ราคาฝัน # 34
...ไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชาย...
...ไม่รู้จะทำตัวยังไง...
ตอนนี้จินดากำลังรู้สึกเหมือนกับว่าส่วนต่างๆของร่างกายนั้นควบคุมได้ลำบากยากเย็นเสียเหลือเกิน มือไม้ที่ขยับปากกาตวัดลายเส้นลงบนกระดาษร่างไปมาดูเงอะงะเก้กังเหมือนเป็นมือของคนที่วาดรูปไม่เป็น แม้กระทั่งการหายใจเข้าออกให้เป็นจังหวะสม่ำเสมอยังกลายเป็นเรื่องหินสำหรับเขา
“คลอเซ็ตไม่ต้องใหญ่ขนาดนั้นหรอก เสื้อผ้าเราสองคนไม่ได้เยอะแยะอะไร พี่ว่าเก็บที่ไว้ทำห้องเก็บของดีกว่า สถาปนิกของเยอะไม่ใช่เหรอ?” สุ้มเสียงทุ้มนุ่มของธีรชาติที่เล่นมานั่งเท้าคางมองเขาทำงานอยู่ข้างๆกันดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเส้นผนังถูกตียาวเกินจำเป็น
“..จะรีบไปไหน?..” นักออกแบบหนุ่มพึมพำเสียงเบา “..ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไปอยู่ด้วย..”
“เอ้า ก็ไม่เห็นเป็นไร อยู่ไม่อยู่ค่อยว่ากันทีหลังได้น่า ตอนนี้ออกแบบเผื่อไปก่อนไง”
แบบบ้านในฝันถูกจินดานำกลับมาแก้ไขใหม่ตามความประสงค์ของธีรชาติ ฟังก์ชั่นที่เคยถูกคิดขึ้นมาสำหรับภรรยาและเด็กๆถูกคุณลูกค้าคนสำคัญเลาะออกไปจนเกือบหมด
...มานั่งกำกับกันไม่ห่างแบบนี้สถาปนิกคิดอะไรไม่ออกเลย...
หลังจากที่เคลียร์ใจกันไปในคืนนั้นจินดาก็ตกลงเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับธีรชาติ ทุกสิ่งดูแปลกไปมากเมื่อพวกเขาเปลี่ยนสถานะระหว่างกันจากเพื่อนจากพี่น้องมาเป็นคนรัก
...พอเปลี่ยนแล้วมันก็รู้สึกเขินอยู่ตลอดเวลา...
...เขินจนทำตัวไม่ถูก...
“พี่ไปนั่งอ่านข่าว ดูทีวี หรือนอนเล่นก่อนก็ได้นะ..กว่าผมจะทำเสร็จคงใช้เวลาอีกนาน” จินดาอ้อมแอ้มกล่าวออกไปเสียงค่อย ดวงตาลุ่มลึกที่มองมาทำให้เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นเผชิญ
“คิดจะไล่กันหรือไง?”
“..เปล่า..แต่เวลามีคนมานั่งจ้องตอนทำงานแล้วผมจะรู้สึกเกร็งๆนิดหน่อย..”
“แค่มองเฉยๆเอง ปล่อยให้มองไปเถอะน่า...ตอนนี้ถึงเวลาที่จินต้องตามใจพี่บ้างแล้วนะ ทำให้พี่กินไม่ได้นอนไม่หลับไปตั้งหลายวัน ชดเชยบ้างสิ” ผู้บริหารคนดังกล่าวกลั้วหัวเราะในขณะที่ฝ่ามือหนาใหญ่ก็ยื่นออกไปจับเอาผมปอยหนึ่งของคนข้างกายที่ปรกลงมาบดบังทัศนวิสัยขึ้นทัดหูให้
“โธ่..”
“ไม่ต้องมาโธ่ นี่พี่ยังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องที่จินหลอกว่ากลับไปคบกับแฟนเก่าเลยด้วยซ้ำ”
ลมหายใจของคนฟังสะดุดลงทันที ตอนธีรชาติบอกครั้งแรกว่ารู้ความจริงจากปากหมิงมาสักพักแล้ว จินดาก็ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าอดีตคนรักแอบไปแพร่งพรายความลับให้นักธุรกิจหนุ่มรู้ตั้งแต่ตอนไหน
ดวงตาคู่เรียวของพ่อสถาปนิกคนดียังคงจับจ้องอยู่ที่กระดาษร่าง ทว่าความคิดของเขากลับไม่ได้อยู่กับแบบบ้านในฝันอีกต่อไป
“พี่ชาติคิดบัญชีผมไปแล้ว..” จินดากล่าวออกมาเสียงแผ่ว “..ตอนที่โดนพี่เมินผมโคตรกลัวเลย..กินไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนกัน..”
จบประโยค ข้อนิ้วแข็งๆของธีรชาติก็กระทบลงไปที่หน้าผากของคนพูดโดยพลัน
“โอ๊ย! เจ็บ”
จินดาหันมองหน้าคนที่ประทุษร้ายเขาก่อนจะได้พบว่าตอนนี้เรียวคิ้วหนาเข้มกำลังขมวดเข้าหาเสียจนแทบชิดเป็นเส้นเดียว
“เป็นขนาดนั้นแล้วยังจะคิดหนีพี่อีก จิตใจทำด้วยอะไร? ฮึ? เหล็กเหรอ? แข็งจริงๆ...ไม่เอาแล้วนะจิน ทีหลังถ้ามีอะไรก็มานั่งคุยกันดีๆ ห้ามเก็บไปคิดอยู่คนเดียว เรื่องของสองคนก็ต้องช่วยกันคิดสองคน ให้พี่มีส่วนร่วมด้วย..แล้วก็ถ้าเกิด..อะ!..”
ถ้อยคำที่ถูกพ่นออกมาเสียยาวเป็นขบวนรถไฟถูกตัดให้ขาดตอนลงอย่างกะทันหันด้วยสัมผัสนุ่มหยุ่นจากริมฝีปากของคนถูกดุ จินดาหยุดประโยคของธีรชาติไว้ด้วยจุมพิตทั้งที่เดิมทีตัวเองก็เขินจะแย่อยู่แล้ว ร่างกายขนาดสันทัดยืดขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ระดับของใบหน้าเสมอกัน
ฝ่ายคนที่จู่ๆก็ถูกรุกโดยไม่คาดฝันเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนเลยจริงๆว่าจะได้รับปฏิกิริยาเช่นนี้จากคนรัก หากแต่ทันทีที่ตั้งสติได้เขาก็พร้อมจะสานต่อความตั้งใจแต่โดยดี
จูบของจินดาไม่ได้กินเวลายาวนานนัก เพียงแตะริมฝีปากลงไปเบาๆพอให้หัวใจรู้สึกชุ่มชื้นขึ้นมาบ้างเท่านั้น
สถาปนิกหนุ่มค่อยๆถอนใบหน้าออกโดยที่ฝ่ามือทั้งสองข้างก็ยังคงทาบทับอยู่ที่ข้างแก้มของอีกฝ่ายเหมือนอย่างเก่า
“..ขอโทษ..” แม้ถ้อยคำที่ถูกเปล่งออกไปจะไม่ได้ดังมากนัก ทว่ามันก็ฟังดูเต็มเสียงดี
“..ไม่ทำแล้ว..” ธีรชาติวางสายตาจับจ้องไปยังใบหน้าอ่อนใสของคนอายุน้อยกว่าโดยที่ในอกก็อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกมากมาย “จินพูดแล้วนะ”
“อืม ไม่ต้องห่วง..คำไหนคำนั้น”
รอยยิ้มหล่อเหลาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้บริหารคนดัง “คบกันมาสองวันแล้ว ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง?”
คำถามที่ถูกส่งมาทำให้จินดาต้องนิ่งตรองใจไปครู่
“อืม..ก็..ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่”
“ยังกังวลอยู่ไหม?”
นักออกแบบหนุ่มพยักหน้ายอมรับตามตรง “พยายามเลิกคิดแล้วแต่มันยังทิ้งไปได้ไม่หมด คงอีกสักพัก ชินเมื่อไหร่ก็น่าจะโอเค”
เมื่อได้ฟังคำตอบดังนั้นธีรชาติก็เคลื่อนหน้าเข้าไปประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากเรียบเนียนของอีกฝ่ายทันที “ขอบคุณที่เป็นห่วงพี่นะจิน แต่เชื่อสิว่าพี่ดูแลเรื่องของเราได้”
“ครับ” จินดาตอบเสียงแผ่ว “..ผมเชื่อแล้ว..”
นับเป็นบ่ายวันอาทิตย์ที่สมกับเป็นบ่ายวันอาทิตย์ดีจริงๆ ช่วงเวลาสบายๆแบบนี้คู่ควรกับการนั่งพูดคุยกับคนรักอย่างใกล้ชิดเป็นที่สุด
...ไม่ต้องขยับตัวออกแอ็คชั่นให้มากมาย เพียงแค่ใช้ใจเยอะๆก็สุขพอ...
โมเม้นต์ชวนให้อารมณ์เบิกบานของคนทั้งคู่ถูกเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขัดจังหวะไว้ในตอนที่สายตาของพวกเขากำลังสบประสานกัน ธีรชาติที่นั่งอยู่ใกล้กว่ารับหน้าที่เอื้อมมือไปหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องบางมาส่งให้คนเป็นเจ้าของ หากแต่เมื่อได้เห็นชื่อผู้โทรฯเข้าที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอเขาก็ต้องชะงักไปทันใด
...‘K.Baitong’...
“ใบตอง? เพื่อนเหรอ?” นักธุรกิจหนุ่มเอ่ยถามออกไปเช่นนั้นโดยที่คิ้วทั้งสองข้างก็เริ่มกระตุกเข้าหากันอีกแล้ว
คนถูกถามแสดงท่าทีอ้ำอึ้งอยู่ชั่วอึดใจสั้นๆ “..ก็..เป็นคนที่ติดต่อธุระด้วยนิดหน่อย..”
“ใบตองไหน? ชื่อจริงชื่ออะไร? อย่าบอกนะว่าเป็นคนที่พี่คิด”
เสียงเพลงจากเครื่องมือสื่อสารที่ถูกธีรชาติถือไว้ยังคงบรรเลงต่อไปเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงในเวลาอันสั้น
“..อ่า..คือ..”
“ใบตอง รมิตาใช่ไหม?”
เมื่อถูกถามออกมาตรงๆ ในที่สุดจินดาก็ตัดสินใจพยักหน้ารับแต่โดยดี ใบหน้าละไมยามนี้ดูเจื่อนสนิทไม่ต่างจากเด็กถูกพ่อแม่จับได้ว่าแอบโดดเรียน
“ติดต่อกันเรื่องอะไร?”
“ขอผมรับสายก่อนได้ไหม? เดี๋ยวคุยเสร็จแล้วจะอธิบายให้ฟัง”
เพราะเป็นโทรศัพท์ของคนรักธีรชาติจึงจำต้องยอมให้อีกฝ่ายทำตามความประสงค์ แต่กระนั้นก็ไม่วายนั่งกอดอกทำหน้าถมึงทึงคุมเป็นพัศดีอยู่ข้างๆ
“สวัสดีครับคุณใบตอง..อ่า..ก็สะดวกครับ คุยได้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าฮะ?..อ๋อ ชีวิตผมช่วงนี้..ก็..ค่อนข้างดีนะครับ..” การพูดคุยของจินดามีอาการตะกุกตะกักและเต็มไปด้วยวี่แววของความลำบากใจ “..เปล่าหรอกครับ..คือ..ที่จริงผมไม่ได้ทำแบบนั้นแล้วล่ะ..ตอนนี้ผมกับพี่ชาติ..เอ่อ..”
...อยากจะบอกว่าคบกัน แต่เลือกใช้คำไม่ถูก...
สถาปนิกหนุ่มพยายามคิดหาถ้อยคำที่จะไม่ทำให้จิตใจของหญิงสาวทางปลายสายถูกกระทบกระเทือนมากจนเกินไป คำพูดของเขาขาดท่อนไปนานเกินปกติวิสัย
“จิน ขอพี่หอมแก้มหน่อยสิ” ดวงตาเรียวรีเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกอกตกใจ ไม่นึกว่าจู่ๆคนข้างกายจะเปิดปากพูดประโยคเมื่อสักครู่ด้วยระดับเสียงที่ดังเกินจำเป็นออกมาในเวลาแบบนี้
“..อ..เอ่อ..ใช่ครับ เสียงพี่ชาติ..แหะๆ..” จินดาตอบรมิตาเสียงแห้งพลางสายตาก็จับจ้องไปยังอิริยาบถของธีรชาติ ตอนนี้ฝ่ามือหนาใหญ่กำลังแบอยู่ตรงหน้าเขา ปลายนิ้วทั้งสี่กระดิกดิ๊กๆส่งสัญญาณว่าต้องการอะไร
“เดี๋ยวพี่คุยเอง” ธีรชาติกล่าวออกมาเสียงเรียบ ซึ่งเมื่อเจออย่างนั้นจินดาก็ต้องลอบกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
...ธีรชาติโหมดนี้น่ากลัวนักแล...
แล้วในที่สุดเครื่องมือสื่อสารถูกวางลงในมือของนักธุรกิจคนดังจนได้
“สวัสดีครับคุณรมิตา ผมธีรชาติเองนะ พอดีตอนนี้แฟนผมกำลังทำงานอยู่ ไม่ค่อยสะดวกคุยเท่าไหร่ คงต้องขออนุญาตวางสายก่อน..อ้อ..แล้วก็ถ้าเกิดคุณโทรฯมาคราวหน้าแล้วเขาไม่รับก็อย่าถือสาแล้วกัน ปกติแฟนผมงานยุ่งมาก ไม่ค่อยมีเวลาคุยเล่นกับใครหรอก แค่นี้ก่อนนะครับ สวัสดีครับ”
สิ้นพยางค์สุดท้ายการเชื่อมต่อก็ถูกตัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย..ทำไมไปพูด’งั้นอะ? เขาไม่ตกใจตายเหรอเนี่ย?” จินดาท้วงขึ้นทันที
ธีรชาติยักไหล่ขึ้นเพียงน้อยๆ รอยยิ้มเล็กๆที่ถูกผู้บริหารหนุ่มกระตุกขึ้นตรงมุมปากนับเป็นรอยยิ้มที่ไม่ว่าจินดามองยังไงก็รู้สึกว่ามันดูร้ายกาจเสียเหลือเกิน “..ไม่เปิดกล้องแล้วจูบปากโชว์ก็ดีเท่าไหร่..”
สถาปนิกผู้ซึ่งกำลังรู้สึกกระอักกระอ่วนยกสองมือขึ้นขยี้หัวตัวเองไปมา
...โอย...
...ป่านนี้ไม่รู้ว่ารมิตาจะร้องห่มร้องไห้หรือโมโหเกรี้ยวกราดไปแล้วหรือยัง...
“ทีนี้..” สุ้มเสียงทุ้มนุ่มที่ยามนี้ฟังดูเคร่งขรึมกว่าปกติเล็กน้อยดังขึ้นอีกครั้ง “..จะบอกพี่ได้หรือยังว่าติดต่อกับเขาเรื่องอะไร?”
.
.
เรื่องราวในวันที่นักแสดงสาวนัดจินดาออกไปพูดคุยกันที่ร้านอาหารถูกเล่าผ่านกลีบปากบางจนได้ใจความ
ใบหน้าคมคายของธีรชาติส่ายไปมาเบาๆพร้อมด้วยลมหายใจเฮือกหนึ่งที่ถูกพ่นผ่านปลายจมูกออกมา
“...แต่ที่ตอนแรกผมจะเลิกยุ่งกับพี่ไม่ใช่เพราะเขาหรอก เขาแค่เข้ามาหาผมในจังหวะที่ผมกำลังเครียดเรื่องข่าวพอดี เพราะ’งั้นอย่าไปโกรธเขาเลย ผมนี่แหละขี้ป๊อดเอง...” จินดาก้มหน้ากล่าวเสียงค่อย
ท่าทางที่ดูเหมือนคนกำลังสารภาพบาปของพ่อสถาปนิกคนดีทำให้ธีรชาตินึกอยากจะยื่นมือออกไปเขกกระหม่อมสักทีสองที
“คำพูดของเขาเป็นผลหรือไม่เป็นผลกับจินไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งที่พี่กำลังไม่พอใจคือการที่เขาเข้ามายุ่งเรื่องของเรา เขาไม่มีสิทธิ์” นักธุรกิจหนุ่มกล่าวอย่างจริงจัง “เขาจะรู้สึกยังไงเกี่ยวกับเรื่องที่เราคบกันก็ถือเป็นปัญหาของเขา เลิกกันไปเป็นชาติแล้ว มาเรียกร้องแบบนี้มันแฟร์ที่ไหน? ถ้าเขาจัดการกับตัวเองไม่ได้ก็ปล่อยให้เป็นทุกข์อยู่อย่างนั้นแหละ เราทำอะไรไม่ได้หรอก..สนใจเรื่องของตัวเองดีกว่า..”
ศีรษะทุยมนของจินดาผงกขึ้นลงเบาๆโดยที่ดวงตาไม่ยอมเบนขึ้นสบกับคนตรงหน้า
...แหม...
...เมื่อสักสิบนาทีที่แล้วยังหวานเชื่อมเป็นน้ำแดงเฮลซ์บลูบอยอยู่แท้ๆ พอคุณใบตองโทรฯมาทีเดียวล่ะทั้งเข้มทั้งขมเป็นกาแฟดำขึ้นมาเชียว...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
