แจ้งข่าวสักเล็กน้อย :
เมื่อไม่กี่วันก่อนก็เพิ่งสมัครเพจเฟซบุ๊คนะคะ ยังไงฝากเนื้อฝากตัวกับท่านที่มีแอคเคานท์ไว้ตรงนี้ด้วยเน้อ
ปล.ในทวิตเตอร์ก็กำลังเล่นเกมแจกหนังสือน้า ท่านใดสนใจลองเข้าไปเล่นกันค่ะ =)

----------
ราคาฝัน # 36
โมเดลจำนวนหลายสิบซึ่งเรียงรายกันอยู่บนชั้นวางของคือสิ่งที่หยุดจินดาไว้ตรงนี้นานหลายนาทีแล้ว แบบจำลองของโปรเจ็คต์มากมายที่ทอมทอมสตูดิโอเคยรับทำล้วนถูกเก็บไว้ที่นี่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
...นั่นก็คอนโด...
...นี่ก็คอนโด...
...มองไปทางไหนก็มีแต่โมเดลคอนโด...
...ส่วนโปรเจ็คต์ประเภทเดียวกับสำนักงานใหญ่ของลิงเกอร์ฯที่เขาชอบนักชอบหนาน่ะมีนับชิ้นได้...
ลมหายใจห้วงเล็กๆถูกผ่อนผ่านปลายจมูกได้รูปออกมาเพียงแผ่วเบา
จินดาไม่ปฏิเสธว่าข้อเสนอของอาจารย์บุญฤทธิ์นั้นน่าสนใจเหลือเกิน ที่นั่นมีโปรเจ็คต์แบบที่เขาโปรดปรานรอให้ทำอยู่มากมาย เรียกได้ว่าเป็นเส้นทางที่เหมาะสมกับความถนัดของเขาโดยแท้จริง แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นอีกใจหนึ่งกลับไม่รู้สึกว่าอยากจากที่นี่ไปไหน
...ป๋าเลี้ยงเขาด้วยความเมตตามาตลอด คอยหยิบยื่นโอกาสให้ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเพียงเด็กฝึกงานไม่รู้ประสาด้วยซ้ำ...
...ไหนจะยังเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ร่วมอดหลับอดนอนมาด้วยกันหลายต่อหลายคืนเหล่านั้นอีก หากไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาทุกวันแล้วคงรู้สึกเหงาพิลึก...
“ยังไม่เจอเลยครับ..”
น้ำเสียงร้อนรนของใครบางคนที่ดังเข้าหูมาดึงให้จินดาต้องละความสนใจออกจากโมเดลพวกนั้นแล้วหันมอง
เด็กหนุ่มเจ้าของร่างกายผอมบางเดินยกโทรศัพท์แนบหูเข้ามาในห้องเก็บของแห่งนี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “..จ..ใจเย็นนะครับพี่โก๋ ผมกำลังเข้ามาดูในห้องเก็บของ..อย่างนี้ได้ไหม ถ้าผมหาเจอเมื่อไหร่เดี๋ยวผมโทรฯกลับ..”
จินดาเลิกคิ้วมองตามการเคลื่อนไหวของเจ้าเด็กฝึกงานไปด้วยความประหลาดใจ
“ครับๆ..โทรฯกลับแน่นอนครับ ไม่ต้องห่วงครับ แค่นี้นะครับ”
โทรศัพท์ถูกกดตัดสายไปแล้ว ต้นตระการหันมายิ้มแห้งให้รุ่นพี่ที่ยืนอยู่ในห้องด้วยกันไปเสียหนึ่งที “ขอโทษที่รบกวนความสงบครับพี่จิน”
“ไม่เป็นไร..ว่าแต่หาไรอยู่วะต้น? พี่ช่วยไหม?”
“อ่า..พี่โก๋แกอยากได้แบบขออนุญาตของโปรเจ็คต์รีสอร์ทที่ชะอำน่ะครับ ที่รูปร่างที่ดินมันคล้ายๆกับที่ตรงหัวหิน”
“ชะอำเหรอ?..อืม..พี่ว่าน่าจะอยู่โซนนี้นะ” จินดาก้มๆเงยๆช่วนรุ่นน้องหาของพลางปากก็ถามไถ่ไปตามเรื่องตามราว “แล้ววันนี้เฮียแกไปไหนอะ? ยังไม่เห็นเข้าออฟฟิศเลย”
“ไปสำนักงานที่ดินที่หัวหินครับ”
“แล้วทำไมต้นไม่ไปด้วย?”
“พี่โก๋ฝากงานไว้ให้ผมทำเยอะแยะเลย ต้องรีบทำให้เสร็จเพราะลูกค้าเร่งมา จู่ๆทางนั้นก็เปลี่ยนแผนอยากให้โครงการสร้างเสร็จก่อนปลายปีหน้า”
“แต่นี่เดือนแปดแล้วนะ..โปรเจ็คต์มันเพิ่งเริ่มเอง ต้องใช้เวลาอีกตั้งกี่เดือนกว่าจะปิดแบบวะ จะทันเร้อ?”
“เพราะอย่างนี้พี่โก๋ถึงได้เครียดมากไงครับ เห็นว่าทางลูกค้ามีตัวเลือกอื่นเผื่อไว้ด้วย ก็เลยกลัวงานหลุด...สองสามวันมานี้พี่เขาดุสุดๆเลย...น่ากลัวมาก”
ได้ฟังดังนั้นจินดาก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาลั่นห้องทันที ฝ่ามือข้างหนึ่งยื่นออกไปตบลงที่บ่าของคู่สนทนาปุๆ “ทำใจดีๆไว้นะไอ้น้อง เฮียแกสายโหดก็จริง แต่รับรองได้ว่าไม่แดกหัวใครแน่นอน”
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
...เป็นท่านั่งทำงานที่แปลกที่สุดตั้งแต่เคยลองมา...
...นั่งทำไปก็หน้าร้อนขึ้นมาเป็นพักๆ...
ไออุ่นจากร่างกายสูงใหญ่ที่ทาบซ้อนอยู่ทางด้านหลังทำให้จินดารู้สึกเหมือนมีผ้านวมผืนหนามาห่อคลุมกาย ประหลาดกว่าหน่อยก็ตรงที่ผ้านวมผืนนี้มีปากเอาไว้คอยจูบหัวไหล่จูบต้นคอของเขาอยู่เป็นระยะด้วยน่ะสิ
คนทั้งคู่กำลังนั่งอยู่บนพื้นหน้าโซฟา แขนข้างหนึ่งของธีรชาติโอบรอบลำตัวและเกาะเกี่ยวเอวของสถาปนิกหนุ่มไว้เพียงหลวมๆ ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็ใช้ไถหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องเก่งเช็คข่าวความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทางซีกโลกตะวันตกไปด้วย ฝ่ายจินดาเองก็ก้มหน้าก้มตาตวัดปลายปากกาลงสมุดคู่ใจไม่ได้หยุด แม้สายตาและสมาธิจะไม่ได้จดจ่ออยู่ที่อีกฝ่าย แต่ร่างกายของพวกเขาก็สัมผัสกันอยู่ตลอดเวลา
...บางทีนี่อาจเป็นวิถีที่เหมาะสมกับคู่รักบ้างาน...
สิ่งหนึ่งที่จินดาสังเกตได้หลังจากที่มานั่งสเก็ทช์ไอเดียอยู่ข้างจอเครื่องมือสื่อสารของธีรชาติคือวันนี้มีคนติดต่อเข้ามาหาคนรักของเขาบ่อยเป็นพิเศษ
...เดี๋ยวๆไลน์เด้ง เดี๋ยวๆโทรศัพท์ดัง...
ที่น่าประหลาดใจยิ่งไปกว่านั้นคือรูปโปรไฟล์ของบรรดาผู้ติดต่อทางไลน์ที่สายตาเจ้ากรรมของเขาดันเหลือบไปเห็นเข้าก็ดูไม่ค่อยจะเหมือนคนที่ธีรชาติต้องคุยงานด้วยสักเท่าไหร่
...มีแต่สาวๆหน้าตาสวยเข้มแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ด...
...บางคนมองผ่านๆนึกว่าดาราด้วยซ้ำ...
...มาจากไหนเยอะแยะวะเนี่ย?...
“..พ..พี่ชาติ?..”
“หืม?” เจ้าของชื่อขานรับพลางกดปลายจมูกลงกับหัวไหล่ของคนในอ้อมแขนไปอีกหนึ่งที ดวงตาคู่คมยังคงแช่ค้างอยู่ที่เนื้อหาข่าวภาษาอังกฤษในจอมือถือ
“ทำไมวันนี้คนติดต่อมาหาพี่เยอะจังอะ?” ในที่สุดสถาปนิกหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยถามออกมา
ธีรชาติคลี่ยิ้มบางเบาโดยไม่ที่ละสายตาออกจากหน้าจอ “ไม่มีอะไรหรอก จินอย่าสนใจเลย” เขาตอบเพียงสั้นๆด้วยท่าทางเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก ซึ่งลักษณะแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ก้อนความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นในใจคนฟังมาตั้งแต่เมื่อครู่ขยายใหญ่ขึ้น
จินดายอมเก็บความไม่สบายใจไว้แล้วดึงสมาธิกลับไปจดจ่ออยู่กับการสเก็ทช์ไอเดียลงสมุดอีกครั้ง
บรรยากาศรอบกายคนทั้งคู่ดำเนินไปอย่างเงียบเชียบ สิ่งเดียวที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในตอนนี้คือความคิดที่มีต่อเรื่องงานของพวกเขาเท่านั้น
...จนกระทั่ง...
เสียงร้องเตือนจากเครื่องมือสื่อสารเครื่องเดิมเรียกให้ลูกตาดำขลับในกรอบเรียวรีต้องเบนมองอีกครั้ง และคราวนี้ข้อความที่ทางฝ่ายนั้นส่งมาก็ทำให้จินดาต้องเลิกคิ้วขึ้นทันที
...‘What abt tonight?’... ข้อความถูกส่งมาเช่นนั้น แถมหน้าตาคนส่งก็แนวเดียวกับบรรดาแฟนเก่าของธีรชาติที่เขาเคยเห็นจากในข่าวเสียด้วย
...ว..ว้อทอะเบ้าต์ทูไนต์อะไรวะ?...
จินดาเหลือบมองคนข้างกายด้วยสีหน้ากังขา จู่ๆก้อนเนื้อในอกมันก็เต้นผิดจังหวะขึ้นมาเสียดื้อๆ
ดูเหมือนว่าธีรชาติจะไม่ได้ใส่ใจกับข้อความที่เด้งขึ้นมาแม้สักนิด นักธุรกิจหนุ่มเพียงกดปิดมันลงไปแล้วเริ่มอ่านข่าวสำคัญต่อเท่านั้น
“..คืนนี้มีธุระข้างนอกเหรอ?..” สถาปนิกขี้สงสัยกลั้นใจถามขึ้นมา ลึกๆก็แอบหวั่นอยู่ไม่น้อยว่าอีกฝ่ายจะหาว่าเขายุ่งเรื่องส่วนตัวเกินไปหรือเปล่า
...แต่มันอยากรู้...
...อดไม่ได้ที่จะต้องถาม...
“หืม? ไม่นี่ ก็อยู่บ้านนี่แหละ ทำไมเหรอ?”
“..เมื่อกี้ผมแอบเห็นเพื่อนพี่ถามถึงคืนนี้..ก็เลยนึกว่าพี่ต้องไปไหนซะอีก..” กล่าวจบจินดาก็เม้มริมฝีปากเข้าหากันด้วยความประหม่า
“เพื่อนไหน?..อ๋อ ที่ไลน์มาเมื่อกี้น่ะเหรอ? บอกแล้วไงอย่าสนใจเลย”
ถ้อยคำของธีรชาติทำให้นักออกแบบหนุ่มนิ่งไปทันที ยิ่งอีกฝ่ายไม่มีคำอธิบายที่กระจ่างให้ เขาก็ยิ่งรู้สึกหน่วงๆในอก
...อยู่ดีๆใจมันก็เกิดกลัวขึ้นมา...
...คงเพราะรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติของสถานการณ์...
ความอุ่นร้อนจากริมฝีปากและปลายจมูกของคนทางด้านหลังที่สัมผัสลงมาบริเวณซอกคอทำให้จินดาต้องวางปากกาในมือลงกับพื้นโต๊ะแล้วค่อยๆเบี่ยงตัวหนีทีละเล็ก
ธีรชาติเงยหน้ากลับขึ้นมาอีกครั้ง รอยยิ้มหล่อเหลาแบบที่เขาติดอกติดใจหนักหนาประดับอยู่บนใบหน้าคมคายอย่างน่าดูชม
“นั่งกอดกันกลมเป็นลูกบอลมาตั้งแต่เช้าแบบนี้ยังต้องกังวลอะไรอีกเหรอที่รัก?” ผู้บริหารหนุ่มกล่าวกลั้วหัวเราะ สายตากรุ้มกริ่มที่ส่งออกไปทำเอาคนมองต้องเบนหน้าหลบ “กำลังหึงพี่อยู่ใช่ไหมเนี่ย? ฮึ?”
...แม่ง...
จินดากรอกตามองเพดานห้อง
...รู้ทันตลอด...
“ผมไม่คิดอะไรหยุมหยิมแบบนั้นหรอกน่า” สถาปนิกหนุ่มโบกไม้โบกมือปฏิเสธทั้งที่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าตนกำลังหึงแบบที่อีกฝ่ายว่าจริงๆ
“แหม ไม่หึงแต่พูดเสียงแข็งเชียวนะ..มาๆ..พี่เล่าให้ฟังก็ได้” ในที่สุดธีรชาติก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ ฝ่ามืออุ่นหนาวางโทรศัพท์เครื่องบางลงกับโต๊ะก่อนจะยกขึ้นขยี้ศีรษะของคนรักไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว “แต่จินต้องสัญญาก่อนนะว่าถ้ารู้แล้วจะไม่นอยด์”
“รู้เรื่องอะไร?”
“ก็เรื่องสาวๆพวกนี้ไง”
“โอ๊ย ไม่นอยด์ร้อก..บอกแล้วไม่ใช่คนชอบคิดอะไรหยุมหยิม”
“ขอให้มันจริงแล้วกัน” ผู้บริหารหนุ่มเคาะข้อนิ้วลงไปกลางหน้าผากมนจนคนถูกประทุษร้ายต้องลอบสบถออกมาเบาๆ “คือจริงๆตอนแรกพี่ก็งงนะว่าคนพวกนี้เขาไปเอาคอนแทคพี่มาจากไหน อยู่ๆก็โผล่มาพร้อมกันหลายคนเลย พี่ไม่รู้จักพวกเขาเป็นการส่วนตัว แค่รู้มาบ้างว่าเป็นคนในแวดวงเดียวกับใบตอง..ถามไปถามมากลายเป็นว่าตองนี่แหละที่เป็นคนเอานามบัตรพี่ไปก็อปปี้แจก..สงสัยยังไม่พอใจที่วันก่อนพี่ให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้น”
“อ้าวเฮ้ย มีอย่างนี้ด้วย?”
“นั่นน่ะสิ”
“แล้วเขาทักมาจีบพี่กันเหรอ?”
“..อืม..ก็อาจจะ ส่วนมากเขาเข้ามาฝากฝังตัวเผื่อลิงเกอร์ฯเรียกใช้งาน แต่ก็มีบางคนพยายามนัดพี่ไปกินข้าว อย่างคนเมื่อกี้ที่จินเห็นก็เหมือนกัน”
“..แล้ว..ไม่ปฏิเสธเขาไปล่ะ?..”
“ปฏิเสธไปหลายคนแล้วครับคุณสถาปนิก แต่ว่ายังมีคนใหม่มาทักเรื่อยๆ ไม่รู้ตองเอานามบัตรพี่ไปแจกไว้กี่ใบ ตอนนี้ก็กำลังรอให้บัวเขาช่วยจัดการอยู่ ขี้เกียจเคลียร์เอง เรื่องไร้สาระ”
“เอ่อ..” จินดาส่งเสียงออกมาอีกครั้งด้วยท่าทางลังเล “..พี่หวั่นไหวกับใครบ้างไหมอะ? ฮอตๆทุกคนเลยนะนั่นน่ะ..”
ธีรชาติสั่นศีรษะปฏิเสธทันที “ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว สาบานได้ จินจะเอามือถือพี่ไปเช็คดูก็ได้นะถ้าไม่สบายใจ”
“..ม..ไม่เป็นไรอะ..ผมเชื่อ..”
มาถึงตรงนี้ธีรชาติก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นกว่าเก่าก่อนจะวางคางลงบนไหล่ของคนรัก “ไม่ต้องห่วงนะ ตองเขาทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้หรอก นี่ก็คงตั้งใจจะแก้เผ็ดเฉยๆ บัวจัดการแทนพี่ได้แน่นอน”
จินดาพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ แววตาของเขาดูราวกับกำลังว่าในหัวกำลังครุ่นคิดไตร่ตรอง
“พี่ชาติ”
“หืม?”
“ขอยืมมือถือหน่อยได้ไหม?”
“เปลี่ยนใจจะเช็คแล้วเหรอ? เอาไปสิ”
สมาร์ทโฟนเครื่องบางถูกส่งให้คนที่เอ่ยขอ น่าแปลกว่าแอปพลิเคชั่นแรกที่ถูกเรียกขึ้นมาใช้งานนั้นหาใช่เจ้าแอปพลิเคชั่นที่มีโลโก้สีเขียวๆอย่างที่ธีรชาติเข้าใจ หากแต่กลับกลายเป็นกล้องถ่ายรูปความละเอียดสูงไปเสียได้
“เปิดกล้องทำไมน่ะ?”
จินดาไม่ตอบเพียงแต่สอดนิ้วประสานมือเข้ากับมือข้างที่ว่างของธีรชาติ เขาออกแรงยกมันขึ้นมาวางให้เห็นชัดๆบนโต๊ะตัวเตี้ยตรงหน้า
ผู้บริหารคนดังกะพริบตาปริบๆมองการกระทำของคนรักด้วยความงุนงง แต่แม้กระนั้นก็ไม่ได้เปิดปากท้วงถามอะไรขึ้นมาแต่อย่างใด
จินดาบรรจงถ่ายรูปมือที่เกาะกุมกันไว้ของพวกเขาในมุมที่คิดว่าสวยงามที่สุด และเมื่อได้ภาพที่ดูดีสมใจแล้วสถาปนิกหนุ่มก็เริ่มก้มหน้าก้มตาทำบางอย่างกับเจ้าเครื่องมือสื่อสารอย่างถือวิสาสะ
“จะทำอะไรเหรอจิน?”
“ขอเวลาสักครู่” คนถูกถามตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะใช้เวลาจดจ่อกับสมาร์ทโฟนในมืออยู่นานเกือบนาที จนในที่สุดหลังจากทำตามความต้องการได้ลุล่วงมือถือเครื่องบางก็ถูกส่งคืนเจ้าของอีกครั้ง
ธีรชาติไม่รอช้ารีบเปิดดูว่าอีกฝ่ายทำอะไรกับเครื่องของเขาบ้างก่อนที่เพียงไม่กี่อึดใจถัดมารอยยิ้มปลื้มปริ่มจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคาย
นักธุรกิจหนุ่มเงยหน้ากลับขึ้นมาหลิ่วตามองคนรักด้วยท่าทางราวกับต้องการจะล้อเลียน ซึ่งจินดานั้นก็หาได้แคร์ไม่ พ่อสถาปนิกคนดีแค่ยักไหล่แล้วเปิดปากอธิบายออกมาเพียงสั้นๆว่า “..ถ้าเห็นแบบนี้แล้วยังกล้ามายุ่งกับพี่อีกก็ให้มันรู้ไป..”
ได้ฟังดังนั้นผู้บริหารคนดังก็หัวเราะร่วน
...ร้ายจริงๆ...
...แบบนี้มันเหมือนประทับเหล็กร้อนตีตราบนเนื้อตัวกันชัดๆ...
ภาพถ่ายสองมือของพวกเขาที่ประสานกันไว้อย่างแนบแน่นถูกโพสต์ลงในไทม์ไลน์ คำบรรยายใต้รูปเขียนไว้เพียงสั้นๆว่า
...‘I’m taken’... ซึ่งหากต้องแปลเป็นภาษาไทยก็คงจะได้ความหมายประมาณ ‘ผมมีเจ้าของแล้ว’ หรือ ‘ผมถูกจองแล้ว’ นั่นแหละ
...ให้ตายเถอะ...
...อยากจะจับมาฟัดให้แก้มช้ำ...
“ไม่ถ่ายรูปประกบปากกันไปเลยล่ะ? ถ่ายแค่มือจะไปสะใจอะไร?” ผู้บริหารหนุ่มกระเซ้าคนรักอย่างอารมณ์ดี
“บ้าเหรอ? เดี๋ยวเพื่อนๆญาติๆพี่มาเห็นจะได้ช็อคตายกันพอดี”
“โธ่..ใจไม่เด็ดพอนี่นา”
ธีรชาติส่ายศีรษะไปมาน้อยๆโดยที่รอยยิ้มก็คงยังถูกทิ้งค้างไว้บนริมฝีปาก ดวงตาคู่คมจับจ้องไปยังเสี้ยวหน้าของคนรักที่ยามนี้ก้มกลับลงไปหาสมุดสเก็ทช์ดังเดิมแล้ว
...จินดาเวอร์ชั่นปากตรงกับใจนี่มันน่าหมั่นเขี้ยวจริงๆ...
...ถ้ารู้ว่าพอคบกันแล้วจะทำตัวแบบนี้ เขารีบจับรวบหัวรวบหางไปเสียตั้งแต่แรกๆก็ดี...
.
.