ภารกิจที่ 4 : สายเปย์“เขียว! ไอ้เขียว! มึง!!” เสียงแหกปากและแรงเขย่าที่ต้นแขนทำให้เขียวต้องลอบมองอาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าห้อง
“เบาๆ สิวะอาจารย์หันมามองแล้ว”
“โทษทีๆ กูตื่นเต้นไปหน่อย” จุนลดเสียงลงพยายามข่มความดีใจเอาไว้ข้างใน
“อะไรของมึง” เขียวชะโงกดูโทรศัพท์ที่เพื่อนยื่นมาให้ตรงหน้า อยากรู้ว่าอะไรทำให้จุนตื่นเต้นได้ถึงขนาดนี้
“พี่มิ้นรับนัดไปดูหนังกับกูเย็นนี้โว้ย”
“จริงเหรอวะ กูนึกว่าพี่มิ้นจะไม่ยอมรับแอดมึงเสียอีกขนาดขอเบอร์เขายังไม่ให้ ทำไมตอบรับง่ายนักวะ” เขียวสงสัยเพราะไอดี
ของมิ้นจุนได้มาจากการสืบหาเอาเอง โดยการติดสินบนเพื่อนต่างคณะที่พอรู้จักกัน
“ก็มึงมันคิดมากไงถึงไม่ก้าวหน้าเสียที นี่กูขอให้พี่มิ้นชวนโชแปงไปด้วยนะทำเพื่อมึงเลยนะเว้ย”
“มึงพูดจริงหรือเปล่า! โชแปงตกลงไหม” เมื่อได้ยินว่าคนที่ตนแอบชอบจะไปด้วยเขียวก็ลืมความสงสัยที่มีไปทันที
“เหี้ยเขียว ไหนมึงบอกไม่ให้กูเสียงดังเดี๋ยวก็โดนไล่ออกจากห้อง”
“เออโทษที แล้วตกลงไปหรือเปล่า”
“ไปสิวะ มึงเตรียมตัวออกเดทเย็นนี้ได้เลยสองคู่ชู้ชื่น ว่าแต่..” จุนทำหน้าคิดหนักจ้องหน้าเขียวเหมือนมีเรื่องกลุ้มใจ
“อะไรวะ มีอะไร”
“มึงมีตังค์เท่าไหรวะ” เขียวถึงกับสลดเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ พาสาวไปเดทก็ต้องใช้จ่ายเงิน ไหนจะต้องจ่ายค่าตั๋วหนัง
ค่าอาหาร อาจจะมีทานขนมด้วย แล้วต้องซื้อของให้ด้วยหรือเปล่าวะ
“เดือนนี้กูเหลือสองพันห้าทั้งบัญชี” เขียวบอกตัวเลขที่มีอยู่ทั้งเนื้อทั้งตัว
“มึงยังดีกว่ากู กูเหลือสองพันถ้วนๆ” จุนถอนใจออกมาหนักๆ เพิ่งเลยกลางเดือนมาได้นิดหน่อย เงินแค่นี้เขาสามารถอยู่ถึง
สิ้นเดือนได้สบาย แต่ถ้าเอาไปเปย์สาวแล้วสิ้นเดือนจะกินอะไร
“เอาไงดีวะ” เขียวชักไม่แน่ใจ อยากเดทสาวเขาก็อยากแต่กลัวอดตายเขาก็กลัว
“เอางี้มึงกับกูเอาตังค์มารวมกันคนละพัน เอาเงินไว้ที่มึงให้มึงเป็นคนจ่าย สองพันคงพอสู้น่า แล้วที่เหลือจนถึงสิ้นเดือนก็ประหยัด
หน่อย กลางวันกินข้าวในโรงอาหารกลางคืนมาม่าเป็นหลัก”
“จีบสาวมันต้องลำบากขนาดนี้เลยหรือวะ แม่งอัตคัดฉิบหาย” เขียวส่ายหัวให้กับความน่าเวทนาของเขากับจุน อยากจีบสาว
เหมือนคนอื่นเขาแต่ปัจจัยดันไม่เอื้ออำนวย
“เอาน่ามึง เอาวันนี้ให้รอดก่อนที่เหลือค่อยมาวางแผนกันใหม่ ต่อไปต้องประหยัดกว่านี้จะได้มีเงินมาเปย์สาว”
“แม่มึงกับกูรู้เข้าคงดีใจฉิบหาย”
“ดีใจสิวะ ได้ลูกสะใภ้ดีๆ ถือเป็นหน้าเป็นตาให้ครอบครัวนะเว้ย แม่มึงจะรำถวายเจ้าพ่อด้วยเหอะที่มึงหาแฟนได้ ทุกวันนี้ไม่ใช่
แม่มึงเหรอที่คิดว่ามึงเป็นเกย์”
“เออสิ แม่กูตัวบ่อนทำลายความมั่นใจกูอันดับหนึ่ง กลับบ้านทีไรต้องเรียกไปคุยทุกครั้ง กูพูดจนปากจะฉีกถึงหูไม่เคยฟัง”
แม่ของเขียวมีความมั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าลูกชายเป็นเกย์แต่ไม่กล้าแสดงออก ทุกครั้งจึงต้องคอยเรียกลูกไปคุย ปะเหลาะ
สารพัดตั้งแต่สมัยเรียน เช่น เอาเครื่องสำอางค์แม่ไหมอยากได้หรือเปล่า ลูกชายบ้านนั้นหล่อนะว่าไหม หรือเอาข่าวคู่รักเกย์มา
ให้ดูแล้วคอยบอกว่าถ้าลูกเป็นแม่ก็รับได้ไม่ต้องปิด มีอะไรก็คุยกับแม่ไม่ต้องเก็บไว้คนเดียว เป็นเกย์ไม่ใช่เรื่องน่าอาย จนบางครั้ง
เขียวอยากรับออกไปว่าเป็น แม่ของเข้าจะได้เลิกเซ้าซี้เสียที
“เห็นไหม อย่าคิดมากเลยมึง ชีวิตมันต้องมีการลงทุน เอ้านี่เงินกูมึงเป็นคนคอยจ่าย”
“กูว่าเอาไปหมดดีกว่า ไปกดที่เหลือออกมาให้หมดพกไปด้วยเพื่อความอุ่นใจ เกิดสองพันไม่พอขึ้นมาหน้าแตกตายห่า” เมื่อ
ตัดสินใจได้ว่าจะไปด้วย เขียวจึงออกความคิดเห็นบ้าง
“เออมึงพูดถูก ได้ๆ เดี๋ยวเรียนเสร็จแล้วออกไปกดกัน”
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“ทำไมมึงไม่นัดพี่เขาที่มหาลัยวะ” เขียวยืนรออย่างกระสับกระส่าย เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะกับการออกเดทครั้งแรกในชีวิต
“กูนัดแล้วแต่พี่มิ้นเขาให้มาเจอกันที่ห้างกูก็ต้องตามใจสาวสิวะ เอาน่ามึงอย่าตื่นเต้นไป อย่าลืมเรื่องสำคัญก็แล้วกัน มึงกับกู
แยกกันนั่งแท็กซี่ไปส่งสาวที่บ้านแล้วกลับมาเจอกันที่หอ มึงอย่าลืมขอเบอร์โทรกับไลน์มาให้ได้ พยายามขอนัดกินข้าวกลางวัน
พร้อมกันที่มหาลัยด้วย”
“มันจะเป็นไปได้เหรอวะ พี่มิ้นกับโชแปงว่างเมื่อไหร่ก็มากินข้าวกับกลุ่มซุปตาร์ตลอด เขาจะยอมนัดกับพวกเราเหรอ”
“ก็ถ้าไม่ลองมึงจะได้ไหมแฟน ดูอย่างวันนี้กูขอนัดพี่มิ้นยังมา แปลว่าก็ต้องสนใจเราอยู่บ้างล่ะวะ”
“เอาจริงๆ นะจุน กูยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมพี่มิ้นกับโชแปงรับนัดมึงกับกู มึงว่ามันไม่แปลกเหรอวะ”
“ไม่แปลกเพราะกูมีเสน่ห์”
“เพราะมึงยังไม่ปล่อยหมาออกมาจากปากมากกว่า วันนี้ก็ระวังไว้ด้วยอย่าพูดอะไรตรงเกินเดี๋ยวมึงจะชวดอีก”
“ไม่ต้องกลัว กูขังไว้ที่หออย่างดีไม่ปล่อยออกมาเพ่นพ่านแน่นอน อะแฮ่ม สวยครับ ดีครับ เหมาะครับ ตามใจครับ เห็นไหมกูฝึกมา
อย่างดี”
“ให้มันพูดแบบนี้ได้จริงเถอะ” เขียวอ่อนใจ เพราะจุนเป็นคนพูดตรงมากจนสาวกี่คนๆ ที่พยายามจีบก็หายหน้าไปกันหมด
“มาแล้ว! มาแล้ว!” จุนรีบสะกิดเขียวเมื่อเห็นมิ้นและโชแปงในชุดนักศึกษาเดินมาแต่ไกล เขานัดไว้ที่ชั้นโรงหนังเพราะมิ้นบอกให้
รอเลือกโปรแกรมหนังพร้อมกัน
“เหี้ย! มาทำไมวะ” จุนอุทานเมื่อเห็นร่างสูงที่เดินตามมาข้างหลังสองสาว
“มึงชวนมาด้วยเหรอ” เขียวหันไปมองหน้าจุนงงๆ
ป๊าบ! “คิดได้นะมึงกูจะชวนมาทำเหี้ยไรวะ”
“รอนานไหมจุน รถติดนิดหน่อยเลยถึงช้ากว่าที่นัดกันไว้” มิ้นส่งยิ้มให้กับจุน เธอมาช้ากว่าเวลานัดเกือบสิบห้านาที
“ไม่นานครับมีคนมาส่งก็ดีแล้ว ขอบคุณนะครับเกรงใจจริงๆ เดี๋ยวพวกผมดูแลต่อเอง” จุนยิ้มกว้างโค้งหัวให้ทิเบตและออกปาก
ไล่แบบไม่อ้อมค้อม
“จุน คือ..” มิ้นเรียกจุนเสียงอ่อน
“ดูด้วยกันเถอะนะ หลายๆ คนจะได้สนุก”
“ชวนมาดูด้วยกัน! ครับ สนุกฉิบหาย โอ๊ะ!” เขียวฟาดเข้ากลางหลังเพื่อน ก่อนรีบส่งยิ้มให้มิ้นกับโชแปง
“ดีเลยครับ หลายๆ คนจะได้ครึกครื้น ใช่ไหมจุน”
“เออ” จุนตอบแบบเสียไม่ได้เมื่อโดนเพื่อนรักกดสายตาใส่
“ดูเรื่องอะไรดี เบตคะอยากดูเรื่องอะไร” มิ้นไล่สายตาไปตามโปรแกรมหนังก่อนหันไปขอความคิดเห็นจากทิเบต
“ตามใจมิ้นเถอะ ผมว่าวันนี้เรื่องอะไรก็น่าดูทั้งนั้น” น้ำเสียงหัวเราะแบบแฝงความนัยกับสายตาที่มองมาทำเอาจุนคันไม้คันมือ
สายตาแบบนี้มันหาเรื่องกันชัดๆ
“โชแปงว่าไง” เมื่อไม่มีคนช่วยตัดสินใจ มิ้นจึงหันไปหารุ่นน้องที่มาด้วยกัน
“แปงแล้วแต่คนเลี้ยงค่ะ เป็นผู้ชมที่ดีเรื่องไหนก็ได้”
“จุนเล็งเรื่องไหนไว้หรือเปล่า เอาตามที่จุนเลือกก็ได้นะ”
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ไหมครับ หนังแอคชั่นเพิ่งเข้าใหม่ท่าทางสนุกดี” จุนชี้ไปยังแผ่นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ เขาอยากดู
เรื่องนี้มาตั้งแต่เห็นตัวอย่างหนังแล้ว
“ได้พี่โอเค คนอื่นล่ะ” เมื่อได้รับการตอบรับจากทุกคนจึงเป็นอันลงมติเลือกหนังที่จุนเสนอ
“มีโรงเฟิร์สคลาสอีกชั่วโมงกว่าน่าจะทานข้าวทัน” ทิเบตมองรอบหนังเขาเลือกโรงที่อยากดู
“เฟิร์สคลาส!” จุนกับเขียวลอบสบตากัน มันเท่าไหร่วะมีมาทั้งเนื้อทั้งตัวสองคนรวมกันสี่พันห้าจะพอไหม
“อย่าเลยเบตเอารอบนี้ดีกว่า” เขียวค่อยๆ ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก เมื่ออินทรีย์เป็นคนแย้งเพื่อนขึ้นมา
“ตามใจ”
“โรงนี้มันมีเก้าอี้แบบโซฟาซื้อสามคู่หกคนพอดี เดี๋ยวไปซื้อเอง”
“ไม่ต้องพวกผมซื้อเอง” ให้ศัตรูเป็นคนจ่ายก็ดูสิ้นท่าเกินไป จุนจึงกัดฟันแย้งอินทรีย์เพื่อเสนอตัวต่อหน้าสาว
“ฉันว่าอย่าดีกว่า” จุนเกลียดสีหน้ายิ้มๆ ของทิเบตที่มองมาเหมือนรู้ทันเขา ยิ่งทำให้จุนยอมขายหน้าไม่ได้
“ผมเป็นคนชวนผมจ่ายเอง ไปเขียว”
“หะ! อ๋อ..ได้ๆ” จุนดึงแขนเขียวให้ออกเดินไปยังหน้าเคาน์เตอร์ แอร์เย็นเฉียบแต่พวกเขากลับเหงื่อตก เงินปลิวออกจากกระเป๋า
ไปแบบรวดเร็วทันใจ
“เก้าอี้ธรรมดามันจะตายเหรอวะทำไมต้องนั่งโซฟา แม่งตังค์ก็ไม่จ่าย” จุนบ่นอุบมือที่จ่ายเงินออกไปยังสั่นไม่หาย ไม่เคยดูหนัง
แพงขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
“พี่เขาจะจ่ายทำไม มึงบอกเขาเองว่าจะเลี้ยง” เขียวทักเพื่อน ไม่ได้เข้าข้างศัตรูแต่เขาได้ยินจุนพูดเองกับหู
“มารยาทน่ะมึงรู้จักไหม มันก็ต้อง..ไม่เป็นไรพี่จ่ายเอง พี่เป็นรุ่นพี่ให้น้องจ่ายให้น่าเกลียด พูดไม่เป็นเหรอวะ รับปากกูโคตรง่าย
รวยซะเปล่างกฉิบหาย หรือมันตั้งใจแกล้งกูวะ” จุนมองหน้าเขียว เขายังติดตากับรอยยิ้มของทิเบต
“ใครเลี้ยงไม่สำคัญแล้วตอนนี้ ที่สำคัญคือไหนมึงบอกว่าต่อไปกูไม่ต้องดูหนังกับมึงสองคนอีกแล้วไงจุน สัดไม่ดูธรรมดาเสือกดู
โซฟาคู่หนักกว่าเก่าอีก” เขียวบ่นอุบเมื่อคิดสภาพว่าต้องนั่งคู่กับเพื่อนรัก
“เออน่า มึงก็คิดซะว่านอนดูหนังกับกูอยู่ที่หอก็แล้วกัน ทำยังไงได้วะ” จุนถอนใจยาว อย่าว่าแต่เขียวหวานเลย เขาเองก็เซ็งจน
พูดไม่ออก
“ได้แล้วครับ” จุนชูตั๋วหนังโบกไปมาให้คนที่ยืนรออยู่
“จุนกินอะไรมาหรือยังไปหาอะไรกินกันก่อนไหม อีกเกือบสองชั่วโมงพี่ชักหิว ”
“พี่มิ้นอยากกินอะไรครับ” จุนอยากแนะนำอะไรง่ายๆ ถูกๆ แต่กลัวว่าจะเป็นการเสียคะแนน เลยต้องวัดใจกับสาวอีกสักครั้ง
“อาหารญี่ปุ่นก็ได้ง่ายดี” ง่ายของมิ้นทำเอาเขียวกับจุนลอบสบตากัน เห็นแววเกลี้ยงกระเป๋ามาแต่ไกล จุนต้องตัดสินใจแล้วว่า
ระวังศักดิ์ศรีกับท้องอิ่มไปจนถึงสิ้นเดือนเขาควรเลือกอะไร
“จุนไม่ชอบเหรอ”
“เปล่าครับเปล่าผมชอบ อาหารญี่ปุ่นก็ได้ครับ” จุนนึกอยากตบปากตัวเอง แต่เขาพูดไปแล้วเอาคืนไม่ทันจึงได้แต่หันไปขอโทษ
ขอโพยเขียวทางสายตา
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“ได้เวลาแล้ว” อินทรีย์มองนาฬิกา เขาสบตากับทิเบตก่อนมองไปยังเขียว หวังว่าเพื่อนจะเข้าใจความต้องการของเขา
“มิ้นนั่งกับโชแปง ที่เหลือก็แยกกันไป” ทิเบตพูดขึ้นลอยๆ เป็นการจัดที่นั่งให้กลายๆ
“ยังดีนะมึงพี่เขายังมีมารยาทไม่นั่งกับสาวที่เรานัด” เขียวกระซิบบอกจุน ออกมาเป็นแบบนี้ก็ยังดีอย่างน้อยจุนก็ไม่กระอักเลือด
“มีห่าอะไรไม่มีตั้งแต่มันมาด้วยแล้ว” จุนยังไม่ยอมญาติดีด้วยง่ายๆ เขายังผูกใจเจ็บทิเบตตั้งแต่โดนจูบปาก ทุกวันนี้เจอหน้ากัน
ต้องทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เขาแค้นฝั่งหุ่นไม่เคยลืม
“ชู่ว” เขียวรีบส่งเสียงเตือนจุนเมื่อเห็นทิเบตหันกลับมามอง จุนกับเขียวเดินรั้งท้ายเขาพยายามพูดให้เบาที่สุดแล้วหวังว่าอีกฝ่าย
จะไม่ได้ยิน
ลำดับการเดินเข้าโรงหนังมิ้นกับโชแปงเดินนำหน้าสุด ตามด้วยทิเบตและอินทรีย์ ปิดท้ายด้วยเขียวและจุน พวกเขาทำใจแล้วว่า
ต้องนั่งด้วยกันเป็นคู่สุดท้าย
“เข้าไปสิ” เขียวงงหนักเมื่อพบว่าที่นั่งริมทางเดินมีทิเบตนั่งอยู่ แถมเจ้าตัวยังบอกให้เขาเดินตรงเข้าไปด้านใน สงสัยจะให้เขากับจุน
นั่งเบาะตรงกลาง เขียวคิดแค่นั้นก่อนเดินผ่านทิเบตเข้าไป
“จะยืนอีกนานไหมนั่งได้แล้ว” เสียงดุๆ ของคนที่นั่งอยู่ก่อนทำเอาเขียวนั่งลงโดยอัตโนมัติ เขารีบหันกลับไปมองโซฟาที่เพิ่งเดิน
ผ่านมาและพบว่าเพื่อนของเขากำลังยืนค้ำหัวทิเบตได้ยินเสียงพูดกันแว่วๆ น้ำเสียงจุนเอาเรื่องทีเดียว
“เข้าไปนั่งกับเพื่อนพี่ดิ ผมจะได้นั่งกับเพื่อนผม”
“ฉันจะนั่งตรงนี้ ถ้านายไม่อยากนั่งก็ไปนั่งที่อื่น”
“อ้าว แล้วจะให้ผมไปนั่งที่ไหน”
“ไม่ใช่เรื่องของฉัน จะนั่งหรือไม่นั่งหนังเริ่มฉายแล้วอย่าเกะกะคนอื่น”
“ผมจะนั่ง เพราะนี่เก้าอี้ผมผมจ่ายเงิน ใครควรลุกไปนั่งที่อื่นก็คิดเอาเอง” เขียวเห็นจุนกระแทกตัวลงนั่ง ความหวังจะได้ย้ายไปนั่ง
กับเพื่อนหลุดลอย ถ้าอย่างนั้นเขาคงนั่งตรงนี้กับอินทรีย์อย่างเลี่ยงไม่ได้
“เฮ้ย!” เขียวสะดุ้งโหยงอุทานออกมาเบาๆ เมื่อร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ขยับเข้ามาใกล้ เขียวถอยร่นจนหลังชิดมุมเบาะ ในขณะที่เขา
ทำตัวลีบเล็กอีกฝ่ายกลับนั่งสบาย ไม่อนาทรร้อนใจ
“ขะ..ขยับไปหน่อย เก้าอี้ตัวโครตใหญ่จะมานั่งเบียดผมทำไม”
“ชู่ว” อินทรีย์ยกมือแตะปาก ดึงคนตื่นตูมเป็นกระต่ายเข้ามานั่งชิดตรงกลางเบาะ
“สบายขึ้นหรือยังเรา จะได้เลิกบ่นเสียที”
“ไม่สบาย พี่ช่วยขยับไปอีกหน่อยได้ไหม ผมอึดอัด”
“หนังเริ่มฉายแล้ว เงียบ” เขียวเกิดอาการงงกับชีวิต เมื่ออีกฝ่ายทำเสียงดุแถมไม่ยอมขยับให้เขา พอเขียวเอนตัวหนีอินทรีย์ก็ดึง
เขากลับมานั่งชิดเหมือนเดิม เขียวพยายามอยู่สองสามที เมื่อทำอะไรไม่ได้จึงต้องจำใจดูหนังทั้งที่นั่งชิดกันอยู่แบบนั้น
“หนาวไหม”
“หะ! ไม่ ผมไม่หนาว พี่จะทำอะไร” เขียวสะดุ้งเมื่อเห็นอินทรีย์ยื่นมือมาหา อย่าบอกนะว่าจะกอดเขา
“จะสะดุ้งอะไรหนักหนา เก้าอี้แบบนี้เขามีผ้าห่มให้ เอ้า” เขียวมองผ้าห่มที่ถูกโยนลงมาบนตัก หน้าแหกไหมล่ะเขียวเอ๊ย คิดไปได้
ไงวะว่าไอ้พี่อินจะกอด
เขียวถอนใจออกมาเบาๆ จะโทษเขาก็ไม่ถูกเพราะหน้าที่หวานเกินหญิงทำให้เขาเจอผู้ชายจีบอยู่บ่อยครั้ง พวกที่ทำเนียนเข้ามา
ลวมลามก็เยอะ ดีที่เขารู้จักป้องกันตัวเองถึงปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้
ดีเหมือนกันเขากำลังหนาว ที่นั่งแพงมันดีแบบนี้นี่เองนั่งสบายเชียว เขียวคลี่ผ้าห่มออกเขาดึงขึ้นมาคลุมจนถึงบ่า
เขียวนั่งดูหนังไปเงียบๆ ถึงจะยังรู้สึกอึดอัดกับร่างสูงที่นั่งชิด แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะรบกวนเขา เขียวจึงสบายใจขึ้นมาก
“สนุกไหม”
“ครับ?” เขียวหันไปมองอินทรีย์เมื่อได้ยินเสียงกระซิบถามเบาๆ
“ดูไปนะฉันไม่สนุก” หัวหนักๆ เลื่อนลงมาพิงที่บ่า น้ำหนักทีกดทับลงมาทำให้เขาไม่กล้าขยับตัว เขียวเกร็งไปหมดไม่รู้ว่า
อินทรีย์คิดอะไรอยู่หรือต้องการอะไร
“ฉันง่วง” คำสั้นๆ ไม่ช่วยตอบคำถามของเขียว ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบแต่ใจเขากลับไม่สงบแม้แต่น้อย
“พี่ก็พิงเบาะดีๆ สิ มาพิงผมทำไมเล่า” ไม่มีเสียงตอบรับราวกับคนง่วงหลับไปแล้วจริงๆ เขียวเม้มปากไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไร
เขาควรเสียมารยาทดึงตัวออกเลยดีไหมหรือจะปล่อยไว้แบบนี้ ยิ่งมีคดีกันอยู่ทำไม่ดีด้วยจะพาลโดนต่อยหรือเปล่าวะ เขียวคิด
ทบทวนไปมาจนลืมดูหนัง สุดท้ายเขาตัดสินใจนั่งนิ่งให้อีกฝ่ายนอนพิงแต่โดยดี
เหี้ย! เป็นอะไรวะ หลังจากพยายามเอาสมาธิไปจดจ่อกับหนังที่ฉาย เขียวพบว่าเขาทำไมได้ เพราะใจเขามันเอาแต่เต้นไม่เป็น
จังหวะ
เป็นอะไรของมึงวะไอ้พี่อินไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อยหรือเพราะเรากลัววะ หรือเพราะโมโห หงุดหงิดไม่พอใจ หรือเพราะ...
เขียวถอนใจ เขารู้แล้วว่าเพราะอะไร เพราะลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดอยู่ตรงซอกคอ เพราะมันร้อนผ่าวจนเขาใจเต้น
“พี่ๆ หนังจบแล้ว” เขียวขยับไหล่เพื่อให้คนที่นอนอยู่รู้สึกตัวตื่น อินทรีย์นอนพิงเขาตลอดหนึ่งชั่วโมงที่เหลือโดยไม่ยอมขยับออกห่าง
“อื้อ” เสียงงัวเงียบอกว่าคนที่นอนหลับเป็นจริงเป็นจังรู้สึกตัวแล้ว จังหวะที่อีกฝ่ายขยับตัวขึ้นเขียวรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นที่เฉียดมา
โดนแก้ม ถึงจะเพียงผิวเผินแต่เขามั่นใจว่าโดนแน่ๆ แต่อินทรีย์กลับขยับตัวบิดขี้เกียจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หรือไม่โดนวะ เขียวเกาหัว ช่างมันเถอะถึงโดนก็คงเป็นเหตุบังเอิญเขาไม่ควรเก็บเอามาใส่ใจหรือโวยวายออกไป ดีแล้วที่อีกฝ่าย
ไม่รู้ตัว
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“ขอบคุณนะจุน เขียว” มิ้นเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มที่เธอรับนัด เธอยอมรับว่าเธอตอบตกลงเพราะต้องการแสดงให้ทิเบตเห็นว่าเธอก็มีคนมาสนใจ แต่ไม่คิดว่าจะได้ผลถึงขนาดนี้ ทิเบตลงทุนตามเธอมาเพราะความหึงหวง แค่นี้เธอก็มีความสุข
มากแล้ว
“พี่มิ้นกลับยังไงครับ ให้ผมไปส่งนะ”
“จุนเอารถมาเหรอ” จุนสะอึกเมื่อเจอคำถามนี้เข้าไปแต่อย่างไรเขาก็ยังอยากลอง
“เปล่าครับผมกะจะเรียกแท็กซี่”
“งั้นอย่าเลย เบตกับอินเอารถมาเราจะได้ไม่ต้องไปส่งพี่ให้ลำบาก”
“ผมไม่ลำบากครับ ผมอยากไป”
“แต่..”
“จะเถียงกันอีกนานไหม อยากไปส่งก็ตามมา”
“เบตจะไปส่งจุนหรือคะ ดีเลยจุนไปด้วยกันนะ” มิ้นโล่งอกเพราะเธอรู้สึกผิดกับรุ่นน้องอยู่ไม่น้อย
“คนนี้ฉันไปส่งเอง” อินทรีย์คว้าแขนของเขียวเอาไว้ ไม่สนใจตาที่ถลึงโตของอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไรครับพี่มิ้น ผมพักอยู่กับเขียวพวกผมกลับกันเองดีกว่า ถ้าพี่มิ้นจะไปกับ..” จุนตวัดสายตามองทิเบตแต่ไม่ยอมเอ่ยชื่อ
ออกมา
“เอาไว้วันหลังค่อยนัดกันใหม่ครับ กินข้าวด้วยกันที่มหาลัยก็ได้” จุนเดินหน้าเต็มตัว เขาถือว่าเขาไม่ผิดเพราะทิเบตไม่เคย
ประกาศว่าเป็นแฟนของมิ้น ในเมื่ออีกฝ่ายเสียมารยาทมาขัดขวางนัดของเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องแคร์
“นั่นสิกลับกันเองดีกว่า” เขียวพยายามส่งสัญญาณบอกจุนว่าให้ถอยทัพด่วน เพราะมือใหญ่ที่จับแขนเขาอยู่ไม่ยอมปล่อย
“ให้พี่อินไปส่งก็ได้นะเขียว กลับกับเราไง” เขียวแทบน้ำตาไหลพราก อยากไปกับสาวใจจะขาดแต่เขาไม่ไว้ใจเจ้าของรถ
“ไม่เป็นครับโชแปงผมเกรงใจ จุนกลับเถอะ” เขียวพูดกับเพื่อนแต่ตามองมือที่กำแขนเขาอยู่เป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายปล่อย
“หึหึ กลับดีๆ นะกระต่ายน้อย” มือที่จับแขนยกขึ้นลูบผม รอยยิ้มที่ส่งมาทำเอาเขียวถอยร่นแทบไม่เป็นขบวน
“ไปกันเถอะ” เสียงเรียบๆ ของทิเบตช่วยเขียวเอาไว้ เขารีบยกมือโบกอำลาโชแปงและมิ้น ยืนส่งจนทั้งสี่คนเดินห่างออกไป
“เป็นไงบ้างวะจุน” เขียวถามเพราะเห็นหน้าเพื่อนเปลี่ยนจากยิ้มเป็นหงิกทันทีที่มิ้นเดินหันหลังให้
“เป็นไงล่ะมึง หมดตูดไงถามได้” นอกจากค่าตั๋วหนังสำหรับหกคนแล้ว จุนยังจ่ายค่าอาหารให้ทิเบตเป็นส่วนของพวกเขาสองคน
ไปอีกห้าร้อย ความจริงทิเบตไม่ได้เรียกเก็บเงินแต่เขาดื้อดึงที่จะจ่ายเอง โชคดีแค่ไหนแล้วที่ทิเบตเป็นคนจ่ายส่วนที่เหลือ
ทั้งหมด
“ไม่ใช่ กูหมายถึงที่มึงนั่งดูหนังกับพี่เบตเป็นไงบ้าง”
“จะเป็นไงวะ ก็อึดอัด เหม็นขี้หน้า ไม่อยากนั่งใกล้ โคตรเกลียด มีอย่างอื่นอีกเหรอวะ หรือมึงมีอะไร ไอ้พี่อินมันกวนตีนอะไรมึง
หรือเปล่า”
“เปล่าๆ ไม่มี ไม่ได้กวน”
“เออ ไม่มีก็ดี ถ้างั้นก็กลับเถอะไปนอนให้หายเซ็งดีกว่า”
“อืม เห็นด้วย”
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“จุน”
“อะไรมึง” จุนหยิบกระป๋องน้ำอัดลมที่แวะซื้อระหว่างทางก่อนขึ้นหอออกจากถุง
“กู..กูว่าไอ้พี่อินมันอ่อยกูว่ะ”
พรวดด แค่กๆ น้ำอัดลมที่จุนเพิ่งได้ลิ้มรสปรากฏอยู่บนหน้าของเขียวหวาน เจ้าตัวต้องยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดคราบอารยธรรมของ
เพื่อนออก
“มึง..มึงพูดอะไรของมึงวะเขียว!!”
“กูก็ไม่รู้แต่กูรู้สึก มึงอย่ามองกูอย่างนั้น เขียวหวานรีบบอกเมื่อเห็นจุนขมวดคิ้วมองหน้าเขาเหมือนไม่เชื่อถือ
“กูพูดจริงๆ นะ กูว่า..พี่อินแม่งอ่อยกู!!”
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
อารัมภบท เอื่อยๆมาเยอะล่ะ ตอนหน้าเข้าเรื่องเสียที ^^
Darin ♥ FANPAGE