ภารกิจที่ 3 : แก้ตัว“ไม่แรงไปเหรอเบต” อิฐถามเพื่อนรัก เขาไม่เข้าไปขัดหรือห้ามเพราะนั่นไม่ใช่นิสัย แต่เห็นหน้าเด็กสองคนนั่นแล้วเขาอดนึกสงสารไม่ได้
“ไม่” ทันทีที่เห็นรูปทิเบตไม่ต้องเดาให้เสียเวลาว่าเป็นฝีมือใคร จะมีสักกี่คนที่ชนคนไม่รู้จักแล้วพุ่งเข้ามาจับหน้าเหมือนไอ้เด็กนี่ทำ
ตัวแค่อกเขายังพยายามจะเข้าใกล้ โง่แค่ไหนก็ดูออก
“อยากให้มีข่าวกูจูบกับผู้ชายก็แค่ช่วยให้มันเป็นจริงไม่ดีหรือ ไอ้เด็กนั่นน่าจะขอบใจกูมากกว่า”
“เด็กมันอยากให้มึงเป็นข่าวไม่ได้อยากเป็นเอง”
“หึหึ ”
“ว่าแต่มึงไปทำอะไรให้เด็กมันแค้นเอาวะ” สิงห์มั่นใจว่าเขาไม่คุ้นหน้าทั้งสองคน ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันได้
“ใครจะไปรู้วะไม่เคยสนใจ”
“แล้วมึงตามน้องมันเจอได้ยังไง” สิงห์รู้เรื่องหลังสุดเพราะเขาเพิ่งออกมาจากแล็บทันแค่ตามมาด้วยเท่านั้น
“ภาคเป็นคนจัดการ” ทิเบตหมายถึงรุ่นน้องที่สนิทกับกลุ่มของเขา และอยู่ในเหตุการณ์ตอนชนกันจึงจำหน้าคนก่อเรื่องได้
“จะไม่ถามน้องมันหน่อยเหรอว่ามีปัญหาอะไรกับมึง”
“ทำไมต้องถาม กูจบแค่นี้”
“จะให้ไอ้เบตถามทำไม ถ้าต้องถามทุกคนที่ไม่ชอบมันอาจต้องถามผู้ชายครึ่งมหาลัย” อินทรีย์เชื่อว่าทิเบตคิดเหมือนเขา
ยิ่งดังมากเท่าไหร่คนเกลียดก็มีมากตามเท่านั้น
“แล้วจะเอาไงต่อ” อิฐยังอยากรู้ว่าเพื่อนจะทำอย่างไรต่อไป
“ปล่อยไปก่อน ถ้ายังไม่จบค่อยว่ากัน”
“ก็ดี” อิฐยักไหล่ “เห็นแล้วสงสารว่ะยิ่งเพื่อนไอ้เด็กนั่นตัวสั่นอย่างกับลูกนก”
“นายหมายถึงไอ้เด็กหน้าหวานใช่ไหม” อินทรีย์ถามให้แน่ใจว่าหมายถึงคนเดียวกัน
“ใช่ ถ้าไม่ใส่เสื้อนักศึกษาแขนยาวคงนึกว่าเป็นผู้หญิงไปแล้ว”
“เลิกพูดเถอะ” ทิเบตตัดบทเพื่อน จะว่าไปเขาเองก็คุ้นหน้าไอ้เด็กตัวต้นเหตุแต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“ตกลงมึงไม่เข้าใช่ไหม งั้นรอกูแป๊บนึง” เสียงดังมาจากหน้าห้องน้ำ อินทรีย์ก้มลงล้างหน้าเพราะอากาศวันนี้ค่อนข้างร้อน
ได้ยินเสียงคนเดินผ่านหลัง
“ค่อยยังชั่วนึกว่าฉี่จะราดซะแล้ว” เสียงบ่นพึมพำทำให้อินทรีย์ต้องหันไปมอง คิดว่าเจอคนรู้จักชวนคุย ใครจะบ้าพูดคนเดียว
“ฉิบหาย” เมื่อสายตาประสานกัน ฝั่งตรงข้ามทำหน้าเหมือนเขาเป็นผี ตาเบิกโตสบถคำไม่สุภาพออกมาก่อนทำท่าจะเผ่นหนี
“เดี๋ยว” อินทรีย์คว้าคอเสื้อเด็กหน้าหวานเอาไว้ “จะรีบไปไหน”
“ผมมีเรียนครับพี่”
“ตอนนี้?” อินทรีย์เลิกคิ้ว “นี่มันหกโมงกว่าแล้วนายจะเรียนอะไร”
“เรียน..เอ่อ..เรียนบอลครับ ผม.ผม..ให้เพื่อนสอนเล่นบอล”
“หุ่นอย่างนายขืนไปเล่นบอลคงโดนรุมสกรัมมากกว่า”อินทรีย์มองสำรวจร่างเล็กที่พยายามดิ้นให้หลุดจากการจับของเขา
“หุ่นอย่างผมมันเป็นยังไง หน้าอย่างพี่ลงสนามก็โดนรุมสกรัมเหมือนกัน” เขียวหยุดดิ้น โมโหจนเผลอต่อปากต่อคำ มีไม่กี่เรื่องที่
ทำให้เขียวโมโหได้ อันดับต้นๆ ไม่พ้นเรื่องหน้ากับหุ่นของเขา
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องรอไปถึงสนาม สกรัมมันตรงนี้เลยดีไหม” เขียวกลืนน้ำลายลงคอ ปากหนอปากไม่น่าสิ้นคิด
“รุมสกรัมมันต้องหลายๆ ตีนพี่ สองตีนเขาไม่เรียกรุมสกรัม” ความหมายของเขียวคืออย่าทำเขาเลย
“อ๋อ นายอยากให้ฉันเรียกเพื่อนเข้ามา”
“เฮ้ย! เปล่าพี่เปล่า ผมเรียนคณะเดียวกับพี่นะเลือดสีเดียวกัน”
“กรีดให้ดูสิ”
“หะ!!” เขียวแทบเป็นลม รู้อย่างนี้อั้นฉี่ไว้ก่อนดีกว่ากู ไม่น่ามาเข้าห้องน้ำที่นี่เลย
“นายชื่ออะไร” อินทรีย์เปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากเห็นเด็กหน้าหวานตกใจจนเป็นลมไปเสียก่อน
“ชื่อผมไม่เพราะหรอกพี่อย่ารู้เลย” บอกก็ซวยไม่บอกก็ซวย เขียวเลือกซวยแบบไม่บอกดีกว่า
“ฉันไม่ต่อยคนรู้จัก แต่คนไม่รู้จัก..ไม่แน่”
“เขียวครับ ผมชื่อเขียวชื่อจริงกรินทร์ ศิรยศรุ่งฉัตร์ เรียนอยู่ปีสองคณะเดียวกับพี่ ผมมีพี่น้อง..”
“พอๆ ชื่อเขียวอย่างนั้นเหรอ อย่างนายน่าจะเขียวหวานมากกว่า” อินทรีย์หมายถึงส้มเขียวหวาน ก็ไอ้เด็กนี่มันหน้าหวาน
อย่างกับอะไรดี
“ไอ้เหี้ย! รู้ได้ยังไงวะ” เขียวเผลอสบถออกมาตกใจที่อีกฝ่ายรู้ชื่อเล่นเต็มๆ ของเขา
“อะไรนะ!!”
“หะ!” เขียวหน้าซีดเผือด ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ ไอ้นิสัยชอบพูดคนเดียวกำลังพาความซวยมาให้เขาแล้ว ขนาดพูดเบาๆ นะ
หูดีอย่างกับหูหมา
“ผม..ผมก็บอกชื่อผมแล้ว พี่ปล่อยผมได้หรือยังผมต้องรีบไป เพื่อนรออยู่ข้างนอกหลายคนด้วยนะพี่”
“ฉันเคยเตะสิบคนสลบมาแล้ว”
“สิบคน! เชี่ยแล้วกู โม้..โม้หรือเปล่าพี่” เขียวไม่เชื่อแต่ใจชักเริ่มสั่น ทำไมไอ้พี่อินเอาแต่วนเวียนพูดเรื่องเตะกับเขาวะ
“ใช่..โม้ ใครมันจะไปเตะสิบคนสลบได้วะไอ้เด็กนี่” อินทรีย์ปล่อยคอเสื้อเขียว ยกมือขึ้นขยี้ผมยุ่งๆ ของไอ้เด็กติ๊งต๊อง
“จะไปเตะบอลก็ไป เตะให้โดนลูกด้วยล่ะ” ไม่มีคำตอบรับให้เขา มีแต่เด็กใส่เกียร์หมาโกยสองขาวิ่งหน้าตั้งออกจากห้องน้ำไป
แบบไม่เหลียวหลัง
"หึหึ ฮ่าๆ” อินทรีย์หัวเราะจนตัวโยน เขียวหวานงั้นเหรอ ชักน่าสนใจแล้วสิ
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“ทำไมช้านักวะ” จุนบ่นเพื่อน เขาไม่อยากยืนตรงนี้นานๆ ยังนึกอายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขียวส่งค้อนเพื่อนจนตาคว่ำ
เพราะใครล่ะเพราะใครยังมีหน้ามาบ่นเขาอีก
“กูเจอพี่อินในห้องน้ำ”
“หะ! แล้วทำไมมึงเพิ่งบอก” จุนรีบจับแขนเขียวลากให้เดินเร็วยิ่งขึ้น กลัวว่าบุคคลไม่พึงประสงค์จะตามออกมา
“จะให้กูบอกตอนไหนกูเจอมึงกูก็บอกอยู่เนี่ย ให้ตะโกนมาจากในห้องน้ำหรือไง”
“เออ มึงควรตะโกนออกมากูจะได้หนีทัน”
“อ้าว ไอ้เพื่อนเหี้ยเจริญล่ะมึง”
“ขอบใจ กูเจริญอยู่แล้วไม่ต้องห่วง”
“จุน” เขียวถอนใจเฮือกใหญ่ เขาปล่อยให้เพื่อนลากจนคิดว่าไกลพอสมควรแล้วจึงหยุดเดิน
“กูถามมึงจริงๆ เถอะ สมองมึงเพี้ยนหรือเปล่าวะ มึงกับกูกลัวพี่เขาจนปอดแหกมึงก็ยังไม่คิดจะเลิกเอาตีนเข้าไปแหย่รังเสือ
อีกเหรอวะ”
“ทำไมกูต้องเลิก มึงมาลองเป็นกูสิ อยู่กับมึงกูก็โดนหาว่าเป็นเกย์ เฮ้ยอย่าเพิ่งหน้าเสียกูก็ไม่ได้แคร์มากหรอก แต่นี่โดนไอ้พี่เบต
ทำเหี้ยเข้าให้อีก” จุนไม่อยากพูดคำว่าจูบเขาแขยงปาก “ถ้ากูไม่ทำอะไรสักอย่างศักดิ์ศรีกูไม่เหลือ”
“ก็มึงหาเรื่องเอง แล้วพูดอะไรหัดใช้สมองคิดบ้าง” เขียวใช้มือผลักหัวเพื่อนแรงๆ จะได้จำ
“อย่าไปพูดที่ไหนว่าพี่เบตทำเหี้ยมึง คนเขาจะนึกว่ามึงเสร็จพี่เบตไปแล้ว”
“ไอ้เขียวหวาน! อื๊ยขนลุกฉิบหายห้ามพูดอีกนะโว้ย กูไม่รู้นี่หว่าว่าไอ้พี่เบตเป็นไบจริงๆ ไม่อย่างนั้นกูไม่เล่นมุกนี้หรอก”
“เป็นเหรอ กูว่าไม่ใช่มั้ง” เขียวแย้งเต็มที่เขามองอย่างไรทิเบตก็ไม่ใช่เกย์
“ไม่ใช่จะจูบกูเหรอวะ”
“กูว่าพี่มันเอาคืนมึงเหอะ เห็นหน้าพี่มันไหมพิศวาสมึงตายห่าล่ะ”
“มึงอย่าดูถูกกู กูอาจไม่มีเสน่ห์กับผู้หญิงแต่กูอาจมีเสน่ห์กับผู้ชายก็ได้”
“กลับห้องไปพักเถอะว่ะจุน กูว่ามึงโดนจูบจนเพี้ยน อีกอย่างกูไม่อยากอยู่ในมหาลัย ไปตากพัดลมอยู่ห้องก็ได้ ร้อนหน่อย
แต่ปลอดภัยกว่า”
“กลับก็กลับ กูขอเวลาไปคิดหน่อยว่าจะทำยังไงต่อไป”
“ท่ามากนะมึง” เขียวอดไม่ได้ตบหัวเพื่อนรักไปอีกหนึ่งที “อายก็บอกมาเถอะ”
“เออกูอาย” คิดแล้วจุนยังแค้นใจไม่หาย ถ้าไม่ช็อคเสียก่อนเขาจะตั๊นหน้าให้บังอาจมาเอาจูบแรกเขาไป จูบแรก!!
“อ๊ากกก ไอ้ทิเบต ไอ้นรกส่งมาเกิด!!”
“ไอ้จุน” เขียวหวานรีบเอามืออุดปากเพื่อน “มึงจะร้องหาพ่อมึงเหรอ เดี๋ยวก็มาจริงๆ ”
“จูบกู เขียวจูบแรกของกู” จุนร้องโหยหวนและเขียวหวานยังได้ยินแบบนั้นไปอีกทั้งคืน
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“พี่มิ้นครับ” จุนดักรอมิ้นที่หน้าคณะในเช้าวันถัดมา เขาต้องรีบมาแก้ตัว มาอธิบายเพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด
“น้อง?..น้องชาเขียวใช่ไหม”
“ฮะฮะ” จุนหัวเราะแห้งๆ เรียกเสียหมดหล่อเลยกู “ใช่ครับ ผมขอคุยกับพี่มิ้นสักครู่ได้ไหมครับ”
“เอาสิ”
“คือ..พี่มิ้นเห็นข่าว ไอ้..เอ๊ย..พี่ทิเธตจู..หรือยังครับ..” จะเล่าก็กะดากปากจุนจึงได้แต่อ้อมๆ แอ้มๆ อยู่ในคอ
“จูบกับผู้ชายนะเหรอ พี่เห็นแล้ว มีอะไรหรือเปล่า เอ?.” มิ้นมองหน้าชายหนุ่มที่แวะมาหาเธอดีๆ อีกครั้ง
“เดี๋ยว! น้องหรือเปล่าที่จูบกับเบต”
“ไม่ใช่ครับ!! เอ๊ยใช่ครับแต่มันไม่ใช่อย่างที่พี่มิ้นคิด ผมอยากอธิบายให้ฟัง”
“จะอธิบายให้พี่ฟังทำไมพี่ไม่ใช่แฟนเบต ถึงอยากเป็นแต่ก็ไม่ใช่ เบตอยากทำอะไรพี่เข้าไปยุ่งไม่ได้หรอก”
“พี่มิ้นไม่ใช่แฟนพี่เบต งั้นผมจีบได้ไหมครับ” ถึงจะดูรุกเร็วไปหน่อย แต่ไหนๆ มีโอกาสแล้วเขาก็ไม่อยากพลาด
“จะจีบพี่เหรอ เราไม่ได้เป็นเกย์หรือไง”
“หะ!! ไม่เป็นครับร้อยไม่เป็นพันไม่เป็น มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นเอง ไอ้..เอ๊ยพี่เบตมาจูบผมเอง ผมไม่ได้เป็น”
“แต่พี่ชอบเบตนะ”
“แต่ผมชอบพี่”
“เอางั้นเหรอ ก็ได้ถ้าอยากจีบก็ตามใจ”
“จีบครับ ผมจีบแน่นอน” จุนจับมือของมิ้นมากุมไว้ มือนุ่มจริงๆ ให้ตายเถอะ
“ผมขอเบอร์พี่มิ้นได้ไหมครับ”
“ยังไม่ถึงเวลา ลองใช้ความพยายามของเราดูก่อน แค่นี้นะพี่จะขึ้นไปเรียน” มิ้นดึงมือออกจากมือของจุนเบาๆ เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ
“ครับ ได้ครับ ผมชื่อจอมเดชนะครับ เรียกผมว่าจุนก็ได้”
“ชื่อน่ารักดี ขอโทษนะที่ครั้งก่อนจำไม่ได้”
“ไม่เป็นไรครับ พี่มิ้นตั้งใจเรียนนะครับ ผมกลับคณะก่อน แล้วผมจะมาหาใหม่ บายครับ” จุนยกมือขึ้นโบกให้รุ่นพี่คนสวย
อารมณ์ดีจนต้องผิวปากออกมา เสียไปหนึ่งจูบแลกกับความสนใจของพี่มิ้นก็ถือว่าคุ้มล่ะวะ
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“กาแฟสองแก้วครับป้า” “ชาเขียวแก้วนึง”
“ใครมาก่อนค่ะ”
“ผม” จุนรีบชี้ตัวเอง แต่พอหันไปมองคู่แข่งเขาถึงกับผงะเดินถอยหลังไม่รู้ตัว แม่งจะแข่งกันทุกเรื่องหรือไงวะ
“ตกลงน้องคนนี้มาก่อนนะคะ”
“ครับ” ทิเบตพยักหน้าให้คนขายในโรงอาหาร ตายังประสานกับเด็กหนุ่มที่เขาเพิ่งจัดการไป
“มะ..มองอะไร” ทิเบตไม่ตอบแต่ลดสายตาลงจ้องปากของอีกฝ่าย ยกยิ้มนิดๆ ขึ้นที่มุมปาก
“อย่าเข้ามานะโว้ย” จุนตั้งการ์ดขึ้นทันที เน้นปิดริมฝีปากเป็นหลัก
“กลัวอะไร กล้าทำก็อย่าหนีสิ”
“ใครทำอะไร ใครหนี พูดผิดคนหรือเปล่า เมื่อวานผมยังไม่ได้เอาเรื่องนะที่มาทำอุบาทว์ใส่ผม”
“แล้วนายทำอะไรไว้ อยากจูบกับฉันเองไม่ใช่เหรอ” เสียงเย็นๆ ทำเอาจุนเสียวสันหลังวูบ แต่ต้องเก๊กท่าว่าไม่กลัว
“ทำอะไร! ไม่ได้ทำ”
“ปากแข็งแบบนี้มันน่าจะโดนอีกสักที”
“อย่านะเว้ยเห็นอย่างนี้สู้คนนะบอกก่อน ขืนเข้ามาอีกนิดเดียว..” ทิเบตสาวเท้าเข้าหาจุนยิ่งกว่าคำว่านิดเดียว
“จะทำอะไร” ทิเบตก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้เด็กเก่งแต่ปากจะทำอะไรเขาได้
“ทำแบบนี้ไง” ร่างเล็กกว่าวิ่งผ่านเขาไปคว้าแก้วกาแฟสองแก้วที่แม่ค้าทำเสร็จแล้ว พร้อมกับตะโกนเสียงดัง
“เก็บเงินที่คนนี้เลยป้า เขาติดค่าชาเขียวผมอยู่” แล้วเจ้าของกาแฟสองแก้วก็วิ่งหนีโดยไม่ห่วงว่าจะทำน้ำหกเลอะเทอะ
“ป้าเก็บเงินที่คุณได้ใช่ไหมคะ”
“ได้ครับ” ทิเบตหยิบเงินส่งให้แม่ค้าเป็นค่ากาแฟสองแก้วชาเขียวหนึ่งแก้ว เขาไปติดค่าชาเขียวไอ้เด็กเวรนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่
ไวอย่างกับลิง
ทิเบตรับชาเขียวมาจากแม่ค้า เขายังสงสัยในคำพูดของคนที่หนีไป ชาเขียว? ชาเขียว? เขาจำได้แล้ว ไอ้เด็กที่มิ้นชี้ให้ดูว่าจู่ๆ
ก็ซื้อชาเขียวมาฝากนั่นเอง มิน่าเขาถึงรู้สึกคุ้นหน้า
สรุปที่เล่นงานเขาเพราะเรื่องผู้หญิง ทิเบตไม่แปลกใจสักนิด ผู้ชายที่มีเรื่องกับเขาส่วนใหญ่ไม่พ้นเรื่องพวกนี้ น่าสนุกดี เขากำลังเบื่อๆ
ภาคบอกว่าไอ้เด็กนี่มันชื่ออะไรนะ ทิเบตพยายามนึก จุน น่าจะใช่ชื่อนี้ หึหึ เขาว่าน่าจะชื่อตัวจุ้นเสียมากกว่า จุ้นไปทั่ว
แสบนักใช่ไหม ฉันจะสอนให้นายรู้จักเคารพรุ่นพี่เอง
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
Darin ♥ FANPAGE