“เมื่อไหร่จะบอกผมสักทีว่ามีเรื่องอะไร? เอาแต่ยิ้มหน้าบานแบบนั้นแล้วผมจะเก็ทด้วยไหมเนี่ย?” จินดาเอ่ยถามคนที่วันนี้อุตส่าห์ขับรถไปรับเขากลับมาจากบริษัทด้วยตัวเอง ก็เพียรถามมาตลอดทางนะว่ามีเรื่องอะไรพิเศษหนักหนา แต่ไม่ว่าจะเปลืองน้ำลายไปมากมายเท่าใดอีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าจะยอมเผยไต๋ออกมาสักที
ธีรชาติยังคงปล่อยให้รอยยิ้มประดับประดาค้างไว้บนใบหน้าเหมือนอย่างเก่า ผู้บริหารหนุ่มไม่ตอบสิ่งใดเพียงแต่ออกแรงรุนหลังให้พ่อสถาปนิกคนดีเดินลึกเข้าห้องไปเท่านั้น
“โอ้โห! อลังการไปอีก!” ทันทีที่ภาพอาหารหน้าตาดีล้านแปดชนิดที่เรียงรายกันอยู่บนโต๊ะกลางห้องปรากฏเข้ามาในสายตาจินดาก็ร้องอุทานขึ้นเสียงดัง
“จริงๆพี่ตั้งใจจะเข้าครัวเอง แต่ไม่มีเวลาไปซื้อของสดก็เลยวานให้คนไปซื้อเข้ามาเตรียมไว้แทน” นักธุรกิจคนดังอธิบายพร้อมรอยยิ้ม
“วาระอะไรเนี่ยพี่? ฉลองหุ้นไม่ติดตัวแดงหรือไง?”
“เปล่า ไม่ได้ฉลองหุ้นขึ้น..
แต่ฉลองความสำเร็จให้คนเก่งต่างหาก”
ใบหน้าอ่อนใสของจินดาหันขวับกลับมามองทางคนพูดโดยพลัน “หืม? แปลว่าอะไร? ผม..ไม่เข้าใจ” แม้ปากจะบอกออกไปแบบนั้น แต่ที่จริงในหัวมันแอบมโนความหมายที่อีกฝ่ายต้องการสื่อไปไกลแล้ว
...รู้สึกได้ชัดเจนเลยล่ะว่าเส้นเลือดใหญ่ใต้ผิวหนังมันกำลังเต้นตุบๆ...
“ยินดีด้วยนะครับคุณสถาปนิก...ลิงเกอร์คอร์ปฯเลือกดีไซน์ของคุณแล้ว” ขากรรไกรล่างของคนฟังตกลงจากตำแหน่งเดิมจนปากอ้าหวอ ดวงตาที่ปกติเรียวเล็กจนเป็นเอกลักษณ์ยามนี้เบิกกว้างยิ่งกว่าครั้งใด
“..จ..จ..จริงดิ?..พ..พี่หลอกผมหรือเปล่าเนี่ย?..”
ธีรชาติส่งเสียงหัวเราะมาอย่างชอบอกชอบใจเมื่อได้เห็นอาการชวนขบขันจากคนตรงหน้า “ถึงขั้นติดอ่างเลยเหรอจิน? พี่พูดจริงๆนะ วันนี้เราเลือกกันแล้ว ผลออกมาคือทอมทอมฯได้งานไปทำต่อ”
“พี่..ช่วยพูดให้ผมเหรอ?”
ธีรชาติส่ายหน้า “ไม่ได้ช่วยมากเกินหน้าที่หรอก ออกความเห็นเท่าที่ควรพูด ส่วนมากก็นั่งฟังเฉยๆ มีสิทธิ์โหวตหนึ่งเสียงเท่าคนอื่น ไม่ได้ไปล็อบบี้ใครทั้งนั้น สาบานได้..ทุกคนเขาเลือกกันเอง เลือกเพราะชอบงานของจิน”
พอได้ฟังอย่างนั้นเข้าไปจู่ๆแข้งขาของจินดามันก็เกิดจะอ่อนแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ
...เหมือนฝันเป็นจริง...
...ไอ้ความพยายามตลอดสี่เดือนที่ผ่านมานั้นสัมฤทธิ์ผลแล้ว...
ชายหนุ่มทั้งสองยืนจ้องหน้ากันในความเงียบอยู่นานเป็นอึดใจ คนหนึ่งยังคงส่งยิ้มแสดงความยินดีอยู่เหมือนเก่า ส่วนอีกคนก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆปั้นหน้าไม่ถูกพลางพยายามตั้งสติไปด้วยว่าตนไม่ได้กำลังหลับฝัน
แล้วในที่สุดธีรชาติก็อ้าแขนออกเป็นการให้สัญญาณว่าพวกเขาควรทำสิ่งใดต่อ
จินดาค่อยๆคลี่ยิ้มทั้งที่ยังรู้สึกมึนงงไม่หายก่อนจะเคลื่อนตัวเขาไปใกล้แล้วเขย่งเท้าวาดแขนโอบรอบคออีกฝ่ายไว้อย่างแนบแน่น
“ดีใจไหมจิน?” ผู้บริหารคนดังเอ่ยถามข้างหู สองแขนแข็งแกร่งกระชับอ้อมกอดให้เนื้อหนังของพวกเขาเบียดชิดกันมากกว่าเดิม
ศีรษะทุยมนของคนถูกถามผงกขึ้นลงอยู่กับแผ่นอก “ดีใจซี่..ดีใจจนน้ำตาจะไหลแล้วเนี่ย”
“ไหนดูซิ..ขี้โม้ ตายังใสอยู่เลย จะร้องไห้ที่ไหนกัน?” ธีรชาติก้มมองหน้าคนในวงแขน
“ในใจผมร้องไปแล้วไง..ผมดีใจมากจริงๆนะพี่ชาติ”
“รู้ครับ..พี่ก็ดีใจ”
ดวงตาสองคู่สบประสานกันอยู่ในระยะประชิด
จินดาลอบกลืนน้ำลายขณะเบนสายตาลงมองริมฝีปากของอีกฝ่ายอยู่เป็นระยะด้วยความเผลอไผล
...อยากสัมผัส...
เหมือนความตระหนักรู้มืดบอดไปชั่วขณะ ตอนนี้สถาปนิกหนุ่มรู้สึกเพียงแค่ว่าอยากจะลองสัมผัสริมฝีปากของธีรชาติดูสักครั้ง
เศรษฐีหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆเมื่อจับสังเกตอากัปกิริยาชวนประหลาดใจของคนตรงหน้าได้ ใช้เวลาคิดอยู่เพียงไม่นานคำอธิบายก็กระจ่างขึ้นในใจ
ธีรชาติยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้น แน่นอนว่าคนที่รอเวลานี้มานานอย่างเขาไม่มีทางปล่อยให้โอกาสอันสวยงามครั้งนี้หลุดลอยไป
ดวงตาคู่เรียวของจินดาค่อยๆปรือลงจนปิดสนิทเมื่อใบหน้าคมคายเคลื่อนเข้ามาใกล้
...เขาไม่คิดจะหาอะไรมาบดบังริมฝีปากของตัวเองไว้เหมือนครั้งที่อยู่บนดอยอีกแล้ว...
...วันดีๆแบบนี้หากมีอะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิดไปแล้วกัน...
แต่แล้วในจังหวะที่ระยะห่างเหลืออีกเพียงไม่สองเซนติเมตรเท่านั้น การเคลื่อนไหวของคนทั้งสองก็ต้องชะงักลงไปเสียก่อนเมื่อโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของธีรชาติส่งเสียงร้องขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ทันทีที่ตั้งหลักได้ธีรชาติก็ทำเหมือนว่าไม่ได้ยินสัญญาณเรียกเข้าที่ยังคงไม่ดับไป ผู้บริหารหนุ่มตั้งท่าจะกลับมาสานต่อกิจกรรมอีกครั้ง
“..ร..รับโทรศัพท์ก่อนก็ได้..”
“ไม่เอา ไม่อยากรับ ขอจูบก่อน”
“ฮื้อ..” จินดาร้องท้วงออกมาทันที สองข้างแก้มขึ้นสีแดงจัดยิ่งกว่าเมื่อสักครู่ “..อาจเป็นเรื่องสำคัญก็ได้ รับไปเถอะ..ผมยังอยู่ตรงนี้แหละ”
ผู้บริหารคนดังหรี่สายตามองคนในอ้อมแขน “แน่นะ?”
“อืม..แน่”
“งั้นรอสักครู่ เดี๋ยวกลับมาจูบต่อ”
“โว๊ย!” สถาปนิกหนุ่มยกมือขึ้นปิดหน้าพลางโวยวายออกมาเสียงเขียวทันที “พูดตรงมากเดี๋ยวก็กัดลิ้นซะเลย!”
“โอเค งั้นเดี๋ยวตอนจูบเดี๋ยวพี่สอดลิ้นเข้าไปให้กัดนะคนดี” กล่าวจบธีรชาติก็ส่งเสียงหัวเราะร่วนอย่างร่าเริงก่อนจะผละออกไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย
จินดาเม้มริมฝีปากเข้าหากันราวกับกำลังกลั้นยิ้ม ใบหน้าละไมกดลงต่ำจนปลายคางแทบชิดอก
...อายฉิบเป๋งเลย...
เขามั่นใจว่าเมื่อกี้ธีรชาติดูออกแน่ๆว่าเขาคิดอะไร เผลอแสดงออกไปก่อนเสียแล้วว่าตัวเขาเองก็อยากจะจูบเหมือนกัน
“สวัสดีครับคุณพ่อ”
แว่วเสียงธีรชาติดังมาจากบริเวณโซฟากลางห้อง รอยยิ้มยังคงมีเปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาในชั่วขณะแรก ทว่าหลังจากได้ฟังถ้อยคำจากคนทางปลายสายคิ้วหนาเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ก็ค่อยๆขมวดเข้าหากัน
“...จริงเหรอครับ? เขาเขียนอย่างนั้นเลยเหรอ?...”
น้ำเสียงที่ผู้บริหารหนุ่มใช้ในประโยคเมื่อสักครู่ชวนให้คนที่ยืนฟังอยู่ห่างๆอดแปลกใจไม่ได้ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรอยู่ดีๆท่าทีถึงเปลี่ยนไปแบบนั้น
“ครับ ผมจะรีบเปิดดูเดี๋ยวนี้...เดี๋ยวผมเคลียร์เอง คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วง...ขอโทษด้วยนะครับที่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น...ขอบคุณครับ”
สมาร์ทโฟนเครื่องบางถูกวางลงไปบนโต๊ะตัวเตี้ยตรงหน้าโซฟาภายในเวลาเพียงไม่ถึงสองนาที และแทนที่จะรีบลุกขึ้นมาทวงจูบตามที่ได้บอกไว้ในคราวแรก ธีรชาติกลับยังปักหลักนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
จินดาขมวดคิ้วมองท่าทีของผู้บริหารหนุ่มด้วยหัวใจวูบโหวง
...ไม่รู้หรอกว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใจความมันเกี่ยวข้องกับอะไร...
...แต่สัญชาตญาณลึกๆร้องบอกเขาว่านี่ต้องเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงบางประการขึ้นได้แน่ๆ...
...อย่างน้อยจุมพิตที่นัดแนะกันไว้ก่อนหน้านี้ก็คงจะเป็นหมันไปแล้วอย่างหนึ่งล่ะ...
“..พี่ชาติ..มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?..” จินดากลั้นใจเอ่ยถามขึ้นแม้จะรู้สึกว่าตนไม่สมควรไปยุ่มย่ามเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายสักเท่าใดก็ตาม “ทำไมดูเครียดๆ?”
ธีรชาติหันกลับมาหาคนถามด้วยสีหน้าไม่สู้ดี บัดนี้รอยยิ้มเลือนหายจากใบหน้าหล่อเหลาไปจนเกลี้ยงแล้ว เหลือเพียงร่องรอยแห่งความหวั่นวิตกที่ฉายชัดอยู่เท่านั้น
ดูเหมือนว่าผู้บริหารหนุ่มจะกำลังชั่งใจ อาการลังเลแบบนี้มีให้เห็นจากคนแบบธีรชาติไม่บ่อยนักหรอก
“มานี่หน่อยสิจิน” คนเป็นเจ้าห้องเอ่ยเรียกพลางหันกลับไปหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่งขึ้นมาถือไว้ในมืออีกครั้ง
จินดายอมเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย และเมื่อร่างทั้งร่างถูกดึงให้นั่งซ้อนลงไปที่เบื้องหน้าก่อนสองแขนแกร่งจะสอดเข้ามาโอบรัดไว้รอบลำตัวเขาก็ไม่ได้มีทีท่าอิดออดต่อต้านแต่อย่างใด
“ถ้าพี่บอกอะไรจินไป จินอย่าคิดมากนะ..ห้ามกังวลเด็ดขาด สัญญาได้ไหม?”
จินดาหันไปสบตาคนพูดอย่างนึกวิตก ทั้งที่บอกไม่ให้เขากังวลเองแท้ๆ แต่ธีรชาติกลับมีสีหน้าแบบนี้ แล้วจะให้เขากล้าสัญญาได้ยังไง?
“พี่ชาติ...มีเรื่องอะไร?..พูดแบบนี้ผมฟังแล้วกลัวนะ..”
“ไม่ต้องกลัว พี่จัดการได้ เชื่อพี่” นักธุรกิจคนดังกล่าวเช่นนั้นก่อนจะกดเปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ลิงค์ข่าวบันเทิงที่ผู้เป็นพ่อส่งมาให้ดูถูกจิ้มเปิดไป แล้วเพียงชั่วพริบตาเดียวพวกเขาก็ได้อ่านเนื้อความไปพร้อมๆกัน
‘แอบไม่อยู่! ไฮโซช.แตกเนื้อสาว ซุ่มคบหนุ่มนิรนามลับหลังนางเอกใบกล้วย’...นี่คือพาดหัว...
จินดาลอบจิกเล็บลงบนหน้าตักของตัวเองหลังจากได้อ่านหัวข้อข่าวจนจบประโยค นัยน์ตาดำขลับวูบไหวมากมายเสียจนคนที่ลอบมองอยู่ทางด้านหลังอดรู้สึกหวั่นใจไม่ได้
เนื้อหาที่ถูกเขียนอยู่ภายในไม่ได้เอ่ยชื่อใครออกมาแม้สักคน ทว่าการบรรยายถึงรูปลักษณ์ อาชีพ และเรื่องราวส่วนอื่นๆในชีวิตนั้นทำให้ผู้อ่านรู้ได้ทันทีว่าตัวละครแต่ตัวเป็นใครกันบ้าง เว้นก็แต่เขาซึ่งไม่ใช่คนดังเท่านั้นที่เป็นตัวละครปริศนา
‘คนในเม้าท์มอยกันหึ่งวงการสื่อสารว่านักธุรกิจกลับใจรายนี้หันไปอี๋อ๋อกับเก้งหนุ่มหน้าใสระหว่างการออกค่ายจนผู้ร่วมทริปต่างก็ตาร้อนผ่าวไปตามๆกัน’ ...นี่คือส่วนหนึ่งของเนื้อข่าว...
หลังจากนั่งอ่านทวนอยู่ร่วมสามรอบจินดาก็ค่อยๆหันกลับไปมองหน้าธีรชาติอีกครั้ง
“เห็นไหมครับ? ผมบอกแล้วว่าพี่จำเป็นต้องคิดเรื่องนี้...” สถาปนิกหนุ่มกล่าวเสียงแผ่ว สีหน้าที่แสดงออกมาดูหม่นหมองยิ่งกว่าครั้งใดที่ผู้บริหารคนดังเคยได้เห็นมา
“...เพราะสักวันผมจะทำให้ชีวิตพี่พัง” “อย่าคิดอย่างนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพี่ จินไม่ต้องไปให้ราคากับมันมาก ข่าวพวกนี้อายุสั้นนิดเดียว เดี๋ยวคนก็ลืม”
.
.
จากที่ตั้งใจจะเลี้ยงฉลองที่คุณสถาปนิกคนเก่งได้งานให้สำราญใจ กลับกลายเป็นว่าค่ำคืนนี้ต้องผ่านพ้นไปอย่างน่าอึดอัด
จินดาไม่ได้ขอตัวชิ่งกลับในทันที นักออกแบบหนุ่มยังคงอยู่ร่วมทานมื้อเย็นตามที่ธีรชาติต้องการ เพียงแต่บรรยากาศรื่นเริงที่คาดหวังไว้มันดันผิดรูปผิดรอยจากในจินตนาการไปเสียหมด
...กินไปก็เงียบกันไป...
...ดูท่าทางแล้วเหมือนกินไม่อร่อย...
...เหมือนจินดายอมอยู่กินเพราะเกรงใจเท่านั้น...
ที่จริงธีรชาติก็ไม่ได้อยากบอกเรื่องข่าวนั่นให้อีกฝ่ายรู้นักหรอก แต่เพราะคิดว่าอย่างไรจินดาก็จะได้เห็นเองอยู่ดีในเมื่อมันเป็นข่าวที่ถูกเผยแพร่ไปทั่วโซเชียลมีเดีย เขาจึงตัดสินใจว่าสู้ให้รู้ไปพร้อมๆกันเลยเสียยังจะดีกว่า
...อานุภาพของปลายปากกานี่มันรุนแรงดีจริงๆ...
ธีรชาติไม่ได้หนักใจแม้สักนิดที่ตัวเองตกเป็นข่าวไร้สาระแบบนี้ สำหรับเขาแล้วเรื่องราวสาหัสสากรรจ์ในเชิงเศรษฐกิจถือว่าน่าเครียดกว่ากันเยอะ
...แต่สิ่งที่ทำให้ตอนนี้เขารู้สึกกังวลเป็นอย่างมากนั้นคือใจของจินดาต่างหาก...
...จะกวัดแกว่งมากเพียงใดก็ไม่อาจคาดเดาได้เลย...
TBC.
รายละเอียดรวมเล่มราคาฝัน ท่านใดสนใจลองเข้าไปดูกันนะคะ :http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57030.msg3540853#msg3540853
