ราคาฝัน # 31
ม้วนกระดาษร่างในมือของสถาปนิกรุ่นพี่ถูกโบกลงไปกระทบเข้าที่ท้ายทอยของเจ้ารุ่นน้องบ้างานด้วยระดับความแรงไม่มากนัก
“หน้าบูดเป็นตูดเลยมึง เป็น’ไรวะ?” โกวิทเอ่ยถามขึ้นหลังจากจับสังเกตสีหน้าของจินดาได้ทันทีที่เดินเข้าออฟฟิศมาพลางวางกระเป๋าใบเก่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะประจำตัว “ตาดูบวมๆนะ อดนอนเหรอ?”
คนถูกถามเพียงหันมากระตุกยิ้มฝืนธรรมชาติให้เสียหนึ่งทีสั้นๆก่อนจะสั่นศีรษะไปมา “อืม นอนไม่หลับ ขี้ไม่ออก ปัญหาทั่วไป อย่าสนใจเลยพี่”
“โอ้โห ชีวิตดราม่าจัง มีอะปรึกษาเฮียได้นะไอ้น้อง..อ๊ะ..มึง โกโก้แก้วนี้ของใครวะ? ทำไมมาวางอยู่ที่โต๊ะกู?”
จินดาเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆขณะที่สายตาก็เหลือบมองเจ้าเครื่องดื่มแก้วที่ว่าไปด้วย “ไม่รู้สิ ไม่ใช่ของพี่เหรอ?”
“ถ้าใช่แล้วกูจะถามไหมหา? ปกติมึงเคยเห็นกูดื่มโกโก้ที่ไหน? ใครเอามาลืมไว้วะ?”
“เขาอาจจะไม่ได้ลืมแต่ตั้งใจชงมาให้พี่ก็ได้..มีใครในออฟฟิศแอบปิ๊งหรือเปล่า?”
“บ้า ผู้หญิงในออฟฟิศเราแม่งมีแต่ขาโหดทั้งนั้น ไม่มีใครทำอะไรอาโนเนะแบบนี้หรอก” โกวิทพูดเหมือนลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ตัวเขาเองก็เคยชงกาแฟมาประเคนจินดาอยู่ทุกเช้าเช่นกัน
แม้ปากจะหาว่ารุ่นน้องคนสนิทคิดอะไรไร้สาระ แต่กระนั้นชายหนุ่มก็อดที่จะแอบหันมองไปรอบกายไม่ได้ ถ้าแค่มาลืมไว้มันก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าไม่ใช่ แล้วเป็นแบบที่จินดาเพิ่งพูดไปมันก็...
ในขณะที่กำลังไตร่ตรองถึงเรตติ้งที่ผู้ชายวัยสามสิบต้นๆสักคนควรจะได้รับอยู่นั้น สายตาของโกวิทก็พลันไปสบเข้ากับดวงตาใต้กรอบแว่นของใครอีกคนที่ดูเหมือนจะลอบมองมาทางเขาอยู่ก่อนแล้ว
ต้นตระการซึ่งนั่งอยู่ห่างออกไปไม่น้อยสะดุ้งตัวขึ้นด้วยท่าทางงุ่มงามก่อนจะรีบดึงสายตากลับไปอยู่ที่จอคอมพิวเตอร์ตรงหน้าอีกครั้ง
สถาปนิกหนุ่มชะงักทุกความเคลื่อนไหวลงทันทีที่ได้เห็นอากัปกิริยามีพิรุธของอีกฝ่าย เขาใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ครู่สั้นๆก่อนจะตัดสินใจคว้าแก้วโกโก้เจ้าปัญหาขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินตรงไปทางเจ้าหนูหลานรักของผู้เป็นนาย
โกวิทกระแอมไอขึ้นเสียงเบาเป็นการให้สัญญาณกับเด็กหนุ่มที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตาให้ความสนใจกับงานที่ได้รับมอบหมายมากเกินความจำเป็น แก้วโกโก้หอมกรุ่นถูกวางลงไปที่ข้างฝ่ามือเรียวบาง
“แก้วนี้..” สถาปนิกรุ่นพี่เอ่ยขึ้นเสียงเข้ม “..ของมึงเหรอ?”
โดยวิสัยปกติของผู้น้อยที่มีสัมมาคารวะแล้ว หากมีผู้ใหญ่เดินเข้ามาเสวนาด้วยก็ควรจะหันหน้ามาพูดคุยอย่างใส่ใจ แต่ครั้งนี้ต้นตระการกลับนั่งคอแข็งอยู่ในท่าเดิม ดวงตาใต้กรอบแว่นสีดำจ้องเขม็งอยู่ที่หน้าจอราวกับว่าภายในนั้นมีการแข่งขันกีฬานัดสำคัญฉายอยู่ก็ไม่ปาน
“..ช..ใช่ครับ..” อิริยาบถที่ถูกควบคุมให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุดกลับให้ผลลัพธ์ตรงกันข้ามกับที่เด็กหนุ่มคาดหวังไว้ ลักษณะการพูดการจาของต้นตระการในยามนี้ดูประดักประเดิดพิลึกในสายตาของโกวิท
“แล้ว..มึงมาวางไว้ที่โต๊ะกูทำไม? ลืม?”
“..ป..เปล่าลืม..ผงชงมาให้พี่โก๋..”
ดวงตาคู่คมของคนฟังหรี่ลงน้อยๆขณะจับจ้องอย่างพิจารณาไปยังท่าทีของเจ้าเด็กตรงหน้า “ชงมาให้กูทำไมอะ?” เขาเอ่ยถามออกไปเช่นนั้น
“ก็..เห็นพี่โก๋งานเยอะ ดูเครียดๆ คิดว่าถ้าได้ดื่มอะไรหวานๆตอนเช้าอาจช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น..”
“อ๋อ..นี่หมายความว่ากูดุไปเหรอ? กลัวกูอารมณ์เสียแล้วมาลงกับมึงหรือไง?”
“เปล่าสักหน่อย..”
“ปกติกูไม่ดื่มโกโก้” โกวิทบอกกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “กูดื่มแต่กาแฟ”
“อ้าว..อย่างนั้นเหรอครับ?” น้ำเสียงของต้นตระการเจือกระแสผิดหวังพอให้อีกฝ่ายจับความรู้สึกได้อยู่เล็กน้อย “ปกติผมก็ไม่ดื่มกาแฟ ไม่รู้ว่าต้องชงแบบไหนถึงอร่อย..ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแก้วนี้ผมดื่มเองก็ได้ครับ..”
“เฮ้ยเดี๋ยว..กูบอกเมื่อไหร่ว่าจะไม่เอา” โกวิทยกแก้วเครื่องดื่มหนีมือของเด็กหนุ่มโดยพลัน
“ก็ตะกี้พี่โก๋เพิ่งพูดว่าไม่ดื่มโกโก้”
“กูบอกว่าปกติไม่ดื่ม ไม่ได้บอกว่าวันนี้จะไม่ดื่มโว๊ย” ข้อนิ้วแข็งๆถูกสะบัดลงไปโดนกระหม่อมของคนอายุน้อยกว่าจนเกิดเป็นเสียงดังโป๊ก สถาปนิกรุ่นพี่ปรายตามองอีกฝ่ายพลางยกเครื่องดื่มในแก้วขึ้นจิบ “ยังไงก็..ขอบใจนะที่อุตส่าห์ชงมาให้” โกวิทกล่าวขึ้นเสียงเบา ฝ่ามืออุ่นหนาข้างที่ว่างตบปุๆลงไปบนศีรษะของเด็กหนุ่มด้วยท่าทางไม่ต่างจากเวลาเล่นกับสุนัขแสนเชื่องสักตัว “..อร่อยดี..”
คำขอบคุณ คำชมเชยและสัมผัสที่ได้รับมาเรียกรอยยิ้มจากเด็กหนุ่มไปในได้ทันที
ต้นตระการเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่ที่ยืนค้ำกบาลอยู่เป็นครั้งแรก นัยน์ตาใต้เลนส์แว่นเปล่งประกายดีอกดีใจอย่างปิดไม่มิด
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมชงให้อีกนะ” เด็กหนุ่มกล่าวด้วยท่าทางกระตือรือร้น ซึ่งเมื่อได้เห็นอย่างนั้นโกวิทก็เปล่งเสียงหัวเราะในลำคอออกมาน้อยๆ
“แล้วแต่ ถ้าไม่ขี้เกียจก็เอาสิ..คนรักสบายอย่างกูไม่ขัดศรัทธาอยู่แล้ว”
ต้นตระการคลี่ยิ้มกว้างกว่าเดิมก่อนจะค่อยๆเสตาหลบกลับไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์เหมือนเก่า
ฝ่ายคนเป็นผู้ใหญ่เองก็กระตุกมุมปากพลางส่ายศีรษะไปมาหลังจากเด็กหนุ่มไม่ได้จับจ้องมาทางเขาแล้ว
...ไอ้หมอนี่มันยังไม่โตจริงๆ...
...นอกจากอายุจะห่างกับเขาตั้งรอบหนึ่งจนแทบเรียกเป็นหลานได้ นิสัยใจคอบุคลิกท่าทางของต้นตระการก็ยังดูเด็กอยู่มากเช่นกัน...
...เด็กถึงขั้นที่ว่าถ้าเขาเป็นป๋าเขาคงไม่อยากปล่อยให้มันไปไหนมาไหนคนเดียวแน่ๆ...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“มาทำอะไรที่นี่?” ธีรชาติเอ่ยถามขึ้นเสียงเรียบเมื่อเดินเข้าล็อบบี้คอนโดฯมาเจอนักแสดงสาวคนดังนั่งกอดอกปั้นหน้าถมึงทึงรออยู่ก่อนแล้ว
“ตองมีเรื่องอยากคุยกับพี่ชาติค่ะ ขอขึ้นไปคุยข้างบนได้ไหม? ‘คนๆนั้น’ ของพี่อยู่ที่ห้องหรือเปล่า?” หญิงสาวยันกายลุกขึ้นจากโซฟาตัวสวย แว่นตากันแดดราคาแพงยังคงประดับอยู่บนใบหน้าสวยหวานทั้งที่ตอนนี้ดวงอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว
พอได้ฟังคำขอ ชายหนุ่มก็ผ่อนลมหายใจผ่านปลายจมูกออกมาห้วงยาว “จะคุยเรื่องอะไร? ข่าวใช่ไหม? ถ้าเป็นเรื่องข่าวพี่จัดการบอกให้เขาเอาลงจากเว็บไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
“ค่ะ ทราบค่ะ...แต่ตองก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี ให้ตองขึ้นไปคุยข้างบนเถอะนะคะ ไม่เหยียบเข้าห้องนอนหรอก สาบานได้...”
ผู้บริหารหนุ่มส่ายศีรษะไปมาด้วยความระอาใจ
...มันอะไรกันนักหนานะช่วงนี้...
...มีแต่เรื่อง...
ดวงตาคู่คมปรายตาสำรวจความเป็นไปรอบกายก่อนจะค่อยๆพยักหน้ารับคำขออย่างไม่เต็มใจนัก
.
.
“ทำไมต้องเป็นผู้ชาย?” นี่คือคำถามแรกของหญิงสาวหลังจากที่เธอได้เข้ามายืนอยู่กลางเพนต์เฮาส์ของอดีตคนรักสมใจแล้ว สีหน้าสีตาที่แสดงออกมานั้นฉายชัดเหลือเกินว่าในใจเธอรู้สึกผิดหวังมากเพียงใด “พี่ชาติเพี้ยนไปแล้วเหรอคะ? หรือว่าจริงๆพี่ชาติเป็นเกย์อยู่แล้วแต่หลอกคบผู้หญิงบังหน้า?”
“ระวังคำพูดด้วยตอง คนอย่างพี่ไม่มีความจำเป็นต้องหลอกใคร” นักธุรกิจคนดังกล่าวเสียงเข้ม สายตาของเขาจับจ้องแน่วแน่ไปที่คู่สนทนา “จินดาเป็นผู้ชายคนเดียวที่พี่รู้สึกอย่างนี้ด้วย ก่อนหน้านี้พี่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะคิดอะไรกับผู้ชายได้”
“สรุปว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่กับคุณคนนั้นเป็นเรื่องจริงใช่ไหมคะ?”
คราวนี้ธีรชาติพยักหน้าหนักแน่น “พี่รักเขาจริงๆ”
ได้ฟังดังนั้นนางเอกสาวก็พ่นลมออกจมูกก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทางราวกับว่ามีของเน่าเหม็นมาวางอยู่ตรงหน้า
“พี่ชาติเห็นแก่ตัว..” เจ้าหล่อนพึมพำออกมาเช่นนั้นโดยตั้งใจให้ชายหนุ่มได้ยิน
คิ้วหนาเข้มอันแสนเป็นเอกลักษณ์ของธีรชาติขมวดเข้าหากันทันทีหลังจากถ้อยคำของเธอจบลงไป “หมายความว่ายังไงที่ว่าพี่เห็นแก่ตัว? การที่คนโสดอย่างพี่ไปรักใครตองว่าเป็นเรื่องผิดเหรอ? เราเลิกกันไปนานแล้วนะ ยังคิดว่าพี่เป็นแฟนตองอยู่อีกหรือไง?”
“อ๋อ! ตองก็ไม่ได้โง่ถึงขั้นจะมโนว่าพี่ชาติยังเป็นของตองอยู่หรอกค่ะ!...ไอ้ที่ว่าเห็นแก่ตัวน่ะตองหมายถึงเรื่องที่คนใหม่ของพี่เป็นผู้ชายต่างหาก!” ดูเหมือนว่าตอนนี้รมิตาจะเก็บอารมณ์ขุ่นข้องไว้กับตัวไม่ไหวอีกต่อไป ระดับเสียงที่เธอใช้เริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ “ตองไม่ใช่ใครก็ไม่รู้นะพี่ชาติ เดินไปไหนคนเขาก็รู้จักว่านี่คือใบตอง รมิตา...แล้วคิดดูสิว่าตองต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านไปอีกนานแค่ไหนที่ปล่อยให้แฟนกลายเป็นเกย์ เมื่อวานมีอีเวนต์ นักข่าวไปดักรอกันเพียบ! ตองต้องรีบหนีออกมาเพราะไม่รู้จะตอบยังไง! อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว!”
“ก็วางไว้บนคอเหมือนเดิมนั่นแหละครับ! คนเห็นแก่ตัวคือใครกันแน่ตองน่าจะลองกลับไปคิดใหม่ดีๆนะ เพราะที่ตองพูดออกมาเมื่อกี้นี่ก็ไม่น่าใช่คำพูดของคนใจกว้างเหมือนกัน”
“ใจกว้างกับกรณีแบบนี้ได้ก็แปลกแล้วค่ะ! ไม่เชื่อลองไปถามผู้หญิงคนไหนดูก็ได้ว่าถ้าจู่ๆแฟนเก่าตัวเองกลายเป็นเกย์จะรู้สึกยังไง? ฟันธงเลยว่าร้อยทั้งร้อยอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี!” ดวงตาคู่ฉ่ำบัดนี้ฉายโรจน์ไปด้วยประกายแห่งความโกรธเคือง “ต้องทำยังไงคะพี่ชาติถึงจะเลิกยุ่งกับเขาได้?”
“ไม่มีวิธีหรอก”
“พี่ชาตินอนกับเขาหรือยัง?”
“นั่นเรื่องส่วนตัว พี่ไม่จำเป็นต้องตอบ”
“อยากนอนกับตองดูอีกสักรอบไหมคะ? เผื่อจะกลับใจได้ ตองมั่นใจว่าตองรู้จักรสนิยมบนเตียงของพี่ชาติดีที่สุด ไม่ต้องกลับมาคบกับตองก็ได้ค่ะ แค่กลับมาชอบผู้หญิงเหมือนเดิมก็พอ...ตองหาเพื่อนสวยๆหุ่นดีๆมาประเคนให้พี่ชาติพิจารณายังได้เลย”
“อายปากบ้างเถอะตอง” ธีรชาติสวนกลับไปเสียงแข็ง แววตาของเขาเองก็ดูขุ่นเคืองไม่ได้แพ้กันเลย
“ตอนนี้คนๆเดียวที่มีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างพี่กับจินดาก็คือตัวจินดาเองนั่นแหละ ต่อให้ตองพูดอีกร้อยประโยคตองก็ทำไม่สำเร็จหรอก กลับไปได้แล้วไป...เบื่อ...”๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
