แฟนผมไม่ค่อยหวานเลย คนเป็นหมอทุกคนเป็นแบบนี้รึเปล่าครับ? [17/09/59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แฟนผมไม่ค่อยหวานเลย คนเป็นหมอทุกคนเป็นแบบนี้รึเปล่าครับ? [17/09/59]  (อ่าน 3941 ครั้ง)

ออฟไลน์ เพียงคุณยอม...

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2016 00:18:02 โดย เพียงคุณยอม... »

ออฟไลน์ เพียงคุณยอม...

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

แฟนผมไม่ค่อยหวานเหมือนคนอื่นเลย คนเป็นหมอทุกคนเป็นแบบนี้รึเปล่าครับ?


      ผมค่อยๆจรดนิ้วมือเขียนระบายความในใจและความน้อยใจลงในเวปบอร์ดยอดฮิตอย่างเวปไซต์ล้านทิป ก่อนจะบอกเล่าถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของผมและไอ้คุณหมอที่มีฐานะเป็นสามีโดยพฤตินัยและนิตินัยแบบชอบธรรม(?) ลังเลอยู่ชั่วขณะระหว่างกำลังตัดสินใจว่าจะส่งกระทู้ไปในล้านทิปดีหรือไม่เพราะจริงๆแล้วมันก็แค่ความน้อยใจของคนเป็นภรรยาแบบผมที่สามีลืมวันเกิดของตัวเองแถมยังทิ้งผมไปดูเคสที่ญี่ปุ่นหน้าตาเฉย หนำซ้ำเข้าวันที่สามที่ไปถึงที่นั้นแล้วยังไม่ตอบไลน์ผมอีกต่างหาก พอนึกถึงเรื่องที่อีกฝ่ายลืมไปแล้วก็อดไม่ได้ที่จะทั้งโกรธ ทั้งงอน พาลให้กดส่งไปในโลกล้านทิป 

      คุณหมอชอบคิดถึงแต่เรื่องของตัวเอง
     
      ผมกับพี่มันแต่งงานมาได้เกือบห้าปีแล้วครับ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเรื่องมันเริ่มต้นยังไง รู้ตัวอีกที่ทั้งผมและเขาก็ได้มาอยู่ด้วยกันในบ้านหลังที่เราซื้อมาด้วยกันแล้ว ผมชื่อปราญ ปรัชญา คุ้มทรัพย์ ส่วนพี่มันชื่อ(ไอ้)พี่หมอแอล ผมเป็นศิลปินวาดภาพครับ งานของผมคือการสร้างความจรรโลงใจให้แก่ผู้คน มีแกลอรี่เป็นของตัวเองด้วยนะเออ ผมยืนอยู่ในจุดที่ถือว่ามีความสุขกว่าคนทั่วๆไป มีงานที่ดีและมีความสุขที่ได้ทำงานนั้นๆ มีบ้าน มีรถ มีแฟน มีลูกอีกสามตัวแนะ !!! ไอ้เงิน ไอ้แดง ไอ้ดำ เป็นปลาทองที่ผมตั้งใจซื้อมาเลี้ยงเมื่อนานมาแล้ว ส่วนพี่หมอนะการงานก็ตามนั้นครับ รักษาผู้คน คืนความาสุขให้แก่ประชาชน ...ชะอุ้ย ผมว่าเราข้ามไปเรื่องอื่นดีกว่านะ

      แรกเริ่มมีแต่คนบอกว่าผมโชคดีที่ได้เป็นแฟนกับพี่หมอ จนกระทั้งตกล่องปล่องชิ้นกันเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ เอาจริงๆพี่หมอก็ไม่ได้แย่ หน้าตาออกสไตล์ไทยลุค คิ้วหนา ผมหยักศก มีลักยิ้มหนึ่งข้าง แถมยังฉลาดมากๆ(ไม่งั้นมันจะเป็นหมอได้เหรอ) แต่สิ่งที่คนอื่นไม่เคยรู้ คือหลังช่วงโปรโมชั่นแล้วชีวิตของเราสองคนเหมือนคลื่นนิ่งๆคลื่นนิ่งมากว่า

      พี่หมอไม่เคยบอกรักผมเลย

      ...ก็รู้ว่ามันไม่ใช่นิสัยที่ไม่ดี แต่บางครั้งเราก็อยากได้คำพูดดีๆให้รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจบ้าง ทำงานมาหนักๆเหนื่อยๆขอกำลังดีๆบ้างไม่ได้เหรอ? แค่คำว่ารักมันพูดยากตรงไหนกัน แล้วเพราะอะไร ทำไมถึงพูดไม่ได้ นอกจากเรื่องคำพูดแล้วก็เรื่องความหวานเนี้ยแหละ พี่หมอไม่เคยใส่เสื้อคู่ ไม่เคยแสดงออกเลยว่าห่วงผม และไม่กลัวด้วยว่าใครจะเข้ามายุ่งย่ามกับผม มีแต่ผมเนี้ยแหละที่ต้องคอยไปแยกเขี้ยวตะแง้วๆใส่ไอ้พวกที่มาให้ท่าพี่หมอ ชิชะ เดียวองค์แม่ลงแล้วพวกมึงจะโดนครับ พี่หมอนั้นก็กระไร รู้หรอกว่าเขามั่นคง แต่เจอแบบนี้ปล่อยๆมันก็เหนื่อยนะเว้ย หัดปฏิเสธบ้างนะเป็นไหม

      ผมหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คหลังอ่านข้อความในไลน์ นี้มันอาการของคน ‘หนักขวา’ ชัดๆ (อย่าบอกนะว่าไม่รู้จัก ? หนักขวาก็แบบ พวกเธอลองไปดูแชทองพวกเธอกับคนที่ชอบหรือแอบชอบนะ ...เห็นยัง ? เอาง่ายๆข้อความส่วนใหญ่มีแต่เธอเป็นคนพิมพ์ไปอ่ะ เกทยัง? ) น้อยครั้งมากๆที่พี่มันจะเป็นฝ่ายทักผมมาหรือเปิดประเด็นชวนคุยอะไรใหม่ๆ

      ผมเหลือบมองดูนาฬิกา เวลาเดินทางมาเกือบๆจะเข้าวันใหม่แล้ว คิดมากไปก็เหนื่อยใจเราเองอีก สุดท้ายผมตัดสินใจกดโทรศัพท์โทร.ไปหาเพื่อนสนิทคนหนึ่ง แม้จะเสี่ยงต่อการโดนด่าก็เหอะ แต่นาทีนี้ก็ดีกว่าฟุ้งซ่านคนเดียววะ ผมฟังเพลงเสียงรอสายเล็กน้อยก่อนอีกฝ่ายจะกดรับโทรศัพท์

      “ว่า ?”

      เสียงปลายสายดังขึ้นแบบอุบอิบ ในใจมันคงอยากด่าสวดผมแต่อีกใจนอยากรีบๆคุยให้จบล่ะมั้ง

      “มึง พี่หมอแมร่งไม่สนใจกูเลย”

      “อ่ะ กูไม่นอนเป็นเพื่อนมึงก็ได้ มีอะไรจะบ่นว่ามา”

      ผมได้ยินมันถอดหายใจเล็กน้อยก่อนจะรับฟังคำบ่นของผม ผมเล่าเรื่องไปด้วย ใส่รองเท้าไปด้วย ปกติแล้วผมจะชอบเดินออกไปซื้อบะหมี่น้ำตอนดึกๆครับ เอามากินช่วงเวลาคิดงาน บางครั้งไอเดียก็มาช่วงเวลาที่ชาวบ้านเขาหลับกันจริงๆแหะ ปากผมเล่าไป ได้ยินเสียงเพื่อนมันเอออ้อไปตาม ก่อนผมจะล็อกประตูบ้านแล้วเดินออกมา

      ...และก็นึกขึ้นได้ว่าผมลืมกุญแจไว้ที่หน้าโน้ตบุ๊ก

      “โอ๊ยยยย มึง กูลืมกุญแจไว้ในบ้าน”

      ผมจิ๊ปากหัวเสียง พารานอยด์พี่หมอแล้วยังต้องมาพารานอยด์ความขี้ลืมของตัวเองอีกต่างหาก ผมค่อนข้างความจำสั้นและขี้ลืมครับ หลายครั้งเหมือนกันที่ผมมันจะฝากพี่หมอเตือน ไม่งั้นก็จดลงกระดาษกันลืม เอาจริงๆเหตุการณ์การลืมกุญแจเข้าบ้านไว้ในบ้านนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เลยแม้แต่น้อย พี่หมอเองก็เตือนผมเรื่องนี้บ่อยๆเหมือนกัน

      “ใจเย็นๆก่อนมึง หาในกระเป๋าดีๆหรือยัง”

      “มันจะมีได้ยังไงว่ะ ก็กูวางไว้บน...”

      ผมชะงักคำพูดหลังมือข้างหนึ่งตบเข้าไปที่กระเป๋ากางเกงแล้วสัมผัสได้ถึงความแข็งของวัตถุบางอย่างที่กำลังตามหา ถึงผมจะขี้ลืมขนาดไหน แต่ผมว่าผมจำได้นะว่ามันวางไว้อยู่บนโต๊ะหน้าโน๊ตบุ๊คนิ ????

      “มึง แค่นี้ก่อนนะ แปปหนึ่ง”

      ผมว่าก่อนจะกดวางสายไป สองมือค่อยๆใช้กุญแจไขประตูเข้าบ้าน ก่อนจะถอดรองเท้าลวกๆแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นไปชั้นบน ผมเปิดประตูห้องนอนเข้าไปก่อนจะพบว่า ...มีกุญแจอีกดอกวางไว้หน้าโน้ตบุ๊ก ผมหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเอามาเทียบกับกุญแจในมือ จากร่องรอยที่สึกหรอของมันทำให้เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวที่ผมเจอในกระเป๋ากางเกงนี้มันใหม่กว่ามากๆ

      ริมฝีปากของผมเม้มสนิทติดกัน ผมค่อยๆเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าก่อนจะสัมผัสกับเสื้อผ้าของตัวเองทุกตัว ...แล้วพบว่ามีกุญแจบ้านเกือบยี่สิบดอกนอนอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านในด้านหนึ่ง ผมถือทั้งหมดมากองรวมกันที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะเดินลงไปด้านล่าง ข้างเตาไมโครเวฟ ใต้พรมเช็ดเท้า ในกระถ่างต้นไม้ แม้กระทั้งวางไว้ข้างๆจานระบายเสียงในห้องเก็บภาพ ผมถือกุญแจทั้งหมดขึ้นมากองรวมกันที่โต๊ะโน้ตบุ๊ก นั่งมองกุญแจเกือบๆจะห้าสิบดอกที่นอนกองรวมกัน พอรู้ตัวอีกที่ก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจกเฟสบุ๊คดังขึ้น  ผมกดเข้าไปดูก่อนจะพบว่าเฟสบุ๊คแจ้งเตือนความทรงจำเก่าๆ

      ...และครั้งนี้เป็นความทรงจำของเมื่อห้าปีที่แล้ว

      สเตตัสที่แท็กมาจากเพื่อนสนิทคนหนึ่งในกลุ่มพร้อมติดแคปชั่นมาว่า #เพื่อนกูมีผัวแล้วค่ะ เด้งขึ้นมา ก่อนคลิปวิดีโอที่ถ่ายจากด้านหนึ่งของงานเลี้ยงวันเกิดจะเล่นขึ้นแบบออโต้ ผมทบทวนความทรงจำในหัวก่อนจะค่อยๆนึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในตอนนั้น

      “คือ..พี่เป็นคนพูดไม่เก่ง ปราญรู้ใช่ไหมว่าพี่ไม่ถนัดพูดอะไรแบบนี้เลย พี่..พี่ไม่เคยมีแฟน พี่ดูแลร่างกายผู้ป่วยได้ แต่พี่ไม่เคยมีใครให้ต้องมาดูแลหัวใจ บางที่พี่ก็อยากพูดเก่งแบบปราญ อยากสรรหาคำพูดดีๆมาให้กำลังใจ อยากทำให้ปราญรู้สึกดีๆแบบที่ปราญทำให้พี่รู้สึก บางที่พี่ก็โมโหตัวเองที่ไม่ชินสักทีเวลาต้องพูดอะไรออกไป พี่แสดงออกไม่ค่อยถูก พี่ขอโทษที่บางครั้งมันอาจจะทำให้ปราญรู้สึกแย่.....”

      พี่หมอในคลิปวีดีโอพูดขึ้นก่อนเจ้าตัวจะยกมือซ้ายของผมขึ้นมาแตะที่หน้าอกด้านซ้ายของเขา

      “พี่อาจจะพูดคำว่ารักได้ไม่ถนัดเท่าปราญแต่พี่จะทำให้ปราญ ‘รู้สึก’ ให้ได้ว่าพี่รักปราญแบบที่ปราญทำให้พี่รู้สึกได้เช่นกัน..ปราญครับ...”

      พี่หมอในคลิปวิดีโอยกมือของผมขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากเบาๆก่อนจะพูดต่อว่า....
   
      “...แต่งงานกับพี่นะครับ”
   
      เสียงกรี๊ดกร๊าดจากทั้งเพื่อนของผมและเพื่อนของเขาดังขึ้น ก่อนคลิปวีดีโอจะจบลงไป ผมนั่งกอดเข่าก่อนจะร้องไห้ออกมาแบบไม่รู้ตัว กระทั้งมือซ้ายที่ยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาผมยังสัมผัสได้ถึงความเย็นของแหวนที่สวมใส่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย.... แปลกที่ผมกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเมื่อได้สัมผัสกับมัน
   
      พี่มันไม่เคยบอกรักผม ...แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ผู้ชายคนนี้จะทำให้ผมรู้สึกว่าเขาไม่รักผมแล้ว
   
      พี่มันไม่เคยหวาน  ...แต่ไม่มีสักครั้งที่ฝ่ามือหนาๆคู่นั้นจะหนีผมไปไหนในวันที่โลกทั้งใบปฏิเสธผม

      ผมแมร่ง....โคตรคิดถึงแต่ตัวเองเลย
   
      เสียงแจ้งเตือนของไลน์ดังขึ้นก่อนไลน์ที่ผมเมมชื่อไว้ว่า “พี่หมอ สามีน้องปราญ” จะเด้งขึ้นมา
   
      ‘ขอโทษที่ พี่เพิ่งต่อสัญญาณได้ครับ’
   
      ‘ไม่เป็นไรหรอกครับ’
   
      ‘ครับ ไว้พี่กลับไปแล้วไปกินซูซิบุฟเฟ่กันนะ’

      ‘พี่หมอ’
   
      ‘หื้มม ?’
   
      ‘กลับมาไวๆนะครับ...คิดถึง’
   
      ‘คิดถึงเหมือนกันครับ...ไอ้ดื้อของพี่ ^_^’






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-08-2016 10:48:16 โดย เพียงคุณยอม... »

ออฟไลน์ Abbeynggn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งื้ออออ ชอบจัง ยังไม่จบใช่มั้ย

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6

ออฟไลน์ dradareal

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ฮือออออ น่ารักมากกกกกกก
ขอแบบพี่หมอสักคนได้ไหมมมม
ขอตอนพิเศษด่วนๆเลยค่ะะะ

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2

ออฟไลน์ เพียงคุณยอม...

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
คุยกันก่อนน้า คืองี้ ตอนแรกเราตั้งใจทำเป็นมินิสตอรี่สั้นๆตอนเดียวจบอะไรแบบนี้ ได้แรงบันดาลใจมากจากการเข้าห้องไม่ได้จนต้องเสียค่าเปิดกุญแจสำรอง(100/ครั้ง กรี๊ดดไข่ไก่หายไป20ฟองแล้ว) แต่มันเป็นกิเลศของคนเขียนเหมือนๆเวลาจอมยุทธเจอวิชาใหม่ๆยังไงยังงั้นแหละ จากที่คิดว่าแค่นี้จะพอแล้ว พล็อตมากมายก็ผุดขึ้นมาในหัว สุดท้ายเลยตามเลย เอาวะ เลยขออนุญาตเอามาลงในบอร์ดยาวเลยดีกว่า ตั้งใจว่าจะชิปคู่นี้ไปเรื่อยๆจนหมดมุก ซึ่งตอนที่จะเขียน คงจะเป็นอะไรสั้นๆ ชีวิตประจำวันทั่วๆไปของคนทั้งสองคน เรื่องที่เจอ อะไรประมาณนี้น่าจะเวิร์คกว่า พล็อตเรื่องในครั้งนี้คือเล่าไปเรื่อยๆอาจจะสลับลูปอดีตมาวนบ้างนิดหน่อย ประมาณนี้ล่ะมั้ง

ขอบคุณน้า ฝากน้องๆด้วยจ้า  :กอด1:

ปัจฉิมลิขิต เนื่องจากสลับกันไปกันมาระหว่างพี่หมอและน้องปราญ สีที่ใช้จะต่างกันไปนะจ้า


มุมขายของโฆษณาชวนเชื่อครับ

นิยายเรื่องอื่นๆที่เราเขียน
 
- C a n d i d บ ท ส า ร ภ า พ ข อ ง ค ว า ม รั ก
 
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55285.msg3451245#msg3451245

- Inside Out สลับร่าง สร้าง...?

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54831.msg3427883#msg3427883

- แฟนผมไม่ค่อยหวานเหมือนคนอื่นเลย คนเป็นหมอทุกคนเป็นแบบนี้รึเปล่าครับ?

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55300.msg3451897#msg3451897


สองเรื่องแรกเขียนจบแล้วทยอยลงเรื่อยๆน่าจะสลับกันวันเว้นวัน อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องสั้นระยะยาว
แต่งตามกิเลศล้วนๆ ถ้าชอบความหวานสไตล์เราก็ฝากติดตามต่อด้วยนะครับ   :กอด1:


ออฟไลน์ ♥MPEGz♥

  • ชอบดูหนุ่มๆ เขาอยู่ด้วยกัน♥
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่ารักมากกกกชอยบบมาต่ออีกนะคะอิอิ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ montisa2536

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบค่ะ น่ารักดี ผู้ชายแสดงออกไม่เก่งแต่อบอุ่น ^^ :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Coffeeblack

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ยังไงพี่หมอก็ยังใส่ใจเสมอ

โอ้ยพี่หมอคิดได้ไงที่เอากุญแจไปไว้แทบทุกที่ในบ้าน

โคตรน่ารักอ่ะ  o13

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ฮาพี่หมอนี่ล่ะ โหหห กุญแจวางไว้ทุกที่ของบ้านเลยนะ 555555

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
น่ารักมากค่า อยากอ่านต่อค่า อยากอ่านตอนคนเข้ามาจีบปราช555

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
น่ารักจังเลยค่ะ อยากอ่านต่อจัง  o13 o13

ออฟไลน์ purple

  • Aventador FC
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
โอ้โห พี่หมอนี่ร้ายแฮะ ทำเอาน้องปราชญ์ยิ่งรักยิ่งหลง 55
เรื่องนี้จะตามยาวๆไปค่ะ มาลงเรื่อยๆน้า เป็นกำลังใจให้คุณคนเขียนค่ะ
ชอบมากกกกกก ><

ออฟไลน์ larynx

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 821
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ เพียงคุณยอม...

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

‘กลับมาไวๆนะครับ...คิดถึง’

‘คิดถึงเหมือนกันครับ...ไอ้ดื้อของพี่ ^_^’

อีกฝ่ายอ่านล่ะส่งสติ๊กเกอร์ตอบกลับผมมา หลังจากเราคุยเรื่องสัพเพเหระจนหมดสิ้นแล้วก็ได้เวลาที่ผมต้องเข้านอนเพื่อเตรียมออกเดินทางแต่เช้าตรู่ด้วยหน้าที่การงานของตนเอง ผมวางโทรศัพท์มือถือไว้บนหัวเตียงก่อนจะเอนกายทิ้งแผ่นหลังลงกับพื้นเตียงนุ่มๆและเริ่มเข้าสู่ห้วงนิทรา

จะว่าไปแล้วก็เกือบๆ 8 ปี แล้วสินะที่รู้จักกับแม่ทูนหัวจอมดื้อจนถึงขั้นลงเอยถึงขนาดสร้างหอลงโลงด้วยกัน ผมคลี่ยิ้มนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่เราจะได้พบกันและเป็น ‘ครั้งแรก’ ของผมกับ ‘ผู้ขาย’ ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะจำได้ไหมว่าครั้งแรกที่พบกันมันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง มันอาจจะเป็นเหตุการณ์บังเอิญครั้งเดียว แต่กลับสร้างเรื่องราวมากมายทั้งดีและร้ายเกือบชั่วชีวิตให้แก่ผม

วันนั้นน่ะนะ ผมกับน้องมัน.....

8 ปีก่อน

หลังจากวันที่จับได้ว่าคนรักที่คบหากันมานานถึงขนาดหมั้นหมายกับผู้ใหญ่จนถึงงขนาดจดทะเบียนสมรสนั้นกำลังระเริงรักกับชายชู้ในห้องหอของผม ตาทั้งสองข้างและโสตประสาทสัมผัสของผมรับภาพความจริงที่เกิดขึ้นอย่างทันท้วงที่ ผมปิดประตูลง เดินลงไปห้องครัว อุ่นนมร้อนๆก่อนจะนั่งดื่มที่ห้องรับแขกรอเวลาพร้อมเปิดดูบอลคู่หนึ่งเตะไปด้วย ไม่ถึงครั้งชั่วโมงคู่รักหวานที่เพิ่งผสานกายกันอย่างแนบแน่นก็เดินลงมา เธอทำหน้าเหมือนเห็นคนเสียชีวิตไปแล้วมายืนอยู่ตรงหน้า รวมทั้งบุรุษชายชู้ผู้คุ้นหน้าคุ้นตาก็ไม่ใช่คนอื่นไกลนอกจากเพื่อนสนิทของผมเอง

ผมไม่ทราบ และไม่กล้าคิดว่ามีเหตุการณ์ลับหลังที่ผมไปทำงานที่อื่นบ่อยๆแบบนี้เกิดขึ้นอีกกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จากเพื่อนสนิทที่แทงข้างหลังผมทั้งเป็น ผมยิ้มเย็นให้คนทั้งคู่ก่อนจะโยนปากกาสีน้ำเงินด้ามหนึ่งให้กับเธอ มือของผมเลื่อนกระดาษบนโต๊ะเข้าไปใกล้ทั้งคู่ก่อนจะเอ่ยอย่างเรียบง่ายจนกระทั้งตัวเองยังแปลกใจ

ผมให้เวลาเธอย้ายข้าวของส่วนตัวออกไปจากชีวิตผมราวๆ 12 ชม. คำอธิบายมากมายหลั่งไหลออกมาจากริมฝีบางปากกระชับที่ผมเคยได้สัมผัส แต่นั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว ปัจจุบันนี้ใบหน้าสวยหยาดเยิ้มเป็นเพียงอดีตคนที่เคยเซ็นทะเบียนสมรสกับผม ก่อนทั้งหมดนั้นจะสลายไป ผมกลับไปใช้ชีวิตแบบหมอปกติคนหนึ่ง ทำงาน ทำงาน และก็ทำงาน สมองของผมกำลังรับรู้ความเศร้าในหัวใจที่กำลังโดนกัดกิน น่าแปลกที่ผมกลับไม่ร้องไห้สักแอ๊ะ ไม่มีแม้กระทั้งน้ำตาสักหยดไหลออกมา

เวลาผ่านไปล่วงเลยยาวนานจนเกือบจะครบสามเดือน หลังจากใครคนหนึ่งออกไปชีวิตผมแล้ว ผมตัดสินใจขายบ้านกลางเมืองที่เป็นทั้งรังรักของผมและรังชู้ของอีกฝ่ายทิ้ง ก่อนจะย้ายกลับไปอยู่ห้องชุดคอนโดที่ซื้อไว้เมื่อนานมาแล้ว เข็มนาฬิกายังคงหมุนเวียนต่อไป ผมกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ กินอาหารกล่องแช่แข็งเย็นๆ ดื่มเหล้า ดูหนังไปวันๆ กระทั้งมาถึงวันนี้ที่เพื่อนสนิททั้งชัก ทั้งชวน ทั้งลากผมออกไปยังสถานที่อโคจรแห่งหนึ่ง

ผมดื่มเหล้าได้ ไม่ถึงว่าคอแข็งแต่ก็ไม่ถึงขนาดแก้วเดียวล้ม เพียงแต่ผมชอบจิบมันละเมียดละไมไปกับความเงียบสงบซะมากกว่าสถานทีแห่งนี้ ผมรู้ดีว่าตัวเองถูกพามาเพื่ออะไร และรู้ดีว่าเพื่อนๆรอบๆตัวกำลังเป็นห่วงผม ครั้งหนึ่งผมเคยเกือบโดนชกจากหมอที่เป็นเพื่อนสนิทด้วยกันเพียงเพราะผมไม่ยอมพูดอะไรเลยจากการหย่าร้างครั้งนี้ ไม่รู้สิ ผมแค่คิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไร และผมแค่คิดว่าตัวเองกำลังปกติสุขดีก็เท่านั้น

หลังดื่มไปได้สามสี่แก้ว หลายๆคนในโต๊ะเริ่มเดินออกไปหาฟลอร์แดนกัน หลงเหลือไว้เพียงผมที่อยากนั่งจิบต่อไปเงียบๆซะมากกว่า คนอื่นไม่ว่าอะไรและเข้าใจดีว่าผมคงอยากจะอยู่กับตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ทั้งหมดที่จะเข้าใจสีหน้าไม่บอกบุญของผมนัก ดื่มไปได้คนเดียวสักพักไม่นานก็มีร่างๆหนึ่งถือวิสาสะนั่งตรงข้ามผมโดยไม่ได้รับอนุญาต

“สวัสดีครับ”

เขาทักผม ผมเงยหน้าจากแก้วเหล้าในมือก่อนจะแปรเปลี่ยนสายตาเป็นการส่งคำถามไปถึงอาคันตุกะแปลกหน้าที่ถือวิสาสะเข้ามานั่งในโต๊ะเดียวกัน บุรุษที่นั่งตรงข้ามผมเป็นผู้ชายที่จัดได้ว่าร่างไม่เล็กไม่ใหญ่ ดวงตาสีดำกลิ้งกลอกไปมาจนดูกระล่อนและไม่น่าเชื่อถือ ทรงผมรากไทรพร้อมทั้งเสื้อเชิ้ตสบายๆแต่มีรสนิยมบ่งบอกถึงความสุนทรียะของอีกฝ่าย

ผมยังคงนิ่งเงียบ มอบหน้ารับรู้แต่ไม่พูดอะไรตอบกลับ เขาถือแก้วเข้ามาชนแก้วผมเบาๆก่อนพูดต่อ

“ผมชื่อปราญ ปรัชญาครับ มองเห็นคุณจากไกลๆแล้วอยากมานั่งดื่มด้วย”

“ผมไม่ชอบผู้ชายครับ”

ผมตอบ หลังจากจับเค้าลางของอีกฝ่ายได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผู้ชายมาเสนอตัวหรือแนะนำตัวกับผม และก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมตัดปัญหาไปตั้งแต่ต้นลม ผมไม่ได้รังเกรียจเพศที่สาม ซ้ำยังมีเพื่อนเพศที่สามเยอะแยะไป แต่เรื่องรสนิยมส่วนตัวคงต้องตอบว่าผมยังนิยมสะดวกเข้าด้านหน้ามากกว่าด้านหลังเพราะหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องความสะอาด สุขอนามัย และเรื่องรองๆเช่นการมีบุตร บ้านผมค่อนข้างเข้มงวดในการกำหนดทางเดินให้แก่ลูกๆในบ้านให้เป็นไปตามครรลองครองธรรม
อีกฝ่ายไม่แยแส่ที่ผมพูดแต่กลับพูดต่อ

“ผมชอบศิลปะ”

“.....”

“ผมชอบใบหน้าของคุณตอนนี้ มันแสดงอารมณ์ออกมาได้ดีจนผมอยากจะคว้าพู่กันมารังสรรค์ผมงานสักชิ้นขึ้นมา..เสียดายที่ผมยังไม่ติสท์มากพอขนาดจะนั่งสเกตภาพกลางผับได้”

“.....”

“ใบหน้าของคุณดูเป็นธรรมชาติ มันคือศิลปะแบบปัจเจก ....รู้ไหมว่ามนุษย์แต่ล่ะคนล้วนมีใบหน้าแตกต่างกันออกไป หากกระนั้นเองกลับยังมีใบหน้าแบบหนึ่งที่ทุกคนสามารถมีได้เหมือนๆกัน ส่วนนั้นผมเรียกว่า ‘ใบหน้าของจิตใต้สำนึก’ เป็นใบหน้าที่ไม่สามารถประดิษฐ์ได้แม้จะแน่ใจว่าตัวเองสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีแค่ไหนก็ตาม”

ผมเห็นด้วยกึ่งหนึ่งกับอีกฝ่ายในเรื่องนี้ คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่าตัวเองสามารถเก็บใบหน้าที่แนบเนียนได้ราวกับเนรมิตแต่พวกเขาจะทราบไหมว่าใบหน้าที่มากจากการปั้นแต่งนั้นไม่สามารถตบหน้าผู้คนอันเชี่ยวชาญในการสังเกตได้ระดับหนึ่ง หากแต่ใบหน้าของส่วนลึกที่แสดงออกมาต่างหากที่ไม่สามารถปิดบังได้ มีเพียงดาราหรือนักแสดงเจ้าบทบาทบางคนเท่านั้นที่สามารถหลอกได้แม้กระทั้งจิตสำนึกของตัวเอง และแสดงใบหน้าที่แนบเนียนได้สมกับบทบาทนั้นๆที่ตนได้รับ

“ผมชอบ....คุณแสดงอารมณ์โศกที่ครุ่นกรุ่นลงไป คุณแสดงสายตาอาวรณ์ราวกับโหยหวนหาบางอย่างที่สูญเสียไป คุณแสดงความโกรธแค้นผ่านสายตาราวกับว่าสามารถฆ่าฟันอีกฝ่ายได้หากมีปัจจัยที่เพียงพอ ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นความสวยงามของธรรมชาติที่รังสรรค์ให้มนุษย์แสดงออกมาได้ตามห้วงอารมณ์ที่ใจปรารถนา”

“คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่ ?”

ผมถาม เขายักไหล่ก่อนจะตอบกลับมาสบายๆ

“ผมแค่ได้ยินคุณกำลังร้องไห้ ผมเลยเดินมาปลอบ”

ผมนิ่งเงียบก่อนจะเอื้อมมือมาจับใบหน้าตัวเองใต้แว่นที่ใส่มา น้ำตาผมไม่ได้ไหลออกมาสักหยดด้วยซ้ำ ผมจะร้องไห้ได้ยังไงในเมื่อมันไม่มีมาตั้งแต่แรก

“ผมไม่ได้หมายถึงร่างกาย”

“......”

“ผมหมายถึงหัวใจคุณต่างหากที่กำลังร้องไห้”

อีกฝ่ายว่ายิ้มๆก่อนจะเอื้อมมือมาแตะที่อกด้านซ้ายของผม ผมยิ้มแค่นเบี่ยงตัวหลบนิดหน่อย เขาพลิ้วปากสบายๆก่อนจะหดแขนกลับไปด้วยท่าที่เหมือนเสียดาย

“น้ำเน่าเป็นบ้า”

เขาหัวเราะเบาๆกับคำประชดประชันของผม

“ชีวิตคนก็น้ำเน่าแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ?”

“เมียมีชู้โดยเพื่อนสนิทตัวเองแทงข้างหลังนี้น้ำเน่ามากไหม?”

ผมตอบกลับไป ไม่แน่ใจว่าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์ หรือสาเหตุใดที่ทำให้ผมเปิดปากตอบคำถามที่ไม่เคยบอกใคร ทุกคนรอบๆตัวล้วนเพียงรับทราบแค่ผมเลิกกับแฟนพร้อมหย่าแต่ไม่ทราบว่าเพราะสาเหตุใด ผมไม่ได้ตอบคำถามใครแม้กระทั้งพ่อแม่ของตัวเอง ผมปล่อยให้เรื่องมันจบลงแบบเงียบๆ  ด้านหนึ่งเหมือนผมจะเป็นสุภาพบุรุษที่ปกป้องเธอจากคำครหานินทา แต่อีกด้านหนึ่งผมเองก็รับรู้ว่า ผมกำลังปกป้องตัวเองไม่ให้โดยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจจากคนอื่นเข้ามาขย้ำหัวใจของผมทั้งเป็นมากกว่า
สายตายิ้มแค่นสมเพศแบบนั้น ผมไม่ต้องการรับมันอีกเป็นครั้งที่สอง

อีกฝ่ายพยักหน้ารับทราบแต่สีหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา ผมนึกว่าเขาจะเหยียดยิ้มสมเพศ ไม่งั้นก็ยิ้มปลดปลงเพื่อให้กำลังใจผม เขาพูดต่อราวกับประโยคเมื่อกี้เป็นเรื่องเร็วน้อยที่ไม่ต้องไปใส่ใจมันมากนัก

“ทุกคนก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้นแหละ มนุษย์นะล้วนกระทำเพื่อความอยู่รอดทั้งนั้น มันเป็นสัญชาตญาณของการดำรงชีวิต”

ผมเลิกคิ้วก่อนจะตอบกลับ

“คุณจะบอกว่าอีกฝ่ายมีชู้เพราะแค่อยากขยายเผ่าพันธุ์งั้นเหรอ ? ”

“ผมคงจะโดนคุณสาดเหล้าใส่หน้าถ้าพยักหน้าสินะ ...จะบ้าเหรอคุณ ผมยกตัวอย่างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาเปรยให้ฟังแต่ไม่ได้บอกว่ามันถูกหรือผิด ผมบอกแค่ ‘บางส่วน’ ที่เป็น ‘สาเหตุ’ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด”

เขายักไหล่ก่อนจะกระดกแก้วเหล้าเข้าปากอีกครั้ง

“มนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดวงดาวนี้ล้วนทำตามสัญชาตญาณเพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ แต่สิ่งที่คนเราแตกต่างจากสัตว์ทั่วไปคือมนุษย์เรามีความยับยั้งช่างใจ มีเส้นแบ่งกั่นเขตระหว่างสิ่งดีงามอันสมควรกระทำกับการกระทำอันชั่วช้าที่ไม่สมควรข้ามเส้น มีสิ่งคอยยึดเหนี่ยวและแบ่งแยกคนหลายๆประเภทออกจากกัน มีศีลธรรม จารีต รวมทั้งบทลงโทษเพื่อ ‘ควบคุม’ ทั้งหมดให้เป็นไปตามครรลองในแบบของมัน แต่เชื่อเหอะ ไม่มีอะไรควบคุมมนุษย์ได้หรอก”

“แม้กระทั้งความรักงั้นเหรอ ?”

ผมแทบจะลืมเลือนมันไปแล้วด้วยซ้ำกับคำๆนี้ คำที่ตัวผมเองเคยลงระเริงและจมอยู่ในห้วงอารมณ์รักจนบาดเจ็บมาแสนสาหัส

“ความรักคือสิ่งที่ทำให้คนทั้งโลกเสมอภาคกัน... ไม่ว่าคุณจะเกิดมาในวรรณะใดหรือชนชั้นใด จะเกิดมามีสิ่งที่คนเรียกกันว่าบุญหรือบาป พวกคุณล้วนเท่าเทียมกัน พวกคุณล้วนมีสิทธิ์ที่จะ ‘รัก’ มีสิทธิ์ที่จะ ‘ถูกรัก’ รวมไปถึงการ ‘ไม่ได้รับรักตอบ’ ทุกคนล้วนเท่าเทียมที่จะได้รับคำตอบใดคำตอบหนึ่งและไม่มีคำตอบใดที่ผิดพลาด มันคือบ่วงโซ่ของพันธนาการที่ไม่มีสิ่งใดสามารถตัดทอนมันได้  แต่กระนั้นความรักคือส่วนที่แต่งแต้มให้ชีวิตมีสีสัน...ไม่ใช่แม่สีหลักของชีวิต”

“.......”

ความรักนะ สำหรับผมมันเพิ่มได้มันก็ลดลงได้ ...หรือคุณจะบอกว่าคุณรักใครสักคนหนึ่งเท่ากันในทุกๆวันเหรอ ? วันนี้รักมากๆ พรุ่งนี้ก็รักมากๆ วันต่อๆไปก็ยังรักมากๆ ความรักของคุณมันเป็นแบบนั้นรึเปล่า?”

ผมผงกศีรษะคิดตามแล้วเห็นเป็นจริงดังนั้น กระทั้งตัวผมเองยังไม่สามารถรักใครสักคนหนึ่งได้เท่ากันในทุกๆวันเลย มันจะมีบางอารมณ์ที่เราอาจจะรักกันมากๆ หรืออาจจะมีบางอารมณ์ที่เราผูกพันแต่ไม่ได้รักกันแล้วในกันและกัน สิ่งเหล่านั้นล้วนสามารถเกิดขึ้นได้เป็นไปตามปกติของโลกกลมๆใบนี้

“แล้วต้องทำยังไงถึงจะสามารถรักใครสักคนหนึ่งได้เท่าๆกันในทุกๆวัน”

ผมถามกลับ อีกฝ่ายคลี่ยิ้มเบาบางก่อนจะตอบกลับมา

“ผมไม่รู้”

“.....”

เขายักไหล่ราวกับแก้ตัวคำพูดเมื่อกี้ไม่ได้หลุดออกมาจากปาก ผมรู้สึกเหมือนกำลังโดนกวนโอ๊ยอีกครั้งจากคนแปลกหน้าคนนี้

“ก็ผมไม่รู้จริงๆนิ คำตอบของคำถามแบบนั้นนะ คุณต้องลองค้นหาคำตอบที่เหมาะสมให้กับตัวคุณเอง”

เขาว่า

“แล้วถ้าคำตอบที่ผมเลือกมันผิด ? ”

“อะไรคือผิด อะไรคือถูก อะไรคือเกณฑ์ที่บอกทั้งหมดที่คุณว่ามา”

“ผิดพลาดคือเหมือนครั้งนี้ เหมือนที่เราเจอคนที่ไม่ใช่ ถูกต้องคือการเจอคนที่ใช่ แบบนี้เรียกเป็นเกณฑ์ได้รึเปล่า”

ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเหมือนเด็กน้อยที่ถูกครูเรียกให้ตอบคำถามหน้าชั้นเรียน คุณครูชีวิตส่ายหน้าก่อนจะประสานสายตากับผม

“งั้นคุณจะผิดพลาดยังไง ในเมื่อคนที่คุณบอกว่า ‘ไม่ใช่’ ก็เมื่อก่อนเองไม่ใช่เหรอที่คุณรู้สึกว่า ‘ใช่’ คุณไม่ได้เลือกผิดในช่วงเวลานั้นสักหน่อย นั้นคือคำตอบที่ถูกต้องในช่วงเวลาหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ....คุณเข้าใจสิ่งที่ผมพูดไหม?”

ผมยอมจำนนต่อคำตอบ คำพูดของเขาเหลือร้ายจริงๆ

“ปราญ ปรัชญา ใช่ไหม ? พ่อแม่คุณตั้งชื่อได้ดีนะ”

ผมว่า เขายักไหล่ก่อนจะตอบอีกครั้ง

“ผมต่างหากที่ตั้งชื่อนี้ให้กับตัวเอง”

“...........”

“ผมเป็นเด็กกำพร้า และชื่อที่ผมเลือกก็แค่แสดงถึงเจตนารมณ์และความต้องการของผม ผมไม่ได้มองว่าสิ่งใดผิดพลาดหรือสิ่งใดล้มเหลม ผมแค่มองว่าทั้งหมดนั้นคือ ‘สิ่งที่ผมเลือกด้วยตัวเอง’ ต่อให้พบเจอกับความไม่แน่นอนขนาดไหน อย่างน้อยๆจิตใจของผมก็จะไม่ปริปากบ่นแม้สักครึ่งคำ เพราะทั้งหมดนั้นคือตัวตนที่ผมเลือก มันคือ ‘ชีวิต’ ”

เขาเว้นวรรคก่อนจะพูดต่อ

“ผมไม่นับถืออะไร ไม่มีศาสนา ไม่มีญาติพี่น้อง มีเพียงสิ่งเดียวที่ผูกมัดผมไว้บนโลกใบนี้คือร่างกายและจิตวิญญาณ ผมไม่ค้นหาความหมายของชีวิต มันไร้สาระมากเกินกว่าจะมาคิดว่าคนเราเกิดมาเพื่ออะไร ทำอะไร ตายไปยังไง ผมไม่อยากตายแล้วกลายเป็นผีโง่ๆที่ยังมีอีกหลายๆเรื่องที่ยังไม่ได้ทำ ผมกลัวตายมาเกินกว่าจะปล่อยให้วันแต่ล่ะวันปราศจากความปรารถนาและการกระทำอะไรที่ตัวเองอยากจะทำ เพราะงั้นแล้วผมจะใช้ชีวิตและทุกวินาทีให้มีความหมาย หลังจากนั้นให้ตายผมก็ไม่ติดค้างกับสิ่งใดหรืออะไร”

ผมอิจฉาเขาอย่างบอกไม่ถูก คนแปลกหน้าคนนี้ดูคล้ายกับปุยเมฆที่ล่องลอยไปมา ไม่มีฐานที่มั่นแต่ล้วนมีอิสระที่ผืนพสุธาไม่สามารถสัมผัสได้ เขามีอิสระที่มาก มากจนไม่มีอะไรมาปิดกั่น ไม่มีอคติจนมองโลกใบนี้เป็นสีดำ ไม่ได้ใสซื่อจนมองโลกใบนี้ขาวสะอาด เขาแค่เลือกทุกอย่างและทำทุกอย่างที่อยากจะทำ เลือกชื่อตัวเอง เลือกเส้นทางของตัวเอง ไม่รู้ว่าเชื่อมั่นหรือบ้าบิ่นมากๆกันแน่

“...คุณเองก็เลือกได้นะ”

เขาว่าก่อนจะเลื่อนหน้ามาใกล้ๆผม

“เลือกเอาซะว่าจะจูบจนผมเคลิ้มและไปต่อที่โรงแรม หรือจะนั่งเซ่อจมกับความทุกข์ตรงนี้และเสียผมไปตลอดกาล”


คำพูดที่ดูหลงตัวเองอย่างร้ายกาจกล่าวออกมาพร้อมใบหน้าประดับรอยยิ้มที่เลื่อนมาใกล้จนผมได้กลิ่นตัวอ่อนๆของเขาโชยออกมา ผมเลื่อนหน้าไปประกบแทนคำตอบก่อนจะบดขยี้มันด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่หลากหลายกันออกไป หัวใจของผมเต้นออกมาเสมือนกำลังตื่นเต้น ผมสัมผัสได้ถึงโลหิตเบาบางที่เผลอตัวกัดมากเกินไป ผมกระทำทั้งหมดนั้นแทนคำตอบก่อนจะค่อยๆถอนริมฝีปากออกมา

“แบบนี้เราคง ‘ไปต่อ’ กันได้แล้วสินะ”

ผมว่า เขายักไหล่แบบไม่ยี่หระ

“ก็ไปสิครับ”


...


“โอ๊ย”

เสียงร้องของเขาดังขึ้นหลังผมขับรถพาเขาออกมาที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ผมดันร่างที่เล็กกว่าตัวเองเล็กน้อยติดพนังกำแพงหลังปิดประตูลงเพียงชั่วครู่ อีกฝ่ายดูแปลกใจกับท่าที่ที่รีบร้อนของผมแต่ก็ไม่ได้ขัดเขินอะไร เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนถูกมือของผมปลดล่นลงไปจนเห็นนมเล็กๆทั้งสองข้าง ริมฝีปากของผมยังสาระวินกับปากของอีกฝ่าย มันไม่ได้หวานเหมือนริมฝีปากของสาวๆ แต่ไม่เหนียวเลอะลิปสติกเหมือนพวกเธอ

ผมบดขยี้ริมฝีปากอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานราวกับจะระบายทุกอย่างที่อัดอั้นมาตลอดระยะเวลาสามเดือน เสื้อของเราทั้งคู่หลุดลุ่ยออกจากตัวเอง ผมยังคงประกับปากกับเขา คนแปลกหน้าที่ผมเริ่มคุ้นเคยขึ้นมาที่ล่ะเล็กที่ล่ะน้อย ผมแปลกใจที่อีกฝ่ายไม่ว่า ไม่หื้อ ไม่อื้อ ไม่กล่าวอะไรเพิ่มนอกจากปล่อยให้ผมระบายอยู่แบบนั้น

จวบจนกระทั้งผมเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกมา เขามองหน้าผมก่อนจะคลี่ยิ้มให้บางเบา ส่วนสูงที่ไล่เลี่ยไม่ต่างกันมากทำให้เขาสามารถเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาของผมที่เริ่มไหลออกมาได้โดยไม่ติดขัด แขนทั้งสองข้างโอบกอดผมก่อนฝ่ามือนั้นจะลูบเบาๆที่กลางหลังของผม

“ไม่เป็นไรนะครับ”

“.................”

“อยู่กับผมไม่ต้องเข้มแข็งก็ได้ครับ”

เหมือนมีอะไรสักอย่างมาปลดล็อกน็อตที่ขันไว้ในร่างกายของผม หยาดน้ำตามากมายหลั่งไหลออกมาเสมือนไม่สามารถอดกลั่นไปได้มากกว่านี้ ไม่มีคำปลอบประโลมใดออกมาจากเขา มีเพียงอ้อมกอดเล็กๆที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาตลอดหัวใจทั้งดวง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาที่ผมสะกดกลั่นกับคำว่าไม่เป็นไร หลอกตัวเองว่าเข็มแข็งมากพอจะไม่รู้สึกอะไรกับการจากไปของคนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่สุดในดวงใจ ผมกลืนก้อนความทุกข์ขังไว้ในใจ หลอกตัวเองว่าไม่เป็นอะไร หยิบยืนมีดบางๆกรีดหัวใจหัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยคำว่า ‘เข็มแข็ง’ ต่อหน้าผู้อื่นที่ไม่สามารถแสดงความอ่อนแอหรือความรู้สึกใดๆออกมาได้

ผมเกือบลืมไปแล้วว่าผมยังเป็นมนุษย์

ผมโตขึ้น มีความรับผิดชอบและหน้าที่ที่ต้องกระทำ

แต่ทั้งหมดนั้นไม่ได้แปลว่าผมจะ ‘ไม่รู้สึก’


ผู้ใหญ่หรือเด็กที่โตแล้วล้วนถูกหลอมหลอมจนตกผนึกออกมาเป็นปัจเจกตามแต่บุคคล หากแต่เรากลับลงลืมและย้ำคำนึงถึงแต่ความเพรียบพร้อมของการเติบโตจนลืมไปถึงวิธีการรักษาความทุกข์ที่ดีที่สุขในวัยเยาว์

.....เราล้วนหลงลืมความเป็นเด็กที่แสดงออกถึงอารมณ์ที่บริสุทธิ์ สิ่งเหล่านั้นล้วนกักขังผู้คนภายใต้ความเข็มแข็งจอมปลอม ผมกอดเขาไว้พร้อมหยาดน้ำตาที่ยังไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ห้องทั้งห้องมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอย่างขมักเขม่น

“ หลับตาลงนะ นะคนดี
ขอให้เวลานี้ เธอหลับและพักผ่อน
กล่อมด้วยเพลงแห่งรัก ให้เธอนอน
..แค่เพียงก่อนที่ฟ้าจะสาง”

“..........................”

“หลับตาลงนะ นะคนดี
ไม่มีอะไรที่ต้องห่วง แม้ซักอย่าง
สิ่งที่เคยแบกไว้ ให้เธอวาง
...ให้โลกผ่านดั่งเพียงฝันไป”


https://www.youtube.com/watch?v=X_OKh-3yvVI


ผมซุกแบบนั้นผ่านไปสักระยะ เขาไม่แม้กระทั้งปริปากบ่นผมว่าเหนื่อยหรือหนักซักครึ่งคำ ผมถอนอ้อมกอดออกมาก่อนจะมองคนแปลกหน้าที่เริ่มรู้สึกดีตรงหน้าด้วยความสับสนหลายประการ ก่อนที่ตัวเองจะเป็นฝ่ายพูดประโยคที่แม้กระทั้งตัวผมเองยังไม่คิดว่าจะพูดออกมา


“คุณ....ไม่สิ.....ปราญ ......ช่วยจีบผมได้ไหม?”







มาต่อแล้ว  :hao5: ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์นะครับ ไม่คิดเลยว่าจะมีคนชอบพี่หมอน้องปราญมากขนาดนี้ สำหรับคนเขียนเอาจริงๆคือไม่อยากพูดขอคอมเม้นท์เลย กลัวกดดันคนอ่าน แต่ถ้าชอบก็ฝากคอมเม้นท์แนะนำติชมด้วยนะครับ มันเป็นกำลังใจมากๆจริงๆ  :L2:  แล้วก็พาร์ทพี่หมอยาวพอควรเลยขอแบ่งครึ่งหรืออาจจะซอยสามลยก็ได้  :katai5:

ฝากด้วยนะครับ  :hao7:

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ เพียงคุณยอม...

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

มาคุยกัน  :L2:

Abbeynggn ตอนแรกเอาจริงๆเราว่างโครงเรื่องแค่เรื่องสั้นๆองค์เดียวจบ แต่เนื่องจากกระแสบวกพล็อตที่ตีขึ้นมาเลยสามารถขยายความ (แถ) จนพอปั้นได้อีกสิบ-ยี่สิบตอนสบายๆ 55555555555555 เราชอบคู่นี้ตรงมีคนหนึ่งเป็นนิสัยแบบเราจริงๆ เราเลยเขียนออกมาได้มีความสุขมากเพราะเหมือนได้เอาตัวเองมาเผา ส่วนคุณหมอนั้น.....(ฉปอยยยย) 555555555555  :o8:

magarons น่ารักก็มาหาเก๊าบ่อยๆน้า อิอิ

dradareal พิเศษทุกตอนครับ อย่าลืมมาตามต่อนะ  :mc4:

me12inzy คึกคักเวลาปราญเล่น ><

♥MPEGz♥ อยู่ด้วยกันไปนานๆน้า

mukmaoY เจ้ายังต้องหลั่งน้ำตาอีกเยอะ 55555555  :z3:

montisa2536 อุ่นจนร้อนเลยครับบบบบบบ 5555

Coffeeblack คิดได้ยังไงจริงๆมันมีเฉลยอยู่นะครับ แต่ไว้เราค่อยบอกเล่ากันวันหลังว่าพี่หมอคิดแบบนี้ได้เพราะอะไรรรรรรร 55555

arij-iris นางไม่กลัวโจรขโมยเลยจ้า

punchnaja มีมาแน่ๆอดใจรอไว้เลยนะครับ อิอิ  :hao5:

205arr มาต่อแล้วน้าตัวเอง มาหาเขาด้วยล่ะ :katai5:

purple เย้ มาอยู่ด้วยกันจนเราหมดมุกจะชิปต่อนะอิอิ :ling1:

larynx เรียกแล้วก็มาหาเราด้วยนะ อิอิ  :hao6:



 

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เป็นเรื่องสั้นระยะยาวละนะ

ตามตอนต่อไปน้าาาาา

 :katai5:   :katai5:  :katai5:   :katai5:

...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
มีการขอให้คนอื่นจีบตัวเองด้วย โห่ เป็นหมอที่ดีเนอะ  ปราชญ์เขามาอ่อยถึงที่แล้วน้า~~~

ออฟไลน์ PJansam

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
โอ้ย น่ารักก หมอใจเย็นนะหมอ

ออฟไลน์ Monochrome

  • โคอาล่า มาร์ช *O*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
กอดหมอแน่นๆ :กอด1: มาต่อเร็วๆนะคะ :L2:

ออฟไลน์ เพียงคุณยอม...

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

“จีบคุณ ? ”

เขาเหวอ ...ยอมรับว่าผมเองก็เหวอกับคำพูดของตัวเองเหมือนกัน

เราทั้งคู่นิ่งเงียบ ก่อนผมกำลังจะตัดสินใจย้ายไปนั่งที่ตรงระเบียง ปราญส่ายหน้าแล้วกวักมือเรียกผมออกไปด้านนอก เขาเดินนำผมไปทางบันไดหนีไฟ ก้าวยาวๆขึ้นไปชั้นบนสุด ก่อนจะเปิดปประตูออกมาที่ดาดฟ้าที่ชั้นสาม พอไปถึงเจ้าตัวก็นั่งลงแบบไม่พิรี้พิไร ผมหันไปมองหน้าเขาคล้ายคำถามว่ารู้ได้ยังไงว่าด้านบนมีดาดฟ้า

“โอเค คือจะว่าไงดี ? ผมตกใจกับคำพูดของคุณนะ”

เขาว่า สาบานอีกครั้งว่าผมเองก็ตกใจกับคำพูดของตัวเองเหมือนกัน

“ผมรู้จักทางขึ้นดาดฟ้านี้....เพราะไม่ใช่แค่คุณ ‘คนแรก’ ที่ผมเคยพามาที่นี้..”

“.........”

“คือจริงๆแล้ว ผมไม่ได้ดีอย่างที่เห็น คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม ? คือผมไม่อยากให้คุณคิดหรือเข้าใจว่าผมเป็นคนดี เป็นคนเรียบร้อย หรืออะไรนก็ตามแต่ที่ ‘มันไม่ใช่ผม’  โอเค ผมเห็นคุณเศร้า ผมอยากปลอบคุณจริงๆ อันนั้นสาบานได้นั้นคือเจตนาดีของผมจริงๆ แต่ผมไม่ได้...”

“ไม่ได้อยากสานสัมพันธ์ต่อจากนั้น?”

ผมต่อประโยค เขายักไหล่ก่อนจะส่งเบียร์ที่หยิบมาด้วยมาให้ผมหนึ่งกระป๋อง

“คือ คุณอาจจะไม่ชอบใจ แต่แบบ...ผมแค่ต้องการ sex แบบ one night stan นะ คือคุณคงไม่คิดว่าจะมีเรื่องน้ำเน่าแบบรักแรกพบอะไรงี้ใช่ไหม ? แค่แบบสบตาก็สามารถเอาทั้งชีวิตให้อีกฝ่ายไปได้เลย เอาจริงๆมันก็อาจจะมีล่ะมั้ง แต่ไม่ใช่ผม ผมอาจจะถูกใจ อาจจะสานสัมพันธ์ หรืออาจจะมี sex ด้วย แต่พวกนั้นมันไม่ใช่เรื่องของความรัก คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม ? ”

“ก็ ...ก็พอเข้าใจนะ คุณก็ดูจะมีจุดประสงค์ชัดเจนดี”

ผมพยักหน้า ตั้งสติตัวเองแล้วสูดลมหายใจเข้าในอก จะว่าไปแล้วผมก็ลืมตัวไปเหมือนกันว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายเหมือนผม มือเบาบางนั้นตบไหล่ผมเบาๆก่อนจะหันหน้ามาทางผม

“นี้...ผมไม่ได้บอกปัดคุณ แต่ ยังไงดีล่ะ คือ....”

“คือ ?”

เขากัดปากขมวดคิ้วเบาๆ

“คือคุณรู้ใช่ไหมว่าปกติเวลาผู้ชายมีsexกันเขาทำกันทางไหน?”

“รู้สิ ผมเป็นหมอนะ”

 “ใช่ ...เขาทำกันประตูหลังและมันไม่ได้ปกติแบบที่คุณทำกับผู้หญิง มันยุ่งยากกว่านั้นเยอะ คือ..คุณคงไม่คิดว่าผู้ชายจะสามารถอึ้บกับผู้ชายได้เหมือนในนิยายโดยที่ไม่ต้องมีการเตรียมตัวเตรียมอะไรเลยใช่ไหม? นั้นเป็นชุดความคิดที่ผมรู้สึกว่ามันบ้าบอพอสมควรเลย แล้วก็...คุณเป็นหมอที่ซกมกมากที่สุดที่ผมเคยเจอมา”

เขากรอกตามองหนวดเคราของผมประกอบไปด้วย

“ผมเพิ่งโดนภรรยาที่จดทะเบียนสมรสแอบมีชู้กับเพื่อนสนิทตัวเอง มันคงไม่ง่ายถ้าจะให้ผมกลับไปดูแลตัวเองเหมือนเดิมแบบแต่
ก่อน”

ผมแก้ตัวคำโต จริงๆลึกๆแล้วผมตั้งใจปล่อยเนื้อปล่อยตัวซะมากกว่า

“โอเควกกลับเข้าเรื่องเดิม สำหรับผมมีแค่คำถามเดียวที่อยากจะถามคุณ”

“.............”

“ถ้าผมจีบคุณติดแล้ว แน่ใจได้ยังไงว่าวันหนึ่งคุณจะไม่บอกปัดผมเพียงเพราะแค่คุณเป็นผู้ชาย ? ผมหมายถึง ในเมื่อคุณเป็นผู้ชาย คุณไม่ใช่เกย์ แล้วทำไมคุณถึงแบบ...อยากให้ผมจีบ ...มันเรื่องใหญ่นะ”

ผมพยักหน้าเข้าใจคำพูดของเขา นั้นสินะ เพราะอะไรผมถึงพูดแบบนั้นออกไปล่ะ ?

“ไม่รู้สิ คุณเดินมาถูกจังหวะมั้ง? แบบ มันอาจจะถึงจังหวะที่ผมอยากจะระเบิดออกมา จังหวะที่ผมต้องการใครสักคน ใครสักคนที่ไม่ได้มองผมด้วยแววตาแบบ ....”

“เหยียดหยาม?”

เขาต่อประโยค ผมพยักหน้าครั้งหนึ่งก่อนพูดต่อ

“อื้ม  เรายิ่งโตเรายิ่งพูดอะไรมากไม่ได้จริงไหม เราต้องเข็มแข็ง เราต้องอดทน เราต้องไม่หวั่นไหวไปกับคำพูดหรือท่าทางที่มาจากใคร นั้นคือผู้ใหญ่ถูกไหม?  แบบ.... ไม่รู้สิ คำพูดของคุณ เสียงของคุณ ท่าทางของคุณ ผมรู้สึก....”

ประโยคของผมยังไม่ทันจบ ริมฝีปากหยุ่นก็ประทับที่ปากของผม ลิ้นร้อนๆสอดเข้ามาด้านในปากของผม ฉับพลันนั้นเองที่ฟันของผมกั่นกระทบกันเป็นกำแพง ลิ้นร้อนๆกวาดไปมาอย่างเย้าแหย่ก็จะชักออกมา

“ยินดีด้วยคุณหมอ คุณยังเป็นผู้ชายปกติดี”

ปราญยิ้มก่อนจะเอานิ้มจิ้มตรงกลางอกผมเบาๆเป็นการเย้าแหย่

“อ่า.....ผมขอโทษ”

“ขอโทษทำไม?”

“แบบ ก็เมื่อกี้ผม...”

ผมตั้งใจจะบอกเขาว่าผมขอโทษที่ทำให้เขาเสียความรู้สึก ตัวผมที่เป็นฝ่ายตอบสนองเองยังรู้สึกเสียมารยาท คือ ตอนนี้สติผมมาเต็มร้อยโดยไม่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ร่างกายมันไปเอง รู้สึกตัวอีกที่ผมก็ ก็...ไม่อยากสัมผัสกับเขาอีกแล้ว

“ไม่หรอก มันเป็นเรื่องปกติ ทั้งเรื่องในผับ ทั้งเรื่องในห้อง มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ คุณยังเป็นผู้ชาย ...และผมไม่คิดว่าผู้ชายแท้ๆจะเปลี่ยนแปลงมาเป็นเกย์ได้หรอกนะ ของแบบนี้มันเป็นเองไม่ได้ และหายเองไม่ได้ด้วย”

“........”

“นี้...ผมไม่จีบผู้ชายหรอกนะหมอ นี้มันชีวิตจริงไม่ใช่นิยายวายฝันหวาน ไม่มีเกย์ที่ไหนจีบผู้ชายติดหรอก... ถ้าคุณยังเป็นผู้ชายแท้ๆ ซึ่งผมหมายถึงแท้จริงๆนะน่ะ คุณไม่สามารถเปิดรับเกย์แบบผมได้หรอก เราอาจจะเป็นเพื่อนกันได้ แต่ไม่ใช่ในฐานะอื่นแน่ๆ ตราบเท่าที่คุณหรือจิตใจคุณยังไม่สามารถยอมรับ ‘ตัวเอง’ ได้ ซึ่งมันไม่จำเป็นหรอก..... “

“อ่า..”

”กลับไปโลกของคุณเถอะ ใช้ชีวิตอย่างปกติต่อไป”

ผมนิ่ง ไม่รู้จะพูดอะไรดี เราเงียบแบบนั้นไปสักพักใหญ่ๆเลยแหละ

“กลับกันเถอะ”

เขาว่า ผมพยักหน้า อยากจะขอโทษเขาอีกสักรอบ แต่มือเขาเลื่อนมาปิดปากผมไว้ก่อน

“ขอโทษ ขอบคุณ ขอให้โชคดี สามคำนี้ต้องพูดออกมาเพราะรู้สึกว่าอยากจะพูดเพื่ออีกฝ่ายจริงๆ .....ไม่ใช่พูดเพื่อให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลง”

ผมอับจนคำพูด ทำไมคนๆนี่ถึงร้ายกาจแบบนี้นะ เขารู้ทันผมหมดเหมือนกับไปนั่งอยู่ในใจ แถมยังสื่อสารออกมาตรงๆโดยไม่อ้อมค้อม ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเขาเข้าใจทุกอย่างได้อย่างถึงแก่นจริงๆ มันไม่ใช่แค่คำพูด แต่เขาเข้าใจจริงๆ เข้าใจในความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เข้าใจความต้องการของตัวเอง เข้าใจความต้องการของอีกฝ่าย และสามารถถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของความตรงไปตรงมาอย่างไม่น่าอึดอัด

แล้วผมล่ะ ? ผมเข้าใจตัวผมเองจริงๆรึเปล่า

....หรือเป็นผมกันแน่ที่ไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ

ไม่เข้าใจแม้กระทั้งว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่...

“บายนะหมอ”

คำพูดสุดท้ายพูดขึ้นก่อนเจ้าตัวจะโบกมือลา ปราญยิ้มให้ผมก่อนจะขึ้นรถแท็กซี่ไป ผมยืนเคว้งอยู่กลางถนนหน้าโรงแรมก่อนจะเดินไปขึ้นรถของตัวเอง เมื่อกี้นี้เจ้าตัวบอกปัดไม่ให้ผมไปส่ง ซ้ำร้ายที่ผมดันตัวแข็งสมองทื่อ ไม่ได้ขอไลน์ ไม่ได้ขอเบอร์ ไม่ได้คิดเพื่อไว้เลยว่าถ้าอยากจะเจอกันอีกขึ้นมาจะทำยังไง

...หรือความจริงคือเราจะเจอกันในฐานะอะไร ....เพื่อนเหรอ?

คำพูดของปราญพูดถูก ผมพูดพล่อยๆเกินไปจนลืมนึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายไปจริงๆ

จะให้เขามาจีบผม ? จีบทั้งๆที่ผมยังไม่แน่ใจในตัวเองเนี้ยนะ

ผมนั่งในรถแบบนั้นจนหายมึนพอสมควรแล้วจึงค่อยๆขับรถออกไป  ในหัวของผมปลดล็อกความเศร้าระหว่างสามเดือนที่ผ่านมาได้พอสมควร มันอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ผมสบายใจมากขึ้นที่จะร้องไห้หรือเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังโดยไม่มีทิฐิหรืออะไรมาขวางกั่นอีก นั้นเป็นเรื่องดีที่ผมได้รับในคืนนี้ 

แต่ไม่รู้สิ....

มัน...มันเหมือนมีอะไรค้างๆอยู่ข้างใน

อะไรสักอย่างที่ผม...ยังหาคำตอบไม่ได้จริงๆ


......................................................................


หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้กลับไปที่ผับนั้นอีกเลย ผมโดนเทศนานิดหน่อยที่กลับไปก่อนเพื่อนคนอื่นๆ(ตามความเข้าใจของทุกคน) ผมกลับไปใช้ชีวิตแบบเก่า เป็นหมอกรักษาคนไข้ตามเดิม ใช้ชีวิต ‘เหมือนจะปกติ’ จนกระทั้งผ่านไปเกือบเดือน ผมที่กำลังเกลือกกลิ้งบนเตียงนอนจู่ๆก็พิมพ์ข้อความบางอย่างลงในกูเกิล

จริงๆไม่ใช่จู่ๆหรอก ผมพิมพ์แล้วลบ พิมพ์แล้วลบ อยากจะเปิดดูแต่ก็ห้ามตัวเองไว้หลายรอบ ยาวนานจนมาถึงวันนี้

‘คลิปเกย์’

ในปัจจุบันที่เวปโป๊ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดแบบไม่กลัวฟ้าดิน ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยถ้าคุณจะพิมพ์คำสั้นๆแต่มีเวปมากมายให้คุณเลือกสรร ผมกดเข้าไปหน้าเวปๆหนึ่งก่อนจะกดเล่นคลิปวีดีโอการร่วมเพศของชาวเอเชียคู่หนึ่ง ผมนั่งคิดกับตัวเอง แวปแรกเลยคือผมรู้สึก ‘ขยะแขยง’ มันดูเป็นคำพูดที่รุนแรงแต่น่าจะอธิบายความรู้สึกของผมได้อย่างตรงไปตรงมา

ตรงไปตรงมา....


นึกถึงใครบางคนที่ตรงไปตรงมากับความต้องการของตัวเอง ผมนึกถึงปราญ แต่ไม่ใช่ความรู้สึกแบบคิดถึงหรือว่าอะไรทำนองนั้น มันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่ผมอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ไม่ได้โหยหา ไม่ได้อยากได้ แต่เป็นความรู้สึกที่ไม่มีชื่อเรียก เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้

ผมพยายามเลือกดูหลายๆคลิป หลายๆแนว ผลออกมาว่าคลิปประเภทเดียวที่ผมดูจบคือคลิปการช่วยเหลือตัวเอง ผมไม่แข็งเลยแม้แต่น้อย มันไม่มีอารมณ์อยากกับคลิปแบบนี้เลย ผมดูแบบข้ามๆไปเพียงเพื่อต้องการบอกตัวเองว่าดีแล้วที่ยังไม่มีอารมณ์ ดีแล้วที่ยังเป็นผู้ชาย ....มัน มันดีแล้วจริงๆใช่ไหม?

ผมกดปิดหน้าเวปทั้งหมดก่อนจะแผ่ตัวนอนลงกับเตียง เปลือกตาของผมพักสายตาไปสักครู่ก่อนมือจะปลดกางเกงนอนที่ใส่อยู่ออกจากตัว ผมหลับตาก่อนจะจินตนาการถึงสาวน้อยร่างบางทั้งหลายที่เคยได้สัมผัส ผมไม่ได้ใสซื่อถึงขนาดไม่เคยไปอาบอบนวด หลังจินตนาการไม่นานอวัยวะแสดงความเป็นชายก็เด้งขึ้นตอบรับกับสัมผัสของฝ่ามือ

ผมกำไว้หลวมๆก่อนจะค่อยๆรูดขึ้นรูดลงอย่างช้าๆ ในหูแว่วไปด้วยเสียงครวญครางอ่อนหวานที่เคยได้รับรสสัมผัสมา ริมฝีปากบางที่เคยครอบครอง ‘น้องชาย’ ของผม ผมกัดปากก่อนจะรูดขึ้นลงถี่ขึ้นตอบสนองร่างกายที่กำลังต้องการอย่างแรงกล้า มืออีกข้างขงองผมลูบไล้หน้าท้องของตัวเองไปด้วยเหมือนที่มีคนเคยทำให้

“อื้ม....”

ผมครางเสียงทุ้ม ร่างกายเริ่มรับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังจะออกมา มือของผมรูดรัวและเร็วขึ้นพร้อมเสียงหอบบางๆ

แต่ให้ตายเหอะพระเจ้า ....

“อื้มมม ...ปราญ”

ผมเกร็งนิ้วเท้าทั้งสองข้างก่อนน้ำกามาร้อนๆจะพุ่งออกมาเปรอะเปื้อนถึงหน้าท้อง มากไปกว่านั้นคือมันยิงเฉียดขึ้นมาเกือบถึงคอผมด้วยซ้ำ !! ถึงจะบอกว่าปกติผมไม่ได้ปลดปล่อยตัวเองถี่ก็เหอะ แต่ไอ้การที่มัน ‘พุ่ง’ มาถึงคอได้แถมยังกระตุกออกมาเป็นเขื่อนแตกก็เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับผมที่เดียว แต่ทั้งหมดนั้นมันไม่ทำให้ผมตกใจเท่ากับชื่อของใครบางคนที่ผมนึกถึงก่อนจะ ‘สุด’ ปลายทาง ชื่อธรรมดาที่ติดอยู่ในหัวผมช่วงเดือนที่ผ่านมา และเป็นชื่อที่ทำให้ผมเสร็จสุดๆแบบนี้

ผมคิดถึงปราญก่อนจะถึงปลายทางจริงๆ...

...นี้กูยังเป็นผู้ชายอยู่จริงๆเหรอวะ?






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คุณหมอ วิตกละสิ
ว่ายังเป็นผู้ชายแท้ๆ หรือเปล่า
เพราะตอนถึงจุดที่สุด
ทำไมเรียกชื่อผู้ชายออกมา :katai1: :katai1: :katai1:
เอ้อ......คนอ่านก็งง ด้วย  o22
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ เพียงคุณยอม...

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 สวัสดีครับ  แวะมาแจ้งข่าวนะครับ จะขอลาไปเตรียมสอบในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าครับ จะกลับมาหลังสอบเสร็จประมาณต้นๆเดือนพฤศจิกายนครับ

ข้างบนเป็นใจความหลักๆเลยนะครับ ข้างล่างข้ามไปได้เลยฮับ

...จริงการเขียนนิยายเป็นการฝึกอะไรหลายๆอย่างสำหรับผมนะ ทั้งทัศนะ ความคิด การวางแผน อื่นๆ คือตัวจริงผมเป็นคนห้วนๆครับ และค่อนข้างเซนซิทีฟมากๆ ผมโตมากับชีวิตที่แบบ ....เอาเป็นว่ามันไม่ดีเท่าไหร่หรอก ทุกวันนี้ผมยังร้องไห้บ่อยๆอยู่เลย  มันเหนื่อยมากจนคิดว่าแบบ ‘กูต้องเจอเหรี้ยอะไรแบบนี้จริงเหรอ?’ เจอคนที่ไม่คิดว่าจะเลวร้ายได้มากขนาดนี้ เจอคนที่ดีจนคิดว่าแมร่งไม่น่าจะมีอยู่จริง และทุกสิ่งคือ ‘ชีวิต’ ครับ

ผมแต่งนิยายเพื่อระบายความเครียด และความเหงาครับ ผมไม่ค่อยมีเพื่อน ทั้งชีวืตผมมีคนที่นับนิ้วเรียกว่าเพื่อนได้ไม่ถึงสิบ ผมนิสัยไม่ดีครับ ผมชอบเรียกร้องความสนใจบ่อยๆ..เมื่อก่อนนะ ทั้งชีวิตผมเลยโฟกัสแค่อนาคตกับคนที่ผลักดันผมมาจนถึงปัจจุบัน เรื่องเพื่อนเป็นอะไรที่ผมไม่มีโชคเอาเสียเลย ชีวิตที่ผ่านมามีคนเข้ามาและหล่นหายไปตามกาลเวลาเยอะจริงๆครับ

ตอนเริ่มต้นเขียนเราก็คิดนะ คนอ่านเขาจะชอบนิยายของเราไหม มันจะเวิร์คไหมถ้าเราจะ บลาบลาบลากับนิยายเรื่องนั้น ผลตอบลัพธ์คืออึ้งไปเหมือนกันครับ ไม่คิดว่าเรื่องที่เราเขียนเพราะอยากเขียนเล่นๆจะกลายเป็นเรื่องที่คนชอบมากที่สุด เรื่องที่เราตั้งใจไว้กับไม่ค่อยโดนใจคนอ่านเท่าไหร่(ในความคิดของเรา)

ไม่ดราม่านะ แต่ขอบคุณจริงๆครับ ผมยิ้มได้ทุกครั้งเวลาคนอ่านเจอ ‘โน้ต’ ที่ผมตั้งใจทิ้งไว้ หรือบางช็อตที่คนอื่นมองข้ามไป มันยากนะ การจะเขียนให้คนอ่านที่อ่านมาเยอะๆอินหรือชื่นชอบไปกับมัน ผมเคยเครียดมากๆช่วงก่อนหน้านี้ กดดันตัวเองว่าเห้ยย กูต้องเขียนได้สนุกๆนะ ต้องทำให้คนอื่นว้าวนะ ต้องประทับใจนะ

ซึ่งทั้งหมดแมร่งกดดันตัวผมมาก จนไปๆมาๆ ผมเขียนๆลบๆ แล้วก็ร้องไห้ (บ้ามากจ๊อด) ผมเลยหยุดแล้วตั้งคำถามกับตัวเอง
กูเขียนนิยายไปเพื่ออะไรวะ?

แมร่งเหมือนมีอะไรสักอย่างมาตะบั้นหน้าผม เออวะ ตอนแรกที่เราเขียน ที่เราหัวเราะไปกับมัน เหตุผลง่ายๆเพราะ

แค่เรามีความสุขที่ได้เขียน...แค่นั้นเองไม่ใช่เหรอ?

การเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เป็นอะไรที่ทำง่ายแต่ห้ามยากมาก ผมชอบเอาตัวเองไปเปรียบกับคนอื่นบ่อยๆ อาจจะเพราะกำพรืดของผมเองด้วยกระมั้งทำให้เป็นคนที่มีแนวคิดเช่นนี้

ผมเป็นเมล็ดพันธ์ที่ไม่ได้มีคนใส่ปุ๋ยพรวนดินครับ เป็นไม้ป่าที่งอกออกมาเพื่อประชันกับช่อฟ้าช่อระกา เป็นไม้เมืองที่ไม่ได้มีคุณค่าอะไรในตัวมันเอง

มันยากนะ แต่แบบ

ผมมี...ที่ๆยังไงก็อยากจะไปให้ถึง

ผมมีคนที่ ...ไม่ว่ายังไงผมก็อยากจะดูแลเขา

ตอบแทน...หลายๆสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา

แต่ตัวผมในตอนนี้ ..ยังทำไม่ได้ครับ

ผม ยังห่างไกลจากตัวเขามากๆ

เป็นซีเคร็ดอีกหนึ่งเรื่องในชีวิตที่ผมคิดว่าชีวิตจริงกับนิยายแมร่งก็ไม่ได้ต่างกันเลย (จริงๆมันเวอร์กว่านั้นอีก)

ผมเคยถามตัวเองนะ ทำไมต้องพยายามขนาดนั้น ไอ้คะแนนขนาดเกือบๆหมื่นเก้านี้มันก็เข้าม.รัฐกลางๆได้แล้วนะ ทำไมต้องฝืนตัวเองขนาดนั้นวะ มันคุ้มค่าจริงๆเหรอ? กับการเสียเวลาเป็นปีเพื่อตามหาคะแนนอีกไม่กี่สิบคะแนน (มันเป็นส่วนหนึ่งที่ผมเจ็บมากครับ ขาดไม่ถึงสิบขนาดก็ไม่ต้องเสียเวลาไปปีกว่าๆแล้ว..หึหึ)

ผมไม่รู้ครับ

ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะทำให้ผมได้จริงๆหรือเปล่า แต่ผม ผม...ผมอยากจะไปให้ถึงมัน

ผมไม่รู้จริงๆว่าผมจะทำได้ไหม มันเครียดจริงๆนะ ผมอ่านหนังสือไป ร้องไห่ไป จนผ่านมาหลายวันแล้วที่ผมไม่กล้าแตะมันเพราะกลัวทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่คาดหวัง

การคาดหวังและผิดหวังเป็นอะไรที่เจ็บมากๆครับ

แต่ชีวิตที่ไร้การคาดหวังก็ไม่ต่างอะไรจากชีวิตที่ตายไปแล้ว

ตัวผมเคยตายไปแล้วครั้งหนึ่งในฐานะเมล็ดที่สังคมมองว่าด้อยค่า

จนกระทั้งมีคนที่เห็นคุณค่าในตัวผม

และผมยังอยากมีชีวิตต่อไปครับ

ผมอยากเป็นไม้ป่าที่มีคุณค่า

ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรคุณถึงเข้ามาอ่านนิยายของผม

แต่ผมยินดีและขอบคุณมากๆที่คุณอ่านมัน ชอบมัน ตำหนิมันในส่วนที่ขัดใจ

ขอบคุณครับ และผมจะกลับมานะ

ไม่รู้ว่ามีใครรอบ้าง แต่ผมจะกลับมาแน่ๆครับ

จริงๆก็อาจจะแวปๆมาเป็นพักๆแหละ แต่ผมเป็นโรคสมาธิสั้นครับ ถ้าจดจ่อกับอะไรมากเกินไปโฟกัสรวมผมจะเสียทันที่


ขอเวลาให้ผมหน่อยนะครับ

ผมขอวิ่งอีกสักนิด ...แค่ได้ใกล้คนๆนั้นมากขึ้นอีกนิด

ให้ระยะห่างระหว่างเรา...น้อยลงมาอีกนิด

ถึงตอนนั้นแล้ว

ผมจะกลับมาทำให้ดีที่สุดในฐานะคนๆหนึ่งที่มีความสุขที่ได้เขียนนิยายให้ทุกคนได้อ่านครับ

ด้วยความขอบคุณครับ



เพียงคุณยอม....รอ

17/09/59

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
กอดน้องคนเขียนแน่น ๆ นะ พี่เองก็ไม่ใช่คนดีอะไร ทำเรื่องเลวร้ายก็ทำมาแล้ว เพื่อนก็ไม่เยอะแต่พอมีปัญหาก็ยังพอช่วยเหลือกันได้ พี่ขอแนะนำบางอยางนะคะ ง่าย ๆ น้อย ๆ แต่ได้เยอะ นั่นคือการนั่งสมาธิแรก ๆ ยากหน่อยทำบ่อย ๆ แล้วจะดี สติเราจะมี เวลามีปัจจัยภายนอกมากระทบจิตใจเราใจเราก็จะแข็งแรง มองโลกสวยงามแต่มีสติขึ้นนะคะ
เรื่องนิยายรอผ่านพ้นช่วงสอบค่อยมาต่อก็ได้ค่ะ ทำให้ดีที่สุดนะคะ อย่าเครียดมากเน้อ เป็นกำลังใจให้จ้า ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด