- Only YOU...แค่คุณ - update <ตอนที่ 14> --ตอนใหม่ยังไม่มา แต่มารายงานตัว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - Only YOU...แค่คุณ - update <ตอนที่ 14> --ตอนใหม่ยังไม่มา แต่มารายงานตัว  (อ่าน 50958 ครั้ง)

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: - Only YOU...แค่คุณ - update <ตอนที่ 11.3> 16/10/16
«ตอบ #180 เมื่อ16-10-2016 16:29:48 »

อยากอ่านตอนของคุณพระเอกไวๆเลยอยากรู้ความลับง่ะ ขอบคุณที่มาต่อนะคะ

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
Re: - Only YOU...แค่คุณ - update <ตอนที่ 11.3> 16/10/16
«ตอบ #181 เมื่อ16-10-2016 17:12:40 »

คบกันแล้วเหรอ อืมมมมม มีความรู้สึกว่านี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นความวุ่นวายในอนาคตยังไงก็ไม่รู้ เหอๆ

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
Re: - Only YOU...แค่คุณ - update <ตอนที่ 11.3> 16/10/16
«ตอบ #182 เมื่อ16-10-2016 21:08:17 »

เพิ่งจะเข้ามาตามอ่าน
ค่อยๆเข้าใกล้กัน มีบรรยากาศอึนๆเบาๆ แบบรับได้ (ไม่ดราม่าแบบหน่วงตับ)
เราชอบ :o8: คอยลุ้นให้น้องยูมัดใจคุณได้อยู่หมัด +1

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: - Only YOU...แค่คุณ - update <ตอนที่ 11.3> 16/10/16
«ตอบ #183 เมื่อ16-10-2016 21:23:45 »

เร็วจัง... ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Papangtha

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: - Only YOU...แค่คุณ - update <ตอนที่ 11.3> 16/10/16
«ตอบ #184 เมื่อ16-10-2016 21:28:58 »

ทำไมรู้สึกสงสารอยู่จัง T-T
กลัวใจแทนคุณงะ
 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ treenature

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
Re: - Only YOU...แค่คุณ - update <ตอนที่ 11.3> 16/10/16
«ตอบ #185 เมื่อ17-10-2016 00:40:44 »

เราหยุดงานทุกอย่างและไม่ยอมนอนเพื่อตามเรื่องนี้ให้ทันค่ะ มันแอบหน่วงอยู่ทุกตอนเลยนะคะ

ออฟไลน์ แป้นพิมพ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เปิดบันทึกแทนคุณ
ตอนที่ 1 – อีกด้านของความรัก





“ขอโทษนะ แต่เราเลิกกันเถอะ”
“ทำไมล่ะ ผม...ผมทำอะไรผิด”


“ไม่หรอก คุณไม่ได้ผิด คนผิดคือผมเอง”
“.....................”
“ผมแค่หลอกตัวเองว่าผมรักคุณมากกว่าเพื่อนไม่ได้ ผมขอโทษ”



สองประโยคที่เฉือนหัวใจของผมออกเป็นเสี่ยงๆ อยากร้องไห้แต่น้ำตาผมไม่ไหลออกมาเลยสักนิด มันจุกอยู่ในอกได้แต่มองคนตรงหน้าด้วยดวงตาพล่ามัว ซึ่งเขาก็เอาแต่ก้มหน้าไม่เงยหน้ามาสบตาผมสักนิด
 
“ถ้าแค่ไม่รักก็เจ็บพออยู่แล้ว แต่มาให้ความหวังกันแบบนี้...แม่งโคตรเจ็บเลยโรม” ผมพูดแค่นั้นแล้วหันหลังเดินจากมา


โรม รติรมย์ รณสิทธิ์ คือผู้ชายตัวผอมบาง รูปร่างสูงโปร่งผิวขาว รูปหน้าสวยตาเรียวรีดูเอาแต่ใจตัวเอง คนๆนั้นคือเพื่อนของผม เพื่อนสนิทที่ผมคิดกับเขาเกินความสัมพันธ์นั้น

เมื่อสองอาทิตย์ก่อนเจ้าตัวเดินเข้ามาบอกกับผมว่าเรามาคบกันไหม ผมตกใจมากเพราะก่อนหน้านั้นผมเคยบอกเขาไปว่าผมรักเขาแต่เขาปฏิเสธผม ซึ่งหลังจากนั้นเราก็ยังคงความเป็นเพื่อนเหมือนเดิมอยู่ แม้ผมจะสงสัยในสิ่งที่โรมทำแต่ความดีใจมันก็บดบังทุกอย่าง ผมถึงได้ตอบตกลงเขาไป


โรมปฏิบัติกับผมเหมือนปกติจะมีแต่ผมที่คอยเซ้าซี้ คอยซื้อนั่นนี่มาให้แม้จะไม่ใช่โอกาสสำคัญอะไรก็ตาม หยอดมุกให้เราดูสวีทหวานแหวว ไปดูหนัง เที่ยว ออกเดทเหมือนคู่รัก แต่เขาไม่เคยให้ผมจับมือหรือทำอะไรเกินเลยไปกว่านั้น

จนครั้งหนึ่งที่เขาเผลอ  ผมแอบหอมแก้มแล้วถ่ายรูปเอาไว้ ตอนนั้นเขาโกรธมากแต่ผมกลับมองว่าโรมน่ารัก เขาทำอะไรก็น่ารักไปหมดในสายตาผม ทำไมผมถึงได้รู้สึกกับเขามากขนาดนั้น


คงเพราะเขาคือความประทับใจแรกของผมในช่วงนั้นล่ะมั้ง

 
ก่อนวันเปิดเทอมขึ้น ม. 1 แม่ของผมเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต ผมเศร้ามากเสียใจมาก แต่พ่อของผมกลับไม่เสียใจอะไรเลย ตอนนั้นผมโกรธพ่อมากที่พ่อทำเหมือนว่าแม่ไม่สำคัญ และผมก็เริ่มที่จะไม่พูดคุยกับพ่อ หยุดโรงเรียนหนึ่งอาทิตย์โดยการโกหกว่าป่วย แต่จริงๆผมไม่ได้เป็นอะไร ผมเริ่มเกเรและทะเลาะกับพ่อหนักขึ้น โดดเรียนจนมีจดหมายเตือนมาถึงบ้าน ครั้งนั้นเราทะเลาะกันหนักกว่าทุกๆครั้ง ทำให้ผมตัดสินใจหนีออกจากบ้าน ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าผมหนีออกมาไกลแค่ไหน ผมเหนื่อยและหิวมาก แต่ไม่มีเงินติดตัวสักบาทเลยได้แต่นั่งอยู่ตรงขั้นบันไดหน้าเซเว่นเป็นเพื่อนเจ้าตูบที่นอนหลับอยู่ไม่ไกล



ทุกครั้งที่มีเสียงประตูเซเว่นเปิดเข้าเปิดออกผมจะหันไปมองตลอด บางทีเวลาที่มีใครสักคนถือของกินออกมาแล้วยืนกินมันหน้าเซเว่นผมจะลูบปากลูบท้องตัวเองพร้อมกลืนน้ำลายหนืดลงคอด้วยความหิว ผมเริ่มแสบท้อง ตาเริ่มลาย ไม่รู้ว่าตอนนี้ที่บ้านจะออกมาตามหาผมไหม ปู่ ย่า พ่อจะเป็นห่วงผมหรือเปล่า


“นายๆ” เสียงเรียกพร้อมแรงสะกิด ประกอบกับเงาที่ทาบทับอยู่ด้านหน้าทำให้ผมเงยหน้าขึ้น เห็นเด็กผู้ชายรูปร่างผอมสูง ผิวขาวจัดยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตารีสวยดูดุของเขานั้นมองตรงมาที่ผม

“อ่ะนี่ เราให้” ผมมองตามมือของคนแปลกหน้าที่กำลังยื่นมือพร้อมถุงตราโลโก้ร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11

“หิวไม่ใช่หรอ รับไปสิ” เขาคะยั้นคะยอด้วยการเขย่ามือไปมา ผมถึงได้รับของนั้นมาโดยไม่กลัวหรอกว่าจะเป็นของที่กินไม่ได้

พอคุ้ยของในถุงก็เห็นว่าเป็นขนมปังก้อน น้ำเปล่าและนม ผมไม่ลังเลที่จะหยิบมันขึ้นมาแกะห่อแล้วกัดคำโต พร้อมกับดื่มน้ำอย่างกระหาย หลังจากที่กลืนทุกอย่างเรียบร้อยก็หันไปขอบใจเขา แต่เมื่อสังเกตดีๆก็เห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกันกับผม เพราะอักษรย่อที่ปักและตัวเลขรหัสนักเรียนที่โชว์อยู่ทำให้รู้ว่าเขาเรียนอยู่ชั้นเดียวกับผมแน่นอน


“หนีออกจากบ้านมาหรอ” เขาทิ้งตัวลงนั่งข้างผม แต่ผมไม่ได้ตอบอะไรนอกจากกินขนมปังในมือ
“หรือว่าหลงทาง”

“เรื่องของกู”
“พูดไม่เพราะเลย” เขาสวนกลับทันทีที่ผมตอบเขาไปแบบนั้น

ผมหันไปมองอีกฝ่าย เห็นเขาทำหน้าเรียบเฉยไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธเกรี้ยวหรืออะไรใส่ แต่เขายังคงจ้องผมเหมือนเดิมไม่หลบสายตาไปไหน

“จ้องหน้ากูทำไม”
“พูดไม่เพราะ”

ผมเม้มปาก มองของในมือที่เขาเป็นคนซื้อมาให้ แล้วก็มองคนตรงหน้าที่ยังคงจ้องอยู่ ถึงได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เออๆ ขอโทษ”

แล้วผมก็ได้รอยยิ้มของเขากลับมาตอบแทนหลังจากที่ผมพูดคำนั้นออกไป หัวใจของผมเต้นตึกตักอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่ผมก็สะบัดหัวไล่ความรู้สึกนั้นก่อนจะหันมาสนใจของตรงหน้าที่ยังเหลืออยู่

“ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้หรอ” เขาถามขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคราวนี้มันเป็นจุดที่ทำให้ข้างในอกของผมบีบตัว เมื่อนึกถึงเหตุผลว่าทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ ผมหยุดมือที่กำลังจะส่งขนมปังเข้าปาก แล้วหันไปมองเขาที่นั่งข้างๆ แววตาที่ดูอยากรู้ สงสัยนั้นทำให้ผมตัดสินใจพูดมันออกมา

“ทะเลาะกับพ่อ”
“ทะเลาะกันหนักมากเลยหรอ” ผมพยักหน้ารับ พลางบีบขนมปังในมือแน่น

“กูเกลียดเขา”
“พูดไม่เพราะอีกแล้วนะ” ผมหันไปมองอีกฝ่ายที่ยังมีกระจิตกระใจอบรมผม

“ขอโทษ”
“ช่างเถอะ”
“แล้วจะอยู่ที่นี่แบบนี้หรอ”
“................”
ผมไม่ได้ตอบอะไรเขา นอกจากก้มหน้ามองแค่หัวเข่าตัวเอง ผมใส่เสื้อยืดกับกางเกงบอลขาสั้นออกมาจากบ้านโดยไม่มีเงินติดตัว รู้แต่ว่าตอนที่ทะเลาะกันเสร็จผมก็วิ่งออกมาโดยไม่ได้มองทาง เดินมาเรื่อยๆ ข้ามคลอง ข้ามสะพานลอย ตัดสวนสาธารณะ ข้ามถนน มากี่แยกไม่ได้จำ


“ไปบ้านเราก่อนก็ได้ แล้วก็ค่อยโทรกลับไปที่บ้าน”
 
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างลังเล แต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นยืนตามเขา พอยืนขึ้นก็รู้ว่าผมสูงกว่าเขานิดหน่อยและติดจะตัวหนากว่าเขาด้วย



ระหว่างทางที่เดินเข้าไปในซอยบ้านเขา เขาก็แนะนำตัวกับผมทำให้ผมรู้จักกับเขาในนามของ โรม รติรมย์ รณสิทธิ์ และเมื่อผมแนะนำตัวเองบ้างและพอเขารู้ว่าเราอยู่โรงเรียนเดียวกัน เขาถึงได้หันมาดุผมที่ไม่ยอมไปเรียน ผมถึงได้รู้ว่าเขาอยู่ห้องเดียวกับผม พอผมมาถึงบ้านของเขา ก็รับรู้ได้ทันทีว่าบ้านของโรมนั้นใหญ่อย่างกับวัง แต่พอได้เข้ามาในบ้านแล้วจริงๆถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่แค่ความคิด เพราะมันคือวังจริงๆ

บ้านรณสิทธิ์หรือครอบครัวของโรมนั้นอาศัยอยู่ในรั้วของวังเทพากร ทันทีที่โรมกดกริ่งแล้วมีคนเดินออกมาเป็นคุณน้าผู้หญิงที่วิ่งมาเปิดประตูให้ พอเขาเห็นโรมก็ร้องเรียกคุณลุงอีกคนที่วิ่งกระหืดกระหอบมา

“คุณโรมครับ ทำไมหนีกลับมาก่อนล่ะครับ ลุงหาจนทั่วเล่นเอาตกใจแทบแย่ นี่คุณผู้ชายกับหม่อมแกเป็นกังวลมากเลยนะครับ”
“ขอโทษครับลุงจั่น พอดีโรมอยากลองกลับเอง”

การสนทนาที่ได้ยินทำให้ผมรู้เหตุผลที่โรมดุเวลาที่ผมพูดไม่เพราะแล้ว มันเป็นเพราะพื้นฐานครอบครัวของเขานี่เอง ผมมารู้ตอนหลังว่า แม่ของโรมมีเชื้อเจ้าเป็นถึงหม่อมราชวงศ์ แต่มาแต่งงานกับคุณพ่อของโรมที่เป็นเพียงนายแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งเท่านั้น


ผมนั่งเกร็งอยู่ภายในบ้านของโรมเมื่อเจอกับแม่ของเขา ท่านซักถามผมเล็กน้อยก่อนจะปล่อยให้ผมได้คุยเล่นกันกับโรมตามลำพัง โรมพาผมไปเดินดูนั่นนี่รอบๆบ้าน แต่ไม่ได้ข้ามไปถึงบ้านหลังอื่นที่เป็นส่วนของวังเทพากร

“แล้วคุณไม่คิดจะหายโกรธพ่อบ้างหรอ” โรมถามในขณะที่เรามาหยุดนั่งพักอยู่ในสวนกล้วยไม้ที่พ่อของโรมชื่นชอบเป็นพิเศษ

“ไม่”
“ทำไมล่ะ” ผมเงียบไม่ตอบ  โรมถึงได้ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

“เราจะเล่าอะไรให้ฟัง ตอนประมาณ 8 ขวบเราเล่นกับพี่สาวของเราอยู่ แล้วทีนี้พี่ก็ทำของเล่นของเราพังโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เราโกรธพี่มาก แล้วเราก็ตบหน้าพี่เราไปอย่างแรงแต่เราก็ไม่ยอมขอโทษเพราะเราไม่ตั้งใจ ตอนนั้นเราเลยขังตัวเองในห้องเพราะโกรธพี่ที่ทำของเราพัง และโกรธตัวเองที่ตบหน้าพี่ไป ตอนนั้นท่านตาเรามาหาพอดีเลยรู้เรื่องเข้า ท่านก็มาหาเราที่ห้องเราร้องไห้แล้วบอกว่าเราไม่ได้ตั้งใจที่ทำกับพี่ไปแบบนั้น ท่านตาก็เลยสอนเราว่าต้องให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา รับฟังในสิ่งที่อีกคนต้องการบอก หัดเป็นคนใจเย็นคิดให้มากๆอย่าเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งและถ้าพอจะให้อภัยกันได้ก็ทำถ้าเรายังเห็นว่าเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่”

ผมถอนหายใจออกมาหลังจากฟังโรมพูดจบ

“กู....เอ่อ  ผม.....ไม่รู้จะเริ่มยังไง”
“ไม่ต้องเล่าให้ฟังก็ได้นะ ถ้าไม่อยากเล่า” เขายิ้มให้พร้อมกับตบเบาๆบนมือของผม



วันนั้นก็คือจุดเริ่มต้นความรู้สึกเล็กๆในใจของผมที่มีต่อโรม ผมเล่าเรื่องของผมให้โรมฟังเกือบทุกเรื่อง ทุกครั้งที่ไม่สบายใจผมก็มักจะเล่าให้เขาฟัง โรมจะกลายเป็นคนแรกเสมอที่ผมจะนึกถึงในยามที่มีปัญหา สำหรับวันนั้นผมกลับบ้านโดยที่ลุงจั่นคนขับรถที่บ้านโรมไปส่งผมที่บ้าน ไปๆมาๆก็กลายเป็นว่าบ้านผมกับบ้านโรมสนิทกันขึ้นมาเสียอย่างนั้น


สาเหตุที่ผมทะเลาะกับพ่อในครั้งนั้นมันมีจุดมาจากการที่พ่อกล่าวหาว่าแม่คบชู้ บ้านผมมีพี่น้องสามคน ผมเป็นลูกคนกลางและค่อนข้างสนิทกับแม่มาก แม่ผมจะชอบเล่นดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ แกจบมาจากดุริยางคศิลป์และเคยเป็นนักร้องอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะมาเจอกับพ่อ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปทำงานเพราะมาดูแลกิจการโรงแรมและนำเข้าอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์แทน

วันนั้นหลังจากที่แม่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตทางรถยนต์ ผ่านไปได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ผมก็ไปได้ยินพ่อคุยกับน้าฤดีน้องสาวของแม่ผม แล้วมันเป็นวันเดียวกันกับการที่ผมไม่ไปโรงเรียน ผมแอบฟังอยู่นานได้ยินทุกประโยคที่ทั้งพ่อและน้าฤดีคุยกัน


“พี่ฤทัยไม่น่ามาเจอคนอย่างคุณเลยจริงๆ กล้าได้แม้กระทั่งจัดฉากฆ่าเมียตัวเอง”
“หยุดพูดจาพล่อยๆกล่าวหาผมนะ ฤดี ผมจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ ก็คุณคิดจะหุบโครงการที่พี่สาวฉันเพิ่งจะลงทุนให้มาเป็นชื่อของคุณคนเดียวน่ะสิ”
“ฉันจะทำแบบนั้นทำไม ในเมื่อเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ฤทัยใช้มันก็เงินของกฤติดำรง”
“ก็เพราะคุณมันโลภไง”
“ใครกันแน่ที่โลภ ไม่ใช่พี่สาวเลวๆของเธอกับชู้ของมันหรือไง”
“คุณก้องเกียรติ คุณอย่ามาใส่ความพี่สาวฉันนะ พี่ฉันไม่ได้คบชู้”
“แล้วเธอมีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าพี่เธอไม่คบชู้ฤทัย ฉันให้คนตามสืบมาหมดแล้ว”
“โกหก แกมันหน้าตัวเมีย ใส่ความพี่สาวฉันเสียๆหายๆ ฉันจะฟ้องร้อง!”
“เชิญ อยากจะทำอะไรก็เชิญ และอย่าคิดจะมากอบโกยอะไรจากครอบครัวฉันอีก”
“แล้วจะได้เห็นดีกัน”



น้าฤดีหุนหันออกจากบ้านไปโดยไม่ได้สังเกตเห็นผมที่ยืนเกาะราวบันไดอยู่ไม่ไกลจากห้องรับรองแขกที่แยกส่วนออกมาจากห้องทำงานของพ่อ พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่แล้ว ผมก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องนั้นทันที เห็นพ่อกำลังนั่งกุมขมับอยู่แต่ผมไม่ได้สนใจท่าทางนั้นของพ่อเลยสักนิด

“เกิดอะไรขึ้นครับพ่อ”

“แทนคุณ...ทำไมวันนี้ไม่ไปโรงเรียน”
“พ่อบอกมาก่อนว่าที่พ่อคุยกับน้าฤดีคืออะไร”

“เรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกี่ยว” พ่อพูดเสียงแข็งพร้อมมองมาด้วยสายตาคมดุ
“แล้วทำไมแกไม่ไปโรงเรียน”
“ผมไม่สบาย” ผมโกหกทันควัน ก่อนที่พ่อจะลุกขึ้นตบโต๊ะดังปัง

“แกอย่ามาโกหก เมื่อวานนี้มีจดหมายจากทางโรงเรียนบอกว่าแกไม่ไปเรียนเกือบทั้งอาทิตย์ เขาจะเชิญฉันไปคุยที่โรงเรียนอยู่วันมะรืน”

“ผมไม่อยากไปนิ ผมเบื่อ ผมจะไม่เรียน”
“แกอย่ามางี่เง่า แทนคุณ”
“ทำไมผมจะงี่เง่าไม่ได้ ผมคิดถึงแม่ ผมไม่มีกระจิตกระใจจะไปเรียนหรอก” ผมตอบกลับพร้อมกับมองพ่อตาเขียว

“คนตายไปแล้วเขาไม่รู้หรอกว่าแกคิดถึง ถ้าเขารักแกจริงเขาก็คงไม่หนีตามชู้ไปจนตายพร้อมกันหรอก”
“พ่อโกหก แม่ไม่ได้หนีตามชู้ พ่อใส่ร้ายแม่”
“ฉันไม่เคยโกหก”
“ผมไม่เชื่อ ไม่เชื่ออะไรพ่อทั้งนั้น”
“เออ ไม่เชื่อก็เรื่องของแก แต่ฉันจะบอกแกไว้เลยว่าที่แม่แกตายน่ะ เพราะมันหนีไปกับชู้”

“พ่อเกลียดแม่ พ่อเลยใส่ร้ายแม่ ผมเกลียดพ่อ เกลียดพ่อ!!”

“เสียงดังเอะอะอะไรกันตาก้อง ดังไปถึงเรือน.......”


ผมวิ่งออกจากห้องทำงานของพ่อทันที โดยไม่ได้มองว่าปู่กับย่ากำลังเดินเข้ามา ผมไม่สนว่าจะมีเสียงดังโวกเวกตะโกนเรียกชื่อหรืออะไรทั้งนั้น ความรู้สึกทุกอย่างมันมืดมัวสำหรับผมไปหมด จนผมได้เจอกับโรมก็เหมือนว่าหัวใจของผมมันดีขึ้นมา


สำหรับเรื่องของแม่ผมมารู้ความจริงเอาตอนม. 2 พ่อของผมพูดถูกทุกอย่าง แม่ผมมีชู้ ท่านแอบคบกับนักดนตรีกลางคืนคนหนึ่งหลังจากที่มีน้องเจ้าขาได้แค่ 5 ขวบ และก็แอบมีความสัมพันธ์ลับๆ ช่วงนั้นพ่อไม่ค่อยอยู่เมืองไทยเพราะเอาแต่ทำธุรกิจที่กำลังเติบโตอยู่ในต่างประเทศ จนเมื่อแม่เริ่มรู้สึกว่าชีวิตของแม่ไม่มีความสุขเอาเสียเลย

แม่ถึงได้ขอไปทำการลุงทุนธุรกิจที่อื่นหลังจากนั้น โดยที่พาชู้ของแม่ไปด้วย แม่กำลังทำการลงทุนที่ทางใต้ กำลังตั้งใจอยากจะเปิดธุรกิจร้านอาหาร สปาและแหล่งบันเทิงอื่นๆ เขาเริ่มคุยกันเรื่องที่ทางและโครงการ ตอนที่พ่อกลับมาล่าสุดช่วงที่ผมอายุ 11 และอีกไม่นานจะขึ้นม. 1 พ่อก็เริ่มให้คนออกตามสืบเรื่องของแม่เพราะแม่เริ่มขาดการติดต่อ

หลังจากนั้น อาจจะเป็นคราวซวยจริงๆ ในคืนหนึ่งหลังจากเลิกงานปาร์ตี้ช่วงกลางดึก แม่ผมที่ไปกับชู้รักของท่าน รถเกิดเบรกแตกพุ่งชนกับรถพ่วงทำให้แม่และชู้รักของเธอเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุพร้อมกับลูกในท้องของแม่

ตอนนั้นแม่เตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว แม่ตั้งใจที่จะหย่ากับพ่อ น้าฤดีเลยเข้าใจว่าพ่อเป็นคนจัดฉากฆาตกรรมแม่ แต่ผลสรุปไม่เป็นไปตามที่น้าฤดีตั้งข้อสงสัย เมื่อตำรวจทำการสืบสวนจนพบหลักฐานและคนร้ายตัวจริงว่าทุกอย่างไม่ใช่ฝีมือของพ่อ แต่เป็นฝีมือของแฟนสาวของชู้ที่แม่กำลังคบหาอยู่ด้วยที่เกิดแค้นในตัวของผู้ชายคนนั้นหลังถูกบอกเลิก

มันเป็นโศกนาฏกรรมความรักที่ผมไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตครอบครัวของผม ถามว่าผมให้อภัยแม่ไหม ก็ไม่ทั้งหมดหรอกแต่ก็ไม่อยากจะผูกเวรผูกกรรมกัน ผมเลยอโหสิกรรมให้แม่ แต่กับพ่อผมก็ไม่ได้คุยด้วยเท่าไหร่ เพราะพ่อก็ยังคงเหมือนเดิม งานมักจะมาก่อนครอบครัวเสมอ



และผมก็คิดว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคงกำลังดีขึ้นแล้ว แต่ผมก็คิดผิด

ผมมีพี่ชายหนึ่งคนอายุห่างกัน 4 ปี เขาเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันกับผม เป็นคนเรียนเก่ง กิจกรรมก็ดี หน้าตาก็หล่อ เป็นที่รักและที่ภาคภูมิใจของตระกูลมาก พี่ผมชื่อเป็นหนึ่ง หรือพี่หนึ่งของน้องๆ พี่หนึ่งเป็นพี่ชายใจดี พูดเพราะและอ่อนโยนกับน้องๆเสมอ ตอนเด็กๆผมติดพี่หนึ่งมากไม่ต่างกับน้องเจ้าขาที่อายุห่างกับผม 2 ปี ทั้งผมและเจ้าขามักจะชอบแข่งกันอ้อนพี่หนึ่ง บางทีก็แข่งกันเอาใจพี่หนึ่งตลอดเวลา

จนเมื่อเริ่มโตขึ้น ผมที่มักจะถูกเปรียบเทียบกับพี่หนึ่งอยู่บ่อยๆก็เริ่มมีอคติในใจ ผมเริ่มที่จะไม่ชอบพี่หนึ่ง ไม่อยากเป็นเหมือนเขา ยิ่งมีเรื่องที่ทะเลาะกับพ่อเข้ามาเกี่ยวข้องอีกผมก็ยิ่งเริ่มต่อต้าน แม้ว่าผมจะเรียนดีแค่ไหน ผมก็จะพยายามไม่ทำมัน พี่หนึ่งบอกว่าจะเรียนทางด้านวิศวะเครื่องมือแพทย์ เพราะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ทางบ้านทำอยู่ แต่พ่อบอกว่าอยากให้เรียนเป็นหมอมากกว่า พี่หนึ่งก็ไม่ขัด ส่วนผมเขาวางไว้ให้อยากเรียนบริหารเพื่อมาดูแลธุรกิจทางด้านโรงแรม แต่ผมไม่ได้สนใจสักนิด ผมถึงได้พยายามแหกคอกตลอด

โรมบอกว่า ถ้าผมชอบทำอะไรแล้วสบายใจให้ผมทำ ผมถึงได้ชอบที่จะว่ายน้ำ เล่นบาสฯ เตะบอล หรือเล่นดนตรี โดยเฉพาะกีต้าร์ที่ผมชอบมาก ผมอาจจะได้เชื้อแม่มาเยอะผมถึงได้ชอบที่จะเป็นศิลปินมากกว่านักธุรกิจ ตอนเด็กๆแม่มักจะชวนผมร้องเพลงและเล่นเปียโน  บางทีก็พาไปถ่ายรูปก่อนที่จะมีเรื่องนั้นที่แม่ไม่ค่อยได้กลับบ้าน


ออฟไลน์ แป้นพิมพ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ส่วนเรื่องนั้นมันเกิดขึ้นตอนไหนไม่รู้ ผมมารู้เอาหลังจากวันที่ผมกับโรมมีปากเสียงกันในวันที่เขามาบอกเลิกจากการเป็นแฟนระหว่างผมกับเขา ผมโมโหตัวเองมากที่ไม่เคยสังเกตมาก่อนหน้านี้ โรมที่มักจะชอบถามเรื่องพี่หนึ่งกับผม แต่ผมก็มักจะเงียบบ้างตอบบ้างแต่ไม่ได้เอะใจอะไร หรือโรมที่มักจะมองตามพี่หนึ่งเวลาที่เขาเดินผ่าน และไม่รู้ว่าโรมชอบหายไปช่วงหลังพักทุกครั้งเพราะอะไร จนกระทั่งพี่หนึ่งเรียนจบออกไปแล้ว

จากวันนั้นมันผ่านไปเกือบอาทิตย์ ในช่วงเย็นหลังเลิกเรียนวันหนึ่ง ผมเห็นโรมทำตัวแปลกๆ เหมือนกังวลอะไรสักอย่าง เขาคุยโทรศัพท์กับลุงจั่นได้ยินแว่วๆว่าไม่ต้องมารับ และโรมก็รีบเดินออกจากโรงเรียนทันทีที่หมดคาบสุดท้าย

ผมแอบสะกดรอยตามโรมไปจนพบว่าเขา แอบนัดเจอกับพี่หนึ่ง โดยที่พี่หนึ่งมารับ ตอนนั้นพี่หนึ่งได้รถยนต์เป็นของขวัญที่สอบติดคณะแพทย์จากคุณปู่และได้คอนโดใกล้มหาวิทยาลัยจากคุณพ่อ ผมโบกแท็กซี่ให้ขับตามรถของพี่หนึ่งไปจนมันมาหยุดลงที่คอนโดของพี่หนึ่ง ผมเริ่มเดาอะไรได้เรื่อยๆมากขึ้น

เมื่อเห็นโรมลงมาจากรถของพี่หนึ่งและกำลังยิ้มให้กับอีกคน มือทั้งสองคนกำลังจับจูงกันและโรมก็กำลังหัวเราะขำเมื่อพี่หนึ่งพูดอะไรสักอย่างออกมา ผมได้แต่ยืนกำหมัดแน่น ตัวสั่นไปด้วยความรู้สึกโกรธ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำแบบนี้กับผม โรมหลอกใช้ความรู้สึกของผมเพื่อเรื่องนี้อย่างนั้นหรอ


ผมไม่รอช้ารีบเดินตามเขาเข้าไปข้างใน แจ้งความประสงค์ที่เค้าน์เตอร์ เมื่อรู้ว่าผมเป็นน้องชายของพี่หนึ่งก็ปล่อยผมขึ้นไปข้างบน ผมเคยมาที่นี่อยู่ครั้งสองครั้งจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาห้องของพี่หนึ่งเจอ พอมาถึงผมก็กดกริ่งที่หน้าห้องและคนที่มาเปิดประตูก็คือพี่หนึ่ง

“มาได้ยัง...”

ผลัวะ!!

“แทนคุณ” เสียงโรมดังขึ้นมาข้างหลังพี่หนึ่งที่ลงไปนั่งกองที่พื้น ผมมองโรมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา แต่มันกลับไม่ไหลออกมา ผมหันหน้าหนี แล้วเดินออกมาจากห้องพักของพี่หนึ่ง ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตามมา

“แทนคุณ หยุดนะ...หยุดเดี๋ยวนี้”

ผมไม่สนและเดินไปเรื่อยๆ จนโรมวิ่งมาตัดหน้าผม เขาผลักอกผมแรงๆให้หยุดเดิน ผมเซไปนิดหน่อย พลางมองเขาด้วยความสับสนปนเสียใจ

“ฟังกันก่อนสิ”
“จะหลอกอะไรกูอีก”

“แทนคุณ”  ตาคู่สวยที่ผมชอบมองว่ามันไม่ได้ดุอย่างที่เห็นแต่มันแฝงไปด้วยความอบอุ่นและใจดีของโรมกำลังคลอไปด้วยน้ำตา ผมอยากจะดึงเขาเข้ามากอดแต่ว่าผมก็ไม่ทำ ในใจของผมกำลังบีบรัดรุนแรง พร้อมที่จะระเบิดอารมณ์ออกมาได้เสมอ

“คุยกันก่อนนะ” โรมไม่รอฟังคำตอบ เขาลากผมไปทางบันไดหนีไฟทันทีหลังจากพูดจบ

“ผมขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจหลอกคุณจริงๆ”
“งั้นก็คงเห็นว่าผมโง่มากเลยสินะ” ผมถามเขากลับไป แค่ตอนที่เขาบอกว่าขอเลิกกับผม มันก็เจ็บพอแล้วแค่การไม่รักกันและมาให้ความหวังกันแบบนั้น แต่นี่เหมือนผมเป็นไอ้โง่ตัวหนึ่งที่สั่งให้หันซ้ายก็ไปสั่งให้หันขวาก็ทำ

“ไม่ใช่....ผมผิดเอง คุณ....ผมไม่น่าคิดอะไรโง่ๆแบบนั้น”
“บอกให้ไอ้โง่คนนี้ฉลาดทีสิโรม....มันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“คุณ....”
“โรมไปคบกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่!” ผมตะคอกออกไปเสียงดัง โรมสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมน้ำตาไหลพราก

“ผมรักพี่หนึ่งมานานแล้ว แต่พี่หนึ่งบอกว่าผมไม่ได้รักเขา ผมเลยหาทางพิสูจน์ว่ามันจริงหรือเปล่า”
“ด้วยการมาหลอกคบกับกูน่ะหรอ” ผมชกไปข้างกำแพงเต็มกำลัง ตัวสั่นไปด้วยอารมณ์ที่สุมรอการระเบิด

“มึงทำได้ยังไง โรม มึงทำกับกูแบบนี้ได้ยังไง”
“ผม......”
“ตอบกูทีโรม ถ้าไม่มีมันมึงจะรักกูไหม”
“...............” โรมเงยหน้ามองผม น้ำตาของเขาไหลออกมาเป็นทาง ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ

“ขอโทษ”

ปัง! ทุบกำแพงอีกครั้งด้วยความโมโห

“ทำไมว่ะ ทำไม!”
“ผมขอโทษ”

ผมเงยหน้ามองโรมอีกที ในหัวตอนนี้ของผมมีความคิดสับสนปนเปกันไปหมด คนที่ผมไว้ใจมากอย่างโรมทำไมต้องหักหลังผมด้วย ทำไมต้องทำร้ายผมขนาดนี้


“ผมขอโทษคุณ”
“.................”

ผมจ้องลึกไปในตาเขา แววตาที่เอ่อล้นเต็มไปด้วยน้ำตา มันจริงใจแค่ไหนกัน

“ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“..............”

ผมไม่อยากได้ยินเสียงของเขาเลย ผมไม่อยากเชื่อเขาอีกต่อไปแล้ว

“คุณ........อุ๊บ!”


ผมกระชากโรมเข้ามาหาตัวพร้อมประกบปากแนบลงไป ริมฝีปากของโรมเม้มแน่นป้องกันไม่ให้ผมรุกราน พร้อมกับที่เขาดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากการกอดรัดของผม

“อย่า....คุณ! หยุดนะ” ผมไม่ฟังเสียงนั้น นอกจากซุกหน้าขบกัดลงไปที่ซอกคอของโรมอย่างคนขาดสติ

“คุณ.................”

แควก!

ผมฉีกเสื้อของโรมจนกระดุมขาดแล้วเลื่อนตัวลงต่ำทำร้ายร่างกายเขา โรมได้แต่ทุบลงมาที่ไหล่ของผม ตัวสั่นเทิ้มก่อนที่เขาจะหยุดอยู่นิ่งๆ แล้วปล่อยให้ตัวเองสะอื้นจนตัวโยน

“ถ้า...ถ้ามันทำให้หายโกรธจริงๆ ก็ทำเถอะ แต่หลังจากนั้นเราคงเป็นได้แค่คนเคยรู้จักกันเท่านั้น”

จบคำพูดของโรม เหมือนเขาดึงสติของผมกลับมา ผมปล่อยเขาที่ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ผมมองภาพนั้นแล้วก็ได้แต่หันหลังให้ เงยหน้าขึ้นมองเพดานหวังให้น้ำตามันไหลคืนกลับไปแต่ก็เปล่าประโยชน์

“ผมรักโรมนะ รักมากด้วย”
“ขอโทษจริงๆ คุณ.....แต่ผมไม่อยากหลอกคุณอีกแล้ว”



นั่นคือคำพูดสุดท้ายของโรมในวันนั้นก่อนที่เราจะห่างกันไปเกือบอาทิตย์ ผมยังคงไปโรงเรียนเพียงแต่เราไม่ได้พูดคุยอะไรกันเหมือนเก่า จนหลังจากนั้นผมก็เห็นว่าโรมดูเศร้าลงอย่างผิดปกติ มารู้ตอนหลังว่าพี่หนึ่งบอกเลิกกับโรม ผมโกรธพี่หนึ่งมากที่ทำให้โรมเสียใจ แต่ก็โกรธตัวเองไม่ต่างกัน ผมถึงได้ทำตัวหน้าด้านเดินเข้าไปหาโรม ซึ่งเขาก็ร้องไห้ให้ผมเห็นอีกครั้ง

เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม และโรมก็ไม่อยากให้ผมรอคอยเขาแบบไร้จุดหมาย โรมถึงได้พยายามให้ผมเปิดใจที่จะรับคนอื่นพิจารณาดูบ้าง เขาไม่อยากให้ผมตัดโอกาสในชีวิตตรงนั้น ผมอยากจะบอกกับโรมเหมือนกันว่า เขาควรจะบอกตัวเองแบบนั้นเหมือนกัน แต่ผมก็ทำตามที่โรมบอกถ้ามันจะทำให้เขาสบายใจและยิ้มขึ้นมาได้

ผมเริ่มคุยกับคนอื่นมากขึ้น เข้าสังคมในอีกโลกหนึ่งที่ผมไม่คิดว่ามันจะช่วยให้ผมเปิดใจได้แต่ผมก็ลองทำดูเพราะมันทำให้ผมหายเหงาได้จากอาการคิดถึงโรมได้บ้าง หลังจากนั้นอีก 2 เดือนโรมดูดีขึ้นเป็นลำดับ เขายิ้มมากขึ้นเมื่อเห็นว่าผมมีเพื่อนมากขึ้นและพอขึ้น ม. 6 ช่วงที่เราต้องเลือกว่าจะเรียนต่อที่ไหน ผมก็คุยกับโรมเรื่องนี้ เราก็ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนบรรยากาศจากที่เดิมมาอยู่ต่างจังหวัดแทน ซึ่งโรมเองก็ให้เหตุผลกับผมว่าเขาจะได้ทำใจด้วยเหมือนกัน



ในโลกโซเชี่ยล ผมมีเพื่อนที่ไม่รู้จักมากมายช่วงเวลานั้นทำให้ผมสนุกกับตัวเองได้อย่างเต็มที่ เป็นตัวเองในแบบที่เป็น และผมก็ยังสามารถสร้างโลกของผมกับคนที่ผมรักได้อีกด้วย ผมเพิ่งรู้จากน้องเจ้าขา น้องสาวของผมว่าสมัยนี้เขาไม่รังเกียจเรื่องรักร่วมเพศแล้ว น้องเจ้าขาชอบมาแซวผมทุกครั้งเวลาที่ผมอยู่กับโรม ไม่รู้หรอกนะว่าน้องสาวผมรู้อะไรมากน้อยแค่ไหน แต่การจิ้นในรูปแบบนั้นก็ทำให้ผมมีความสุขได้เหมือนกัน

ผมยอมรับว่าผมยังไม่เปิดใจให้ใคร เพราะผมรู้สึกเจ็บช้ำกับเรื่องความรักมาอย่างหนัก ผมบอกตรงๆว่าผมกลัว ผมเลยเลือกที่จะรอโรมต่อไปแบบนี้ อย่างที่รู้ว่าโรมไม่มีทางเลือกผม เขาพร้อมเสมอที่จะยกผมให้กับใครก็ได้ที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของผม ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มรับกับโชคชะตานั้นของตัวเอง



และจุดเปลี่ยนนั้นมันก็มาอย่างที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน


ในวันที่พ่อเข้ามาในห้องผม นานมากแล้วที่พ่อเข้ามาหาผมเองถึงที่ห้อง พ่อที่เอาแต่ทำงานไม่ได้สนใจว่าผมต้องการอะไร ชอบหรืออยากทำอะไร พ่อที่คอยแต่จะขีดเส้นให้ลูกเดินไปตามทางที่เขากำหนด


ผมที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เห็นพ่อกำลังยืนอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ที่เปิดค้างเอาไว้ กีต้าร์โปร่งของรักของผมวางพิงอยู่ข้างโต๊ะคอมฯ พ่อหันมาหาผมพร้อมชี้นิ้วไปที่หน้าจอคอม


“นี่อะไร”
“คณะที่ผมจะเรียน” ผมตอบพ่อไปด้วยท่าทางสบาย เพราะผมไม่จำเป็นต้องโกหกอะไรในเมื่อพ่อเห็นอยู่แล้วว่าผมเปิดหน้าคณะของมหาวิทยาลัยที่ผมจะสอบเข้า

“แกต้องลงบริหาร”
“แต่ผมไม่ได้อยากเป็นเหมือนพ่อ” ผมสวนกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ พลางทิ้งตัวลงนั่งที่ปลายเตียง

“แล้วไง แกอยากออกไปเต้นกินรำกินเหมือนชู้แม่แกหรือไง”
“พ่อจะพูดถึงคนที่ตายไปแล้วแบบนี้ได้ไง ให้เกียรติคนอื่นเขาบ้างสิ”

“แล้วที่แกทำอยู่ตอนนี้ให้เกียรติคนที่ยังอยู่แบบฉันบ้างไหม” ผมไหวไหล่ ก็ในเมื่อผมแทบไม่ค่อยได้คุยกับพ่อเลยด้วยซ้ำ

“แทนคุณ ฉันสร้างทุกอย่างเอาไว้ก็เพื่อให้พวกแกทั้งสามคน แกจะมองไม่เห็นคุณค่ามันบ้างหรือไง”
“พ่อเคยถามบ้างไหมว่าผมต้องการสิ่งที่พ่อสร้างหรือเปล่า”

“ได้ ถ้าแกต้องการแบบนี้” พ่อพยักหน้า ดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างแต่ไม่ใช่ ผมประเมินพ่อตัวเองต่ำไป

“ฉันไม่เคยบังคับให้แกเลิกเล่นดนตรีบ้าบออะไรพวกนี้ แกอยากทำอะไรฉันตามใจทุกอยากขอแค่ให้แกมาสานต่อสิ่งที่ฉันสร้างขึ้นมาก็เท่านั้น แต่ในเมื่อแกสนใจมันมากนัก ฉันก็ไม่เห็นความจำเป็นที่แกจะต้องพึ่งพามัน”


พ่อหันหลังแล้วหยิบกีต้าร์ตัวโปรดของผมขึ้นมาก่อนจะฟาดมันลงกับพื้นแรงๆ

“พ่อ!!!”

“แกจะต้องลงเรียนบริหารเท่านั้นแทนคุณ” พูดจบพ่อก็เดินออกจากห้องปิดประตูตามหลังดังปัง


ในเวลานั้นผมไม่รู้จะทำยังไงดี ผมเจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้ อยากจะหนีออกจากบ้านแต่มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อมันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้องเลย  ผมได้แต่มองกีต้าร์ตัวโปรดที่พังลงต่อหน้าต่อตาจากฝีมือของคนที่ให้กำเนิดผม ผมได้แต่กัดฟันแน่นระงับอารมณ์ที่เดือดพล่านอยู่ในอก ก่อนจะถอนหายใจออกมา

ผมตัดสินใจหยิบไอโฟนขึ้นมาถ่ายรูปกีต้าร์ตัวนั้น และเลือกที่จะแชร์ความเจ็บปวดของผมให้กับคนอื่นๆ เป็นการระบายความอัดอั้นที่ผมมีอยู่ในตอนนี้ ผมไม่อยากเอามันไปลงที่ใครก็ตามอีกแล้ว ผมถึงเลือกที่จะพึ่งโซเชี่ยลแทน ในเมื่อชีวิตของผมก็ไม่มีอะไรที่เป็นของผมจริงสักอย่าง ไม่ว่าจะความรักจากแม่ ความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่ได้จากโรม แม้กระทั่งความฝันของผมที่กำลังโบยบิน


ทางออกสุดท้ายเลยมีเพียงโลกที่ผมสร้างมันขึ้นมา

ผมอัพโหลดภาพนั้นลงในอินสตาแกรมที่ผมมักจะใช้เก็บความทรงจำระหว่างผมกับโรมโลกที่ผมจะมีโรมอยู่ในนั้น และแชร์ไปยังเฟซบุ๊คโลกที่ผมจะได้ทำในสิ่งที่ผมอยากจะทำ


ผมนั่งจมอยู่ในความเจ็บปวดมองหน้าจอคอมพิวเตอร์หลังจากที่วางไอโฟนไว้ข้างๆกัน ผมเลื่อนเม้าส์กดปิดหน้าต่างเว็บไซต์ของคณะที่อยากจะเข้า ใบสมัครสอบตรงที่ได้มาจากตอนไปค่ายสอนศิลป์เพื่อน้องก็คงต้องพับเก็บไว้แล้วเลือกดูรายละเอียดของคณะบริหารที่พ่ออยากให้เข้าแทน

หลังจากเรียนจบผมจะเลือกเดินในทางของผมโดยที่ไม่ให้ใครมาบ่งการได้อีก ผมจะต้องยืนด้วยตัวเอง ต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้ พอได้ศึกษารายละเอียดต่างๆของคณะที่จะต้องเรียนเรียบร้อย ผมก็ทำการปิดหน้าจอแล้วเปิดเข้าเว็บเฟซบุ๊คแทน มีคนเข้ามากดไลค์และคอมเม้นต์มากมายบนสเตตัสของผม


ผมไล่อ่านไปเรื่อยๆ มีแต่คนเข้ามาถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมก็เลือกที่จะไม่ตอบอะไร กำลังจะปิดหน้าต่างเฟซบุ๊คแล้วหากไม่มีคอมเม้นต์หนึ่งเด้งขึ้นมาเสียก่อน

บะหมี่ เกี๊ยว สู้ๆนะ เราจะทำความฝันให้นายเอง

ผมมองข้อความนั้น ก่อนที่จะรู้สึกว่าตัวเองกำลังยิ้ม เขาคนนี้เป็นคนเดียวที่ไม่ได้คอมเม้นต์ถามอะไรผม นอกจากให้กำลังใจและยังจะเอาความฝันของผมไปเป็นของตัวเองเสียแบบนั้น

เขาเป็นคนแบบไหนกัน

ผมเลื่อนเม้าส์จิ้มไปที่การตอบกลับคอมเม้นต์นั้นพร้อมพิมพ์ไปว่า

TK Krittidumrong ขอบคุณครับ ผมฝากด้วยนะ

แต่ก่อนที่จะปิดเฟซบุ๊คออกจากระบบ ผมทำการจิ้มเข้าไปที่หน้าเฟซฯของเขา แต่ไม่ได้อะไรมากมายเนื่องจากเขาไม่ค่อยอัพเดทอะไรเท่าไหร่ มีสเตตัสเพ้อๆอะไรสักอย่างที่มาพร้อมกับแฮชแท็กคำว่า YOU บางทีก็เป็นวิดีโอเพลงที่แชร์มาจากยูทูบบ้าง เขาไม่มีรูปถ่ายอะไรที่บ่งบอกถึงตัวของเขา เพื่อนก็มีไม่มากเหมือนมีเฟซฯไว้แค่ติดตามข่าวคราวเท่านั้นแต่ไม่ได้เล่นเป็นจริงเป็นจัง

ถึงอย่างนั้นผมก็แอบกด Bookmark หน้าเว็บเฟซฯของเขาเอาไว้บนแถบ Google Chrome ในคอมพิวเตอร์ของผม


ผมจะรอดูว่าเขาจะทำอย่างที่พูดจริงหรือเปล่า

บะหมี่เกี๊ยว







จบตอน



เจอกันตอนหน้ายังเป็นพาร์ทของแทนคุณนะคะ
หวังว่าตอนนี้จะเคลียร์ประเด็นของคุณโรมไปได้เยอะอยู่นะ ชีวิตของคุณพระเอกเศร้าเนอะ TT   

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสารแทนคุณณณ   ไม่ชอบโรมเลยอ่ะ ทำแบบนี้ได้ยังไง
ก็รู้อยู่ว่าคุณรู้สึกยังไงกับตัวเอง มันเหมือนเอาความรู้สึกคนอื่นมาเล่น ไม่น่ารักเลย
แย่ที่สุด อยากพิสูจน์ก็วิธีให้พิสูจน์เยอะแยะไปที่ไม่ใช่วิธีนี้
เชอะ โป้งโรม ไม่โอเค
อยากให้โรมไม่สมหวังกับพี่หนึ่ง จะได้รู้สึก อืม ทำไมรู้สึกตัวเองเลวมาก 555
เล่นกับความรู้สึกคนอื่นแบบนี้ ก็ขอให้ความรู้สึกตัวเองเจ็บช้ำบ้างล่ะกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
ยิ่งอ่านตอนนี้คุณโรมยิ่งน่าเคืองไปอีก :m16:

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
อดีตของแทนคุณกับโรมนี่มัน...... :/ เฮ้อออ

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คุณพระเอกน่าสงสารง่ะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อุ้ต้ะ!! มันเริ่มต้นจิงจังล้าววว

ออฟไลน์ Chk~a

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 618
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
ไม่ชอบโรมเลย ทำแบบนี้ ความรู้สึกคนอื่นมาใช้เพื่อตัวเองจะสมหวัง  ไม่ใช่มาเสียดายแทนคุณอีกนะ

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ที่แทนคุณเลือกยูเป็นเพราะรู้ว่ายูคือบะหมี่เกี๊ยวรึป่าว

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ tungz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เคืองโรมมากกกกก รักคนพี่ มาพิสูจน์กันน้องเขา แถมรู้อยู่ว่าเพื่อนชอบ ยังจะทำ ชิ!!! ไม่อยากให้สมหวังกับพี่หนึ่งเลย โอ้ยยยยย  :m31: :m31: :m31:

ออฟไลน์ monkey_saru

  • ทำไมหัวใจถึงเอียงซ้าย...*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
#ทีมตัวเล็กตัวโต   :-[ :-[

ออฟไลน์ Abella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แล้วทำไมคุณถึงยังดูใกล้ชิดโรมอยู่ ทำใจได้ไง เฮ้อ ยิ่งอ่านก็ยิ่งสงสารเกี๊ยว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cowinsend

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
คุณโชคดีจริงๆที่มียู

ออฟไลน์ polkadot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
เปลี่ยนใจชอบคนใหม่เถอะยูเอ้ย ความหวังริบหรี่เหลือเกิน คุณในตอนนี้เหมือนกักไว้ทั้งที่ตัวเองยังตัดใจจากโรมไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้าคิดจะเริ่มต้นความรักใหม่ มันควรจะเปลี่ยนใจตัวเองให้ได้ก่อนไหม
 รู้สึกเหนื่อยแทนยูที่ต้องวิ่งตามเงาอยู่ตลอดเวลา ตามทันแต่ก็จับต้องไม่ได้อยู่ดี :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
รู้สึกเหมือนที่คุณมีให้ยูมันไม่ใช่ความรักเลย../กุมหัว

ออฟไลน์ แป้นพิมพ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เปิดบันทึกแทนคุณ
ตอนที่ 2 – ความรู้สึกของคนถูกรัก


หลังจากที่ผมห่างหายจากโลกโซเชี่ยลของผมเพื่อมาเตรียมตัวสอบในการเรียนต่อ วันที่มีการประกาศผลสอบก็มาถึง ผมทำการแคปหน้าจอแล้วโพสลงในเฟซบุ๊คทันที หลังจากที่ลงได้ไม่ถึงนาทีก็มีหลายคนเข้ามายินดีและหลายคนเข้ามาดีใจที่ได้เรียนมหา’ลัยเดียวกัน แต่ที่ผมต้องการรู้คือใครอีกคนที่เคยให้สัญญาไว้มากกว่า

ผมจัดการเลื่อนเม้าส์จิ้มไปบนแถบบุ๊คมาร์กของกูเกิ้ลโครม หน้าจอเปลี่ยนเป็นหน้าเฟซฯของเขา แต่ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหว ผมเลยเปลี่ยนมาโทรศัพท์หาโรมแทน

พูดถึงเรื่องของโรม ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเรายังคงเป็นเพื่อนสนิท ส่วนความรู้สึกของผมยังคงเหมือนเดิม ไม่เพิ่มขึ้นและไม่ได้ลดลง โรมยังคงเป็นความรักและความประทับใจในความทรงจำของผมอยู่ แม้ว่าเขาจะทำร้ายความรู้สึกของผมไป แต่พอมาคิดทบทวนแล้วมันอาจจะเป็นความคิดชั่ววูบของโรมที่คิดทำแบบนั้น ลึกๆแล้วโรมไม่ใช่คนจิตใจไม่ดีแต่คงเพราะความรักที่ทำให้เขาหลงลืมความรู้สึกคนอื่นไป เหมือนที่ผมเองก็เป็น

สัญญาณรอสายหายไปเมื่อโรมรับโทรศัพท์จากผม เราคุยกันแค่นิดหน่อยเพื่อสอบถามว่าเขาสอบติดอะไร โรมเลือกมหา’ลัยเดียวกับผมไว้แต่ลงอันดับแรกเป็นแพทย์ อันดับสองเภสัชฯ ซึ่งเขาก็ติดที่อันดับสองพอดี ทำให้เราได้มีโอกาสเรียนที่เดียวกันอีก

พอวางสายจากโรมแล้วผมก็รีเฟรชหน้าเฟซฯของคนที่ใช้ชื่อว่าบะหมี่เกี๊ยวดูอีกครั้งและพบว่าเจ้าตัวอัพสเตตัสแล้ว

บะหมี่ เกี๊ยว สำเร็จแล้ว #YOU

เขาโพสต์ไว้แค่นั้น แต่ไม่รู้ว่ามันมีความหมายว่ายังไง ผมยิ้มให้กับข้อความบนสเตตัสของเขา ไม่ว่ามันจะหมายถึงความสำเร็จของอะไรก็ตามที่เขาทำมันได้ ผมก็ยินดีกับเขาด้วยแล้วกัน ก่อนที่ผมจะตัดสินใจเลื่อนเม้าส์ปลดแถบบุ๊คมาร์คหน้าเฟซฯของเขาออก


นั่นคือครั้งสุดท้ายที่ผมได้เข้าไปส่องในหน้าเฟซของบะหมี่เกี๊ยว







ผมได้ของขวัญจากคุณปู่เป็นรถยนต์สัญชาติยุโรปจากการที่สอบติดและกุญแจคอนโดที่ได้มาจากพ่อ ซึ่งวันที่พ่อรู้ว่าผมสอบติด ไม่มีคำชื่นชมหรืออะไรทั้งนั้น พ่อแค่ทานข้าวต่อไปและทำงานของตัวเองต่อ แต่อีกสัปดาห์ต่อมาก็มีกุญแจคอนโดมาวางอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือของผมพร้อมการ์ดใบหนึ่งที่มีข้อความความ....สำหรับความพยายามของแก....

 
เมื่อถึงกำหนดการที่ผมต้องไปใช้ชีวิตเพียงลำพัง ผมทำการย้ายข้าวของบางส่วนออกมาจากบ้าน โดยมีแค่ย่าปู่และน้องเจ้าขาเท่านั้นที่มาส่ง น้องเจ้าขาน้ำตาซึมแต่พยายามไม่ร้องไห้ออกมา เพราะตั้งแต่ที่พี่หนึ่งย้ายออกจากบ้านเพื่อไปพักในคอนโดใกล้มหาวิทยาลัย ก็มีแค่ผมที่อยู่เป็นเพื่อนเล่นเพื่อนคุยกับเธอ น้องเจ้าขาถึงได้สนิทกับผมมากแต่ก็ตามประสาเด็กที่จะมีงอนบ้างตอนรู้ว่าพี่ชายจะไม่อยู่ด้วย

“ไม่เอานะคะ โตเป็นสาวแล้วต้องไม่ร้องไห้ตามผู้ชายแบบนี้สิ”
“ตลกแล้วพี่คุณ เจ้าขาไม่ได้ร้องตามผู้ชายที่อื่นสักหน่อย” เจ้าขาว่าพลางทำปากยื่นปากงอนใส่ผม


วันนั้นย่าได้ให้ของขวัญกับผมอีกหนึ่งชิ้นเป็นกีต้าร์โปร่งตัวใหม่ ซึ่งผมดีใจมากเพราะมันเป็นเครื่องดนตรีที่ผมชอบเล่นที่สุดรองจากเปียโน เราร่ำลากันอยู่นานพอสมควรก่อนที่พวกเขาจะกลับไป

ผมต่อสายไปหาโรมที่เห็นว่าจะย้ายของเข้าหอวันนี้ด้วยเช่นกัน พอรู้ว่าเขาอยู่ที่หอในและกำลังจัดของอยู่ผมก็ขับรถไปที่หอพักนิสิตในมหา’ลัยทันที

พอจอดรถไว้เลียบข้างฟุตบาทไม่ไกลจากทางเข้าเท่าไหร่ ผมเลยโทรหาโรมอีกครั้งเผื่อว่าเขาต้องการให้ช่วยเหลืออะไรแต่อีกฝ่ายยังไม่รับสาย ระหว่างนั้นก็ลงมายืนรออยู่ใต้ต้นใหม่ใกล้ทางเข้า มองเห็นผู้ชายคนหนึ่งตัวเล็กๆใส่แว่นตาอันใหญ่ยื้อยุดแย่งของกับเด็กผู้หญิงอีกคนที่ตัวสูงกว่าเล็กน้อย จนในที่สุดผู้ชายคนนั้นก็ชนะแล้วแบกของในกระเป๋าเดินขึ้นตึกไปอย่างทุลักทุเล

“พี่ไอดูดิ ยูโคตรดื้อเลยอ่ะ” เสียงเด็กผู้หญิงคนนั้นบอกกับผู้ชายตัวใหญ่อีกคนที่เดินหิ้วของเต็มสองมือมาจากรถฟอร์จูนเนอร์ที่จอดอยู่ไม่ไกล

“หยุดบ่นแล้วไปเอากระเป๋าอีกใบไป ยัยวี” เด็กผู้หญิงคนนั้นแลบลิ้นใส่คนเป็นพี่ชายก่อนจะวิ่งหนีเมื่อคนตัวโตกว่าทำท่าเตะขาใส่

“เล่นกันอยู่นั่นแหละพี่น้องสองคนนี้” แล้วก็มีผู้ใหญ่อีกคนที่เดินมาพร้อมกับผู้หญิงที่กำลังยิ้มส่ายหน้าไปมาแต่แววตาเอ็นดูพวกเขา ผมเดาว่าคงจะเป็นครอบครัวของนายแว่นคนนั้นแน่ๆ


ผมยิ้มกับภาพตรงหน้า ความสุขเล็กๆของสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เกิดขึ้นเป็นอะไรที่น่าอิจฉามากสำหรับผมที่มีปัญหาด้านครอบครัว

หลังจากที่พวกเขาเดินขึ้นไปข้างบนแล้ว ไอโฟนในมือของผมก็ดังขึ้นมาก่อนและเห็นว่าเป็นโรมที่โทรกลับมา เขาบอกว่ากำลังจะลงมาข้างล่างเพราะเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเลยไม่ได้ขึ้นไปข้างบนและไม่รู้ว่าใครบ้างที่เป็นรูมเมทของโรม



.
.


เปิดเทอมมาได้สัปดาห์ ผมถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของคณะเพื่อเข้าประกวดเดือนมหาวิทยาลัย มีอยู่วันหนึ่งที่ผมถูกตามตัวให้ไปรายงานตัวเพื่อประกวดเดือน พี่เลี้ยงประจำตัวรีบมาลากผมออกไปในขณะที่กำลังรับน้องอยู่ ผมไม่ได้เอารถมาในวันนั้นและพี่เลี้ยงของผมก็ไม่มีรถ เราเลยยืมรถประจำคณะเป็นจักรยานแม่บ้านคนละคันปั่นไปที่หอประชุมใหญ่เพื่อรายงานตัว

ระหว่างทางผมผ่านคณะศิลปกรรมศาสตร์ คณะที่ผมใฝ่ฝันอยากจะเรียน และตอนนั้นก็กำลังมีกิจกรรมรับน้องอยู่เช่นกัน ทำให้ผมจอดรถดูภาพตรงหน้า เสียงเพื่อนๆที่นั่งกำลังหัวเราะกันออกมาเมื่องจังหวะกลองขึ้นเป็นทำนองเพลง เมียงู มีผู้ชายที่กำลังหลับตาแล้วดิ้นไปดิ้นมาตามจังหวะเพลง ผู้รู้สึกคุ้นหน้าเขาเหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง ผมเค้นความคิดจนนึกออกว่าเป็นหนุ่มแว่นที่ผมเคยเจอที่หอพักนิสิตก่อนหน้านี้ เวลานี้ใบหน้าเขาเปื้อนสีด้วยการวาดลวดลายเป็นแมวเหมียว มีหนวดสามขีด จมูกสีแดง มัดผมสามจุก พร้อมกับมีป้ายห้อยคออันใหญ่เขียนไว้ว่า น้องยู แค่นั้นก็เรียกเสียงหัวเราะของผมออกมาได้แล้ว


“แทนคุณมัวทำอะไร เร็วๆ!” พี่เลี้ยงเรียกผมอีกครั้งเสียงดัง ทำให้ผมต้องรีบปั่นจักรยานต่อเพื่อไปให้ทันเวลารายงานตัว





วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการรับน้องที่เราเรียกว่า เฟรชชี่ไนท์ โดยที่ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำมีกิจกรรมการประกวดดาวเดือนมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นก็ต่อด้วยคอนเสิร์ตให้นิสิตปีหนึ่งทุกคนได้ปลดปล่อยอารมณ์และแดนซ์กระจาย แม้ว่าผมจะรู้สึกเหนื่อยกับกิจกรรมที่ต้องทำแต่ผมก็สนุกกับมัน อีกอย่างการที่ได้ร่วมกิจกรรมต่างๆทำให้ผมลืมความรู้สึกอื่นๆไปบ้าง กับโรมผมก็ยังคงตามไปรับไปส่งเหมือนปกติ เขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร คงเป็นเพราะความเคยชินตั้งแต่สมัยเรียนด้วยมั้ง ผมไม่เคยรื้อฟื้นอดีตขึ้นมา โรมเองก็เช่นกัน เราทั้งคู่ต่างเอาสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้นมาเป็นบทเรียนให้กับชีวิตแทน

โรมเองก็ยังเป็นโรมที่เคยพูดว่าไม่คิดกับผมเกินเพื่อน เขาก็ยังคงหนักแน่นเช่นกัน ครั้งหนึ่งโรมเคยถามผมว่าผมตัดใจจากเขาได้หรือยัง ผมก็ตอบกลับไปว่า ไม่ได้ตัดแต่แค่ไม่ได้ต่อ ซึ่งผมก็แค่ทำทุกอย่างเหมือนเดิมไม่เดินหน้าไปมากกว่านี้ โรมยิ้มให้กับผมนิดๆก่อนที่เขาจะถามต่อว่า แล้วทำไมยังเก็บภาพของเขาไว้บนภาพพักหน้าจอ ตอนนั้นผมจำคำตอบที่ให้กับโรมได้แม่น

“ถ้าเจอคนที่ผมพร้อมจะเปิดใจให้จริงๆ ผมจะเปลี่ยน” 



ตอนนี้ผมกำลังนั่งรอคิวเพื่อขึ้นไปทำการแสดงของตัวเอง ผมเลือกที่จะเล่นกีต้าร์และร้องเพลงแบบเบสิคทั่วไปที่เขาทำกัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ผมชอบอยู่แล้วและผมก็คิดว่าทำมันได้ดีสุดๆด้วย พอจบการแสดงก็จะเป็นการลงคะแนนป็อบปูล่าร์โหวต

“แทนคุณ จากบริหาร เตรียมตัวนะคะ” พี่สตาฟคนหนึ่งมาเรียก ผมพยักหน้ารับพร้อมกับที่พี่เลี้ยงของผมชูนิ้วโป้งให้กำลังใจอยู่ไม่ไกล

ผมเดินขึ้นเวทีไปพร้อมกีต้าร์โปร่งในมือ เพลงที่ผมเลือกมานั้นเป็นเพลงของวง Musketeers ซึ่งผมได้ทำการเรียบเรียงใหม่ในแนวอคลูสติก ทันทีที่พิธีกรแนะนำการแสดง พร้อมชื่อของผม เสียงกรี๊ดก็ดังลั่นหอประชุม ผมไปหยุดอยู่หน้าเก้าอี้ทรงสูงกลางเวที จัดไมโครโฟนิดหน่อยก่อนจะกรอกเสียงพูดลงไป

“ผมไม่มีอะไรจะมอบให้ทุกคน นอกจากเสียงเพลงกับความจริงใจของผมที่มีให้ แค่คุณ ครับ”

 ผมเกากีต้าร์ขึ้นทำนองเพลงหลังจากพูดจบ พลางกวาดสายตาไปทั่วทั้งหอประชุม แสงไฟที่ส่องมาทำให้ผมมองแทบไม่เห็นหน้าคนข้างล่าง ผมเลยต้องหาโฟกัสที่ทำให้สายของผมชินกับแสง จุดที่ผมมองเป็นบานประตูที่หน้าหอประชุมที่พอมีแสงลอดออกมา

ผมขยับปากร้องเพลงไปตามเนื้อ พร้อมกับที่เกากีต้าร์ไปด้วย พอม่านตาชินกับแสงในหอประชุม จุดที่ผมมองก็เห็นเป็นผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่งที่ผมรู้สึกคุ้นหน้า หัวคิ้วผมขมวดเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกออก พอนึกถึงท่าเต้นปลาไหลไฟลนก้นในทำนองเมียงูแล้วก็ยิ่งให้รู้สึกฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิมจนเกือบหลุดขำ

เสียงกรี๊ดและเสียงร้องตามเพลงที่ผมเล่นไม่ได้ทำให้ผมละสายตาไปจากเขาได้เลย แม้ว่าจะเห็นเขายืนอยู่ไกลๆแต่ผมก็เห็นว่าเขากำลังยิ้มและโยกตัวไปมาเบาๆ แต่พอเพลงใกล้จบผมก็เห็นเขารีบวิ่งออกไปนอกหอประชุม


คืนนั้นผมประสบความสำเร็จอย่างมากที่คว้ามา 2 ตำแหน่งพร้อมกันทั้งป็อบปูล่าร์โหวตและเดือนมหา’ลัย สำหรับตำแหน่งป็อบปูล่าร์โหวตคงต้องขอบคุณเจ้าของดอกไม้ช่อใหญ่ที่เอามาให้ ตอนแรกคนที่เอามาเป็นผู้ชายทำเอาผมตกใจแย่ แต่เจ้าตัวปฏิเสธพัลวันว่าไม่ใช่ของตัวเองแต่ก็ไม่ได้บอกว่าใครฝากมา 


หลังจบจากงานวันนั้นก็มีกินเลี้ยงกันตามธรรมเนียมเป็นการฉลองตำแหน่งและความสำเร็จที่สร้างชื่อให้กับคณะด้วยเช่นกัน พอตอนเช้าตื่นมาผมถึงได้ปวดหัวจากอาการแฮงค์เลยต้องหากาแฟดำมากินแก้อาการมึน แค่พอได้กลิ่นกาแฟกระทบจมูกก็รู้สึกสดชื่นขึ้น ผมหยิบไอโฟนมาเช็คข่าวคราวหลังจากที่ไม่ค่อยได้แตะ

หน้าฟีดเต็มไปด้วยภาพที่ถูกแท็กจากงานประกวดหรือเมนชั่นที่มาแสดงความยินดี ผมไล่ไปเรื่อยๆจนมีอีกหนึ่งสเตตัสที่เด้งขึ้นมา

บะหมี่ เกี๊ยว โหวตไปแล้ว : ) #YOU

ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย ทุกครั้งที่เห็นสเตตัสของคนๆนี้จะต้องมีแฮชแท็กคำว่ายูกำกับอยู่เสมอ ผมไม่รอให้ความสงสัยนั้นเคลือบแคลงใจอีกนาน ผมเช็คหน้าวอลล์ของตัวเองแล้วไล่ดูคนที่มากดไลค์หรือคอมเม้นต์ และต้องตกใจเมื่อเห็นว่าบะหมี่เกี๊ยวคนนี้มากดเลิฟให้ผมทุกสเตตัส ซึ่งพอขุดไปเรื่อยๆก็เริ่มสนุก ผมเลยเริ่มหาต่อไปจนพบว่าเขาเพิ่งเริ่มเปลี่ยนการกดไลค์หลังจากเฟซบุ๊คได้ทำการปรับปรุงเมื่อปีก่อน ผมยิ้มกับสิ่งเล็กๆที่เกิดขึ้น และผมก็หยุดที่จะตามสืบต่อไม่ได้

ผมจิ้มเข้าไปที่หน้าเฟสบุ๊คของเขาจนพบกับเบาะแส มีภาพเมื่อช่วงรับน้องประมาณสักสองอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาถูกแท็กจากรุ่นพี่ในคณะศิลปกรรมศาสตร์และภาพนั้นก็ทำให้ผมรู้ว่าบะหมี่เกี๊ยวเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกับผม  ผมไล่ไปเรื่อยๆเพราะภาพนั้นเป็นภาพเขาก้มหน้าและป้ายชื่อก็พลิกด้านอยู่

ผมเลื่อนลงมาย้อนหลังไปอีกเป็นเดือนจนพบกับภาพที่เหมือนถูกถ่ายมาจากหนังสือรุ่น ภาพเด็กวัยรุ่นชายในชุดนักเรียนที่สวมแว่นตาใหญ่เกือบครึ่งหน้าในกรอบสี่เหลี่ยมที่ถูกแท็กมาในอัลบั้มที่ชื่อเพื่อนกันตลอดไป 6/11

และวันนั้นก็ทำให้ผมรู้ว่าบะหมี่เกี๊ยวคือใคร


ณัฐคุณ อมรรัตนกุล หรือยู ปีหนึ่ง ศิลปกรรมศาสตร์  ม.XXX



ผมนั่งไล่อ่านสเตตัส ดูรูปต่างๆในเฟซบุ๊คของยูไปเรื่อยจนลืมเวลา กระทั่งโทรศัพท์สั่นแล้วตัดภาพขึ้นมาเป็นหน้าไอ้ตั้มเพื่อนร่วมคณะ ถึงได้นึกออกว่าเมื่อคืนก่อนแยกกันกลับมันชวนผมไปว่ายน้ำที่ยิมในมอและผมก็ไลน์บอกโรมเอาไว้ด้วย ผมเลยต้องจัดการตัวเองแล้วออกไปตามนัด โดยที่โรมบอกผมว่าจะไปเจอกันที่ยิมเลยไม่ต้องไปรับเขา

ผมแวะซื้อเครื่องดื่มไปฝากโรมด้วย เห็นว่าเขาชอบกินโกโก้ร้อนก่อนลงสระ ระหว่างที่ยืนรอรับเครื่องดื่มที่สั่ง ผมก็กวาดตามองไปรอบๆร้านจนมีเสียงดังแชะขึ้นมาแหวกความเงียบภายในร้านที่เปิดเพลงบรรเลงเบาๆเท่านั้น ผมมองไปตามต้นเสียงแล้วก็เห็นว่าเจ้าของเสียงเป็นคนที่กำลังหน้าเหวออยู่ ผมจำเขาได้ ยูหรือบะหมี่เกี๊ยวน่ะเอง ผมส่งยิ้มแล้วก็ผงกหัวทักทายเขาไป ไม่ลืมที่จะแกล้งเขาว่าผมจับได้นะว่าเขาแอบถ่าย อีกฝ่ายถึงได้รีบทิ้งมือถือในมือทันที (ตอนนั้นผมคิดว่าเขาเป็นคนถ่ายแต่จริงๆไม่ใช่)



.
.



หลังจากว่ายน้ำเสร็จ ผมก็แยกตัวกับพวกไอ้ตั้มแล้วพาโรมไปกินข้าวที่ห้างใกล้ๆมหา’ลัย พอกินกันอิ่มแล้วเราก็หารเงินกันโดยที่ผมเป็นคนเอาเงินไปจ่าย ซึ่งโรมขอตัวไปเข้าห้องน้ำแต่เหมือนว่าเขาจะหายไปนาน ผมเลยเดินมารอแถวหน้าห้องน้ำ ระหว่างทางก็ก้มหน้าพิมพ์ไลน์หาโรมไปด้วย

พลั่ก!

ผมชนเข้ากับใครสักคน ทำให้คู่กรณีล้มไปกองกับพื้น ของในกระเป๋าอีกฝ่ายกระจัดกระจายไปทั่ว สงสัยจะชนกันแรงเกินไป ผมรีบละล่ำละลักขอโทษเขา ในขณะที่เขาก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่ความผิดผมก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา เขาชะงักมือที่กำลังเก็บของพร้อมกับหลุดเรียกชื่อผม หน้าตาเหวอของเขาทำให้ผมเกือบหลุดหัวเราะ แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยทักทายอะไร เขาก็รีบลุกพรวดแล้วหันหลังวิ่งหนีผมไปดื้อๆ


“อ้าว..เฮ้ย คุณ คุณ...”

ผมได้แต่อ้าปากค้าง ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมากับท่าทางของเขา กำลังจะลุกขึ้นยืนสายตากลับสะดุดกับอะไรบางอย่างใกล้ๆเท้าของผม มันเป็นสมุดเล่มหนึ่งที่ดูเรียบๆ หน้าปกเขียนกำกับว่า YOU #24 ที่เหมือนว่าเจ้าของจะเป็นคนเขียนมันเอง โรมเดินออกมาพอดี ผมเลยเลิกสนใจสมุดในมือ ก่อนที่ผมจะพาเขาไปส่งในหอพักและกลับมาที่คอนโด

ผมทำการโพสต์ภาพสมุดที่ผมเก็บมาลงในเฟซบุ๊คและรอให้เจ้าของเขามาเอาคืน

ผมรู้แล้วว่าเจ้าของสมุดเป็นใครแต่ผมอยากแกล้งเขา ไม่สิ ความจริงคือผมอยากรู้จักเขามากกว่า เวลาอยู่กับเขาแล้วผมรู้สึกสบายใจ ไม่มีเรื่องให้รู้สึกเครียดคงเพราะบรรยากาศที่อยู่รอบๆตัวเขาที่ดูเรียบง่ายนั่นล่ะมั้ง ยิ่งพอผมเปิดสมุดเล่มนั้นดูแล้ว ก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างเกิดขึ้นในใจคล้ายกับฟองอากาศที่รอวันแตก

ผมยิ้มบ้างหัวเราะบ้างกับภาพวาดในสมุดเล่มนั้น จินตนาการของเขากับตัวการ์ตูนที่มีผมและเขาเป็นคนดำเนินเรื่อง มันสร้างความรู้ให้หัวใจผมเหมือนต้นไม้เฉาๆที่ถูกคนดูแลอีกครั้ง


ผมอยากรู้ว่าสิ่งที่ผมเจอตอนนี้มันคือความฝันจริงๆไม่ใช่เรื่องโกหก
หวังว่าพรุ่งนี้เขาจะมาตามที่ผมนัดผ่านหน้าเฟซบุ๊ค



แต่ผมก็คาดการณ์ผิดไป


บางทีผมอาจจะเป็นคนที่ไม่สมหวังกับอะไรเลยก็ได้ เมื่อผมต้องเจอกับความผิดหวังที่เขาไม่มาตามนัด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ยอมแพ้ ผมพยายามกดดันทุกทางให้เขามาเจอกับผม ผมเลือกอัพสเตตัสตัดพ้อแต่ก็ล้มเหลวเมื่อเขาไม่สนใจ ผมเลยไปโพสในหน้าเพจของผมที่มีน้องเจ้าขาเป็นแอดมินอยู่แต่ก็คว้าน้ำเหลวอีกตามเคย


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้รู้ว่าโรมมาถึงหน้าคอนโดผมแล้ว วันนี้โรมขอมาค้างที่ห้องเพราะต้องการความสงบในการอ่านหนังสือ พอเขาขึ้นมาถึงห้อง ผมก็เลี้ยวไปทางครัวเพื่อหาน้ำมาให้เขากินตามความเคยชินของผมที่เคยดูแลเอาใจใส่เขา ในขณะที่โรมเองเอาของไปวางบนพื้นหน้าทีวี พอถือน้ำออกมาวางให้โรม อีกคนก็กำลังสนใจพลิกหน้าพลิกหลังกับสมุดเล่มสีน้ำตาลในมืออยู่

“ของคุณหรอ”
“ป่าวหรอก ผมเก็บได้น่ะ”
“มันเหมือนของรูมเมทผมเลย เห็นเขากำลังบ่นอยู่ว่าทำสมุดหาย ไม่แน่ใจว่าใช่อันนี้ไหม”
“แล้วโรมคิดว่าใช่ไหม”
“อืม ผมว่าใช่นะ”


ในหัวสมองของผมตอนนั้นเหมือนคิดแผนอะไรดีๆได้ ผมจึงเลือกที่จะบอกอะไรสักอย่างกับโรมเพื่อดูท่าทีของเขาก่อน

“โรม ถ้าเกิดว่ามีใครสักคนบอกว่าจะทำความฝันที่เราทำเองไม่ได้แทนเรา โรมคิดว่าเขารักโรมจริงหรือเปล่า”
“ก็คงรัก เพราะถ้าไม่รักก็คงไม่ทำอะไรแทนขนาดนี้มั้ง นึกยังไงถึงถาม”
“พอดีผมเจอใครคนหนึ่งที่เขาบอกว่าจะทำความฝันแทนผม แล้วผมคิดว่าเขาเป็นเจ้าของสมุดเล่มนี้”


โรมตาโตทันทีที่ฟังคำบอกเล่าของผมจบ

“คุณแน่ใจหรอ”
“ผมยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ ถ้ายังไงโรมช่วยอะไรผมหน่อยได้มั้ย”
โรมมีท่าทีลังเลนิดหน่อยแต่ก็พยักหน้ารับฟังสิ่งที่ผมบอกกับเขา

วันนั้นผมจงใจอัพสเตตัสเพื่อให้เจ้าของสมุดนั้นร้อนตัว ซึ่งผมก็พร้อมจะเฉลยให้เขารู้ว่าทำไมผมถึงหาเขาเจอ ผมถึงได้อัพโหลดภาพของโรมลงไปด้วย  ตอนนี้สำหรับผมคำว่าคู่จิ้นคุณโรมมันเป็นความทรงจำดีๆมากกว่า ผมอาจจะยังรู้สึกดีๆกับโรม แต่มันคงไม่พัฒนาไปไกลกว่านั้นได้อีก และยิ่งพอโรมรู้ว่ายูมีความรู้สึกดีๆกับผมเขาก็ยิ่งสนับสนุนช่วยเหลือให้ผมได้เดินหน้าสร้างความสัมพันธ์ครั้งใหม่ในทันที



กลางดึกในคืนเดียวกันนั้นผมรู้สึกปวดฉี่ แต่พอลุกออกจากเตียงก็พบว่าโรมไม่ได้นอนอยู่ที่ข้างเตียง ผมมองไปทั่วห้องแล้วไม่พบ ที่ห้องน้ำก็ไม่พบ จนได้ยินเสียงแว่วๆมาจากริมระเบียงห้องนอนที่ปิดไม่สนิทดี

“ก็ได้ เมื่อไหร่ดี....ครับ...ผมคิดถึงพี่นะ....ฝันดีครับ”
“คุยกับใครน่ะโรม”


ผมถามเขาทันทีที่โรมหมุนตัวจะเข้ามาในห้อง เขาสะดุ้งที่เห็นผมยืนอยู่ ท่าทีลุกลี้ลุกลนที่โดนจับผิดได้ของโรมทำให้ผมรู้ว่าเขามีเรื่องปิดบังผมอยู่

“คุยกับพี่มิลานน่ะ”

โกหก...ท่าทางที่เสหน้ามองไปทางอื่นก่อนจะมองตอบผมมันบอกได้ทันทีว่าโรมกำลังโกหก แต่ผมไม่คิดที่จะซักไซ้อะไรเขา

“งั้นหรอ เข้ามานอนเถอะข้างนอกอากาศชื้นเดี๋ยวก็เป็นหวัด”
“อืม”


ผมมองโรมที่เดินกลับไปล้มตัวนอนบนเตียงเดียวกับผมด้วยความสงสัย บางอย่างมันสะกิดในใจผมว่าเรื่องที่โรมกำลังปิดบังนั้นมันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ แต่ผมจะรู้ได้อย่างไรถ้าโรมไม่คิดจะบอก ผมสลัดความคิดที่กังวลในใจออกไปก่อนจะเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวแล้วกลับมานอนที่เดิม

.
.
.

วันต่อมา

โรมทำตามที่เราได้นัดแนะกันเอาไว้ เขาโทรตามยูออกมากินข้าว พอเจ้าตัวมาถึงที่นัดหมาย ท่าทางตกใจของเขาตอนเห็นรถผมทำให้ผมต้องกลั้นยิ้มเอาไว้ จนโรมเองที่ทนไม่ไหวต้องลงไปลากเขามาขึ้นรถ ยิ่งพอได้มาอยู่ในรถผมก็ยิ่งตลกกับท่าทางของเขาที่แอบมองผม โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าผมเองก็แอบลอบมองเขาอยู่เหมือนกัน


พอได้มาอยู่ใกล้กันมากขึ้นก็ยิ่งเห็นว่ายูเป็นผู้ชายซื่อๆที่ดูจะเข้าสังคมไม่เก่งเท่าไหร่ เขาดูวางตัวไม่ถูกว่าจะทำอะไร จะพูดยังไง นั่นอาจจะเป็นเพราะผมด้วยส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ ยิ่งเห็นอย่างนั้นผมก็ยิ่งอยากแกล้งเขา

จนกระทั่งมีสายเข้ามาในโทรศัพท์ของโรม ผมแอบเหล่มองว่าใครโทรมาแต่มองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ จนมารู้ว่าเป็นเพื่อนของโรมที่โทรมาหาเขา เราถึงได้แยกย้ายกันซึ่งเป็นโอกาสที่ทำให้ผมได้อยู่กับยูสองคน

หลังจากที่ส่งโรมขึ้นรถเพื่อนไปแล้วผมก็ไปส่งยูต่อจากนั้น ผมคืนสมุดให้เขาพร้อมกับแกล้งเขาให้เขินเล่นๆ ซึ่งมันก็ได้ผลมาก ยูเป็นคนที่เก็บอาการไม่เก่ง คิดอะไร รู้สึกยังไงก็แสดงออกมาทางสีหน้าหมด ยิ่งอยู่กับเขาผมก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นใครอีกคนที่ไม่ใช่แทนคุณ กฤติดำรงที่มีแต่ความเจ็บปวดอยู่ในหัวใจ ยูทำให้ผมยิ้มได้ หัวเราะได้ทั้งที่เขาแทบไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ


พอกลับมาที่ห้องของตัวเอง ผมก็เช็คข่าวคราวในเฟซบุ๊คพร้อมกับเปิดทีวีทิ้งเอาไว้แต่ไม่ได้ดู มีภาพเกี่ยวกับผมและยูวันนี้ที่ร้านอาหารบ้างหน้าห้างบ้างหรือแม้กระทั่งตอนที่มาส่งที่หอ ซึ่งเริ่มมีคนสนใจมากขึ้น แม้กระทั่งน้องเจ้าขาก็ไลน์มาหาผมแล้วถามถึงคนที่ผมไปส่งยกใหญ่ ผมก็นึกได้ว่ามีรูปเอ๋อๆของยูที่ถ่ายไว้วันนี้ เลยทำการอัพโหลดภาพลงในเฟซบุ๊คเพื่อแบล็กเมล์เจ้าของสมุดที่ผมตามหาเพื่อปลุกกระแส และกระแสโซเชี่ยลก็รวดเร็วสมใจจนมันเกิดเป็นคู่จิ้นคู่ใหม่อย่างตัวเล็กตัวโต




ออฟไลน์ แป้นพิมพ์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
.
.
.

วันต่อมาทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนปกติ วันนี้ผมมีเรียนตอนแปดโมง แต่เพราะเมื่อคืนมัวแต่ไล่อ่านคอมเม้นต์เพลินไปหน่อย ตื่นมาอีกทีก็เกือบแปดโมงไปแล้ว ผมถึงรีบวิ่งกระหืดกระหอบเพื่อมาเรียนให้ทัน ตอนมาถึงอาจารย์ก็กำลังเช็กชื่อพอดี ผมกวาดตามองที่ว่างแล้วเห็นว่าไอ้ตั้มมันจองไว้เสียไกล บวกกับอาจารย์แม่จิกตามองมาจนผมไม่กล้าเดินผ่านหน้าแก เลยได้แต่ส่ายหน้าให้ไอ้ตั้มแล้วหย่อนก้นลงนั่งแถวหน้าสุดใกล้ๆกับกลุ่มผู้หญิงในห้อง

เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน ผมก็ปลีกตัวออกไปรับโรมกินข้าวกลางวัน โรมบ่นว่าอยากกินนมปั่นหลังมอผมก็เลยพาเขาไปและไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรเข้า

“มึงจะให้จู่ๆกูเดินเข้าไปแล้วบอก แทนคุณ เราชอบนาย เป็นแฟนกันมั้ย แบบนี้หรอ ตลกแดกล่ะสัด”

เพื่อนของยูที่นั่งอยู่ด้วยเงยหน้าขึ้นมาเห็นผม เขาอ้าปากเหวอแล้วทำท่าจะสะกิดยูให้รู้ตัว แต่ผมส่ายหน้าไปมาพร้อมแนบนิ้วชี้ปิดปากให้เพื่อนเขาเงียบๆเข้าไว้

“กูรู้ว่ามึงไม่อยากให้กูอึดอัด แต่กูกับแทนคุณไม่ใช่คนที่รู้จักกันมาก่อน มีแค่กูนี่ที่รู้จักเขาแค่ฝ่ายเดียว กูไม่หน้าด้านพอที่จะทำแบบนั้นหรอก”
“รู้แบบนี้แล้ว มึงยังจะคิดให้กูไปบอกมันอีกหรือเปล่าล่ะ”
“ถ้าอย่างงั้นก็ลองจีบดูก่อนมั้ย”


ผมพูดออกไปพร้อมกับที่ยูสะดุ้งไหล่กระตุก เขาเงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมหน้าตาหลังแว่นนั้นโตขึ้นด้วยความตกใจ หน้าตาเขาเอ๋อกว่าครั้งไหนๆที่ผมได้เห็น จนต้องพยายามเก๊กหน้าขรึมไม่ให้หลุดขำออกมาก่อน

พอโรมไปสั่งนมปั่นมาเรียบร้อยพร้อมกับเผื่อแผ่โอริโอ้ปั่นที่ผมโคตรไม่ชอบแต่ก็กินเพราะไม่อยากทำลายน้ำใจของเพื่อนก็ตั้งท่าออกจากร้านทันที เพราะโรมมีเรียนต่อ ซึ่งผมเองก็มีเรียนต่อเหมือนกัน โชคดีที่เพื่อนของยูไม่ว่างไปส่งยูผมถึงได้ไปส่งเขาแบบที่ไม่ต้องอ้าปากพูดอะไรมากมาย ดูท่าเพื่อนเขาเองก็พร้อมจะช่วยเหลือให้ยูจีบผม รวมถึงโรมเองที่พยายามให้ผมกับยูลงเอยกัน

ผมอ้างกับยูว่าไปส่งโรมก่อนเพราะเขามีเรียนเร็วกว่าแต่ความจริงคือผมต้องการยืดเวลาที่จะอยู่กับยูมากกว่า ผมมองตามหลังโรมที่เดินลงจากรถไปด้วยความครุ่นคิดว่าโรมมีบางอย่างปิดบังผมอยู่ก่อนที่จะดึงสติมาแล้วเห็นว่ายูกำลังเหม่อ สีหน้าดูมีอะไรมากวนใจ

ผมเรียกเขามานั่งข้างหน้าและสังเกตจากสีหน้าของยูบวกกับการที่ได้ฟังยูคุยกับเพื่อนที่ผ่านมา ผมรู้ได้ทันทีว่ายูไม่มีความมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ รวมถึงจากการที่ได้ใกล้ชิดกับเขาในช่วงนี้ก็ทำให้ผมรู้ว่ายูไม่คิดที่จะเข้ามาหาผมแน่นอนถ้าผมไม่ทำอะไรบ้าง พอมาส่งเขาที่คณะ ผมก็บีบบังคับขอไลน์และเบอร์ฯของยูมาจนได้ รวมถึงไม่ลืมที่จะย้ำให้ยูจีบผม แต่ผมไม่รู้ว่ายูจะทำมันจริงๆไหม 

ผมวนรถไปที่คณะของโรมอีกครั้งเพราะมันอยู่ไม่ไกลจากคณะของผมเท่าไหร่ เห็นเพื่อนของโรมคนหนึ่งกำลังจะวิ่งเข้าตึก ผมรีบวิ่งลงจากรถไปตัดหน้าเขาก่อน

“เดี๋ยว! ขอถามอะไรหน่อย”
“มีอะไร กูรีบ” ผู้ชายคนนั้นตอบกลับมาว่องไว
“ช่วงนี้มีรายงานอะไรของเภสัชที่ต้องทำส่งป่าว”
“อืม...เท่าที่จำได้ไม่มีนะ มันใกล้สอบมิดเทอมแล้วไง เฮ้ย กูไปก่อนนะเดี๋ยวสาย”


ผมขบคิดในหัวอย่างหนักหลังจากได้ยินสิ่งที่คนๆนั้นบอก ประกอบกับที่น้องเจ้าเล่าว่าพี่หนึ่งมาที่จังหวัดนี้ เห็นบอกว่ามาออกหน่วยกับที่คณะซึ่งอยู่ต่างอำเภอกับที่ผมเรียนอยู่

ไม่มีทางหรอกที่โรมจะไปเจอกับพี่หนึ่งในเมื่อโรมบอกว่าจะตัดใจ แต่ผมก็อดที่จะสงสัยในตัวโรมไม่ได้อยู่ดี ผมเป็นห่วงเขาไม่อยากให้เขาต้องจมกับความรักที่มันไม่มีวันเป็นไปได้ ทั้งที่โรมเป็นคนที่ให้คำแนะนำกับผมตลอดเวลา คอยผลักดันผมให้เปิดโอกาสกับตัวเอง แต่เขากลับกำลังถอยหลังลงไปในบ่อมืดที่หาทางขึ้นไม่ได้ ผมเข้าใจว่าโรมรู้สึกผิดกับผมและอยากไถ่โทษกับความผิดนั้น แต่ผมเองก็ไม่อยากให้โรมต้องมาเจ็บช้ำอยู่คนเดียวเสียหน่อย

ถ้าจะให้ผิดจริงๆตอนนั้นคงต้องบอกว่าเราผิดด้วยกันทั้งหมด



เย็นนั้นหลังจากที่กลับมาที่ห้อง  ผมถึงได้พยายามหาอะไรที่ทำให้คลายความตึงเครียดได้ ซึ่งในช่วงเวลานี้สิ่งที่จะทำให้ผมรู้สึกดีได้ก็มีแค่ยู ผมเข้าไปดูความเคลื่อนไหวที่เป็นเรื่องของผมกับตัวเล็ก มันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ผมจมอยู่ในโลกโซเชี่ยลนั้นจนเกือบสามทุ่ม ผมถึงได้ลองทักยูไปดูเพื่อเช็กว่าโรมกลับมาหรือยัง ความจริงหาเรื่องคุยนั่นแหละและกำลังคิดว่ายูจะหยอดมุกเพื่อจีบบ้างไหม แต่ไม่เลยผมประเมินยูผิดไปมาก

ผมต้องหาวิธีกระตุ้นเขาใหม่ด้วยการโพสสเตตัสแกล้งเขาซึ่งไม่คิดว่าเขาจะเล่นไปกับผมด้วย

บะหมี่ เกี๊ยว ได้โพสต์
บอกเองไม่ใช่หรอ ว่าให้จีบได้น่ะ – TK Krittidumrong
 


มีความสุขได้ไม่เท่าไหร่ไอโฟนผมก็แผดเสียงร้องออกมาอย่างดัง มองเห็นเป็นเบอร์ของไอ้ตั้มพอกดรับก็ได้ยินเสียงเพลงดังกระหึ่ม

“แดกเหล้ากันไหมมึง”
“ไม่ว่ะ กูขอบาย”
“โหยไรวะ แฟนมึงยังมานั่งดริ๊งได้เลย”
“แฟนกู?”
“ก็เด็กเภสัชเพื่อนสนิทมึงไง”
ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินดังนั้น ก่อนจะถามไอ้ตั้มว่ามันอยู่ที่ไหน พอได้พิกัดแล้วผมก็รีบไปยังจุดหมายทันที
ร้านที่ว่าเป็นร้านอาหารกึ่งผับที่ห้อยท้ายป้ายชื่อร้านว่า Bar & Restaurant ซึ่งอยู่ไกลจากมอไปเกือบ 2 กิโลเมตร ผมโทรหาไอ้ตั้มเพื่อเรียกมันออกมาหา คุยกับมันเล็กน้อยได้ใจความว่าก่อนหน้านี้เมื่อชั่วโมงก่อนมันเห็นโรมนั่งคุยกับผู้ชายคนหนึ่งและพอคนนั้นออกไป โรมก็ยังคงนั่งกินต่อ ไอ้ตั้มพาผมมายังจุดที่โรมนั่งอยู่ ท่าทางตอนนี้กำลังเมาได้ที่เลยทีเดียว

“โรม” เขาหันมาตามเสียงเรียก พอเห็นว่าเป็นผมน้ำตาเขาก็ไหลออกมาทันที
“เดี๋ยวผมไปส่งที่ห้อง” ไอ้ตั้มช่วยผมประคองโรมไปที่รถโดยที่เขาไม่ได้อิดออดอะไร



เราเข้ามานั่งอยู่ในรถของผมที่สตาร์ทเครื่องเปิดแอร์ทิ้งไว้แต่ยังไม่เคลื่อนตัวออก โรมฟุบหน้าลงบนคอนโซลรถแล้วร้องไห้ออกมา ปกติเขาไม่ใช่คนที่ชอบมาในที่แบบนี้สักเท่าไหร่ เหล้าก็แทบไม่กินเลยด้วยซ้ำ มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ไม่นานผมก็ได้คำตอบ เมื่อโรมเล่าทุกอย่างทั้งน้ำตาให้ผมฟัง


“มันจบแล้ว คุณ”
“ผมแอบมาเจอกับพี่หนึ่ง ผมดูโง่ไหมคุณ ที่ผมตัดใจจากเขาไม่ได้สักที แต่ตอนนี้มันจบแล้ว เขากับผมเรากลายเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันมาเจอกันได้อีก...ฮึก...พี่หนึ่ง.....พี่หนึ่งจะแต่งงานกับพี่มิลาน.....เขาบอกว่าเขาขอโทษ...แต่....แต่จะให้ผมทนเห็นเขากับพี่มิลานอยู่ด้วยกันได้ยังไง...ในเมื่อผม...ผมยังรักเขาอยู่.....ผมโคตรโง่เลยใช่ไหมคุณ”


วันนั้นผมไปส่งโรมที่หอพักนิสิต ก่อนที่จะต่อสายหาพี่หนึ่งซึ่งอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะรอการติดต่อจากผมอยู่แล้ว เรานัดเจอกันที่คอนโดของผม ในขณะที่ผมกำลังรออยู่บริเวณล็อบบี้อย่างร้อนใจ พี่หนึ่งก็โผล่มาด้วยสีหน้าที่ดูอิดโรย


“ขึ้นไปคุยบนห้อง” 

เราเดินขึ้นมาถึงห้องได้ก็เปิดประเด็นในสิ่งที่ต่างคนต่างรู้อยู่แล้ว พี่หนึ่งทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาหน้าทีวีก่อนจะพูดขึ้นมาเป็นคนแรก

“พี่ขอโทษคุณ พี่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะมาจบแบบนี้”
“พี่หนึ่ง ผมถามจริงๆ พี่รักโรมจริงๆหรือเปล่า”
น้ำเสียงของผมไม่ได้กระโชกเกรี้ยวกราด ผมถามออกไปด้วยท่าทางสบาย ให้รู้ว่าเวลานี้ความรู้สึกของผมที่มีต่อโรมมันไม่ได้เกินเลยไปไกลกว่าเพื่อนแล้วแน่นอน


“รัก แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกคุณ พี่เป็นความหวังของครอบครัว พี่แบกทุกอย่างเอาไว้ พ่อเองก็อยากให้พี่แต่งงานกับมิลานด้วย พี่รู้ว่ามันมีเรื่องของผลประโยชน์ทางธุรกิจแอบแฝงอยู่ด้วย แต่พี่เต็มใจ”

“แล้วพี่จะกลับมาหาโรมอีกทำไม ในเมื่อเลิกกันไปแล้วจะติดต่อกันเพื่ออะไร”
“พี่แค่อยากจะมาบอกกับโรมด้วยตัวเอง อีกอย่างพี่กับโรมเรายังไม่ได้เลิกกันทีเดียว ครั้งนั้นที่พี่บอกเลิกเขาก็เพื่อนายนะคุณ พี่เห็นนายเสียใจแบบนั้นพี่ทนไม่ได้”
“พี่ไม่ต้องทำอะไรเพื่อผม ผมไม่ได้ร้องขอ”
“พี่ขอโทษ แต่พี่คิดว่าทางออกนี้คือทางออกเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น”
“แต่ทางที่พี่เลือกตอนนี้ มันทำให้โรมเสียใจมาก...”
“แล้วคุณคิดว่าพี่ไม่เสียใจกับเรื่องที่เกิดนี้เลยหรือไง”

“...พี่รู้ไหมว่าความรู้สึกคนเรามันเหมือนสิ่งก่อสร้าง เวลาที่จะทำให้มันเป็นรูปเป็นร่างได้มันใช้เวลานานแต่เวลาที่ทำลายน่ะแค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ ต่อจากนี้ไปผมหวังว่าพี่ไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับโรมอีก ถ้าพี่เลือกแล้วพี่ก็ต้องตัดให้ขาด”
“อืม....พี่ฝากโรมด้วยนะ”
“ผมไม่รับฝาก โรมไม่ใช่สิ่งของที่จะพี่นึกจะโยนทิ้งให้คนอื่นแบบนี้”


พี่หนึ่งมองหน้าผมนิ่งอย่างไม่เชื่อว่าผมจะตอบเขาออกไปแบบนั้น

“ผมอยากจะบอกให้พี่รู้เอาไว้ เรื่องของผมกับโรมมันไม่มีอะไรพิเศษ ผมกับเขาเราเป็นแค่เพื่อนสนิทที่หวังดีต่อกันเท่านั้น พี่เลิกทำตัวเป็นพระเอกผู้เสียสละได้แล้ว ผมไม่มองว่าพี่เป็นฮีโร่ในสายตาของผมหรอกนะ พี่เป็นหนึ่ง”



หลังจากที่พี่หนึ่งกลับไปแล้ว ผมก็นอนไม่หลับทั้งคืน ผมพอรู้มาว่าพี่มิลานพี่สาวของโรมแอบชอบพี่หนึ่ง ตอนนั้นโรมอยู่ม. 2 พี่หนึ่งอยู่ม. 6 พวกเขานัดกันไปเดินเที่ยวห้างโดยที่ผมไม่รู้เพราะมีซ้อมกีฬาสี และพี่มิลานก็บังเอิญมาเจอเข้าพอดี ตอนนั้นพวกเขายังไม่ได้คบกันแต่ก็สนิทกันในระดับหนึ่ง หลังจากวันนั้นพี่มิลานก็เอาแต่ถามถึงเรื่องพี่หนึ่งกับโรมซึ่งโรมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนเมื่อพี่หนึ่งไปเรียนต่อและติดที่เดียวกันกับพี่มิลานแต่อยู่คนละคณะ พี่มิลานก็เริ่มตามติดพี่หนึ่ง แต่พี่หนึ่งยังไม่มีทีท่าเล่นด้วยอะไร จนเมื่อขึ้นปี 3 ที่เริ่มเกิดเรื่องนั้นขึ้นและพี่หนึ่งก็มาบอกเลิกโรมพร้อมไปคบกับพี่มิลานแทน

ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสองบ้าน ซึ่งพวกผู้ใหญ่ก็เห็นดีเห็นงามด้วยกับเรื่องที่พวกเขาคบกัน โดยเฉพาะพ่อของโรมที่เอ็นดูพี่หนึ่งเป็นพิเศษเพราะอนาคตเป็นหมอเหมือนกัน จนเมื่อปีที่แล้วที่พวกเขาคุยกันถึงเรื่องงานแต่งของทั้งคู่หลังเรียนจบ ตอนนั้นพี่หนึ่งยังคงปฏิเสธ แต่ผมก็ไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วเรื่องมันจะมาลงเอยแบบนี้



.
.

ผมเป็นห่วงโรมแต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ นอกจากการคอยตามดูอยู่แบบนี้ ซึ่งวันนี้เขามีเรียนทั้งวันผมถึงไม่กังวลว่าโรมจะแอบไปเจอพี่หนึ่งอีกหรือเปล่า หลังจากไปรับส่งเขาแล้วผมก็มาเรียนตามปกติในช่วงเช้า พอเลิกเรียนก็ตั้งใจที่จะไปรับโรมกินข้าว แต่ระหว่างที่ขับรถจะไปนั้นผมกลับเจอยูเข้า ความคิดที่จะไปกินข้าวกับโรมเลยพับไว้แค่นั้น ก่อนจะลากยูออกไปด้วย


ผมพาเขามาที่ทะเล ตรงพื้นที่ที่ไม่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่านเพราะต้องการความสงบ ให้จิตใจของผมได้รู้สึกผ่อนคลายไปบ้าง ดูเหมือนยูจะไม่มีความกระตือรือร้นหรืออะไรก็ตามในการรุกจีบผม ผมอยากรู้มากว่าเขารักผมจริงๆหรือแค่ความรู้สึกชอบแบบผิวเผินเหมือนที่หลายๆคนเป็น บางทีเขาอาจจะแค่เป็นแฟนคลับตัวเล็กๆที่ไม่ได้อยากจะเป็นแฟนผมจริงๆก็ได้

แต่พอได้ฟังสิ่งที่เขาพูด มันก็ทำให้หัวใจที่คิดว่ามืดบอดของผมนั้นพบแสงสว่าง
มันเหมือนว่าสิ่งที่ผมกำลังตามหานั้น ผมได้เจอกับมันแล้ว

“สำหรับกูอ่ะน่ะ ไม่เคยคิดหรอกนะว่าจะได้มึงมาเป็นแฟน กูน่ะ...ก็แค่คนๆนึงที่รู้จักมึงแค่ฝ่ายเดียว เป็นแค่ แทนคุณ กฤติดำรง ที่กูรู้จักแค่เพียงเปลือกภายนอกที่เขาอยากให้กูหรือแม้แต่แฟนคลับของเขาได้รู้จัก จนตอนนี้กูกับมึงได้มารู้จักกันแบบจริงจังเพียงเพราะเรื่องบังเอิญกะโหลกกะลาอะไรไม่รู้ อาจจะมาจากความเอ๋อป้ำเป๋อของกูเอง”

“...จนเมื่อวานนี้ที่มึงมาบอกว่า จีบสิ กูให้โอกาสแฟนคลับตัวเล็กๆอย่างมึงจีบกูได้นะ พอมึงทำแบบนั้น ในใจกูอยากบอกว่ากูโคตรดีใจมาก แต่ลึกๆแล้วกูก็กลัว กูไม่อยากคาดหวังอะไรทั้งนั้น มึงรู้ไหมว่ามันจะเจ็บแค่ไหนถ้าเกิดว่าเราวางความหวังไว้มากเกินไป

“...บางทีสำหรับกูแล้ว แค่ได้รักก็มีความสุขมากแล้ว แค่กูเห็นมึงยิ้มได้ มีความสุขกับชีวิตของมึงโดยที่กูยืนมองมึงจากมุมของกู แค่นั้นมันก็มีความสุขที่หัวใจกูแล้ว แต่พอมึงบอกว่าอย่าทิ้งโอกาสที่มึงยื่นมาให้ กูก็จะลองสู้ดู ถึงแม้ว่าผลลัพธ์ของมันจะออกมารูปแบบไหนกูก็จะไม่เสียใจที่กูได้ลองทำ กูอาจจะแค่เจ็บ ก็แค่ร้องไห้ แต่ไม่นานเวลามันก็จะเยียวยากูไปเอง”

“......ความรักสำหรับกู ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผล ฟังแค่เสียงของหัวใจ เสียงของความรู้สึกก็เพียงพอ...กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนจากมึงเลยสักนิด แค่ได้เห็นมึงยิ้มได้กูก็มีความสุขแล้ว”


ผมรู้แล้วว่าฟองอากาศในหัวใจของผมที่รอวันแตกมันคืออะไร...มันคือการรอคอยและความหวังของผม ที่ตอนนี้มันระเบิดตัวออกมาว่าผมจะไม่ผิดหวังอีกแล้วกับความรักครั้งนี้

ถ้าหากผมโอบอุ้มและรักษามันไว้ให้ดี


จากคำตอบของยูวันนั้น ผมได้เรียนรู้ว่ายูเป็นคนที่ค่อนข้างคิดมาก แม้ว่าเขาจะเป็นคนแสดงออกอย่างเปิดเผยแต่เขามักจะชอบคิดอะไรต่างๆไปเอง คิดแบบที่ไม่ยอมหาคำตอบด้วยซ้ำ ซึ่งผมก็พยายามบอกเขาเสมอว่าเขาคือคนที่ผมเปิดทั้งโอกาสและพร้อมในการสานสัมพันธ์ แต่ก็มีบ้างที่ยูทำท่าจะถอดใจในโอกาสที่ผมให้อยู่หลายครั้ง เขาทำท่าวิ่งเข้าหาผมแล้วก็วิ่งหนีผมเหมือนกลัวอะไรอยู่ ผมมารู้ในทีหลังเพราะบังคับให้เขาพูด จนผมรู้ว่าเขากลัวเรื่องของผมกับโรมว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น ผมถึงได้เล่าให้เขาฟังทุกอย่าง แต่เหมือนว่ามันคงทำให้ยูยังไม่สบายใจเขาถึงได้ขออะไรบางอย่างกับผม

“ที่มึงเคยบอกว่า กูสามารถเอาแต่ใจตัวเอง เห็นแก่ตัวใส่มึงได้ ถ้ากูจะขอใช้สิทธินั้นได้ไหม”
“อยากขออะไรล่ะ”
“เปลี่ยนภาพพักหน้าจอไอโฟนมึงได้ไหม”
“กูขอเหตุผล”
“ถ้ากูบอกว่า กูหวงมึง เป็นเหตุผลพอไหม”


หลังจากที่ฟังประโยคนั้นก็ทำให้ผมนึกอะไรบางอย่างได้ ผมมองยูที่นอนหลับไปแล้วเพราะลมหายใจที่เข้าออกจากสม่ำเสมอ เขาคงเหนื่อยและเพลียมาก ผมหันกลับไปหยิบไอโฟนขึ้นมา แวบหนึ่งที่ผมนึกขึ้นได้ว่าผมเคยบอกอะไรกับโรมไว้ ผมหันไปมองยูอีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนภาพพักหน้าจอของตัวเองเป็นรูปอื่น พร้อมทั้งลบภาพเก่าทิ้งไปด้วย พอวางไอโฟนคืนที่เดิมผมก็หันมามองยูอีกครั้ง

ภายในความมืดที่มีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟข้างหัวเตียง ผมเห็นเขากระชับกอดหมอนข้างแน่นเหมือนเด็ก อย่าหาว่าผมฉวยโอกาสเลย แต่ภาพที่เห็นตอนนี้ยูน่ารักมากจนผมห้ามใจตัวเองไม่ได้ ผมเกลี่ยวนิ้วลงไปที่ข้างแก้มของยูแล้วทัดปอยผมข้างหูให้เขา ก่อนจะโน้มตัวลงไปกดจมูกฝังลงที่แก้มนิ่มๆ พร้อมกระซิบข้างหูเขา

“ฝันดีนะ ตัวเล็ก”




สองวันต่อจากนั้น หลังจากที่ผมไปส่งยูที่หอแล้ว ผมก็ไม่ได้ไปเจอกับเขาเลย มีพูดคุยกันผ่านไลน์บ้างแค่เล็กน้อย ผมเอาแต่ตามติดโรมเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้แอบไปไหนอีก เมื่อผมมั่นใจว่าโรมไม่ได้ติดต่อกับพี่หนึ่งแล้วผมก็เบาใจ โรมบอกกับผมว่าเขาคิดทางออกของเรื่องนี้ไว้แล้วที่จะทำให้เขาตัดใจจากพี่หนึ่งได้จริง แต่ผมไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร

วันต่อมาผมต้องไปค่ายอาสาและผมดีใจมากที่เห็นว่ายูก็มาที่นี่ด้วย แต่ผมมีความรู้สึกว่ายูดูแปลกๆ จนผมทนไม่ไหวต้องถามเขาออกไป ซึ่งคำตอบที่ได้รับทำให้ผมต้องเป็นฝ่ายคิดมากแทน


“แล้วคำพูดมึงมันเชื่อถือได้แค่ไหนล่ะ”

 ผมยอมรับว่าความรู้สึกแรกที่ผมได้ยินยูพูดแบบนั้น ผมน้อยใจเขาแต่ผมไม่อยากให้เราต้องทะเลาะกันเลยเดินหนีเขามา ส่วนในใจของผมมันกำลังว้าวุ่นไปหมด พอเก็บของเรียบร้อยผมก็ลงมารอเขาที่ข้างล่าง เดินวนไปวนมาแบบที่คิดไม่ตกว่ายูจะตามมาไหม ผมคิดว่าผมทำทุกอย่างชัดเจนแล้ว แต่มันอาจจะเป็นการชัดเจนแค่ในมุมของผม แต่กับยูมันคงเป็นความรู้สึกคลุมเครืออยู่ก็ได้

จนผมได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งลงมาตามทางบันได มันทำให้ผมหยุดเดินไปมาแล้วมองไปยังต้นเสียง ผมกำลังภาวนาอยู่ในใจว่า หากคนที่เดินลงมาเป็นยูผมจะเดินหน้าทำทุกอย่างให้ชัดเจนมากกว่านี้ แต่ถ้าหากไม่ใช่ยู....


“กว่าจะมา”
“รอกูอยู่ จริงๆหรอ”



หากว่าคนที่วิ่งลงมาตอนนั้นไม่ใช่ยู ผมก็จะวิ่งขึ้นไปหาเขาแทน


ทุกอย่างคลีคลายลงเมื่อผมได้รู้ว่ายูเป็นอะไรไป มันมาจากการที่ผมหายไปนั่นเอง ผมไม่คิดว่าเรื่องของคุณโรมในกระแสโซเชี่ยลจะสร้างความแคลงใจให้ยูจนเดินเป๋ออกนอกเส้นทางการพัฒนาความสัมพันธ์ของเราได้ แต่ผมก็รู้สึกดีมากที่ยูรักผมขนาดนี้ เพราะสุดท้ายเขาก็ไม่ละทิ้งความพยายามที่จะเข้าใกล้ผมอยู่ดี




การมาเข้าค่ายสองวันนี้ทำให้ผมได้คิดอะไรบางอย่างออก ระหว่างที่เราได้พักผ่อนก่อนกลับไปที่มอ ผมพักสายตาและปล่อยความคิดทบทวนกับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด


หากว่าผมต้องการโอบอุ้มและรักษาความรักที่ยูมีให้กับผม

ผมก็ควรเลือกที่จะตัดความรู้สึกบางอย่างทิ้ง ความรู้สึกที่มันทำให้ก่อเกิดแต่ปัญหาและกลายมาเป็นพันธะติดอยู่ในใจผม ซึ่งมันไม่มีผลดีต่อคนที่จะเดินเคียงคู่ในอนาคตไปกับผมอย่างยูเลยสักนิด คนที่เอาแต่คิดมาก ติดอยู่กับความไม่มั่นใจของตัวเอง และชอบเก็บทุกปัญหาไว้ในใจตัวเองคนเดียว


เพราะอย่างนั้นแล้ว ผมถึงต้องเลือกที่จะปล่อยปัญหาที่มันได้กลายเป็นพันธะภาระของผม
ผมจะปล่อยให้เรื่องโรมมันเป็นเรื่องของโรมที่ต้องแก้ไขเอาเอง ซึ่งเขารับปากแล้วว่าเขามีทางออกกับเรื่องนั้นแล้วและผมในฐานะเพื่อนก็ควรที่จะเชื่อใจเขา


พร้อมกับหันมาสร้างพันธะใหม่ขึ้นมาแทน



“มาลองคบกันไหม”
 “แล้วถ้าคบกัน...จะต้องเลิกกันเหมือนที่โรมขอคบกับมึงครั้งนั้นไหม”
“ไม่เหมือนเลยยู...เพราะครั้งนี้กูเป็นคนเริ่ม”
“ตกลง...งั้นเรามาลองคบกันดู”



พันธะที่ไม่ใช่ปัญหาและพันธะที่ไม่ใช่ภาระ แต่เป็นความสุขที่ผมเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง


นี่แหละ ความลับทั้งหมดของผม



จบตอน


ไม่มีอะไรจะกล่าว  :katai5: :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2016 18:25:02 โดย แป้นพิมพ์ »

ออฟไลน์ Chk~a

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 618
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
สมหวังสักทีนะแทนคุณ เจอคนที่มาเพื่อรักแทนคุณ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
ให้อภัยนิดนึง

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ถ้าเค้าคบกันไปเรื่อยๆคุณจะต้องรักยูมากแน่ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด