ตอนที่ 27ตุ๊บ อึก!!! เสียงอะไรบางอย่างที่ถูกโยนกระแทกใส่บนเตียงนอนอย่างแรง หากแต่สิ่งนั้นคือเรือนร่างสูงโปร่งที่ถูกกระทำอย่างหนักหน่วง เขาดูไร้เรี่ยวแรงใดๆขัดขืน แม้ตอนนี้จะเห็นเต็มสองตาว่าร่างสูงหนาตรงหน้าคือประมุขเสือแดงที่กำลังเปลื้องผ้าตัวเองอยู่ก็ตาม
“จ..จะทำ อะไร?” เสียงแหบพร่าปนอิดโรยเอ่ยถาม แต่นั่นมันเป็นคำถามที่สิ้นคิดสำหรับฟ่านหยางเฟยที่สุด
“โง่ทุกเรื่อง!!! โง่ได้ตลอดเวลา มิน่า...ถึงได้ถูกหงส์ดำปั่นหัวเล่นมานานหลายปี” หนุ่มหน้าตี๋แสยะยิ้ม
ตอนนี้ลายสักเสือแดงสวยงามปรากฏเด่นชัดบนแผงอกสีขาวน่ามองและเอามือลูบ ฟ่านหยางเฟยพุ่งถลาเข้าหาอีกฝ่ายอย่างเร่งรีบ เอามือฉีกเสื้อผ้าชิ้นแล้วชิ้นเล่าบนกายเฟอกัลป์อย่างดุเดือดไร้ความอ่อนโยนละเมียดละไม ในความคิดตอนนี้หยางเฟยต้องการเอาคืออย่างสาสมเท่านั้น
“อย่า...อย่าทำแบบนี้” ร่างบางกว่าได้แต่เอ่ยเปรยห้ามปราม เขาไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยตั้งแต่ถูกไดนาดินตรึงร่างจนทนความเจ็บปวดไม่ไหว สลบแน่นิ่งไปจนตื่นขึ้นมาก็พบว่าอยู่ในถ้ำเสือเรียบร้อยแล้ว
“ฮึฮึ ทีกับน้องชายฉัน ฉันห้ามแกแบบนี้แล้วแกฟังที่ไหน? ไอ้เฟอกัล!!!”
ลิ้นสีชมพูอมแดงร้อนระอุละเลงลงบนยอดอกสีชมพูอีกฝ่ายสลับข้างซ้ายขวาอย่างเอาจริงเอาจัง พอเห็นอีกฝ่ายกำลังดิ้นก็ยิ่งดื่มด่ำกดปลายลิ้นตวัดไปมาแล้วดูดขึ้นแรงๆ จนอีกฝ่ายแทบอยากจะตายเอาดื้อๆ
“อะ...อึก อือออ ...อย่า”
“ฮึฮึ”
เสียงหัวเราะในลำคอนั้นแสดงถึงความสะใจและกำลังแสดงความต้องการปะปนกัน พอเบญจพิษผู้นี้อยู่ในสภาพเสมือนตาย แต่กลับไม่ตายแบบนี้นั้นมันช่างเป็นอะไรที่น่าสังเวทใจที่สุด...
“นับจากนี้ไป เบญจพิษจะอยู่ภายใต้การปกครองของเสือแดง ตลอดชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจ!!!”
“อ่า.....”
เสียงร้องครางปนกรีดกรายดังขึ้น เพราะฟ่านหยางเฟยกำลังเล่นอยู่กับจุดที่อ่อนไหวที่สุดของร่างกาย ด้วยอวัยวะยืดหดตัว
ได้นั้น ดันทะลุกำแพงกล้ามเนื้อหุบกั้นไว้ของเฟอกัลได้สำเร็จ ก่อนที่ทุกอย่างจะดำเนินต่อไปไม่มีวันยับยั้งได้จนกว่า....
จนกว่าจะสำเร็จ...ความใคร่เสร็จสิ้น!!!
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ไดนาดินเดินทางมาถึงที่นี่ ในสภาพชุดเดิมที่ไม่แตกต่างอะไรจากวันบุกไปช่วยพิคเจอร์และด๊อกเตอร์ที่ฮ่องกง ด้วยสูทสีดำ และชุดดำทั้งตัว ไหนจะแว่นกรองแสงสีดำอีก ตอนนี้เขาพาตัวเองมาหยุดที่ตรงหน้าแมนชั่น ที่พักของใครบางคนโดยหัวใจของเขาเพรียกหาอยากพานพบสบตาใจจะขาด
จากวันที่เกิดเรื่อง จนกระทั่งถึงวันนี้ผ่านไป สองวันแล้ว ไม่รู้ว่าฟินกี้จะเป็นยังไงบ้าง ยิ่งคิดยิ่งเป็นห่วงเพราะนั่นคือเซ็กส์ครั้งแรกของเขาเองและมั่นใจร้อยทั้งร้อยว่าก็เป็นสิ่งใหม่ของฟินกี้เช่นกัน ไดนาดินตัดสินใจเดินไปยังลิฟต์ตัวเดิมทันทีอย่างร้อนรนใจ
“คุณ!!! คุณนั่นเอง มาหาฟินหรอคะ” เสียงเจ้าของแมนชั่นเปรยถาม ทำให้ร่างสูงหยุดชะงัก
“ใช่ครับ!”
“อ่อ สงสัยข้าวของจะเยอะเลยมาช่วยกันขนสินะ”
“!!?” คำพูดของหญิงวัยกลางคนผู้ทำให้เขาฉงนใจ
“หมายความว่าไงครับ?”
“เอ้า! ฟินไมได้บอกหรอจ้ะว่าจะย้ายของออกแมนชั่นวันนี้” หญิงสาวเปรยถาม ร่างสูงตกใจมาก
แต่ไดนาดินไม่คิดรอตอบเธอหรอก ตอนนี้เรื่องฟินจะย้ายออกมันทำให้เขาตกใจมากกว่า ทำไมร่างบางต้องย้ายออกด้วย? หรือว่ากลัวเขาจะกลับมาหา? แล้วทำไมต้องหนี? แล้วนี่ถ้าหากเขามาช้าไปอีกนิดเดียวจะเป็นยังไง? มันอาจจะเท่ากับว่า เขาจะไม่ได้วันเจอกับฟินกี้อีกแล้วก็เป็นได้
ไดนานดินตัดสินใจวิ่งขึ้นบันไดด้วยความเร็วสูง ไม่สนใจแล้วว่าจะมีมนุษย์หน้าไหนเห็นพลังงานนี้ของเขา แต่ตอนนี้ใจเขาจดจ่ออยู่ที่ห้องพักชั้นแปดเพียงอย่างเดียว
ใช้เวลาไม่นานแถมไวกว่าลิฟต์ตัวนั้น ไดนานดินก็พาร่างของเขาเองมายืนหยุดที่หน้าประตูห้อง หมายเลขคุ้นตา แปลกแตกต่างออกไปตรงที่ประตูห้องถูกแง้มเปิดเอาไว้ เห็นสภาพห้องด้านในเป็นไปตามที่เจ้าของแมนชั่นบอกไว้ไม่มีผิด ข้างของทุกสิ่งอย่างถูกนำมาวางไว้กลางห้องเกือบหมด
ไดนาดินไม่รอช้าผลักประตูเข้าไปทันที เจ้าของห้องที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำกลับชะงักตกใจไม่น้อยเช่นกัน ที่เห็นว่าใครมาเยือนถึงที่นี่
“ใจร้ายจังเลยนะครับ ที่คิดจะหนีผม!” ไดนานดินไม่ว่ามากความกลับต่อว่าด้วยความน้อยใจ ปนเจ็บใจด้วยหากเขามาไม่ทันที่จะเห็นอีกฝ่าย
“...”
ฟินกี้เลิกทำสีหน้าผงะตกใจอีกฝ่าย เพียงเพราะสติสามัญสำนึกในใจทำหน้าที่ได้อย่างดีและจดจำเขาได้แม่นยิ่งกว่าอะไรอีก ร่างบางไม่ขอตอบคำถาม แต่เดินกลับไปกลางห้องเพื่อเก็บของต่อ
ไดนาดินรับรู้ได้ถึงความเย็นชาของอีกฝ่าย แต่มีหรอที่เขาจะยอมแพ้! เขาถือวิสาสะเดินตามไป
“เป็นยังไงบ้าง หายดีรึยัง?”
ไม่บอกก็รู้ว่าไดนาดินหมายถึงอะไร ฟินกี้นึกไปถึงเมื่อสองวันก่อนที่ต้องตื่นขึ้นมาแล้วมีสภาพร่างกายปางตาย มันเจ็บปวดทั้งใจทั้งกาย ต้องรักษาแผลตรงจุดลับด้านหลังนั้นอย่างโดดเดี่ยวคนเดียว แต่ก็ไม่ปฏิเสธนักที่จะตัดสินใจทานข้าวต้มรวมมิตรหม้อใหญ่ที่อีกฝ่ายทำไว้ให้
“คุณฟินกี้ คุณยังโกรธผม? ผมมาที่นี่เพื่อทำสิ่งที่ถูกต้อง” ไดนานดินอ้างเหตุผล แต่ดูเหมือนอีกคนจะชะงักมือเก็บของแล้วปราย
ตามองแทน
“ถ้าจะมารับผิดชอบ ผมว่าไม่ต้องหรอก คุณกลับไปเถอะ” ร่างบางตอบเสียงเรียบ
“ไม่ได้หรอก ผมต้องรับผิดชอบนี่คือสิ่งเดียวที่เป็นเครื่องเตือนใจผมทั้งชีวิต”
“แต่สำหรับศัตรูของอินทรีทอง คนอย่างคุณไม่ต้องรับผิดชอบก็ได้ จริงๆผมควรตายด้วยซ้ำไปในความคิดพวกคุณ”
ฟินกี้ไม่ได้คิดประชดอย่างเดียว แต่เอาตรงๆนี่คือความจริงที่เขาควรได้รับ แต่เรื่องมันกลับตาลปัดไปแล้ว ตรงที่ว่าร่างบางยังไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตอนนี้เบญจพิษคือผู้บริสุทธิ์ หากแต่ถูกดึงมือไปเป็นเครื่องมือชำระแค้นของหงส์ดำต่างหาก
“ตอนนี้เบญจพิษไม่ได้เป็นศัตรูอินทรีทองแล้วนะครับ”
“อย่ามาเล่านิทานหลอกเด็กหน่อยเลย คุณกลับไปเถอะ ผมจะเก็บของ”
“แล้วคุณฟินกี้จะไปไหนครับ? ”
“ไปไหนก็ได้ที่ไม่ต้องเจอองค์กรเข่นฆ่ากันวันต่อวันแบบนี้ โดยเฉพาะคุณ! กลับไปซะ ”
“ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ ให้ผมอยู่เคียงข้างดูแลปกป้องคุณนะครับ”
“ผมดูแลตัวเองได้” ร่างบางยืนยันชัดเจน
“ผมรู้ว่าที่ทำไปนั้นคุณคงจะโกรธและรับไม่ได้ แต่ผมขอเยียวยาด้วยกาลเวลาจะได้ไหม?”
“ไม่ต้องรอคุณเยียวยาหรอก กาลเวลาของชีวิตผมจะเยียวยาตัวผมเอง คุณกลับไปเถอะนะไดนาดิน”
“ผมไม่กลับ!! ผมจะช่วยคุณฟินกี้เก็บของ ผมจะตามคุณไปทุกที่ ผมจะอยู่ทุกที่ที่มีคุณ” ร่างสูงดื้อรั้น
“พูดอะไรบ้าๆ คุณคือคนสนิทของประมุขอินทรีทอง คุณจะมาเสียเวลาเรื่องไร้สาระโดยทิ้งหน้าที่ดูแลคาดอสกับพิคเจอร์ไปได้ยัง
ไง?”
“ใครว่าเรื่องไร้สาระกันล่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตผม และบอสก็อนุญาตผมแล้วด้วย ต่อจากนี้ไม่มีเรื่องบาดหมางอะไรกันอีกแล้ว บางทีผมอาจจะไม่ต้องดูแลบอสอีกแล้วก็ได้ แต่ผมอยากจะดูแลคุณ!!!”
“ผมถามคุณคำเดียว ทำไมคุณไม่เชื่อคำพูดผมตั้งแต่ทีแรก ผมบอกว่าผมไม่รู้เรื่องอะไรของการหายไปของพิคเจอร์ แต่คุณกลับเอาความโมโหยั้งคิดมาทำแบบนี้กับผม”
“ผมขอโทษ”
“เปลี่ยนจากคำขอโทษ แล้วกลับไปประเทศจีนซะ”
“ถ้าคุณคิดว่าผมยังมีพันธะอยู่กับอินทรีทองแล้วผลักไสไล่ส่งผมแบบนี้ ผมจะโทรไปบอกบอสแล้วขอลาออกจากอินทรีทองคุณ
จะว่ายังไง?”
“อย่าทำแบบนั้นนะ!” เสียงอุทานร้องห้ามอีกฝ่ายที่กำลังจะทำท่าจะเหมือนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“คุณไม่ไล่ผมแล้วใช่ไหม?”
“ผมเหนื่อยกับคุณมามากพอแล้ว จะทำอะไรก็ทำ”
ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่วนไดนาดินยิ้มร่าดีใจไม่บ่อยนักที่เขาจะเผยรอยยิ้มออกมา ฟินกี้มีนิสัยลูกผู้ชายพอ
อยู่แล้ว เพียงแค่จุดชีวิตเปลี่ยนผัน จากชื่นชอบพิคเจอร์ แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอีกคนไปได้ มันช่างเกินคาดฝันเสียจริงๆ แต่เอาตรงๆเขายังไม่พร้อมจะมีใครดูแลเขาเลย
นายน้อยเบญจพิษยังอกหักเจ็บปวดไม่หายที่พิคเจอร์เลือกคาดอส ทั้งๆที่ก่อนนั้นตัวแสบก็ยืนกรานบอกปาวๆกับเขาว่าไม่มีทางชอบเด็ดขาด ก็อย่างว่าล่ะ ความเกลียดหรือจะสู้ความใกล้ชิด ไม่นานเดี๋ยวมันก็ผันแปรไปเป็นอย่างอื่นแทน เช่นตอนนี้!
“คุณฟินกี้ครับ อันนี้เก็บใส่ไว้กล่องไหนดี?” ร่างสูงอุทานถาม
“เอาไว้กล่องสีฟ้าเลย”
“อ่อโอเคครับ แล้วกางเกงในนี่ล่ะครับ!”
“เฮ้ย!!! คุณ วางลงเดี๋ยวนี้นะ ห้ามยุ่งกับเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวของผม ไปเก็บอย่างอื่น!!”
“ขะ..ขอโทษครับ”
ไดนาดินเอ่ยอย่างเกรงใจ ก่อนจะหันขวับกลับไปอีกทางเพื่อเก็บของที่เหลือ
“เดี๋ยวสิคุณไดนาดิน!”
“ครับ?” ร่างสูงหันกลับมาทำหน้างง
“ต่อไปนี้ห้ามคุณใช้คำพูดกับผม เหมือนกับเจ้านายและลูกน้องผมไม่ชอบ ”
“ได้ครับคุณฟินกี้”
“ก็บอกไปแล้วเมื่อกี้นี้ไง!!!”
“ครับฟิน”
“อืมดี...แล้วต่อไปนี้ ถ้าอยู่ใกล้ผม อย่าใส่ชุดสูทเด็ดขาดไม่ว่าจะสีไหนๆก็ตาม คุณต้องแต่งตัวเหมือนปุตุชนทั่วไปเท่านั้น”
“เข้าใจแล้ว”
“ดีมาก แล้วสุดท้าย ขอถามนายอีกครั้ง คิดดีแล้วหรอที่จะอยู่กับเรา”
ร่างบางเริ่มเปลี่ยนสรรพนามเป็นกันเองมากขึ้น เอาตรงๆลึกลงไปในใจของฟินกี้ เชื่อว่าไดนาดินเป็นคนดีไม่น้อยทีเดียว ทั้งที่จริงเขาเองเป็นผู้ชายโดยสอยก้นไปเพียงครั้งเดียวไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบก็ได้ แต่บุรุษชายคนนี้กลับคิดที่จะทำ เขาดูสุภาพบุรุษมากทีเดียว
“พี่คิดดีแล้วครับ เราจะอยู่ต่อไปแบบคนธรรมดา”
“พี่หรอ?” ร่างบางขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายแทนตัวเองว่าพี่
“อื้มใช่ พี่เกิดก่อนนายอีกนะฟินกี้ ทำไม? หน้าพี่เด็กหรอ”
“เปล่า! นึกว่ารุ่นเดียวกันซะอีก”
“ปีนี้อายุ 31 แล้ว”
“ฮะ? จริงหรอ” บ้าน่าเขาเองเพิ่งจะ 25 ไปหมาดๆ แสดงว่าห่างกันถึง 6 ปีเชียวหรือนี่
“จะโกหกทำไมกันล่ะ เอ่อนี่ฟิน พี่อยากแนะนำ ถ้าฟินไม่อยากให้พี่ละทิ้งการดูแลบอสกับพิคเจอร์แล้ว ทำไมฟินไม่ไปอยู่ที่ปักกิ่ง
ด้วยกันล่ะ บ้านบอสใหญ่มากเลยนะ มีห้องพอสมหรับเราแน่นอน แต่ถ้าไม่มีห้องว่างจริงๆฟินก็มาอยู่ห้องเดียวกับพี่ก็ได้”
“จะเป็นการรบกวนคาดอสรึเปล่า?”
“บอสดีใจซะอีกที่มีคนอยู่ด้วยเยอะๆ”
“ยังไงพี่ก็ลองโทรหาเจ้านายพี่ดูก่อนนะ ผมยังไงก็ได้”
ไดนาดินยิ้มให้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไปขออนุญาตบอสที่อยู่ไกลถึงปักกิ่งทีเดียว
มหานครปักปิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน หน้าบ้านเป็นลานหญ้ากว้าง ถูกตัดโล่งเตียนเมื่อเช้านี้เอง ราวกับปูพรมเขียวเอาไว้ ถัดไปอีกหน่อยใต้ร่มไม้ใหญ่สี่ต้นมีบ่อปลารูปร่างขอบสระอิสระ ดูๆไปคล้ายใบบัวที่ถูกกัดขอบใบจนบิ่นเว้า ในสระน้ำมีปลาคาร์ฟตัวอ้วนใหญ่ 4 ตัวราคารวมกันเฉียดสามแสน
ลายหนึ่งสีทองล้วน ลายหนึ่งมีหัวสีแดงลำตัวขาว ลายหนึ่งตัวสีส้มดำและขาว และตัวสุดท้ายที่เป็นนายแบบให้พิคเจอร์วาดภาพอยู่นี้ก็คือ เจ้าลายผสมสีที่กล่าวมาทั้งหมด มองดูเพลินๆนึกว่าไปเลอะมอมแมมที่ไหนมาก่อนหน้าเสียอีก
ถัดไปไม่ไกลจากตัวของนายน้อยแห่งอินทรีทองเท่าไหร่ ปรากฏเป็นลูกน้องของคาดอสมากกว่าสิบคน แต่แทนที่จะยืนสุภาพลายล้อม กลับถูกชักชวนให้เข้ามามุงดูภาพวาดสวยงามนั้นอย่างประชันชิด
คุณคงจะจำลูกน้องสองคนที่เคยเฝ้าหน้าประตูห้องพิคเจอร์ได้เมื่อครั้งอยู่ที่ลอสแอนเจลิส ตอนนี้คู่หูผู้แสนดีต่อพิคเจอร์เดินทางกลับมาอยู่ที่ปักกิ่งแล้ว ส่วนที่นั่นถูกปิดไปชั่วคราวคงไม่ได้ไปที่นั่นอีกจนกว่าจะถึงเวลาไปดูงานที่อเมริกาของคาดอสประจำปี
จนถึงตอนนี้เขาค่อยรู้จักชื่อสองทั้งสองคน คนที่ผิวสีเข้มกว่าหน่อยชื่อ
ต้าจิว ส่วนอีกคนหน้าตี๋มังกรจ๋าเลยผิวขาวหนังตาชั้นเดียว ชื่อ
ชิงอ๋อง ชื่อหน้ารักมากจริงๆร่างบางพลางคิดว่าพวกเขาน่าจะทำความรู้จักกันตั้งแต่ตอนครั้งโน้นเสียอีก
“แอะแฮ่มมมม” เสียงกระแอมดังเข้ามาทำให้ลูกน้องที่กำลังเพลิดเพลินไปกับภาพวาดสะดุ้งตกใจ รีบกลับไปยืนกุมมืออย่างสุภาพดังเดิม
“พี่เฉิง!!! ทำไมมาป่วนคนของผมแบบนี้”
“พี่เปล่านะ พี่แค่กระแอม เพราะเจ็บคอ?” ร่างสูงเฉไฉ แต่สีหน้าเจ้าเล่ห์นั้นชักไม่อยากเชื่อเท่าไหร่เลย
“เชื่อตายแหละ ถึกอย่างกับวัวทิเบตไม่น่าเจ็บป่วยง่ายๆ”
“หืม? ว่าใครวัวทิเบต พี่เป็นอินทรีทองผู้น่าเกรงขามกำลังเล่นจับขังกระต่ายน้อยขนปุยพันธุ์หยางอี้อยู่ตากหาก”
คาดอสไม่ว่าเปล่าพลางย่อตัวลงมานั่งคุกเข่าอยู่ข้าง พร้อมกับเอื้อมมือหนาไปเกลี่ยเล่นที่แก้มอีกฝ่ายเบาๆ
“พี่เฉิง พื้นมันสกปรก ไปหาเก้าอี้มานั่งดีๆ”
“ขนาดพี่ไม่มีเก้าอี้ พี่ยังสูงกว่าหยางอี้แล้วนะ”
“ตามใจ!!!” พิคเจอร์ไม่สนใจอีกคนแล้ว แต่กำลังสนใจภาพวาดของตัวเองที่ใกล้แล้วเสร็จสมบูรณ์
“หยางอี้!!! พี่มีเรื่องจะบอก”
“อะไรหรอครับ”
“ไดนานดินโทรมาบอกว่า จะพาฟินกี้มาอยู่ที่นี่ด้วย นายว่าดีไหม?”
“ดีสิครับ อยากเจอหน้าเพื่อนใจจะขาดอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะเป็นไงมั่ง ว่าแต่ทำไมฟินถึงจะมาที่นี่ล่ะครับ”
“ก็เพราะว่า...เป็นภรรยาไดนานดินไปเรียบร้อยแล้วนะสิ”
“ฮะ!!!! ว่าไงนะ?”
“ภาพปลาคาร์ฟสวยดีนะ ว่าแต่ทำไมถึงเลือกเจ้ามอมแมมเป็นนายแบบล่ะ” คาดอสเปลี่ยนเรื่อง
“ใครว่าล่ะ ในทางของงานศิลปะ ที่ผมเลือกเจ้ามอมแมมนี่ใช่ว่ามันดูขี้เหร่ แต่ผมมองว่ามันเหมือนชีวิตผมไงพี่เฉิง ผ่านเรื่องราวมา
มากมายทั้งที่ดี ก็เหมือนสีแดงส้มสวยๆบนตัวมัน ส่วนเรื่องร้ายๆก็เหมือนสีดำแต้มอยู่เป็นจุดๆ แต่พอมองดูดีๆ มันมีเสน่ห์และบอกเรื่องราวของผมได้ครบสูตรเลยนะ”
“คร้าบบบบ พี่ยอมแล้วทูนหัว ช่างมีความคิดซับซ้อนเหลือเกิน แต่เรื่องหัวใจอย่าไปมีใครซ้อนทับเด็ดขาด เข้าใจไหมครับ สุดดวงใจของพี่ ฟอดดดดดดดด” คาดอสเข้าหอมแก้มเนียนนั้นไม่เกรงใจลูกน้องนับสิบคน
พิคเจอร์ไม่คิดหลบแต่เต็มใจให้ริมฝีปากกับจมูกโงชันนั้นแนบข้างแก้ม
“พี่คิดว่า ลวดลายของปลาคราฟตัวนี้ มันจะลบเลือนไหม?”
“ไม่อยู่แล้ว ถามทำไมหรอ?”
“ก็กำลังจะตอบคำถามพี่ไง...ลวดลายมันก็เหมือนความรักที่พี่เฉิงมอบให้ผมมาตลอดตั้งแต่เด็กนั่นแหละ ต่อให้จะเนิ่นนานแค่ไหน ลวดลายบอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้นก็ไม่ต่างไปจากลวดลายของปลาตัวนี้ มันจะติดตัวไปตลอดจนกระทั่งสิ้นลมหายใจของผม”
“หยางอี้ ขอบคุณนะ มันเป็นคำตอบที่วิเศษณ์ที่สุดในชีวิตพี่เลย”
“อย่าเพิ่งมาซึ้งสิครับ จะมาบิ้วอารมณ์ให้ยอมแต่งงานใช่ไหม ผมรู้ทันหรอก”
“โถ่ รู้ได้ไงอ่ะ แต่งเถอะนะ นี่พี่อ้อนรอบที่ สี่แล้วนะ ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านเนี่ย”
“ผมต้องการแต่งงานพร้อมพี่ชายครับ พี่เฉิงก็ช่วยทำให้คู่นั้นรักกันแบบคนรักซักทีสิ”
“หยางเฟยมันมีน้ำยาของมันหรอกน่า”
“งั้นพี่เฉิงหรอได้ใช่ไหมครับ?”
“เรื่องแต่งงานรอได้ แต่เรื่องพรหมจันทร์ฟ่านหยางอี้ กระต่ายน้อยของพี่ พี่ชักไม่มั่นใจแล้วสิ คืนนี้ขอนะ!!!”
“พี่เฉิง!!!!”วู้วววววววววววววววววววว มีความสุข เรื่องนี้ใกล้จบแล้วววววววววววววววว
ปล. ไม่ถนัดแต่งฉากสวิ้งกิ้งเท่าไหร่ ขอตัดไปแบบนั้นแล้วกันนะ อิอิ