละมั้ง แต่ถึงจะไม่ได้เจอกันอีกก็ไม่เห็นจะเป็นไงเลย”

คราวนี้สองพี่น้องถึงกับสะดุ้ง มองคนพูดที่ยังนั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์หน้าตาเฉย ผู้เป็นเพื่อนจึงต้องรั้งไหล่ดึงความสนใจของอีกฝ่ายกลับมาหาตน

“ถ้าชวิศาไม่อยู่แล้ว แกจะไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง”

“จะต้องรู้สึกอะไรล่ะ”

“ทั้งที่แกออกจะหวงแสนหวงชวิศาขนาดนั้นอ่านะ” ธัชนันท์ถามขึ้นบ้าง

“ฉันหวงชวิศาของฉัน ฉันไม่รู้ว่าชวิศาของพวกแกต้องการอะไร ถึงได้กักตัวชวิศาของฉันไว้แล้วแฝงตัวเขามาในบ้านของฉัน”

“งั้นทำไมแกไม่บอกชวิศาว่าแกรู้เรื่องทั้งหมด แล้วก็ไปเอาหุ่นของแกคืนมาซะ”

“ถ้าทำง่ายๆ อย่างนั้นก็ไม่สนุกซิ” สุดฟ้ายิ้ม “ช่วงนี้ไม่มีงานอะไรน่าสนใจเข้ามาเลย ฉันเบื่อจะเป็นเป็ดอยู่แล้ว มันก็....พอดีเลย”

สองพี่น้องมองหน้ากันเลิ่กลั่ก นี่เท่ากับว่าเรื่องที่พวกเขาคิดได้มันก็ไม่ส่งผลอะไรกับเจ้าสุดฟ้าเลยนะสิ แต่เรื่องอะไรที่พวกเขาจะต้องยอมแพ้ง่ายๆ ในเมื่อมันอยากได้เรื่องสนุกนัก ขอจัดให้เลยละกัน ....แม้ว่าตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออกก็ตาม

ฝาแฝดสุวราลักษณ์ผู้มีพลังในการสื่อสารด้วยโทรจิตเป็นเลิศ หัวเราะให้แก่กัน ก่อนที่แฝดผู้น้องจะเดินเข้าไปโอบไหล่เพื่อนสนิทผู้เป็นเป้าหมาย

“พวกฉันสองคนจะช่วยให้แกสนุกสนานกว่านี้เอง”

สุดฟ้าตาโตเป็นประกายขึ้นมาทันที

“แต่มีข้อแม้ว่าแกต้องสร้างหุ่นยนต์น่ารักๆ ให้ฉันสองคนคนละตัว ซึ่งต้องเสร็จภายในสิบวัน และที่สำคัญในช่วงนี้ฉันบอกให้แกทำอะไรแกก็ต้องทำตามนั้น ห้ามขัดห้ามปฏิเสธ”

“ท่าจะยุ่งยากแฮะ” สุดฟ้าขมวดคิ้ว “ฉันไม่เอาด้วยดีกว่า”

“เฮ้ย!!!!!” สองพี่น้องร้องออกมาพร้อมกัน “อย่าเพิ่งปฏิเสธดิ งั้นก่อนอื่น ฉันจะทำให้ชวิศาของแกน่ารักสุดๆ ก่อน”

“ตอนนี้ชวิศาก็น่ารักสุดๆ อยู่แล้ว” สุดฟ้าพูดอวดพลางยิ้มกว้าง

“น่า... ถ้าแกไม่ชอบใจแล้วค่อยบอกปฏิเสธ” ธัชนนท์พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น

พอทั้งสองคนกลับออกไป สุดฟ้าจึงลงมือปรับแต่งสเตบาสเตียนอีกเล็กน้อย และดึงนิ้วก้อยเท้าข้างขวาปลุกให้หุ่นยนต์พ่อบ้านของเขาลุกขึ้น

“อรุณสวัสดิ์ครับ ด็อกเตอร์” สเตบาสเตียนพูดพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ



สุดฟ้ากำลังนั่งเกลี่ย เขี่ย และลูบผมของชวิศาเล่นตอนที่อีกฝ่ายลืมตาขึ้นมา ชวิศาทำหน้างงมองเขาตาปริบๆ ตามด้วยคำถามพาซื่อ

“ผมกลับมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรครับ”

สมองของสุดฟ้าประมวลผลอย่างรวดเร็ว เสียงกิ้งในหัวดังขึ้น ถ้าเขากุเรื่องขึ้นมาหลอกชวิศาอีกชวิศาอาจจะเชื่อก็เป็นได้ ท่าจะสนุกดี ชายหนุ่มคิดพลางตีสีหน้าให้ขรึมลงบิ้วอารมณ์ให้ดูเศร้าอีกเล็กน้อย

“นายจำไม่ได้เหรอ นายโดนมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว”

“มนุษย์ต่างดาว?” ชวิศาทวนคำซ้ำ ทำหน้างงยิ่งไปกว่าเดิม

“นายโดนจับตัวไปตั้งสองวัน ฉันเป็นห่วงนายมากเลย” ว่าเข้าไปนั่นทั้งที่ชวิศาหลับไปแค่สองสามชั่วโมงเท่านั้นเอง

คราวนี้คนฟังถึงกับหน้าซีด “นายจำไม่ได้เลยหรือ” สุดฟ้าถามซ้ำด้วยใบหน้าเคร่งเครียดที่แกล้งทำชวิศาส่ายหน้ายิกๆ

“ผมไม่เห็นจำได้เลย” ชวิศาขมวดคิ้ว พยายามนึก ระหว่างนั้นสุดฟ้าก็ปลดเข็มขัดกับตะขอกางเกงของอีกฝ่ายออกชวิศาจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ช่าง แต่เขาไม่ได้ทำกับชวิศามาตั้งหลายวัน อึดอัดจะตาย เพราะเช่นนั้นตอนนี้ขอก่อนนะ

“อ๊ะ” ชวิศาส่งเสียงทัก

“ตรวจร่างกายไง ไม่รู้ว่ามนุษย์ต่างดาวทำอะไรกับนายบ้าง” พูดจบก็ดันตัวชวิศาให้ล้มลงนอนอีกครั้ง ดึงทั้งกางเกงชั้นนอกชั้นในหลุดจากปลายเท้าในครั้งเดียว ชวิศายังมองหน้าเขาอย่างงุนงงเช่นเดิม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วหลับตาส่งเสียงครางอาอือในลำคอเมื่อร่างสูงใหญ่ใช้ปากกดลงครอบครองส่วนอ่อนไหวกลางลำตัว รุกเร้าด้วยความอุ่นร้อนของโพรงปากและปลายลิ้น ดูดดึงด้วยจังหวะหนักๆ สลับกับการไล้เลียด้วยจังหวะเนิบช้า ก่อนจะกระตุ้นอย่างหนักหน่วงในจังหวะสุดท้ายให้อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมา

สุดฟ้าไม่ได้ปล่อยให้ชวิศาได้หอบหายใจนานนัก เขาใช้ของเหลวขาวขุ่นซึ่งยังคงอยู่ในปากเป็นตัวหล่อลื่น โดยใช้ปลายลิ้นแทรกนำทางและปล่อยน้ำรักนั้นเข้าไป ไม่โอ้โลมให้เยิ่นเย้อ จากนั้นกดแก่นกายตระหง่านตามไปอย่างรวดเร็วจนสุดความยาว

“อึก” ชวิศาส่งเสียงออกมา ร่างกายสะท้านไหว ชายหนุ่มนิ่งค้างอยู่ในท่านั้น กดตัวลงบดเบียดจูบกับปากบางได้รูปสีแดงอิ่ม ชวิศาปรือตามองและยกแขนขึ้นโอบกอดเขาไว้

หลังจากจูบที่แสนยาวนานและดูดดื่มจบลง สุดฟ้าพลันนึกสงสัย ชวิศาจะนึกอยากทำกับเขาบ้างไหมนะ หรือเป็นแค่เขาฝ่ายเดียวที่เสพติดการร่วมรักกับอีกฝ่าย

ชายหนุ่มเริ่มต้นขยับสะโพก ถอดกายออกและกดย้ำจนเกิดเป็นเสียงเนื้อกระทบกัน ฟังดูหยาบโลน ชวิศาที่กำลังหลับตาขมวดคิ้วน้อยๆ ก็คงได้ยินเสียงนั้น สุดฟ้ายังคงนึกสงสัย

“เจ็บหรือชวิศา”

ชวิศาลืมตามองเขา พลางส่ายศีรษะ

“รู้สึกดีไหม” ชายหนุ่มถามต่อพลางโน้มหน้าเข้าไปใกล้

“อ...อือ” เสียงตอบนั้นแสนเบาทั้งเจ้าของคำตอบยังเลี่ยงหลบสายตาสุดฟ้ารู้สึกเหมือนตัวเองโง่เง่าคาดเดาไม่ถูกเลยว่าการกระทำเช่นนั้นของอีกฝ่ายมีความหมายอย่างไร

ชายหนุ่มหยุดร่างกายที่ขยับเคลื่อนไหว ร่างบางข้างใต้จึงได้หันมามองพลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“ถ้านายไม่ชอบ ฉันจะหยุด” สุดฟ้าตั้งใจจะทำอย่างที่พูดจริงๆ ชวิศาคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่หุ่นยนต์ของเขา ไม่ใช่ของของเขา และเขากอบโกยจากอีกฝ่ายมามากพอแล้ว

ชวิศานิ่งมอง ส่วนเขาก็จ้องมองเข้าไปในดวงตาใสอย่างไม่ลดละ ก่อนอีกคนจะหลบตาหนีไปเสีย

ให้ตายเถอะทำไมจู่ๆ เขาจะต้องมาสนใจเรื่องพรรค์นี้ด้วยนะ อีกฝ่ายจะชอบหรือไม่ชอบก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่เขาจะต้องมาสนใจเสียหน่อย ถึงคิดอย่างนั้นสุดฟ้ากลับรู้สึกแปลกๆ ในอกพิกล ตอนนี้เป็นเขาเสียอีกที่ตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะทำเรื่องที่ค้างคาอยู่นี่ต่อไปดีหรือไม่

ชวิศาก็รู้สึกดีทุกครั้งไม่ใช่หรือไง แล้วต้องสนใจอะไรอีกล่ะ สุดฟ้าคิดอย่างลังเล

“ผมชอบครับ” จู่ๆ ชวิศาก็พูดออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย สบตาเขาด้วยสายตามุ่งมั่นจริงจัง จนเขาสับสนว่าเรื่องอะไรกันนะแต่พลันนึกขึ้นได้หลังจากนั้นไม่กี่วินาที จากนั้นร่างบางข้างใต้จึงยกตัวขึ้นจูบเขา ใช้ศอกยันช่วงตัวด้านบนให้ลอยขึ้นเหนือพื้นเตียงเล็กน้อยทั้งที่ถูกเขากดทับช่วงสะโพกไว้ ท่วงท่าเช่นนั้นดูน่าอึดอัด สุดฟ้าจึงโน้มตัวเข้าหาเพื่อตอบสนองสัมผัสเต็มที่

ในอกรู้สึกอู้ฟู่พองฟู หัวใจกระโดดโลดเต้นกันยกใหญ่ สุดฟ้ายกยิ้มแม้ริมฝีปากยังแทบไม่ห่างกัน รู้สึกว่าจูบนี้อบอวลหอมหวานยิ่งกว่าครั้งใดๆ .....

ชวิศานอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา มือของเขาลูบเบาๆ ไปตามแผ่นหลังเนียนนุ่มลื่น ห้องของเขามีแต่นาฬิกาดิจิตอลจึงไม่มีเสียงดังติ๊กๆ ระบบปรับอากาศก็เงียบมากจึงไม่มีเสียงครางหึ่งๆ ทั้งห้องนี้ผนังยังกันเสียงได้ดี ห้องทั้งห้องจึงยิ่งเงียบสนิท สุดฟ้าได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเอง และเสียงโครก.....คราก.....

ชวิศาหัวเราะ “หิวซะแล้วล่ะ” ใบหน้าน่ารักหันมาหา เกยคางวางไว้บนอก

“ด็อกเตอร์อยากกินอะไรครับ”

“เนื้อ”

“เนื้อหรือ งั้นก็ต้องสเต๊กสินะ ด็อกเตอร์จะนอนต่อก็ได้ครับ เสร็จแล้วผมจะมาเรียก”

“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวฉันไปช่วย มีอะไรอยากให้นายดูด้วย”

ชวิศาเลิกคิ้วด้วยความสงสัยแต่ไม่ได้เอ่ยปากถาม เดินตามร่างสูงที่สวมเสื้อผ้าเสร็จเร็วกว่าออกไปด้านนอก ที่โซฟาหน้าทีวีมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่

“สเตบาสเตียน” ผู้ชายคนนั้นจึงหันมาตามเสียงเรียก ฝ่ายชวิศาดึงชายเสื้อสุดฟ้าไว้แล้วเอ่ยกระซิบถามเสียงเบา

“เพื่อนของด็อกเตอร์หรือครับ”

“เปล่า สเตบาสเตียนไง หุ่นยนต์พ่อบ้านที่ฉันบอกว่าจะปรับปรุงไง”

ชวิศานิ่งอึ้งไปเล็กน้อย แล้วพึมพำออกมาว่า “เหมือนคนจริงๆ เลยครับ”

“อือ แน่นอนสิ ต่อไปนี้ฉันจะให้สเตบาสเตียนเป็นบอดี้การ์ดของนาย แต่แน่นอนว่าต้องทำงานพ่อบ้านด้วยล่ะนะ”

“เอ๊ะ!!! ไม่เห็นจำเป็นเลยนี่ครับ บอดี้การ์ดอะไรนั่น”

“ไม่ได้ล่ะ นายเพิ่งโดนมนุษย์ต่างดาวจับตัวไปเองนะ ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับนายอีกเป็นอันขาด และต่อไปนี้ก็ไม่ต้องไปทำงานแล้ว นายคนเดียวฉันเลี้ยงได้” ในที่สุด สุดฟ้าก็สามารถจบเรื่องโกหกเกี่ยวกับงานลงได้ แต่ยังไม่เลิกอ้างเรื่องมนุษย์ต่างดาว ถึงอย่างไรเขาก็คิดว่าเจ้าสองตัวนั่นเป็นมนุษย์ต่างดาวจริงๆ นั่นแหละ แต่ละเรื่องที่ทำไม่ได้เหมือนคนปกติเลยสักเรื่อง ทั้งน่าปวดหัวและน่าตบศีรษะสั่งสอนเป็นที่สุด อ้อ... เรื่องที่ทำกับชวิศาไว้เขายังไม่ได้คิดบัญชีเลยนี่นะ อย่าให้มีโอกาสแล้วกัน สุดฟ้าได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ

“นั่นสิ แถมโดนจับไปทำอะไรก็ไม่มีใครรู้ด้วย” ชวิศาพูดกับตัวเองเบาๆ โดยที่ชายหนุ่มเจ้าของบ้านหันไปพูดคุยกับหุ่นยนต์พ่อบ้านสเตบาสเตียนเรื่องประสิทธิภาพความคล่องตัวของร่างกายใหม่ จึงไม่ได้ยินประโยคที่ว่า หันกลับมาอีกที ชวิศายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าและท่าทางกังวลใจ ดูท่าร่างเพรียวบางจะเชื่อคำโกหกนั่นมากกว่าที่คิดไว้นะเนี่ย

“เป็นอะไรไปน่ะชวิศา ไม่หิวข้าวแล้วหรือ ถ้ายังไงให้สเตบาสเตียนทำให้ดีไหม”

“อ๊ะ ไม่ต้องครับ ผมทำได้”

ชวิศาสลัดความคิดยุ่งยากออกจากสมอง พลางก้าวเท้าเข้าไปในครัว

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-10-2017 12:20:59 โดย ตีสี่ »

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'


สเตบาสเตียนติดตามชวิศาเหมือนเงาตามตัว ถ้าชวิศาอยู่ภายในบ้าน สเตบาสเตียนจะทำงานบ้านตามหน้าที่ของตนเองเช่นปกติ แต่ถ้าชวิศาก้าวเท้าออกจากบ้านเมื่อไหร่ ร่างสูงหนาเทียบเท่าเจ้าของผู้สร้างจะตามติดเขามาในทันใด ที่สำคัญหน้าตาของสเตบาสเตียนยังเป็นที่ดึงดูดสายตาของคนทั่วไปไม่น้อย

“ด็อกเตอร์ไม่น่าทำให้คุณสเตบาสเตียนหน้าตาดีขนาดนี้เลย” ชวิศาพูดออกมาตอนที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังเลือกซื้อของอยู่ในซูเปอร์มาเกต

“มีแต่สาวๆ มองตามแน่ะ” ว่าพลางพยักพเยิดไปทางกลุ่มสาวน้อยสาวใหญ่ซึ่งมองชายหนุ่มร่างสูงไม่วางตา

“ถ้าคุณชวิศาไม่บอกผมคงไม่รู้ว่าตัวเองหน้าตาดี” สเตบาสเตียนตอบด้วยเสียงนุ่มทุ้มที่ชวิศาแอบเผลอใจละลายไปในบางครั้ง คนอะไรไม่รู้เสียงเท่จริงๆ ชวิศาคิดในใจ

เหลือบมองร่างสูงข้างกายด้วยความลังเล การที่มีคนตามติดไปทุกฝีก้าวทำให้ร่างโปร่งบางค่อนข้างจะกังวลใจและอึดอัดอยู่ไม่น้อย เขามีความลับที่ไม่สามารถบอกให้สุดฟ้ารับรู้ได้อยู่ ถ้าคนที่อยู่บ้านศิริกรไม่มีใครล่วงรู้เลยจะดีที่สุด แต่จนป่านนี้เขาก็ยังไม่เจออะไรที่เกี่ยวกับชวิศาอีกคนที่อยู่กับพี่โย นึกๆ แล้วก็อยากถามสเตบาสเตียนให้รู้เรื่องรู้ราวกันไป

“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปหาหมอเลยจะเป็นอะไรไหมนะ” ชวิศาเอ่ยขึ้นมาลอยๆ แต่ก็เรียกความสนใจจากคนข้างกายได้ดี

“คุณชวิศาเป็นอะไรหรือครับ”

อา.... แล้วเขาจะตอบอย่างไรดีล่ะเนี่ย ไม่ได้คิดไว้ซะด้วยสิ คิดแค่ว่าถ้าคนคนนั้นป่วยมีโรคประจำตัวก็น่าจะไปหาหมอบ่อยๆ

“เปล่าครับ ผมพูดไปอย่างนั้นแหละ” ชวิศายิ้มแหยๆ แล้วเสหลบสายตาที่จ้องมองเหมือนจะทะลุไปถึงตับไตไส้พุงของสเตบาสเตียน “เออ... คุณสเตบาสเตียนเห็นใบตรวจสุขภาพของผมหรือเปล่า”

สเตบาสเตียนทำท่าคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมาว่าไม่มีนี่ครับ “ที่บ้านไม่มีใบตรวจสุขภาพของคุณชวิศาหรอกครับ” ชวิศาถอนหายใจอย่างหมดหวัง ว่าแล้วเชียว.... เขาพยายามรื้อๆ ค้นๆ หาเอกสารประจำตัวหรือใบตรวจสุขภาพของคุณชวิศาคนนั้นแล้ว แต่ไม่พบอะไรเลย ทางพี่โยเองก็พยายามค้นหาจากอินเทอร์เน็ตทั้งสอบถามจากเพื่อนที่เป็นหมอว่ามีโรคอะไรบ้างที่ทำให้คนหลับได้เป็นวันๆ ขนาดนั้น ที่ใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็นไฮเปอร์ซัมเนีย ทั้งอย่างนั้นโรคนี้ทำให้คนหลับได้เพียงไม่นานก็ต้องตื่นขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่นอนหลับเป็นสัปดาห์เช่นนี้

“ถามอะไรอีกอย่าง คุณสเตบาสเตียน ถ้าผมจะไปที่อื่นบ้างจะเป็นอะไรไหม คุณต้องนำเรื่องของผมไปรายงานด็อกเตอร์หรือเปล่า”

“ไม่ครับ ผมมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของคุณเท่านั้น” ส่วนหน้าที่หรือคำสั่งอื่นๆ คุณหุ่นยนต์พ่อบ้านถูกสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดไม่ให้แพร่งพรายออกไป


สุดฟ้าถอดเครื่องดักฟังจากเสื้อผ้าของชวิศาออกแล้วและไม่ได้ให้เจ้าจักจั่นคอยสอดส่องพฤติกรรมของชายหนุ่มร่างเล็กอีกต่อไปเพราะคิดว่าสเตบาสเตียนเพียงตนเดียวน่าจะเพียงพอ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้รับรู้บทสนทนาดังกล่าวของหนึ่งคนและหนึ่งตน

และขณะเดียวกันกับบทสนทนานั้นซึ่งอาจจะเหลื่อมล้ำสักประมาณสิบถึงยี่สิบนาที สองพี่น้องหน้าตาเหมือนกันกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าของเขา บนโซฟารับแขกหน้าทีวีจอยักษ์

“ถ้าแกไม่ให้ฉันคุยกับชวิศา พวกฉันจะทำให้ชวิศาน่ารักสุดๆ ได้อย่างไรล่ะ”

“ใช่ๆ มันต้องมีการเตรียมการอะไรกันบ้าง” ถึงจะพูดไปอย่างนั้น ในหัวสมองของทั้งสองคนก็ยังคงว่างเปล่า ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดได้เลาๆ ถึงแผนการที่จะทำ แต่เมื่อลองคิดไตร่ตรองดูแล้วมันจะกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าชื่นชมอยู่ไม่น้อย และไม่แน่ว่าเจ้าสุดฟ้ามันจะชอบหรือไม่

“ฉันคิดว่าตอนนี้ชวิศาก็น่ารักที่สุดอยู่แล้วล่ะนะ” สุดฟ้าพูดจาด้วยความภาคภูมิใจอย่างยิ่งยวด “ถ้าพวกแกอยากได้หุ่นยนต์ขนาดนั้น ยอมจ่ายเงินซะน่าจะง่ายกว่านะ”

“ตั้งสิบล้าน!!! ใครจะไปมีปัญญาหาเงินเยอะแยะขนาดนั้นมาให้แกกันล่ะ” สองพี่น้องพูดพร้อมกัน

“เพื่อนฝูงกัน แกจะไม่ยอมทำให้ฟรีสักตัวนึงไม่ได้หรือ” ธัชนันท์พยายามออดอ้อนขอความเห็นใจ

“อืม นั่นสินะ” สุดฟ้าครุ่นคิดด้วยความลังเล เพียงครู่เดียวเขาก็ตอบกลับไปว่า “ไม่ดีกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่จะเอาความเป็นเพื่อนมาเป็นข้ออ้างได้”

เหตุผลที่แกอ้างมามันไม่ได้เรื่องเล้ย!!! ธัชนนท์และธัชนันท์คิดอยู่ในใจ

และแล้วชวิศาก็กลับมาจากการซื้อของ

“อา... สวัสดีครับ” ชวิศาเอ่ยทักทาย ขณะที่สเตบาสเตียนก้มศีรษะให้เล็กน้อย และนำข้าวของที่อยู่ในมือเข้าไปเก็บ

“มาพอดีเลย ชวิศาพวกเรามีเรื่องจะพูดด้วย” ธัชนันท์รี่เข้าไปหาชวิศาด้วยความรวดเร็ว

“ครับ” ชวิศาก็ชั่งแสนน่ารักตั้งใจรับฟังด้วยใบหน้าที่แสนซื่อ

“คือว่านะ...” ยังไม่ทันที่น้องชายฝาแฝดจะพูดออกไป ธัชนนท์ก็ออกปากขัดเสียก่อน

“ถ้าเราพูดกันเสียตรงนี้เรื่องที่ควรจะเป็นความลับก็ไม่ใช่ความลับนะสิ”

ผู้ฟังทั้งสามคนต่างขมวดคิ้ว หลังจากกระแสจิตจากพี่ชายฝาแฝดส่งตรงมาถึง ธัชนันท์จึงร้องอ้อออกมา

“สุดฟ้า ถ้าแกไม่ให้พวกฉันคุยกับชวิศาฉันจะบอกเรื่องทุกอย่าง ซึ่ง... แกคงรู้ใช่ไหมว่าเรื่องที่ว่ามันเรื่องอะไร” ธัชนนท์ยกยิ้มอย่างเป็นต่อ

“พวกแกขี้โกง” สุดฟ้าได้แต่เต้นเร่าๆ ชี้หน้าว่าฝาแฝดด้วยคำพูดสั้นๆ

“ไม่เลย พวกฉันไม่ได้ขี้โกงเลย แต่นี่เขาเรียกว่าการเจรจาธุรกิจ เอาอย่างนี้ ฉันมีทางเลือกให้แกสองทาง ทางแรกแกก็พูดไป ผลลัพธ์ที่ตามมาก็แค่สภาพที่เป็นอยู่ในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อยเท่านั้น ถ้าแกไม่รู้สึกอะไรกับชวิศาจริงๆ แกคงไม่เดือดร้อนนักหรอก ส่วนอีกทางให้พวกฉันพูดซึ่งผลลัพธ์ก็เหมือนกัน หึหึหึ” ธัชนนท์หัวเราะอย่างสบอารมณ์

“ไอ้...” สุดฟ้าได้แต่พูดอยู่แค่นั้น นึกคำด่าต่อว่าต่อขานไม่ออก ก่อนจะโพล่งออกมาว่า “ฉันจะส่งระเบิดไปถล่มบ้านแก”

ธัชนนท์ยิ้มรับกับคำขู่สุดฮิต

“เอาซี่ ถ้าแกทำแบบนั้นฉันก็ยังจะพูดอยู่เหมือนเดิม”

“ได้ ได้ ของแกตัว ของแกอีกตัวใช่ไหม อาทิตย์หน้ามาเอาแล้วไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก” สุดฟ้าสะบัดหน้าพรืด เดินหายเข้าไปในห้องทำงาน เพียงครู่เดียวสุดฟ้าได้เดินกลับอีกพร้อมกำชับสเตบาสเตียนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“สเตบาสเตียนจับตาดูชวิศาไว้ ถ้าเจ้าสองตัวนี้เข้าใกล้ชวิศาภายในระยะห้าสิบเมตร หรือพูดจาอะไรแปลกๆ ให้ชวิศาฟัง นายต้องมาบอกฉันทันที เข้าใจไหม”

“รับทราบครับ ด็อกเตอร์”

หลังคำสั่งนั้นสองพี่น้องกระเด้งตัวออกห่างจากชวิศาทันที และยังไม่ทันที่ใครพูดอะไรก็รีบจรลีออกจากสถานที่แห่งนี้ทันที

ชวิศาหันซ้ายหันขวามองสองพี่น้องสุวราลักษณ์ที่รีบออกจากบ้าน มองประตูห้องทำงานที่ปิดสนิทของผู้เป็นเจ้าของบ้าน และหันมองใบหน้าอันหล่อเหลาของสเตบาสเตียนซึ่งมองเขาเขม็งเหมือนจะจ้องจับผิด แล้วยิ่งรู้สึกผิดที่ผิดทางทำอะไรไม่ถูก

“ผ...ผมเข้าไปในห้องนอนได้ไหม” ชวิศาเอ่ยถามสเตบาสเตียนอย่างกล้าๆ กลัวๆ “ถ...ถ้าอย่างไร อีกสักชั่วโมงผมจะออกมาทำอาหาร คุณสเตบาสเตียนทานข้าวดึกหน่อยจะเป็นอะไรไหมครับ”

เนื่องจากสเตบาสเตียนเป็นหุ่นยนต์ คำถามน่างุนงงเช่นนั้นของชวิศาจึงไม่เป็นปัญหาต่อพ่อบ้านหนุ่ม

“ผมไม่รับอาหารครับ ผมคิดว่า คุณชวิศาน่าจะพักผ่อนให้เพียงพอดีกว่า สำหรับเรื่องอาหารเดี๋ยวผมจัดเตรียมให้เองครับ” ร่างสูงตอบด้วยใบหน้าซึ่งแต้มรอยยิ้มน้อยๆ และน้ำเสียงอบอุ่นเช่นเดิม

“อ๊ะ... นั่นสินะ” ชวิศายกมือขึ้นเกาศีรษะแกรกๆ ก้มหน้าลงน้อยๆ อย่างเขินอายในความเด๋อด๋าของตนเอง พลางชี้นิ้วไปทางห้องนอน

“ไปนะครับ” ชวิศาบอกอีกครั้งพลางก้มศีรษะให้

พอปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย ชวิศาก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออกทันที รอเสียงสัญญาณสองสามครั้ง อีกฝั่งก็รับสาย”

“ว่าไง วันนี้ไม่มาทำงานหรือไง”

“ไม่ครับ คุณสุดฟ้าบอกว่าไม่ต้องไปทำแล้ว เขาพูดว่าผมคนเดียว เขาเลี้ยงไหวด้วยล่ะ” ชวิศาเล่าเรื่องที่ทำให้ปลื้มใจโดยลืมหัวข้อที่จะโทรหาพี่ชายไปเสียสนิท

“แถมนะ เขายังให้สเตบาสเตียนมาเป็นบอดี้การ์ดให้ผมด้วย สเตบาสเตียนนะหล่อมากเลย เสียงก็นุ้มนุ่มจนผมเผลอใจละลายไปตั้งหลายครั้งแน่ะ”

“เดี๋ยวนะซี พี่ว่าเราควรหยุดพร่ำเพ้อก่อนน่าจะดีกว่านะ” โยรีบเบรกน้องชายก่อนที่อีกฝ่ายจะฝันเฟื่องไปยิ่งกว่านี้

“นายลืมไปแล้วหรือไง ชวิศาของเจ้าสุดฟ้าไม่ใช่นาย แต่เป็นคนที่นอนหลับเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ที่บ้านนี่ต่างหาก”

“ง่ะ อย่าขัดจังหวะดิ ขอแอบเข้าข้างตัวเองบ้างได้ปะล่ะ” ชวิศาหน้างอหงิก

“เออ... แทบลืมไปแน่ะ” ในที่สุดชวิศาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองตั้งใจโทรหาโยธินด้วยเรื่องอะไร

“วันนี้นะ ฝาแฝดสุวราลักษณ์พูดอะไรแปลกๆ ประมาณว่าถ้าคุณสุดฟ้าไม่ได้คิดอะไรกับชวิศาจริงๆ ก็คงไม่เดือดร้อน แล้วฝาแฝดก็ทำท่าเหมือนจะรู้อะไรหลายๆ อย่างเลยล่ะครับ แต่ว่าคุณสุดฟ้าเขาห้ามไม่ให้พูดอะไร แล้วก็สั่งห้ามเข้าใกล้ชวิศาด้วย”

“สุวราลักษณ์?”

“ครับ พี่น้องฝาแฝดธัชนนท์ กับธัชนันท์ สุวราลักษณ์ไง”

“อ้อ...” ปลายสายลากเสียงเหมือนนึกได้ “อือ... งั้นตอนนี้เราก็อยู่เฉยๆ ไปก่อน ถ้าพี่มีอะไรแล้วจะโทรไปหา และถ้ามีอะไรคืบหน้าก็อย่าลืมโทรมาบอกด้วยล่ะ”

“ครับ” ชวิศารับคำแข็งขัน

“อ้อ อีกอย่าง เมื่อสองวันก่อนคุณอาโทรมาวันศุกร์นี้ คุณอาจะมาที่บ้าน!!! ”


+++++โปรดติดตามตอนต่อไป+++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-10-2017 12:22:34 โดย ตีสี่ »

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
ลักลับ ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
ตอนที่ห้า


สุดฟ้าหายเข้าไปในห้องนั้นจนเวลาล่วงเข้าวันที่สามแล้ว ชวิศาชะเง้อชะแง้รออยู่ภายนอกไม่ได้เห็นหน้าชายหนุ่มเจ้าของบ้านเสียทีก็นึกเป็นห่วง

“คุณสเตบาสเตียน”ร่างเพรียวบางเอ่ยเรียกหุ่นยนต์พ่อบ้าน สเตบาสเตียนหยุดอยู่กับที่ในมือถือตะกร้าผ้าที่ตั้งใจจะนำไปซัก

“ทำไมด็อกเตอร์เขาไม่ออกจากห้องทำงานมาบ้างเลยล่ะ ด็อกเตอร์ไม่ออกมากินข้าวบ้างเลยจะเป็นอะไรไหมเนี่ย”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณชวิศาไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าด็อกเตอร์ทำงานก็จะอยู่ในนั้นจนกว่างานจะเสร็จครับ ส่วนเรื่องอาหาร ด็อกเตอร์จะทานจำพวกอาหารอัดเม็ด วิตามินและอาหารเสริมครับ”

“ของแบบนั้นอะนะ”ชวิศาเบ้หน้า ไม่ค่อยชื่นชอบอาหารอวกาศแบบนั้นสักเท่าไหร่ เพราะเขาเป็นพ่อครัวทำอาหารด้วยสาเหตุหนึ่ง ถ้าคนส่วนใหญ่กินแต่ของแบบนั้น คนทำอาหารอย่างเขาคงไม่มีความจำเป็น

“ครับ เพราะด็อกเตอร์ต้องการเร่งทำงานให้เสร็จเร็วๆน่ะครับ”

“งั้นหรือ”ชวิศาได้แต่พยักหน้ายอมรับ แอบรู้สึกเหงาอยู่ไม่น้อยที่ไม่ได้เห็นหน้าชายหนุ่มเจ้าของบ้านมาตั้งสามวันพรุ่งนี้เขาก็ต้องกลับไปที่บ้านเพื่อไปรับหน้ามารดาและเผลอๆอาจจะไม่ได้กลับมาอีก ชวิศากังวลใจอย่างบอกไม่ถูก

ชวิศาทรุดตัวลงนั่งหน้าประตูบานใหญ่ เขาคิด... ไม่ว่าวันนี้ หรืออีกสองอาทิตย์หน้า ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องจากที่นี่ไปอยู่ดี แต่อย่างน้อยที่สุดถ้าได้เห็นหน้าสุดฟ้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนไปก็ดี ให้เขาได้อยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้าย...

ร่างเพรียวบางนั่งรออยู่หน้าห้องทำงานของสุดฟ้าตั้งแต่ช่วงสาย เที่ยงลุกไปกินข้าว และกลับมานั่งอยู่ที่เดิม นั่งรออยู่เช่นนั้นผ่านมื้อเย็น ชายหนุ่มเจ้าของบ้านก็ยังไม่ออกมาจากห้องเสียที รอจนหลับไปตรงนั้นและตื่นขึ้นพร้อมเช้าวันใหม่ ชวิศาได้แต่เหม่อมองประตูบานนั้นจนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

“เครื่องลงตอนสิบโมงนะ เรามาที่บ้านล่ะแล้วจะได้ออกไปพร้อมกัน” ชวิศาได้แต่ครางรับก่อนจะตัดใจลุกขึ้นยืน

“ทำไมไม่กดกริ่งเรียกล่ะครับ”สเตบาสเตียนถามเขา นั่นสินะ...ทำไมเขาถึงไม่ทำแบบนั้นล่ะ ชวิศาเหมือนนึกขึ้นได้ จึงได้เดินไปกดปุ่มบนกำแพง หลังจากยกมือออกทุกอย่างยังคงเงียบกริบเหมือนเดิม ประตูบานเลื่อนตรงหน้ายังไม่มีทีท่าว่าจะขยับ ชวิศาจึงใช้นิ้วจิ้มไปที่ปุ่มอีกครั้ง แล้วเอาหูแนบกับบานประตู แต่ถ้าชวิศารู้ว่าประตูความหน้าสิบเซ็นติเมตรสั่งทำด้วยวัสดุพิเศษกันเสียงทั้งภายในและภายนอกไม่ให้ทรานเฟอร์ส่งผ่านกันได้แล้วละก็ ร่างเพรียวบางคงไม่ทำเช่นนั้น

เมื่อกดกริ่งไปสองครั้งแล้วไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ ชวิศาจึงใช้มือเคาะประตูแทน

“ประตูสั่งทำพิเศษครับคุณชวิศาต่อให้เอาค้อนมาทุบเสียงจากภายนอกก็ไม่มีทางหลุดรอดเข้าไปข้างในครับ” สเตบาสเตียนพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย ชวิศาหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาอบอุ่นด้วยสีหน้าหลากหลาย ที่แน่ๆร่างบางหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆที่ทำเรื่องเปิ่นๆแบบนั้นออกไป เขายกมือขึ้นเกาศีรษะแกรกๆอย่างไม่รู้จะทำอะไรให้ดีไปกว่านั้น ก้มหน้าอมยิ้มด้วยความเขินอาย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดกับสเตบาสเตียนว่า

“งั้นผมไปก่อนนะครับ”ชวิศาเดินผ่านหน้าหุ่นยนต์ในรูปร่างชายหนุ่มร่างสูงกว่าไป เดินไปไม่กี่ก้าว สเตบาสเตียนก็ร้องว่ารอเดี๋ยว สเตบาสเตียนหายเข้าไปในครัวสักพักก็กลับออกมา

“พร้อมแล้วครับ”

ชวิศาได้แต่งง

“คุณชวิศาจะออกไปข้างนอกไม่ใช่หรือครับ ผมเองก็จะไปกับคุณด้วย”

แย่แล้ว! ชวิศาอุทานในใจ ถ้าสเตบาสเตียนไปด้วย เรื่องทุกอย่างที่เขาปิดบังไว้ก็คงต้องถูกเปิดเผยออกหมด จะทำอย่างไรดีล่ะ ชวิศาคิดด้วยความกังวล

“คุณสเตบาสเตียนไม่ต้องไปหรอกครับ ผมไปคนเดียวได้” ชวิศาอ้อมแอ้มบอกออกไป

สเตบาสเตียนมองคนตรงหน้า สมองกลประมวลผลวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว และกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเช่นเดิมว่า “คุณชวิศาลืมแล้วหรือครับ ด็อกเตอร์ให้ผมเป็นบอดี้การ์ดของคุณ ผมคงไม่สามารถให้คุณไปไหนมาไหนคนเดียวได้หรอกครับ”

“อ๊ะ...นั่นสิ” แย่แล้วๆ ชายหนุ่มได้แต่พร่ำร้องคำคำนี้อยู่ในใจ

“ครับ แค่หน้าที่ที่ผมได้รับก็ไม่สามารถปล่อยให้คุณออกไปข้างนอกคนเดียวได้อยู่แล้ว ดังนั้นกรุณาอย่าปฏิเสธด้วยครับ”

“ครับ” ร่างบางพยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นขอผมโทรศัพท์ก่อน” ใบหน้าจืดเจื่อนกังวล ชวิศาเลี่ยงเดินออกห่างจากหุ่นยนต์พ่อบ้าน ยกโทรศัพท์ขึ้นกดโทรออก

“พี่โย คุณสเตบาสเตียนเขาจะไปด้วยน่ะครับ”

“คนที่ว่า สุดฟ้าให้มาเป็นบอดี้การ์ดให้นายนะเหรอ อืม ก็เอาสิ”

“พี่ว่ามันจะไม่เป็นไรหรือ”

“หึ นายกังวลอะไรอยู่ล่ะ ไม่ใช่ว่านายหลุดพูดอะไรไปตั้งเยอะแล้วหรอกหรือ”

ชวิศาหน้าเสีย เขาแค่หน้าตาเหมือนคุณชวิศาของคุณสุดฟ้า แต่นิสัยหรือความคิดอ่านอย่างอื่นไม่รู้ว่าเหมือนกันไหม เขาเคยคุยกับอีกฝ่ายแค่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นตอนที่อยู่กับสุดฟ้า เขาจึงเป็นตัวเองอย่างที่สุด ไม่รู้ว่าเรื่องที่พวกเขาสลับตัวกัน สุดฟ้าจะรู้หรือยัง แต่ไม่รู้ล่ะ ตอนที่เขาขอดีๆก็ไม่ยอมตกลงง่ายๆนี่นา คอยดูสิ เขาจะทำให้สุดฟ้าหลงรักเขาให้ได้เลย

“อือๆ งั้นอีกเดี๋ยวเจอกันนะครับ”ว่าก่อนจะวางโทรศัพท์แล้วรีบมาหาสเตบาสเตียน

“โอเคครับ ไปกันเถอะ”

อีกครู่ใหญ่ๆต่อมา ชวิศาจึงได้ไปยืนเผชิญหน้ากับโยธิน คนเป็นพี่ขมวดคิ้วไม่ชอบใจนักกับเสื้อผ้าที่ชวิศาสวมใส่อยู่ กางเกงสแล็คสีดำนี่ก็โอเคอยู่หรอก แต่ไอ้ลายเพนต์การ์ตูนบนเสื้อยืดนี่มันอะไรกัน

“ตัวนี้ชื่อคิกขุแมนครับ คุณสุดฟ้าชอบมากเลย”ชวิศาโอ่พร้อมรอยยิ้ม

โยธินได้แต่พยักหน้ารับโดยไม่ออกความคิดเห็น และบอกให้ชวิศาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียดีกว่า ไม่เช่นนั้นถ้าคุณอาได้เห็นเสื้อยืดลายการ์ตูนเด็กประถมเช่นนี้อาจจะเป็นลมลงได้ ตอนนี้จึงเหลือแค่เขากับพ่อบ้านหนุ่มหล่อ และถ้าโยธินจำไม่ผิดสเตบาสเตียนที่เป็นพ่อบ้านของบ้านศิริกรน่าจะเป็นหุ่นยนต์ที่เจ้าของบ้านเป็นคนสร้างขึ้นแต่ที่เห็นอยู่ตรงหน้า นี่มันมนุษย์ชัดๆ!!!

“คุณ...สเตบาสเตียน?”โยธินเอ่ยถาม

“ครับ”

“คุณเป็นหุ่นยนต์หรือ”

“ครับ”สเตบาสเตียนตอบรับด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยนเช่นเดิม ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มหล่อเหลาไม่เปลี่ยนแปลงหรือสะทกสะท้านกับคำถาม

“ครับนี่คือใช่หรือไม่ใช่”

“ใช่ครับ ผมเป็นหุ่นยนต์ที่ด็อกเตอร์สร้างขึ้น”

เป็นฝ่ายโยธินเสียอีกที่ตะลึงงันไปกับคำตอบที่ชัดเจนของอีกฝ่าย

“ไม่จำเป็นต้องปิดบังหรืออย่างไร”โยธินถามอย่างสงสัย ซึ่งสเตบาสเตียนได้ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า “มีกฎที่ต้องปิดบังความลับอยู่บ้างครับ แต่ไม่ใช่กับคำถามนี้”

“อ่า... งั้นชวิศาอีกคน นั่นก็หุ่นยนต์ใช่ไหม”

“ใช่ครับ”

“สุดฟ้าสร้างหุ่นยนต์ที่ทั้งหน้าตาทั้งรูปร่างเหมือนชวิศาขึ้นมาทำไม ไม่ใช่สร้างขึ้นมาเพื่อทำเรื่องไม่ดีหรอกใช่ไหม”

“เรื่องจุดประสงค์ผมไม่ทราบครับ คงต้องถามจากด็อกเตอร์”สเตบาสเตียนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
นิ่งได้ใจสมกับที่เป็นหุ่นยนต์จริงๆวุ้ย โยธินคิด ยังไม่ทันอ้าปากจะพูดอะไรต่อชวิศาก็กลับลงมาเสียก่อน ชายหนุ่มจึงหยุดคำถามไว้แค่นั้น

จากนั้นชายหนุ่มทั้งสามคน (แม้ว่าที่จริงจะเป็นสองคน กับหุ่นยนต์หนึ่งตนก็ตาม แต่เราจะรวบยอดให้สเตบาสเตียนเป็นหนึ่งคนด้วยแล้วกัน) จึงออกเดินทางไปสนามบินด้วยรถยนต์ของโยธิน รอเวลาไม่นานนัก คุณนายตระกูลภูกิจพัฒน์ก็เดินออกมาจากเกตด้วยชุดกระโปรงผ้าไหมสีเขียวอ่อน ในมือขวาลากกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็ก คล้องกระเป๋าถือไว้ในมือซ้าย

มารดาของชวิศาเป็นอาจารย์สอนศิลปะและวัฒนธรรม สองพี่น้องแม้จะคนละนามสกุลแต่ได้รับการเลี้ยงดูจากนางมากับมือด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นไม่ว่าจะกิริยามารยาท การพูดจาหรือแม้กระทั่งการแต่งตัวก็ต้องเรียบร้อยระรื่นตา

ชวิศายกมือไหว้ให้อย่างเรียบร้อย ออกปากทักทายก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอด และโยธินก็ทำตามเช่นนั้นบ้าง พอถามสารทุกข์สุกดิบของทั้งบุตรชายและหลายชายเรียบร้อย สายตาของเธอจึงหันไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงซึ่งยืนยิ้มอยู่น้อยๆไม่ห่างกัน

“ใครหรือจ๊ะ”

“บ..”

“เพื่อนของผมเองครับ”ชวิศายังไม่ทันได้ตอบ โยธินก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน ชวิศามองหน้าลูกพี่ลูกน้องอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็เงียบปากไว้

“สเตบาสเตียนครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”เหมือนหุ่นยนต์พ่อบ้านจะรู้ตัวจึงได้เอ่ยแนะนำตัวอย่างสุภาพ นางพรลภัสยิ้มให้ก่อนจะตอบกลับไปเช่นเดียวกัน



สุดฟ้าออกมาจากห้องแห่งความลับของเขาตอนช่วงเวลาเที่ยงๆของวัน  โดยมีร่างหุ่นยนต์ที่เขาเพิ่งสร้างเสร็จเดินตามมาด้านหลัง  ชายหนุ่มเดินหายเข้าไปในห้องของสเตบาสเตียนซึ่งแต่เดิมเป็นห้องเก็บของ กลับออกมาพร้อมเสื้อผ้าสองชุดเพื่อให้หุ่นยนต์ทั้งสองตนสวมใส่

ตอนนี้เขาทั้งหิวและง่วงนอน แต่ถ้าจะให้ดี ขอให้มีอะไรตกถึงท้องก่อนจะนอนหลับต่ออีกสักสองสามวัน แต่ทั้งบ้านเงียบกริบ

“สเตบาสเตียน ชวิศา”สุดฟ้าร้องเรียก ซึ่งไม่มีเสียงใดๆตอบรับกลับมา สุดฟ้าเดินไปเปิดประตูห้องนอนของตน ในนั้นว่างเปล่าไม่มีใคร และไม่ว่าจะเป็นในห้องน้ำหรือในห้องครัวก็เช่นเดียวกัน

สุดฟ้ารู้สึกหงุดหงิด โมโห สองคนนั้นไปไหนกันนะ ชวิศาก็อีกคนจะไปไหนก็ไม่ยอมบอก ทั้งที่เขาก็เคยพูดว่าให้มาบอกเขาก่อนออกไปข้างนอก กำลังจะกดโทรศัพท์มือถือเพื่อโทรออก พลันความคิดบางอย่างได้ปรากฏแวบเข้ามาในหัว ไม่ใช่ว่าสองคนนั้นระริกระรี้ลั่นล้ากันอยู่ข้างนอกหรอกนะ จากที่กำลังจะโทรออกเลยเปลี่ยนเป็นเดินเข้าห้องทำงานของตนแทน  เขากรอกรหัสเข้าคอมพิวเตอร์ เปิดโปรแกรม กรอกโค้ดอีกสองสามอย่างแล้วกอดอกนั่งรอลูกโลกหมุนติ้วๆ ไม่ถึงอึดใจ จุดแดงๆบนแผนที่ก็ปรากฏ สุดฟ้าสกอร์เมาส์ซูมภาพ แล้วก็ยกมุมปากเป็นรอยยิ้มเหี้ยมออกมา

ออกมาจากห้อง หุ่นยนต์ของฝาแฝดที่สุดฟ้าสร้างให้ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ แน่นอนล่ะ ครั้งนี้เขาโปรแกรมที่ฟังก์ชันต่ำสุด รับคำสั่งอย่างเดียว ถ้าฟลูออปชันอย่างสเตบาสเตียนหรือชวิศา เจ้าพวกนั้นต้องรอไปอีกสิบชาติหรือจ่ายมายี่สิบล้านเท่านั้น

“ไปนั่งที่โซฟา”สั่งสั้นๆก่อนจะออกจากบ้าน รื้อเอาจักรยานไฟฟ้าที่เคยจอดทิ้งไว้ออกมาใช้

อากาศตอนเที่ยงวันร้อนใช่เล่น ที่สำคัญท้องร้องจ้อกๆเลย เพราะเขาคิดว่าออกมาจะได้กินอาหารร้อนๆฝีมือของชวิศาหรอกนะ เขาถึงไม่มีกินแคปซูลประทังชีพเลยตั้งแต่เมื่อวาน ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาลงโปรแกรมให้หุ่นสองตัวนั่นให้เสร็จ ที่ไหนได้... กลับเป็นแบบนี้ไปเสียนี่ ชายหนุ่มรู้สึกหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก

สุดฟ้ามาถึงจุดหมายปลายทาง กระเพาะยังคงส่งเสียงร้องอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ไอร้อนและแสงแดดตอนกลางวันทำให้เหงื่อไหลโทรมกาย ชายหนุ่มจอดรถจักรยานไว้หน้าบ้าน และเดินไปกดกริ่งหน้าประตู  ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะรออย่างใจเย็นได้ แต่ถ้าต้องให้ยืนร้อนรอนานไปว่านี้ เขาจะอาละวาดให้แหลกเลยคอยดู ชายหนุ่มเข่นเขี้ยวนับเวลาในใจ

โชคดีที่เขาเพิ่งเริ่มนับยังไม่ถึงสิบ ประตูไม้สีน้ำตาลตรงหน้าก็เปิดออก คนที่มาเปิดประตูให้เป็นลูกพี่ลูกน้องของชวิศา

“อ๊ะ” คนตรงหน้าอุทานออกมาได้แค่นั้น เพราะถูกผู้มาเยือนผลักให้พ้นทาง กลิ่นหอมที่ลอยออกมายิ่งทำให้สุดฟ้าน้ำลายสอ ให้ตายเหอะ ทิ้งให้เขาอยู่บ้านคนเดียวแล้วกินของอร่อยที่นี่กันเนี่ยนะ ช่างใจร้ายใจดำสิ้นดีเลย

“ด็อกเตอร์”ชวิศาร้องอย่างตกใจ ไม่คิดว่าร่างสูงจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ สุดฟ้าทำแค่เพียงยกมือให้ แล้วดึงเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ออกก่อนนั่งลง หยิบช้อนหยิบส้อมตักอาหารกินอย่างไม่สนใจใคร

ชวิศากลืนน้ำลายลงคอดังเอือก หันมองทางมารดาของตน คุณพรลภัสนั่งมองแขกที่ไม่ได้รับเชิญตาค้าง

ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเช่นปกติของชายหนุ่มวันนี้มีออปชันเสริมเป็นรังแคขาวๆเพราะไม่ได้สระผมมาหลายวัน ใต้ขอบตาหลังกรอบแว่นดำคล้ำ เสื้อยืดลายคิกขุแมน กางเกงขาสั้น สวมทับด้วยเสื้อกาวน์สีเหลืองหม่นๆ มีรอยด่างเป็นดวงๆ ชวิศาเห็นโยธินที่เดินตามเข้ามายกมือขึ้นกุมศีรษะ แล้วแม่ของเขาก็เอ่ยขึ้นมาหลังจากที่ได้สติว่า

“ช่วยบอกแม่ได้ไหมคะ ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร”

ชวิศาไม่ตอบหันมองไปทางชายหนุ่มผู้พี่

“เอ่อ... รุ่นน้องผมเองครับ มันค่อนข้างจะบ้าๆ เหมือนสติไม่เต็ม แต่ไม่มีพิษมีภัยหรอกครับ”

เสียงเรอดังขึ้นขัดจังหวะ อาหารตรงหน้าสุดฟ้าหมดเกลี้ยง “ใครเป็นรุ่นน้องของนายมิทราบ แล้วมาว่าฉันสติไม่เต็มน่ะ พวกเรารู้จักกันหรือไง ฮ่วย ชวิศากลับกันเถอะ” พูดจบร่างสูงได้คว้าข้อมือของชวิศาเดินออกจากบ้านโดยไม่ร่ำไม่ลา

โยธินหน้าเจื่อน มองตามสองคนที่เพิ่งเดินผ่านหน้าไปทางประตูบ้าน แล้วหันมามองหน้าหญิงสูงวัยผู้มีศักดิ์เป็นอา ดวงตาคมจ้องเขม็ง พร้อมคำถามเครียดเสียงเขียว

“ตกลงแล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่คะ”

หลังจากที่โยธินพยายามชักมหาสมุทรทั้งห้าแห่งมาอธิบาย ร่วมกับการปั้นน้ำอีกนิดหน่อย นางพรลภัสผู้เป็นอาจึงได้ยอมเลิกซักไซ้ไล่เลียง หากยังกำชับคำสุดท้ายให้โทรตามชวิศากลับมาคุยอีกครั้งตอนเย็น

“เอาแล้วไง จะทำอย่างไรดีล่ะเนี่ย”โยธินเดินกลับไปกลับมาพยายามหาหนทางออก พลันสายตาหันไปเห็นสเตบาสเตียนที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา ความคิดจึงหยุดลง และหันไปสนใจฝ่ายตรงข้ามแทน

“นายน่ะ ไม่กลับหรือไง”

“กลับครับ ถ้าเช่นนั้นขอตัวก่อน”สเตบาสเตียนตอบคำถามอย่างเรียบง่ายเหลือเชื่อแต่นั่นทำให้เขานึกออก

“เดี๋ยวก่อน นายทำให้ชวิศาอีกคนฟื้นได้ไหม” พูดไปแล้วเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าที่พูดถึงเมื่อสักครู่เป็นหุ่นยนต์ไม่ใช่คนเป็นๆมีชีวิต “...เอ่อ ฉันหมายถึงทำให้ทำงานน่ะ”

“ได้ครับ”

“ดีเลย งั้นไปจัดการหน่อย”

โยธินเดินนำพาสเตบาสเตียนขึ้นไปบนห้อง ร่างของหุ่นยนต์ชวิศานอนนิ่งอยู่บนเตียง รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนมนุษย์อย่างไม่มีผิดเพี้ยนทำให้ร่างนั้นราวกับคนที่กำลังนอนหลับ

“ขอโทษครับ คงต้องขอให้คุณออกจากห้องไปก่อน”

“เอ๊ะ ต้องออกไปด้วยหรือ”

“ครับ เกี่ยวกับระบบการทำงานต่างๆผมคงต้องเก็บเป็นความลับ รบกวนออกไปข้างนอกด้วยครับ”สเตบาสเตียนเอ่ยย้ำอีกครั้ง โยธินจึงได้แต่พยักหน้ารับและเดินออกไป พร้อมกับปิดประตู

หุ่นยนต์พ่อบ้านถอดเสื้อที่ร่างซึ่งนอนอยู่บนเตียงสวมอยู่ออก จับที่ฝ่าเท้าข้างขวาและกดปุ่มที่กึ่งกลางฝ่าเท้า เสียงวืดดังขึ้นเบาๆ พร้อมๆกับส่วนประกอบผิวหนังของร่างถูกยกตัวแยกออก สเตบาสเตียนปลดกระดุมด้านชายเสื้อของตนออกสองสามเม็ด กดนิ้วลงที่ตำแหน่งสะดือ แผ่นโลหะรวมถึงหนังเทียมที่ทำหน้าที่เทียบเท่ากับผิวหนังหน้าท้องจึงเปิดออก สเตบาสเตียนดึงเอาถุงพลาสติกหนาทึบออกมาจากช่องว่างช่วงท้อง แล้วปิดผิวหนังกลับไปอย่างเดิม

คุณพ่อบ้านเอาถุงที่ว่าสอดใส่ไว้ที่ช่องว่างช่วงท้องของหุ่นยนต์ชวิศา ดึงท่อกลมให้ยืดยาวออก ไปต่อกับช่วงคอและโพรงปาก ขยับหมุนให้เข้าที่ แล้วจึงหันไปดูสวิตช์ที่นิ้วก้อยเท้าข้างขวา เขาขยับมือขวาเล็กน้อย นิ้วมือทั้งห้าจึงเปลี่ยนเป็นปากกาบัดกรี สเตบาสเตียนใช้มันซ่อมแซมสวิตช์ให้เข้าที่เหมือนเดิม จากนั้นจึงกดปุ่มที่กลางเท้าขวาอีกครั้ง และดึงนิ้วก้อย หุ่นยนต์ชวิศาจึงลืมตาตื่น

“สเตบาสเตียนหรือ?”ชวิศาถามแล้วหันมองไปรอบๆเพื่อเปรียบเทียบภาพกับความทรงจำ

“ครับ”

“นายเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะ ทั้งที่ฉันหลับไปไม่กี่วันเท่านั้นเอง” เนื่องจากระบบนาฬิกาภายในร่างมีแบตเตอรี่โดยเฉพาะ ดังนั้นต่อให้ร่างหุ่นยนต์ถูกตัดกระแสชัตดาวน์นานเพียงใด นาฬิกาที่ว่าก็ยังเดินอย่างเที่ยงตรงต่อไป

“งั้นเรากลับกันเถอะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ ด็อกเตอร์ต้องการให้คุณอยู่ที่นี่”

“อยู่ที่นี่? คำสั่งของด็อกเตอร์อย่างนั้นหรือ”

“ใช่ครับ” สเตบาสเตียนตอบรับ “นอกจากนี้ ด็อกเตอร์ต้องการให้คุณเล่าเหตุการณ์ที่ทำให้คุณสลับตัวกับชวิศา ภูกิจพัฒน์ด้วยครับ”

“ชวิศา ภูกิจพัฒน์”ร่างหุ่นยนต์ที่นั่งอยู่บนเตียงพึมพำราวกับนึกทบทวน ที่จริงแล้วหุ่นยนต์ชวิศากำลังใช้ดังกล่าวค้นหาเปรียบเทียบกับความทรงจำที่ผ่านเข้ามา

“ฉันเจอเขาที่ซูเปอร์มาร์เก็ต”หุ่นยนต์ชวิศาเริ่มต้นเล่าเรื่องด้วยน้ำเรียบเรื่อย “เขาเข้ามาทัก และขออนุญาตสนทนาด้วย แต่ขอให้มาสนทนาที่บ้าน เพราะอยู่ที่นั่นมีแต่ผู้คนมองเราทั้งสองคน ฉันตามเขามา เขาขอร้องให้ฉันมาอยู่ที่นี่สักพักและเขาจะเข้าไปอยู่กับด็อกเตอร์ในฐานะของฉัน เขาบอกว่าแค่ช่วงเวลาหนึ่งเดือนเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นเขาก็ต้องกลับไปอยู่ที่ต่างประเทศตามเดิม แต่ฉันปฏิเสธ เขาก็พยายามขอร้องอ้อนวอน และเข้ามากอดขาฉันไว้ ตอนที่ฉันกำลังจะกลับ เขาดึงรั้งฉันไว้แล้วฉันก็ล้มลง” นั่นหมายความว่านิ้วก้อยเท้าข้างขวาต้องไปโดนอะไรสักอย่าง ชวิศาถึงเข้าสู่พาวเวอร์ออฟโหมด

“ฉันต้องอยู่ที่นี่แทนผู้ชายที่ชื่อชวิศา ภูกิจพัฒน์หรือ” ชวิศาถามซ้ำอีกครั้ง

“ครับ” หุ่นยนต์พ่อบ้านตอบรับสั้นๆ

ใบหน้าสวยก้มต่ำลงเล็กน้อยดูคล้ายจะเศร้าสร้อยและจำใจยอมรับอยู่ในที

“ถ้าอย่างนั้นผมเรียกคุณโยธินเข้ามานะครับ เขาคงมีอะไรต้องคุยกับคุณ เพื่อให้คุณเป็นชวิศา ภูกิจพัฒน์ที่แนบเนียนยิ่งขึ้น”ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับ สเตบาสเตียนเดินไปเปิดประตูให้โยธินเข้ามา

ไม่ว่าจะได้เห็นกี่ครั้ง ชายหนุ่มก็นึกทึ่งทุกครั้งไป ร่างตรงหน้าเหมือนกับชายหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายของเขาราวกับฝาแฝด ไม่ใช่สิ ฝาแฝดยังคงมีสิ่งแตกต่าง แต่ร่างตรงหน้าเหมือนราวกับโขลกออกมาจากพิมพ์เดียวกัน  หนำซ้ำใบหน้ายังดูอ่อนวัยกว่าชวิศาด้วยซ้ำ

สเตบาสเตียนขอตัวกลับ

โยธินหันไปบอกลาแล้วจึงหันไปหาคนที่นั่งอยู่บนเตียง

“ผมอยากรู้ สุดฟ้าเขาสร้างคุณขึ้นมาเพื่ออะไร”

หุ่นยนต์ชวิศาตอบคำถามนั้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องครุ่นคิด “เพื่อให้ผมเป็นคนรัก”



แสงแดดตอนบ่ายๆก็ยังคงร้อนเปรี้ยงอยู่เช่นเดิม

สุดฟ้าเดินสะโหลสะเหลเข้าไปในห้องนอน มือหนึ่งคว้าจับข้อแขนของชวิศาไว้แน่น ลากพาให้เข้าไปนอนด้วยกัน แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ ร่างเพรียวบางจึงขืนตัวไว้

“เดี๋ยวผมคุยโทรศัพท์เสร็จ แล้วจะตามไปนะครับ” ชวิศาพูด ชายหนุ่มพยักหน้ารับ เปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง ชวิศาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย

“ทำไมสภาพของสุดฟ้าถึงได้เข้าขั้นดูไม่ได้ขนาดนั้นหา” ปลายสายกรอกเสียงมา ไม่รอให้เขาได้เอ่ยทักทาย ตอนที่โยธินโทรมาหาชวิศานั้น เป็นช่วงที่สเตบาสเตียนให้เขารออยู่นอกห้องเพื่อจัดการให้หุ่นยนต์ชวิศาที่กำลังนอนหลับ ฟื้นขึ้นมา

“ก็... ก็เขาเพิ่งทำงานเสร็จ”

“ผู้ชายคนนั้นเป็นกรรมกรหรือไง พี่ว่ากรรมกรยังสภาพดูดีกว่าหมอนั่นเลย พี่คงว่าอะไรหรอกนะ ถ้าเขาไม่โผล่มาให้คุณอาได้เห็น แล้วเย็นนี้คุณอาก็อยากจะคุยกับนายด้วยตัวเอง นายจะเอาอย่างไร แต่ในความคิดของพี่ พี่อยากให้นายเลิกเล่นและกลับมาที่บ้านเสียที แล้วพี่จะให้สเตบาสเตียนพาคนคนนั้นกลับไปพร้อมกันเลย” 

“ไม่ได้นะ ไม่เอาด้วยหรอก ผ... ผม...”

“ซีฟังนะ พี่รู้นายอยากอยู่ที่นั่น นายอยากอยู่กับสุดฟ้า แต่นายไม่คิดบ้างหรือไงว่าชวิศาอีกคนเขาจะรู้สึกอย่างไร นายอยู่ที่นั่นนายคงจะรู้ว่าทั้งสองคนเขามีความสัมพันธ์อย่างไร นายจะทำลายพวกเขาทั้งคู่เพื่อความสุขของตัวเองหรือ พี่อยากให้นายคิดถึงจุดนี้ดีๆ”

ชวิศานิ่งเงียบ สิ่งที่เขาทำอยู่เป็นการทำร้ายทั้งสุดฟ้าและผู้ชายที่หน้าตาเหมือนเขาคนนั้น เขาเป็นมือที่สามซึ่งมาแทรกกลางความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ชวิศาได้แต่น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง ทั้งที่หน้าตาเหมือนกันแท้ๆ แต่ทำไมเขาถึงไม่มีโอกาสแบบนั้นบ้างนะ

ชายหนุ่มร่างเพรียวบางกดวางสายไปโดยไม่ได้โต้ตอบอะไร เขาเปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง สุดฟ้านอนคว่ำหน้าหลับสนิทอยู่บนเตียง เขานั่งมองชายหนุ่มร่างสูงนึกย้อนกลับไปสมัยที่ตนยังเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สอง เขาได้พบสุดฟ้าครั้งแรกเนื่องจากมีวิชาเรียนร่วมกัน  ฝาแฝดสุวราลักษณ์ที่นั่งขนาบข้างอยู่สองฝั่งทำให้สุดฟ้า ศิริกรดูโดดเด่นขึ้นมาด้วย แต่เป็นความโดดเด่นในความแปลกเสียมากกว่า เพื่อนๆในสาขาต่างสงสัยกันว่าเพราะอะไรสองหนุ่มที่ทั้งหล่อและเท่อย่างเหลือร้ายถึงได้คบกับผู้ชายเชยๆเหมือนไม่เต็มแบบนั้น

แต่ผู้ชายที่เหมือนไม่เต็มคนนั้นกลับสอบได้คะแนนเต็มสำหรับการเทสต์ย่อยครั้งแรก ชวิศามองใบประกาศคะแนนด้วยความทึ่ง เพื่อนๆคนอื่นก็คงรู้สึกไม่ต่างกันนัก ทำให้ยิ่งตระหนักว่า คนเรานี่มองแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆ

วันเวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไปเรื่อยๆ จนเข้าใกล้ช่วงสอบอีกครั้ง และบังเอิญว่าวันนั้นเขามีโอกาสได้เจอสุดฟ้า ศิริกรที่ห้องสมุด ตรงหน้าชายหนุ่มหน้าตาเชยๆมีหนังสือภาษาอังกฤษเล่มหนาหลายเล่มวางไว้เต็มโต๊ะ เขาคิดว่าสุดฟ้าคงจะอ่านหนังสือเช่นเดียวกัน เขาจึงเดินเข้าไปหา ร่างสูงก้มหน้าเขียนอะไรบางอย่างลงในสมุดยิกๆแทบไม่ได้หยุดมือ เขาจึงส่งเสียงเรียกเบาๆอยู่สองสามครั้ง ร่างนั้นก็ไม่มีทีท่าจะเงยหน้าขึ้นมามอง จนตัวเขานึกถอดใจ ในเมื่อฝ่ายนั้นเก่งกาจขนาดนั้นคงไม่จำเป็นต้องสนใจคนอื่นหรอก แต่ตอนที่เขากำลังจะหันหลังกลับ สุดฟ้าเงยหน้าขึ้นมาและส่งเสียงเรียกเขาไว้

“มีอะไรเหรอ”

ครั้งนั้นกลับกลายเป็นเขาเสียอีกที่อึกอักไม่กล้าพูดอะไรออกไป ก่อนจะถามอีกฝ่ายกลับไปว่าอ่านหนังสือสอบอยู่เหรอ

“เปล่า เขียนสูตรเคมีอยู่”

ถึงคำตอบจะทำให้เขาแปลกใจเพราะมันดูไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ต้องใช้ในการสอบ กระนั้นเขาทำใจกล้าชักชวนให้อีกฝ่ายมาอ่านหนังสือด้วยกัน ด้วยคิดง่ายๆว่า คนเก่งๆแบบนี้น่าจะเก็งข้อสอบได้บ้าง เรื่องเรียนนับได้ว่าเป็นปมด้อยที่สุดของเขา ไม่ว่าจะพยายามมากเท่าใด ดูเหมือนว่าผลการเรียนของเขาจะไม่ได้ดีขึ้นตามความพยายามนั้นเลย

“ไม่ล่ะ ฉันขี้เกียจ” ทว่าชายหนุ่มปฏิเสธความหวังของเขาโดยสิ้นเชิง

“นายอยากให้ฉันติวให้เหรอ” สุดฟ้าถามเขาตรงๆ ซึ่งทำให้เขานิ่งคิดหาคำตอบ คนที่นั่งอยู่จึงเปิดสมุดไปหน้าหลัง ก้มหน้าเขียนอะไรยุกยิกลงกระดาษ ก่อนฉีกมันออกจากสมุดแล้วส่งให้เขาพร้อมรอยยิ้มบางๆ “ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า ก่อนหน้านายก็มีตั้งหลายคนแล้วที่มาขอให้ฉันติวให้” เมื่อสุดฟ้าพูดเช่นนั้น เขาถึงได้สังเกตเห็น สมุดเล่มนั้นดูบางกว่าปกติจริงๆ “แต่บอกตามตรงนะ ฉันขี้เกียจ”สุดฟ้ายังย้ำให้เขาฟังอีกรอบพร้อมกับก้มหน้าลงไปขีดๆเขียนๆต่อไป

เขารีบเดินออกมาจากที่ตรงนั้นทันที หัวใจเต้นตูมตามเหมือนจะกระดอนออกมาจากอก มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก และมือของเขายังคงสั่นตอนที่ยกกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู แต่แค่ไม่กี่วินาทีเมื่อสายตากวาดมองตัวอักษรทั้งหมดในหน้ากระดาษ เขารู้สึกได้ว่าร่างกายเย็นเฉียบลงอย่างฉับพลัน พร้อมกับความคิดที่ผุดขึ้นมาในใจ

....นี่มันภาษาอะไรกันเนี่ย....

ภาษาไทยที่ชายหนุ่มผู้ไม่ค่อยเต็มเขียนให้ อ่านออกค่อนข้างยากแต่เขาและพี่โยก็พยายามแกะมันจนออก เนื้อความข้างในเขียนไว้ว่าควรต้องอ่านตรงไหน ควรจะต้องท่องจำอะไรบ้าง เขาทำตามนั้น แม้สมองของเขาจะจดจำพวกเนื้อหาเหล่านี้ได้น้อย ถึงกระนั้นผลคะแนนที่ได้ยังเกินค่ามีน (มาจาก Median แปลว่า ค่ามัธยฐาน)มาไกล  เขาอยากจะเลี้ยงขอบคุณ แต่ตอนที่เจอสุดฟ้าอีกครั้ง ดูท่าว่าชายหนุ่มจะลืมเขาไปแล้ว เขาจึงซื้อสมุดโน้ตเล่มใหม่ไปให้แทน

จากนั้น พอรู้สึกตัวสายตาของเขาก็มักจะมองหาร่างสูงของสุดฟ้าอยู่เรื่อยไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2017 19:21:09 โดย ตีสี่ »

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
โยธินมองร่างเพรียวบางซึ่งยืนอยู่หน้าเตาหยิบจับสิ่งของต่างๆอันเป็นส่วนผสมของวัตถุดิบสำหรับมื้อเย็นด้วยความคล่องแคล่วแล้วนึกทึ่ง ชายหนุ่มลองขอให้คนที่กำลังยืนอยู่หน้าเตาทำพาสต้าไวต์ซอสให้ทาน ทุกคนในครอบครัวต่างรู้กันว่า ชวิศาทำอาหารได้ดีที่สุดและไม่เอาอ่าวในทุกเรื่อง

ทั้งที่ผู้เป็นแม่เป็นถึงอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในหลายแขนงไม่ว่าจะเป็นการจัดดอกไม้ ร้อยมาลัย เย็บหรือปักผ้า ทำอาหาร ทำขนม ดนตรี รำไทยหรือแม้กระทั่งเต้นรำ ลูกพี่ลูกน้องซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องชายได้รับการถ่ายทอดความรู้ต่างๆเหล่านั้นมาตั้งแต่ยังไม่ครบสามขวบดี แต่จนกระทั่งปัจจุบันความสามารถต่างๆที่ถูกอบรมสั่งสอนบรรจุเข้าไปในตัวก็ยังคงเป็นแค่ขั้นฝึกหัดจะมีสิ่งที่ได้เรื่องได้ราวขึ้นมาบ้างก็คงเป็นการทำอาหาร แต่ความสามารถนี้กว่าจะผลิดอกออกผล นั้นเป็นช่วงที่ชวิศาเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย ที่เขาพูดกันว่า ‘เมื่อทำสิ่งใดซ้ำๆกันเป็นระยะเวลาสิบปี ความสามารถนั้นจะกลายเป็นพรสวรรค์’ ดูทีท่าแล้วคำพูดนี้จะใช้ไม่ได้ผลกับชวิศา  ภูกิจพัฒน์เลย กระนั้นด้วยความที่ถูกอบรมบ่มนิสัยมาอย่างเข้มงวดบวกกับนิสัยว่านอนสอนง่าย น้องชายของเขาจึงดูเรียบร้อยน่ารักสมกับหน้าตาให้พ่อแม่ญาติพี่น้องได้ชื่นใจ

ใช่แล้ว... ชวิศาเป็นหลานรักของตระกูล ทั้งที่ไม่ได้นามสกุลภูสิทธ์วรโชติ ซ้ำยังเป็นเครือญาติที่สายเลือดค่อนห่างออกไปพอควร แต่คุณย่าของเขากลับรักชวิศานักหนา อันที่จริงต้องบอกว่ารักและชื่นชมคุณแม่ของชวิศา คุณอาของเขาถึงจะถูกและความรักนั้นก็ถูกส่งต่อไปยังชวิศาอย่างไม่มีข้อสงสัย

เขาไม่เคยรู้สึกอิจฉาน้องชายผู้ซึ่งเป็นที่รักของครอบครัว ออกจะเอาใจและตามใจจนเกินไปด้วยซ้ำ ถึงได้ยอมให้ทำในสิ่งที่จะเกิดเรื่องยุ่งยากเช่นนี้แม้จะรู้ว่าชวิศาจะไม่มีทางตัดใจตามที่เคยบอกไว้ในตอนแรกซ้ำคงจะทุกข์ทรมานยิ่งกว่าเดิม แต่เขาไม่อาจใจร้ายออกปากห้ามน้องชายได้ลงคอ

"เสร็จแล้วครับ เดี๋ยวผมไปเรียกคุณแม่นะครับ"

ร่างเพรียวบางผู้มีหน้าตาละม้ายคล้ายชวิศาราวกับเคาะออกมาจากพิมพ์เดียวกันวางจานอาหารลงบนโต๊ะ แต่ก่อนจะได้ก้าวออกจากครัวไปทำตามที่ปากพูด พรลภัส ภูกิจพัฒน์ ได้ก้าวเท้ามาถึงโต๊ะอาหารเสียก่อน

"ว้าว น่าทานจังค่ะ แม่คิดถึงอาหารฝีมือลูกมากๆ" ผู้ซึ่งแอบอ้างเป็นลูกในขณะนี้ยิ้มรับ ดึงเก้าอี้ออกมาและนั่งลง

"ทานเยอะๆนะครับ" พ่อครัวบอกก่อนจะยกมือขึ้นหยิบช้อนตักอาหารของตนขึ้นมาชิม โยธินมองด้วยความอึ้งและทึ่งเป็นครั้งที่สอง

"เป็นอะไรหรือจ๊ะพี่โย"

"อ๊ะ ป... เปล่าครับ" ตอบปฏิเสธแต่ที่จริงเขากำลังนึกสนเท่ห์ว่า เหตุใดคนตรงหน้าถึงทานอาหารได้ ร่างที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นหุ่นยนต์ไม่ใช่หรือ ...หรือเจ้าสเตบาสเตียนหุ่นยนต์พ่อบ้านตนนั้นจะโกหก เห็นอย่างนี้เขายิ่งรู้สึกสับสน ถึงกระนั้นก็ลงมือตักอาหารเข้าปาก อาหารที่อีกฝ่ายทำยังคงรสชาติดีอย่างไม่มีที่ติ มองไปทางอาผู้หญิง เธอยังคงทานอาหารด้วยความเอร็ดอร่อยเช่นเดิมทำให้เขายิ่งสับสน ...นี่เขาพลาดหรือลืมอะไรไปหรือเปล่านะ

โยธินตามหุ่นยนต์ที่ชื่อว่าชวิศาเข้าไปในห้องหลังทานอาหารเสร็จ ด้วยความสงสัยว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่ใช่หุ่นยนต์จริงๆก็เป็นได้

"ผมขอตัวเขาห้องน้ำก่อนนะครับ" ร่างเพรียวบางกว่าเอ่ยปาก เขาพยักหน้ารับ ร่างนั้นจึงหายเข้าไปในห้องน้ำอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะกลับออกมาคุยกับเขาอีกครั้ง

"มีอะไรหรือครับ"

"นายเป็นหุ่นยนต์จริงๆ นะหรือ"

"ครับ" คู่สนทนาตอบรับสั้นๆ

"มีอะไรที่พอจะเป็นข้อพิสูจน์ได้บ้าง"

หุ่นยนต์ชวิศานิ่งเงียบไปเล็กน้อย "ผมไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลโครงสร้างของร่างกายครับ รวมถึงการกระทำที่แปลกประหลาดในสายตาของมนุษย์ต่อมนุษย์ผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากด็อกเตอร์ แต่เพื่อเป็นการยืนยันตัวผมต่อคุณซึ่งผมจำเป็นต้องอยู่ร่วมต่อไปอีกพักใหญ่ การกระทำเช่นนี้อาจจะไม่ได้เป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง"

โยธินรู้สึกหมั่นไส้ตงิดๆ กับคำว่า 'จำเป็น' ของอีกฝ่าย ถ้าสุดฟ้ารู้อยู่แล้วเรื่องชวิศาทั้งสองคน น่าจะส่งคนของเขากลับมาเสียก็สิ้นเรื่อง คนที่ยอมให้หุ่นยนต์นี่อยู่ที่นี่ต่อไปใช่ว่าจะเป็นเขาเสียหน่อย

ร่างหุ่นยนต์ชวิศายื่นมือซ้ายออกมาตรงหน้า ขยับนิ้วนางเพียงเล็กน้อย ปลายนิ้วเรียวกลับเปลี่ยนเป็นดวงไฟที่ฉายแสงสว่าง ชายหนุ่มตาโตไม่เชื่อก็ต้องเชื่อจริงๆ

"แล้วนายทานอาหารกินข้าวได้เหมือนคนจริงๆเลยเนี่ยนะ"

"อย่างที่ผมแจ้งไปเมื่อสักครู่ว่า ผมไม่ได้..."

"เออน่า เรื่องนั้นบอกครั้งเดียวฉันก็จำได้แล้ว แต่ช่วยอธิบายคร่าวๆไม่ได้หรือไง หรืออย่างน้อยก็ช่วยบอกก่อนว่านายทำอะไรได้บ้าง ฉันจะได้ไม่ต้องตกใจทีหลัง"โยธินเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อนที่หุ่นยนต์ชวิศาจะท่องข้อห้ามที่เคยบอกไปจนจบ

ด็อกเตอร์สร้างให้หุ่นยนต์เช่นเขาขับเคลื่อนร่างกายและดำเนินชีวิตเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้บรรจุข้อมูลการถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเข้ามาด้วยเพราะถ้าทำได้คำตอบที่เขาจะบอกออกไปคงสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

"ผมไม่ได้ทานอาหารจริงๆครับ เพียงแค่ทำท่าเหมือนทานเข้าไป ส่วนอาหารที่ทานเข้าไปนั้นจะถูกเก็บไว้ในช่องว่างช่วงท้อง หลังจากนั้นผมต้องนำมันออกมาเททิ้งครับสำหรับคำถามที่คุณถามว่าผมทำอะไรได้บ้าง ผมต้องบอกว่า 'ผมทำได้ทุกอย่าง' อย่างที่มนุษย์คนหนึ่งสามารถทำได้ สามารถแช่น้ำได้แต่ไม่สามารถว่ายน้ำได้ด็อกเตอร์ไม่มีเวลาในการสร้างระบบลอยตัวให้ผม เพราะไม่ได้มีจุดประสงค์ในการสร้างผมขึ้นมาเป็นนักว่ายน้ำ รวมถึงการว่ายน้ำยังไม่มีความจำเป็นในการดำเนินชีวิตประจำวันอีกด้วยแต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่นการพบบุคคลซึ่งกำลังจมน้ำ ผมจะดำเนินการค้นหาบุคคลชายหรือหญิงผู้มีร่างกายแข็งแรงมาดำเนินการช่วยชีวิตครับ เฮ้อ..."ตบท้ายด้วยการถอนหายใจ หุ่นยนต์ชวิศายกยิ้มและถามต่อไปอีกว่า "ผมถอนหายใจเหมือนมนุษย์ไหมครับ"

+++++โปรดติดตามตอนต่อไป+++++

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2017 19:22:15 โดย ตีสี่ »

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
สนุกมากกกก :ling1:

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
สนุกมากกก กอ/ไก่เยอะๆๆเลย เห้ยยยย พระเอกแบบโคตะระเพี้ยน 555555 น่ารักแฮะ

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
ตอนที่หก

ตอนที่สุดฟ้าตื่นขึ้นมา เขาทั้งหิวและหงุดหงิด หงุดหงิดเพราะตื่นมาแล้วไม่เห็นชวิศานอนอยู่ข้างๆ หิวเพราะไม่ได้กินอะไรมาสองวันเต็มๆ ถึงกระนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนสิ่งอื่นใด ชายหนุ่มกดรหัสลงไปในเครื่องและยกขึ้นแนบหู นิ่งฟังข้อความเสียง และเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าหลังจากข้อความนั้นจบลง

ชายหนุ่มเปิดประตูออกมาจากห้องนอน ได้ยินเสียงชวิศาดังออกมาจากห้องนั่งเล่น พอเดินไปถึงก็เห็นชวิศา สเตบาสเตียนและหุ่นยนต์สองตนที่เขาเพิ่งสร้างเสร็จนั่งเล่นไพ่กันอยู่

“ด็อกเตอร์ ตื่นแล้วหรือครับ” ชวิศาร้องทักพร้อมรอยยิ้มและเดินเข้ามาหา สเตบาสเตียนจึงลุกขึ้นมาบ้าง

“รับอาหารเลยไหมครับ”

สุดฟ้าพยักหน้างึกก่อนจะดึงชวิศาเข้ามากอด สูดกลิ่นหอมอ่อนๆเข้าปอดสองสามเฮือก ถึงได้รู้สึกค่อยยังชั่วหน่อย พลันนึกขึ้นได้จึงผละร่างของชวิศาออกอย่างรวดเร็ว ยกคอเสื้อ ยกรักแร้ขึ้นดม งืม... มีกลิ่นตุๆจริงๆด้วยแหะ ไม่มีสิถึงจะเป็นเรื่องแปลก สุดฟ้าไม่อยากจะนับว่าเขาไม่ได้อาบน้ำสระผมมากี่วันแล้ว

“ไปอาบน้ำกันไหมชวิศา”สุดฟ้าเอ่ยถามตาหวานเยิ้ม แน่ละ เขาชวนไปอาบน้ำด้วยกันอย่างนี้มันต้องมีนัยยะสำคัญอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าร่างเพรียวที่ยิ้มเขินอายอยู่ตรงหน้าจะรู้หรือไม่ หรือขวยเขินกับสายตาหยดย้อยของชายหนุ่มเท่านั้น กระนั้น ชวิศาก็ยังคงเดินตามชายหนุ่มร่างสูงผู้เป็นเจ้าของบ้านเข้าไปในห้องน้ำอยู่ดี

สุดฟ้ารีบถอดเสื้อของตนออกอย่างรวดเร็ว หากอีกฝ่ายที่ตามเข้ามาด้วยกันกลับยั้งไว้ ก่อนที่ร่างสูงจะปลดกางเกงของตัวเองลง

“โกนหนวดก่อนดีกว่านะครับ”ชวิศาเอ่ยอาสา พลางดันให้สุดฟ้านั่งลงกับขอบอ่าง ชายหนุ่มจึงเอี้ยวตัวหันไปเปิดก็อกล้างมือ ร่างเล็กบางฉีดโฟมโกนหนวดใส่มือ ขยี้เล็กน้อยและลูบไปตามแนวคางได้รูปจนทั่ว จากนั้นจึงล้างโฟมออกจากมือเพื่อหยิบจับมีดโกน มือเรียวบางถือส่วนด้ามไว้มั่น แล้วเริ่มลากจากต้นคอด้านข้างของชายหนุ่มไปถึงสันกราม ไล่ไปถึงเสี้ยวหน้าอีกด้าน ในระหว่างนั้นดวงตาคมเข้มของร่างสูงใหญ่จับจ้องอยู่บนใบหน้าเนียนจนชวิศาแทบมือไม้อ่อนอยู่หลายครั้ง กระทั่งโกนหนวดให้อีกฝ่ายเสร็จใบหน้าของชวิศายังแดงเรื่อไม่จางหาย

สีแดงเรื่อบนผิวเนียนใสกระตุ้นความปรารถนาได้ดียิ่งนัก เขาจึงรั้งร่างเพรียวบางกว่าเข้ามาใกล้ กดจมูกซุกไซ้บริเวณหน้าท้องเรียบ ใช้จมูกดุนดันสูดกลิ่นหอม แล้วใช้ฟันขบผิวเนื้อผ่านเนื้อผ้าเบาๆ ชวิศาตัวสั่นน้อยๆตอนที่มือหนากร้านไต่แตะแถวสะโพกพลางรั้งทั้งกางเกงขาสั้นและชั้นในของอีกฝ่ายลงมากองที่เข่า

ร่างสูงลุกขึ้นยืน จับชายเสื้อยืดลายคิกขุแมนที่ชวิศาสวมใส่อยู่ติดมือ ดึงออกทางศีรษะ จากนั้นก็รีบปลดกางเกงของตนอย่างรวดเร็ว สุดฟ้ายิ้มกว้างดันชวิศาให้ไปอยู่ใต้ฝักบัว เปิดน้ำและลากมือไปตามผิวเนียน ชวิศาหลุบสายตาลงต่ำ อมยิ้มแก้มแดงเพราะความเขินอาย ใช้มือลูบน้ำถูไถผิวสีเข้มบนหน้าอกของเขาเช่นเดียวกัน

เว้ยเฮ้ย!!! ยิ่งถูยิ่งเร้าอารมณ์ ...แต่ไม่ได้ สุดฟ้าพยายามหักห้ามใจ ไม่เช่นนั้นแล้วร่างกายของเขาอาจจะไม่สะอาด ยิ่งไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน ชายหนุ่มพยายามข่มอารมณ์ ปิดน้ำและหยิบใยขัดตัวขึ้นมา บีบครีมอาบน้ำใส่ลงไป ขยำๆ สองสามที แล้วกอบเอาฟองสีขาวมาลูบที่ไหล่มนของร่างเล็กกว่า ส่วนใยขัดตัวก็ส่งให้อีกฝ่ายต่างฝ่ายต่างถูฟองสบู่ให้กันแต่ไม่ไกลไปกว่าหน้าอก แขนขวา หัวไหล่  แขนซ้าย หัวไหล่ หน้าอก และกลับมาที่ หน้าอก หัวไหล่ แขนขวา

ชวิศาเหลือบตาขึ้นมอง อมยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะที่หลุดออกมา

“มาครับ หันหลังเดี๋ยวผมจะถูหลังให้ด็อกเตอร์เอง”พูดพลางจับให้ชายหนุ่มร่างสูงหันหลัง ใช้ใยขัดตัวถูๆจนทั่วทั้งตัว เสร็จแล้วจึงเปิดน้ำล้างตัวให้อีกฝ่าย

“ผมว่า ผมของด็อกเตอร์ยาวแล้วนะครับ วันนี้ออกไปตัดกันดีไหม”

“อือ ก็ได้”

ชวิศาส่งผ้าเช็ดตัวมาให้ร่างสูง เขารับไว้นำมาพันรอบตัว ร่างเล็กบางกว่าใช้ผ้าขนหนูอีกผืนพันเอวแล้วเดินนำออกไปจากห้องน้ำ
เอ่อ... สุดฟ้ารู้สึกว่าเขาจะลืมอะไรสักอย่าง กำลังงงๆ ชวิศาก็จับเขาแต่งตัวพาออกไปด้านนอกเสียแล้ว ยิ่งพอเห็นอาหารที่สเตบาสเตียนทำให้วางไว้บนโต๊ะพร้อมเสียงกระเพาะที่ดังโครกคราก เรื่องที่พยายามจะนึกจึงลืมไปสนิท

ทานอาหารมื้อแรกของวันเรียบร้อย ชวิศาก็จูงมือเขาออกไปบ้าน สเตบาสเตียนเดินตามมาข้างหลัง

สุดฟ้าเรียกรถแท็กซี่ให้มารับที่บ้าน อากาศและแสงแดดตอนเที่ยงๆบ่ายๆของวันร้อนจนไม่อยากเดินฝ่าออกไปกล้างแจ้งให้แสงยูวีแผดเผา รถแท็กซี่สีเขียวคาดเหลืองมาจอดเทียบถึงหน้าห้าง สุดฟ้าหยิบเงินตามจำนวนที่ขึ้นโชว์บนมิเอตอร์ให้คนขับแท็กซี่ ก่อนจะลงมาจากรถ ชวิศาเดินตามลงมา ส่วนสเตบาสเตียนที่นั่งอยู่เบาะหน้าลงมายืนรอก่อนหน้าแล้ว

ทั้งสุดฟ้าและชวิศาแต่งตัวคล้ายฝาแฝดใส่เสื้อยืดคอกลมลายคิกขุแมนในเวอร์ชั่นสีชมพูหวานแหววแต่เปล่งประกายออร่าสีม่วงจับมือกันคุยเรื่องสัพเพเหระ ชี้ชวนดูนั่นดูนี่ไปตามทาง ทำให้สาวๆและหนุ่มๆ(?)ที่เดินผ่านไปผ่านมารู้สึกเสียดาย ผู้ชายตัวเล็กกว่านั่นออกจะดูดี ขนานใส่เสื้อยืดปอนๆราศีสูงส่งยังจับระยิบระยับไม่สมกับไอ้หนุ่มหัวกระเซิงหน้าตาโอตาคุเสียเลย ส่วนสเตบาสเตียนสุดหล่อซึ่งเดินตามทั้งสองคนต้อยๆ สายตามองตรงไปข้างหน้าพร้อมใบหน้าอมยิ้มน้อยๆก็หล่อกระชากใจสาวๆจนมีแต่คนส่งสายตาหวานเชื่อมทอดสะพานมาหา ไม่อยากจะกล่าวให้ใครเสียใจ ใบหน้าหล่อเหลาด้วยรอยยิ้มอบอุ่นนี้เป็นรูปแบบพื้นฐานที่สุดฟ้าตั้งไว้เพื่อกันคนที่จะมายุ่งย่ามกับชวิศา ถ้าคิดว่าหน้าตาดีจนสามารถเทียบรัศมีสเตบาสเตียนผู้ซึ่งพระเจ้าสุดฟ้าเป็นคนปั้นแต่งขึ้นมาได้ ก็ลองเข้ามาสิ!!!!

ชวิศาพาสุดฟ้ามาตัดผมที่ร้านประจำช่วงที่ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เจ้าของร้านเดินเข้ามาทักอย่างสนิทสนม สุดฟ้าไม่แปลกใจ ก็นี่ชวิศา  ภูกิจพัฒน์ไม่ใช่หุ่นยนต์ชวิศาของเขา แต่ทว่าชวิศาคงจะลืมไปว่าสลับตัวกับคน(หุ่นยนต์)ของเขาและเข้ามาอยู่ในบ้านของเขา ฉะนั้นเขาจะรอช้าอยู่ไย

“ชวิศา นายสนิทกับผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ คบกับนายมาตั้งนานไม่เคยเห็นนายเข้าร้านนี้สักที ร้านประจำของนายต้องเลยไปอีกไม่ใช่หรือ”ชายหนุ่มกระซิบเสียงเบาด้วยคำตอแหลและมั่วแหลก

ซวยแล้ว!!! หลุดอีกแล้ว ชวิศาหน้าซีด ก่อนจะยกยิ้มแหยๆ ชายหนุ่มเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งเหงื่อแตกอยู่สามสิบวินาทีก็คิดคำแก้ตัวออก

“จริงๆมีร้านประจำสองร้านครับ แต่ร้านนี้ไม่ค่อยได้เข้า”ร่างเล็กหน้าใสซึ่งตอนนี้กลายเป็นหน้าซีดอ้อมแอ้มตอบ เขาจึงทำเป็นพยักหน้ารับรู้ แต่ที่จริงในใจแอบขำ

สุดฟ้าเดินตามช่างที่เรียกให้ไปสระผม  เขาไม่อยากจะสารภาพเลยว่าไม่ถูกกับร้านแบบนี้อย่างแรง!!! ครั้งสุดท้ายที่เจ้าฝาแฝดสุดโฉดนั่นพาเขามาเข้าร้านแบบนี้ เขาถึงกับไม่กล้าออกจากบ้านไปสามเดือน ช่างเป็นความทรงจำที่น่าสยดสยองเสียนี่กระไร สุดฟ้าคร่ำครวญในใจด้วยภาษาดาวนาเม็ก

“มีแบบไหมค่ะ” คุณช่างสุดสวยผมยาวสีดำประการแดงเอ่ยถาม สุดฟ้าถึงกับมองผ่านกระจกตาค้าง ให้ตายเหอะ อกเป็นอก เอวเป็นเอว ผิวขาวน่าเจี้ยมากๆ

“แล้วแต่พี่ตาเลยครับ ขอหล่อๆแล้วกัน” รู้สึกชวิศาจะเป็นตอบคำถามให้เสร็จสรรพ เขาถึงได้ตาเยิ้มมองคุณช่างคนสวยต่อไป แต่อย่างว่าการนอนแค่สองวันหลังทำงานมาสี่วันเต็มของเขาคงจะน้อยเกินไป เพราะพอมองดูมดูมของคุณช่างไปพักใหญ่ก็เริ่มง่วงเสียแล้ว ถึงจะพยายามฝืนสุดท้ายเขาก็หลับนกอยู่ดี

“เสร็จแล้วค่ะ”เสียงผู้หญิงซึ่งแว่วเข้าหูทำให้สุดฟ้าลืมตาขึ้น ตอนที่ยังงงๆเบลอๆก็เห็นไอ้หนุ่มหัวทองอยู่ตรงหน้า ง่ะ เขามาตัดผมไม่ใช่เหรอ แล้วนี่มาโผล่ที่ไหนละเนี่ย กระพริบตาอีกสองสามครั้งถึงได้เห็นชัดว่าข้างหน้าเป็นกระจกที่ส่องหน้าตนเองอยู่

โอ้ พระเจ้ายอด กอดกล้วย!!! ไอ้ผมสั้นๆแบบนี้ไม่เท่าไหร่หรอกนะ แต่หัวสีน้ำตาลทองๆนี่มันอะไรกัน หันหลังกลับจะต่อว่าคุณช่างสุดสวยเสียหน่อย แว่นตากรอบหนาคู่ชีพกลับถูกดึงออกอย่างรวดเร็ว

“เป็นไงค่ะ น้องซี”

“แหม ผมไม่กล้าว่าฝีมือของพี่ตาหรอกครับ”

สุดฟ้าเห็นไม่ชัดแต่ได้ยินเสียงคุณช่างคนสวยหัวเราะชอบใจ

“เปลี่ยนมาใส่คอนแทคเลนส์ซะหน่อย ขี้คร้านสาวๆจะมองกันเหลียวหลัง” เธอว่า ซึ่งพอชายหนุ่มร่างสูงได้ยินยิ่งหูผึ่ง อาการตกประหม่ากับทรงผมทรงใหม่หายไปทันที

“จริงหรือครับ งั้นชวิศาไปหาคอนแทคเลนส์กัน” พูดจบ หยิบแว่นคืนและคว้าข้อมือบางได้ก็ดึงร่างเล็กกว่าออกจากร้านทันที ทิ้งหน้าที่จ่ายเงินไว้ให้กับสเตบาสเตียน

ใช่ว่าออกจากร้านมาแล้วเขาจะรู้ว่าต้องเดินไปทางไหน สุดฟ้าจึงหันไปถามคนข้างตัว “ต้องไปซื้อคอนแทคเลนส์ที่ไหนล่ะ”

“ซอยที่เดินผ่านมาก็น่าจะมีนะครับ”

ชายหนุ่มจูงมือพาร่างเล็กบางกว่าเดินไปตามทิศทางที่อีกฝ่ายชี้ โดยมีสเตบาสเตียนตามาสมทบทีหลัง เดินยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงร้านที่ว่า แจ้งพนักงานถึงค่าสายตา พนักงานสาวจึงหันหลังไปหยิมกล่องสีขาวคาดฟ้าขนาดเล็กกว่าฝ่ามือมาให้

“เคยใส่คอนแทคเลนส์มาก่อนไหมค่ะ” พอตอบว่าไม่เธอจึงสอนวิธีการใส่ แนะนำข้อห้ามข้อควรปฏิบัติอย่างละเอียดถี่ถ้วน กลับออกจากร้านมาครั้งสุดฟ้าจึงไม่ใช่เจ้าแว่นอีกต่อไป

“ง่ะ งงๆ แปลกๆ”เขาบ่นด้วยความไม่เคยชิน ซ้ำยังโล่งๆเพราะไม่มีแว่นมาเกี่ยวหูกดจมูก

“อีกสักพักก็ชินครับ”ชวิศาเอ่ยปลอบ แต่สุดฟ้าเริ่มรู้สึกชอบมันเสียแล้วสิ ก็หญิงสาวคนที่เพิ่งเดินผ่านหน้าเขาไปเมื่อกี้ หันมามองแล้วยิ้มให้เขาอีกต่างหาก แต่เอ๊ะ.... หรือไอ้ที่ยิ้มเพราะตลกกัน สุดฟ้าขมวดคิ้วฉับกับความคิดของตน ตอนหันไปถามชวิศา

“นายว่าฉันหล่อไหม ชวิศา”

ร่างเพรียวนิ่งอึ้งไปนิด ก่อนเบือนหน้าหนีเสสายไปมองทางอื่น อมยิ้มหน้าแดงเรื่อตอนที่ตอบว่าหล่อครับพร้อมสายตาที่ช้อนขึ้นมองเขาแล้วหลุบลงต่ำอย่างรวดเร็ว แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจกับอาการเขินอายนั้น เนื่องจากเขากำลังจะลองตกหญิง

อ๊ากกกก.... ไม่อยากจะเชื่อ ในที่สุดเขาก็ได้ใช้คำนี้ เห็นเจ้าแฝดชอบพูดจาข่มเขาดีนัก คราวนี้ละเขาจะสร้างฮาเร็มของตัวเองขึ้นมาบ้าง ให้มันรู้ไปว่าหล่อขั้นเทพแบบเขาจะไม่มีหญิงใดเหลียวมอง


สุดฟ้ากวาดสายตามองสามร้อยหกสิบองศา มองหาสาวสวยที่เพียบพร้อมด้วยหน้าอกหน้าใจ กวาดสายตาครบรอบแต่ก็ยังไม่เจอคนที่โดนใจเสียที

"ด็อกเตอร์ ผมหิวแล้วไปหาอะไรทานกันเถอะครับ" ชวิศาเอ่ยปากชักชวน แสงแดดยามบ่ายแก่ๆ ดูร้อนระอุ น่าชวนให้หาที่นั่งพัก ชายหนุ่มร่างสูงจึงไม่ปฏิเสธที่จะเดินตามอีกฝ่ายเข้าร้านอาหารสไตล์อิตาเลี่ยนที่การตกแต่งเน้นสีขาวและเทาเป็นหลัก มีไม้ประดับวางแซมเป็นจุด ให้ไม่ดูเกะกะจนเกินไป

ชวิศาหันมาถามเขาว่าอะไรกินไม่ได้บ้าง ก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับพนักงานอย่างคล่องแคล่ว รายการอาหารไม่คุ้นหูทำให้เขาเลิกคิ้วสงสัย สเตบาสเตียนจึงอธิบายให้เขาฟังราวกับเป็นผู้เชี่ยวชาญ ส่วนคนที่พามากวาดสายตาไปทั่วร้านอย่างนึกชื่นชมบรรยากาศ พลันสายตาก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ห่างกัน ชวิศารีบหันหน้าเข้าหาโต๊ะโดยไว

"อะไรหรือ" สุดฟ้าเอ่ยถามอย่างสงสัย ร่างเพรียวบางเจ้าของใบหน้าสวยส่ายศีรษะยิกๆ จะบอกได้อย่างไร เมื่อสามคนที่ชวิศาเห็นคือ แม่ พี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และชวิศาอีกคน มันไม่น่าจะมีอะไรแต่ก็รู้สึกอดกังวลไม่ได้ ประมาณว่าถ้าบังเอิญเจอแม่แล้วเขาต้องทำหน้าอย่างไรละ

ชวิศาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พิมพ์ข้อความแล้วกดส่ง สักพักโยธินก็หันมามองทางเขา ตามหลังไม่กี่วินาทีเสียงแจ้งเตือนข้อความก็ดังขึ้น

‘ทำเฉยๆ เหมือนไม่รู้จักกัน'

"เป็นอะไรหรือเปล่า" ร่างสูงถามซ้ำ ชวิศารีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว ยิ้มให้พลางปฏิเสธว่าไม่มีอะไรอาหารมาเสิร์ฟพอดี ร่างเพรียวจึงก้มหน้าก้มตาทานอาหาร สายตาพลางเหลือบแลไปอีกโต๊ะ เห็นกลุ่มคนทั้งสามลุกขึ้นเดินออกจากร้านค่อยโล่งอกทานอาหารอย่างสบายใจ

ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของผมสีน้ำตาลทองที่บัดนี้บนหน้าไร้แว่วกรอบหนาบดบังความหล่อเหลาดูเหมือนจะไม่ถูกกับสปาเก็ตตี้มากนัก หรือไม่ก็ไม่ถูกกับช้อนหรือส้อมที่ใช้ทาน อาหารเส้นยาวสีนวลถึงได้เลื่อนหล่นไม่เข้าปากเสียที ชวิศายิ้มอย่างกึ่งขบขันกึ่งเอ็นดู

"ขอตะเกียบได้ไหม ไอ้นี่มันกินยากมากๆ"

"ใช้ส้อมพันเส้นให้เป็นก้อนสิครับ"

"ยังไง"สุดฟ้าถามด้วยใบหน้างุนงงอย่างไม่เข้าใจ เป็นชวิศาเสียอีกที่ยิ่งแปลกใจที่อีกฝ่ายดูจะไม่รู้เรื่องในเรื่องง่ายๆ

"ส่วนใหญ่ผมทำแต่อาหารไทยให้ด็อกเตอร์ทานนะครับ" สเตบาสเตียนเอ่ยเสริมขึ้นมา หุ่นยนต์พ่อบ้านนั่งอยู่ตรงข้ามกับสุดฟ้า มีน้ำผลไม้ปั่นวางอยู่หน้าแต่ปริมาณของน้ำยังเท่าเดิมไม่ได้พร่องลงชวิศาลองทำให้สุดฟ้าดู มือขวาจับส้อมเกี่ยวเส้นสปาเก็ตตี้ขึ้นมาเพียงไม่กี่เส้น ใช้ช้อนรองไว้แล้วหมุนมือจนได้เส้นก้อนกลมๆอยู่ที่ปลายส้อม ป้อนส่งเข้าปากร่างสูงโดยใช้มือซ้ายรองไม่ให้หกเลอะดูท่าชายหนุ่มจะชอบใจกับการเอาใจโดยมีคนป้อนอาหารถึงปากเป็นอย่างมาก ถึงได้ไม่ได้จับช้อนอีกปล่อยให้อีกฝ่ายป้อนเขาคำแล้วคำเล่า

ผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆหันมามอง และพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มขำขัน ชายหนุ่มจึงยักคิ้วหลิ่วตาส่งยิ้มหวานไปให้ หญิงสาวทั้งสองนางจึงยิ่งวี้ดว้ายด้วยเสียงเบาๆยิ่งกว่าเดิม

สุดฟ้ารู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อยเมื่อชวิศาชวนให้กลับบ้านทันทีที่ทานอาหารเสร็จ ไม่ให้ขัดใจได้อย่างไร เขายังไม่ได้เบอร์สาวที่ไหนเลย อุตส่าห์ตัดผมมาใหม่ก็ยังไม่ได้อวดหล่อให้ใครเห็น ชายหนุ่มหน้างอ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังไม่กลับ คอยดูสิ

"ก็ได้ครับ แล้วด็อกเตอร์จะทำอะไรละครับ"

"เดินดูของไปเรื่อยๆก็ได้" เขาอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยที่อีกฝ่ายยอมตามใจ แล้วระริกระรี้ลั่นล้าเดินเข้าร้านโน้น ออกร้านนี้ด้วยความสบายใจ กระนั้นสายตาก็ยังคงสอดส่องคอยมองหาสาวน่ารักๆ พลางส่งรอยยิ้มกรุ่มกริ่มให้สาวๆที่เดินผ่านอยู่เสมอ

"เสื้อตัวนี้แม่ว่าสวยดีนะ น้องซี" ชวิศาพยักหน้าหงึกๆ พลักได้สตินึกขึ้นได้ เสียงนี้คุ้นๆชอบกล

"ครับ ดูเรียบๆ แต่ค่อนข้างทันสมัยใช้ได้เลยครับ"

พอเงยไปมองก็ใช่จริงๆเสียด้วย แม่กับชวิศาอีกคนยืนหันหลังให้อยู่ตรงหน้า กำลังดูเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ที่ราวถัดไป ชวิศารีบหันหลังกลับอยากเดินออกจากร้านแต่ติดอยู่ที่ชายหนุ่มร่างสูงซึ่งดูเหมือนว่ายังคุยติดพันอยู่กับพนักงานขาย

"สเตบาสเตียน เดี๋ยวผมไปห้องน้ำสักครู่นะครับ"

"ถ้าเช่นนั้นผมไปด้วยครับ"

"ไม่ต้องหรอกครับ แล้วใครจะอยู่กับด็อกเตอร์ล่ะ ผมไปแป็บเดียว"ร่างเพรียวบางเอ่ยอย่างร้อนรน หากกระนั้นยังไม่ทันได้ขยับไปไหน เสียงของมารดากลับดังขึ้นมาเสียก่อน

"อ้าว คุณสเตบาสเตียน มาซื้อของเหมือนกันหรือค่ะ" คุณพรลภัสเอ่ยทักเสียงหวาน ท่าจะชื่นชอบคุณพ่อบ้านมากจริงๆ ชวิศาใจเต้นโครมๆแทบจะกระเด็นออกมานอกอก ไม่กล้าหันกลับไปมอง ไม่ว่าอย่างไรผู้เป็นนมารดาคงต้องสงสัย เขากับชวิศาอีกคนหน้าเหมือนกันราวกับฝาแฝด ไม่ใช่แค่คล้ายหรือหน้าเหมือน แต่ราวกับโคลนนิ่งกันมาและที่สำคัญเขาเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้องท้องเดียวกันคนอื่น ถึงพี่โยจะบอกว่าให้ทำเป็นไม่รู้จักแต่ต้องมาเจอกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ เขายังไม่ทันเตรียมใจเลย
นับว่าโชคของชวิศายังมี ตอนที่ยืนหันให้ด้วยความระทึกโยธินก็โผล่มาพอดี ร่างสูงของลูกพี่ลูกน้องแทรกเข้ามาในวงสนทนา ยืนซ้อนบังตัวไว้ให้ร่างเพรียวได้หลบไปที่อื่นคุณนายชวิศาแปลกใจและสงสัยในท่าทีแปลกๆนั่นเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสนทนากับสเตบาสเตียนต่อ

เจ้าของใบหน้าใสหลบเลี่ยงออกมายืนแอบมองอยู่ไม่ห่าง เห็นสุดฟ้าขยับไปเข้ากลุ่มวงสนทนา เขาไม่เห็นสีหน้าของชายหนุ่มเห็นแต่ชวิศาอีกคนที่ส่งยิ้มสวยให้ร่างสูงแต่รอยยิ้มนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความเศร้าอย่างไรชอบกล ชวิศาลองคิด ถ้าคนที่ได้อยู่กับสุดฟ้าเป็นตัวเขาจริงๆแล้ววันหนึ่ง กลับมีใครก็ไม่รู้มาแย่งที่ตรงนั้นไป เขาคงเศร้าใจอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้น เขาอยากจะบอกให้คุณชวิศาคนนั้นรับรู้ เขาจะอยู่ตรงนี้อีกไม่นาน แล้วเขาจะคืนทุกอย่างให้  เขาไม่ได้ต้องการอะไรมาก ...แค่อยากได้ความทรงจำที่แสนวิเศษนี้เก็บไว้เท่านั้นเอง


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
สุดฟ้าโทรศัพท์ให้สองพี่น้องสุวราลักษณ์มารับหุ่นยนต์ในตอนเย็น ทั้งสองคนตื่นเต้นกันมาก รีบมาที่บ้านของเขาทันทีที่วางสาย

"สุดยอดจริงๆว่ะ ฉันโคตรนับถือเลย แกเป็นอัจฉริยะจริงๆ"

สุดฟ้ายืดอกรับคำชมอย่างชอบใจ

“ทำไมเป็นผู้ชายอีกแล้วว่ะ” หนึ่งในสองแฝดเอ่ยถามหลังจากถลกเสื้อกับกางเกงของหุ่นลงดูเรียบร้อย ส่วนอีกคนนั่งจ้องหน้าหุ่นยนต์ตามไม่กระพริบ

"ก็ฉันเคยสร้างแต่ผู้ชาย ถ้าแกอยากได้หุ่นผู้หญิงต้องรออีกสองเดือน เอาไหมล่ะ" สุดฟ้าหน้างอไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที ค่าจ้างก็ไม่มี แค่ทำให้ก็ถือว่าบุญแล้ว ยังจะเรื่องมากอีก

"แต่ว่าน้องเขาก็น่ารักดีนะพี่ไอซ์" ธัชนันท์เอ่ยแย้งขึ้นมาหลังหลังจากนั่งจ้องจนน้ำลายยืด "ฉันขอคนนี้แล้วกันนะ" จบคำก็กอดหมับทันที ผู้เป็นพี่ชายจึงหันมาโวยวาย

"เป็นพี่เสียสละให้น้องไม่ได้หรือไงละ ถึงยังไงพี่ก็ชอบแบบเฉี่ยวๆ ดูเปรี้ยวๆ แบบคนนั้นไม่ใช่หรือไง" ธัชนันท์ชี้นิ้วไปยังร่างหุ่นยนต์ที่นั่งหน้านิ่งอยู่ไม่ห่างกัน

"ไม่ใช่เรื่องนั้น แต่แกจะนอนกับผู้ชายเนี่ยนะ"

"เรื่องเพศตัดไปถ้ารูปร่างหน้าตาผ่านไม่ใช่หรือไง ไม่ใช่ว่าพี่จะไม่เคยซะหน่อย ถ้าพี่ไม่เอาก็คืนให้ไอ้สุดฟ้าไป แต่ผมเอาคนนี้นี่แหละ" ฝาแฝดผู้น้องว่าอย่างเอาแต่ใจ

ธัชนนท์ฮึ่มฮั่มด้วยความขัดใจอยู่พักใหญ่ ถึงได้หันมาพิจารณารูปร่างหน้าตาของหุ่นยนต์ที่สุดฟ้าสร้าง จะว่าไปเจ้าเพื่อนบ๊องส์มันเอาใจใส่ต่อรสนิยมของเขาใช่เล่น วงหน้าเรียวได้รูป ดวงตากลมปลายหางตาชี้ขึ้นเล็กน้อย แม้ริมฝีปากล่างจะหนาไปสักหน่อยแต่ก็รับกับจมูกโด่งและดวงหน้าเรียว เมื่อเพ่งพิศให้ดีทำให้เขานึกถึงใครคนหนึ่ง

"ธารา"

"ใช่ไหมล่ะ" แม้ไม่เหมือนราวกับเคาะออกมาจากพิมพ์เดียวกันอย่างชวิศา แต่ก็มีส่วนคล้ายมากทีเดียว "ส่วนคนนี้ก็เหมือนเดนิสเลย" ธัชนันท์คลี่ยิ้ม ปลายนิ้วเกลี่ยไล้บนผิวเนียนข้างแก้มอย่างหลงใหล

"โอเค เป็นอันว่าพอใจกันแล้วชะไหม" สุดฟ้าขัดก่อนที่ทั้งสองคนจะเข้าภวังค์ไปมากกว่านี้ "อะแฮ่ม เห็นอะไรไหม" เขากระแอมกระไอ เสยผมหันไปหันมาอยู่หลายนาที สองพี่น้องสุวราลักษณ์มองจ้องอยู่นานก็ยังคงทำหน้างง แต่ความจริงพวกเขาทั้งสองคนเห็นความเปลี่ยนแปลงของชายหนุ่มเจ้าของบ้านแล้วหากแกล้งทำเป็นไม่เห็น ในคราแรกเพราะตื่นเต้นกับหุ่นสองตน แต่ตอนนี้พวกเขากลับมาใจตรงกันอีกครั้ง อยากให้เจ้าบ๊องมันเสียจริตก็เท่านั้น ทีตอนที่พวกเขาพาไปตัดผมมันกลับทำหน้าเหมือนโลกจะแตก ตอนนั้นความยาวของผมก็มากกว่านี้ สีผมรึก็เข้มกว่าไม่ได้ออกสีทองจนแนวได้ใจ ไอ้หล่อมันกลับร้องห่มร้องไห้ไม่กล้าออกจากบ้านไปสามสี่เดือน ทั้งที่พวกเขายังรู้สึกว่ามันออกจะหล่อแบบผู้ดี๊ผู้ดี แล้วผมทรงนี้มันอะไรกันล่ะ

เป็นจริงดังว่า ร่างสูงเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วฉับอย่างขัดใจ "อะไรกัน ไม่มีอะไรแปลกไปหรือไง บอกไว้ก่อนเลยละกัน ต่อให้พวกแกเอาหุ่นทั้งสองตัวนี่ไป พวกมันก็ไม่ตอบสนองหรอกนะ เพราะฉันตั้งรหัสล็อคไว้" สุดฟ้ายกยิ้มอย่างสะใจ ส่วนสองพี่น้องร้องเฮ้ยพร้อมกัน

"อะไร ไหนแกบอกว่ายกให้แล้ว"

"มันก็ใช่ แต่หุ่นตัวนึงตั้งสิบล้าน แค่เรื่องนั้นเรื่องเดียวพวกแกคิดว่ามันคุ้มกันหรือไง" ใช่ว่าจะมีแค่เจ้าสองคนนั่นที่มีหัวการค้า ตัวเขาเองก็ไม่ต่างกันหรอกหนำซ้ำเขาจะเคี่ยวกว่าด้วย

"โอเค แกไม่มีแว่น หัวมีสี ผมสั้นขึ้นแล้วจะเอายังไง"  ธัชนันท์พูดอย่างรวดเร็ว พาเดนิชมาให้อยากแล้วมาพรากไปทีหลังเนี่ย เขาไม่ชอบใจนักหรอกนะ

"ฉันหล่อม่ะ" สุดฟ้าถาม ฝาแฝดสุวราลักษณ์มองหน้าเจ้าของคำถาม แล้วหันมาสบตากันเอง ก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าของคำถามอีกครั้ง

"แกกินของผิดสำแดง?"

"ไข้ขึ้น?"

"นอนน้อย?" และอีกมากมายหลายคำถามตามมาเป็นพรวนจากปากสองพี่น้องตระกูลสุวราลักษณ์

"ฉันไม่ได้เป็นอะไร" ชายหนุ่มเจ้าของบ้านตะโกนโวยวาย "ทำไมแค่ฉันถามว่า ฉันหล่อไหม แค่เนี้ยมันแปลกประหลาดขนาดนั้นเลยหรือ"

"ปกติตอนที่แกจะถามว่าตัวแกหล่อหรือเปล่า ต้องเป็นตอนที่แกอกหักจีบสาวไม่ติดน้ำตาท่วมจอ"

"ช่างทำร้ายจิตใจกันอย่างโหดร้ายเสียจริง ขุดเอาเรื่องตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหามาตอกย้ำซ้ำเติมแบบนี้" ร่างสูงใหญ่ของสุดฟ้าเซแซ่ดๆ ไปซบลงกับพนักพิงของโซฟา ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไม่หยดลงสักแหมะ  ธัชนนท์และธัชนนท์พร้อมใจกันตบศีรษะคนละฉาดสองฉาด

"อย่าร่ำไร มีอะไรก็ว่ามา"

"พาไปท่องราตรีหน่อย ฉันจะไปสีหญิง"

"ก็แค่นั้น"

แต่ก่อนจะได้คุยรายละเอียดเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากนี้ ชวิศาและสเตบาสเตียนที่แยกตัวไปช่วยกันทำกับข้าวอาหารมื้อเย็นก็ออกมาตามพวกเขาทั้งสามคน  พวกเขาจึงต้องทิ้งประเด็นให้ค้างไว้แค่นั้นแล้วไปเติมพลังงานให้กับร่างกาย หลังทานข้าวเสร็จ สุวราลักษณ์คนน้องมาออดอ้อนเซ้าซี้ให้สุดฟ้าปลดล็อคหุ่นยนต์เร็วๆ ชวิศากับสเตบาสเตียนเองก็มาร่วมวงนั่งดูอยู่ด้วยเช่นกัน เพราะจากที่นั่งคุยนั่งเล่นด้วยกันก่อนที่เจ้าของบ้านจะตื่น หุ่นยนต์ทั้งสองตนสามารถตอบสนองได้ปกติ แถมยังทำให้ชายหนุ่มร่างเพรียวผู้เป็นมนุษย์จริงๆแพ้ตั้งหลายตา จะดูไม่เหมือนสเตบาสเตียนตรงที่ไม่พูดไม่คุยไม่ยิ้มเท่านั้นเอง

สุดฟ้าเรียกให้ธัชนันท์มายืนตรงหน้าหุ่นตัวที่เลือก

“คนอื่นอย่าส่งเสียงนะ” เขาบอกก่อนพูดต่อไปว่า “เริ่มต้นบันทึกข้อมูล”

“เริ่มต้นบันทึกข้อมูล”หุ่นยนต์ตนนั้นทวนเสียงตาม “คุณคือใครครับ”

คนสร้างหุ่นยนต์พยักเผยิดให้เพื่อนสนิทตอบ  ธัชนันท์พยักหน้ารับและตอบว่า “ธัชนันท์ สุวราลักษณ์”

“ธัชนันท์ สุวราลักษณ์ ทำการบันทึกเรียบร้อย” เสียงวืด ...แชะดังขึ้นเบาๆเหมือนจับภาพ“ผมชื่ออะไรครับ”

“เดย์” ฝาแฝดคนน้องตอบโดยไม่ต้องคิด

“เดย์ ทำการบันทึกเรียบร้อย” นิ่งไปอีกสักครู่ หุ่นยนต์นามว่าเดย์จึงคลี่ยิ้มออกมา “สวัสดีครับ คุณธัชนันท์”

“เสร็จแล้วหรือ” ธัชนันท์หันถามสุดฟ้า

“เออ เสร็จแล้ว”

“ฉันนึกว่าต้องทำอะไรที่มันยุ่งยากกว่านี้เสียอีก”ธัชนนท์ว่า ชวิศายังคิดเช่นนั้นเหมือนกัน

“งั้นแกก็ลองดิ” เอ่ยปากท้าด้วยรอยยิ้มมุมปาก สุวราลักษณ์คนพี่จึงดึงร่างหุ่นยนต์ให้มาเผชิญหน้า

“เริ่มต้นบันทึกข้อมูล” หุ่นยนต์อีกตนยังคงยืนนิ่ง  ธัชนนท์จึงพูดซ้ำด้วยเสียงที่ดังและชัดเจนมากขึ้น กระนั้นผลที่ได้ยังเหมือนเดิม
สุดฟ้าหัวเราะ “นี่มันหุ่นยนต์ของฉัน มันก็ต้องใช้เสียงฉันดิ ขอบอกพวกแกสองคนไว้ก่อนนะ ถึงหุ่นยนต์ทั้งสองตนนี้ฉันจะยกกรรมสิทธิ์ให้เป็นของพวกแก แต่อย่างไรมันก็เป็นของฉันอยู่ดี ไม่ต้องห่วง ฉันไม่คิดเอาคืน ไม่ทวงเงินทีหลัง แต่หากเกิดเหตุผิดพลาดใดๆที่อาจจะส่งผลเสียต่อฉัน หรือเหตุการณ์ใดๆก็ตามที่ฉันเห็นว่าหุ่นยนต์ทั้งสองตนอาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามดุลยพินิจของฉัน ฉันสามารถทำลายมันได้ตลอดเวลา ส่วนข้อกำหนดอื่นๆก็ไปถามกันเอาเอง เริ่มต้นบันทึกข้อมูล” จบประโยคสุดท้าย หุ่นยนต์ที่ยืนอยู่หน้า ธัชนนท์ทำการทวนคำพูดและถามชื่นเช่นเดียวกับที่เดย์ของธัชนันท์ทำ

“น้ำ ทำการบันทึกข้อมูลเรียบร้อย สวัสดีครับ คุณธัชนนท์”

สุดฟ้าเห็นเพื่อนทำหน้าหงิก จากอารมณ์ลั่นล้าในคราแรกแปรเปลี่ยนไปแทบจะพลิกฝ่ามือ ผู้เป็นเจ้าของบ้านจึงเอ่ยถาม“ทำไมทำหน้าแบบนั้นอ่ะ”

“แกจะทำลายเดย์ในกรณีไหนบ้างอ่ะ”

“ไม่รู้ดิ”

“โหย สุดฟ้าาาา แบบนั้นมันแย่เกินไปนะเว้ย ถ้าเกิดแกโมโหอะไรฉันขึ้นมาแล้วเอามาลงที่น้องเดย์ ฉันก็แย่ดิ”  ธัชนันท์โอดโอย

“จะบ้าหรือ ถึงอย่างไรฉันก็เป็นคุณพ่อนะ ฉันไม่คิดจะฆ่าลูกตัวเองง่ายๆแบบนั้นหรอก”

“จริงดิ” ยังถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“จริงเว้ย”

“แน่นะ” ถามซ้ำเพื่อความชัวร์

“แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง”

“ไม่ยั่วนะ” เอ่อ... ไม่มีความคิดเห็น

“เดี๋ยวแกจะโดนถีบ” เมื่อออกมาตราการณ์ขั้นเด็ดขาด สุวราลักษณ์คนน้องถึงยอมพยักหน้าหงึกๆ กอดเอวบางของเดย์ไว้เต็มอ้อมแขน

ธัชนนท์และธัชนันท์เห็นว่านอกจากจะเปลี่ยนทรงผมแล้ว ควรจะหาเสื้อผ้าที่ดูดีกว่าเสื้อยืดคิกขุแมนซึ่งมีอยู่ล้นตู้เสื้อผ้าของเจ้าของบ้านมาให้ใส่เพื่อให้ดูมีสกุลรุนชาติเหมาะกับการเที่ยวกลางคืนเพื่ออ่อยเหยื่อ จึงพามาที่บ้านของพวกตน และท้ายที่สุดอดถามอย่างเป็นห่วงเรื่องชวิศาไม่ได้

“แน่ใจนะว่าจะพาไปด้วย”

“อีกอย่างแกก็มีชวิศาอยู่แล้วทั้งคน ยังอยากจะไปจีบผู้หญิงคนอื่นอีกเนี่ย” สุวราลักษณ์อีกคนเสริมขึ้นมา

“ไหนตอนแรกแกบอกว่าสร้างชวิศาขึ้นมาเป็นแฟนไงว่ะ ถึงตอนนี้มันจะเกิดเหตุไม่คาดฝันก็เถอะ แล้วแกจะมีหญิงอื่นต่อหน้าแฟนแกเนี่ยนะ”  ธัชนันท์กระซิบถามทั้งที่กอดคอลากพาชายหนุ่มเพื่อนซี้ออกมาห่างจากร่างเพรียวบางที่กำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่พอควรแล้วก็ตาม

“ตอนที่พวกแกมีแฟนก็คบคนอื่นด้วยไม่ใช่หรือไง” คราวนี้สองพี่น้องถึงกับเถียงไม่ออก  ธัชนนท์จึงตัดบทเอาดื้อๆ

“ช่างมันเถอะอาท ใช่ว่าจะเป็นแฟนกันจริงๆ หรือต่อให้ตอนนี้ชวิศาที่ว่าเป็นหุ่นยนต์ จุดประสงค์ที่สุดฟ้ามันสร้างขึ้นมาเพราะแรงจูงใจอื่น นายเองก็เหมือนกัน พอน้องเดย์หน้าเหมือนเดนิส ความคิดต่อน้องเดย์ของนายจะเปลี่ยนไปจากแรกเริ่มงั้นหรือ”

จริงดังว่า จุดประสงค์การมีอยู่ของหุ่นยนต์ชวิศาออกจะชัดเจนขนาดนั้น แม้จะถูกสับเปลี่ยนและชวิศา ภูกิจพัฒน์มาอยู่ที่ตรงนี้แทนก็ตาม...  ธัชนันท์ได้แต่พยายามทำใจยอมรับความจริงในข้อนั้น

+++++โปรดติดตามตอนต่อไป+++++

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
ตอนที่เจ็ด

เที่ยวกลางคืนครั้งแรกในชีวิต  สุดฟ้าทั้งตื่นเต้นทั้งระริกรี้ยิ่งกว่าปลากระดี่ได้น้ำ ฝาแฝดคนพี่เดินนำพวกเขาเข้าไนท์คลับมีระดับที่เป็นแหล่งรวมวัยรุ่นลูกคนมีเงินทั้งหลายในกลุ่มสังคมไฮโซ พื้นที่ชั้นหนึ่งเป็นฟลอร์เต้นรำที่ตอนนี้บนเวทียังวงดนตรีเล่นสดให้เหล่าหนุ่มสาวได้ยักย้ายส่ายสะโพก กว่าที่พวกเขาจะมาถึงก็เป็นเวลาค่อนดึกแล้ว เพราะฉะนั้นบรรยากาศในร้านจึงอยู่ในช่วงคึกคัก

ธัชนนท์เดินนำไปยังพื้นที่ส่วนตัวที่เขาโทรมาจองไว้ก่อนหน้า

“เคยมาบ้างไหม”ธัชนันท์ที่เดินอยู่รั้งท้ายเอ่ยปากถามชวิศาที่กวาดสายตามองไปรอบๆอย่างตื่นตาเช่นเดียวกัน ส่วนเจ้าสุดฟ้าเพื่อนสนิทที่คบกันมาแต่วัยเยาว์ออกอาการลั่นล้าแทบจะผวาเข้าหากลุ่มสาวๆ ถ้าพี่ชายของเขาไม่ได้ดึงไว้เสียก่อน

“ไม่เคยเลยครับ”

คนถามครางรับในลำคอ  เขาไม่แปลกใจนัก เพราะจากเสียงเล่าลือ คุณโยธินพี่ชายของชวิศาค่อนข้างจะหวงน้องชายคนนี้ของตนไม่น้อย ไม่แน่ว่าถ้าคนที่ถูกพูดถึงรู้ว่าพวกเขาพาน้องชายมาแหล่งอโคจรเช่นนี้ อาจจะตามมาลากตัวกลับทันทีเลยก็เป็นได้

หลังจากมาถึงชุดโซฟาบนพื้นที่โซนชั้นสองและสั่งเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว สุดฟ้าก็ทำท่าลุกลี้ลุกลนอยากจะลงไปสีร่างกายกับสาวๆข้างล่างเสียเต็มแก่

“ดื่มสักแก้วสองแก้วก่อนแล้วค่อยไปเต้นสิ”ธัชนนท์ส่งแก้วเหล้าให้สุดฟ้า ชายหนุ่มรับแก้วมายกดื่มรวดเดียวจนหมด แล้วต้องเบ้หน้าเพราะความเฝื่อนคอ ก่อนจะวางแก้วลงกระแทกกับโต๊ะดังปึก

“เฮ้ย ใจเย็นๆดิว่ะ”

“หมดแล้ว ไปแล้วนะ”

“เดี๋ยวดิ นั่งคุยกันก่อนสิว่ะ”ธัชนันท์เอ่ยปากพูดรั้งบ้าง ข้างกายของเขาเป็นที่นั่งของเดย์ ส่วนน้ำนั่งอยู่ข้างพี่ชายฝาแฝด แม้สุดฟ้าจะพาสเตบาสเตียนมาด้วย แต่การที่สุดฟ้าทิ้งชวิศาไว้กับหุ่นยนต์พ่อบ้านก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอยู่ดี

“คุยอะไรละ ถ้าอยากคุยกลับไปคุยที่บ้านดิว่ะ มาเที่ยว ไม่ได้มาคุย”สุดฟ้าผู้แสนจะเอาแต่ใจโวยวายขึ้นมา ธัชนนท์ไม่อยากให้อารมณ์ขุ่มมัวของเพื่อนสนิททำลายความรื่นเริงของพวกเขาทั้งหมด จึงได้ปล่อยให้สุดฟ้าออกไปซ่าง่ายๆ

“เออๆ ไปเหอะ ขอให้สนุกนะเว้ย”

ชายหนุ่มเจ้าของชื่อแค่ยกยิ้มก่อนจะเผ่นแผล้วไปอย่างรวดเร็ว พอเห็นเพื่อนสนิทคล้อยหลังไปแล้ว ธัชนนท์ถึงได้หันมาสนใจชวิศาแทน และไหนๆก็ไหนๆแล้ว เขาว่าจะถามเรื่องที่ค้างคาใจเสียด้วยเลย

“เอาเหล้าไหม”

“เอา”ชวิศาพยักหน้า เขาไม่เคยกินมาก่อน ได้แต่อยากลองมานานแล้ว แต่เพราะถูกพี่ชายควบคุมดูแลอยู่เสมอ ช่วงสมัยเรียนที่พวกเพื่อนๆชวนไปเที่ยว เขาก็อดไป และถึงได้ไปจริงๆก็มีคนตามคอยคุมตลอด

ขณะที่พี่ชายเอ่ยปากถามชายหนุ่มหน้าสวย คนเป็นน้องก็ลงมือชงเหล้าบางผสมมิกซ์เซอร์อย่างน้ำอัดลมส่งให้ชวิศา

“ค่อยๆจิบละ อย่ากระดกรวดเดียวหมดเหมือนไอ้สุดฟ้า”

ชวิศาพยักหน้ารับ ยกแก้วขึ้นจิบอย่างที่อีกฝ่ายแนะนำ น้ำในแก้วหวานเหมือนน้ำอัดลมที่เขาเคยดื่ม มีแค่รสเฝื่อนขมจางๆจนแทบไม่รู้สึก

“อร่อยดี”สองพี่น้องบ้านสุวราลักษณ์ยกยิ้ม

“แต่ยังไงก็อย่ากินเยอะละ”

ชายหนุ่มตอบรับ ยกแก้วขึ้นจิบอีกครั้งก่อนจะวางมันลง และเปลี่ยนมาหยิบขนมขบเคี้ยวเข้าปาก

“เอ่อ... ได้ยินว่าไปอยู่ฝรั่งเศสมาใช่ไหม เป็นอย่างไรบ้าง”

ชวิศานิ่งค้างไปทันที ปล่อยขนมในมือให้ร่วงลงพื้น

“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้น จะว่ายังไงดีละ คือพวกเรารู้แล้วเรื่องที่นายสลับตัวกับชวิศา...อีกคน”เพราะคู่สนทนาก็ชื่อชวิศา จึงฟังดูสับสนไม่น้อย

“งั้น ฉันเรียกนายว่าซี แล้วเรียกอีกคนว่าชวิศาแล้วกันนะ”ธัชนนท์พูดต่อ ส่วนชวิศายังนิ่งค้างหน้าซีดอยู่เช่นนั้นอีกร่วมนาที

“ใจเย็นๆ ไม่ต้องคิดมาก ไม่เป็นไรหรอกน่า” สุวราลักษณ์คนน้องกล่าวปลอบ

“สุดฟ้ารู้เรื่องนี้หรือเปล่า”ชวิศาพูดเสียงเบา โซนที่พวกเขานั่งอยู่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว สำหรับพวกที่จะมานั่งดื่มและคุยกันไปเรื่อยๆโดยเฉพาะ จึงค่อนข้างเงียบ แม้จะได้ยินเสียงดนตรีจากการแสดงสดบนเวทีดังมาตลอด แต่ก็ไม่ดังมากจนต้องตะโกนคุยกัน กระนั้นเสียงของชวิศาก็ยังเบาเกินไปสำหรับการได้ยินอย่างชัดเจนในเวลานี้

ชายหนุ่มฝาแฝดยังคงนั่งรออีกฝ่ายให้เปิดปากพูดอีกครั้ง

“สุดฟ้ารู้เรื่องนี้หรือเปล่า”เสียงของชวิศาดังขึ้นกว่าเดิม มันมาพร้อมสีหน้าร้อนรนของชายหนุ่ม สองพี่น้องที่รู้ใจราวกับโทรจิตถึงกัน หันมามองหน้ากันเองแค่ชั่วเสี้ยววินาที ก่อนจะตอบออกไปว่า

“น่าจะยังไม่รู้นะ พวกนายสองคนเหมือนกันจะตาย เหมือนกันยิ่งกว่าฝาแฝดแบบเราสองคนเสียอีก”

ชวิศามีท่าทางโล่งใจขึ้นมาทันตาเห็น แล้วทำท่าลุกลี้ลุกรนขึ้นมาอีกครั้ง “นายสองคนจะไม่บอกสุดฟ้าใช่ไหม”

“บอกทำไม ไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไรสักอย่าง”

“ขอบใจมากนะ”ชวิศายิ้มให้ธัชนันท์ผู้ที่เป็นเจ้าของประโยคนั้น และเมื่อหันไปหาธัชนนท์ ฝาแฝดคนพี่ก็พยักเพยิดคล้ายบอกว่า น้องชายพูดแบบไหน เขาก็ว่าตามนั้น

“แล้วทำไมถึงสลับตัวกันได้ล่ะ”

“ก็...”คราวนี้ชวิศากลับก้มหน้าก้มตา นั่งบิดไปบิดมามือไม้อยู่ไม่สุขเสียแทน

“ก็แบบว่า...”อ้ำๆอึ้งๆ ไม่ยอมพูดเสียทีจนสองพี่น้องนึกรำคาญ ถ้าไม่ติดว่าหน้าตาน่ารัก ธัชนันท์ว่าจะเดินเข้าไปโบกแก้เขินสักทีสองที

“เอ้า กินเข้าไปก่อนจะได้กล้าพูด”

ชวิศารับแก้วเหล้าไปดื่มอึกๆอย่างว่าง่าย แก้วใสทรงสูงยังอยู่ในมือตอนที่เขาเอ่ยปากพูดออกมา

“ฉันนะ แอบชอบสุดฟ้ามาตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว” พูดไปแล้ว เขาเขินจนรู้สึกเหมือนตัวกำลังจะระเบิดเสียให้ได้ นี่ขนาดว่าไม่ได้พูดต่อหน้าเจ้าตัวนะ ถ้าเขาได้พูดสารภาพรักต่อหน้าสุดฟ้าแล้วละก็... อั้ยๆๆๆ

ชวิศาเขินกับจิตนาการของตัวเองจนต้องยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มจนหมด เพราะอยู่ในที่สาธารณะหรอก เขาถึงต้องรักษาจริตให้ดูอยู่กับร่องกับรอยเสมอ

“ขออีก”

“แล้วจะทำอย่างไรต่อไปละ ถึงยังไงก็ไม่ได้อยู่เมืองไทยตลอดไม่ใช่เหรอ” ธัชนนท์ถามขึ้นมาบ้าง

จากที่มโนลั่นล้าอยู่ ชวิศาถึงกับหงอยไปทันทีเมื่อเจอคำถามนี้“ยังไม่รู้เหมือนกัน” เขาก้มหน้าลงมองน้ำสีเข้มในแก้วที่อยู่ในมือ แล้วก็ยกมันขึ้นดื่ม “ที่จริงฉันก็รู้ว่ามันค่อนข้างยากที่จะทำให้สุดฟ้าหันมาสนใจฉัน ตอนสมัยเรียนฉันอ่อยเขาทุกวิธีที่นึกออก เขายังจำชื่อฉันไม่ได้เลยจนกระทั่งพวกเราเรียนจบ ตอนที่ฉันไปเมืองนอก ฉันก็คิดว่าจะตัดใจจากเขา” ชวิศายกแก้วขึ้นดื่มอีกรอบ“แล้วจู่ๆตอนที่ฉันกลับมา เขากลับสวีทอยู่กับผู้ชายที่หน้าตาเหมือนฉัน รู้ไหม ตอนที่ฉันเห็นพวกเขาครั้งแรก ฉันโทรกลับไปหาแม่เลยนะ ฉันคิดว่าฉันอาจจะมีพี่น้องฝาแฝดที่พลัดพรากจากกันไปนานเหมือนในละคร แต่รู้อะไรไหม ฉันเป็นลูกคนเดียวนะ ไม่มีพี่น้อง แล้วผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร ที่สำคัญกลับมาแย่งสุดฟ้าของฉันไปต่อหน้าต่อตา” ยิ่งพูดชวิศายิ่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งอารมณ์และอินเนอร์มาเต็มยิ่งกว่าบนหลังเมฆเดอะมิวสิคเคิล ธชันนท์และธัชนันท์มองหน้ากัน สภาพแบบนี้ เป็นไปได้ว่าชวิศาคงจะเริ่มเมาแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ได้ห้ามเมื่อชวิศาส่งแก้วมาให้ชงเหล้าอีกครั้ง

ตอนที่สุดฟ้ากลับมาที่โต๊ะพร้อมกับสาวสวยอกสะบึ้ม ชวิศาก็หมดสภาพคอพับคออ่อนพิงศีรษะอยู่กับอกของสเตบาสเตียน

“กลับกันยัง” สุดฟ้าออกปากชวนหน้าตาส่อแววจุดมุ่งหมายสาเหตุที่รีบกลับอย่างชัดเจน

“อะไร ยังไม่ทันดื่มอะไรเลยก็จะกลับแล้ว”

“อ้าว พวกแกยังไม่ได้กินเหรอ ฉันไปเต้นตั้งนาน นั่งรออะไรอยู่ตั้งนานว่ะ”สุดฟ้าขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์ ระหว่างที่พูดอยู่นั้น เขาเหลือบไปเห็นชวิศาคอพับคออ่อนหมดสภาพอยู่ข้างสเตบาสเตียน จึงเอ่ยถามสองพี่น้อง

“เป็นไรอ่ะ”

“เมา”คำตอบของธัชนันท์สั้นๆ ทำให้ชายหนุ่มหัวสีทองร้องโวยวายขึ้นมา

“เฮ้ย!!! แล้วใครเป็นคนเอาเหล้าให้กินว่ะ ให้กินทำไมเนี่ย” เขาเดินเข้าไปดูชวิศาใกล้ๆ ชายหนุ่มร่างเล็กหน้าแดงกล่ำ หลับตาอย่างไม่รู้สติ เขาลองตบแก้มเบาๆแล้วร้องเรียกชื่อ อีกคนก็ยังไม่ตอบสนอง

“อ้าว ถ้าไม่อยากให้กิน ทำไมแกไม่มาเฝ้าไว้เองละ ไม่ใช่เด็กของฉันซะหน่อย”

“เพื่อนกันก็ช่วยดูหน่อยไม่ได้หรือไง ไม่งั้นฉันเอาเดย์คืนเสียเลยนี่”

“ไม่ได้นะเว้ย ให้แล้วให้เลย”

“พอเถอะน่า จะทะเลาะกันเพื่อ? ส่วนแกนะสุดฟ้า ไม่ต้องมาโวยวายหรอก เดี๋ยวฉันให้คนไปส่งพวกแกทั้งหมดที่บ้าน ส่วนชวิศาก็ปล่อยให้สเตบาสเตียนดูแลไป”

สุดฟ้ายังไม่ตอบรับ ธัชนนท์จึงสำทับอีกประโยคมาว่า

“หรือแกไม่ไว้ใจสเตบาสเตียน”

“หึ... คนของฉันเชื่อใจได้อยู่แล้ว”พูดจบสุดฟ้าก็สะบัดบ๊อบเดินกลับไปหาสาวทรงโตที่ยืนรออยู่ 

“ไม่คิดจะแนะนำเพื่อนคุณให้แอมรู้จักบ้างหรือค่ะฟ้า”สาวสวยนวยนาดเข้ามาเกาะแขนสุดฟ้าเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน

“ถ้าแนะนำไปแล้วคุณจะหันไปชอบฝาแฝดสองคนนั้นแทนผมหรือเปล่าละครับ”สุดฟ้าถาม พยายามดัดเสียงให้หล่อที่สุดเท่าที่จะทำได้

“แหม”เธอลากเสียง จีบปากจีบคอพูดอย่างมีจริต “แอมมีคุณอยู่แล้วทั้งคน จะให้สนใจคนอื่นอีกทำไมละค่ะ”

“คุณเป็นผู้หญิงที่น่ารักที่สุดเลยครับ”

“อะแฮ่ม แค่กๆๆ เดย์ช่วยลูบหลังให้หน่อยได้ไหม”ธัชนันท์หมั่นไส้จนอดที่จะส่งเสียงขัดขึ้นมา หุ่นยนต์ผู้มีชื่อว่าเดย์ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นอย่างว่าง่าย ซ้ำยังถามผู้เป็นเจ้านายด้วยว่าเป็นอะไรมากไหม ต้องให้ทำอะไรเพิ่มเติมหรือไม่

“ไม่เป็นอะไรแล้วขอบใจมากนะ”เขาตอบเสียงหวานไม่ต่างกัน

“แหวะ”

ธัชนันท์ตวัดสายตาไปมองเจ้าของเสียง และก่อนที่สองคนนั้นจะตีกันจริงๆ ธัชนนท์ห้ามทัพโดยส่งเสียงทักทายไปยังสาวสวยหนึ่งเดียวเสียก่อน

“สวัสดีครับ ผมไอซ์ครับ”เขาพูดพลางยื่นมือไปข้างหน้า สาวสวยจึงยื่นมือมาจับทักทายตามมารยาท

“แอมค่ะ”

“ส่วนผู้ชายที่หน้าเหมือนผมคนนี้ชื่ออาท” พอแนะนำน้องชายเสร็จ ธัชนนท์เลยถือโอกาสแนะนำคนอื่นไปด้วย “ที่นั่งอยู่ด้านนั้นคือสเตบาสเตียน เป็นพ่อบ้านของสุดฟ้า ข้างกันคือชวิศาเพื่อนร่วมรุ่นของพวกเรา ข้างน้องชายผมคือเดย์ และด้านนี้... น้ำครับ คุณแอมคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับถ้าเราจะกลับกันเลย”

“แน่นอนค่ะ เพราะแอมกับฟ้า... มีนัดกันต่อ”เธอหันไปส่งสายตาเจ้าชู้แบบรู้กันสองคนกับสุดฟ้า

“ไปที่บ้านผมแล้วกันนะครับ”

“จะดีเหรอว่ะสุดฟ้า ฉันว่าไปคอนโดฉันดีกว่าไหม”คราวนี้ธัชนันท์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะต่อให้พวกเขาเถียงกันหรือทะเลาะกันบ้าง แต่ถึงอย่างไรพวกเขาสนิทสนมจนคล้ายจะเป็นครอบครัวเดียวกันจึงพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง ไม่ว่าอย่างไรผู้หญิงคนนี้ก็เป็นคนที่พวกเขาไม่รู้จัก

“ไม่เอาอ่ะ”สุดฟ้าตอบปฏิเสธทันที “ฉันนอนไม่หลับอ่ะ ถ้าต้องไปนอนที่อื่น”

“นี่แกจะกลับไปนอนอย่างเดียวเหรอ”ธัชนันท์ถามกลับทันที

“ก็... เปล่า แต่มันต้องนอนบ้างไม่ใช่เหรอว่ะ”

“หึ อ่อน”ฝาแฝดคนน้องทำท่าดูถูก “คืนนี้ฉันกะว่าจะลองทั้งคืน อยากรู้ว่าของที่แกทำมาดีจริงหรือเปล่า” พอโดนข่มทับสุดฟ้าเลยของขึ้นบ้าง

“ใครกันแน่ที่อ่อน ฉันน่ะ ไม่หยุดเลยยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ยังไหว”

“แรงดีจริงขนาดนั้นเลยหรือค่ะ สุดหล่อ”แอมกล่าวขึ้นพร้อมเสียงกลั้วหัวเราะมาบ้าง ธัชนันท์จึงยื่นหน้ามาสำทับ

“อย่าไปฟังมันมากนะครับคุณแอม เจ้านี่มันขี้โม้”

อารมณ์โมโหพุ่งปี้ดทันทีที่ได้ยินคำสบประมาท "งั้นคืนนี้มาแข่งกันเลยดีกว่า"

"ที่บอกว่าจะแข่งกันนี้คือ แกจะมานอนห้องเดียวกับฉัน กลายเป็นว่าคืนนี้เราจะเล่นหมู่กัน"ธัชนันท์ลอยหน้าลอยตาพูด

"พวกแกไม่มีอะไรทำกันแล้วใช่ไหม ถึงจะเล่นหมู่เนี่ย"ธัชนนท์พูดสอดขึ้นมา "ฉันโทรตามรถแล้ว รีบลุก จะหมู่จะเดี่ยวค่อยไปตัดสินใจในรถ" ก่อนจะหันไปบอกสเตบาสเตียนให้อุ้มชวิศาตามมา

"แหมะ พูดจาทำเป็นไม่เคย"น้องชายฝาแฝดพูดแซวด้วยความคะนองปาก

"พวกแก"สุดฟ้าร้องออกมา "ไม่ชวน"

"ไอ้บ้านี่ ใครจะไปเคยทำ ไอ้อาทแกก็ไปพูดให้มันเข้าใจผิด คุณแอมก็อยู่หัดเกรงใจเขาบ้าง ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้หญิง"

“แอมเข้าใจค่ะ พวกผู้ชายก็มักจะคุยเล่นกันอย่างนี้”เธอกล่าวอย่างไม่คิดถือสา

สรุปแล้วคืนนั้น ธัชนันท์พูดตื้อจนสุดฟ้ายอมไปนอนที่คอนโดจนได้ แต่อย่างว่า พอรุ่งเช้าแดดออกปุ๊บ ชายหนุ่มผู้ติดบ้านก็รี่กลับบ้านปั๊บ และยังหิ้วสาวแอมกลับมาด้วย ธัชนันท์จึงรู้สึกได้ว่าความพยายามของตัวเองช่างสูญเปล่า

ตอนที่กลับมาถึง สุดฟ้าเห็นชวิศานั่งหน้าง่วงอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี

“กลับมาแล้วหรือครับ”ชวิศาเอ่ยทักพลางหาวหวอด ก่อนจะล้มตัวไปนอนอีกรอบ

“เป็นอะไร ยังเมาค้างอยู่หรือ”ธัชนันท์เอ่ยถาม ส่วนพี่ชายฝาแฝดเดินเข้าไปดูสเตบาสเตียนที่ง่วนอยู่ในครัว

“อืม ปวดหัว มึน ง่วง แต่สเตบาสเตียนบอกให้ตื่นมากินข้าว” เขานอนเหยียดตัวแค่ครึ่งบนอยู่บนโซฟา เจ้าของบ้านและแขกผู้หญิงจึงไปทรุดตัวลงฟากหนึ่งบนโซฟาเบด มโนสำนึกส่วนหนึ่งของชวิศารู้สึกตัวอยู่ว่า ที่มานอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาแบบนี้มันไม่ดี แต่เขาไม่อยากลุกจริงๆ แค่ครู่เดียวพ่อบ้านก็มาเรียกพวกเขาไปทานอาหาร

“อาหารพร้อมแล้วครับ”ก่อนจะเจาะจงเรียกคนที่นอนแบ็บอยู่

“คุณชวิศาครับ ลุกได้แล้วครับ อาหารเสร็จแล้ว”

“ลุกไม่ไหวอ่ะ คุณสเตบาสเตียน”

“ครับ”คุณพ่อบ้านรับคำก่อนจะเดินเข้าไปช้อนร่างชายหนุ่มร่างเล็กแล้วยกจนตัวลอย ชวิศาก็ช่างว่าง่าย พอถูกคุณหุ่นยนต์พ่อบ้านอุ้มก็เกาะอีกฝ่ายไว้เสียแน่น ชายหนุ่มร่างเพรียวได้รับการบริการอย่างดีเยี่ยมจนผู้เป็นเจ้าของบ้านตาขวาง ดังนั้นตอนที่สเตบาสเตียนทำท่าจะทรุดตัวลงนั่งข้างชวิศา สุดฟ้าจึงเสนอหน้าเข้าไปนั่งตรงนั้นเสียแทน

“จะไปทำงานอะไรก็ไป” ไม่ใช่พูดไล่แค่ปาก เขายังโบกมือไล่เสียด้วย แต่ด้วยความที่สเตบาสเตียนเป็นหุ่นยนต์ซึ่งถูกโปรแกรมมาให้รับคำสั่งของสุดฟ้าอย่างเคร่งครัด โดยไม่มีการชักสีหน้าหรือแสดงอาการไม่พอใจกับผู้เป็นเจ้านาย หุ่นยนต์ในรูปร่างของมนุษย์สุดหล่อจึงเพียงแค่รับคำและผละออกมาปฎิบัติหน้าที่ในความรับผิดชอบของตน

“เอ... คุณเดย์กับคุณน้ำไม่ทานหรือค่ะ”แอมออกมาถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยังนั่งอยู่ที่ชุดโซฟาไม่ยอมลุกขึ้นมายังโต๊ะอาหาร

“อ่อ สองคนนี้เขาไม่ค่อยชอบทานข้าวเช้านะครับ คุณแอมมาทานเถอะครับฝีมือการทำอาหารของสเตบาสเตียน ยอดเยี่ยมมากนะครับ ผมนะชอบมาฝากท้องที่นี่บ่อยๆ” เป็นสุวราลักษณ์คนพี่ที่พูดตอบแล้วเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น ทั้งยังเป็นคนชวนหญิงสาวพูดคุยเรื่องสัพเพเหระระหว่างมื้ออาหารเช้า เนื่องจากเจ้าของบ้านผู้ที่เชิญเจ้าหล่อนมากลับให้ความสนใจอยู่กับชวิศาที่ตักข้าวต้มเข้าปากด้วยอาการมึนค้างเพราะแอลกอฮอล์ไม่หาย

หลังอิ่มจากของคาว สเตบาสเตียนนำของหวานมาเสริฟอย่างรู้จังหวะเวลา

“เอ่อ... ผมขอตัวก่อนนะครับ ทานไม่ไหวแล้วจริงๆ”ชวิศาลุกขึ้นโดยไม่รอให้ใครอนุญาต เขาเดินไปล้มตัวลงแผละบนโซฟาเบดตัวยาวเช่นเดิม สุดฟ้าหันมองตาม มองสเตบาสเตียนนำยาไปให้ชวิศา ถึงจะรู้อยู่ว่าพ่อบ้านของเขาเป็นหุ่นยนต์ที่ไม่สามารถมีความรู้สึกรักใคร่ได้ก็เถอะ แต่พอเห็นแบบนี้มันทำให้เขาหงุดหงิดในอกชอบกล

“ฟ้าค่ะ เดี๋ยวทานเสร็จ พาแอมดูบ้านของคุณหน่อยได้ไหมค่ะ”

สุดฟ้าคงจะไม่หันมาให้ความสนใจหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม ถ้าฝ่าเท้าของอีกผ่ายไม่สะกิดลากมาถึงกลางหว่างขา สุดฟ้าขนลุกซู่ อะไรที่เคยเงียบสงบพาลจะผงาดประกาศศักดาอีกครั้ง

“ไปเลยไหมครับ เดี๋ยวผมพาไปดูห้องนอนก่อนเป็นอันดับแรก” ชายหนุ่มเจ้าของบ้านไม่รอเวลาให้เยิ่นเย้อ เขาพาสาวสวยหายเข้าไปในห้องนอนของตนทันที

แฝดคนน้องพ่นลมหายใจอย่างหมั่นไส้ ธัชนนท์จึงลุกขึ้นบ้างเมื่อทานอาหารจนอิ่ม พวกเขาหันบอกลาชวิศาและเรียกให้หุ่นยนต์สองตนที่นั่งเงียบรอคำสั่งลุกขึ้นมา

พ้นประตูบ้านศิริกร ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำเรียบซึ่งยืนรออยู่หน้าบ้านก็ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้ ฝาแฝดคนพี่เปิดเอกสารภายในออกมาดู เขากวาดสายตาอ่านข้อมูลบนหน้ากระดาษอย่างรวดเร็ว

“เป็น’ไงบ้าง”ธัชนันท์เอ่ยถาม

“เป็นนักเขียนว่ะ”

“นักเขียนนิยายอีโรติกหรือเปล่าว่ะ เอ็กซ์ชิหาย” คนพูดหัวเราะขำขัน ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องให้หาหนังสือที่หญิงสาวเขียนมาให้เขาอ่านสักเล่ม

“เขียนหนังสือท่องเที่ยว นิยายรัก รับงานแปล อือ พูดได้ห้าภาษา”ฝาแฝดคนโตส่งเสียงอืออาด้วยความทึ่ง

“แหมะ สเปคเชี่ยสุดเลยนะเนี่ย สวย หุ่นดี ฉลาด พ่อเจ้าประคุณขอให้จับมันให้อยู่หมัดทีเถอะ มันจะได้เบื่อชวิศาแล้วยกให้ลูกช้างเสียที”ชายทำท่ายกมือไหว้ท่วมหัว

“เฮ้ย นั่นตัวจริงเป็นๆ นะ ถึงสุดฟ้ามันจะเบื่อ แต่ซี ชวิศาก็คงไม่ยอมหรอก”

“ไม่ได้หมายถึงชวิศาตัวเป็นๆ แต่หมายถึงหุ่นยนต์ต่างหาก คิดดูถ้าพวกเราเอาไปถอดประกอบ แล้วสร้างขึ้นมาใหม่ จากนั้นก็เอาไปขายจะได้กำไรสักเท่าไหร่”

“งั้นเดย์ของแกก็ได้นะ ขายเป็นเซ็กส์ทอยก็กำไรเหนาะๆแล้ว”

“เรื่องนั้นผมทำอยู่แล้ว แต่ผมว่าหุ่นยนต์ชวิศาน่าจะล้ำหน้ากว่านั้นว่ะ”ธัชนันท์เกาคางคล้ายกำลังใช้ความคิด “พี่ลองคิดดูนะ คุณโยธินกับซีเจอหุ่นยนต์ชวิศาแท้ๆ แต่กลับไม่รู้ว่าเป็นหุ่นยนต์ แน่ละ ว่าพวกเราไม่รู้ว่าสองคนนั้นได้คุยกับหุ่นยนต์หรือเปล่า แต่ผมว่าคุณโยธินคงจะไม่ถึงขนาดมองไม่ออก พี่ดูเดย์กับน้ำสิ ต่อให้ดูเหมือนมนุษย์แค่ไหน ก็ยังดูทื่อๆไร้การตอบสนองถ้าเราสองคนไม่ออกคำสั่งที่ชัดเจน แม้แต่สเตบาสเตียนก็เถอะ อ่ะ คุณแอมก็ไม่ได้ดูแปลกใจสงสัยนี่น่า แต่ไม่รู้ละ ถ้าสุดฟ้ามันหวงขนาดนั้น ผมว่ามันต้องไม่ธรรมดา”

“จะมานั่งเดาทำไมให้ปวดหัว ลองไปบ้านคุณโยธินดูสักครั้งไหมละ”ธัชนนท์พูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์



ชวิศารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนบ่ายกว่าๆ อาการที่ทำให้รู้สึกทรมานเมื่อช่วงเช้าจางลงไปมาแล้ว จะเหลือก็แต่ความรู้สึกมึนๆ เขาหันไปรอบตัวเมื่อรู้สึกตัวตื่นเต็มที่ ทั้งบ้านเงียบกริบ แต่ก่อนที่จะลุกขึ้นเพื่อเดินหาผู้ร่วมอาศัยคนอื่น หรือส่งเสียงเรียกใครสักคน สเตบาสเตียนก็เปิดประตูห้องออกมาปรากฏตัวให้เห็นเสียก่อน

“เป็นอย่างไรบ้างครับ”

“ค่อยยังชั่วแล้ว รู้สึกดีกว่าเมื่อเช้ามากเลย”บอกอาการของตัวเองจบ เขาถามถึงผู้เป็นเจ้าบ้านทันที “ด็อกเตอร์ละครับ”

“ยังไม่ออกมาจากห้องเลยครับ”

“เอ๋”ชวิศาส่งเสียงออกมาอย่างประหลาดใจ

“หิวไหมครับ ผมจะทำอะไรให้ทาน”

“อืม เดี๋ยวผมทำเองก็ได้ครับ แล้วด็อกเตอร์ละ ได้ทานอาหารกลางวันหรือยัง”

“ยังครับ”

“ที่บอกว่ายังไม่ออกมาจากห้องนี่หมายถึงเมื่อไหร่ครับ มีงานหรือ”

“เมื่อเช้าหลังจากอาหารเช้าครับ แต่ไม่ได้อยู่ในห้องทำงาน ด็อกเตอร์อยู่ในห้องนอน”

“เมื่อคืน ด็อกเตอร์ก็เมามากเหมือนกันหรือนี่”ชวิศาบ่นกับตัวเอง เขาจำไม่ได้ และพอจะรู้ว่าตัวเองเมาพับไปก่อนที่สุดฟ้าจะกลับมาที่โต๊ะเสียอีก

“เดี๋ยวผมจะเตรียมอาหารเย็นเองครับ”ชวิศาหันไปยิ้มให้คุณพ่อบ้าน และลุกขึ้นด้วยท่าทางกระตือรือร้น มึนๆเมาๆแบบนี้มันต้องทำอะไรให้รสแซ่บจัดจ้านเข้าไว้ ชายหนุ่มคิดเมนูไว้ในหัว พลางเดินเข้าไปดูของสดในครัว ก่อนจะหันไปชวนคุณพ่อบ้านออกไปซื้อกับข้าวด้วยกัน

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
หลังเตรียมอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อย ชวิศาจึงเดินไปเคาะประตูห้องนอนของชายหนุ่มเจ้าของบ้าน

“อาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”

“คุณชวิศาครับ ประตูทำมาจากวัสดุพิเศษ กันเสียงครับ เคาะอย่างไรด็อกเตอร์ก็ไม่ยินครับ”

ชายหนุ่มร่างเพรียวรู้สึกจะคุ้นกับประโยคคล้ายกันนี้อย่างเหลือเกิน

“แล้วต้องทำอย่างไรละครับ”

คุณพ่อบ้านกดปุ่มอินเตอร์คอมที่อยู่บนผนังข้างประตู ก่อนจะกรอกเสียงลงไป “ด็อกเตอร์ครับ คุณชวิศาทำอาหารเสร็จแล้วครับ” พูดจบสเตบาสเตียนก็ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น ชวิศามองหน้าคุณพ่อบ้านสลับกับประตูบานกว้าง เห็นคุณหุ่นยนต์พ่อบ้านยืนนิ่ง เขาจึงยืนเงียบๆ เช่นนั้นบ้าง สักครู่ใหญ่ๆ ชายหนุ่มเจ้าของบ้านจึงเปิดประตูออกมา แต่ที่สำคัญกว่านั้น กลับมีผู้หญิงในชุดเสื้อยืดลายคิขุแมนที่ไม่ยอมใส่อาภรณ์ช่วงล่างเดินออกมาด้วย ซ้ำยังเกาะแขนสุดฟ้าอย่างสนิทสนม แล้วคิดว่าคนอย่างชวิศาจะทนได้หรือ!!!!
ชายหนุ่มปรี่เข้าไปแทรกระหว่างสองคนนั้นทันที ใช้หัวไหล่ชนหญิงสาวผู้ซึ่งรูปร่างพอๆกับตนเสียกระเด็น สองมือเกาะแขนของชายหนุ่มเจ้าของบ้านร่างสูงไว้

“ด็อกเตอร์ครับ วันนี้ผมทำอาหารอร่อยๆ ไว้เพียบเลยครับ”น้ำเสียงที่ใช้พูดก็เพิ่มความออเซาะไปอีกสิบเท่า แต่เหมือนว่าสาวแอมก็ใช่ย่อย เธอพยายามแทรกตัวกลับไปที่เดิมแต่แรงผู้หญิงหรือจะสู้ผู้ชายได้ หญิงสาวจึงจำใจย้ายไปเกาะแขนสุดฟ้าอีกข้างด้วยความเจ็บใจ

“ฟ้าค่ะ ไหมฟ้าบอกว่าจะพาแอมไปทานอาหารอร่อยๆ ที่ร้านที่ฟ้ารู้จัก’ไงค่ะ ตอนนี้แอมหิ๊ว หิวค่ะ พาแอมไปทานนะคะ”

“แอมหิวมากไหมครับ ถ้าหิวมากวันนี้เรากินอาหารที่บ้านก่อนแล้วกันครับ ไว้คราวหน้าผมจะพาไป”

ชวิศาแอบหัวเราะ ส่งสายตาเยาะเย้ยไปให้สาวสวยอีกฝั่ง ส่วนแอมก็จ้องกลับตาขวาง ก่อนจะหันไปส่งเสียงออดอ้อนสุดฟ้าต่อไปอีกว่า “ที่จริงแอมก็ไม่ได้หิวมากหรอกค่ะ แอมทนได้ เราออกไปทานข้างนอกกันนะคะ... นะ”

“เอาไว้วันหลังเถอะครับ ถึงอย่างไรวันนี้ชวิศาก็ทำอาหารไว้แล้ว” สุดฟ้ารู้สึกภูมิใจไม่น้อยที่ในที่สุดก็มีคนมาทำท่ายื้อแย่งเขาเสียที

“ใช่แล้วครับ วันนี้ผมตั้งใจทำสุดฝีมือเลยละ”ชวิศาพูดนำเสนอเมื่อพากันเดินมาถึงโต๊ะอาหาร

“อี้ แกงอะไรเนี่ย ฟ้าค่ะ แอมไม่ค่อยถูกกับอาหารเผ็ดๆค่ะ คุณบอกให้พ่อครัวของคุณทำใหม่ได้ไหมค่ะ”แอมร้องออกมาทันทีที่เห็นหน้าตาอาหารที่จัดวางอยู่บนโต๊ะ

“เรื่องมาก”ชวิศาแกล้งบ่นออกเสียงดังจนหญิงสาวได้ยินชัดเจน พอสุดฟ้าหันมามองเขาจึงยกยิ้มหวานให้ “ด็อกเตอร์นั่งลงทานก่อนเถอะครับ เห็นคุณสเตบาสเตียนบอกว่าด็อกเตอร์ไม่ได้ทานข้าวตั้งแต่เที่ยงแล้ว เดี๋ยวปวดท้องนะครับ ส่วนเรื่องกับข้าวไม่เผ็ด ก็ปล่อยให้คุณสเตบาสเตียนทำให้คุณผู้หญิงคนนี้ทานแล้วกันนะครับ” ชวิศากุลีกุจอตักข้าวให้สุดฟ้าหลังจากที่ดึงชายหนุ่มร่างสูงให้ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ได้แล้ว  หญิงสาวเห็นอีกฝ่ายทำคะแนนเอาหน้าไปเช่นนั้นเธอจึงเปลี่ยนท่าทีอาการ เธอรีบสืบเท้าเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ข้างชายหนุ่มเจ้าของบ้าน ก่อนจะส่งเสียงหวานตามไป

“แอมนั่งด้วยนะคะ นั่งทานข้าวคนเดียว มันดูเหง๊าเหงา”

ชวิศาแอบเบ้ปากอีกรอบ

“ด็อกเตอร์ครับ ลองทานแกงนี้นะครับ ผมทำสุดฝีมือเลย” เขาหันมาตักอาหารใส่จานของชายหนุ่ม พลางมองเมินหญิงสาวที่นั่งอยู่อีกฝากหนึ่งไปเสีย

“ฟ้าค่ะ ลองทานผัดจานนี้ดูหน่อยไหมค่ะ ดูน่าทานอยู่เหมือนกันนะ แต่ไม่รู้รสชาติจะเป็นอย่างไร ฟ้าคงไม่ว่าแอมนะคะ ถ้าแอมจะขอให้ฟ้าลองชิมก่อน”

มันจะอะไรนักหนา ชวิศานึกฉุน เขาไม่ได้ขอร้องให้กินอาหารที่เขาทำเสียหน่อย “ทำไมไม่ลองเอาใส่ปากตัวเองดูละครับ กับข้าวของผมไม่ทำให้ใครท้องเสียแน่นอน”

“เรื่องท้องเสียฉันไม่กลัวหรอกค่ะ แต่อาหารที่หน้าตาดีบางครั้งรสชาติก็ไม่เป็นสับปะรด คนกินถึงต้องเลี่ยงไปหาอย่างอื่นกินแทน”

ชวิศารู้สึกเหมือนโดนว่ากระทบ แน่ละ สุดฟ้าอยู่ในห้องนอนกับผู้หญิงคนนี้สองต่อสอง ต่อให้เป็นเด็กอมมือยังรู้เลยว่าสงคนนี้เข้าไปทำอะไรกัน เขาก็อยากนึกน้อยใจอยู่หรอก แต่ต้องมาเสียสามีที่อุตส่าห์ไปขอร้องอ้อนวอนเจ้าของตัวจริงเขามา ชวิศาไม่คิดว่ามันจะคุ้มค่า เรื่องอะไรจะให้ใครมาชุบมือเปิบไปอีกละ ที่สำคัญเขาไม่เชื่อหรอกว่าตนเองจะไม่เป็นสับประรด!!!!!

“ด็อกเตอร์ครับ กับข้าวที่ผมทำอ่ะ อร่อยใช่ไหมครับ”ไม่พูดเปล่า เขายังคว้าหมับเข้าที่เป้ากางเกงของชายหนุ่มผู้อยู่ท่ามกลางศึกอันร้อนฉ่า ชวิศาข่มความอายทุกอย่างให้ลึกสุดติ่ง ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ยอมแพ้แม่สาวทรงโตนี่หรอก

เขาลากๆคลึงๆถูๆไถๆจนมันมีอาการสู้มือ ให้มันรู้ไปสิ เขาก็ผู้ชายเหมือนกัน เรื่องแบบนี้ถึงไม่เชี่ยวชาญแต่ไม่อ่อนเป็นเด็กประถมแน่นอน

ฝั่งสาวแอมที่เห็นคู่ต่อสู้ประกาศศึกมาเช่นนั้น เธอก็ไม่ยอมถอย ใช้หน้าอกหน้าใจที่แม่ให้มาอย่างสะบึมละฮึ่มสีต้นแขนชายหนุ่มผมสีทองเสียบ้าง ปลายนิ้วเรียวที่ถูกตกแต่งมาอย่างสวยงามลากไปบนแผ่นอกกว้าง ขยับเข้าไปเบียดชนิดที่ว่าสิงร่างได้คงทำไปแล้ว

ชวิศาเห็นท่าไม่ดี จึงลุกขึ้นนั่งคร่อมตักของหนุ่มร่างสูงผู้เป็นเจ้าของบ้านพลางขย่มสะโพกกระตุ้นอีกฝ่าย สุดฟ้าที่อยู่ท่ามกลางการฟาดฟัดอันโหดเหี้ยมเช่นนี้หรือจะทนได้ จากที่นั่งอิ่มเอมเปรมใจเพราะอาการยื้อแย้งเป็นที่ต้องการของตลาดจากสาวสวยและหนุ่มหน้าสวยกว่า เขาต้องรีบอุ้มร่างเพรียวบางของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนตักขึ้นไปจัดการอะไรอะไรให้มันเรียบร้อย  จะปล่อยให้เป็นสามพี สุดฟ้าก็กลัวว่า ชวิศาและแอมจะตกลงปลงใจกันเองแล้วปล่อยให้เขาเดียวดายเสียแทน โดยที่เขาไม่ทันได้เห็น ชวิศาโบกมือพร้อมรอยยิ้มให้แอมด้วยท่าทีเหนือกว่า ในขณะที่แอมก็ส่งสายตาตอบกลับมาว่าเธอคงจะไม่ยอมง่ายๆ



ด้วยความที่เป็นผู้กำชัยชนะในศึกครั้งแรก ชวิศาเลยชะล่าใจ คิดว่าสุดฟ้าจะอิ่มหนำจากการปรนเปรอของตนเสียเต็มคราบ ที่ไหนได้ ตอนเช้าเขากลับเห็นหญิงสาวที่เป็นมารหัวใจกำลังระริกระรี้กับเจ้าของบ้านร่างสูงเสียนี่ ความง่วงงุนหลังการตื่นนอนหายเป็นปลิดทิ้งในทันใด เขาถลาตัวเข้าไปนั่งแทรกระหว่างสองคนนั้นทันที

“คุณแอมตื่นเช้าจังนะครับ”ชวิศาแสร้งเอ่ยทักเสียงหวาน

“ค่ะ พอดีเมื่อคืนแอมนอนแต่หัวค่ำนะคะ ตอนเช้าเลยสดชื่นเรี่ยวแรงดี”ทั้งคำพูดทั้งสายตาที่จดจ้องอยู่กับสุดฟ้า มันทะแม่งๆ จนคนที่นั่งอยู่ตรงกลางต้องมองทางซ้ายที ทางขวาที ยิ่งเห็นชายหนุ่มร่างสูงจ้องแอมตามเป็นมัน เขายิ่งรู้สึกไม่ไว้ใจ

“ด็อกเตอร์ครับ ผมหิวข้าวแล้ว ไปทานข้าวกันนะครับ”ชวิศาใช้ทั้งสองมือดึงใบหน้าของสุดฟ้าให้หันมาทางตน ส่งยิ้มหวานออดอ้อนไปให้

“อืมๆ ได้”

ชวิศาเกาะสุดฟ้าแน่นหนึบ มองหญิงสาวหนึ่งเดียวในบ้านเดินนวยนาดอย่างไม่วางตา แต่แอมกลับไม่มีทีท่าเดือดร้อนกับอาการหวงออกหน้าออกตาของอีกฝ่าย เธอยิ้มสบายๆและพาตัวเองไปนั่งบนเก้าอี้ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม

“คุณแอมไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องบ้างหรือครับ”ชวิศาอดที่จะถามออกไปไม่ได้

“พอดีแอมอยู่คนเดียวค่ะ กลับไปก็ต้องไปเหงาอยู่คนเดียว ฟ้าก็เลยบอกให้แอมอยู่ที่นี่ไปพลางๆ ใช่ไหมค่ะฟ้า”

“ใช่ครับ”ชายหนุ่มตอบไวเสียจนชวิศาหมั่นไส้

“อ่อ ถ้าอย่างนั้นก็ตามสบายนะครับ ด็อกเตอร์ใจดีแบบนี้เสมอเลยนะครับ”ชวิศาหันไปพูดกับสุดฟ้า เขาพยายามจะพูดกับชายหนุ่ม แต่ดูเหมือนชายหนุ่มเจ้าของบ้านจะให้ความสนใจเขาน้อยเหลือเกิน

วันทั้งวันนั้น เขาก็พยายามทำเช่นนี้ เขาพยายามทำตัวเกาะติดสุดฟ้าไว้ แต่ชายหนุ่มร่างสูงกลับให้ความสนใจแต่แอม เมื่อเธอขยับตัวไปทางไหน เขาก็ขยับตัวไปทางนั้น เขาพูดด้วยก็แต่ตอบรับสั้นๆ แต่กับแอม กลับคุยเป็นคุ้งเป็นแคว

“เดี๋ยวผมไปซื้อกับข้าวก่อนนะครับ”ชวิศาพูดเสียงเบา น้ำเสียงเจื่อนจ๋อยหลังถูกเมินมาทั้งวัน มองสุดฟ้าที่นั่งดูโทรทัศน์กับแอมแล้วคุยกันอย่างออกรสออกชาติด้วยความรู้สึกอิจฉาปนความน้อยใจ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่เขาก็ไม่มีทางอยู่ในสายตาของสุดฟ้าเลยหรือไงนะ

เขาเปิดประตูออกออกมายืนอยู่หน้าบ้าน มองท้องฟ้าที่กลายเป็นสีส้มด้วยความเหงาหงอย สเตบาสเตียนออกมายืนอยู่ข้างๆเขา

“คุณสเตบาสเตียนไม่ต้องตามผมมาก็ได้ครับ ผมขอกลับไปที่บ้านสักชั่วโมงสองชั่วโมง”

“ที่นี่ก็คือบ้านของคุณครับ”

“ตอนนี้อาจจะไม่ใช่แล้วก็ได้ คุณสเตบาสเตียนก็เห็นว่าคุณแอมสำคัญแค่ไหน”

เพราะสเตบาสเตียนเป็นหุ่นยนต์ที่ไม่เข้าใจการตัดพ้อของมนุษย์ทั้งยังไม่รู้จักการพูดปลอบใจจึงได้แต่ยืนเฉยๆ ชวิศายืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน ที่จริงเขาอยากกลับไปที่บ้าน กลับไปหาพี่โย พี่ชายที่แสนดีที่คอยช่วยเหลือเขาทุกอย่าง แต่เขาก็นึกลังเล เขาเป็นคนที่อยากจะมาอยู่ที่นี่ เป็นคนที่ดื้อรั้นที่จะทำแบบนี้ เขาควรจะกลับไปให้พี่ชายช่วยจริงๆอย่างนั้นหรือ ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน เรื่องแบบนี้มันต้องจัดการเองสิ!!!!

ชวิศาปลุกพลังฮึดในกายขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่ยอมให้ผู้หญิงหน้าไหนมาแย่งสุดฟ้าไปง่ายๆหรอก แต่พอกลับเข้าไปในบ้านกลับไม่เห็นสองคนนั้นแล้ว

“เอ้า หายไปไหนกันนะ คุณสเตบาสเตียนพอจะทราบไหมครับ”ประโยคหลังเขาหันไปถามคุณพ่อบ้าน

“อยู่ในห้องนอนครับ”

“อะไรกัน”ชวิศาหัวฟัดหัวเหวี่ยง เขาเดินไปที่ประตูห้องนอน แล้วระรัวนิ้วบนปุ่มอินเตอร์คอมบนผนัง

ให้มันรู้ไปสิ ถ้าโดนรบกวนขนาดนี้จะยังทนเอากันอยู่ได้

“มีอะไร” โดนตะคอกผ่านลำโพงทันทีสมใจอยาก ถึงในอกจะแปล็บขึ้นมาบ้างเพราะอาการน้อยใจ เขาก็ไม่ถอยง่ายๆหรอก

“ขอโทษครับ พอดีผมลืมถามด็อกเตอร์นะครับ ว่าวันนี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ”

“จะทำอะไรก็ทำมาเถอะ”

“พอดีผมตัดสินใจไม่ได้ว่าระหว่างเนื้อกับปลาจะเลือกอะไรดี”ชวิศาถามต่อ เรื่องอะไรจะปล่อยให้สุดฟ้าไปทำอะไรต่ออะไรกับยัยนั่นได้ง่ายๆ เขาจะกวนให้หมดอารมณ์อยากเลยคอยดู

เสียงอีกฝั่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบว่าเนื้อ

“แล้วเอาเนื้ออะไรดีละครับ ระหว่างเนื้อไก่ เนื้อหมู หรือเนื้อวัวดีครับ”

“วัว”คราวนี้คำตอบกลับมาเร็ว

“แล้วควรจะทำแบบไหนดีละครับ จะตุ๋น ต้ม นึ่ง ย่าง หรือทอด”

“ย่าง”

“จะย่างแบบสุกมาก สุกน้อย หรือสุกปานกลางดีครับ”

“โว้ย จะสุกแบบไหนก็ทำมาเถอะ”

“งั้น แล้วเครื่องเคียงอย่างอื่นจะเอาอะไรดีครับ”

“ฉันบอกว่าจะทำอะไรก็ทำมาเถอะ แล้วก็อย่ามารบกวนอีก ฟ้าค่ะ

เขาได้ยินเสียงแทรกแว่วๆ “แอมอยากทานอาหารญี่ปุ่นค่ะ บอกให้พ่อครัวของคุณทำอาหารญี่ปุ่นได้ไหมค่ะ แอมอยากทานซาชิมิ โดยเฉพาะปลามากุโร่คะ ฟ้าบอกว่าให้พ่อครัวของฟ้าทำให้แอมทานนะคะ”

ครับๆ ได้ครับ เดี๋ยวผมบอกให้ครับ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ไปทำซาชิมิปลามากุโร่มา แล้วต้องหามาให้ได้นะเดี๋ยวฉันจะออกไปกิน แล้วก็ไม่ต้องรบกวนอีกละ”

“เดี๋ยวสิครับ แล้วไอ้มามาคุโร่นี่มันหน้าตาอย่างไรละครับ ผมไม่รู้จัก มันไม่มีชื่อภาษาไทยหรือครับ”เขาพูดพลางกดปุ่มบนอินเตอร์คอมรัวๆเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ

“ด็อกเตอร์ตัดสัญญาณอินเตอร์คอมของห้องนอนไปแล้วครับ”

“ทำได้ด้วย”ชวิศาหันไปมองคุณพ่อบ้านอย่างสงสัย

“ครับ บ้านหลังนี้ด็อกเตอร์เป็นคนออกแบบ และควบคุมการก่อสร้างด้วยตัวเองทั้งหมดครับ”

“ว้าว”ชวิศาร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ รู้สึกทึ่งในความสามารถของชายหนุ่มเจ้าของบ้านจนเกือบจะลืมเรื่องขุ่นข้องใจ

“ทั้งที่เก่งและฉลาดขนาดนี้ ทำไมถึงไปหลงยัยงูพิษนั่นได้นะ”เจ้าของคำพูกหน้าหงิก ก่อนจะยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรออก

“พี่โย”เขากรอกเสียงลงไปทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย “พี่ช่วยหาปลามากุโร่ให้ผมหน่อย เอาฮอนมากุโร่ เฉพาะโอโทโร่ด้วย”

“นายก็ไปที่ซุปเปอร์มาเก็ตสิ มาบอกพี่ทำไม”

“พี่โย!!!! ถ้าผมอยากได้ของถูกๆแบบนั้นผมจะโทรหาพี่หรือไงละ”

“ชวิศา ชักจะก้าวร้าวใหญ่แล้วนะ”โยธินดุกลับมาเสียงเข้ม คนเป็นน้องจึงอึกอักอ้อมแอ้มขอโทษ “พี่ก็หาให้ผมหน่อยสิครับ ขอแบบสดๆน่ะ”

“นี่มันเมืองไทยแล้วก็นอกฤดูกาล พี่จะไปหาสดๆอย่างที่นายต้องการได้จากที่ไหน ถ้าอยากได้ก็ไปซื้อในซุปเปอร์นั่นละ หรือถ้าอยากได้จริงๆก็กลับมาที่บ้าน พี่จะจองตั๋ว พาเราไปซื้อที่ญี่ปุ่นคืนนี้”

“แล้วก็ไม่พากลับมาที่ไทยอีกเลยนะสิ ผมไม่โง่นะ เชอะ ไปหาเอาเองก็ได้ ไม่ง้อหรอก”พูดจบก็ตัดสายฉับทันที เขาไม่ปล่อยให้พี่ชายโทรกลับมาว่าอีกรอบ จึงชิงปิดเครื่องเสียก่อน แล้วจึงหันไปชวนสเตบาสเตียนให้ไปเดินหาปลาเจ้าปัญหาที่ว่าด้วยกัน

“ถ้าทำให้ยัยชะนีหน้าขาวนั่นกินคนเดียว ผมไม่ลงทุนขวนขวายหาขนาดนี้หรอก จะแล่ปลาช่อนให้กินแทน หัวสูงนัก แซลมอนธรรมดายังหรูเกินไปเลย หรือว่าจะซื้อมิบาซิมากุโรให้ยัยลิงนั่นกินดีครับ”ชวิศาหันไปถามความคิดเห็นจากคุณพ่อบ้าน คุณหุ่นยนต์ก็ตอบกลับมาพร้อมรอมยิ้มเช่นเดิมว่า

“ผมไม่มีความคิดเห็นครับ ผมได้รับโปรมแกรมคำสั่งให้ทำอาหารที่คุณค่าทางโภชนาการ สะอาดและปลอดภัยจากสารปนเปื้อนให้ด็อกเตอร์รับประทานครับ”

“อือ... แล้วปกติคุณสเตบาสเตียนไปซื้อของที่ไหนครับ”

“สั่งซื้อออนไลน์ครับ เมื่อก่อนผมไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านครับ”

กำลังจะพูดว่าน่าสงสารอยู่แล้ว แต่ชวิศาก็นึกขึ้นมาได้เสียก่อน ว่าก่อนหน้านั้น คุณสเตบาสเตียนไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาอย่างนี้

ขวิศาพาคุณพ่อบ้านหนุ่มหล่อไปห้างสรรพสินค้าในย่านที่ถูกเรียกว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของคนญี่ปุ่น เขาตรงดิ่งไปยังโซนอาหารสดการเป็นอันดับแรก เนื้อปลาที่วางโชว์อยู่เมื่อมองจากสีสันถือว่าอยู่ในระดับคุณภาพดีใช้ได้ แต่ตั้งแต่ที่เขาเริ่มทำอาหารอย่างจริงจัง ชวิศาก็รู้สึกว่าประสาทสัมผัสด้านการรับรสและกลิ่นจะดีขึ้นกว่าแต่เดิมเป็นพิเศษ อีกทั้งเขาเคยไปทานซาชิมิเนื้อปลามากุโรในช่วงฤดูของมันมาแล้ว ดังนั้นทันทีที่เขาคีบเนื้อปลาดิบเข้าปาก จึงบอกได้ทันทีทีว่ามันยังไม่ใช่สิ่งที่เขาตามหา กำลังกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่อุตส่าห์ยอมให้เขาชิมและเดินออกมาอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่เห็นว่าเจ้าหน้าที่ของทางซุปเปอร์มาเก็ตมองเขาอย่างไม่วางตา ถึงอีกฝ่ายจะยกยิ้มให้ แต่ในสมองของเขาก็คิดไปไกลแล้ว เขาจึงหยิบปลาดิบที่แล่แล้วขึ้นมาหนึ่งถาด ส่งให้เจ้าหน้าที่คนนั้นช่วยแพ็คน้ำแข็งให้

ชวิศาเดินไปดูของสดและเครื่องปรุงอื่นๆ พลางคิดในใจว่าควรจะไปหาที่อื่นหรือควรจะมักง่ายเอาถาดที่หยิบมาไปจัดใส่จานเลยดี ว่าง่ายๆเลยคือตั้งแต่มาเรียนทำอาหารอย่างจริงจัง ความพิถีพิถันด้านรสชาติเหมือนจะซึมเข้าไปในมโนสำนึกเสียแล้ว แต่พอนึกถึงหน้าคนที่สั่งเมนูนี้ ชวิศาจึงรู้สึกเหม็นขี้หน้าจนยอมเก็บจิตวิณญาณของพ่อครัวของตนไว้ก่อนชั่วคราว

“พี่นวลสวัสดีค่ะ”

“อ้าวน้องแก้วเป็นอย่างไรบ้างค่ะ สบายดีไหม”

“ค่ะ สบายดีค่ะ”

ในคราแรก ชวิศาก็ไม่ได้สนใจเสียงพูดคุยของหญิงสาวต่างวัยที่พูดคุยทักทายสารทุกข์สุกดิบเรื่องอาหารการกินโน่นนี่นั่นสักเท่าไหร่นัก จนกระทั่งได้ยินคุณพี่นวลถามคุณน้องแก้วด้วยประโยคหนึ่งเข้า เขาจึงหูผึ่ง

“เป็นอย่างไรบ้างค่ะเรื่องอีหนูเล็กๆของคุณสามี ยังมีมากวนคุณน้องอยู่ไหม”

“ไม่มีแล้วละคะ คำแนะนำของพี่นวลเยี่ยมมากๆค่ะ ตอนนี้ถึงคุณมงคลจะไปหาเศษหาเลยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยค้างคืน หรือหายไปเป็นอาทิตย์ๆแบบเมื่อก่อน”

“ดีแล้วค่ะ ผู้ชายก็เป็นอย่างนี้ ต้องมีบ้างตามประสา แต่เราที่เป็นหลวงเป็นเมียตบเมียแต่งต้องใจเย็นเข้าไว้ค่ะ อย่าไปหึงหวงระราน สามีจะยิ่งไม่ชอบ เขาจะหาว่าเราไม่ไว้หน้า ถึงเขาไปไม่รักเราเท่ากับวันแรกที่จีบเรา แต่ก็อย่าไปถือสาค่ะ คิดเสียว่าถึงอย่างไรเขาก็เป็นของเรา คอยเอาอกเอาใจปรนนิบัติพัดวี ข้าวปลาอาหารอย่าให้ขาด แล้วอย่าปล่อยให้ตัวเองเป็นยายเพิ้ง  พวกผู้ชายนะชอบเด็กๆเพราะยังสวยยังสด อย่าไปยอมแพ้ค่ะ ทำตัวให้เป็นกระดังงารนไฟเข้าไว้ ขี้คร้านจะหนีไปไหนเสีย แล้วยิ่งน้องแก้วทำกับข้าวอร่อยขนาดนี้ เชื่อเถอะสเน่ห์ปลายจวัก ไม่ว่ายุคไหนก็ได้ผล”

ชวิศาเชื่อว่าสเน่ห์ปลายจวักของตัวเองก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน แต่ให้นิ่งๆใจเย็นเข้าไว่อย่างนั้นหรือ ชายหนุ่มบอกกับตัวเอง มันต้องลองอีกสักตั้งสิน่า

อาหารญี่ปุ่นหลากหลายชนิดถูกจัดแต่งอย่างสวยงาม วางเตรียมอยู่บนโต๊ะจนเกือบเต็มพื้นที่ ดีว่าอาหารญี่ปุ่นเป็นอาหารจำพวกที่ต่อให้เย็นลงสักนิดหน่อยก็ยังทานได้อร่อย ส่วนอาหารจำพวกทอดเขาแค่ปรุงของสดเตรียมไว้ก่อน นอกจากนี้คือปลาดิบซึ่งยังคงอยู่ในตู้เย็น

เขาไปซื้อของตั้งนาน กลับมาถึงบ้านสองคนนั้นก็ยังไม่ออกมาจากห้องเสียที แต่เพราะคำพูดของคุณนวลยังดังอยู่ในหัว ชวิศาจึงพยายามสงบใจไว้ จนกระทั่งทำอาหารเสร็จ ผ่านไปจวนจะร่วมสองชั่วโมงแล้ว สองคนนั้นก็ยังเงียบชี่ ถึงจะหงุดหงิดแค่ไหน ชวิศาก็บอกตัวเองให้รอคอยอย่างอดทน

ชายหนุ่มนั่งรอจนเวลาผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า และจนกระทั่งหลับไป

คุณพ่อบ้านเห็นว่าชายหนุ่มผู้ซึ่งอยู่ในความดูแลหลับคอพับคออ่อนอยู่บนเก้าอี้ของโต๊ะทานอาหาร จึงเดินเข้าไปหาแล้วช้อนร่างเพรียวบางยกตัวลอยสูงขึ้น เดินพาร่างในอ้อมแขนไปยังห้องด้านหลังซึ่งปัจจุบันถูกกำหนดให้เป็นห้องพักของหุ่นยนต์พ่อบ้าน สเตบาสเตียนวางชายหนุ่มร่างเพรียวบางลงบนฟูกนอนเก่าที่เขาเพิ่งปูผ้าปูที่นอนผืนใหม่ ก่อนจะออกไปเก็บอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะให้เข้าที่ แล้วจึงกลับเข้ามาอยู่ในห้องอีกครั้ง

ชวิศายังคงนอนหลับตาพริ้ม ลมหายใจทอดยาวบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังหลับสนิท

สเตบาสเตียนไม่จำเป็นต้องนอนหลับ แต่ในยามที่ไม่มีการเรียกใช้งาน เขาจะเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน ระบบกำเนิดไฟฟ้าขนาดจิ๋วในร่างกายจะเริ่มทำงานชาร์จแบตเตอร์รี่ให้กลับมาเต็มอีกครั้ง โดยดึงเอาพลังงานจลน์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันซึ่งถูกประจุเก็บไว้มาเป็นตัวขับเคลื่อน สุดฟ้าออกแบบให้หุ่นยนต์ของเขาเข้าโหมดประหยัดพลังงานด้วยลักษณะการนอนหงายเหมือนคนปกติ แต่เนื่องจากวันนี้ที่นอนของสเตบาสเตียนถูกชวิศายึดไว้ หุ่นยนต์พ่อบ้านจึงนั่งชันเข่าขึ้น ใช้มือทั้งสองข้างกอดเข่าไว้ และหลับตาลง



ทั้งห้องมืดสนิทตอนที่ชวิศาลืมตาขึ้น เขาชันตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความเคยชินของร่างกาย เป็นจังหวะเดียวกับที่แสงสว่างสีส้มนวลบนเพดานค่อยๆเรืองรอง

“หิวไหมครับ”สเตบาสเตียนถามพร้อมรอยยิ้ม เรียกสายตาของชวิศาให้หันไปมอง ก่อนที่ชายหนุ่มร่างเพรียวจะหันมองไปรอบตัว เมื่อไฟสว่างจนสามารถเห็นทุกสิ่งรอบกายได้อย่างชัดเจน จึงเห็นว่าข้าวของมากมายถูกวางกองไว้จนทำให้ห้องนี้ดูแคบไปขนัดตา

“ที่นี่ที่ไหนครับ”แม้จะดูสิ้นคิดที่ถามคำถามนี้ออกมา แต่ชวิศาก็แปลกใจจริงๆ

“ห้องของผมเองครับ แต่ว่าเดิมทีมันเป็นห้องเก็บของ”คุณพ่อบ้านยังคงมีรอยยิ้มละมุนตาเช่นเดิมตอนที่ตอบคำถามนั้น “บ้านนี้มีห้องทำงานของด็อกเตอร์หนึ่งห้อง ห้องนอนหนึ่งห้อง ห้องเก็บของซึ่งก็คือห้องนี้ และโถงกลางซึ่งใช้พื้นที่เชื่อมต่อกับส่วนครัว ซึ่งหลังจากการวิเคราะห์จนถี่ถ้วนแล้ว ผมคิดว่าห้องนี้เหมาะสมที่สุดในการพาคุณมาพักผ่อน”

“ห้องนอนของด็อกเตอร์คงไม่ใช่ที่ของผมแล้วสินะ”

ในระบบฐานข้อมูลของสเตบาสเตียน ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านหลังนี้เป็นของสุดฟ้าเจ้านายของเขา แต่เมื่อรวมเข้ากับการวิเคราะห์รูปประโยคของคู่สนทนา ประโยคดังกล่าวไม่ใช่ประโยคคำถาม หุ่นยนต์พ่อบ้านจึงไม่ได้ตอบออกไป

“ช่างมันเถอะ ผมหิวแล้วออกไปกินข้าวกันดีกว่าครับ”

“ต้องขอประทานโทษครับ ผมต้องเรียนแจ้งว่าคุณไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปจากห้องนี้ในเวลานี้ครับ แต่ไม่ต้องห่วงครับ ผมได้เตรียมอาหารมาให้คุณแล้วครับ”

“ทำไมละ”ชวิศาไม่ได้สนใจว่าสเตบาสเตียนเตรียมอะไรไว้ให้เขา เขาสนใจเพียงแค่ทำไมเขาถึงออกไปข้างนอกไม่ได้

“ทำไมผมถึงออกไปไม่ได้”

“ด็อกเตอร์ต้องการใช้พื้นที่ด้านนอกเพื่อปฏิบัติภารกิจส่วนตัวครับ”

ชวิศาไม่ใช่เด็กไร้เดียงสา เขาเข้าใจนัยยะของประโยคแบบนั้น แล้วก็ไม่พอใจที่ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านทำเหมือนว่าเขาเป็นสิ่งของที่นึกเบื่อก็โยนทิ้ง ชวิศาฮึดฮัดทำท่าจะเดินออกไปข้างนอกแต่โดนคว้าตัวไว้เสียก่อน

“ปล่อยผม”เขาหันไปตวาดสเตบาสเตียน

“ผมคงไม่สามารถปฏิบัติตามคำพูดของคุณได้”

คราวนี้ชวิศาทั้งดิ้ดทั้งกรีดร้อง พยายามทำทุกทางเพื่อให้หลุดจากการจับกุม แต่ผู้ชายหุ่นบางๆเช่นเขาหรือจะสู้หุ่นยนต์ที่โครงสร้างร่างกายถูกสร้างขึ้นจากวัสดุชนิดพิเศษ ทั้งมีระบบเสริมสร้างกำลังได้ ชวิศาดีดดิ้นจนเหนื่อยอ่อน น้ำตาไหลหลั่งรินออกมาเป็นสายอย่างคับแค้นใจ นึกกร่นด่าตัวเองซ้ำๆว่าทำไมถึงได้หลงรักคนแบบนี้ได้

+++++โปรดติดตามตอนต่อไป+++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2016 15:39:30 โดย ตีสี่ »

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
ตอนที่แปด

สเตบาสเตียนวางร่างชวิศาลงบนเตียง แพขนตายังคงฉ่ำหยาดน้ำ จมูดแดงเรื่อ ลมหายใจของร่างบนเตียงดูติดขัดคล้ายกำลังสะอื้นเป็นพักๆ เขาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมจนถึงอก แล้วยืดตัวขึ้นยืนตรงแน่วเช่นเดิม

“คุณก็จัดการเรื่องน้องชายของคุณเองแล้วกัน ตอนนี้ผมก็จะกลับไปอยู่ที่บ้านแล้ว”หุ่นยนต์ชวิศาพูดกับโยธิน และสเตบาสเตียนก็เอ่ยแย้งขึ้นมาหลังที่ประโยคนั้นจบ

“แต่ด็อกเตอร์ยังไม่มีคำสั่งให้คุณกลับ”

“ด็อกเตอร์ก็ไม่ได้มีคำสั่งให้นายพาคุณชวิศามาที่นี่เหมือนกัน นายก็ยังพามา”ชวิศาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาหยุดจังหวะในการพูดไปครู่หนึ่ง และเอ่ยต่อไปอีกว่า “อย่ากังวลไปเลยน่า เรื่องนี้ฉันรับผิดชอบเอง”

สเตบาสเตียนไม่ได้นิ่งเงียบไปเพราะอีกฝ่ายกล่าวว่าจะรับผิดชอบเอง เพียงแต่เขามีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด

“ถ้าอย่างนั้น ผมกลับก่อนนะครับ”หุ่นยนต์ชวิศากล่าวลาเจ้าของบ้าน ก่อนสาวเท้าก้าวเดินนำหน้าสเตบาสเตียนไป แสงแดดยามบ่ายยังไม่ราแรงลงเลย แต่หุ่นยนต์ที่ใช้ผิวหนังเทียมเช่นพวกเขาย่อมไม่รู้สึกความร้อนแรงนั้น

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างไร”

“คุณชวิศาเรียกเธอว่านังงูพิษ”

หุ่นยนต์ชวิศาหัวเราะ เป็นไปได้ว่าคุณหนูชวิศาคงเดียงสาต่อโลกเพราะถูกปกป้องอยู่เสมอ แค่เห็นด็อกเตอร์หลงใหลผู้หญิงคนหนึ่ง จึงคิดว่าเธอร้ายกาจเหมือนงูพิษ

“มีภาพไหม ส่งให้ดูหน่อยสิ”

การติดต่อสื่อสารระยะไกลระหว่างพวกเขาจะใช้คลื่นสัญญาณคล้ายสัญญาณโทรศัพท์ แต่เป็นความถี่เฉพาะผ่านตัวปรับคลื่นสัญญาณชนิดพิเศษที่ไม่เกี่ยวพันกับคลื่นความถี่อื่นๆที่มีใช้กันอยู่ในระบบสังคมปัจจุบัน แต่รูปแบบการส่งข้อมูลจะเหมือนระบบทั่วๆไป ที่ต้องส่งข้อมูลหรือข้อความเข้าเซิร์ฟเวอร์กลาง ก่อนจะถูกส่งต่อไปยังปลายทาง

“อืม เข้าใจละ ไม่แปลกใจที่ด็อกเตอร์จะหลงขนาดนั้น” ข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงที่ด็อกเตอร์บรรจุให้ไว้ในฐานข้อมูล ฝ่ายหญิงจะมีรูปร่างผอมบาง เอวคอด หน้าอกใหญ่ ผิวขาว และผมยาว จนครั้งแรกที่เขาได้พบผู้หญิงในชีวิตประจำวันจริงๆ เขายังต้องถามด็อกเตอร์ว่านั่นเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหน

“มีไฟล์วีดีโอชีวิตประจำวันของคุณชวิศาเก็บไว้ด้วยใช่ไหม ส่งมาให้ด้วย”

สเตบาสเตียนจัดการให้ตามที่หุ่นยนต์ชวิศาสั่ง แม้กำลังเคลื่อนที่ระบบสมองกลก็ประมวลผลไปด้วย จนพวกเขากลับมาถึงบ้านศิริกร

“กลับมาแล้วเหรอ หายไปไหนกันเนี่ย ฉันหิวข้าวจะตายแล้ว”

ชวิศาก้าวเท้าไปหาชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านซึ่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวี โดยมีแอมนั่งเบียดชิดจนแทบจะเกยอยู่บนตัก เขาจึงเดินเข้าไปนั่งบนตักของสุดฟ้า ยกสองแขนคล้องคอร้างสูงไว้

“หิวหรือครับ กินอะไรดีละ เนื้อนมไข่ก็น่าเบื่อแล้ว”พูดพลางลากนิ้วไปบนแผ่นอกกว้าง ช้อนตาขึ้นมองในมุมที่คิดว่าน่ารักที่สุดของมนุษย์ที่ชื่อชวิศา“กินบ่อยๆก็เลี่ยน จริงไหมครับด็อกเตอร์”

สุดฟ้าหัวเราะ “ข้าว กับข้าว อาหารที่กินได้จริงๆ ตอนนี้ท้องร้องจ็อกๆเลย”

“งั้นให้สเตบาสเตียนเป็นคนทำแล้วกัน เพราะตอนนี้ผมงอนอยู่”ไม่ว่าเปล่ายังแสร้งสะบัดหน้าหนี

“งอนอะไรละฮึ”สุดฟ้าถาม รั้งร่างเพรียวบางให้เอนตัวซบอก ลูบหลังไปพลางคล้ายปลอบโยน ลืมหญิงสาวอีกคนไปเสียสนิท แอมเบะปาก ลุกขึ้นยืนแล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอน ชวิศาเหลือบสายตาไปมองหญิงสาวก่อนขยับตัวเพื่อให้ศีรษะพิงไหล่ร่างสูงได้สบายขึ้น

“ก็ด็อกเตอร์สนใจแต่ผู้หญิงคนนั้น”

“ก็แค่ชั่วครู่ชั่วคราวน่า ถึงอย่างไรนายก็เป็นของฉัน” หุ่นยนต์ชวิศาไม่แน่ใจว่าถ้าเจ้าของชื่อตัวจริงมาได้ยินคำพูดเช่นนี้จะดีใจบ้างไหม แต่จากละครที่เขาเคยนั่งดูกับคุณพรลภัส เขาควรที่แง่งอนต่อไปอีกสักหน่อย

“ก็เลยเห็นของตาย นึกอยากมีอะไรด้วยก็ปากหวาน พอเจอของใหม่ก็ทิ้งผมเหมือนผักปลา”

“เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว ฉันทิ้งนายที่ไหน”

“เมื่อเช้าด็อกเตอร์ให้คุณสเตบาสเตียนขังผมไว้ในห้อง”ชวิศาผละตัวออกกอดอกทำหน้าขึงราวกับไม่พอใจหนักหนา

“อ่า...”ชายหนุ่มไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร เพราะอารมณ์กลัดมันมันบังตาจนลืมทุกอย่าง

“ฮึ... ผมโกรธจริงๆด้วย”ชวิศาลุกขึ้นทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ แล้วเดินไปหาสเตบาสเตียนที่อยู่ในครัว

“ไม่โกรธสิ ขอโทษน๊า”สุดฟ้าพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน

“ก็ช่างเขาไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ค่ะฟ้า เขาอยากโกรธก็ปล่อยให้โกรธไป”ไม่รู้ว่าแอมเดินออกมาจากห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ “ถึงอย่างไรแอมก็รักฟ้านะคะ”

“ชิ หน้าด้าน”

“คุณมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน”

“ก็หน้าด้านที่มาแย่งของของคนอื่น”

“ไม่ใช่ว่ามโนไปเองหรอกหรือ”หญิงสาวตอบกลับด้วยท่าทีเหนือกว่า การะปะทะฝีปากเริ่มจะเผ็ดร้อนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อชวิศาถลาทำท่าจะเข้าไปตบหญิงสาวคู่กรณีเสียให้ได้ ติดก็แต่ว่าโดนสุดฟ้าดึงตัวไว้ก่อน

“ไม่เอาน่า ชวิศา”การที่มีคนมาแสดงอาการแย่งชิง มันก็ทำให้เขารู้สึกดีอยู่หรอก แต่ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันจริงจังแบบนั้นก็จะดูเกินไปสักหน่อย ถึงอย่างไรการอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขก็น่าจะดีกว่า

“เอาอย่างนี้ดีไหม เดี๋ยวฉันจะจัดตารางแบ่งให้คนละสามวันต่อสัปดาห์ จะได้ไม่ต้องมาทะเลากันดีไหม”

“ไม่เอา ถ้าด็อกเตอร์เห็นว่านังงูพิษนี่ดีหนักหนา ก็เชิญกกกันต่อไปเถอะ ผมไม่สนใจด้วยแล้ว เชอะ”แล้วชวิศาก็รีบวิ่งเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องของสเตบาสเตียน

และทันทีที่บานประตูปิดลง ปิดกั้นสายตาของบุคคลด้านนอก หุ่นยนต์ชวิศาจึงหัวเราะด้วยความสนุกสนาน เขาไม่แปลกใจเลย ว่าเหตุใดมนุษย์ถึงได้ขวนขวายอย่างเป็นดารานักแสดง มันสนุกอย่างนี้นี่เอง

“สเตบาสเตียน”
เขาสื่อสารกับหุ่นยนต์พ่อบ้านผ่านช่องสัญญาณไร้สาย ไม่มีเสียงพูดคล้ายกับการโทรจิต

“ครับ”

“เตรียมอาหารให้ฉันด้วยละ”

“คุณจะทานอาหารด้วยหรือครับ”สเตบาสเตียนถามกลับมาอย่างแปลกใจ

“ไม่ได้ทานจริงๆหรอก แต่ตอนนี้ฉันเป็นคุณชวิศา ถ้าไม่ทานอาหารก็โดนจับได้พอดี ถึงเวลาอาหารก็มาตามด้วยละ”

“คุณจะไม่บอกด็อกเตอร์หรือครับ”

“ไม่ละ ฉันจะเป็นคุณชวิศาสักพัก”

“ถึงอย่างไร ข้อมูลทุกอย่างก็อยู่บนเซิร์ฟเวอร์อยู่ดี”

“นายก็ไปลบมันเสียสิ”

“ไม่ได้ครับ การกระทำเช่นนั้นเป็นการขัดขืนคำสั่งขั้นรุนแรง ด็อกเตอร์จะทำลายพวกเราทิ้งหากกระทำสิ่งใดที่ส่อไปในทางทรยศหักหลัง”

“รู้แล้วน่า ไม่ได้ให้ลบจริงๆเสียหน่อย แค่อย่าให้ด็อกเตอร์เห็นเรื่องที่เราทำกันวันนี้ก็พอ”

“ไม่ได้ครับ”สเตบาสเตียนยืนยันกลับมาอย่างจริงจัง จนชวิศาต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย โปรแกรมของสเตบาสเตียนเป็นอย่างนั้นนี่นะ

“เออๆ ไม่ทำก็ไม่ทำ”ถึงอย่างไรสักวันหนึ่ง ด็อกเตอร์ก็ต้องรู้ว่าเขากลับมาแล้วอยู่ดี



ตอนที่เขาลืมตาตื่นขึ้น ทุกอย่างรอบตัวดูมึนงงสับสนไปเสียหมด เขาปวดหัวและรู้สึกหิวน้ำ แต่ใช้เวลาแค่ชั่วนาทีเดียว ความสับสนมึนงงก็จางหายไป เหตุการณ์ทุกอย่างถูกดึงย้อนกลับมาฉายซ้ำไปซ้ำมาในหัวอีกครั้ง และน้ำตาก็ไหลลงมาอีก ชวิศาไม่สามารถหยุดความเสียใจของตัวเองได้ ทั้งที่พยายามบอกตัวเองเช่นนั้น การแอบรักยังเจ็บปวดน้อยกว่า การรับรู้ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันได้ถูกรัก ที่สำคัญสุดฟ้าคงไม่รับรู้ถึงตัวตนของเขาด้วยซ้ำ

“ตื่นแล้วหรือ”

โยธินรีบปราดเข้ามาหาทันทีที่เห็นน้ำตาของเขา พี่ชายประคองเขาลุกขึ้นและโอบกอดเขาไว้ น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยปลอบเขาเหมือนเช่นทุกครั้ง

“ไม่เป็นไรนะ น้องพี่ อย่างน้อยครั้งหนึ่งก็ได้ทำเพื่อความรัก ได้รู้จักความรัก ได้ทุ่มเทเพื่อมัน”

ทั้งที่ก่อนหน้าพี่ชายยังชอบพูดว่าการกระทำของเขาคือการแย่งชิงของของคนอื่น แต่ตอนนี้กลับบอกว่าการกระทำของเขามันเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว

นั่นสิ... เพราะเขาพยายามแย่งสุดฟ้ามาจากชวิศาอีกคน สุดท้ายก็เลยมีคนแย่งสุดฟ้าไปจากเขา

“แค่เห็นเขาอยู่กับคนอื่น ผมก็เจ็บเจียดตายแล้ว ไม่น่าพาไปตัดผม ทำผมใหม่ แล้วก็พาไปซื้อคอนแทคเลนส์เลย”ชวิศาพูดไปพลาง สะอื้นไปพลาง

“ก็เจ้านั่นมันตาถั่ว ไม่เห็นว่าซีของพี่น่ารักแสนดีแค่ไหน อย่าไปสนใจผู้ชายพรรค์นั้นเลยนะ ใครไม่รักพี่ก็รักเราเสมอ ไหนจะคุณย่า คุณอาอีก กลับบ้านกันเถอะนะ”โยธินใช้จังหวะที่น้องชายกำลังเสียใจชวนกลับฝรั่งเศสเสียเลย ถ้ารอให้หายเศร้าเดี๋ยวจะมีแรงฮึดให้เขาปวดหัวอีก

“ป่านนี้อองตัวร์คงคิดถึงเราแย่แล้ว”

ชวิศานิ่งเงียบก่อนจะยอมพยักหน้าเบาๆ แล้วหลังจากนั้นไม่ถึงสองชั่วโมง พี่ชายผู้แสนดีก็บอกว่าได้ตั๋วกลับฝรั่งเศสแล้ว
คืนนั้น ชวิศานอนไม่หลับ ใจมันหวิวๆ แต่ก็หน่วงหนักอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก พรุ่งนี้ หลังจากเขายอมก้าวเท้าขึ้นเครื่องบินไปแล้ว เขาคงไม่มีโอกาสกลับมาที่เมืองไทยได้อีกง่ายๆ ชายหนุ่มมองกระเป๋าเดินทางที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างเลื่อนลอย ที่จริงการกลับมาที่ไทยครั้งนี้ ก็เป็นตัวเขาที่ดื้อดึงอยากจะมา ตั้งแต่ที่รู้ว่าพี่โยต้องกลับมาตรวจงานที่สาขาประเทศไทย ชวิศาก็รบเร้าลูกพี่ลูกน้องผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายตลอด เขาแค่อยากเห็นหน้าสุดฟ้า หลังที่ต้องห่างจากกันไปเสียนาน

ทำไมเขาถึงตัดใจจากผู้ชายคนนั้นไม่ได้สักทีนะ ชวิศาถามตัวเองด้วยคำถามนี้หลายต่อหลายครั้ง

ด้วยฐานะของครอบครัวและรูปร่างหน้าที่ใครต่อใครกล่าวเยินยอว่าราวกับสวรรค์ปั้นแต่ง เขาสามารถเลือกคนที่ดีพร้อม คนที่ยอมทุ่มเทชีวิตเพื่อเขาได้อย่างง่ายดาย แต่น่าแปลกที่หัวใจของเขากลับอยู่ที่ผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่ไม่เหมือนคนปกติสักอย่าง ...กว่าจะรู้สึกตัว ชวิศาก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านของสุดฟ้าเสียแล้ว



“อะไรหรือ”

เพราะจู่ๆสเตบาสเตียนก็กลับเข้าสู่โหมดทำงานอีกครั้ง นั่นทำให้หุ่นยนต์ชวิศารู้สึกตัวขึ้นมาด้วย

“คุณชวิศาอยู่ในสวนข้างบ้านครับ”

“อา... ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปดูเอง”

ไฟในบ้านยังคงมืดสนิทตอนที่หุ่นยนต์ชวิศาก้าวออกมาจากห้อง เพราะระบบไฟแสงสว่างภายในบ้านใช้เซ็นเซอร์ตัวจับอุณหภูมิความร้อนจากร่างกายมนุษย์ แม้ว่าเมื่อมนุษย์สัมผัสร่างกายของเขาจะรู้สึกถึงความอุ่นร้อนของผิวหนัง แต่ก็ยังเป็นอุณหภูมิที่ต่ำเกินไปจนไม่สามารถทำให้เซ็นเซอร์ทำงานได้ แต่กระนั้นความมืดภายในบ้านก็ไม่ใช่อุปสรรค เขาก้าวเท้าไปตามทางจนออกมาสู่สวนเล็กๆบริเวณข้างบ้าน

แสงสว่างจากโคมไฟบริเวณหน้าบ้านสาดส่องไปยังจุดนั้นเพียงเล็กน้อย พอให้เห็นเสี้ยวหน้าอันเหม่อลอยของร่างที่นั่งกอดเข่าอยู่บริเวณนั้น

“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ครับ”

เสียงถามของเขาทำให้มนุษย์ที่ชื่อชวิศาสะดุ้ง ร่างนั้นหันมามองเขาก่อนจะสั่นศีรษะปฏิเสธ

“ทำไมถึงรู้ว่าผมมาที่นี่”

หุ่นยนต์ชวิศาเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ “บ้านนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีมาก มีกล้องวงจรปิดอยู่ทุกจุด การที่ประตูรั้วไม่ได้ล็อก ไม่ได้ความว่าพวกเราลืม แต่กลับกัน ประตูรั้วเป็นสัญญาณเตือนภัยจุดแรกของบ้านนี้”

“อ่อ” ชวิศารับฟังด้วยความรู้สึกเอื่อยเฉื่อย “คุณออกมาไล่ผมหรือครับ”

“เปล่าครับ ออกมาคุยด้วยเฉยๆ”

ชวิศามองใบหน้าที่เหมือนกับเขาราวกับพิมพ์เดียวกันด้วยความสงสัย

“อย่างที่ผมถามไป คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ”หุ่นยนต์ชวิศาถามคำถามนั้นซ้ำอีกครั้ง ซึ่งทำให้ชวิศาก้มหน้าลง

“ไม่รู้สิ”คนตอบเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้าสีดำสนิท “อาจจะมาหาคำตอบ”เสียงพูดนั้นแผ่วเบา

“คำตอบของเรื่องอะไรครับ”อีกคนถามอย่างตรงไปตรงมาด้วยน้ำเสียงชัดเจน เฝ้ารออีกฝ่ายที่ยังคงนั่งเงียบอย่างใจเย็น ชั่วครู่ใหญ่จึงพูดต่อไปอีกว่า

“ผมฉลาดมากนะ รู้คำตอบของทุกคำถามที่มีอยู่บนโลกใบนี้ บางที่ผมอาจจะฉลาดกว่ากูลเกิ้ลด้วย”หุ่นยนต์ชวิศาพูดอย่างภูมิใจ

“คุณไม่รู้หรอก เพราะตัวผมเองยังไม่รู้คำตอบของหัวใจตัวเองเลย”เสียงที่กล่าวออกมาแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ ที่พร้อมจะจางหายไปกับความมืดยามค่ำคืน

“ทำไมคุณถึงรักด็อกเตอร์”คำพูดของหุ่นยนต์ชวิศาเรียกสายตาแปลกใจของมนุษย์ชวิศาให้หันมามอง

“ดูเหมือนว่าผมจะเดาถูก”เขายกยิ้มให้ “ร่างกายของมนุษย์มีสิ่งซับซ้อนที่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้อยู่สองอย่าง นั่นสมองและจิตใจ ทุกงานวิจัยล้วนแต่เป็นทฤษฎีที่ใช้ความน่าจะเป็นในการสรุปผล เอาเป็นว่าผมขอตอบคำถามที่คุณไม่สามารถตอบได้ด้วยทฤษฎีนี้ก็แล้วก็กันนะครับ การที่คุณหลงรักคุณสุดฟ้า ศิริกร ก็เพราะฟีโรโมนของคุณสุดฟ้าตรงกับคุณ”

ชวิศายกยิ้ม ถ้าเป็นคำตอบแบบนี้ก็สมควรที่เขาจะคิดไม่ได้ เขาอ่อนวิชาวิทยาศาสตร์ ต่อให้เรียนมามากเท่าไหร่ก็คืนอาจารย์ไปหมด

“แล้วคุณละครับ คุณก็รักด็อกเตอร์เหมือนกัน”

หุ่นยนต์ชวิศากำลังจะอ้าปากตอบอยู่แล้ว แต่อีกฝ่ายก็พูดต่อขึ้นมาเสียก่อน “ผมขอโทษนะครับที่ผมขอสลับตัวกับคุณ เพื่อให้ได้อยู่กับคุณสุดฟ้า ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าการที่ต้องเห็นคนที่รักอยู่กับคนอื่นมันเจ็บปวดแค่ไหน ผมขอโทษจริงๆ” ชวิศาสูดลมหายใจเข้าปอดอีกเฮือกใหญ่ แล้วยันตัวลุกขึ้น หุ่นยนต์ชวิศาจึงได้ลุกขึ้นตาม

“สิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจจริงๆ อาจจะเป็นเรื่องนี้ก็ได้ ผมอยากจะขอโทษคุณที่พยายามแย่งคุณสุดฟ้ามาจากคุณ และก็อยากให้คุณดูแลเขาให้ดี”

“คุณจะกลับไปแล้วหรือ” หุ่นยนต์ชวิศารู้เรื่องนี้ดี เพราะมันเป็นเรื่องหลักๆที่ทำให้โยธินกังวล

“ครับ”ชวิศายกยิ้มให้ รอยยิ้มนั้นนอกจากจะมอบให้อีกฝ่ายที่หน้าตาเหมือนกับเขา มันยังเป็นรอยยิ้มที่เขามอบให้กับตัวเอง รอยยิ้มที่บอกว่าเขาควรจะเข้มแข็งขึ้น “ผมควรอยู่ในที่ของผม ถึงจะรู้สึกเหมือนว่าจะเหงาๆอยู่บ้าง แต่ก็มีเรื่องสนุกหลายอย่าง”

“ที่นั่นมีอะไรที่รอคุณอยู่หรือครับ”

“คุณย่าครับ คุณย่าท่านอายุเยอะแล้ว ก็เลยเจ็บออดๆแอดๆอยู่ตลอด ครั้งนี้กว่าจะขอมาได้ก็ต้องอ้อนขอตั้งหลายวัน”

“นึกว่าจะเป็นลูกและภรรยาของคุณเสียอีก”หุ่นยนต์ชวิศาพูดแซวตอนที่เดินมาส่งอีกคนถึงหน้าบ้าน

“ไม่ใช่เลย”ชายหนุ่มหน้าแดง กล่าวปฏิเสธเป็นพัลวัล “ก็ใจของผมอยู่ที่นี่ คบกับใครก็เห็นเป็นหน้าเขา” เขาออกมาหยุดยืนอยู่หน้ารั้ว

“ผมไปแล้วนะครับ ขอบคุณที่มาอยู่คุยเป็นเพื่อน”

“โชคดีครับ แล้วไว้เจอกันใหม่”

แผ่นหลังนั้นค่อยๆหายไปอย่างเชื่องช้า เมื่อชวิศาก้าวหายไปในความมืด ยามกลางดึกสงัดเช่นนี้ทุกอย่างช่างเงียบสงบไปเสียทั้งหมด แม้จะมีเสียงรถยนต์ดังแว่วมานานๆครั้ง แต่บรรยากาศรอบตัวล้วนชวนให้น่าหลงใหล หุ่นยนต์ชวิศายืนนิ่งอยู่เช่นนั้นราวกับซึมซับกับบรรยากาศ

“คุณชวิศาถึงบ้านแล้วครับ”เสียงของสเตบาสเตียนดังขึ้นมาในหัว “ถ้าคุณเดินไปส่งก็หมดเรื่องแล้วแท้ๆ” คุณพ่อบ้านพูดคล้ายกำลังบ่น

“ถ้าฉันไปส่ง คุณชวิศาก็ต้องปฏิเสธแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะยื้อกันไปยื้อกันมาจนถึงเช้า ไม่คิดบ้างหรือว่าการที่เขามาที่นี่พี่ชายเขาอาจจะไม่รู้เรื่อง”

“ไม่ทราบครับ”

“สเตบาสเตียนนี่ละน๊า”หุ่นยนต์ชวิศาพึมพำคล้ายอ่อนใจ “อ่อ เช็คเที่ยวบินที่คุณชวิศาจะเดินทางพรุ่งนี้ให้ด้วยสิ”



ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
เช้าวันรุ่งขึ้นที่บ้านศิริกรทุกอย่างล้วนดูปกติ ชายหนุ่มเจ้าของบ้านตื่นมาทานอาหารเช้าตอนประมาณเก้าโมง ที่เดินเคียงกันมาเป็นสาวสวยหุ่นสะบึมตามรสนิยมของชายหนุ่ม สเตบาสเตียนเสริฟอาหารทันทีที่สองคนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ อาหารเช้าวันนี้เป็นอเมริกันเบรคฟาสท์อันประกอบด้วย ไข่ดาว ไส้กรอก แฮม และขนมปังปิ้ง เครื่องดื่มเป็นนมสดและน้ำส้มคั้นสดอย่างใส่ใจสุขภาพ

“ไม่มากินหรือชวิศา”สุดฟ้าเอ่ยปากร้องถามคนที่นั่งอยู่หน้าทีวี บนจอภาพขนาดยักษ์กำลังฉายซีรี่ย์เกาหลีที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้

“ไม่หรอกครับ ผมไม่จำเป็นต้องกินเสียหน่อย”

“เลิกงอนได้แล้วน่า” เขาบอกออกไปก่อนหันไปทางสเตบาสเตียน “ชวิศากินข้าวหรือยังน่ะ”

“ยังไม่ได้กินครับ”

ได้ยินดังนั้น เขาจึงยกจานตัวเองไปหา “เมื่อวานก็ไม่ยอมกินข้าว ไหนนายเคยบอกว่าอาหารพวกนี้เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตไง ต่อให้โกรธก็อย่าอดข้าวสิ”

“ผมอดข้าวเสียที่ไหน แต่ผมไม่จำเป็นต้องกินจริงๆต่างหาก อ่อ อีกเรื่อง คุณชวิศาก็เดินทางกลับไปวันนี้แล้วด้วย”พูดจบก็ส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจไปให้ ถึงจะหน้าตาเหมือนกันแต่สุดฟ้ากลับรู้สึกถึงความแตกต่าง

“ฉันไม่ได้สั่งให้นายกลับมา”

“แล้วจะให้ผมเป็นคนไปแทนหรือครับ ด็อกเตอร์ไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้สนใจใยดีแท้ๆ”

“หุบปากไปเลยนะ อย่าเอาลักษณะท่าทางแบบนั้นมาใช้กับฉัน นายไม่มีสิทธิ์”สุดฟ้าตะโกนบอกกลับไป “สเตบาสเตียนเอารถออกเดี๋ยวนี้”

“ด็อกเตอร์จะทำแบบนั้นทำไม”

“ของของฉันถ้าฉันไม่ยกให้ ใครหน้าไหนก็เอาไปไม่ได้ทั้งนั้น”

“รถพร้อมแล้วครับ”สเตบาสเตียนเอ่ยแทรกเสียงตะโกนโหวกเหวกของชายหนุ่มเจ้าของบ้าน ส่วนหญิงสาวหนึ่งเดียวในบ้านก็มองทางโน้นทีทางนี้อย่างตื่นตกใจ เมื่อเห็นเจ้าของบ้านก้าวฉับๆไปทางประตูหน้าพร้อมกับชายหนุ่มสองคนที่ตามไปติดๆ เธอจึงลุกจากเก้าอี้สาวเท้าตามไปบ้าง พ้นกรอบประตูออกไปเธอก็พบรถยนต์สีดำเงาวับ รูปลักษณ์เรียบหรูทันสมัยที่ไม่มีตราสัญลักษณ์บ่งบอกสัญชาติจอดนิ่งอยู่หน้าบ้าน

“ฟ้าจะไปไหนค่ะ”เธอร้องถาม แต่ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของชื่อกลับไม่แม้จะเหลือบแลมาทางเธอ ทันทีประตูรถปิดลง รถยนต์คันงามก็เคลื่อนที่จากไปอย่างรวดเร็ว




“หาเที่ยวบินที่ชวิศาจะไปวันนี้”

“ผมก็นั่งอยู่นี่”

“เงียบไปซะชวิศา ต่อไปนี้ฉันจะเปลี่ยนชื่อนายเป็นมาริเอะ”

“อย่าเอาชื่อตัวการ์ตูนปัญญาอ่อนมาตั้งเป็นชื่อผมนะ”

“ปัญญาอ่อนตรงไหน มาริเอะออกจะน่ารัก”

“ไม่ปัญญาอ่อนอะไร ทุกตอนมีแต่พูดว่าคิขุแมนเก่งที่สุดอย่างกับนกแก้วนกขุนทอง”

สุดฟ้าโมโหเดือดดาลอย่างที่สุด นอกจากจะว่ามาริเอะสุดที่รักของเขาแล้วยังเถียงคำไม่ตกฟาก

“ฉันจะฟอแมตแล้วลงข้อมูลบุคลิกให้นายใหม่”

“ผมแบคอัพไว้หมดแล้ว”

“รหัส พีทีสองเอ็มวายเจ็ดโอหนึ่งห้าเอสสามเจ็ดแปดสาม รับคำสั่ง”สุดฟ้ากำลังอยู่ในอารมณ์เดือดดาล

“ตรวจสอบรหัส รหัสถูกต้อง เตรียมรับโปรแกรมคำสั่ง”จากเสียงรื่นเริงคอยต่อล้อต่อเถียงเปลี่ยนไปเป็นโหมดเข้ารหัสทันทีที่สุดฟ้าขานรหัสเปลี่ยนแปลงข้อมูล ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของหุ่นยนต์สมองกลจึงรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย

“เข้าโปรแกรมบันทึกข้อมูลพื้นฐาน”

“เข้าโปรแกรมบันทึกข้อมูลพื้นฐาน”หุ่นยนต์ชวิศาขานคำสั่งซ้ำ  นั่งนิ่งดวงตามองตรงไปข้างหน้า

“เปลี่ยนแปลงชื่อเรียกร่างต้นแบบ”

“เปลี่ยนแปลงชื่อเรียกร่างต้นแบบ ชื่อเดิม ชวิศา กรุณาระบุชื่อเรียกใหม่”

“มาริเอะ”

“ยืนยันชื่อมาริเอะ ทำการบันทึกเรียบร้อย”ทันทีที่มาริเอะออกจากโหมดเปลี่ยนแปลงข้อมูล เขาก็ส่งเสียงหึอย่างไม่พอใจออกมาทันที

“หยุดยิ้มเยาะเย้ยนะสเตบาสเตียน”พูดเสียงดุก่อนจะนั่งกอดอกเชิดหน้าหนี มองไปยังนอกหน้าต่าง

“ผมไม่ได้ยิ้มเยาะครับ บุคลิกพื้นฐานของผมเป็นอย่างนี้”สเตบาสเตียนตอบก่อนจะแจ้งข้อมูลที่สุดฟ้าถามมาตั้งแต่ขึ้นมาบนรถ ข้อมูลที่เขารู้มาตั้งแต่เมื่อวาน

“เครื่องบินจะออกตอนสิบโมงสี่สิบห้าครับ ที่สนามบินสุวรรณภูมิครับ”

“ชิบหาย”สุดฟ้ามองตัวเลขเวลาที่อยู่บนหน้าจอของคอนโซลรถยนต์ เขานั่งอยู่ที่นั่งตอนหน้าด้านข้างคนขับซึ่งตำแหน่งคนขับหลังพวงมาลัยนั้นเป็นที่นั่งของสเตบาสเตียน ส่วนหุ่นยนต์ชวิศาที่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นมาริเอะแล้ว นั่งอยู่ที่นั่งตอนหลัง รถยนต์กำลังเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้มันสิบโมงแล้ว ในขณะที่พวกเขายังอยู่บนถนนพระรามเก้า ป่านนี้ชวิศาไม่เข้าเกจไปแล้วหรือ

“มาริเอะเช็คตำแหน่งของชวิศาดิ เข้าเกทไปหรือยัง”

“ไม่ ถ้าด็อกเตอร์ยังเรียกผมว่ามาริเอะ ผมจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น”

โว้ย!!! สุดฟ้ากรีดร้องในใจ ทำไมบุคิลของมาริเอะถึงได้ผิดเพี้ยนไปขนาดนี้ละเนี่ย

“ได้ มาริ โอเคไหม”

“ครับก็พอรับได้”เจ้าหุ่นยนต์กวนประสาทลอยหน้าลอยตาพูดคล้ายจำยอม สุดฟ้ากัดฟันกรอด “ทีนี้เช็คได้หรือยังว่าชวิศาเข้าเกทไปหรือยัง”

“คร้าบ สเตบาสเตียนขอเชื่อมต่อหน่อย”

“ได้ครับ”สเตบาสเตียนกดปุ่มขับเคลื่อนอัตโนมัติที่อยู่บนพวงมาลัย และระบุจุดหมายการเดินทางบนหน้าจอทัชสกรีนบนคอนโซล

“ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเริ่มต้นทำงาน พิกัดจุดหมายละติจูดสิบสามจุดหกแปดเก้าเก้าสี่เจ็ด ลองติจูดหนึ่งร้อยจุดเจ็ดห้าศูนย์ศูนย์สองเจ็ด สนามบินสุวรรณภูมิ”ขณะที่เสียงประดิษฐ์ของระบบขานการทำงานของรถยนต์ มาริเอะก็ทำการขยับนิ้วโป้งข้างขวา ปลายนิ้วเปิดออกปรากฏเป็นหัวอาร์เจสี่สิบห้า ส่วนสเตบาสเตียนเขาก้มคอลงนิดหน่อย ผิวหนังด้านหลังคอขนาดเล็กๆเลื่อนเปิดออกปรากฏเป็นช่องสำหรับเสียบพอร์ตอาร์เจสี่สิบห้า มาริเอะซึ่งนั่งอยู่หลังสเตบาสเตียนพอดีเสียบพอร์ตที่ปลายนิ้วโป้งของตนเข้าไปที่พอร์ตนั้น ทำให้ระบบการทำงานของสเตบาสเตียนดับลง

เวลาค่อยๆเคลื่อนที่ผ่านไป ตอนนี้รถยนต์ของพวกเขาเคลื่อนที่เข้าสู่ถนนมอร์เตอร์เวย์แล้ว ความเร็วของรถยนต์จึงค่อยๆเพิ่มขึ้นตามปริมาณรถที่บางตา

“ยังครับ คุณชวิสาเพิ่งโหลดกระเป๋าเสร็จ”

“งั้นก็ไปป่วนระบบตรวจคนเข้าเมืองซะ”

“มันผิดกฎหมายนะครับ”มองหน้ามาริเอะแล้ว เขารู้สึกคิ้วกระตุก อีกฝ่ายยังกวนประสาทเขาอย่างต่อเนื่อง

“ทำไปเถอะน่า แค่ทำให้อินเตอร์เน็ตหรือการเชื่อมต่อสัญญาณล่ม ก่อนที่พวกเราจะไปถึงก็แค่นั้น”

“ด็อกเตอร์นี่เอาแต่ใจชะมัด”ถึงมาริเอะจะยอมทำตามคำสั่งแต่ก็ยังไม่วายพูดบ่น



ชวิศาและโยธินกำลังเข้าแถวรอตรวจเอกสาร ชายหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายยังคงมีสีหน้าเศร้าหมอง ใต้ตาดำคล้ำคลายอดนอน เขายืนนิ่งมองตรงไปเบื้องหน้าแต่สายตาไม่ได้โฟกัสที่จุดใดเป็นพิเศษ พี่ชายที่มีความสูงห่างจากเขาหนึ่งช่วงศีรษะยืนอยู่ด้านหลัง ก่อนหน้านั้นสักหนึ่งหรือสองนาทีทุกอย่างก็ยังคงเป็นไปอย่างเรียบร้อย แต่เมื่อแถวที่พวกเขายืนรออยู่เหลือเพียงคู่หญิงชายที่เป็นคิวก่อนหน้า ระบบก็เกิดมีปัญหาขึ้นมา เจ้าหน้าที่ที่อยู่หลังเคาท์เตอร์บอกว่ากำลังดำเนินการแก้ปัญหา ขณะเดียวกันระบบตรวจเอกสารแบบอัตโนมัติก็ใช้งานไม่ได้เช่นเดียวกัน เสียงประกาศดังไปทั่วสนามบิน

“เอ่อ ขอโทษครับ ผมจองไฟลท์เที่ยวสิบโมงสี่สิบห้าไว้นะครับ”โยธินเดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ เวลากระชั้นชิดเสียจนพวกเขาอาจจะตกเครื่อง

“ไม่ต้องห่วงนะคะท่านผู้โดยสาร จะยังไม่ได้มีการนำเครื่องบินขึ้น ไม่ว่าเที่ยวบินใดก็ตาม จนกว่าระบบในสนามบินจะสามารถใช้งานได้เป็นปกติ ขออภัยท่านผู้โดยสารไว้ ณ ที่นี้ด้วย จะมีประกาศแจ้งอีกครั้งหลังจากที่ระบบกลับมาเป็นปกติค่ะ”

“ครับ”ชายหนุ่มพยักหน้ารับ หันมาหาน้องชาย รุนหลังอีกฝ่ายให้ไปหาที่นั่งรอด้วยกัน

“กินอะไรหน่อยไหมซี เมื่อเช้าน้องกินข้าวน้อยมาก หิวหรือเปล่า”

“ไม่ครับ”ชวิศาสั่นศีรษะปฏิเสธ

“งั้นก็ไปกินไอติมกันดีไหม”

“แล้วแต่พี่โยครับ”ชายหนุ่มตอบเสียงเนือยๆพยายามยกยิ้มให้พี่ชาย ชายหนุ่มร่างสูงลูบศีรษะน้องชายอย่างเอ็นดูกึ่งปลอบประโลม อย่างน้อยชวิศาก็พยายามทำให้เขาไม่รู้สึกเป็นห่วง โยธินจึงไม่คิดคะยั้นคะยออะไรอีก

หลังจากหาโต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งรอในร้านไอศกรีมได้ โยธินก็เป็นฝ่ายจัดการสั่งขนมและไอศกรีมให้ชวิศา ส่วนตรงหน้าตนเองก็มีไอศกรีมถ้วยเล็กๆวางอยู่ด้วยเช่นกัน ชวิศาชอบทำขนมจนเขาชอบทานของหวานตามไปด้วย ส่วนคนเป็นน้องไม่คิดจะทำลายความตั้งใจของพี่ชาย เขาจึงหยิบช้อนตักไอศกรีมเข้าปาก รสชาติหวานเย็นละมุนลิ้นแต่ก็เจือรสเฝื่อนขมของช็อคโกแลต ชวิศาตักไอศกรีมทานจนหมดถ้วย ต่อให้รู้สึกเศร้าอยู่ แต่พอได้กินของที่ชอบ มันก็ย่อมอดใจไม่ได้ ชายหนุ่มจึงไม่ค่อยเข้าใจพวกที่อกหักจนไม่ยอมกินข้าวกินน้ำ หรือที่จริงเขาอาจจะไม่ได้ชอบสุดฟ้ามากอย่างที่ตนเองเข้าใจก็ไม่รู้ ชวิศาคิดไปพลาง ตักเค้กเข้าปากไปพลาง

“เอาอีกไหม”โยธินถาม เมื่อเห็นน้องชายกินเค้กสองชิ้นจนหมดทำให้ชวิศาขมวดคิ้วอย่างลังเล ให้กินอีกเขาก็กินได้อยู่หรอก แต่จะต้องมาโดนพี่โยบังคับให้ออกกำลังกายทีหลังนี่นะสิที่ทำให้เขาคิดหนัก ไม่รู้ว่าจะมาห่วงเรื่องรูปร่างกับน้ำหนักของเขาทำไมหนักหนา ตัวเขาเองยังไม่คิดมากเลย

ชวิศาจึงตัดสินใจสั่นศีรษะปฏิเสธเสียดีกว่า

โยธินยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูอีกครั้ง ถ้าเที่ยวบินของเมื่อวานไม่เต็ม ป่านนี้พวกเขาคงถึงนีสไปแล้ว

ขณะที่ต่างคนต่างนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ชายหนุ่มร่างสูงซึ่งวิ่งถลาเข้ามาหาอย่างกระหืดกระหอบก็ตบมือลงบนโต๊ะเสียงดัง ทั้งสองคนสะดุ้งเฮือก ก่อนสายตาของชวิศาจะแปรเปลี่ยนเป็นความดีใจ แต่ชั่วเสี้ยววินาทีต่อมาก็มีแต่ความกังขา

สุดฟ้าคว้าข้อมือของชวิศาก่อนลากให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ คนที่ไม่ทันระวังตัวจึงแทบล้มคะมำ ดีว่าโยธินไหวตัวช่วยพยุงไว้ได้ทัน เข้าคว้าจับข้อมือของสุดฟ้าแล้วยึดไว้

“จู่ๆ มาฉุดกระชากลากถูน้องชายผม ผมคิดว่าสามารถแจ้งความจับคุณได้นะครับ”โยธินวาดแขนโอบรอบเอวของน้องชาย ขณะที่อีกมือหนึ่งก็ยึดข้อมือหนาของสุดฟ้าไว้

“มาเอาของของคนอื่นไปแล้วยังหน้าด้านบอกว่าจะแจ้งความจับฉันอีกเนี่ยนะ”

“ของของคุณ? ผมเอาอะไรของคุณมาหรือครับ ถ้าหมายถึงน้องชายของผมละก็ เขาไม่ใช่สิ่งของที่ใครนึกอยากจะทำอะไรก็ได้นะครับ”โยธินจ้องมองคนตรงหน้าเขม็ง สายตาแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ฝ่ายสุดฟ้าก็จ้องตาคนตรงหน้ากลับอย่างไม่คิดยอมแพ้ ในหัวเขาคิดภาพที่ตัวเขาจับไอ้หล่อน้อยกว่าตรงหน้ามาหักกระดูกแล้วเคี้ยวๆ กระทืบซ้ำจนอีกฝ่ายเละเป็นจุลไปแล้ว

“ด็อกเตอร์ รอกันบ้างสิครับ”มาริเอะร้องเรียกเขามาแต่ไกล เมื่อเข้ามาถึงวงปลากัดตัวผู้ที่ยังจ้องตากันอย่างไม่เลิกราก็บ่นออกมาทันที “จะรีบอะไรหนักหนา อ๊ะ!!! สวัสดีครับคุณโยธิน”

“ฉันนึกว่าการที่นายกลับไปแล้วจะทำให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิมเสียอีก”โยธินหันไปพูดกับมาริเอะ ซึ่งมาริเอะก็ตอบกลับไปอย่างไม่เดือดร้อนว่า

“แหม บางอย่างก็ต้องเหนือความคาดหมายกันบ้าง”ระหว่างที่โยธินคุยกับมาริเอะ เขาก็ต้องคอยยื้อยุดข้อมือของสุดฟ้าไม่ให้ลากน้องชายเขาไปได้อย่างใจหวัง ช่างเป็นภาพที่แปลกประหลาดจนผู้คนรอบข้างเริ่มให้ความสนใจ มาริเอะจึงต้องยื่นมือมาแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน

“ข้อมือคุณชวิศาเป็นรอยช้ำหมดแล้วครับ ด็อกเตอร์”

พอเห็นรอยแดงบนข้อมือของคนเป็นน้อง โยธินก็อยากจะชกไอ้คนทำสักหมัดสองหมัด

“เอาละ ด็อกเตอร์ได้เจอคุณชวิศาแล้ว เพราะฉะนั้นเราก็กลับได้แล้วนะครับ”พูดพลางดึงให้สุดฟ้าเดินกลับไปทางประตู แต่คนถูกดึงไม่ยอมก้าวเท้าตามเสียที

“จะไปจริงๆเหรอ”สุดฟ้าเอ่ยถาม เขามองหน้าชวิศาคล้ายพยายามค้นหาคำตอบ ฝ่ายคนถูกถามเมื่อเจอกับคำถามนี้ก็รู้สึกหวั่นไหว ก็นะ คนที่แอบชอบมาทำหน้าตาท่าทางเหมือนไม่อยากให้เขาไป ใครบ้างละจะไม่หวั่นไหว แต่ไม่ได้ เขาแค่อาจจะคิดไปเองข้างเดียวก็เป็นได้

“อืม ผมจะกลับฝรั่งเศสวันนี้แล้ว”

“ไม่ไป ไม่ได้เหรอ”

มาแล้ว!!!!! ชวิศาอยากร้องตะโกนหมุนตัวตีลังการาวดรอฟสักสามรอบ สุดฟ้าไม่อยากให้เข้าไปจริงๆด้วย เขาควรจะตอบตกลงแบบไหนเพื่อไม่ให้ดูใจง่ายเกินไปดีละเนี่ย หรือควรถามย้ำอีกสักรอบดีว่าอยากให้เขาอยู่เพราะอะไร

“เอ่อ ที่...”

“ขอโทษครับ ด็อกเตอร์”สเตบาสเตียนสืบเท้าเข้ามาใกล้และกล่าวแทรกการสนทนาระหว่างพวกเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

โธ่!!! คุณสเตบาสเตียนมามีเรื่องอะไรตอนนี้เนี่ย ชวิศานึกค่อนคอดในใจ

“เกิดเหตุฉุกเฉินระดับบีที่บ้านครับ”


+++++โปรดติดตามตอนต่อไป+++++

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
ตอนที่เก้า

สุดฟ้าใช้ช่วงจังหวะที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับคำพูดสเตบาสเตียนคว้าข้อมือของชวิศาและลากออกมาโดยไม่มีใครตั้งตัวได้ทัน สเตบาสเตียนเห็นว่าเจ้านายเดินออกไปแล้วจึงรีบสาวเท้าตามไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงหุ่นยนต์ที่หน้าตาเหมือนชวิศาและโยธินที่ยังคงยืนอยู่บริเวณนั้น ที่โยธินไม่ได้วิ่งตามไปด้วยเพราะเขายังอยู่ในอาการตกตะลึง

“เอาอย่างไรดีครับ”

“ก็ตามไปสิ”พูดจบเขาจะสาวเท้าตามไปบ้าง แต่โดนรั้งไว้เสียก่อน

“อ่อ ไม่ต้องรีบหรอกครับ อย่างไรเสีย ด็อกเตอร์ก็ต้องกลับไปที่บ้าน เดี๋ยวเราค่อยตามไปก็ได้ครับ”มาริเอะยิ้มให้ ก่อนจะแบมือ

“ขอยืมโทรศัพท์มือถือหน่อยครับ”

โยธินเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “อย่างนายต้องใช้โทรศัพท์มือถือด้วย?” เขาคิดว่าหุ่นยนต์ไม่น่าจะจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์สื่อสารแบบนี้ ถึงอย่างนั้นเขาก็ส่งมันให้อีกฝ่าย มาริเอะใช้พอร์ตที่อยู่ในนิ้วก้อยเสียบเข้ากับโทรศัพท์

“ทุกนิ้วของนายเป็น... อะไรแบบนี้ทั้งหมดหรือเปล่า”

“ประมาณนั้นครับ”

“แล้วนายกำลังใช้โทรศัพท์ของฉันทำอะไรน่ะ”

“ก่อนหน้านี้ผมทำให้ระบบในสนามบินใช้ไม่ได้ครับ เลยต้องทำให้มันกลับมาเหมือนเดิม”

“เอ๊ะ เดี๋ยวนะ นายทำให้ระบบในสนามบินใช้ไม่ได้”

“ครับ”มาริเอะตอบรับด้วยท่าทางปกติ

“นายคงทำไปเองโดยพละการ อะไรทำนองนั้นใช่ไหม”

“หือ ผมก็ต้องทำเพราะคำสั่งของด็อกเตอร์สิครับ”

โยธินกุมขมับ ทั้งที่อยากให้สิ่งที่เขาคาดเดาไว้ในหัวไม่ใช่เรื่องจริงแท้ๆ ไอ้บ้านั่น ยิ่งทำตัวคลุมเคลือแบบนี้ เขายิ่งไม่มีทางยกชวิศาให้เด็ดขาด คอยดูสิ!!!!!!



สุดฟ้า ชวิศาและสเตบาสเตียนกำลังอยู่บนรถซึ่งกำลังเคลื่อนที่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ คอนโซลหน้ารถตรงที่นั่งข้างคนขับถูกเปลี่ยนเป็นคีย์บอร์ด ซึ่งตัวอักษระมากมายกำลังถูกแสดงอยู่บนอากาศ เทคโนโลยีที่สุดฟ้าเรียกมันว่าดิจิตัลไลท์มอนิเตอร์  ภาพข้อความที่เรียงกันเป็นพรืดถูกฉายออกมาจากโทรศัพท์มือถือของเขา

“ตอนแรกการจ่ายกระแสไฟฟ้าของทางภาครัฐขัดข้องครับ ผมได้ทำการสั่งเปิดใช้ไฟฟ้าสำรอง จากนั้นผมตรวจพบว่าสัญญาณเชื่อมต่อค่อนข้างดีเลย์จึงทำการสับสวิตซ์ไปใช้ตัวเชื่อมสัญญาณช่องที่สามและสี่ แต่ก็เกิดสัญญาณขัดข้อง และล่าสุด ผมยังไม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบควบคุมภายในบ้านได้”

“โอเค มีคนแฮ็กระบบของเรา” สุดฟ้าพูด “เจาะไฟร์วอลล์ ถอดรหัสของฉันจนถึงห้องทำงาน” ชายหนุ่มกดคีย์บอร์ดมือเป็นระวิง

“ตัดการเชื่อมต่อของนายกับระบบในบ้านซะ ฉันไม่อยากให้ต้องมาเช็ตทุกอย่างใหม่”

“รับทราบครับ”สเตบาสเตียนตอบรับขณะขยับพวงมาลัยรถยนต์แซงรถคันข้างหน้า พอรถเคลื่อนที่เข้าสู่ถนนพระรามเก้าปริมาณรถที่หนาแน่นทำให้หุ่นยนต์พ่อบ้านต้องลดความเร็วลง ชวิศาที่นั่งอยู่ที่นั่งตอนหลังแทนที่มาริเอะเมื่อขามา มองทางโน้นทางนี้ทีด้วยความตื่นตะลึง และอยากจะออกปากถามใจจะขาด แต่ละเรื่องล้วนเกี่ยวข้องกับรถยนต์คันนี้ และคุณพ่อบ้าน โดยลืมเรื่องที่สนามบินไปสนิท ชวิศากำลังคิดว่าตัวเองกำลังหลงมาอยู่ในภาพยนตร์ไซไฟ  เขาคุ้นชินกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน เคยได้ดูภาพยนตร์ซึ่งจิตนาการถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในอนาคต แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นกับตาตัวเองแบบนี้

“คุณสเตบาสเตียนครับ”ชวิศาอดปากไม่ได้จริงๆ “รถยนต์รุ่นนี้ของค่ายไหนหรือครับ”

“ค่าย?”สเตบาสเตียนค้นหาความหมายของคำในคลังข้อมูล แม้จะพบความหมายของคำแต่ล้วนไม่เข้าพวกกับประโยคคำถามจนเขาไม่สามารถประมวลผลและหาคำตอบได้

“ค่ายในประโยคนี้หมายถึงบริษัทผู้ผลิตรถยนต์”สุดฟ้าละมือหันไปอธิบาย

“ครับ”ตอบรับพร้อมทั้งทำการบันทึกข้อมูลใหม่ลงไป จากนั้นสุดฟ้าจึงหันไปสนใจหน้าจอตรงหน้าพร้อมทั้งอธิบายให้ชวิศาฟังต่อไปอีกว่า

“รถคันนี้เป็นรุ่นต้นแบบของฉันเอง ตอนนี้ฝาแฝดกำลังวางแผนเรื่องโรงงานกับการลงทุนอยู่ กว่าจะได้ผลิตจริงคงอีกสองสามปี แต่ก็คงจะเหลือแค่ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ากับระบบควบคุมการเคลื่อนที่อัตโนมัติ”

ชวิศาพยักหน้ารับรู้ ธุรกิจในเครือของตระกูลภูสิทธ์วรโชติล้วนแต่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ซึ่งปัจจุบันพี่ชายของเขาพยายามขยายธุรกิจเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหาร เขาเคยได้ยินคนเป็นพี่เปรยกับคุณลุงเรื่องอยากลองจับธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์อยู่บ้างเหมือนกัน แต่ต้องยั้งความคิดไว้เพราะอาจจะต้องเริ่มทุกอย่างตั้งแต่ศูนย์ ทั้งยังเป็นธุรกิจที่อายุของผลิตภัณฑ์ค่อนข้างสั้น บางทีถ้าเขาบอกเรื่องโรงงานรถยนต์ของสุวราลักษณ์และสุดฟ้า พี่โยอาจจะสนใจ และถ้าพวกเขาร่วมลงทุนด้วยกันจริงๆ เขาก็อาจจะได้เจอสุดฟ้าบ่อยขึ้น ไม่สิ... ถึงตอนนั้นเขาอาจจะตกลงปลงใจใช้ชีวิตอยูกับสุดฟ้าแล้วก็ได้ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ชวิศาก็เขินจนหน้าแดง แม้ว่าชายหนุ่มจะยังไม่พูดจาให้ชัดเจน แต่มาตามเขาถึงสนามบิน มันก็ต้องคิดอะไรบ้างละ

ชวิศาเหลือบตามองสุดฟ้าที่ยังทำหน้าเครียดอยู่กับคีย์บอร์ดและมอนิเตอร์ ถ้าถามตอนนี้คงจะไม่ถูกกาลเทศะ เขาจึงต้องอดทนเก็บความสงสัยไว้ก่อน

ภาพบนดิจิตัลไลท์มอนิเตอร์เปลี่ยนไปเมื่อสุดฟ้ากู้คืนระบบกล้องวงจรปิดภายในบ้านให้กลับมาอยู่ในการควบคุมได้สำเร็จ ฝ่ายคนชุดดำภายในบ้านก็เหมือนว่าจะรู้ตัวเช่นกัน แม้จะดูตื่นตกใจในคราแรก แต่ก็หนีถอยออกจากบ้านได้อย่างรวดเร็ว พวกนี้ไม่ใช่มือสมัตรเล่น คนที่เข้ามาภายในบ้านของเขาไม่มีแฮ็กเกอร์ สุดฟ้าสับภาพไปที่กล้องตัวอื่นๆที่อยู่รอบบ้าน เจอผู้ชายคนหนึ่งกำลังเคลื่อนที่ถอยออกจากแผงคอนโทลที่อยู่ด้านนอกพอดี สุดฟ้ารู้ในนาทีนั้นว่ารอบตัวเขาต้องมีไส้ศึก ทุกอย่างถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี เหมือนรอเวลาที่เขาไม่อยู่บ้านเท่านั้นที่จะเข้ามาขโมยของ เขาแน่ใจว่าระบบไฟร์วอลล์ของเขาไม่ใช่แค่ใช้เวลาห้านาทีหรือสิบนาทีในการทำลายมัน ที่สำคัญอีกฝ่ายไม่ได้ทะลายเข้ามาตรงๆ แต่ค่อยๆแทรกซึมมาควบคุมการทำงานของบ้าน

เมื่อรถเข้ามาจอดนิ่งสนิทบริเวณที่จอดรถหน้าบ้าน ทุกอย่างในบ้านจึงดูเงียบสงบและเป็นปกติเหมือนก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากบ้านไป

สุดฟ้าเดินไปที่แผงควบคุมด้านนอก ผนังตรงนั้นยังเรียบสนิทเหมือนเดิม มันเป็นเพราะความชื่นชอบ เขาทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านเป็นความลึกลับ แม้แต่ช่างที่ทำการก่อสร้างก็ยังไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้มีความสามารถแค่ไหน หรือซ่อนอะไรไว้บ้าง เขาวางมือบนผนัง ลูบลงไปจนเจอจุดที่แตกต่างก่อนจะกดน้ำหนักลงไป ผนังที่เคยเรียบเป็นเนื้อเดียวกันค่อยๆแยกตัวออก เผยให้เห็นช่องสี่เหลี่ยมขนาดสี่นิ้วคูณสี่นิ้วที่ถูกเจาะลึกลงไปเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ไว้ภายใน หน้าจอมอนิเตอร์ยังคงแสดงสถานการณ์ทำงานเช่นปกติ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ยากต่อการพบเจอ ด้วยผนังด้านนอกที่เรียบเสมอกัน ชนิดที่ว่าถ้าไม่รู้มาก่อนคงไม่รู้ถึงตำแหน่งที่ตั้ง แต่ทุกอย่างถูกพิสูจน์ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ชายหนุ่มกดปุ่มอีกครั้ง ฝาครอบแผงควบคุมจึงเคลื่อนที่กลับไปเหมือนเดิม

ขณะที่สุดฟ้ากำลังให้ความสนใจอยู่ที่แผงควบคุมด้านนอก ชวิศาก็กำลังตื่นตาตื่นใจกับโรงเก็บรถของบ้านศิริกร ชายหนุ่มร้องว้าวออกมาเบาๆเหมือนเด็กๆ ยามที่เห็นพื้นที่ที่รถยนต์จอดอยู่ค่อยๆเคลื่อนลงต่ำไปใต้พื้นดิน โรงรถของสุดฟ้าอยู่ใต้ดิน มิน่า ตั้งแต่เขามาอยู่ที่นี่ถึงไม่เคยเห็นรถยนต์คันนี้เลย พอหลังคารถยนต์เคลื่อนลงต่ำกว่าพื้นที่ที่พวกเขายืนอยู่ พื้นถนนก็ค่อยๆเคลื่อนจากฝั่งหนึ่งไปถึงอีกฝั่ง ตอนที่สุดฟ้าเดินกลับมา ที่จอดรถบริเวณหน้าบ้านก็กลับมาเรียบสนิทเหมือนเดิมพอดี

“สุดฟ้า โรงจอดรถ โรงจอดรถ”ชวิศาได้พูดซ้ำๆอย่างตื่นเต้นและนัยน์ตาเป็นประกาย “มันเจ๋งมาก คุณเป็นคนสร้างมันหรือ”

“เปล่า”สุดฟ้าตอบ

“อ้าว”

“ช่างที่สร้างบ้านเป็นคนสร้าง ฉันแค่บอกให้พวกเขาทำแบบนี้เฉยๆ”

“โธ่ มันก็เป็นความคิดของคุณ”ชวิศาบ่น เขาถูกรุนหลังให้เดินเข้าไปในบ้าน ในตอนนั้นแอมก็เปิดประตูออกมา

“ฟ้าค่ะ คุณไปไหนมาเนี่ย รู้ไหมค่ะว่ามีขโมยขึ้นบ้านคุณด้วย”

ชวิศาเบ้หน้าอย่างไม่ชอบใจทันทีที่เห็นเธอ พร้อมกับพูดออกมา “แล้วเธอไปอยู่ที่ไหนไม่รู้จักโทรแจ้งตำรวจ”

“คุณไม่รู้หรอกวาพวกนั้นน่ากลัวขนาดไหน ตัวโตอย่างกับตึก”แอมหันไปบอกกับชวิศา แล้วหันไปพูดกับสุดฟ้าต่อไปอีกว่า “แอมพยายามโทรแจ้งแล้วนะคะ แต่โทรศัพท์ใช้ไม่ได้เลย โชคดีว่าแอมเห็นพวกมันแล้วเข้าไปหลบในห้องได้ทัน ไม่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้แอมจะเป็นอย่างไรบ้าง”

“ครับ คุณทำถูกต้องแล้ว”

แอมขมวดคิ้วกับท่าทีเมินเฉยของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้าน ถึงไม่ตื่นเต้นกับการที่ขโมยเข้าบ้าน อย่างน้อยก็ควรมีทีท่าเป็นห่วงเธอบ้างสิ หญิงสาวคิดอย่างไม่ชอบใจนัก

สุดฟ้าเดินตรงไปยังประตูห้องทำงาน “ขอโทษนะครับที่ต้องปล่อยพวกคุณไว้กันตามลำพัง หลังจากมีเหตุขโมยขึ้นบ้าน แต่ผมมีงานต้องทำ” เขาพูดด้วยท่าทางเย็นชาที่ชวิศารู้สึกคล้ายคุ้นเคย สุดฟ้าที่ชวิศารู้จักในสมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็เป็นอย่างนี้ เป็นชายหนุ่มที่ดูแปลกประหลาด และดูห่างเหินจากผู้คนรอบกาย ท่าทีเช่นนั้นทำให้ชวิศานึกหวั่นใจ เขาคว้าจับข้อมือของสุดฟ้าไว้ก่อนที่สุดฟ้าจะหายเข้าไปในห้อง

“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” หลายเรื่องเสียด้วย

“อืม แต่ต้องหลังจากที่ฉันทำงานเสร็จ”

ชวิศาอยากจะถามต่อ แต่จากประสบการณ์ที่อยู่บ้านหลังนี้มาหลายอาทิตย์ การทำงานของสุดฟ้าไม่เคยมีกำหนดแน่นอน เขาจึงแค่พยักหน้ารับ แค่สุดฟ้าไปตามเขาที่สนามบิน เรื่องนี้ก็ทำให้เขาฟินจนตัวแตกแล้ว อีกอย่าง.... ความคิดทุกอย่างของชวิศาสะดุดลง เมื่อประกายบางอย่างสว่างวาบขึ้นมาในหัว ตอนที่ไปสนามบิน มีชวิศาอีกคนไปด้วย นั่นก็แสดงว่า

“คุณรู้แล้ว”ชวิศาเอ่ยปากถามหน้าตื่น

“รู้อะไร ฉันจะไปทำงานแล้ว”สุดฟ้าพูดมาแค่นั้น ผลักศีรษะของเขาเบาๆก่อนจะเดินหายไปหลังบานประตูอัตโนมัติตรงหน้า
ทั้งๆที่คุณชวิศาอีกคนก็กลับมาที่บ้านแล้ว แต่สุดฟ้าก็ยังไปตามเขาถึงสนามบิน นั่นแสดงว่าสุดฟ้ารู้เรื่องการสลับตัวระหว่างเขากับคุณชวิศาแล้ว เขาอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆด้วยความปลื้มปริ่ม เฮ้ย! เรื่องแบบนี้เด็กสามขวบยังดูออกเลยนะ

“ทำหน้าตาอะไรของคุณ ประหลาดแท้”

ชวิศาเหล่มองคนที่ขัดความสุนทรีย์ของเขาด้วยหางตา เพราะเขาอารมณ์ดีอยู่หรอก จึงไม่อยากสนใจเสียงเป็ดเสียงห่าน ชายหนุ่มร่างเพรียวเดินผ่านหญิงสาวไปอย่างไม่แยแส เขาเดินไปนั่งบนโซฟาเบดตัวยาวหน้าทีวี หยิบรีโมททีวีขึ้นมากดเปิดอย่างไม่ใครใส่ใจอีกหนึ่งบุคคล หญิงสาวอย่างแอมก็ใช่จะสนใจชายหนุ่มหน้าสวยอย่างชวิศา พอเห็นอีกฝ่ายเมินเธอ เธอก็ไม่ได้คิดจะเสวนาด้วย ดังนั้นต่างคนจึงต่างแยกย้ายไปอยู่ที่มุมของตัวเอง



สุดฟ้าเดินตรงเข้าไปหาคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในห้องทำงานเป็นอันดับแรก เขาคีย์พาสเวิร์ดเพื่อเข้าใช้งานเครื่อง ขณะที่สเตบาสเตียนเดินมาหยุดอยู่ที่ชุดโต๊ะและเก้าอี้ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างกันนัก หุ่นยนต์พ่อบ้านนั่งลงบนเก้าอี้ และเมื่อขยับมือข้างซ้ายไปมาสักพักมือข้างนั้นก็เปลี่ยนพอร์ตซาต้า จากนั้นจึงทำการเสียบพอร์ตที่มือซ้ายเข้ากับพอร์ตที่ติดตั้งอยู่บนโต๊ะ ข้อมูลมากมายถูกส่งถ่ายระหว่างระบบควบคุมในบ้านกับสมองกลของคุณหุ่นยนต์พ่อบ้าน สุดฟ้าเองก็นั่งตรวจล็อกในระบบไปเงียบๆ

ในห้องทำงานโล่งว่างจนชายหนุ่มเจ้าของบ้านเดาไม่ออกว่ากลุ่มคนร้ายต้องการขโมยสิ่งใด ความสะอาดเป็นระเบียบนี้ไม่ใช้ฝีมือของเขา แต่เป็นฝีมือการจัดการของสเตบาสเตียน ที่ผนังด้านหนึ่งของห้องจะมีตู้เครื่องมือและตู้เก็บชิ้นงานทดลอง ซึ่งทุกสิ่งถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย กระนั้นผลงานในตู้ก็ล้วนเป็นผลงานที่ล้มเหลว ชิ้นงานที่ถูกพัฒนาจนสำเร็จแล้วจะถูกส่งให้ผู้จ้างวานหรือส่งเข้าโรงงานผลิตที่เขาเป็นหุ้นส่วน

“ด็อกเตอร์ครับ การรบกวนข้อมูลทำให้เกิดไฟฟ้าดับไปสองนาทีครับ”

“เฮ้ย!”สุดฟ้าร้องออกมาก่อนจะรีบลุกขึ้น ที่มุมห้องด้านทิศเหนือจะมีประตูลงไปสู่ห้องใต้ดิน

ระบบไฟฟ้าภายในบ้านจะมีด้วยกันสามส่วน หนึ่งคือพลังงานไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลที่ติดอยู่บนหลังคา สำหรับใช้งานในบ้านสลับกับไฟฟ้าจากภาครัฐที่จะถูกดึงมาใช้ยามที่พลังงานไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลต่ำลง แต่กำลังไฟฟ้าทั้งสองแหล่งต่างเป็นแหล่งพลังงานสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอีกตัวหนึ่งที่จ่ายไฟสำหรับห้องใต้ดินด้านล่าง นอกจากนี้เขายังเตรียมไฟฟ้าสำรองที่เป็นพลังแบตเตอรี่ไว้อีกด้วย

“เปิดประตู”ทันทีที่เขาส่งเสียงออกไป พื้นห้องก็ค่อยๆเลื่อนออกจนเห็นเป็นช่องที่มีบันไดทอดลงไปด้านล่าง และเมื่อเขาย่ำเท้าลงไปบนบันไดขั้นแรก แสงไฟสีขาวก็พลันสว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ สุดฟ้าก้าวเท้าอย่างรวดเร็วจนลงไปถึงพื้นด้านล่าง เขาเดินเข้าไปดูแขนกลที่หยุดนิ่งอยู่กับที่

โธ่เว้ย!!! ชายหนุ่มสบถในใจ เขารันโปรแกรมแขนกลให้ทำบอร์ดสำหรับดิจิตอลไลท์มอนิเตอร์รุ่นทัชสกรีนไว้ การที่เกิดเหตุการณ์ไฟดับนั่นหมายความว่า เขาอาจจะต้องเริ่มต้นทำบอร์ดนี้ใหม่ทั้งหมด ชายหนุ่มหยิบแผงวงจรขนาดเล็กขึ้นมาดู มองมันผ่านแว่นขยายชนิดตั้งโต๊ะที่ติดอยู่ด้านข้าง แผงวงจรขนาดเล็กนี้เต็มไปด้วยลวดลายวงจรไฟฟ้า ตัวต้านทานและตัวไอซีมากมาย เขาหันไปเช็คคำสั่งของแขนกลบนหน้าจอมอนิเตอร์ก่อนจะหันกลับดูแผ่นวงจรอีกครั้ง เมื่อเห็นรอยตะกั่วไถลออกจากลายวงจร จึงขยี้ศีรษะอย่างหงุดหงิด หลังจากทำใจได้ ถึงได้หันไปหยิบแผ่นวงจรในตู้เก็บอุปกรณ์ออกมา ใช้เครื่องตัดแผงวงจรให้ได้ขนาดสำหรับโทรศัพท์ขนาดจอสี่นิ้ว นำมันไปวางบนแท่นยึดและสั่งให้แขนกลเริ่มทำงานอีกครั้ง และยืนดูการทำงานของแขนกลอีกครู่ใหญ่

“ด็อกเตอร์ครับ คุณโยธินกำลังมาที่บ้านครับ”เสียงของสเตบาสเตียนดังออกมาลำโพงซึ่งติดไว้ที่ผนัง

นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สุดฟ้ากำลังครุ่นคิด เขาเดินกลับมายังห้องด้านบน แล้วเอ่ยปากถามหุ่นยนต์พ่อบ้านไปว่า

“มีอะไรหายไปบ้าง”

“โมเดลวายเจ็ดโอหนึ่งห้ารุ่นหนึ่งหายไปครับ โฟลเดอร์ศูนย์สามเอ็มเออาร์สองเจ็ด ศูนย์สี่เจยูแอลสองสาม และศูนย์สี่เจยูแอลศูนย์หก ถูกก็อปปี้ไปครับ”

เรื่องโมเดลทดลองที่ถูกขโมยไป สุดฟ้าพอจะเข้าใจเป้าหมายของคนกลุ่มคนพวกนี้ สิ่งประดิษฐ์ของเขาถ้าสำหรับพวกที่พอมีความรู้อยู่บ้าง ถ้าได้เห็นรายละเอียดก็คงก็อปปี้ไปทำใหม่ได้ไม่ยาก แต่ไฟล์ข้อมูลที่เก่าขนาดนั้นพวกนั้นจะเอาไปทำไมกัน
เห็นได้ชัดว่ากลุ่มคนชุดดำรู้จักบ้านข้องเขาเป็นอย่างดี ขอบเขตผู้ต้องสงสัยในหัวของสุดฟ้าจึงแคบลงมา แต่สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ปลาซิวปลาสร้อยที่ทำงานเป็นมือเท้า ถึงขนาดมาเหยียบจมูกเขาถึงถิ่น ชายหนุ่มอยากได้ตัวคนบงการเท่านั้น!!!

“ดึงข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับโยธิน ภูสิทธ์วรโชติ ชวิศา ภูกิจพัฒน์ เอมมิกา ปัณณกุล ธัชนนท์ ธัชนันท์ สุวราลักษณ์จากทุกแหล่งออกมาให้หมด อ่อ ตอนนี้ฝาดแฝดอยู่ที่ไหน”

“คุณธัชนนท์อยู่ที่ออฟฟิตสำนักงานใหญ่ครับ ส่วนคุณธัชนันท์เท่าที่กล้องวงจรปิดจับภาพได้ เขาขับรถออกไปนอกเมือง คาดว่าน่าจะไปดูโรงงานครับ”

“แล้วเดย์กับน้ำละ”

“เดย์อยู่กับคุณธัชนันท์ น้ำอยู่กับคุณธัชนนท์ครับ”

“งั้นก็ดี ปิดระบบการทำงานของเดย์กับน้ำซะ ฉันจะให้ฝาแฝดส่งสองคนนั้นมาซ่อม”

“มีอีกเรื่องที่ผมต้องแจ้งให้ด็อกเตอร์รับทราบครับ”

“หือ”

“เดย์เคยถูกถอดประกอบไปครับ” สุดฟ้าเดาได้ทันทีว่าใครทำแบบนั้น

“ตั้งแต่เมื่อไหร่”เขาถามต่อ และสเตบาสเตียนก็บอกวันและเวลามาอย่างละเอียด สุดฟ้ายกนิ้วโป้งขึ้นมากัดอย่างลืมตัว มันสอดคล้องกันเกินไป

“แล้วสถานะการทำงานปัจจุบันละ”

“ปกติครับ”

ชายหนุ่มไม่อยากสงสัยฝาแฝดที่เขารู้จักมาตั้งแต่เด็ก พวกเขามีหุ้นร่วมกัน โรงงานและบริษัทนั่นก็เป็นของเขากับฝาแฝด มันมีสาเหตุอะไรที่สองคนนั้นต้องหักหลังเขา แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธความจริงได้ว่า คนที่รู้จักบ้านของเขาดีที่สุดก็น่าจะเป็นธัชนนท์และธัชนันท์

“ด็อกเตอร์ครับ มีข้อความจากคุณมาริครับ”

สุดฟ้าตวัดสายตาขึ้นมองหุ่นยนต์พ่อบ้านที่ยังคงรอยยิ้มละไมอยู่บนใบหน้า ก่อนจะเหลือบสายตามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงล็อกข้อมูลข้อความที่มาริเอะส่งมา พลันรู้สึกว่าขมับกำลังเต้นตุบๆ ถ้าไม่ติดว่าโปรแกรมคำสั่งข้อมูลเบื้องต้นของเขาแน่นหนา เขาคงสงสัยว่า มาริเอะแปรพักตร์ไปแล้ว

“ใช้เสียงของมาริเอะเลยแล้วกัน”ถึงอย่างไรเขาคงจะไม่รู้สึกดีไปกว่านี้แล้วละ ฟังเสียงกวนประสาทของเจ้าตัวเพิ่มอีกหน่อยจะเป็นไรไป

“สวัสดีครับด็อกเตอร์ เดี๋ยวผมปล่อยให้คุณโยธินเข้าไปในบ้านคนเดียวน๊า ส่วนเรื่องดึงข้อมูลที่ด็อกเตอร์สงสัยให้ผมจัดการแล้วกัน จะแยกย่อยแล้วสรุปความน่าจะเป็นให้ครบถ้วนเลยครับ”น้ำเสียงรื่นเริงอารมณ์ดีจนน่าปวดหัวของมาริเอะดังออกมาจากปากของหุ่นยนต์พ่อบ้าน

“ไม่ใช่ว่าพอจะเดาได้แล้วหรือ ถึงไม่เข้ามา”

“แหม ด็อกเตอร์เองก็ไม่ไว้ใจใครเหมือนกันไม่ใช่หรือครับ ถึงได้เซ็คเสียครบถ้วน”
สุดฟ้าไม่ตอบ นั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงออดหน้าบ้านดึงขึ้นมา ปกติแล้วที่ห้องทำงานและห้องนอนของเขาจะไม่มีทางที่เสียงออดดังขึ้นรบกวนให้รำคาญเป็นอันขาด แต่ครั้งนี้คงเป็นเพราะสเตบาสเตียนจงใจเปิดเสียงออดให้ดังในห้องนี้

“ฉันไปแล้วนะ”สุดฟ้าพูดแค่นั้นก่อนระบบสื่อสารระหว่างเขากับมาริเอะจะถูกตัดไป

“รีเซ็ตระบบในบ้านเรียบร้อยแล้วใช่ไหมสเตบาสเตียน”

“เรียบร้อยแล้วครับ”

“บอกมาริเอะด้วยละว่าให้ใช้เอ็กเทอร์นอลโมเด็ม ไม่ให้ใช้เซิร์ฟเวอร์กลาง”

“คุณมาริโวยวายกลับมาว่า ข้อมูลตั้งเยอะแยะจะให้ไปเก็บที่ไหน”

สุดฟ้าส่งเสียงหึขึ้นจมูกขณะเดินออกมาจากห้องทำงาน “ไหนว่าจะประมวลผลสรุปความน่าจะเป็นมาให้เสร็จ แล้วจะดึงข้อมูลที่ไม่จำเป็นออกมาทำไม”

ชวิศาและเอมมิกาที่เห็นชายหนุ่มเจ้าของบ้านเดินออกมาจากห้อง รีบลุกเดินเข้าไปหา สุดฟ้าเดินไปหยุดที่ประตูหน้าบ้านก่อนจะกดปุ่มให้ประตูเปิด โยธินยืนขมวดคิ้วหน้าถมึงถึงอยู่ตรงหน้า

“พี่โย”ชวิศาร้องออกมาคนแรกแต่แทนที่จะเดินเข้าไปหาพี่ชายกลับยิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังของสุดฟ้า

“พี่จองตั๋วเครื่องบินให้ใหม่แล้วซี พวกเราบินกลับคืนนี้เลย”

ชวิศาสั่นศีรษะยิกๆ คนเป็นพี่จึงปรับสีหน้าให้ดูหม่นหมอง ก่อนจะพูดออกมาว่า “เมื่อกี้คุณย่าท่านโทรหาพี่ บ่นคิดถึงซีหลานรักใหญ่เลย น้องไม่คิดถึงคุณย่าหรือ”

ประโยคนั้นของพี่ชายทำให้ชวิศามีสีหน้าสลดลง ใช่ว่าจะมีแค่เขาฝั่งเดียวที่เป็นหลานสุดที่รัก เขาเองก็รักคุณย่ามากเหมือนกัน แต่คนที่แอบชอบมาตั้งหลายปีก็สำคัญนะ และที่สำคัญสุดฟ้าทำท่าว่าจะมีใจให้เขาแล้วด้วย ชายหนุ่มคิดอย่างลังเล

“กลับไปก่อนก็ได้”สุดฟ้าพูดออกมา คำพูดนั้นทำให้ชวิศาหันไปมองหน้าชายหนุ่มร่างสูงอย่างตกใจ ก่อนที่น้ำตาจะเอ่อคลอเบ้า

อะไรกัน!!! มาให้ความหวังเขาแล้วก็ผลักเขาให้ร่วงกลับไปอยู่กับความผิดหวังอีกครั้งเนี่ยนะ คนอะไรช่างใจร้ายจริงๆ!!!

“เอ้ย!!! อย่าเพิ่งร้องไห้”สุดฟ้าร้องออกมาเมื่อเห็นน้ำตาของชวิศาร่วงออกมาเป็นสาย

“ใจร้าย คุณสุดฟ้าใจร้ายที่สุด”

แทนที่จะสลดสุดฟ้ากลับหัวเราะ คนเป็นพี่ชายเห็นน้องร้องไห้น้ำตาหยดแหมะๆก็เดินเข้าหาหวังจะมาปลอบ แต่โดนหุ่นยนต์พ่อบ้านร่างสูงใหญ่ไม่แพ้กันมาขวางไว้เสียก่อน

สุดฟ้าดึงชวิศาเข้ามากอดปลอบเสียเอง “โอ๋ๆไม่ต้องร้อง ที่บอกว่าให้กลับไปก่อนนะ หมายถึงกลับไปหาคุณย่าของนายก่อนแล้วค่อยบินกลับมาก็ได้ เดี๋ยวส่งเครื่องบินไปรับ อ่อ เดี๋ยวให้เครื่องบินบินไปส่งด้วย”

“เว่อร์แล้ว”ชวิศาหยุดร้องทันที เอมมิกาก็หูพึ่งขึ้นมาบ้าง เธอรี่เข้ามากอดแขนของสุดฟ้าไว้

“ฟ้ามีเครื่องบินส่วนตัวด้วนหรือค่ะ”

“อืม”เขาหันไปตอบ และพูดต่ออย่างลังเลว่า“แต่ก็ไม่ใช่ของส่วนตัวขนาดนั้นมั้ง แต่น่าจะใช้ได้ถ้าอยากใช้”

“จะอวดรวยว่าอย่างนั้นเถอะ”โยธินพูดขัดอย่างหมั่นไส้ สำหรับเขาถ้าจะมีเครื่องบินส่วนตัวสักลำก็คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่เขามองว่ามันสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ ไหนจะต้องเสียค่าบำรุงดูแล ไหนจะต้องเสียค่านักบิน ค่าสนามบิน ค่าเช่าพื้นที่อีก โยธินมองว่าใช้บริการตั๋วเฟิร์สคลาสยังจะสะดวกกว่า

“ก็ไม่น่ะ แค่พอมีพอใช้”สุดฟ้าพูดขณะยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก รอสายอยู่แค่ครู่เดียวปลายสายก็กดรับสาย

“สวัสดีครับ”สุดฟ้ากรอกเสียงลงไปอย่างสุภาพ ชวิศามองตาค้าง ยิ่งได้ฟังคำพูดที่สุดฟ้าใช้สนทนาก็รู้สึกว่าชายหนุ่มหล่อมากกว่าเดิมสักล้านเท่า

“สวัสดีครับ ผมยินดีมากที่คุณสุดฟ้าโทรหา มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”

“โอ๊ะ อย่าเรียกว่ารับใช้เลยครับคุณธีรวัฒน์ พอดีว่าผมจะยืมใช้เครื่องบินสักหน่อย”

“ได้เลยครับ คุณสุดฟ้าจะไปที่ไหนครับ ผมจะได้จัดเตรียมเครื่องบินไว้ให้ แล้วจะส่งคนไปรับถึงที่บ้านเลยครับ”

“ถือสายรอสักครู่นะครับ”สุดฟ้าถามปลายสายก่อนจะหันไปถามโยธิน “ให้ไปส่งที่ไหนอ่ะ” แต่คนถูกถามแค่ส่งเสียงเหอะอย่างนึกค่อนคอดแล้วหันหน้าหนี สเตบาสเตียนจึงออกปากตอบเสียแทน

“สนามบินนีส ฝรั่งเศสครับ”

โยธินถึงกับหันไปมองคุณพ่อบ้านด้วยความขุ่นเคือง

“ไปนีส ฝรั่งเศสครับ”

“ว้าว คุณสุดฟ้าจะไปเที่ยวหรือครับ ถ้าอย่างไรผมจะได้เตรียมไกด์กับรถยนต์”

“อ่อ เปล่าครับ พอดี...”สุดฟ้าหันไปมองหน้าชวิศา เขายังไม่รู้ว่าควรจะระบุความสัมพันธ์ระหว่างเขากับชวิศาว่าอย่างไรดี

“เพื่อนของผมจะกลับบ้านนะครับ” พอได้ยินว่าเป็นแค่เพื่อน ชวิศาถึงกับหน้างอ

“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะรับรองเพื่อนของคุณสุดฟ้าอย่างดีเลยครับ ถ้าผมจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วผมจะโทรไปแจ้งเรื่องเวลานะครับ”

“ครับ ขอบคุณครับ”สุดฟ้ากดวางสาย ก่อนจะหันไปเชิญโยธินเข้าบ้าน แต่ชายหนุ่มร่างสูงผู้ที่ถูกเชื้อเชิญทำท่าไม่อยากจะเข้าไปเหยียบบ้านหลังนี้สักเท่าไหร่ เขาออกปากพยายามชวนน้องชายกลับบ้านของพวกเขาท่าเดียว จังหวะนั้นเองรถยนต์สัญชาติยุโรปก็วิ่งจอดหน้าบ้าน เสียงเอี้ยดที่เกิดจากการเสียดสีของล้อและจานเบรกดังก้องไปทั่ว ธัชนนท์ลงจากรถฝั่งคนขับด้วยอาการหน้าตาตื่น เขาใช้เวลาแค่เสี้ยววินาทีในการอุ้มพาร่างหุ่นยนต์ที่มีชื่อว่าน้ำมาหยุดอยู่ตรงหน้าสุดฟ้า

“สุดฟ้า น้ำเป็นอะไรไม่รู้ ไม่ขยับเลย เรียกเท่าไหร่ก็นิ่งสนิท”

ชายหนุ่มเจ้าของนามทำหน้าแปลกใจทั้งที่ในใจยกยิ้ม หุ่นยนต์ของเขานี่ทำงานเร็วดีแท้ “แกไปทำอะไรมาละ ถ้าเอาไฟฟ้าไปช็อต ก็ช็อคตายได้เหมือนกันนา”

“บ้าดิ ใครจะทำแบบนั้น”

ยังไม่ทันจะเสวนาอะไรกันต่อ รถยนต์อีกคันก็มาจอดต่อท้ายรถของธัชนนท์ชนิดที่ว่าห่างจากกันไม่กี่เซ็น ธัชนันท์อุ้มเดย์มาพร้อมสีหน้าตื่นตกใจไม่แพ้

“สุดฟ้า เดย์ตายแล้ว!!!”

เดย์ในอ้อมแขนของธัชนันท์ก็เหมือนตายจริงๆ หลับตานิ่งสนิทไม่ไหวติง

“เออๆ ไม่ต้องตื่นเต้นไป เดี๋ยวดูให้”

สเตบาสเตียนที่รู้หน้าที่เป็นอย่างดี จึงเดินเข้าไปหาสองหนุ่มฝาแฝด ยื่นมือรับร่างหุ่นยนต์ทั้งสองแบกขึ้นบ่า และเดินเข้าบ้านหายเข้าไปในห้องทำงานของผู้เป็นเจ้านาย

“คุณสุดฟ้าน่าจะไม่สะดวกคุยกับน้องแล้ว ซี น้องกลับบ้านกับพี่เถอะ”

“อุ่ย อ้าว”สองเสียงนี้เป็นของธัชนนท์และธัชนันท์ “คุณโยธินสวัสดีครับ” ฝาแฝดคนพี่เอ่ยทักอย่างรวดเร็ว คนน้องก็เอ่ยแนะนำตัวสอดรับกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย พลางยื่นนามบัตรให้อีกฝ่ายอย่างพร้อมเพรียง

“ผมธัชนันท์จาก สุวรากรุ๊ปครับ ส่วนนี้คือพี่ชายผม ธัชนนท์”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”ฝาแฝดกล่าวออกมาอย่างพร้อมเพรียง ท่าทางเหมือนจะนอบน้อมแต่ในสายตาของโยธิน พวกเขาทั้งคู่ดูทะเล้นและล้นเหมือนคนไม่เต็ม โยธินได้ยินชื่อเสียงของทั้งคู่มาบ้าง เขาบอกตัวเองได้เลยว่าตัวตนจริงๆของทั้งสองห่างจากภาพลักษณ์ที่เล่าลือให้หมู่นักบริหารหลายล้านปีแสงเลยทีเดียว แต่เพราะทั้งสองคนยื่นนามบัตรมาให้ โยธินจึงต้องส่งนามบัตรของตัวเองคืนกลับไปตามมารยาท

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นเดียวกันครับ”โยธินกล่าวทั้งที่ในใจไม่ได้อยากเอ่ยคำนี้สักเท่าไหร่นัก

“โชคดีมากเลยที่วันนี้ได้เจอคุณโยธิน พวกเราอยากจะคุยกับคุณมาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาไหนสะดวกเสียที ถ้าอย่างไรเชิญเข้าไปในบ้านก่อนดีกว่าไหมครับ”ฝาแฝดคนพี่กล่าวอย่างสุภาพ ผายมือเชื้อเชิญที่เหมือนจะบังคับอยู่ในที

“เอ้า ชวิศาเข้าไปในบ้านกันเถอะ คุณแอมครับ พวกเราเข้าไปนั่งคุยกันต่อในบ้านดีกว่านะ”ธัชนันท์ต้อนอีกสองคนให้เดินนำหน้าเข้าไปในบ้าน ทำงานเป็นทีมอย่างพร้อมเพรียงไม่ปล่อยให้โยธินปฏิเสธ ชายหนุ่มจึงต้องเดินเข้าไปนั่งทรุดตัวบนโซฟาเบดตัวยาวอย่างจำยอม

ทั้งสองคนทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีแทนเจ้าของบ้านตัวจริงอย่างเสร็จสรรพ พวกเขาทั้งหาน้ำและขนมมารับรองคนทั้งสามด้วยความกระตือรือร้นโดยทำเป็นลืมไปว่าทั้งเอมมิกาและชวิศามาอยู่บ้านสุดฟ้าได้หลายวันแล้ว จากนั้นทั้งสองคนจึงทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเล็กด้วยอาการสุภาพเรียบร้อย ก่อนจะเริ่มต้นบทสนทนา


ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
ตอนที่สุดฟ้าเดินตามสเตบาสเตียนเข้าไปในห้องทำงาน มาริเอะก็นั่งอยู่ในห้องอยู่แล้วปลายนิ้วโป้งที่เป็นหัวอาร์เจสี่สิบห้าเสียบอยู่กับกล่องแลน หุ่นยนต์ที่หน้าตาเหมือนชวิศาโบกมือให้เขาพลางบอกว่า “ผมกลับมาแล้ว” ชายหนุ่มส่งเสียงหึ ไม่อยากจะใส่ใจ แค่เห็นหน้าก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ

สเตบาสเตียนนำหุ่นยนต์ทั้งสองไปวางบนโต๊ะซึ่งตั้งอยู่กลางห้อง จัดการถอดเสื้อผ้าออกจากร่างของหุ่นยนต์ทั้งสองตน แม้ลักษณะภายนอกจะดูเหมือนมนุษย์แต่ก็ดูคล้ายคนที่ตายแล้ว ระบบการทำงานทุกอย่างของทั้งสองร่างถูกบังคับให้หยุดนิ่งสนิท
สุดฟ้าเดินไปสังเกตลักษณะภายนอกโดยรวมของเดย์ก่อนเป็นอันดับแรก “ที่บอกว่าโดนถอดประกอบ น้ำด้วยหรือเปล่า”

“ใช่ครับ”

เขาพยายามหาร่องรอยงัดแงะ ปกติแล้วตอนที่เขาส่งชิ้นงานต้นแบบไปให้ทีมวิจัยของโรงงานผลิต เขาจะแนบเอกสารการถอดประกอบและแบบร่างไปให้ด้วย ทีมฯจะมีหน้าที่ปรับลดหรือเพิ่มฟังก์ชั่นการให้งานให้เหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบัน แต่ไม่ใช่ว่าทีมฯที่ฝาแฝดหามาจะด้อยฝีมือ บางครั้งทีมวิจัยก็พัฒนาต่อยอดจากไอเดียเริ่มต้นของเขาด้วยเหมือนกัน แต่คราวนี้ดูท่าว่าตัวเขาจะมีคนรู้แกว หุ่นยนต์ทั้งสองตนไม่มีร่องรอยการชำแหละ จนเดาได้แค่ว่าน่าจะเปิดจากสวิตซ์ที่ฝ่าเท้า

“สเตบาสเตียน ฉันอยากฟังว่าพวกนั้นคุยอะไรกัน” 

“ได้ครับ” เมื่อได้รับคำสั่ง หุ่นยนต์พ่อบ้านจึงเชื่อมต่อตัวเองเข้ากับตัวบ้านผ่านพอร์ทซาต้า ภายในบ้านไม่ได้มีเครื่องดักฟัง แต่หุ่นยนต์ผู้ที่มีหน้าที่ดูแลควบคุมการทำงานในบ้านทั้งหมดอย่างสเตบาสเตียนจะทำการจับการสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงและแปลงเป็นข้อความให้สุดฟ้าได้ฟัง แต่ครั้งนี้เสียงที่ดังออกมาจะเป็นเสียงจากระบบ นั่นคือเป็นเสียงของสเตบาสเตียนที่สุดฟ้าเขียนโปรแกรมลงระบบประมวลผลไว้

ชายหนุ่มไม่เคยคาดคิดว่าเขาต้องมาดักฟังคนคุยกันในบ้านของตัวเอง แต่คิดว่าเขาน่าจะเดาจากคำพูดและวิธีพูดได้ออกว่าคำพูดไหนเป็นของใคร ระหว่างนั้น สุดฟ้าก็ลงมือปรับแต่งหุ่นยนต์ทั้งสองไปด้วย

“...แนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์กับการส่งเสริมจากภาครัฐ แต่พอหันมาอีกที คุณโยธินก็หายไปแล้ว”ข้อความดังกล่าวดังออกมาจากปากของสเตบาสเตียน สุดฟ้าขมวดคิ้วเมื่อไม่ค่อยเข้าใจประโยคนั้นเท่าไหร่นัก

“น่าจะหมายถึงงานสัมมนาที่จัดเมื่อเดือนมีนาปีที่แล้วครับ”มาริเอะเป็นคนขยายความให้เขาเข้าใจ

“อ่อ พอดีว่าผมมีประชุมที่ไต้หวันต่อ ต้องบินหลังจากที่งานจบเลยไม่ได้อยู่ช่วงสรุป”

“คุณโยธินก็สนใจอุตสาหกรรมนี้หรือครับ”

เสียงฟังจากคำสนทนา สุดฟ้าเดาว่าน่าจะเป็นการพูดคุยของธัชนนท์กับโยธิน เรื่องที่คุยกันก็มีแต่แนวโน้มตลาด การบริหารงาน และดูท่าว่าสองคนนั้นจะคุยกันถูกคอเสียด้วย การผูกขาดการสนทนาอันยาวนานหลายนาทีของสองคนนั้นทำให้เอมมิกายอมแพ้ก่อนเป็นคนแรก เสียงที่่่ปล่งข้อความออกมาให้สุดฟ้าได้ยินยังเป็นเสียงนุ่มทุ้มของสเตบาสเตียนเช่นเดิม

“แอมขอตัวก่อนนะคะ คือ... แอมไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่”

และหลังจากนั้นอีกไม่กี่นาที ชวิศาก็โดนธัชนันท์ขอร้องให้ไปช่วยทำอาหาร และหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไป มันเริ่มต้นด้วยการเกริ่นนำที่คล้ายจะเป็นการตีสนิท

“พวกผมเรียกคุณโยธินว่าพี่โยอย่างที่ซีเรียกได้ไหมครับ ถึงอย่างไรพวกผมกับซีก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ช่วงหนึ่ง ก็เคยคุยกับซีบ่อยๆ ซียังเอาขนมมาให้พวกเราทานเกือบทุกวัน”

“รู้สึกว่าช่วงนั้น ซีจะหัดทำขนมอยู่”

“อืม”กว่าอีกฝ่ายจะตอบก็นานพอควร “ช่วงนั้นซีตั้งใจเรียนทำขนมมากเลยละ แล้วคนที่อยากให้กิน เขากินไหม”

“กินซิครับ หมอนั่นนะ ถ้าเป็นของกินนะฟาดเรียบ”

“อ่อ”

“ทำไมหรือครับ”

“ประมาณว่า... ถึงจะไม่มีขนมเหลือกลับมา แต่น้องชายฉันก็ไม่มีดูมีความสุขสักเท่าไหร่ เลยนึกว่าไปแจกคนอื่นเสียแทน”

“อือ คนอื่นก็ได้กินครับ น้องพี่เขาใจดี แจกให้แทบทุกคน แต่บังเอิญว่าช่วงนั้นเป้าหมายมันกำลังตกห้วง พอก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือหรือทำอะไรอยู่ก็ไม่ค่อยได้สนใจใคร ถ้ามีคนยื่นของกินมาให้หยิบใส่ปากได้ก็กลืนคำเดียวหมด แล้วก็ก้มหน้าก้มตาอยู่กับหนังสือของมันต่อ คำพูดขอบคุณสักคำยังไม่มี แต่ที่จริงมันชอบมากนะ”

“จริงเหรอ”เพราะเป็นเสียงโทนเดียวของสเตบาสเตียน ชายหนุ่มจึงไม่แน่ใจว่าใครเป็นเจ้าของคำถามและถามด้วยอารมณ์ไหน

“อืม ไม่โกหกหรอกน่า พอมันรู้สึกตัวก็ถามหาขนมของนายทุกที”หลังประโยคนั้น การพูดคุยสนทนาก็เงียบเสียงไปครู่ใหญ่ และประโยคต่อมาก็ทำให้มาริเอะที่กำลังเท้าคางทำหน้าเบื่อสนใจขึ้นมาได้

“พี่โยรู้เรื่องชวิศาอีกคนใช่ไหมครับ”

“อา...ที่เป็นหุ่นยนต์ของสุดฟ้า”

คราวนี้ทุกอย่างกลับไปเงียบสนิทเหมือนเดิมอีกครั้ง สุดฟ้าขมวดคิ้ว จนกระทั่งมาริเอะบอกให้สเตบาสเตียนเปลี่ยนเป็นดึงภาพในบ้านขึ้นบนจอมอนิเตอร์ที่เปิดอยู่เสียแทน พวกเขาถึงได้เห็นวิธีการที่สามคนนั้นใช้คุยกัน ธัชนนท์กางสมุดจดเล่มเล็กๆ และเขียนข้อความลงไปบนนั้นก่อนจะส่งให้โยธินดู โยธินพยักหน้ารับ ฝาแฝดคนโตถึงได้เก็บสมุดนั้นเข้ากระเป๋า จากนั้นภาพที่เห็นก็ดูเหมือนว่างทั้งสามคนจะนั่งกันอยู่นิ่งๆ ราวกับว่าภาพบนจอมอนิเตอร์ไม่มีการเคลื่อนไหว สุดฟ้าจึงสั่งให้สเตบาสเตียนดึงเสียงสนทนากลับมา เพราะการดักฟังจากการจับความถี่ของคลื่นเสียงใช้หน่วยความจำค่อนข้างมาก ระบบประมวลผลของสเตบาสเตียนจึงตัดการทำงานอย่างอื่นลง

“....สนุกมากครับ พี่ลองไปดูนะ”

“น่าสนใจดี ตอนพี่ไปตรวจสาขาของโรงแรม ก็ไปทำงานอย่างเดียว”

สุดฟ้าทำเสียงชิชะอย่างไม่สบอารมณ์ ขณะที่มือก็ดึงพอร์ตซาต้าของหุ่นยนต์ที่ฝาแฝดผู้พี่ตั้งชื่อว่าน้ำ มาเสียเข้ากล่องลงโปรแกรมคอนโทรล ตั้งโทรศัพท์มือถือของเขาไว้บนพอร์ตด้านบนของกล่องก่อนจะนำคีย์มาต่อพ่วง

ชายหนุ่มวางแผนการทำงานไว้ในหัว เขาจะอัพเกรดสเตบาสเตียนใหม่ อยากจะใช้หน่วยประมวลผลรุ่นเดียวกับที่ประกอบให้มาริเอะ แต่บุคลิกนิสัยของมาริเอะผิดเพี้ยนไปจากที่เขาตั้งใจไว้มาโข มันอาจจะเป็นความผิดพลาดจากโปรแกรมการเรียนรู้เพิ่มเติม แต่โปรแกรมนี้น่าจะทำให้สมองกลมีการตัดสินใจที่สมเหตุสมผลกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้นนี่นา เพราะเจอความขัดแย้งกันเช่นนี้ สุดฟ้าจึงตัดสินใจว่า จะวิเคราะห์มาริเอะใหม่อีกสักรอบแล้วค่อยปรับแก้สเตบาสเตียน ฉะนั้นก่อนอื่น เขาจะปรับปรุงดิจิตอลไลท์มอนิเตอร์ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด ต้องหาคีย์บอร์ดมาต่อพ่วงแบบนี้  ....มันไม่คูลเลยจริงๆ!!!!

เสียงสัญญาณเรียกเข้าทำให้ภวังค์ความคิดของชายหนุ่มหยุดลง หน้าจอโทรศัพท์แสดงรายชื่อคนที่โทรเข้าแต่จอภาพของดิจิตอลไลท์มอนิเตอร์ยังคงแสดงโค้ดคำสั่งเต็มพื้นที่

สุดฟ้าสไลด์หน้าจอเพื่อรับสาย อ่อ นี่อีกอย่างที่ต้องแก้ ถ้าใช้งานอยู่แล้วมีคนโทรเข้า ต้องใช้คำสั่งเปิดลำโพงโทรศัพท์อย่างเดียว

“สวัสดีครับ”

“คุณสุดฟ้า เตรียมเครื่องบินเรียบร้อยแล้วครับ ผมจะนำเครื่องขึ้นตอนหนึ่งทุ่ม ดังนั้นจะให้รถไปรับที่บ้านตอนห้าโมงนะครับ”

“ได้ครับ”

“กรุณาแจ้งเพื่อนของคุณด้วยว่า ต้องตรวจเอกสารออกนอกเมืองตามขั้นตอนปกตินะครับ”

“อ่อครับ เรื่องนั้นไม่มีปัญหา ขอบคุณที่ช่วยเหลือนะครับ ถ้าคุณธีรวัฒน์ต้องการความช่วยเหลืออะไรก็บอกได้นะครับ”

“โอ้ เท่าที่ผ่านมาคุณสุดฟ้าก็ช่วยเหลือผมมาหลายอย่างแล้วครับ”

เขาพูดปฏิเสธออกมาไปว่าไม่ใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง หลังจากนั้นอีกสองสามประโยคเขาก็วางสาย ชายหนุ่มเหลือบตามองเวลาที่มุมหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะเร่งเขียนโค้ดโปรแกรมลงไป และเสียงออดจากอินเตอร์คอมก็ดังขัดจังหวะการทำงานของเขาอีกครั้ง

“คุณสุดฟ้าครับ ผมทำอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ออกมาทานไหมครับ”

พอได้ยินว่ามีของกิน ท้องของเขาเกิดส่งเสียงร้องโครกครากขึ้นมาทันที สุดฟ้าจึงวางมือและเดินออกไปด้านนอก สเตบาสเตียนหุ่นยนต์พ่อบ้านผู้แสนดีจึงเดินตามออกไปด้วยเช่นกัน ชวิศายกยิ้มให้เขาเมื่อเห็นหน้าพลางคว้าข้อมือคล้ายจะพาเดินไปด้วยกัน ก่อนจะทำหน้าบึ้งตึงเมื่อเห็นว่าเอมมิกาเดินออกมาจากห้องนอนเช่นเดียวกัน

“หวังว่าจะมีอาหารกลางวันสำหรับฉันด้วยนะคะ”หญิงสาวพูดขณะเดินเข้าหาสุดฟ้าและคล้องแขนอีกข้างหนึ่งของชายหนุ่มเจ้าของบ้านไว้ ชวิศาก็อยากจะตอบว่าไม่มีแต่เพราะเขาทำน้ำราดหน้าไว้เป็นหม้อ ถึงอย่างไรคุณสเตบาสเตียนก็คงจัดเตรียมให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ดี เขาจึงได้แต่ทำเมินไม่ตอบไปเสีย

อาหารกลางวันนี้เป็นราดหน้าทะเลที่ชวิศาซื้อของสดมาเตรียมไว้ตั้งแต่วันก่อน ให้พูดก็คือเพราะเขาเห็นกุ้งตัวโตกับปลาหมึกสดๆที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต เลยอดที่จะซื้อมาไม่ได้ หลังจากที่วนไปวนมาอยู่ในห้างเพื่อคิดเมนู มันจึงกลายมาเป็นราดหน้าเส้นใหญ่กรอบทะเลหมูหมัก เขาหมักหมูทิ้งไว้จนคิดว่าจะไม่ได้ทำเสียแล้ว

ตอนที่สุดฟ้าเดินไปถึงโต๊ะอาหาร ฝาแฝดสุวราลักษณ์กับโยธินกำลังนั่งทานมื้อกลางวันกันอย่างเอร็ดอร่อย และเมื่อสุวราลักษณ์คนพี่เห็นเขาก็เชื้อเชิญเขาไปนั่งร่วมโต๊ะราวกับตัวเองเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง

“เอ้า สุดฟ้า มานั่งๆ ราดหน้าของชวิศาอร่อยมาก ได้กินแล้วจะติดใจ ซีจ๋าขอเติมจ๊ะ”

ฟังเสียงของธัชนนท์แล้วคิ้วกระตุก สุดฟ้านึกสงสัยทำไมรอบตัวเขาถึงมีแต่พวกกวนประสาทนะ ชวิศาแค่พยักหน้ารับ แต่หันไปหาชายหนุ่มเจ้าของบ้านเสียแทน เพราะรู้ว่าไม่ว่าอย่างไร คุณพ่อบ้านจะเป็นฝ่ายบริการให้ชายหนุ่มจากบ้านสุวราลักษณ์เอง

“คุณสุดฟ้านั่งก่อนครับ”ชวิศาพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้าพลางดึงเก้าอี้ให้เขานั่ง แต่โต๊ะทานข้าวที่บ้านของเขามันสำหรับแค่สี่คน ตอนนี้จึงยังเหลือหญิงสาวอีกคนที่ยังยืนหัวโด่ และชวิศาที่ยังกุลีกุจอตักราดหน้าใส่จานให้เขาอย่างเอาใจ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปาก สเตบาสเตียนก็ไปหาเก้าอี้มาอีกสองตัว ชวิศาซึ่งเดินถือจานอาหารกลางวันมาสองจานนั่งลงที่หัวโต๊ะติดกับสุดฟ้าทันทีที่หุ่นยนต์พ่อบ้านหาเก้าอี้มาให้ เอมมิกาจึงต้องระเห็จไปนั่งอีกฝั่ง

เมื่ออาหารหนักสำหรับมื้อกลางวันจบไปอย่างราบรื่น ขณะที่พวกเขากำลังละเลียดทานของหวาน บ้างก็กำลังจิบกาแฟ  สุดฟ้าจึงพูดเรื่องเที่ยวบินของชวิศาและโยธิน   

“ตอนห้าโมงจะมีรถมารับที่บ้าน ไปตรวจเอกสารที่สนามบินก่อนแล้วบินตอนประมาณหนึ่งทุ่ม”

ชวิศาหน้าเสีย นึกไม่อยากไปเสียดื้อๆ “คุณสุดฟ้าไปด้วยกันไหมครับ” เขาถามกุมฝ่ามือซึ่งใหญ่กว่าของตนไว้ สุดฟ้าจึงพลิกฝ่ามือมาสอดประสาน ส่วนโยธินนึกระอาจนคร้านจะพูดขัด

“ไม่ได้หรอก ฉันมีงานต้องทำ ไว้ว่างๆแล้วจะบินไปหา”

“เมื่อไหร่ครับ”ชวิศาถามทันที เขาร้อนรนเพราะความสัมพันธ์ของพวกเขายังไม่ชัดเจน แถมยังมีทั้งเอมมิกาและชวิศาอีกคน ชายหนุ่มกลัวว่าถ้าเขาห่างจากอีกฝ่ายไปนานๆ เขาจะเป็นฝ่ายถูกลืม

สุดฟ้าทำท่านึก โยธินเห็นว่าน้องชายเริ่มจะงี่เง่าขึ้นทุกที เลยโพล่งขึ้นมากลางปล้องไปเลยว่า “น้องไปเร่งรัดกดดันแบบนี้มันน่ารำคาญนะ ระวังจะโดนเบื่อ” คราวนี้ชวิศาน้ำตาคลอ เขามองหน้าพี่ชายก่อนจะหันหน้ามาหาสุดฟ้าคล้ายจะถามว่าจริงหรือ สุดฟ้าเลยยิ่งอึดอัด ตวัดสายตาไปมองโยธินที่ฝ่ายนั้นทำลอยหน้าลอยตาอย่างไม่ใส่ใจ จนสุดฟ้าเริ่มสงสัยว่าฝ่ายนั้นเป็นพี่ชายแบบไหนกันแน่ หันกลับมามองชวิศาอีกที ชายหนุ่มหน้าสวยก็จ้องมองเขาอย่างรอคอยคำตอบ เหลือบไปมองฝาแฝดต่างก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“ผมขอโทษครับ แต่...โทรหาได้ไหม”พอชวิศาเปลี่ยนคำถาม ชายหนุ่มก็ตอบรับทันที ซึ่งนั่นทำให้ชวิศายกยิ้มขึ้นมาได้บ้าง

“เอ้า ไปทำงานได้แล้ว”ธัชนันท์เอ่ยปากไล่

“ถ้าฉันไม่ไปใครจะทำไม”สุดฟ้าตอบคำสวนกลับไปทันที

“ก็ไม่ทำไม ฉันก็จะรออยู่บ้านแกทั้งวัน”

สุดฟ้ายกไหล่ไม่แยแส เขายังนั่งอยู่กับที่ตอนที่หันไปพูดกับชวิศาด้วยน้ำเสียงเจ้าชู้ “เราไปสานสัมพันธ์ส่งท้ายกันหน่อยไหม”
ชวิศาเขินจนหน้าแดง แต่ผู้เป็นพี่ชายถึงกับสำลักกาแฟที่กำลังดื่ม โยธินทำใจยอมรับกับรสนิยมของน้องชายได้ แต่ให้มาได้ยินชัดเจนแบบนี้ เขาก็กระดากหู เสียงดุเข้มจึงเอ่ยชื่อผู้มีศักดิ์เป็นน้องในเชิงห้ามปราม

“คงไม่ได้หรอกครับ เกรงใจพี่โย”ชวิศายิ้มแหยๆให้ทั้งพี่ ให้ทั้งชายหนุ่มผู้ที่ตนผูกใจสมัครรักใคร่

ในเมื่อนั่งอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป สุดฟ้าจึงลุกขึ้น โดยคิดว่าจะไปทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จ

“เอ๋!!!”ชวิศาหน้าตาตื่น เพราะคิดว่าตนไปทำอะไรให้ชายหนุ่มเจ้าของบ้านโกรธ กำลังจะลุกขึ้นไปตามง้อ ฝาแฝดบ้านสุวราลักษณ์ก็ลุกขึ้นมาขวางเสียก่อน

“ซีไปเล่นเกมส์กันดีกว่า ไม่ต้องไปสนใจเจ้าสุดฟ้าหรอก”

“แต่คุณสุดฟ้ากำลังโกรธ”

“ฮื่อ โกรธที่ไหน มันก็อย่างนี้แหละ นึกจะไปก็ไปนึกจะมาก็มา ไม่ต้องไปสนใจมันมากนักหรอก ไปเล่นเกมส์กันดีกว่า”ชายหนุ่มร่างเพรียวโดนร่างสูงใหญ่ของธัชนันท์ต้อนให้ไปนั่งหน้าทีวี ฝั่งโยธินกับเอมมิกาก็โดนสุวราลักษณ์คนโตเชื้อเชิญไปให้นั่งจุมปุกอยู่ที่โซฟาหน้าทีวีเช่นเดียวกัน คนอื่นอาจจะสนใจเกมเพลย์สเตชั่นที่พี่น้องบ้านสุวราลักษณ์นำเสนอ แต่ด้วยใจที่ยังพะว้าพะวงของชวิศา เขาไม่มีสมาธิอยู่กับตัวซ้ำยังไม่มีฝีมือจึงพ่ายแพ้ไปอย่างรวดเร็ว หลังขยับถอยให้คนอื่นมานั่งแทนที่ เสียงโทรศัพท์มือถือที่สุดฟ้าเคยให้ไว้และเขาก็พกติดตัวมาตลอดก็ได้แผดเสียงขึ้น

หน้าจอโทรศัพท์ไปไม่ระบุเบอร์โทรศัพท์ของผู้ที่โทรเข้า กระนั้นชวิศาก็รับสาย

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ เอ...จะแนะนำตัวว่าอย่างไรดีนะ”ปลายสายพึมพำ “ผมคือคนที่หน้าตาเหมือนคุณนะครับ”

“เอ๊ะ!!! คุณ...”กำลังจะร้องเรียกชื่อออกมาแล้วเชียว ถ้าอีกฝั่งไม่ส่งเสียงห้ามปรามมาเสียก่อน

“ต่อไปให้เรียกผมว่า ‘มาริ’ นะครับ”

“หือ ทำไมละครับ”

“ก็ด็อกเตอร์ไม่อยากให้สับสนกับชื่อของคุณเลยบอกให้ใช้ชื่อนี้แทน”มาริเอะยังเล่าอีกว่าชื่อนี้มาจากไหน

“มาริเอะน่ารักจะตาย”ชวิศากล่าวสนับสนุนความคิดของสุดฟ้า เขาเพิ่งรู้จักการ์ตูนเรื่องนี้ เพราะสุดฟ้ามักจะเปิดดูอยู่เสมอเมื่อมีเวลาว่าง ชายหนุ่มคิดว่ามันก็ตลกและน่ารักดีนะ

“บู้!!!!!!! ตรงไหนกัน ซีรี่ย์เกาหลีที่ดูกับคุณพรลภัสยังจะสนุกกว่า” ต่อจากนั้นพวกเขาสองคนยังคุยกันต่ออีกยาว รู้ตัวอีกที ก็เป็นเวลาเกือบจะห้าโมงแล้ว

ชายหนุ่มเจ้าของบ้านเดินออกมาจากห้องทำงานพร้อมหุ่นยนต์สองตนที่นำเข้าไปซ่อม ธัชนันท์รี่เข้าไปหาอย่างตื่นเต้น ส่วนคนเป็นพี่ เขารอให้น้ำเดินเข้ามาหาด้วยอาการปกติ

ยังไม่ทันที่เสียงออดหน้าบ้านจะดังขึ้น สเตบาสเตียนก็กล่าวว่ารถยนต์ที่มารับชวิศาและโยธินนั้นถึงหน้าบ้านแล้ว พวกเขาจึงเคลื่อนที่ไปยังประตูหน้าบ้าน จังหวะที่ประตูบ้านถูกเปิดออก ประตูรถยนต์ถูกเปิดออกมาพร้อมชายหนุ่มวัยกลางคนในชุดสูทภูมิฐานผู้เป็นเจ้าของนามธีรวัฒน์

“อาอาร์ม สวัสดีคร้าบ”สองหนุ่มฝาแฝด ยกมือไหว้กล่าวทักทายผู้มาใหม่อย่างพร้อมเพรียงกัน

“เอ้า มาอยู่กันที่นี่เอง โดดงานกันมาอีกแล้วใช่ไหม”

“เปล่าครับ”ฝาแฝดยังคงยึดมันในเอกลักษณ์ของพวกเขาสองพี่น้อง สองหนุ่มตอบปฏิเสธกันอย่างพร้อมเพรียง แล้วเอ่ยแก้ต่างต่อไปอีกว่า

“ผมทำงานเสร็จแล้วครับ”

“ผมก็ไปดูโรงงานมาแล้วครับ”

ผู้สูงวัยกว่าจึงหัวเราะ หันมาหาสุดฟ้าที่ยกมือไหว้เขาเช่นเดียวกัน ธีรวัฒน์ยกมือรับไหว้ “เพื่อนคุณสุดฟ้าที่บอกว่าจะไปฝรั่งเศสละครับ”

ทั้งฝาแฝดและสุดฟ้าจึงผายมือไปยังโยธินและชวิศา สองหนุ่มผู้ถูกกล่าวถึงจึงยกมือไหว้ด้วยกริยาเรียบร้อยงดงามจนหลานชายและเพื่อนหลายชายกลายเป็นลิงเป็นค่างไปเลย

“มีกระเป๋าไหมครับ ผมจะได้ให้เด็กนำขึ้นรถ”

“กระเป๋าของพวกผมไปกับเที่ยวบินที่ผมจองไว้วันนี้แล้วครับ คงไม่ต้องลำบากคุณธีรวัฒน์”ถ้าบอกว่าพี่น้องสุวราลักษณ์เป็นคนจัดเตรียมเครื่องบินให้พวกเขา โยธินจะไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะบริษัทที่ให้เช่าเครื่องบินพานิชย์เป็นหนึ่งในบริษัทลูกในเครือสุวรา แต่เขาไม่คิดว่าสุดฟ้าสามารถเรียกใช้บริการได้เช่นเดียวกัน ซ้ำผู้บริหารระดับซีอีโอยังมาให้บริการด้วยตนเอง จะบอกว่าเพราะเป็นเพื่อนหลานชาย เหตุผลนั้นก็ดูอ่อนไปหน่อย อย่างไรก็ตาม โยธินยังคงไม่ชอบสุดฟ้าอยู่ดี

“ผมโทรหาได้ไหมครับ”ชวิศาหันไปถามย้ำกับสุดฟ้าอีกครั้ง ซึ่งชายหนุ่มร่างสูงก็ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มหน้าสวยที่มีความสูงน้อยกว่าจึงโบกมือให้อีกฝ่ายโน้มตัวเข้ามาใกล้ สุดฟ้ามองอย่างสงสัยแต่ก็ก้มหน้าลงไปหา เมื่อชวิศาเห็นอีกฝ่ายก้มตัวลงมาในระยะที่เอื้อมถึง เขาจึงเขย่งปลายเท้ายกตัวขึ้นแตะริมฝีปากบางของสุดฟ้าอย่างรวดเร็ว สุดฟ้าตอบสนองการกระทำนั้นด้วยการคว้าร่างเพรียวบางเข้าหาหวังจะกดจูบซ้ำ แต่กระนั้นโยธินกลับไวกว่า มือหนึ่ง เขาคว้าไหล่น้องชาย อีกมือเขายันหน้าสุดฟ้าให้ออกห่าง

“ต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อ”โยธินกัดฟันกรอด มันแย่จริงๆที่น้องชายของเขาดันทุ่มให้อีกฝ่ายเสียหมดใจ
สุดฟ้าจึงจำใจต้องปล่อยมือ

ชวิศาโบกมือลาขณะที่โดนพี่ชายลากตัวไปขึ้นรถ ชายหนุ่มเจ้าของบ้านจึงโบกมือให้บ้าง

คล้อยหลังชวิศากับโยธิน สองหนุ่มฝาแฝดก็โบกมือลา ตอนนี้ทั้งบ้านจึงเหลือแค่สุดฟ้ากับเอมมิกาที่ยืนเงียบอยู่เฉยๆมาตลอด เธอเดินเข้ามาหา กอดแขนข้างหนึ่งของชายหนุ่มไว้พลางเบียดหน้าอกหน้าใจเข้าหา

“ตอนนี้ก็เหลือแค่เราแล้วนะคะ”เธอกล่าวเสียงหวาน โน้มดึงร่างสูงให้ก้มต่ำลงมาบดเบียดจุมพิต โรมรันพันตูกันอยู่ครู่ใหญ่กว่าทั้งสองจะผละออกจากกัน ตั้งแต่มาอยู่กับสุดฟ้า เอมมิกาไม่เคยแต่งตัวให้มิดชิด เธอใส่เพียงเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นของชายหนุ่มเจ้าของบ้าน ไม่มีเสื้อผ้าชิ้นในราวจะประกาศว่าเธอพร้อมจะร่วมรักกับเขาเสมอ ยามเมื่อสุดฟ้าลากมือผ่านเข้าไปใต้กางเกงจึงพบแต่เนื้อนวลเต็มฝ่ามือ เธอครางกระเส่ายามเมื่อเขากระตุ้นเร้าหยอกเย้ากลีบบุปผา ร่างของเธออ่อนระทวย สุดฟ้าจึงอุ้มพาเธอไปหยุดยังโซฟาเบดตัวยาวหน้าทีวี ให้เธอนั่งคร่อมทับอยู่ด้านบน เอมมิกาถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก ประถุมถันอวบอั๋นจึงปรากฏสู่สายตา สุดฟ้ายกยิ้ม ล้วงสร้อยคอเส้นเล็กออกมาจากกระเป๋า เธอมองของที่อยู่ในมือเขาด้วยสายตางุงงง

สร้อยเส้นนั้นเป็นทองคำขาว จี้รูปหัวใจประดับทับทิมล้อมกรอบด้วยเพชรเม็ดเล็กๆ แต่เอมมิการู้ว่าราคาของมันไม่ได้เล็กตามขนาด

“แด่ผู้หญิงที่สวยที่สุด”

สุดฟ้าสวมมันให้เธอ จากนั้นพวกเขาก็ร่วมรักกันอย่างเร่าร้อน




“น่าจะปล่อยคลิปให้ทั่วโซเชียลนักเชียว”มาริเอะพูดหลังจากบังคับให้สเตบาสเตียนดึงภาพในห้องนั่งเล่นขึ้นบนจอมอนิเตอร์

“ถึงคุณจะทำแบบนั้น ด็อกเตอร์ก็จะให้คุณไปตามเก็บคลิปพวกนั้นกลับมาอยู่ดี”

มาริเอะตวัดสายตามองหุ่นยนต์พ่อบ้านอย่างขุ่นเคือง พลางบ่นพึมพำ “เกลียดนัก พวกผู้ชายหลายใจ”

+++++โปรดติดตามตอนต่อไป+++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2016 06:32:36 โดย ตีสี่ »

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
ตอนที่สิบ


เช้าวันนั้น สุดฟ้าตื่นขึ้นมาเพราะเสียงแผดร้องของโทรศัพท์ เขาคว้าแว่นตาซึ่งวางอยู่โต๊ะเตี้ยบริเวณหัวเตียงขึ้นมาสวม  หยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองหมายเลขโทรเข้าด้วยอาการมึนๆเบลอๆอย่างคนเพิ่งตื่น

“เฮลโล”เขากรอกเสียงลงไปหลังจากกดรับ ปลายสายขอโทษขอโพยที่โทรมากวนแต่เช้า ก่อนจะกล่าวเข้าเรื่อง

“เมื่อวานมีคนโจมตีเซิร์ฟเวอร์ของดีม จาร์ ผมเลยอยากให้มิสเตอร์สุดฟ้ามาช่วยตรวจสอบครับ”

“เอ๋... ผมได้ยินว่าเอฟบีไอเข้าไปตรวจสอบแล้วไม่ใช่หรือครับ”ชายหนุ่มถามกลับไปตามข่าวที่ได้รับล่าสุด

“ครับ แต่ก็ยังตันอยู่ดี เราเจอว่ามีคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์นับล้านเครื่องที่ส่งข้อมูลมาโจมตีเรา แต่เราหาต้นตอไม่ได้ว่าข้อมูลพวกนั้นมันเริ่มมาจากแหล่งไหน มันคงจะดีกว่าถ้าคุณมาช่วยตรวจสอบให้เรา”

“อา...ได้ครับ”สุดฟ้าใช้เวลาคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบตกลง

“ขอบคุณครับ ถ้าอย่างไรเดี๋ยวผมจะส่งคนไปรับนะครับ”

ชายหนุ่มตอบรับก่อนจะกดตัดสาย เอมมิกาซึ่งได้ยินเสียงพูดคุยแว่วๆ จึงขยับตัวลืมตาตื่น ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง ร่างกายของเธอเปลือยเปล่า ไม่ต่างจากชายหนุ่มเจ้าของบ้าน  เธอยันตัวลุกขึ้นนั่งโดยไม่คิดสนใจผืนผ้าที่ร่นไปกองอยู่ที่สะโพก และโอบกอดเขาจากด้านหลังทำให้ผิวกายเปล่าเปลือยแนบชิดกัน

“มีอะไรหรือค่ะฟ้า”

“พอดีเดี๋ยวผมต้องบินไปอเมริกาวันนี้นะครับ เซิร์ฟเวอร์ของคนรู้จักโดนยิงไอพี เขาเลยให้ผมไปเช็คให้”

“หือ คุณคงไม่คิดจะทิ้งแอมให้อยู่บ้านคนเดียวใช่ไหมค่ะ”เธอช้อนสายตาขึ้นมอง ชายหนุ่มจึงถามกลับ

“คุณจะไปด้วยหรือครับ ไม่มีอะไรน่าสนุกหรอกนะ”

“แต่ได้อยู่กับคุณ”เธอตอบ แล้วขยับตัวไปนั่งอยู่เบื้องหน้าของสุดฟ้า ลากฝ่ามือปลุกเร้าอารมณ์ของเขาให้ลุกโชน จนมันผงาดแข็งกร้าว ก่อนจะกลืนกินมันด้วยช่องทางอุ่นร้อน

“คุณไม่อยากอยู่กับแอมหรือค่ะ”เธอถามซ้ำ สุดฟ้าลากฝ่ามือไปตามบั้นเอวของหญิงสาว ขย้ำสะโพกซึ่งแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ บ่งบอกว่าเจ้าของร่างขยันดูแลร่างกายเป็นอย่างดี แล้วอดนึกย้อนถึงชวิศาไม่ได้ ทั้งที่ฝ่ายนั้นเป็นผู้ชายแท้ๆ ผิวพรรณกลับเรียบเนียนและนุ่มลื่นกว่าเอมมิกาเสียอีก

“อยากสิครับ เพราะฉะนั้นหลังเสร็จจากนี้ คุณไปเตรียมเก็บกระเป๋าได้เลยนะ”เขาตอบก่อนจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของมัน




ราวๆสิบเอ็ดโมงกว่าๆของวันนั้น คนที่บอกว่าถูกส่งมารับเขาก็มาถึงหน้าบ้าน และคนที่ลงมาจากรถยังคงเป็นธีรวัฒน์อยู่เช่นเดิม

“มิสเตอร์ดีน มอร์แกน ให้มารับคุณสุดฟ้าครับ”

“แล้วคุณธีรวัฒน์ต้องมารับด้วยตัวเองเลยหรือครับ”

“ก็แขกวีไอพี ผมจะไม่มาดูแลด้วยตัวเองได้อย่างไร อีกอย่าง นานๆทีคุณสุดฟ้าถึงจะใช้บริการสักครั้ง”

สุดฟ้าเกาศีรษะทำท่าเขิน “ก็มันแพงนี่นา”

“ไม่ได้จ่ายเงินเองยังว่าแพงอีกหรือไง”ธีรวัฒน์ออกปากแซว ชายหนุ่มจึงได้แต่หัวเราะแหะๆ

“แล้วนี่จะไปกันกี่คนหรือครับ”ธีรวัฒน์ถาม เมื่อเห็นว่ายังมีอีกสองคนยืนอยู่ด้วยกัน

“อ่อ หมดนี่แหละครับ”สุดฟ้าตอบก่อนจะกล่าวแนะนำพ่อบ้านส่วนตัวและเอมมิกาให้ธีรวัฒน์รู้จัก “นี่สเตบาสเตียน พ่อบ้านส่วนตัวของผม และนี่คุณแอม คู่ขาของผมเองครับ”

ทั้งเอมมิกาและธีรวัฒน์ต่างนิ่งอึ้งไปชั่วครู่กับคำแนะนำนั้น ก่อนที่ผู้สูงวัยกว่าจะปรับสีหน้าได้ก่อน ถึงจะชินกับนิสัยที่ไม่เหมือนใครของเพื่อนหลานชายอยู่บ้าง แต่บางครั้งมันก็ทำให้เขาทึ่งจนไปไม่เป็นอยู่เหมือนกัน

“แหม ฟ้าเนี่ย”เอมมิกาพูดออกมาด้วยเสียงเจื่อนๆแปร่งๆ “แนะนำแอมแบบนั้นเดี๋ยวใครต่อใครก็เข้าใจแอมผิดหมด”

“แล้วจะให้บอกว่ายังไงละครับ”เขาถามด้วยความสงสัย

“ก็บอกว่าเป็นเพื่อน หรือจะบอกว่าเป็นคนรักก็ได้นี่ค่ะ”เอมมิกาว่าพร้อมรอยยิ้ม

“แต่คุณไม่ใช่เพื่อนและคนรักของผมนี่ครับ”

คำตอบของสุดฟ้าทำให้เอมมิกาหน้าม้าน ยังไม่ทันพูดหรือตอบโต้กระไรต่อ ชายหนุ่มร่างสูงก็เดินนำลิ่วๆ ไปขึ้นรถ หลังจากที่ตั้งสติได้ หญิงสาวจึงวิ่งตามไปขึ้นรถเช่นเดียวกัน แต่ใช่ว่าประเด็นดังกล่าวจะถูกตัดจบไปง่ายๆ เมื่อขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวหันไปคุยกับสุดฟ้าในประเด็นนี้

“ฟ้าค่ะ แอมว่าเราต้องคุยกันเรื่องความสัมพันธ์ของเรา”

“ครับ”สุดฟ้าหันไปหาด้วยท่าทางตั้งใจฟัง รถยนต์ขนาดเจ็ดที่นั่งที่พวกเขาโดยสารกำลังเริ่มเคลื่อนที่

“แอมไม่ชอบค่ะที่คุณแนะนำกับคนอื่นว่า แอมเป็นคู่ขาของคุณ”

“ครับ”ชายหนุ่มพยักหน้ารับทราบ เธอจึงนิ่งมองเขา ผ่านไปร่วมนาที เขาก็ยังไม่มีคำพูดใดๆออกมาจากปาก เธอจึงเอ่ยถาม

“คุณจะว่าอย่างไรละค่ะ”

“ครับ ผมรับทราบครับ”

เอมมิการู้สึกเหมือนเส้นเลือดที่ขมับกำลังเต้นตุบๆ

“ค่ะ แล้วครั้งหน้า คุณจะบอกคนอื่นว่าอย่างไรค่ะ”

“ก็ไม่บอกว่ายังไงครับ”

“สรุปคือแอมไม่มีความสำคัญกับคุณเลยใช่ไหมค่ะ”เธอทำท่าทางแง่งอน

“มีสิครับ คุณคือผู้หญิงที่สวยที่สุดเป็นอันดับสองเท่าที่ผมเคยเจอมาเลย”

“แล้วอันดับแรกนี่ใครค่ะ”เธอถามเสียงแข็ง

“แม่ผมเอง”

“อ่อ แล้วไป”เธอพูด แล้วกล่าวต่อไปอีกว่า “ถ้าอย่างนั้น ครั้งหน้าคุณแนะนำกับคนอื่นว่าแอมเป็นคู่ชีวิตของคุณก็แล้วกันดีไหมค่ะ”เธอยกยิ้มเมื่อพูดจบ สุดฟ้าทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลงอย่างง่ายได้ จนเป็นเอมมิกาเสียเองที่ตื่นตกใจ

“คุณแน่ใจนะคะ”

“ครับ ผมแน่ใจ”การตอบรับอย่างง่ายดายของเขาทำให้หญิงสาวกังขา

“คุณแน่ใจนะว่าคุณรู้ความหมายของคำว่า ‘คู่ชีวิต’”

“ครับ คู่ชีวิต คือคนสองคนที่ผูกสัมพันธ์กัน และยอมรับทุกสิ่งระหว่างกันได้ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เขาทั้งคู่ต่างซื่อสัตย์และจริงใจต่อกัน”สุดฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนเอมมิการู้สึกขนลุก แต่เธอก็ข่มความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นไว้และกล่าวต่อไปว่า

“งั้น เท่ากับว่าต่อไปนี้คุณจะไปนอนกับผู้หญิงหรือผู้ชายคนอื่นไม่ได้อีกแล้วนะ”เธอย้ำให้เขาฟัง

“ครับ”เขาตอบรับ ซึ่งนั่นทำให้เอมมิกาไม่สนใจเหตุผลของเขาอีกต่อไปแล้ว เพราะเธอสนใจเพียงคำตอบรับที่ทำให้เธอสมปรารถนา



เครื่องบินที่จัดเตรียมไว้หรูหราเสียจนเอมมิการ้องว้าวและมองอย่างตื่นตา แม้จะเป็นเครื่องบินลำเล็กแต่ก็ยังใหญ่เกินไปสำหรับผู้โดยสารและลูกเรือจำนวนสิบคน

สุดฟ้าไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาเดินตรงไปยังเตียงหลังใหญ่ทันทีที่ก้าวเท้าขึ้นมาเหยียบพื้นเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ ปล่อยให้เอมมิกาเดินสำรวจการตกแต่และพื้นที่ใช้สอยต่างๆให้หนำใจ สเตบาสเตียนก้าวเท้าตามเขามาพลางส่งเม็ดยาสีนวลอ่อนให้เขา

“ยาครับ ด็อกเตอร์”

“อืม ขอบใจ”เขายาโยนเข้าปากก่อนจะล้มตัวลงนอน ต่อให้เป็นเครื่องบินโดยสารแบบวีไอพีแค่ไหน ตอนที่นำเครื่องขึ้นก่อนที่เครื่องบินจะแตะระดับเพดานบิน ผู้โดยสารทุกคนก็ต้องนั่งประจำจุดและรัดเข็มขัดเพื่อความปลอดภัย แต่ช่วงเวลานั้นนั่นแหละที่ปั่นป่วนกระเพาะกับลำไส้ของเขามากที่สุด แม้หลังจากที่เขาหลับไปแล้ว การที่หุ่นยนต์พ่อบ้านต้องอุ้มเขาไปยังที่นั่งจะเป็นภาพที่ดูอุบาทว์ไปสักหน่อย แต่สุดฟ้าถือว่าเขาหลับไปแล้วเพราะฉะนั้นมันไม่ผลอะไรต่อเขา ที่สำคัญถ้าเขาต้องเผชิญกับอาการเมาเครื่องไปตลอดระยะเวลาบิน  ต่อเนื่องไปอีกเป็นวัน ไม่ว่าอะไรที่เลี่ยงอาการแบบนั้นได้เขายอมทั้งนั้นละ

ชั่วเวลาไม่นานที่เขาปล่อยความคิดให้ล่องลอย สุดฟ้าก็สามารถดิ่งลงสู่ห้วงนิทราได้อย่างรวดเร็ว ตอนที่เขารู้สึกตัวอีกครั้ง เป็นช่วงที่เครื่องบินกำลังเคลื่อนที่เอื่อยๆอยู่บนรันเวย์ พอลืมตาเขาก็อ้าปากถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆทันที

“ถึงแล้วใช่ไหม”

“ถึงแล้วครับ”สเตบาสเตียนตอบกลับมา พลางส่งแจ็คเก็ตแขนยาวให้เขา อากาศที่เมืองไทยกำลังอยู่ในช่วงร้อนตับแตก แต่ที่นิวยอร์กอากาศกำลังเย็นสบายที่ค่อนไปทางหนาวสำหรับคนไทย สุดฟ้าจึงรับเสื้อมาสวมทับเสื้อยืดแขนสั้นตัวใน สเตบาสเตียนเองก็สวมเสื้อแขนยาวเพื่อให้ดูกลมกลืนกับคนทั่วไป จะมีก็แต่เอมมิกาที่เธอแต่งตัวเสียจัดเต็ม

“ทำไมค่ะ”เธอถาม หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสสั้นสีดำ สวมถุงน่องดำ สวมทับด้วยเสื้อโค้ทยาวสีเหลืองผ้าวูลหนา ส่วนคอแต่งด้วยขนเฟอร์  แน่นอนว่าเสื้อผ้าเหล่านี้ เอมมิกาขนมาเองหลังจากที่รู้ว่าเขาต้องบินมาอเมริกาและเธอได้สิทธิ์ตามมาด้วย

“เปล่าครับ”ชายหนุ่มตอบ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจความเยอะของหญิงสาวก็ตามที ก็นะ... อุณหภูมิแค่สิบห้าสิบหกองศา ต้องสวมโค้ทหน้าหนาวเลยหรือไงนะ สุดฟ้าคิดอย่างแปลกใจ

ลงจากเครื่องปุ๊บก็มีคนของ ‘ดีม จาร์’ มารออยู่ที่ประตูทางออก

“สวัสดีครับ มิสเตอร์ศิริกร ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งนะครับ” โรเบิร์ต อานิสตันเป็นผู้ช่วยคนสนิทของมิสเตอร์มอร์แกน เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ตามเชื้อชาติ รูปร่างเหมือนนักกีฬามากกว่าพนักงานออฟฟิต สุดฟ้าทักทายตอบกลับไปด้วยภาษาอังกฤษเช่นเดียวกัน

“ถ้าไม่ลำบากเกินไป คุณมอร์แกนอยากให้คุณเข้าไปที่บริษัทก่อนได้ไหมครับ เจ้านายผมสั่งอาหารไว้รอคุณแล้ว”

“อ่อ ได้ครับ ดีเหมือนกัน หลังทานอาหารเช้าเสร็จผมจะได้เช็คระบบเลย”

โรเบิร์ตเดินนำพาพวกเขาทั้งสามคนไปยังรถยนต์โดยไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นเพิ่มเติม โรเบิร์ตเป็นผู้ช่วยในส่วนของงานบริหารที่มีความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทในระดับพื้นฐาน สุดฟ้าคิดว่าอีกฝ่ายคงได้รับรายงานมาแล้ว แต่คงจะเป็นข้อมูลเดียวกับที่ดีน มอร์แกนแจ้งเขา จึงไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม

รถยนต์เคลื่อนที่ออกจากสนามบินจอร์นแอฟเคเนดี้มุ่งเข้าสู่แกรนด์เซ็นทรัลปาร์คเวย์ และใช้เส้นทางพิเศษเลียบแม่น้ำฮาร์เล็ม เพียงแค่สามสิบนาที รถยนต์ที่สุดฟ้านั่งมาก็เข้าสู่แมนฮัตตัน อาคารสำนักงานของดีม จาร์ตั้งอยู่บนโคลัมบัสอเวนิว ช่วงถนนที่แปดสิบสามห่างจากสวนสาธารณะธีโอดอร์โรสเวสต์ประมาณสี่ร้อยเมตร  ทั้งรถราบนถนนและผู้คนที่เดินอยู่สองข้างทางยังคงคึกคักเหมือนครั้งแรกที่สุดฟ้ามาเยือนที่นี่เมื่อสี่ถึงห้าปีก่อน

โรเบิร์ตนำพวกเขาขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ยี่สิบ เมื่อออกจากลิฟต์ ตรงไปยังสุดทางเดินจะเป็นห้องรับรอง ทันทีที่พวกเขาเปิดประตูเข้าไป ดีน มอร์แกนก็เดินเข้ามาหา

“สวัสดีครับ การเดินทางเป็นอย่างไรบ้างครับ”

สุดฟ้ากรอกตาพลางนึกคำตอบ เขาหลับมาตลอดยี่สิบชั่วโมงโดยไม่รู้ว่าเครื่องบินจอดพักเครื่องหรือเปล่าด้วยซ้ำ แต่ก็พยายามเค้นสมองหาคำตอบดีๆ “ครับ ดีครับ เครื่องบินวีไอพีของคุณธีรวัฒน์เยี่ยมยอดมาก”

“ผมดีใจที่ได้ยินแบบนั้นครับ”คนพูดยิ้มกว้างก่อนจะผายมือเชื้อเชิญพวกเขาให้ไปนั่งที่โต๊ะ เซ็ตอาหารเช้าบนโต๊ะรับรองเป็นไข่ดาว แฮม ไส้กรอกและขนมปังที่สเตบาสเตียนเคยทำให้เขาทานเมื่อหลายวันก่อน สุดฟ้านั่งลงอย่างไม่อิดออด หลังจากใช้เวลานอนหลับมาอย่างยาวนาน ร่างกายของเขามักจะโหยหาอาหารอยู่เสมอ

หยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาถือในมือเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มถึงเพิ่งนึกขึ้นได้

“อ่อ... นี่พ่อบ้านและผู้ช่วยของผมครับ เขาชื่อสเตบาสเตียน ส่วนคุณผู้หญิงคนนี้ชื่อเอมมิกานะครับ เธอเป็นว่าที่คู่หมั้นของผมครับ”สองคนที่เขากล่าวถึงยังคงยืนอยู่ด้านหลัง และตอนที่ดีน มอร์แกนกล่าวทักทายกับสองคนนั้น สุดฟ้าก็เริ่มทานอาหารเช้าส่วนของตน

ฟากเอมมิกาก็ไม่ได้คิดจะเอ่ยแย้งอะไร เพราะการที่ถูกแนะนำว่าเป็นว่าที่คู่หมั้นก็ยังดีกว่าถูกเรียกว่าคู่ขาอย่างที่เคยโดน
เมื่อสุดฟ้าทานอาหารเสร็จ เขาก็เริ่มต้นคำถามของตัวเองเกี่ยวกับงานที่ต้องมาทำทันที ส่วนคนอื่นๆแม้แต่สเตบาสเตียนซึ่งเขาปรับปรุงให้หุ่นยนต์พ่อบ้านมีระบบทานอาหาร ยังคงทานในส่วนของตนไปเรื่อยๆ

“ตอนนี้พวกคุณยังหาตัวแฮกเกอร์กันอยู่หรือเปล่าครับ”

“ไม่แล้วละครับ”ดีนกล่าวตอบ “พอโปรแกรมเมอร์ของเราเจอว่าเป็นมัลแวร์ ผมเลยสั่งให้หยุดแล้วติดต่อคุณนั่นล่ะครับ ตอนนี้โปรแกรมเมอร์กำลังซ่อมไฟร์วอลล์ชั้นใน ถ้าอย่างไรรบกวนมิสเตอร์ศิริกรเขียนไฟร์วอลล์ชั้นนอกให้ป้องกันกรณีแบบนี้ด้วยได้ไหมครับ” นั่นละ คืองานที่เขารับมาดีม จาร์ 

สุดฟ้าไม่แน่ใจว่าดีม จาร์มีไฟร์วอลล์อยู่กี่ชั้น แต่เขารับจ้างเขียนไฟร์วอลล์ชั้นนอกสุดตั้งแต่เมื่อสี่ถึงห้าปีที่แล้ว หลังจากที่เซิร์ฟเวอร์ของดีน มอร์แกนโดนแฮกเกอร์ถล่มด้วยไวรัส ครั้งนั้นแฮ็กเกอร์เป็นมือสมัครเล่นที่อยากจะลองวิชา เพราะฉะนั้นเอฟบีไอจึงซิวเจ้านั่นเข้าคุกได้ง่ายๆ แต่กระนั้น การที่เซิร์ฟเวอร์ที่ตัวเองดูแลโดนเล่นเสียเละก็ทำให้ดีน มอร์แกนเปลี่ยนแนวความคิดในการสร้างระบบป้องกัน ดีน มอร์แกนเองก็ถือว่าเป็นโปรแกรมเมอร์รุ่นเก๋า ที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะทำงานด้านบริหารอย่างเดียวก็จริง แต่เขาคิดว่าฝ่ายนั้นน่าจะมีส่วนร่วมอยู่บ้าง

หลังทานอาหารเสร็จ สุดฟ้าถูกพามาที่ห้องคอนโทรล คราวนี้เอมมิกาและสเตบาสเตียนถูกกันให้รออยู่ในห้องรับรองด้านล่าง 
อาคารทั้งหลังมีสามสิบชั้น โดยชั้นที่ยี่สิบเอ็ดถึงชั้นที่สามสิบด้านบนจะเป็นพื้นที่เก็บเซิร์ฟเวอร์ มีข้อกำหนดว่าบุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องห้ามเข้า

ภายในห้องนั้นมีโปรแกรมเมอร์นั่งทำงานอยู่สองสามคนซึ่งพอเห็นว่าเป็นเขาที่เดินตามเจ้าของบริษัทเข้ามาก็ร้องทักทายอย่างเป็นกันเอง

“เฮ้ นายไปทำอะไรกับหัวมานะสุดฟ้า”

“มันก็ต้องมีเปลี่ยนแปลงกันบ้างเซ่”สุดฟ้าตอบกลับไป

“รวมทั้งแว่นของนายด้วย”

“และที่สำคัญ ตอนนี้มิสเตอร์ศิริกรมีคู่หมั้นแล้ว”มอร์แกนกล่าวเสริมพร้อมรอยยิ้ม เรียกเสียงโห่ฮาด้วยความรู้สึกอิจฉาได้อย่างท่วมท้น

“แว่นเนิร์ดอย่างนายยังมีว่าที่คู่หมั้นได้ ทำไมหล่อๆอย่างฉันถึงไม่มีบ้างนะ”

“เอาไหมละ ยกให้”

“พูดเป็นเล่น”

บทสนทนาที่หาสาระไม่ได้ถูกหยุดไว้แค่นั้น เมื่อสุดฟ้าเสียบดิจิตอลไลท์มอนิเตอร์ตัวล่าสุดที่เขาเพิ่งปรับปรุงเสร็จเข้ากับคอนโทรลเลอร์เคส ที่จริงสุดฟ้าไม่จำเป็นต้องใช้อุกปรณ์ชิ้นนี้ ในเมื่อภายในห้องมีคอมพิวเตอร์ให้เขาใช้อยู่แล้ว เพียงแต่เขาอยากลองของใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ

ดิจิตอลไลท์มอนิเตอร์รุ่นนี้มีขนาดเล็กลงมาก มันมีขนาดประมาณสองนิ้ว เนื่องจากปัญหาเรื่องการใช้โทรศัพท์เพื่อการติดต่อสื่อสาร สุดฟ้าจึงเปลี่ยนมันให้ทำหน้าที่เป็นคอมพิวเตอร์แบบพกพาขนาดเล็กแทน และเมื่อเขาสามารถลดขนาดมันได้ถึงเพียงนี้ ชายหนุ่มจึงมีแนวคิดที่จะติดมันเข้ากับนาฬิกาข้อมือ

“ว้าว มีอะไรเจ๋งๆมาโชว์อีกแล้ว”คริส บราวน์เป็นคนที่สุดฟ้าคุยด้วยบ่อยครั้งและสนิทที่สุดในกลุ่มทีมงานของดีม จาร์ เจ้าของชื่อลุกจากที่นั่งและเดินเข้ามาใกล้เพื่อมองเจ้าสิ่งประดิษฐ์ชิ้นใหม่ของสุดฟ้าให้ชัด

สุดฟ้าทาบฝ่ามือบนหน้าจอเพื่อปลดล็อกรหัส จากนั้น อุปกรณ์จึงแสดงภาพเป็นหน้าจอสีดำแบบหน้าต่างดอสและแป้นคีย์บอร์ด

“มันใช้ได้จริงใช่ไหมเนี่ย”

สุดฟ้ายกยิ้ม ชอบใจกับการที่คนอื่นๆตื่นเต้นกับของเล่นใหม่ของเขา

เขาคีย์ข้อมูลคำสั่งลงไป ทุกครั้งที่เขาแตะพื้นที่ในส่วนของแป้นพิมพ์ ตัวอักษรแต่ละตัวจะเรืองแสงออกมา

“เจ๋งมาก เหมือนในออโต้ไมล์เดะๆ”คริสอุทาน ส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเขาสนิทกันอย่างรวดเร็วเพราะเขาทั้งคู่ต่างเป็นโอตาคุเหมือนกัน

“ฉันขอลองหน่อยได้ไหม”

“ได้ดิ ฉันตั้งใจเอาออกมาโชว์นายโดยเฉพาะเลย”

สุดฟ้าเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อให้คริสเห็นไลท์มอนิเตอร์ได้ชัดขึ้น ชายหนุ่มผู้มีผมสีทองและตาสีฟ้าแต่กำเนิดค่อยๆยื่นปลายนิ้วไปแตะตัวอักษรตัวหนึ่งบนแป้นพิมพ์ครงหน้า แต่ปลายนิ้วของเขาไม่ได้สัมผัสโดนสิ่งใด ตรงหน้าว่างเปล่า ขณะที่ตัวอักษรที่เขาแตะก็เรืองแสงขึ้นมา

“เอ๋”คริสขมวดคิ้วสงสัย กำลังขยับมือต่อ แต่โดนมือของสุดฟ้าจับยึดไว้เสียก่อน

“อย่าทำอย่างที่นายคิดนะ เพราะนายกำลังจะทำให้อุปกรณ์ของฉันเจ๊ง”เขาบอกพลางดึงมือของคริสให้ออกห่างจากหน้าจอ คีย์คำสั่งล็อคการแสดงผลแล้วจึงโบกมือไปมาผ่านหน้าจอให้คริสดู  ภาพหน้าจอในส่วนที่ถูกมือบังไว้จึงหายไป

“การทำงานของมันก็คล้ายๆการฉายภาพโฮโลแกรมนั่นแหละ เพียงแต่ไลท์มอนิเตอร์ของฉันเป็นแบบทูดี” คริสอ้อมมามองด้านข้าง ซึ่งสิ่งที่เขาเห็นก็เป็นแค่แสงที่ถูกฉายขึ้นไปเท่านั้น และถ้ามองจากด้านหลัง เขาเห็นแค่ตรงหน้าของสุดฟ้าดูสว่างกว่าปกติ

“ถ้าอยู่ในโหมดปกติสำหรับทำงาน การโบกมือไปมาแบบนี้มันจะทำให้ระบบการทำงานของอุปกรณ์ปั่นป่วน มันก็เหมือนกับการที่นายกดแป้มพิมพ์พร้อมกับคลิกเมาส์ไปด้วย บอร์ดมันก็คิดไม่ทันอยู่แล้วว่าควรจะทำคำสั่งไหนก่อน แต่อุปกรณ์ของฉันตอนนี้มันเซ็นซิทีฟกว่านั้นเยอะ”

“นายเคยลองมาแล้ว”

“แน่นอน ฉันทำมันพังไปมากมายแล้ว”สุดฟ้าย้ำให้ฟังคล้ายจะภูมิใจ

“เอาหล่ะ หนุ่มๆ ในเมื่อพวกคุณอวดของเล่นกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอความกรุณากลับไปทำงานด้วยครับ”ในเมื่อดีนพูดเช่นนั้น พวกเขาจึงต่างแยกย้าย สุดฟ้านั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะเริ่มลงมือทำงานในส่วนของตน

เริ่มแรกเขาต้องหาแหล่งที่มาของมัลแวร์ ก่อนหน้านี้เขาเขียนไฟร์วอลล์ให้ป้องกันดีดอสอยู่แล้ว แต่ต้องเป็นโปรแกรมอัตโนมัติที่มีแหล่งที่มาจากไม่กี่ไอพี การโจมตีแบบดีดอสจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก อย่างกรณีของดีม จาร์ที่โดนครั้งนี้ สุดฟ้าคิดว่าคนทำคงเตรียมการมาอย่างดี ก่อนอื่นก็ปล่อยมัลแวร์ให้แพร่อยู่บนเว็บ คนที่ใช้เว็บนั้นก็จะติดมัลแวร์ไปโดยไม่รู้ตัวจนมันแพร่กระจายเป็นจำนวนที่มากพอ แล้วลงมือโดยสั่งให้มัลแวร์ใช้ไอพีของอุปกรณ์เข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ตอนที่เจ้าของเครื่องเข้าอินเตอร์เน็ต แล้วทุกวันนี้ไม่ว่าใครก็เชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสารของตัวเองกับเครือข่ายตลอดเวลา

สุดฟ้าทำการเช็คทุกไอพีที่เข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ ก่อนจะดึงประวัติการใช้งานของแต่ละไอพีออกมา ตรวจสอบเว็บไซต์ที่แต่ละไอพีใช้งานซ้ำกัน

“เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม พวกนี้ต้องตัดออก”ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบาๆ “เพย์เพล อะเมซอน เน็ตฟลิกซ์ บีบีซี ซีเอ็นเอ็น นี่ก็ไม่เอา ไม่มีอะไรที่น่าเข้าเค้าเลยนะ” เขาจึงเปลี่ยนเช็คโค้ดของทุกเว็บแทน

“แต่แบบนี้มันน่าเบื่อที่สุด”เพราะไม่มีอะไรที่เชื่อมโยงกัน สุดฟ้าเลยไม่รู้ว่าจะจับจุดร่วมที่ตรงไหนดี แม้จะรู้ว่าต้องหาโค้ดของมัลแวร์ เพื่อสาวไปถึงจุดเริ่มต้น แต่โค้ดที่ว่ามันอยู่ไหนกันละ ชายหนุ่มคิด ขณะมองโค้ดคำสั่งที่เรียงอยู่เต็มหน้าจอ บรรทัดคำสั่งปรากฏที่ด้านล่างของหน้าจอก่อนจะเลื่อนหายไปด้านบน ในจังหวะนั้นเองที่สุดฟ้าเห็นโค้ดแปลกๆที่ไม่น่าจะมีอยู่บนเว็บไซต์เหล่านั้น

“เอ็มวายเอสสามเจ็ดแปดสาม”มันดูคุ้นๆ สุดฟ้าคิดในใจ เขาจึงคีย์คำสั่งดึงเว็บไซต์ที่มีโค้ดดังกล่าวแฝงอยู่ ปรากฏว่ามันมีอยู่ทุกเว็บ จากนั้นจึงลองหาไอพีเริ่มต้นโดยดึงตามเวลาที่เป็นอดีตที่สุด ก่อนจะใช้ไอพีหาพิกัด ผลที่ได้ทำให้เขาต้องส่งเสียงหัวเราะหึหึอยู่ในลำคอ ไม่ใช่ว่าดีใจ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าจะตอบดีน มอร์แกนว่าอย่างไรมากกว่า เพราะคนที่ยิงไอพีของดีม จาร์เป็นซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ในรูปร่างมนุษย์เดินได้ของเขาเอง สุดฟ้าอยากจะต่อสายหามาริเอะเสียเดี๋ยวนั้น เขาให้หาข้อมูลของคน ดันเชื่อมต่อเครือข่ายเพื่อยิงไอพีเซิร์ฟเวอร์ ไม่ตลกนะเฟ้ย!!!!!

สุดฟ้ากัดฟันกรอดๆ ตอนที่ลงมือเขียนไฟร์วอลล์ตัวใหม่ นิ้วทั้งสิบขยับอย่างรวดเร็วจนมองตามแทบไม่ทัน แม้จะมีอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียว แต่พลังสมาธิของเขากลับทะลุสองร้อยเปอร์เซ็นต์ คำสั่งโค้ดโปรแกรมถูกถ่ายทอดออกมาอย่างไม่มีขาดตอน กระนั้นกว่าที่เขาจะเขียนคำสั่งเสร็จก็ปาเข้าไปรุ่งอีกวัน

สุดฟ้ากดรับสายเมื่อโทรศัทพ์มีสัญญาณเรียกเข้า บรรยากาศยามกลางคืนในห้องคอนโทรลเงียบสนิท พนักงานของดีม จาร์ล้วนกลับบ้านไปหลับไปนอน เหลือแค่เจ้าหน้าที่กะกลางคืนที่อยู่เฝ้าระบบแค่สองคน ซึ่งต่างคนก็ต่างทำงานของตัวเอง ตอนที่สุดฟ้าเอ่ยปากรับสายเป็นภาษาไทย เสียงพูดของเขาจึงดังก้องทั้งห้อง

“ฮัลโลครับ” เขาไม่อย่างให้การคุยโทรศัพท์ของเขารบกวนคนอื่น สุดฟ้าจึงลุกเดินออกไปด้านนอก ทางเดินของชั้นเงียบกริบไร้ผู้คนเช่นเดียวกัน แสงไฟสว่างสาดส่องตลอดเส้นทาง

“คุณสุดฟ้า ค่อยยังชั่วติดสักที ผมคิดถึงคุณมากเลยครับ”

ชายหนุ่มยกยิ้มเมื่อปลายสายมักจะบอกเขาเช่นนี้เสียทุกครั้งที่โทรฯมาหาเขา“เมื่อวานโทรฯไม่ติดเลย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

“อ่อ... พอดีอยู่บนเครื่องนะ”

“เอ๋?”

“ตอนนี้อยู่อเมริกา”

“หือ”ชวิศาครางเสียงรับในลำคอ นิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะร้องออกมา “ดึกป่านนี้แล้วยังไม่นอนอีกเหรอครับ ทำงานเหรอ”

“อืม มาดูงานให้ลูกค้า”

“แล้วจะอยู่ถึงเมื่อไหร่หรือครับ อาทิตย์หน้าผมต้องไปดูจัดอาหารที่โรงแรมสาขาอเมริกา คุณสุดฟ้าจะอยู่ถึงตอนนั้นไหมครับ”

“น่าจะไม่ งานของฉันจะเสร็จแล้ว”

“น่าเสียดายจัง ผมอยากเจอคุณ” ชวิศาเงียบไปอีกครู่ใหญ่ “อยู่ถึงอาทิตย์หน้าไม่ได้หรือครับ ผมจะแจ้งพี่โยขอจองห้องไว้ให้”

สุดฟ้าโคลงศีรษะ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้มีธุระอื่นที่ต้องไปทำเป็นพิเศษ แต่เขาเป็นพวกติดบ้านจึงไม่ค่อยชอบออกไปไหน “ยังไม่รับปากแล้วกัน ต้องอยู่สถานการณ์ก่อน”

“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมไม่กวนแล้ว”ชวิศากล่าวรู้สึกหดหู่อยู่นิดๆและแม้ว่าอยากจะคุยกับชายหนุ่มต่อไปอีกเรื่อยๆ แต่เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายมีงานต้องทำ เขาจึงไม่กล้ารบกวน ประเด็นคือเขาไม่อยากงี่เง่าที่อีกฝ่ายนึกรำคาญใจ อย่างโยธินพี่ชายของเขา ถ้าเข้าไปกวนเวลาที่งานยุ่งมากๆ เขาจะโดนดุเกือบทุกครั้ง

สุดฟ้าตัดสายไปหลังจากนั้นและกลับเข้าไปทำงานต่อ ช่วงสายๆของวันนั้นดีน มอร์แกนมาหาเขา และมาทันตอนที่เขาติดตั้งโปรแกรมพอดี

“เสร็จแล้วหรือครับ”ผู้สูงวัยกว่าเอ่ยถาม ขณะมองหน้าจอซึ่งกำลังแถบแสดงสถานะการติดตั้ง ก่อนจะไปดึงเก้าอี้ที่ว่างอยู่มาทรุดตัวลงนั่งไม่ห่างจากเขามากนัก

“ครับ”

“แล้วเจอตัวแฮกเกอร์ไหมครับ”

“เอ่อ... คงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยในการหาตัว ผมเลยขอก็อปล็อกโค้ดไปนะครับ”สุดฟ้าตอบออกไป

“อ่อ... ไม่เป็นไร แล้วแต่มิสเตอร์ศิริกรเห็นสมควรเลยครับ อืม อาทิตย์หน้ามีงานเลี้ยงฉลองครบรอบวันพระราชสมภพของเจ้าชายฟาลิฮ์ อัสมานร์ มิสเตอร์ศิริกรจะไปร่วมไหมครับ”

สุดฟ้าเลิกคิ้ว “ผมไม่รู้จักเจ้าชายครับ”

“เอ๋... เจ้าชายฟาลิฮ์ อัสมานร์ ของราชอาณาจักรฮัชดาลลาร์ไงครับ ไม่รู้จักหรือครับ ผมนึกว่าคุณรู้จักเสียอีก ตอนที่คนของเจ้าชายมาส่งการ์ดเชิญให้ผมยังพูดว่าจะได้เป็นเพื่อนคุยกับมิสเตอร์ศิริกร”

“ถ้าฮัชดาลลาร์ ผมก็พอจะรู้จักครับ” แต่ถ้าให้ตอบด้วยใจจริง ชายหนุ่มไม่อยากไปร่วมงานเลี้ยงที่ว่านั่นเท่าไหร่

เมื่อหนึ่งปีก่อน คนของราชวงศ์เคยติดต่อมาให้เขาสร้างอาวุธทำลายล้างสูงให้ ยื่นข้อเสนอด้วยค่าตอบแทนสูงลิ่ว แต่อย่างว่า ขึ้นชื่อว่าอาวุธมันก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าคนสั่งต้องการนำไปทำอะไร ตอนนั้นสุดฟ้าตอบปฏิเสธไปก็จริง แต่ก็อยากรู้ว่าประเทศนี้มันเป็นอย่างไร ถึงมีคนอยากได้อาวุธไปใช้

ฮัชดาลลาร์เป็นประเทศที่ล้อมรอบด้วยทะเลทรายซึ่งมั่งคั่งด้วยน้ำมันและอัญมณี ไม่ว่าจะเป็นแทนซาไนต์หรือเจเรมีเจไวต์ที่ว่าเป็นหินหายาก ต่างมีค่าเท่าก้อนกรวดในดินแดนแห่งนั้น ราชอาณาจักรฮัชดาลลาร์เคยเป็นประเทศปิดที่ไม่ตอนรับบุคคลภายนอกจนในช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้ ที่ประเทศถูกรุกรานจากประเทศเพื่อนบ้านและประเทศมหาอำนาจซึ่งต้องการครอบครองทรัพยากรอันมีค่า กระนั้นทุกวันนี้การไปเยือนประเทศนั้นไม่ว่าจะในฐานะใดก็ยังคงเป็นเรื่องยาก

“มีจดหมายเชิญมาถึงผมด้วยเหรอเนี่ย”

“ไม่ใช่ว่า คุณโยนมันลงถังขยะไปโดยไม่ได้ดูอีกหรอกนะ”ดีนเอ่ยแซว

สุดฟ้า ศิริกรค่อนข้างขึ้นชื่อเรื่องนี้อยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นจดหมายกระดาษหรือพัสดุที่ถูกส่งไปยังบ้านของชายหนุ่มล้วนแต่ถูกกำจัดทิ้ง หากไม่มีการระบุชื่อผู้ส่งหรือผู้ส่งเป็นคนที่สุดฟ้าไม่รู้จัก วิธีการติดต่อที่ง่ายที่สุดคือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ แต่ก็นั่นละ ถ้าเขียนหัวข้อจดหมายไม่ดีพอก็มีสิทธิ์ถูกลบทิ้งเหมือนกัน ตอนครั้งแรกที่เขาอยากจะจ้างวานสุดฟ้า ศิริกร ให้มาเขียนโปรแกรมให้ เขายังต้องส่งอีเมล์ไปร่วมยี่สิบฉบับ รอเวลาอยู่สามเดือนกว่า ผู้รับก็ไม่มีทีท่าจะตอบกลับมา ดีที่เขาบังเอิญได้เจอประธานกรรมการบริหารของสุวรา เขาถึงได้ตัวอีกฝ่ายมาทำงานให้

สุดฟ้าทำท่านึกก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหาอีเมล์เก่าๆ พลางเอ่ยปากถามคู่สนทนาไปด้วย

“งานจัดที่ไหนหรือครับ”

“โรงแรมภูแก้วดารา ในวอชิงตัน ดีซีครับ”

มันจะบังเอิญประจวบเหมาะอะไรขนาดนั้น สุดฟ้าคิดในใจ ปะติปะต่อกับคำชวนของชวิศาแล้วก็พออนุมานได้ว่าน่าจะเป็นงานเดียวกัน สายตาจดจ้องข้อความในอีเมล์ที่อยู่บนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งระบุเวลางานเลี้ยงในวันพฤหัสบดีของอาทิตย์หน้า

“แล้วมิสเตอร์มอร์แกนจะเดินทางไปร่วมงานนี้เมื่อไหร่หรือครับ ถ้าผมจะติดรถไปด้วยจะสะดวกไหม”

ถ้าเขาตีสนิทกับเจ้าชายไว้ เขาอาจจะได้รับคำเชิญให้ไปเที่ยวฮัชดาลลาร์สักครั้งก็เป็นได้


ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
เมื่อกลับมาถึงโรงแรม สุดฟ้าก็ล้มตัวลงบนเตียงด้วยท่าทางอยากนอนเต็มที่ ตอนทำงานเขาไม่ค่อยรู้สึกเหนื่อยหรือง่วงก็จริง แต่พอไม่มีงานอยู่ตรงหน้า ร่างกายก็ร่ำร้องว่าอยากพักผ่อนทันที

“ฟ้าค่ะ อย่าเพิ่งนอนได้ไหม คุณไปทานอะไรกับแอมก่อนสิค่ะ”

“ไว้ก่อนแล้วกันครับ”สุดฟ้าพูดทั้งที่ยังหลับตา เขาพร้อมที่จะดิ่งสู่นิทราถ้าเอมมิกาไม่เอาแต่สะกิดเขาหยิกๆ ชายหนุ่มจึงยกมือส่งสัญญาณให้สเตบาสเตียนส่งบัตรเครดิตและเงินสดจำนวนหนึ่งให้หญิงสาว

“คุณแอมครับ นี่เงินสดและบัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงินครับ ถ้าอย่างไรคุณไปรับประทานอาหารหรือซื้อของคนเดียวก่อนแล้วกันนะครับ ด็อกเตอร์ต้องการเวลาพักผ่อนครับ”

“เงินอยู่กับนายก็ไม่รีบเอามาให้ฉัน ปล่อยให้ฉันแกร่วรออยู่ได้เป็นวัน”เธอพูดบ่นเบาๆก่อนจะรีบลุกออกจากห้องไป และทันทีที่ได้ยินเสียงปิดประตูสุดฟ้าก็เด้งตัวลุกขึ้นนั่ง โบกไม้โบกมือถามย้ำอีกครั้ง

“เธอออกไปแล้วครับ”

“สัญญาณเครื่องดักฟังละ”

“ไม่มีครับ”

เมื่อได้รับคำตอบสุดฟ้าจึงได้กดเปิดดิจิตอลไลท์มอนิเตอร์ เลือกโหมดสื่อสารซึ่งเชื่อมต่อสัญญาณเข้ากับบ้านของเขาที่กรุงเทพฯ

“สวัสดีครับด็อกเตอร์”มาริเอะยังคงทักทายเขาด้วยน้ำเสียงร่าเริงเช่นเดิม พลางโบกมือให้ซึ่งภาพนั้นที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ “ที่นี่ดึกแล้วนะ มีอะไรเนี่ยรบกวนคนจะนอน”

สุดฟ้าส่งเสียงหึในลำคอ “นายจำเป็นต้องนอนตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกอย่าง....”

“ผมมีเหตุผลน๊า”มาริเอะแย้งออกมาก่อนที่เขาจะพูดจบ

“งั้นว่ามาเลย”

“ก็ผมเจาะไฟร์วอลล์ของด็อกเตอร์ไม่ได้ แล้วมันก็มีข้อมูลหลายๆอยู่ในนั้น ผมก็เลยต้องยิงไอพีเพื่อกวนระบบ แต่ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงแบบนี้”มาริเอะว่าพลางทำหน้าหงอยๆ

“แล้วได้อะไรมาบ้างละ ตั้งแต่นายรับปากว่าจะทำงานให้ ฉันยังไม่เห็นอะไรเลย”

“ไม่ใช่ว่าด็อกเตอร์เริ่มเดาได้แล้วหรือครับ”

“สรุปแล้วฉันไม่จำเป็นต้องพึ่งนาย”

“เพราะผมไม่ใช่หรือ ด็อกเตอร์ถึงเดินทางไปอเมริกา”

“งั้น ตกลงแล้วนี่เป็นแผนของนาย”

“ใช่ซะที่ไหนละ ผมแค่สงสัยอยู่แล้ว แต่ด็อกเตอร์มาเจอก่อนที่ผมจะบอก ด็อกเตอร์ก็เห็นข้อมูลแล้วใช่ไหม”

“เห็นอะไร”

“อ้าว”มาริเอะทำหน้าตาเหรอหราที่มองดูอย่างไรท่าทางนั้นก็เหมือนชวิศาไม่ผิดเพี้ยนจนสุดฟ้ากระหวัดนึกถึง “ก็บนเซิร์ฟเวอร์อย่างไรละครับ”

“ฉันแค่เช็คแฮกเกอร์ อย่างอื่นดูซะที่ไหน”

“โธ่”คนบนหน้าจอร้องอุทาน “แต่ไม่รู้ด็อกเตอร์จะเชื่อหรือเปล่า เขาว่าที่นั่นเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของพลังปราณโลกา คนที่นั่นถึงหวงถิ่นไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่งย่าม”

“ฉันไม่สนใจนิยายแฟนตาซี”สุดฟ้าล้มตัวลงนอน ถ้ามาริเอะยังคงนอกเรื่องอยู่แบบนี้ มีหวังได้หลับจริงๆแน่

“แต่พวกนั้นคุยกันว่าจะนำเทคโนโลยีของด็อกเตอร์ไปปรับปรุงเพื่อให้ใช้ร่วมกับเวทมนต์ได้”

“ตลก เวทมนต์มีจริงซะที่ไหน”สุดฟ้างึมงำ “อ่อ เรื่องบ้านที่สั่งไว้เรียบร้อยใช่ไหม” มาริเอะตอบกลับไปว่าเรียบร้อยตามที่สั่ง แม้จะทำหน้าง้ำอย่างไม่ค่อยพอใจที่ชายหนุ่มไม่เชื่อเรื่องที่เขาพูด

“งั้นหลังจากที่ฉันกลับไปถึงบ้าน เราจะตกเหยื่อกัน”

สุดฟ้าพูดแค่นั้นก่อนจะปล่อยให้ร่างกายดิ่งลึกสู่นิทรา สเตบาสเตียนจัดการปิดไลท์มอนิเตอร์แล้วเสียบปลั๊กชาร์จแบ็ตเตอร์รี่ ส่วนตัวเขาก็เข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานเช่นเดียวกัน




ชายหนุ่มร่างสูงยืนอยู่หน้ากระจกตอนที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น เขารับเสื้อสูทตัวนอกสีดำจากพ่อบ้านส่วนตัวมาสวมทับเสื้อกั๊กสีเทาอย่างไม่รีบร้อน ตรวจสอบความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายอีกครั้ง ก่อนจะเดินนำไปเปิดประตู หญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีดำเรียบเปลือยหัวไหล่และแผ่นหลังขาวเนียนไร้รอยสิวฝ้า ที่คอยังคงสวมสร้อยทับทิมล้อมเพชรที่เขาเคยให้ไว้ เธอยิ้มเดินตรงเข้ามากอดแขนเขาไว้ทันทีที่เห็นหน้า

“วันนี้คุณหล่อมากเลยค่ะฟ้า”

เขายิ้มรับและเอ่ยปากว่าวันนี้เธอก็สวยมากเช่นเดียวกัน คุยกันไปพลาง ขณะยืนรอให้สเตบาสเตียนไปเคาะประตูห้องของดีน มอร์แกน ชายหนุ่มวัยสามสิบกลางๆ อยู่ในชุดสูทเรียบหรูที่ทำให้เขาดูดีไม่ชายหนุ่มอีกสองคนที่ยืนรออยู่

งานวันนี้จัดที่ห้องแกรนด์บอลรูมชั้นหนึ่ง สุดฟ้าได้ห้องพักมาจากชวิศาซึ่งอีกฝ่ายจัดการให้ทันทีที่เขาบอกว่าจะมาร่วมงานนี้เหมือนกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้มีโอกาสเจอกัน ที่คุยกันคร่าวๆ ชวิศายังวุ่นวายอยู่กับเมนูอาหาร และแม้แต่ตอนนี้ ชวิศาอาจยังคงอยู่ในครัว

ตอนที่พวกเขาลงไปถึงห้องจัดเลี้ยง ผู้คนมากหน้าหลายตากำลังทยอยเดินเข้างาน หน้าซุ้มประตูตกแต่งด้วยผ้าและดอกไม้มีเจ้าหน้าที่สองคนคอยยืนตรวจบัตรเชิญอยู่ด้านหน้า ตอนนั้นสุดฟ้าจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยการ์ดรักษาความปลอดภัย

ดีน มอร์แกนยื่นบัตรเชิญให้เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มร่างเล็กทั้งผมและนัยน์ตาสีดำขลับที่ยืนอยู่ทางขวามือของพวกเขา อีกฝ่ายรับไปกวาดสายตาเพียงเล็กน้อยก่อนจะผายมือเชิยเข้าไปด้านใน แต่สุดฟ้ากลับโดนขวางไว้เสียก่อน

“คุณผู้ชายท่านนี้ไม่ทราบว่ามีบัตรเชิญหรือไม่ครับ”ฝ่ายนั้นถามเขาด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงอังกฤษชัดแจ๋ว

“ไม่มี”สุดฟ้าตอบหลังจากนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง เขาได้แต่อีเมล์เชิญร่วมงานนี่นะ

“ถ้าอย่างนั้น คงไม่สามารถให้คุณผู้ชายเข้าร่วมงานได้”

“นี่คือมิสเตอร์สุดฟ้า ศิริกร ผมคิดว่าน่าจะมีชื่ออยู่ในรายการผู้ที่ได้รับเชิญ”ดีนกล่าวแทรกขึ้นมา

“โอ... ขอประทานอภัยด้วยครับ เจ้าชายกำลังรอคุณอยู่ ขอเชิญคุณด้านนี้ครับ”เด็กหนุ่มกล่าวอย่างนอบน้อม

“แล้วคนติดตามของผมเข้าไปในงานได้ไหม”

“ได้ครับ เชิญครับ” เด็กหนุ่มร่างเล็กเดินนำหน้าเขาไป ทันทีที่ก้าวผ่านซุ้มประตู สุดฟ้ากวาดสายตาไปรอบงานจัดเลี้ยง แขกเหรื่อผู้ที่มาร่วมงานยืนกระจายกันเป็นจุดๆ ซุ้มวางอาหารถูกจัดไว้ใกล้ผนังทั้งสองฝั่ง เว้นพื้นที่โล่งตรงกลางไว้ ไม่มีโต๊ะสำหรับนั่งรับประทานอาหาร เสียงเพลงในจังหวะช้าๆนุ่มนวลดังมาจากนักดนตรีที่จับจองพื้นที่บนเวทีด้วยเครื่องสายสองชิ้นอันได้แก่ไวโอลินและเชลโล่ ประสานเสียงกับแกรนด์เปียโนสีดำ  เด็กหนุ่มคนนั้นตรงไปยังกลุ่มคนซึ่งยืนสนทนาล้อมรอบชายในชุดสูทสีขาว ชายหนุ่มร่างสูงซึ่งดูโดดเด่นต่างจากผู้คนรอบกาย

“เจ้าชายครับ”เด็กหนุ่มทูลเรียก ชายหนุ่มเจ้าของนามเรียกขานหันมา และตรงเข้ามาทักทายดีน มอร์แกน บุคคลที่พระองค์รู้จัก

“ยินดีที่เห็นคุณมาร่วมงานเลี้ยงวันนี้ครับ”เจ้าชายฟาลิฮ์ทรงจับมือทักทายกับดีนอย่างเป็นกันเอง

“ผมเองก็ขอถวายพระพรให้พระองค์ทรงเกษมสำราญ”ดีนถวายของขวัญที่เขาเตรียมมาให้ผู้ซึ่งดำรงอยู่ในพระยศ เจ้าชายหนุ่มรับมาและกล่าวขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะส่งของชิ้นนั้นให้กับมหาดเล็ก สุดฟ้าจึงก้าวออกไปแนะนำตัวบ้าง

“สวัสดีครับ ผมสุดฟ้า ศิริกรครับ ต้องขอพระราชทานอภัยที่ผมไม่มีของขวัญมาถวาย”ชายหนุ่มก้มศีรษะก่อนจะยื่นมือไปทักทาย

“ไม่เป็นไรครับ แค่คุณตอบรับไมตรีและยอมมาร่วมงานก็นับว่าเป็นเกียรติแล้ว”

“พระองค์ทรงกล่าวเกินไปแล้วครับ ผมต่างหากที่นับว่าเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญจากเจ้าชาย”

“แล้วคุณผู้หญิงท่านนี้”

“ดิฉันชื่อเอมมิกา ปัณณกุลค่ะเป็นว่าที่คู่หมั้นของสุดฟ้า”เธอถอนสายบัวแสดงความเคารพ สุดฟ้าสังเกตุเห็นประกายแปลกๆในตาของเจ้าชาย แต่แค่ชั่วพริบตาเดียวมันก็หายไป

“คุณเป็นผู้หญิงที่สวยมาก และดูเหมาะสมกับมิสเตอร์ศิริกรมากครับ”

หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบังความยินดีที่ถูกกล่าวชมเช่นนั้น หลังจากทักทายกันเสร็จ ก็มีแขกท่านอื่นเข้ามาทักทายเจ้าชาย สุดฟ้าจึงเลี่ยงหลบไปอีกทาง เขาเดินไปยังโซนอาหารซึ่งเอมมิกายังคงเกาะติดเขาไม่ห่าง

อาหารที่จัดเรียงอยู่บนโต๊ะล้วนแต่ถูกแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆพอดีคำ ทั้งสีสัน หน้าตาและวัตถุดิบหลากหลายบ่งบอกความพิถีพิถันของพ่อครัวและฐานะของเจ้าของงาน สุดฟ้าหยิบคานาเป้ขึ้นมาใส่ปากก่อนเป็นอย่างแรก ที่จริงเขาหมายตาหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบชีสไว้ แต่คานาเป้ไข่ปลาคาร์เวียร์ก็ใช่จะหากินได้ง่ายๆ อาหารตระกูลมินิเบอร์เกอร์ก็อร่อย เขากินจนลืมหญิงสาวว่าที่คู่หมั้นไปเลย

“อร่อยไหมครับ”

สุดฟ้าผงกศีรษะรับ ในปากกำลังเคี้ยวสลัดไก่อบ ส่วนในมือเขาถือหน่อไม้ฝรั่งพันเบคอนกับพาร์มาแฮมพันสลัดร็อกเกต พอหันไปเห็นเจ้าของคำถามถึงได้พยายามกลืนอาหารในปากลงไปอย่างรวดเร็ว

“ชวิศา”

“ครับ”เจ้าของชื่อยิ้มให้ ยิ้มกว้างชนิดที่คนส่วนใหญ่เรียกว่า ยิ้มจนเห็นฟันครบสามสิบสองซี่ นัยน์ตาของชวิศาฉายแววยินดีจนในอกของสุดฟ้าก็ฟูฟ่องไปด้วยความสุข พอเห็นหน้าอีกฝ่าย ชายหนุ่มร่างสูงถึงรู้สึกเหมือนว่าคิดถึงชวิศามากกว่าที่เคยเข้าใจ แต่พวกเขาคงจะตื้นตันมากเกินไป ต่างคนจึงต่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร

“งาน... ราบรื่นดีนะครับ”ชวิศากล่าวขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปครู่ใหญ่ ทั้งที่อยากชวนสุดฟ้าให้ไปหาที่เงียบอยู่ด้วยกันสองคนมากกว่า แต่ลังเลตรงที่ว่า ถ้าพูดออกไปแล้วมันจะออกตัวแรงเกินไปเนี่ยสิ เขาไม่อยากโดนเขี่ยทิ้งง่ายๆหรอกนะ มันเลยต้องเล่นตัวกันบ้าง

“อืม ไม่มีปัญหาแล้ว”ตอบพลางเริ่มกินของที่อยู่ในมือต่อ

“เอ่อ... ห้องพักเป็นอย่างไรบ้างครับ”

“เยี่ยมเลย”สุดฟ้ายกนิ้วโป้งให้ ชวิศาเลิกคิ้วมองเหมือนกำลังรอให้เขาพูดต่อ เขากรอกตาไปมาพยายามครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อไปอีกหน่อยว่า “เตียงนุ่มกำลังดี กว้างด้วย อ่างน้ำก็เจ๋งสุดๆ ฉันชอบระบบน้ำวนนี่มาก รู้สึกสบายตัวสุดๆ”

ชวิศายกยิ้มเจื่อนๆ ใช่เรื่องนี้เสียที่ไหนที่เขาอยากให้พูด ตกลงมีแค่เขาฝ่ายเดียวใช่ไหมที่คิดถึงมากขนาดนี้ แต่ช่างเถอะ ชายหนุ่มคิดในใจ

“เราขึ้น...”ยังไม่ทันได้พูดจนจบ เสียงเรียกชื่อชวิศาก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

“มาอยู่ตรงนี้เอง น้องได้เข้าไปทักเจ้าชายหรือยัง”โยธินถาม

“ยังครับ พอดีผมเพิ่งเข้ามาในงาน”

“งั้นก็รีบเลย เจ้าชายท่านอุตส่าห์เลือกโรงแรมของเราเป็นที่จัดงาน ในฐานะที่น้องก็เป็นหนึ่งในผู้บริหารก็ควรเข้าไปทักทายและดูแลความเรียบร้อย”

ชวิศากัดฟันพยายามยกยิ้ม และระงับอาการไม่พอใจไม่ให้แสดงออกทางสีหน้า เพราะถ้าทำเช่นนั้นเขาคงโดนดุอีกยาว ชวิศาหันไปมองสุดฟ้าอีกครั้งพลางโบกมือให้ โยธินกลัวว่าน้องชายจะพิรี้พิไรมากกว่าไปนี้จึงคว้าแขนชวิศาและดึงไปเสียเดี๋ยวนั้น

สุดฟ้ามองตามก่อนจะหันมาสนใจอาหารตรงหน้าอีกครั้ง กินจนอิ่มเขาถึงได้กวาดสายตาสนใจผู้คนรอบกาย เอมมิกาก็ดูท่าสนุกสนานกับกลุ่มผุ้ชายหน้าตาดี สเตบาสเตียนก็ถูกห้อมล้อมด้วยสาวน้อยสาวใหญ่ ชวิศาเองก็ดูเหมือนว่าจะสนิทกับเจ้าชายไม่น้อย หัวเราะต่อกระซิกไม่หยุด สุดฟ้ามองแต่ละคนแล้วต้องขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจ

และในนาทีนั้น ไฟของห้องจัดเลี้ยงดับลง แต่ยังไม่มีใครออกอาการตื่นตกใจเมื่อเสียงบรรเลงเพลงสุขสันต์วันเกิดดังขึ้นมา พร้อมกับเค้กก้อนโตถูกเข็นเข้ามาในงานอย่างช้าๆ จนมาหยุดตรงหน้าเจ้าชายหนุ่มจากฮัชดาลลาร์ ความสว่างของแสงเทียนบนเค้กทำให้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของเจ้าชายคมเข้มขึ้นมากว่าเดิม แต่สิ่งที่ทำให้สุดฟ้าหงุดหงิดเห็นจะเป็นใบหน้าของชายหนุ่มร่างเล็กบางที่ยืนอยู่ข้างๆ ชวิศายกยิ้มราวกับเป็นงานวันเกิดของตัวเองอย่างนั้นละ

เสียงเพลงบรรเลงประสานเสียงร้องวนอยู่สองรอบจึงจะหยุดลง สุดฟ้านึกว่าเจ้าชายผู้สูงศักดิ์จะประสานมืออธิษฐานเหมือนเด็กน้อยเสียอีก แต่พระองค์แค่หลับตาก่อนจะเป่าเทียนซึ่งปักอยู่บนหน้าเค้กให้ดับลง และไฟฟ้าก็กลับมาส่องสว่างอีกครั้ง เจ้าชายหนุ่มรับมีดตัดเค้กจากมหาดเล็ก จากนั้นจึงตัดแบ่งพระราชทานให้กับแขกซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่มาร่วมงาน
สุดฟ้านึกหมั่นไส้หนักข้อขึ้นกว่าเดิมเมื่อชวิศายังหน้าบานลั่นล้ากระตือรือร้นเป็นลูกมือเจ้าชายไม่ห่าง ชายหนุ่มจึงสืบเท้าเข้าไปใกล้

“อ้าว มิสเตอร์ศิริกร พอดีเลยครับ นี่เค้กของคุณครับ”เจ้าชายทรงยื่นจานที่มีชิ้นเค้กอยู่ด้านบนมาให้ เขาก็รับไว้ แต่ไม่ใช่นะ เขาไม่ได้อยากกินเค้กสักหน่อย สุดฟ้ามุ่นคิ้ว

“พระราชทานดิฉันด้วยได้ไหมค่ะ”

พอดีเลย!!! สุดฟ้ายื่นเค้กให้เอมมิกาก่อนที่เจ้าชายฟาลิฮ์จะประทานให้ “อันนี้ก็ได้ พอดีว่าผมกินจนอิ่มแล้ว”

“หรือครับ น่าเสียดายจัง เค้กก้อนนี้ผมอบเองกับมือ” ได้ยินเช่นนั้นสุดฟ้าจึงคว้าจานกลับมาแทบไม่ทัน และใช้ช้อนส้อมคันเล็กตักแบ่งเข้าปากทันทีราวกับกลัวว่าจะมีใครมาแย่ง

“นี่... รู้จักกันอยู่แล้วหรือครับ”แม้ว่าเจ้าชายฟาลิฮ์จะทรงทอดพระเนตรทางโน้นทีทางนี้ที แต่สุดท้ายทรงหยุดมองที่ชวิศาคล้ายจะให้ชายหนุ่มร่างเล็กเป็นผู้แถลงไข แต่หญิงสาวในชุดราตรียาวสีดำยอมเสียมารยาทเอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ก็ไม่เชิงค่ะ ก่อนหน้านั้นแม้จะคุยกันบ้าง แต่ยังไม่เคยแนะนำตัวเป็นทางการเสียที”เอมมิกายิ้มหวาน แววนัยน์ตาทั้งสมใจและสะใจในเวลาเดียวกัน พลางกล่าวออกไปอย่างช้าชัดทุกถ้อยคำ

“ดิฉันเอมมิกา ปัณณกุล ว่าที่คู่หมั้นของคุณสุดฟ้าค่ะ”

สิ้นประโยคนั้น ชวิศาเหมือนได้ยินแต่เสียงวิ้งๆในหู ร่างกายไร้เรี่ยวแรงขึ้นมากระทันหัน เขาปล่อยจานที่อยู่ในมือร่วงลงพื้น ก่อนจะหงายหลังล้มตึง!!!


+++++โปรดติดตามตอนต่อไป+++++

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
***//ขอโทษที่มาสายค่ะ//***

ตอนที่สิบเอ็ด


ชวิศาลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง สายตามองเห็นพี่ชายมีสีหน้าร้อนรน พลันกระสากลิ่นหอมเย็นอ่อนๆโชยเรื่อยมาตลอดเวลา เบนสายตามองด้านบนเขาเห็นสุดฟ้ากำลังโบกกระดาษไปมา

“คุณสุดฟ้า”ชวิศาเอ่ยเสียงระโหย กล่าวคำพูดต่อไปด้วยภาษาไทย จังหวะนั้นเขาไม่ได้คิดมองรอบกายหรือคำนึงถึงมารยาทแต่อย่างใด “ผมฝันร้ายด้วยละ ฝันว่าคุณกับผู้หญิงคนนั้นกำลังจะหมั้นกัน”

“ไม่ได้ฝันหรอกค่ะ มันกำลังจะเกิดขึ้นจริง”เสียงแหลมสูงของหญิงสาวแทรกขึ้นมาทำให้สติของชวิศากลับมาร้อยเปอร์เซ็น เขาเหลือบตามองคนพูดแค่ชั่วแวบเดียว มันเพียงพอที่จะเห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยอยู่บนใบหน้านั้น ชายหนุ่มจึงพยายามขยับนั่งให้ถนัด เกาะแขนของสุดฟ้าที่กำลังประคองหลังเขาไว้แน่น

 “ไม่จริงใช่ไหมครับ”เขาหันไปถาม

เจ้าชายฟาลิฮ์ยังคงยืนมองอยู่ไม่ไกลแม้จะไม่เข้าใจคำพูดที่พวกเขาพูดกัน ไม่ต่างกับสเตบาสเตียนที่ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่

“ไม่ต้องคิดมากหรอกนะซี เขายังไม่ได้หมั้นกันจริงๆซะหน่อย”โยธินพูดเมื่อเห็นน้องชายตาแดงๆทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เห็นสีหน้าแววตาเหมือนใจจะขาดของผู้มีศักดิ์เป็นน้องแล้วตัวเขาเองนั่นละที่เหมือนจะขาดใจ นาทีนี้ขอแค่ให้ชวิศารู้สึกมีแรงใจเข้มแข็งขึ้น ต่อให้ต้องใช้คำพูดเหมือนตัวโกงแค่ไหนเขาก็ยอม “น้องของพี่น่ารักแสนดีอย่างนี้ ไม่มีใครอดใจไม่รักน้องได้หรอก ผู้หญิงคนไหนก็สู้น้องพี่ไม่ได้สักคน”

“ถ้าผู้ชายเขาไม่ได้อยากได้ผู้ชายด้วยกันมาเป็นเมีย ต่อให้พยายามแค่ไหนเขาก็คงไม่เอาหรอกค่ะ”

“นี่เธอ!!!”โยธินหันไปตวาด เอมมิกายังลอยหน้าลอยตาอย่างไม่คิดกลัว

“ไปกันเถอะค่ะฟ้า ไม่ใช่เรื่องของเรา ปล่อยให้เขาดูแลกันเองเถอะค่ะ”เธอคว้าต้นแขนของว่าที่คู่หมั้นพลางดึงให้ลุกขึ้น ชวิศาจึงผวาเกาะไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม ปล่อยให้น้ำตาร่วงผล็อยเป็นสาย พร้อมกับพูดว่า “อย่าไปนะ”

สุดฟ้าโอบกอดชวิศาไว้ทั้งตัว ลูบหัวลูบหลังคล้ายปลอบประโลมก่อนจะตัดสินใจช้อนตัวชวิศาลุกขึ้น

“ผมขอเวลาส่วนตัวคุยกับชวิศาสักครู่นะครับ”ชายหนุ่มกล่าวออกมาเป็นภาษาอังกฤษ เขาก้มศีรษะเป็นเชิงขอลุแก่โทษให้เจ้าชายผู้เป็นเจ้าของงาน แต่ยังไม่ทันได้ไปไหน เอมมิกาก็ก้าวเท้าเข้ามาขวางเขาไว้

“คุณทำอย่างนี้หมายความว่าอย่างไรค่ะ”

“ก็หมายความตามที่พูด ผมขอเวลาส่วนตัวคุยกับชวิศาสักครู่”ชายหนุ่มมองหน้าเธอนิ่ง ก่อนจะยอมเดินเบี่ยงไปอีกทาง

“คุณสัญญากับฉันแล้วนะ”

“ครับ ผมจำคำพูดของตัวเองได้”สุดฟ้าร้องบอกเธอ เขาพาชวิศาเข้ามาในลิฟต์ สเตบาสเตียนเดินตามมาติดๆและกดเลือกชั้นห้องพักของพวกเขา เมื่อออกมาจากลิฟต์ หุ่นยนต์พ่อบ้านเดินนำไปเปิดประตูห้อง จัดการเปิดเครื่องปรับอากาศ รอจนผู้เป็นเจ้านายเข้ามาในห้องจึงปิดประตู

ห้องที่เขาพักเป็นแบบแสตนดาร์ทสวีท มีพื้นที่รับรองแยกกับส่วนของห้องนอน สุดฟ้าจึงพาชวิศาเข้าไปด้านในและวางร่างในอ้อมแขนลงบนเตียง ชวิศายังคงเกาะเขาไม่ปล่อย ในหน้าแดงกล่ำยังคงซุกซบกับแผงอก สุดฟ้าจึงทรุดตัวลงนั่งไปพร้อมกัน สเตบาสเตียนถือแก้วน้ำเปล่ามาวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง ก่อนจะออกจากห้องและปิดประตูให้

ชวิศายังคงนิ่งเงียบ จนเขาคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะหลับไปแล้วถ้าไม่ได้ยินเสียงสะอื้นที่ดังมาเป็นระยะ จะว่าไปนี่เป็นสูทตัวใหม่ของเขานี่นา แย่จัง... สุดฟ้าคิด เขากะว่าจะแขวนเก็บเข้าตู้เลยหลังจากจบงาน อย่างนี้กลับไปก็ต้องส่งซักรีดให้เสียเงินอีกซิเนี่ย เอ...แต่มาริเอะก็น่าจะรู้วิธีการซักเสื้อสูทละมั้ง ชายหนุ่มเผลอคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก่อนที่สติจะถูกดึงย้อนกลับมาเพราะชวิศายอมเอ่ยปากพูดเสียที

“คุณจะหมั้นกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆหรือครับ”เสียงถามอู้อี้จนเขาต้องก้มหน้าลงไปฟังให้ชัด

“คุณจะหมั้นกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆหรือ”ชวิศายอมเงยหน้าขึ้นมาถามเขา ใบหน้าขาวใสของชวิศาออกสีเรื่อเล็กน้อย จมูกแดงกล่ำ ตาช้ำ และริมฝีปากแดงจนน่าจูบ สุดฟ้ากดจูบลงไปจริงๆ ก่อนนึกถึงคำพูดของเอมมิกาขึ้นมาได้ แต่เขาก็ปัดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้มีอะไรด้วยเสียหน่อยแค่จูบเท่านั้นเอง

สุดฟ้าใช้ริมฝีปากขบเม้มริมฝีปากบนของชวิศา เบี่ยงหน้าหลบปลายจมูกไม่ให้ชนกัน เบียดแนบและใช้ปลายลิ้นแทรกผ่านแนวฟัน อีกฝ่ายเปิดปากให้เขาส่งปลายลิ้นเข้าไปคลุกเคล้าอย่างเต็มใจ เกิดเป็นกระแสแปลกประหลาดที่ดึงดูดให้พวกเขาโอบกอดกันอย่างแนบแน่น สัมผัสเสียดสีปลุกเร้าความปรารถนาภายในร่างกายให้ลุกโชนขึ้นมาได้อย่างดาย สุดฟ้าจัดการถอดสูทตัวนอกของเขาและชวิศาออกอย่างเร่งร้อนทั้งที่ยังไม่ละจูบจากกัน ปลดเข็มขัดและถอดกางเกงของชวิศาออกตอนที่ดันตัวอีกฝ่ายให้เอนตัวลงนอน ชวิศาแยกขากว้างให้เขาเบียดตัวแนบชิด ชายหนุ่มร่างสูงรู้ตัวว่ามันกำลังจะเลยเถิด แต่ก็เหมือนทุกครั้งที่เกิดเรื่องแบบนี้ สุดฟ้ามักจะปล่อยให้อารมณ์และความต้องการอยู่เหนือทุกสิ่ง เขาสอดใส่ความปรารถนาเข้าไปในช่องร่วมรักด้านหลัง มันยังคงคับแน่นและฝืดเคืองเหมือนเช่นทุกครั้ง เขารู้ว่าชวิศากำลังพยายามผ่อนคลายเพื่อให้เขาสอดใส่ได้จนสุด ชายหนุ่มผละตัวออกมา มองท่อนเนื้อที่ค่อยๆกดชำแรกผ่านช่องทางคับแน่นนั้นไปอย่างเชื่องช้า เหลือบสายตาขึ้นมองหน้าชวิศา เห็นว่าฝ่ายนั้นมองจุดเดียวกับเขาเช่นกัน พอหันมาสบสายตาก็เบือนหน้าหนี ใบหน้านั้นแดงเรื่อมากขึ้นกว่าเดิม

“เขิน?”เขาโน้มตัวเข้าหาถามด้วยเสียงหยอกเย้าพลางใช้จังหวะนั้นดันรวดเดียวจนสุด ชวิศาสะดุ้งเฮือก

“เจ็บมากไหม”

คนถูกถามสั่นศีรษะ สุดฟ้าถอดเสื้อกั๊กสีเทาตัวในของตนออก โน้มตัวหยิบหมอนมารองใต้สะโพกให้ชวิศา แล้วใช้มือเล้าโลมส่วนอ่อนไหวกลางลำตัวของอีกฝ่ายให้กลับมาชูชันอีกครั้ง เมื่อชวิศาเริ่มกลับมามีอารมณ์ร่วม เขาจึงถอนสะโพกและเยียดเอวกระทั้นกายเข้าหา เขาจับยึดสะโพกของร่างด้านใต้ไว้ตอนที่กระชั้นจังหวะให้ถี่รัวขึ้น ชวิศาส่งเสียงครางเครือด้วยความสุขสม ก่อนจะทอดจังหวะกระแทกสะโพกให้ช้าลงรั้งช่วงเวลาแห่งความสุขสมให้ยาวนานขึ้นอีกนิด พลางโน้มตัวแนบปากลงกับริมฝีปากที่เผยออ้า เกี่ยวกระหวัดจุมพิตกันอย่างดูดดื่ม

ในช่วงเวลาเช่นนี้ คำถามทุกคำถาม แม้กระทั้งความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจล้วนจางหายไปสิ้น ชวิศารับรู้ความรู้สึกปรารถนาอันมากล้นของชายหนุ่มผู้เป็นที่รักผ่านร่างกายที่เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน เขาอยากเป็นที่หนึ่งแต่ก็ยอมรับการเป็นที่สองของตน บางครั้งเขาก็คิด ถ้าวันนั้นไม่มีความคิดที่จะตัดใจ ถ้าเขายังพยายามดันทุรังที่จะทำให้ตนได้อยู่ในสายตาของสุดฟ้า วันนี้ก็คงมีแต่ความสุข แต่ก็ได้แค่คิด ในเมื่อไม่ว่าใครก็ไม่สามารถย้อนอดีตไปแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดได้ กระนั้น เขาไม่อาจยอมรับ หากมีคนที่มาทีหลังแล้วได้ชายหนุ่มไปครอบครอง

สุดฟ้าจัดการเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ชวิศาด้วยตัวเองหลังความสเน่หาจากการเสพสังวาสมอดดับลง ชายหนุ่มร่างเล็กบางหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน เขานั่งมองใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ครู่ใหญ่ สิ่งที่ชัดเจนในใจคือ ชวิศาเป็นของของเขา ทั้งที่ความรู้สึกหวงแหนมากมายเช่นนี้ควรจะเกิดขึ้นกับมาริเอะ บางครั้งสิ่งที่เขารู้สึกอาจจะเรียกว่าความรัก เพราะความรู้สึกที่รุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้นกับชวิศาเท่านั้น สุดฟ้ายอมรับความรู้สึกของตนอยู่เงียบๆภายในใจ

เปิดประตูออกมาจากห้องนอน เขาพบโยธินนั่งหน้าดำคร่ำเคร่งอยู่บนโซฟาของบริเวณพื้นที่รับรอง

“ฉันมาพาน้องชายของฉันกลับ”สายตาโกรธเกรี้ยวตวัดมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า สุดฟ้าอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยที่พอจะทำให้คนมองเดาได้ไม่ยากว่าภายในห้องนอนมันเกิดอะไรขึ้น ถึงจะทำใจยอมรับแต่โยธินก็ยังคงรับไม่ได้ที่น้องชายซึ่งเป็นหัวแก้วหัวแหวนถูกย่ำยีอย่างไม่เห็นค่า

“ทีนี่ก็เป็นโรงแรมของคุณ ไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับชวิศาหรอกครับ”สุดฟ้าทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม

“แล้วนายละ”โยธินถามเสียงเครียด

“ผมไม่ทำร้ายเขาหรอก นั่นบอดี้การ์ดของเขา”สุดฟ้าชี้ไปที่สเตบาสเตียน “คำสั่งของผมยังคงเดิม หากผมลงมือทำร้ายร่างกายชวิศาเมื่อไหร่ สเตบาสเตียนจะเข้ามาจัดการผมทันที”

“แต่นายก็ทำร้ายจิตใจน้องชายฉัน”

“บางอย่างมันก็อยู่นอกเหนือการคาดเดาของผม ผมขอโทษ”

“ฉันไม่เข้าใจ”โยธินพูดขึ้นหลังจากที่นิ่งไปครู่ใหญ่ น้ำเสียงของเขาฟังดูสั่นเครือเล็กน้อย “หุ่นยนต์ที่หน้าตาเหมือนชวิศาเคยบอกว่า นายสร้างเขามาเพื่อเป็นคนรัก ทำไมต้องสร้างให้หน้าตาเหมือนชวิศา แล้วทำไมต้องทำกับน้องชายของฉันแบบนี้”

“ถ้าให้พูดกันตามความจริงมันก็แค่เรื่องบังเอิญ”สุดฟ้าเสสายตามองไปทางอื่น แววตานั้นนิ่งสงบไม่สะท้อนความรู้สึกใดๆ “ตอนนั้นผมแค่อกหักโดนผู้หญิงหลอก เลยอยากจะสร้างตุ๊กตาขึ้นมาเล่นด้วย ฝาแฝดนั่นต่างหากที่บอกให้ผมสร้างให้เหมือนชวิศา แล้วพวกคุณ”สุดฟ้าเบนสายตากลับไปจ้องคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “พวกคุณเป็นคนขโมยเขาไป มันก็เหมาะสมกันดีนี่นา ที่คุณจะโดนขโมยหัวใจไปบ้าง” เขายกยิ้มเยาะ

“มันไม่ใช่เรื่องตลก หรือเรื่องที่จะมาทำเล่นๆแบบนี้นะ นั่นมันหุ่นยนต์ส่วนน้องชายของฉันเป็นคนจริงๆ”โยธินตะคอกเสียงดังอย่างเดือดดาล

“ที่สำคัญ นายรู้ความจริงตั้งนานแล้ว ทำไมไม่พูดออกมา”

“ก็คนที่มีเลือดเนื้อจริงๆมันดีกว่าตุ๊กตาอยู่แล้วนี่นา”

โยธินถลาเข้ามาหา หวังจะชกอีกฝ่ายสักหมัดสองหมัด ค่าที่อีกฝ่ายพูดกลับข้างให้เขาเป็นฝ่ายผิด ทำราวกับเขาจำต้องยอมรับกับเหตุการณ์แบบนี้ แต่กระนั้นเขากลับโดนสเตบาสเตียนขวางไว้เสียก่อน

“คุณกลับไปเถอะครับ ถ้าชวิศาไม่อยากอยู่กับผม เขาก็คงกลับไปหาคุณเอง ขอบอกให้รู้ไว้ว่าผมไม่เคยกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือรั้งตัวเขาไว้เลย”

ได้ยินคำพูดแบบนั้น โยธินยิ่งคันไม้คันมือหนักไปกว่าเดิม ซ้ำยังปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นน้องชายของเขานั่นละที่วิ่งโร่มาหาอีกฝ่ายถึงที่ แต่ติดที่เจ้าหุ่นยนต์พ่อบ้านนี่ที่เขาพยายามใช้แรงแค่ไหนก็สลัดไม่หลุด

“ผมขอพูดกับคุณดีๆนะครับ วันนี้คุณกลับไปเถอะ ปล่อยให้ชวิศานอนที่นี่เสียคืน แล้วพรุ่งนี้คุณค่อยมาคุยกับเขาใหม่”
โยธินฮึดฮัด แต่ต้องยอมถอยอย่างจำนน เพราะต่อให้พาชวิศากลับไปคืนนี้ พรุ่งนี้หลังจากที่ตื่นขึ้นมา ชวิศาก็ต้องแล่นมาหาสุดฟ้าอยู่ดี ต่อให้เขาเลี้ยงดูน้องชายอย่างเข้มงวดแค่ไหนแต่ก็ไม่ใจร้ายพอที่จะมองดูอีกฝ่ายร้องไห้ตรอมตรมอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มสะบัดตัวออกจากการจับกุมของหุ่นยนต์พ่อบ้าน ก่อนจะกระทืบเท้าตึงๆออกจากห้องไปด้วยอาการฉุนเฉียว

“ด็อกเตอร์ครับ”

“อืม”สุดฟ้าขานเสียงรับพลางไถลตัวเอนศีรษะพิงกับพนักโซฟา เขาหลับตาลงรอฟังสิ่งที่สเตบาสเตียนจะพูดต่อ

“เจ้าชายฟาลิฮ์ เชิญด็อกเตอร์ทานอาหารเที่ยงพรุ่งนี้ครับ พอดีว่าตอนนั้นด็อกเตอร์อยู่ในห้องนอน คุณมาริเลยบอกว่าให้ตอบตกลงไป”

“อืม ก็ตามนั้น จะได้จบๆกันไปซะที”



มื้ออาหารเที่ยงที่สุดฟ้าได้รับคำเชิญถูกจัดที่ห้องอาหารจีนของโรงแรม สุดฟ้ายังคงอยู่ในชุดสูทสากลสามชิ้นแม้มื้อเที่ยงวันนี้จะไม่ใช่งานที่เป็นทางการ เมื่อมาถึงห้องอาหารและแจ้งชื่อเจ้าชาย พนักงานตอนรับจึงพาเขาไปยังห้องส่วนตัวที่เจ้าของคำเชิญจองชื่อไว้ เปิดประตูเข้าไปเขาพบว่าเจ้าชายฟาลิฮ์นั่งรออยู่แล้ว พอฝ่ายนั้นเห็นเขาจึงลุกขึ้นยืนต้อนรับ

“ขอบคุณที่ตอบรับคำเชิญของผมครับ”

“ครับ”เขาตอบคำกลับไปสั้นๆ เป็นเชิงว่าไม่อยากพูดจายืดเยื้อ  เที่ยงวันนี้เขามาเพียงคนเดียว ปล่อยให้สเตบาสเตียนควบคุมดูแลชวิศาและเอมมิกา เพราะสองคนนั้นเย้วๆว่าจะตีกันเสียให้ได้ ฝ่ายเจ้าชายมีครบทั้งมหาดเล็กและองครักษ์ที่ยืนประจำห้องอยู่สี่มุม

ทันทีที่พวกเขานั่งลง อาหารจานแรกก็ถูกนำมาเสริฟ เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยจำพวกซาลาเปาขนมจีบ ส่วนคนที่เติมชาร้อนให้เขาผู้ติดตามของเจ้าฟาลิฮ์

“เชิญทานครับ”เจ้าของคำเชิญผายมือให้เขาลงมือทานก่อน สุดฟ้าจึงจับตะเกียบคีบอาหารเข้าปาก เขาไม่อยากคิดว่ามีการวางยาให้อาหารแบบในหนังหรอกนะ กระนั้นแวบหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ แต่เมื่อลองคิดดูดีๆการกระทำแบบนั้นจะมีประโยชน์อะไร
พอเห็นเจ้าชายเสวยพระกระยาหารจนหมดคำ เขาจึงเอ่ยปากถามขึ้นบ้าง

“ที่เชิญผมมาในวันนี้ มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ไม่เห็นต้องรีบร้อน เราค่อยๆทานและค่อยๆคุยกันไปน่าจะดีกว่า”

สุดฟ้ายังคงมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง จนเจ้าชายต้องขยับตัวทำท่ากระแอมกระไอ ชายหนุ่มไม่ได้คิดว่าตนเองมีรังสีกดดันอะไรหรอกนะ สุดฟ้าแค่รู้สึกว่าเขาไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องง้อคนอื่นให้มาคบค้าสมาคมด้วย ความต้องการที่อยากให้ผู้คนรอบกายยอมรับในตัวตนการมีอยู่ของเขา มันผ่านพ้นไปเนิ่นนานแล้ว

“คุณคงจำได้เรื่องที่เราเคยติดต่อไป”

“ครับ แล้วผมก็เคยปฏิเสธไปแล้ว”

“ครั้งนี้ผมอยากจะขอซื้อสูตรการสร้างจากคุณ”

“ผมไม่มีทั้งนั้นละครับ”พูดจบเขานิ่งมองคู่สนทนา เจ้าชายหนุ่มนิ่งทอดพระเนตรสบสายตากับเขาคล้ายลองเชิงไม่ต่างกัน  เวลาผ่านไปหลายอึดใจถึงเอ่ยขึ้นมาว่า

“ตอนอายุสิบสี่ คุณเคยส่งจรวจมิสไซลติดระเบิดนิวเคลียร์ที่คุณทดลองทำที่บ้านไปทำลายบ้านของครอบครัวสุวราลักษณ์ แต่เหตุการณ์นั้นไม่ได้เป็นข่าว ไม่มีใครตื่นตกใจ เพื่อนบ้านรอบข้างแค่แปลกใจว่าจู่ๆบ้านปูนสองชั้นหายไปอย่างไร้เสียงไร้ล่องลอยได้อย่างไร”

เจ้าชายฟาลิฮ์แบพระหัตถ์รับซองเอกสารจากคนสนิท พระองค์เทสิ่งของที่อยู่ในนั้นใส่พระหัตถ์ สุดฟ้ายังมองเห็นไม่ชัดว่าสิ่งของเหล่านั้นคืออะไรจนคู่สนทนาวางลงบนโต๊ะ รูปภาพขาวดำหลายใบที่เหมือนว่าถ่ายจากกล้องซึ่งอยู่มุมสูง เมื่อกวาดสายตามองครบทุกภาพ เขาจึงรู้ความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ

ภาพเหล่านั้นเป็นภาพนิ่งจากกล้องวงจรปิดที่มองเห็นบ้านของพี่น้องสุวราลักษณ์อยู่บนขอบของภาพ เริ่มจากลักษณะบ้านปกติ ต่อมาเป็นภาพที่มีวัตถุสีดำเคลื่อนที่มาเกาะกับหลังคาบ้าน ภาพบ้านที่เหมือนจะเป็นภาพเบลอๆ และภาพสุดท้ายคือ ณ ตำแหน่งนั้นไม่เหลือวัตถุใดอยู่อีก

เจ้าชายหยิบภาพแรกและภาพสุดท้ายขึ้นมา

“คุณทำให้บ้านหลังนั้นหายไป”

อันที่จริงมันเหลือเสาปูนบางต้นอยู่นะ แต่กล้องมันอยู่ไกลเลยมองไม่เห็น สุดฟ้าต่อให้ในใจ

“เจ้าชายรู้ได้อย่างอย่างไรว่าผมทำ อย่างที่คุณพูดไว้ทีแรก ว่าตอนนั้นผมเพิ่งอายุสิบสี่”

“ผมตรวจสอบวิถีของมิสไซลมาแล้วครับ แล้วก็ประวัติของคุณ” คราวนี้เจ้าชายรับกระดาษขนาดเอสี่อีกสามสี่แผ่นมาจากคนสนิท

“ตอนอายุแปดขวบ คุณถูกส่งไปอยู่ในห้องทดลองของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สิบขวบคุณย้ายไปอยู่ที่แสตนฟอร์ด อายุสิบสองคุณได้เข้าไปอยู่กับนาซ่า ตอนอายุสิบสี่คุณกลับไปที่ประเทศไทย อยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งปี ก่อนจะกลับมาอยู่ในห้องวิจัยของเซ็นทราเนชั่นแนล หวังว่าผมคงไม่ต้องบอกให้คุณฟังจนถึงปัจจุบันว่าคุณทำอะไร”

สุดฟ้าโคลงศีรษะรับรู้ “เป็นอันว่าผมยอมรับว่าเคยทำระเบิดนั่น แต่ตอนนี้มันไม่มีแล้ว พ่อแม่ผมริบแบบกับสูตรไปหมด พวกเขาเอาไปไว้ไหนก็ไม่มีใครรู้ หรือไม่มันก็ถูกทำลายไปแล้ว”

“แต่มันต้องอยู่ในสมองของคุณ”

สุดฟ้ามองดูท่าทีร้อนรนที่พยายามบีบคั้นเขาอย่างแปลกใจ นึกสงสัยว่าถ้าเขายังคงปฏิเสธต่อไปเรื่อยๆ พวกองครักษ์ในชุดสูทสีดำนั่นจะชักปืนออกมายิงเขาไหมนะ

“ก็ใช่ ผมไม่เคยลืมสิ่งที่ผมคิดและทดลองทำออกมาแล้ว แต่ถ้าผมบอกว่าไม่ขายให้ พระองค์จะทำอะไรผมได้”

เจ้าชายฟาลิฮ์นิ่งเงียบ ซึ่งมันเป็นจริงตามนั้น ต่อให้จับบุคคลใกล้ชิดมาเป็นตัวประกันข่มขู่ ก็คงไม่ทำให้สุดฟ้า ศิริกรเดือดร้อนหรือตื่นเต้น ตามที่คนของพระองค์สืบข้อมูลมาให้  ก็มีแต่ครอบครัวสุวราลักษณ์ที่ใกล้ชิดกับชายหนุ่มที่สุด ซึ่งครอบครัวนี้ก็ใช่ว่าจะต่อกรด้วยได้ง่ายๆ บิดามารดาของสุดฟ้าเองก็ทำงานอยู่ในองค์กรลับที่ไม่มีใครรู้จักที่ตั้ง เท่าที่รู้สุดฟ้าเองก็ได้พบหน้าพ่อแม่ครั้งสุดท้ายตอนเรียนจบปริญญาตรีที่ประเทศไทย

พระองค์ไม่มีอะไรต่อรองได้เลยจริงๆ ดังนั้นข้อความต่อไปที่พระองค์จะทรงตรัส ก็หวังว่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเห็นใจจนยอมช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์บ้าง

“คิดว่าคุณก็คงรู้จักราชอาณาจักรฮัชดาลลาร์”

“ครับ”ชายหนุ่มผงกศีรษะรับ

“ฮัชดาลลาร์เป็นประเทศที่สมบูรณ์ด้วยพืชพรรณธัญญาหารท่ามกลางพื้นที่โดยรอบซึ่งมีแต่ทะเลทราย ตั้งแต่อดีตกาลเรามักจะต้อนรับผู้คนที่พเนจรหลงทางอยู่ในทะเลทรายอยู่เสมอจนกระทั่งศิลาสารพัดนึกหายไป”
สุดฟ้าขมวดคิ้วกับคำว่า ‘ศิลาสารพัดนึก’ ที่คู่สนทนาพูดออกมา

“หลังจากนั้นป่าไม้ที่สมบูรณ์ก็เริ่มเสื่อมโทรมลงอย่างช้าๆ พวกเราจึงต้องปิดประเทศ และใช้เวลาสร้างศิลาสารพัดนึกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่เพราะประเทศรอบข้างเกิดสงครามแก่งแย่งดินแดน ประเทศของเราจึงถูกดึงเข้าไปร่วมด้วย ฮัชดาลลาร์ไม่เคยอยากต่อสู้กับใคร แต่ทุกวันนี้เราต้องสูญเสียพี่น้องในการปกป้องเขตแดน และไม่อาจรับผู้คนอพยพมากมายที่พยายามเดินทางเข้ามาในประเทศ”

“เท่าที่ฟังมา ผมยังไม่เห็นว่าสิ่งที่พระองค์ต้องการซื้อจากผมมันจะมีประโยชน์ได้อย่างไร ถ้าเจ้าชายจ้างให้ผมสร้างบาเรียหรือกำแพงที่ป้องกันการโจมตีมันน่าจะเข้ากับบคำที่พระองค์พูดเสียมากกว่า”

“ไม่ครับ เราไม่ได้ต้องการกำแพงที่ป้องกันการโจมตีจากอาวุธสมัยใหม่ เราต้องการแค่สิ่งที่มาซื้อเวลา อีกแค่ปีเดียวศิลาสารพัดนึกก็จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่ร่างทรงผู้กำกับมนตราพิทักษ์อ่อนแอลงมากจนไม่รู้ว่าเธอจะทนได้อีกแค่ไหน”

“เดี๋ยวนะ เมื่อกี้พระองค์ตรัสว่า ร่างทรงผู้กำกับมนตราพิทักษ์”สุดฟ้ารู้สึกเหมือนว่าตัวเองหูฝาด แม้จะยังคงติดใจเรื่องศิลาสารพัดนึกอยู่บ้าง แต่ข้อความที่เขาถามคือคำที่สร้างความกังขาให้เขาได้มากกว่า

“ครับ ความหมายตรงตามคำที่ผมพูด เธอเป็นคนร่ายมนต์เพื่อปกป้องความอุดมสมบูรณ์ของฮัชดาลลาร์”
สุดฟ้าไม่อยากจะเชื่อ ว่ามันจะมีสิ่งที่เรียกว่าเวทมนต์อยู่บนโลกใบนี้จริงๆนอกจากในหนังแพรี่ ฮอตเตอร์ แล้วเขาก็พึมพำออกไปเช่นนั้น

“มันค่อนข้างต่างกันอยู่ครับ”เจ้าชายแย้มพระสรวลโบกพระหัตถ์ไปมาเหนือถ้วยชาพลางขยับโอษฐ์พึมพำ และเมื่อยกพระหัตถ์สูงขึ้น น้ำที่อยู่ในแก้วค่อยๆลอยตามออกมาด้วย พอขยับพระกรน้ำที่ลอยอยู่ในอากาศก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นข้อความภาษาอังกฤษชื่อของสุดฟ้า

“คนทั่วไปเรียกมันว่าพลังจิต แต่มันคือมนตราอย่างหนึ่ง”เจ้าชายฟาลิฮ์ปล่อยให้น้ำไหลเป็นเส้นลงสู่ถ้วยชาเช่นเดิม ถึงจะยังคงตกตะลึงเพราะเหตุการณ์เมื่อสักครู่ สุดฟ้ายังคงมีสติถามในสิ่งที่สงสัย

“ในเมื่อพระองค์มีเวทมนต์ ก็ไม่น่าจะลำบากอะไร”

“มันไม่ได้ทำให้เราสะดวกสบายขนาดนั้นหรอกครับ เพราะถึงอย่างเราก็เป็นมนุษย์ พอโดนปืนยิงหรือโดนระเบิดเราก็ตายเหมือนกัน แม้ว่าฮัชดาลลาร์จะไม่ต้องใช้ทหารมากมายในการต่อกรกับสงคราม แต่ประชากรของเราก็ใช่ว่าจะมีเยอะ และไม่ใช้ทุกคนที่สามารถใช้เวทมนต์ได้”

สุดฟ้านั่งนิ่งและครุ่นคิดอย่างจริงจัง ถามว่าเขาเชื่อเรื่องเวทมนตร์ที่เจ้าชายแสดงให้ดูไหม เขายังคงรู้สึกห้าสิบห้าสิบ ในขณะที่เขาเรียนวิทยาศาสตร์ แต่เขาก็ติดการ์ตูนมากเช่นกัน อุปกรณ์หลายอย่างที่เขาคิด ดึงไอเดียต้นแบบมาจากในการ์ตูน เขาลองคิดถึงผมได้ผลเสีย และลองเสนอสิ่งที่เขาต้องการ

“ถ้าเจ้าชายอนุญาตให้ผมเดินทางไปท่องเที่ยวที่ฮัชดาลลาร์ ไม่แน่ว่าผมอาจจะตกลงก็ได้”

“ได้เลยครับ ฮัชดาลลาร์ยินดีต้อนรับ”เจ้าชายฟาลิฮ์ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด