ตอนที่ 7
กานต์รักนั่งมองทิวทัศน์ภายนอกรถคันหรูที่กำลังแล่นไปเรื่อยๆอย่างเหม่อลอย ยามเห็นคนของบิดาปรากฏอยู่ตรงหน้าก็รับรู้ได้ทันทีว่าเวลาที่จะได้อยู่กับอีกคนนั้นหมดลงแล้ว ร่างเล็กไม่พูดอะไรซักนิดตั้งแต่ออกมาจนกระทั่งถึงบนรถ
“คุณหนูเข้าใจสิ่งที่พวกเราทำใช่ไหมครับ” ลีโอเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเมื่อคนที่ตนเรียกว่าคุณหนูมาตั้งแต่เด็กนั่งเงียบมาตลอดทาง
“รักเข้าใจ” เสียงเล็กตอบกลับอย่างแผ่วเบา
“พวกเราขอโทษครับ แต่ความปลอดภัยของคุณหนูต้องมาก่อนสิ่งอื่นใดเสมอ” อดัมผู้เป็นคนขับเอ่ยขึ้นอีกคน
“อืม...” แต่กานต์รักยังคงเอ่ยตอบเพียงเท่านั้นจนคนทั้งสองได้แต่มองหน้ากันแล้วถอนหายใจ หากไม่เกิดเรื่องนั้นขึ้นพวกเขาก็ไม่อยากหยุดเวลาแห่งความสุขของคุณหนูเอาไว้เลยซักนิด
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
(ลีโอกับอดัมรายงานว่าคุณหนูคนเก่งซึมเศร้าอย่างหนักเลยเหรอหืม ลูกคงไม่คิดจะกระโดดสระน้ำตรงหน้านั่นใช่ไหม)
กานต์รักส่งยิ้มเซียวๆให้ผู้เป็นบิดาที่วีดิโอคอลมาหาอย่างไม่รู้จะตอบอะไรกลับไป รู้ดีว่าปลายสายนั้นกำลังพยายามเอ่ยเหย้าให้รู้สึกดีขึ้น หากแต่ใจดวงน้อยกลับไม่อาจเยียวยาได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ป่านนี้คุณแพทริกจะเป็นยังไงบ้างนะ คนตัวสูงคงอยากจับเขากลับไปเค้นเต็มแก่ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไร
“รักไม่โดดลงไปหรอกครับ”
(เห้อ ถ้าแม่กลับมาแล้วเห็นลูกเป็นอย่างนี้พ่อต้องโดนบ่นจนหูชาแน่ๆ)
“รักโอเคครับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก” ร่างเล็กฝืนยิ้มให้คนปลายสายเท่าที่พยายามจะทำได้
(กานต์รัก...พ่อเป็นพ่อของลูกนะ)
“...”
(พ่อขอโทษสำหรับเรื่องนี้แต่มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ...ถ้าหากไม่เกิดเรื่องที่พวก
สเวน*เคลื่อนไหวอย่างไม่ชอบมาพากลพ่อจะไม่ให้คนไปพาลูกกลับมาเลย)
“...”
(แต่เพื่อความมั่นใจของพ่อกับแม่ลูกเข้าใจได้ใช่ไหม...ลูกรู้ใช่ไหมว่าตัวเองเป็นแก้วตาดวงใจของพวกเราทุกคน อะไรที่เสี่ยงแม้จะเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์พ่อก็จะไม่มีทางยอม พ่ออยากให้ลูกได้ใช้ชีวิตธรรมดาอย่างที่ลูกใฝ่ฝัน
เพียงแต่บางครั้งเราก็ต้องยอมรับความจริงว่าเราเกิดมาเป็นใคร แม้พ่อจะสละทุกอย่างมานานแล้วแต่คนพวกนั้นก็ยังไม่ยอมหยุดอยู่ดี)
“รักรู้ครับ...รักไม่เคยไม่พอใจในสิ่งที่พ่อกับแม่และทุกคนทำให้เลย รู้ดีว่าที่ทำไปก็เพราะทุกคนเป็นห่วงรักมาก”
(เห้อ พ่อกับแม่และทุกๆคนรักลูกนะ...อีกไม่นานเราจะจัดการเรื่องนี้ได้เรียบร้อย ลูกก็จะได้ใช้ชีวิตในแบบของลูกเหมือนเดิม)
“ครับ พ่อกับแม่ดูแลตัวเองดีๆนะครับ”
(ไม่มีใครทำอะไรเราได้ลูกก็รู้...แม้แต่แพทริก เบรนเนแกนก็ยังต้องยอมเลยเห็นไหม)
คราวนี้คนเป็นลูกยิ้มออกมาได้มากกว่าเดิมเล็กน้อยเมื่อพ่อเอ่ยถึงอีกคนพร้อมด้วยรอยยิ้มล้อเลียน ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นพ่อรู้ทุกอย่าง และท่านไม่จะเข้ามาก้าวก่ายหรือขัดขวางหากว่าเขายังคงปลอดภัย
“พ่อทำอย่างนั้นป่านนี้เขาคงโมโหรักแย่แล้ว” กานต์รักรู้เลยว่าแพทริกนั้นจะโมโหมากแค่ไหน ยิ่งคนตัวสูงทำอะไรไม่ได้แบบนี้คงยิ่งแทบอยากฆ่าคนเลยด้วยซ้ำ
(หึหึ พ่อว่าที่โมโหไม่ใช่เพราะเรื่องธุรกิจหรอก โมโหเพราะพ่อพรากลูกมามากกว่า)
“...ไม่ใช่หรอกครับ” กานต์รักไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองขนาดนั้น
(เชื่อเถอะว่าอีกไม่นานหมอนั่นจะต้องมาหาลูกแน่...เดี๋ยวอีกซักหน่อยพ่อคงต้องไปทำงานแล้ว คิดถึงลูกนะ)
“รักก็คิดถึงพ่อกับแม่ครับ” พ่อกับลูกส่งยิ้มให้กัน มือเล็กยกขึ้นโบกเพื่อบอกลาก่อนที่สัญญาณจะตัดไป
ตอนนี้กานต์รักอยู่บ้านของตัวเองซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ยามมีภาวะสุ่มเสี่ยงเรื่องศัตรูของครอบครัวเขาจะต้องถูกพามาอยู่ที่นี่เสมอจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย
“ได้เวลาทานข้าวแล้วครับคุณหนู” อดัมเดินมาบอกคนที่นั่งคิดอะไรกับตัวเองอยู่ริมสระน้ำเมื่อได้เวลาอาหารเย็น
“มินากับอลิเซียมาถึงรึยัง” กานต์รักถามถึงผู้เป็นภรรยาของลีโอและอดัม ทั้งสองนั้นอยู่ต่างประเทศเพียงแต่ต้องถูกเรียกตัวมาเพื่อดูแลเขาในเวลานี้
“กำลังจะมาถึงในอีกห้านาทีนี้ครับ”
“อืม ทานข้าวกันหลายๆคนจะได้สนุก” รอยยิ้มเซียวถูกระบายขึ้นบนใบหน้าหวานก่อนร่างเล็กจะขยับตัวลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปภายใน
ทว่าแม้จะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแต่ใจดวงน้อยก็ยังอดคะนึงหาถึงอีกคนไม่ได้
ไม่รู้ว่าป่านนี้คุณแพทริกจะทานข้าวเย็นหรือยัง จะคิดถึงฝีมือเขาบ้างไหม...
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
ร่างสูงใหญ่นั่งนิ่งมองออกไปยังนอกหน้าต่างโดยไม่ได้ทำอะไรเป็นเวลากว่าสองชั่วโมง กระทั่งท้องฟ้าด้านนอกเปลี่ยนเป็นสีเข้มสนิทหากแต่แพทริกก็ยังไม่ลุกไปไหน บอกไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้ในหัวมีอะไรอยู่ แม้แต่ตัวเองยังไม่เข้าใจว่าควรจะรู้สึกอย่างไร
ภาพตลอดทั้งอาทิตย์วิ่งวนอยู่ในหัว ย้อนกลับไปตั้งแต่คืนวันแรกกระทั่งมาจบที่ภาพเมื่อช่วงอาทิตย์เศษที่ผ่านมา
ทุกอย่างเกิดขึ้นราวกับเป็นเพียงความฝันเมื่อตอนนี้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบไร้ร่องรอยของใครอีกคน เสมือนกับทุกสิ่งว่างเปล่าไม่มีใครเคยอยู่อย่างที่มันเคยเป็น
เขาควรทำยังไงหรือควรว่ารู้สึกอะไรงั้นหรือ?
แพทริกเองก็ยังไม่แน่ใจในตัวเองจนได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆเพื่อลดความอึดอัดข้างใน นิ้วมือแกร่งกดคลึงนวดหัวคิ้วเบาๆอย่างอ่อนล้า การคุยกับผู้เป็นบิดาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าไม่ได้ช่วยให้รู้อะไรมากขึ้นเลยซักนิด
สุดท้ายแล้วเขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ากานต์รักเป็นใคร แต่ตอนนี้หนึ่งสิ่งที่รู้แน่นอนคืออีกคนไม่ใช่แค่เจ้าของร้านเบเกอรี่ธรรมดา และยังมีอิทธิพลมหาศาล
ในใจพลันรู้สึกแกว่งไหวเมื่อนึกขึ้นได้ว่าจะไม่มีอีกคนนอนข้างกันเช่นทุกคืน ไม่มีคนตัวเล็กนั่งทานข้าวอยู่ตรงข้าม ไม่มีขนมโปรดสำหรับทุกๆวัน
แต่แล้วแพทริกก็ฉุกคิดได้ว่าแล้วเขาจะนึกถึงไปทำไมกัน?
ในเมื่อเด็กนั่นไม่ได้เป็นคนของศัตรูอย่างที่นึกกังวล ในเมื่อฝ่ายนั้นก็ยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายเขาก็ควรปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างที่มันควรจะเป็นไม่ใช่หรือ
ก็แค่ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างปกติไป จะต้องคิดอะไรทำไมอีก
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
1 สัปดาห์ผ่านไป ‘ขอบคุณสำหรับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมค่ะ เดซี่รู้สึกเป็นเกียรติมากจริงๆ มันเหมือนเป็นของขวัญที่เราทำงานหนัก ไม่ใช่แค่รางวัลของตัวเดซี่เองแต่ว่ามันคือรางวัลของทีมงานทุกๆคน ขอบคุณที่ทำงานกันอย่างหนักจนทำให้เดซี่ได้รับรางวัลนี้ค่ะ’
‘แล้วอย่างนี้จะมีไปฉลองที่ไหนกับใครเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ’
‘คงไปค่ะเพราะถือว่าเป็นวันดีๆ สำหรับเดซี่แล้วก็อยากจะมีอะไรพิเศษๆบ้าง แต่คงต้องดูก่อนว่าคนที่ไปด้วยเขาจะว่างหรือเปล่า^^’
‘เขาที่ว่านี่คือคุณแพทริกหรือเปล่าคะ’
‘ก็...เดซี่เป็นผู้หญิงอ่ะนะคะ ไม่อยากจะพูดอะไรมาก เอาเป็นว่า...ตามที่พี่ๆเข้าใจแล้วกันค่ะ’
‘แล้วความสัมพันธ์ไปถึงไหนแล้วคะน้องเดซี่ เรียกว่าแฟนได้หรือยัง’
‘อืม...เรียกว่าคบกันอยู่ดีกว่าค่ะ ส่วนจะเรียกว่าแฟนหรือเปล่าอันนั้นต้องให้เขาพูดเอง ผู้ชายพูดคงดีกว่า’ บทสัมภาษณ์ที่ดังขึ้นจากโทรทัศน์ซึ่งเปิดไว้สำหรับลูกค้าภายในร้านทำให้มือที่กำลังชงชาคาโมมายล์อยู่ชะงักไปนิ่งงัน แม้พยายามไม่ใส่ใจหากแต่ทั้งสองหูก็ยังคงคอยฟังทุกคำพูดจนใจดวงน้อยปวดหนึบ
หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านนั้นมันชัดเจนมากพออยู่แล้ว กานต์รักรู้ตัวดีว่าไม่มีความสำคัญอะไรกับคุณแพทริกเลยแม้แต่น้อย แม้จะรู้แต่ใจไม่รักดีก็ยังแอบคาดหวัง ก่อนสิ่งที่ได้ยินเข้าหูจะดับความหวังนั้นจนมอดสนิท
เรียกว่าคบกันอยู่ดีกว่าค่ะ...
ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้นั้นกานต์รักรู้สึกเหมือนตัวเองหูอื้อไปชั่วขณะ รอบตัวไร้ซึ่งเสียงใดๆแม้จะมีคนในร้านอยู่มากมาย
เขาลืมไปได้ยังไงนะว่าคุณแพทริกกำลังคบหากับผู้หญิงคนนี้อยู่ คาดหวังเรื่องอะไรไร้สาระจังเลยกานต์รัก
“คุณรักคะ ชาคาโมมายล์ของลูกค้าได้หรือยังคะ”
“อ๊ะ ซักครู่ครับ” คนที่มัวแต่ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปไกลสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงพนักงานเอ่ยถาม เจ้าของร้านรีบดึงสติกับมาแล้วพยายามมีสมาธิกับสิ่งตรงหน้า
สถานการณ์ทุกอย่างนั้นเรียบร้อยจนกานต์รักสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ ทั้งดูแลร้านและทำขนมอย่างที่เคยทำมาตลอด แม้จิตใจยังคงไม่สงบนักหากแต่งานภายในร้านก็ยุ่งพอที่จะทำให้ไม่ต้องนึกถึงอะไรไปได้บ้าง
“คุณรักคะ พนักงานใหม่ที่นัดไว้มาแล้วค่ะ”
“โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นฝากคุณไหมดูหน้าร้านซักครู่นะครับ”
“ได้ค่ะ”
กานต์รักถอดผ้ากันเปื้อนออกวางไว้ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะซึ่งมีคนที่นัดเอาไว้นั่งอยู่ เจ้าของร้านหน้าหวานแย้มยิ้มก่อนจะทรุดตัวนั่งลงตรงข้าม
“ทานอะไรมาหรือยังน่ะเรา” เสียงหวานใสเอ่ยถามคนที่เด็กกว่า
มินเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ที่ทางร้านรับเข้ามา กานต์รักเห็นว่าช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ร้านยุ่งมากจึงคิดอยากจะหาคนมาช่วย ทันทีที่ติดป้ายรับสมัครเด็กตรงหน้าก็เดินเข้ามาทันที วันนั้นกานต์รักได้พูดคุยกับมินบ้างแล้ว วันนี้จึงนัดให้มาเรียนรู้งานก่อนเล็กน้อย
“ทานแล้วครับ” เด็กน้อยเอ่ยตอบเสียงใส มินเรียนอยู่มหาลัยชั้นปีที่หนึ่ง เพราะเป็นคนรักขนมและต้องการทำงานพิเศษเพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัวจึงรีบมาสมัครที่นี่ทันทีที่เห็นป้ายประกาศ
“โอเค พร้อมเรียนรู้งานหรือยัง”
“พร้อมครับ!”
มินตอบเสียงแข็งขัน ทั้งตื่นเต้นและดีใจ ร้านนี้เป็นร้านขนมที่ขึ้นชื่อเรื่องของรสชาติมาก มินเคยลองทานอยู่ไม่กี่ครั้งเพราะร้านนี้คนเยอะเหลือเกิน รสชาตินั้นอร่อยเสียจนอยากเห็นหน้าคนทำ พอได้มาเห็นผู้เป็นเจ้าของตัวเป็นๆอย่างนี้ยิ่งอดทึ่งไม่ได้
พี่กานต์รักนั้นทั้งทำขนมเก่งและน่ารักมาก ใบหน้าหวานดูละมุนอ่อนโยนเสียคนอายุน้อยกว่ายังแอบเขินยามจ้องมอง
ไม่ได้เขินเพราะชอบแบบแฟน แต่เขินเพราะปลื้มและชื่นชม
“งั้นก็ตามพี่มาได้เลย” กานต์รักขยับตัวลุกขึ้นเดินนำเด็กน้อยหน้าใสไปยังส่วนที่เป็นเคาท์เตอร์ แนะนำให้รู้จักกับทุกคนก่อนจะอธิบายทุกอย่างในร้านให้ฟังคร่าวๆโดยที่มินเดินตามอย่างตั้งใจและพยักหน้ารับหงึกหงักไปตลอด
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“เจ้านายครับ คุณเดซี่มาขอพบครับ” คนที่กำลังตรวจเอกสารอยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อดาราสาวออกจากปากของคนสนิท
“อีกห้านาทีค่อยให้เข้ามา” ก็ดีเหมือนกัน เขามีเรื่องอยากจะคุยกับเดซี่อยู่พอดี
“ครับ” คนสนิทรับคำแล้วเดินออกไป แพทริกตั้งใจอ่านเอกสารในมืออย่างถี่ถ้วนก่อนจะตวัดปากกาเซ็นต์แล้ววางลงบนโต๊ะอีกฝั่ง มือหนาวางปากาลง เอนตัวพิงเก้าอี้ใหญ่เพื่อพักจากการนั่งดูเอกสารติดต่อกันหลายชั่วโมง
ก๊อก ก๊อก
“เชิญ” คนตัวสูงถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบายามรู้ว่าคนเคาะนั้นคือใคร แพทริกสูดหายใจลึกก่อนจะกลับมานั่งตัวตรงอีกครั้ง
“แพทคะ” เรือนร่างระหงส์ในชุดเดรสรัดรูปเยื้องกรายเข้ามาหาพร้อมด้วยรอยยิ้มเย้ายวนบนใบหน้า หากแต่แพทริกไม่ได้สนใจอะไรเลยซักนิด ยามนางเอกสาวเดินมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานคนตัวสูงก็ยังคงนั่งนิ่ง
“คุณมีธุระอะไรเดซี่”
“ไปทานข้าวกันนะคะ ถือว่าเป็นการฉลองให้เดซี่สำหรับรางวัลนักแสดงนำหญิง” บอกตรงๆว่าแพทริกไม่ได้สนใจและไม่รู้เรื่องนี้เลยถ้าหากไม่มีเรื่องที่นักข่าวโทรมาถาม
“ผมไม่ว่าง”
“ทำไมล่ะคะ”
“ผมมีงานที่ต้องทำ”
“ไปแป๊บเดียวก็ได้ค่ะ”
“ผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปกับคุณนะเดซี่...อ้อ แล้วอีกเรื่องคือเรื่องที่คุณให้สัมภาษณ์กับนักข่าว เราไม่ได้คบกันและไม่เคยคบกัน คุณรู้อยู่แล้วนี่ว่าเรามีความสัมพันธ์กันแบบไหน อย่าเที่ยวไปให้ข่าวที่ไหนอีกว่ากำลังคบกับผม ไม่อย่างนั้นอย่ามาหาว่าผมไม่เตือน”
แพทริกร่ายยาวออกมาพร้อมกับสบตากับดาราสาวนิ่ง เมื่อบ่ายมีนักข่าวมากมายโทรมาหาเพื่อถามเรื่องที่หญิงสาวให้สัมภาษณ์ไป
“ทำไมคะ ในเมื่อคุณมีอะไรกับเดซี่ ทำไมเดซี่จะบอกคนอื่นไม่ได้ว่าเราคบกัน”
“ผมจะมีอะไรกับใครที่ไหนก็ได้
แค่มีอะไรกันมันไม่ได้หมายความว่าผมคบกับคุณ ผมบอกชัดตั้งแต่แรกแล้วเดซี่ คุณกำลังจะข้ามเส้นไปมากกว่าที่เราตกลงกัน”
“แล้วยังไงคะ ในเมื่อตอนนี้ใครๆเขาก็คิดไปแล้วว่าเราคบกันอยู่” เดซี่มองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่ยี่หร่ะ ในเมื่อตอนนี้ข่าวมันแพร่ไปถึงไหนต่อไหนเธอย่อมถือสิทธิ์ความได้เปรียบ
“คุณคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะบีบผมได้อย่างนั้นเหรอ?...ยิ่งคุณทำแบบนี้ผมยิ่งตัดคุณได้ง่ายขึ้น ต่อไปนี้เราไม่มีอะไรที่จะต้องติดต่อกันอีก คุณไม่ต้องมาหาผมอีกต่อไป เชิญ!”
นางเอกสาวหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินประโยคนั้น เธอคิดว่าเขาจะต้องยอมคบกับเธอเพราะปฎิเสธข่าวไม่ได้ นี่มันไม่ใช่แบบที่เธอนึกเอาไว้
“คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ! คิดจะตัดความสัมพันธ์กับฉันง่ายๆแบบนี้ฉันไม่ยอม คุณต้องรับผิดชอบฉันนะแพทริก!”
แพทริกไม่สนใจคนที่กำลังเต้นเร่าอยู่ตรงหน้า คนตัวสูงกดสัญญาณให้แซมเข้ามาแล้วส่งสายตาให้ลากผู้หญิงคนนี้ออกไป เดซี่กรีดร้องไปตลอดทางอย่างไม่ยอมง่ายๆทว่าก็ไม่อาจสู้แรงผู้ชายได้
เขาไม่เคยสนใจอะไรผู้หญิงคนนี้อยู่แล้ว เดซี่เองก็รู้ดีตั้งแต่แรกหากแต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวกำลังจะพยายามข้ามเส้นเข้ามาอยู่เรื่อย กระทั่งจนถึงวันนี้ที่แพทริกทนไม่ไหวอีกต่อไป หากไม่ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเขาคงต้องพบปัญหาตามมาอีกมากมาย ผู้หญิงนั้นช่างยุ่งยากจุกจิก
ไม่เห็นเหมือน...
ลมหายใจร้อนถูกผ่อนออกยาวเหยียด หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาที่พยายามใช้ชีวิตอย่างปกติมันกลับไม่สามารถทำได้เลยซักนิด ยิ่งพยายามยิ่งดูเหมือนแย่ลง แพทริกไม่เข้าไปเหยียบที่ห้องนั้นอีกตั้งแต่วันนั้น ทุกๆคืนต้องกลับไปนอนบ้านราวกับกำลังหลีกหนีจากความทรงจำบางอย่าง
“คุณเดซี่กลับไปแล้วครับนาย” แซมกลับมารายงานพร้อมกับอาการหอบเล็กๆ ผู้หญิงยามโกรธนั้นแรงน้อยเสียที่ไหน หากไม่ยกเรื่องที่อาจจะมีภาพหลุดออกไปเพราะที่นี่คนเยอะหญิงสาวคงไม่มีทางยอมกลับเป็นแน่
“อืม จัดการอย่าให้เธอเข้ามาวุ่นวายได้อีก”
“ครับ”
เมื่อไม่มีอะไรแล้วมือขวาอย่างแซมจึงค้อมหัวให้ผู้เป็นนาย ก่อนจะหันหลังเพื่อเดินออกไปดูความเรียบร้อยข้างนอก
“แซม” คนที่เดินถึงหน้าประตูหันกลับมาขานรับด้วยความรวดเร็ว แซมยืนนิ่งรอฟังว่าแพทริกนั้นต้องการอะไร
“ฉันอยากกินช็อกโกแลต”
“อะไรนะครับ?”
“บอกว่าอยากกินช็อกโกแลต หูหนวกหรือไง”
คนถูกถามนั้นอยากบอกเหลือเกินว่าได้ยินทว่าที่ถามนั้นเพราะไม่แน่ใจในสิ่งที่หูได้ยิน คนอย่างแพทริก เบรนเนแกนน่ะหรือจะร้องหาขนมราวกับเด็ก ถ้าไม่เห็นกับตาเขาคงไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
“เดี๋ยวผมให้คนไปซื้อให้ครับ” แม้จะยังมึนงงแต่ในเมื่อเจ้านายพูดออกมาเขาก็ต้องรีบจัดการ
“เอามาหมดทุกยี่ห้อ” แพทริกเอ่ยเสียงห้วน ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมารู้สึกนึกอยากขนมหรืออะไรซักอย่างที่ทำจากช็อกโกแลตเพราะความเคยชิน แม้จะยังไม่รู้ว่าอยากกินอะไรกันแน่แต่คาดว่าช็อกโกแลตน่าจะทำให้หายอยากได้บ้าง
แซมรับคำผู้เป็นนายก่อนจะเดินออกจากห้องแล้วสั่งให้คนไปจัดการเหมาช็อกโกแลตมาทุกยี่ห้อที่มีขาย กระทั่งไม่นานนักมันก็มาวางอยู่ตรงหน้าแพทริก
“ไม่เห็นจะอร่อยซักอัน มันไม่มียี่ห้อที่ดีกว่าพวกนี้แล้วหรือไง”
แพทริกทิ้งช็อกโกแลตที่กินไปเพียงคำเดียวลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี ลองชิมมาจนจะหมดทุกยี่ห้อหากแต่รสชาตินั้นกลับไม่ถูกใจซักอัน ยิ่งกินยิ่งหงุดหงิด
“ผมให้คนไปหาทุกยี่ห้อที่ขึ้นชื่อมาหมดเลยนะครับ นั่นก็ยี่ห้อที่นายกินประจำ”
แซมกับโจเซฟมองหน้ากันอย่างมึนงงกับอารมณ์ของผู้เป็นนาย มองกองช็อกโกแลตที่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดบนพื้นอย่างจนใจ
“ถ้างั้นมันก็ต้องเป็นของปลอม ไม่เห็นจะอร่อย”
“ถ้าอย่างนั้นผมว่ามีร้านนึงที่นายน่าจะชอบ” คำพูดของโจเซฟเรียกสายตาจากทั้งแซมและแพทริกได้ในทันที
“ร้านอะไร? / ร้านไหนวะ” คนทั้งสองเอ่ยถามขึ้นพร้อมกัน
“
The Beloved ครับ” โจเซฟตอบออกมาพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก ในขณะที่แพทริกนั้นนิ่งไปสนิท ส่วนแซมหันมามองหน้าคู่หูก่อนจะยกนิ้วโป้งให้
ที่มันไม่ถูกปากและไม่ถูกใจไม่ใช่ว่าเพราะไม่อร่อย แต่มันเป็นเพราะใจเจ้านายไม่ได้ต้องการมันมากกว่า
“งั้นเดี๋ยวผมจะให้คนไปซื้อมาให้นะครับ เจ้านายรอซักครู่” แซมเอ่ยขึ้นแล้วรอดูปฏิกิริยาเจ้านายอยู่เงียบๆ
“ไม่”
“ไม่อยากทานแล้วเหรอครับ?”
“
ไม่ต้องให้คนไป...ฉันจะไปเอง”
The Beloved ร้านของกานต์รัก❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
(มีต่อหน้า 5 ค่ะ)