บทที่ 18
“มองไร?” นัยน์ตาคมดุจ้องไปฝั่งตรงข้าม คนที่หน้าคล้ายตัวเองอย่างกับฝาแฝดนั่งลอยหน้าลอยตาอยู่
ส่วนจันทร์เอ๋ยฝาแฝดคนพี่ของคนตัวเล็กนั้นเผ่นกลับไปแล้ว ไม่ใช่เพราะกลัวแฝดน้องจะมาว่าอะไรหรอกแต่นาฏยคิดว่าเพราะอีกฝ่ายรำคาญพี่ชายเขามากกว่า
“เปล่าเว้ย” นโมแยกเขี้ยวใส่น้องชาย “สรุปคือ...เข้าใจกันแล้ว?”
นาฏยไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยักคิ้วให้อีกฝ่าย นโมรู้สึกว่าแม่งดูน่าหมั่นไส้ชิบหาย
“งั้นผมไปเรียนบ่ายก่อนนะครับ” เขาโดดคาบเช้ามา นี่ก็เลยพักกลางวันแล้ว เขายังมีเรียนบ่ายต่ออีก อีกอย่างเขานั่งให้ตัวเองเป็น
ระเบิดเวลาที่พร้อมจะบิึ้มตัวเองเมื่อไรก็ได้ต่อไปอีกไม่ได้
“อืม...” แต่ก่อนที่ร่างเล็กๆจะลุกเดินออกไป มือใหญ่ก็คว้าข้อมทอเล็กเอาไว้ก่อน จันทร์เจ้ามองคนที่จับเขาไว้ด้วยสายตางงงวย
“ครับ?”
“...กิน...”
“อะไรนะครับ?”
“พรุ่งนี้...อยากกินข้าวผัดต้มยำทะเล” เสยงทุ้มพูดแข็งๆ นาฏยเกาหน้าตัวเอง รู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเท่าไร บางทีก็รู้สึกว่ากระต่ายแคระตัวนี้ร้ายกาจชอบทำให้เขาสูญเสียการควบคุมอยู่เหมือนกัน
ใบหน้าขาวๆขึ้นสีเรื่อ ก่อนจะอ้อมแอ้มรับคำ วิ่งดุ๊กดิ๊กหนีไปก่อนที่ร่างสูงจะได้พูดอะไรต่อ
“เป็นอะไรวะ” จันทร์เจ้าสะดุ้งเมื่ออชิระกระทุ้งแขนเบาๆ นัยน์ตาคมเห็นเพื่อยสนิทร่างเล็กนั่งเหม่อตั้งแต่เข้าเรียนช่วงบ่าย ทั้งที่ปกติออกจะตั้งใจเรียนตั้งใจจดเนื้อหา แต่วันนี้เห็นหมุนปากกาเล่น ไม่ได้ตั้งใจเรียนอย่างเคย
“มึง...พี่นาฏย...จับได้แล้ววะ”
เรื่องที่ความแตกแล้ว เขาไลน์ไปบอกเปเปเรียบร้อยแล้วว่าโดนจับได้แล้ว ซึ่งเพื่อนสาวถึงกับรีบคอลไลน์มาคุยอย่างรวดเร็ว เขาก็ได้แต่เล่าไปตามความจริงว่าเกิดเรื่องอะไรบ้าง ก่อนจะปิดท้ายแค่ว่า...ยินดีด้วย ความพยายามทั้งหมดที่ทำมากำลังจะเห็นผล
“เออ...ก็แค่นี้...เฮ้ยยยยยย!!! อะไรนะ!!!” อชิระคิดว่าตัวเองกำลังหูฝาด บางทีเพื่อนเขาอาจจะพูดคำว่าเฮ้ย ไอ้อัช ทำไมตีนเหม็นจัง อะไรประมาณนี้มากกว่า
“เออก็ตามนั้นแหละ”
“แล้วพี่เขาว่าอะไรเปล่าวะ” ไม่ใช่ว่าพี่นาฏยจะว่าเพื่อนเขาจนมันช็อกไปแล้วนะ แต่คงไม่ใช่ ถ้ายังจำที่เขาเคยคุยกับพี่นาฏยได้ อีกฝ่ายน่าจะคิดไปในทางเดียวกับเพื่อนเขานั่นแหละ พี่นาฏยก็ดูสนใจไอ้เจ้าไม่น้อย
จันทร์เจ้าสะบัดหัว “เปล่า...” แต่พอคิดไปถึงประโยคสุดท้ายของอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกว่าหน้าจะเริ่มร้อนขึ้นมาเฉยๆ
อชริะทำหน้าเหมือนจะเข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจคือ...ไอ้เจ้ามันจะหน้าแดงไปทำไมวะครับ
เรื่องมันก็ดูไม่มีอะไรใช่ไหม?
แต่เหมือนจันทร์เจ้าเหมือนจะคิดผิด เขารู้ว่าพี่นาฏยเป็นคนจริง
เพราะว่าเขากำลังมึนตึบ อยู่ๆพอเลิกเรียนออกมาพักกลางวันก็เจอร่างสูงใหญ่ยืนพิงเสารออยู่ จันทร์เจ้าเบิกตาโต เดินถอยหลบหลังเพื่อนสนิทเหมือนกำลังหนีเจ้าหนี้ยังไงไม่รู้
ฮือ...พี่นาฏยมาทำมายยยย
รอบที่สองแล้วที่เขาโดนเพื่อนปีเดียวกันมองแล้วมองอีก ยิ่งตอนนี้เด็กปี1เลิกเรียนกันมาหมด ทีนี้อะไรๆก็ปิดอยู่ละ คนเห็นไปทั่วละ
“หวัดดีครับพี่” อชิระเพื่อนยากเกิดเป็นคนมีมารยาทขึ้นมา ปรี่เข้าไปสวัสดีพี่เขาทำไมมมม ตอนนี้จันทร์เจ้าแทบยากจะทำตัว
มารยาทไม่มี เดินหนีไปเฉยๆตอนนี้เลย
ร่างสูงพยักหน้าให้คนทัก ร่างเล็กเหมือนกระต่ายโผล่หัวกลมๆจากหลังเพื่อนออกมามองเขา พอเห็นเขาจ้องอยู่ก็สะดุ้งยิ้มแหะแล้วหดหัวกลับไปมุดหลังเพื่อน
“เจ้า…”
เจ้าของชื่อเม้มปากแน่น “ครับ…” ตอบเสียงอ่อย คนก็มองกันเข้าไปสิ ไม่เคยเจอเดือนคณะกับอดีตอันดับสามเดือนมหาลัยควบตำแหน่งเดือนคณะปีสามยืนคุยกันหรือไง
“ไหนข้าวผม?”
จันทร์เจ้าบีบมือแน่น ข้าวกล่องสองกล่องที่นอนกลิ้งอยู่ในกระเป๋าถูกกระชับ เขาก็บ้าจี้ทำมาสองกล่องจริงๆ
“ไป…” มือใหญ่ชี้ไปด้านทางไปโรงอาหาร อชิระเดินนำลิ่วไปก่อนทิ้งกระต่ายแคระยืนตื่นตูมอยู่ตัวเดียว นาฏยกระดิกนิ้วเรียกร่างเล็กกว่า จันทร์เจ้าเลยจำใจเดินตามอีกฝ่ายไป
“เอาน้ำอะไรไหม?” นัยน์ตากลมมองหน้าคนถาม เขาเห็นพวกพี่เอ็ดมันด์นั่งอยู่แล้ว อชิระก็เดินไปวางกระเป๋าแล้วด้วย
“ไม่เป็นอะไรครับ” ส่ายหน้าจนผมกระจาย นาฏยดีดเหม่งน้อยๆ
“ไปที่โต๊ะไป” แล้วเจ้าตัวก็เดินไปทางร้านขายน้ำ ปากเล็กยู่ใส่หลังอีกฝ่าย
“ไหนข้าวผม” ร่างสูงถามทันทีหลังจากที่กลับมาถึงโต๊ะพร้อมน้ำเปล่าขวดหนึ่งกับโอวัลตินเย็นหนึ่งแก้ว
กระต่ายแคระเบิกตากว้างเล็กน้อย คนในโต๊ะทั้งหมดก็หันมามองเขาสองคน ไอ้นาฏยมันบ้าหรือเปล่าเนี่ย อยู่ๆก็ถาม
“เอ่อ...”
“วันนี้น้องเปเปไม่มาส่งข้าวหรือไงวะ” เอ็ดมันด์ถาม เพราะทุกทีจะมีน้องสาวของเพื่อนสนิทเอาข้าวกล่องมาส่งให้ตลอด
“วันนี้เปลี่ยนคนส่งแล้ว...” เอ็ดมันด์ทำหน้าสงสัย เปลี่ยนตอนไหนวะ
เมื่อโดนนัยน์ตาคมดุจ้องมองเหมือนกดดนเล็กๆ จันทร์เจ้าจำใจหยิบกล่องข้าวออกมาจากกระเป๋าผ้า หนุ่มลูกครึ่งตกใจเมื่อเห็นว่าวันนี้คนส่งเป็นรุ่นน้องตัวเล็ก ส่วนเตเตมองอย่างแปลกใจ เขามองจันทร์เจ้าซึ่งอีกฝ่ายยิ้มแหยๆให้เขาแทนเลยส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้
...ดูจากท่าทางแล้ว…
...ความลับที่เขาเคยรู้ คงจะไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป…
แต่เขาคิดว่า...มันเป็นไปในทางที่ดีแน่นอน
“อ้าว น้องเจ้ามาส่งแทนหรือเนี่ย แสดงว่าคนส่งจะต้องเป็นเพื่อนเราแน่เลย บอกหน่อยว่าใครอะ” หนุ่มลูกครึ่งดูอยากเผือกเรื่องชาวบ้านขึ้นมาอีกแล้ว
จันทร์เจ้าหน้าเหวอ คนอื่นๆขำเบาๆ นาฏยยิ้มมุมปากแต่ไม่ช่วยตอบอะไร ร่างเล็กโดนรุ่นพี่ร่างยักษ์ขะยั้นขะยอให้บอก
ไม่มีทาง ให้พี่เอ็ดมันด์เข้าใจผิดแบบนั้นไปแหละ เรื่องไรจะบอกว่าเขาเป็นคนทำล่ะ
“แล้วของคุณละ”
“ครับ?”
“ผมว่าผมบอกแล้วนะ” นัยน์ตาคมพราวระยับ “ว่าผมให้ทำมาสองกล่อง”
นัยน์ตาสีสวยของหนุ่มลูกครึ่งฉายแววงงงวย ไอ้นาฏยมันกำลังพูดเรื่องอะไรของมันว่ะ ส่วนอชิระกำลังยิ้มหัวเราะเหมือนดูละครซิมคอมตอนบ่ายอยู่
“อ่าครับ” มือเล็กจำใจต้องหยิบข้าวกล่องอีกกล่องขึ้นมาแต่มีขนาดเล็กกว่าอีกกล่อง
“ทำไมน้องเจ้าก็มีอะ” ทำไมวันนี้ไอ้ฝรั่งมันไม่ค่อยฉลาดเลยแหะ
“เอ่อ...” เขาก็ไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายแบบไหนดี
“อย่าถามมาก ให้น้องกินข้าว” เสียงทุ้มเข้มขัดเพื่อน ตาสีสวยของหนุ่มลูกครึ่งวาววับ เมื่อกี้เขาได้ยินว่าอะไรนะ มีใครได้ยินแบบเขาไหม?
มีให้น้งให้น้องกินข้าว นี่เพื่อนเขาคงไม่ได้โดนอะไรตีหัวมาหรอกนะ
“แล้วสรุปคือ...ใครเป็นคนทำมาอะน้องเจ้า” ไอ้นี่แม่งยังไม่เลิก มีคนส่ายหัวปลง กุมขมับด้วย
“แดก!” คำสั่งฟ้าผ่าลั่นทำให้เอ็ดมันด์หุปปากฉับ
...สงสัยนอกจากมันจะโดนดักตีหัวมาแล้ว มันคงยังแดกรังแตนที่ไหนมาอีกแน่นอน…
“เจ้าขาเก็บตังโต๊ะในหน่อย” เสียงเรียกของฝาแฝดที่กำลังเดินเข้าไปด้านหลังที่เป็นส่วนของห้องครัวทำให้ร่างเล็กที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่เงยหน้ามาขานรับ
“ได้”
วันนี้วันเสาร์ เขากับพี่ชายฝาแฝดเลยมาช่วยงานร้านอาหารตามสั่งของที่บ้านเพราะว่าวันนี้คนเยอะ วันเสาร์ใครๆก็ออกมากินข้าว
นอกบ้านกับเพื่อนกับครอบครัว ทำให้ร้านอาหารของเขายุ่งๆเกือบทั้งวัน เขาสองคนก็หัวหมุนเหมือนกัน พี่ที่ช่วยงานในร้านก็มือเป็นระวิง วันนี้ป่าป๊าเขาลงครัวด้วยเอง มีผู้ช่วยกุ๊กอีกหนึ่งคน ส่วยหม่าม้าก็เก็บเงินมือเป็นระวิงเช่นกัน
“น้องๆ สั่งอาหารหน่อย” เสียงลูกค้าทักทำให้จันทร์เจ้ารีบส่งเงินทอนให้ลูกค้าอีกโต๊ะก่อนจะผละไปรับออเดอร์อย่างรวดเร็ว
“สวัสดีค่า กี่ท่านค่า” เสียงพี่จอยถาม ร่างเล็กที่กำลังง่วนกับการเก็บกวาดโต๊ะเลยไม่ได้หันไปมอง แต่ก็ขานเรียกลูกค้าเช่นกัน
“ร้านขอข้าวขอแกงยินดีต้อนรับครับ” ส่งเสียงออกไปตามความเคยชิน เจ้าตัวมัวแต่เช็ดโต๊ะ เลยไม่ได้สังเกตุว่าจานที่ถืออยู่ในมืออีกข้างกำลังเอียงกะเท่เร่จะหล่นลงมา
“จานจะตกแล้ว...” เสียงทุ้มต่ำแต่คุ้นหูดังขึ้นจากข้างหลัง
“เฮ้ย!” เขาตกใจจริงๆจนมือไม้อ่อน จานเกือบจะหล่นจริงๆ โชคดีว่ามีมือใหญ่ๆอีกข้างมารองเอาไวได้ทัน
“ซุ่มซ่าม”
จันทร์เจ้ามั่นใจว่าตัวเองไม่ใช่คนซุ่มซ่าม แต่ใครใช้ให้พี่นาฏยมาแบบเงียบๆแบบนี้อีกแล้วล่ะ เห็นเขาขี้ตื่นหน่อยชอบมาทำให้ตกใจอยู่เรื่อย นี่ไม่ใช่หัวร้อนละ ตอนนี้คือหูร้อนไปหมด
แต่เดี๋ยวก่อน...นั่นมันยังไม่ใช่ประเด็น ปนะเด็นมันอยู่ที่ว่าพี่นาฏยมาถึงร้านอาหารตามสั่งของบ้านเขาได้อย่างไร นี่คือประเด็นหลักที่น่าาสนใจกว่า
“อ...เอ่อ...” เหลือบมองไปข้างหลังเห็นกลุ่มย่อมคุ้นหน้าคุ้นตากันดีมาก มาหมดเลยทั้งไอ้อัช พี่เอ็ดมันด์ พี่เตเต
“พอดีกูหิว เลยนึกถึงข้าวบ้านมึงพอดี เลยชวนพี่เขามา” ไอ้อัชไอ้เพื่อนทรยศ อยากจะถีบมันให้เลิกยิ้มกวนตีนแบบนั่นสักที
“อ้าวพี่นาฏย มาๆลูกมานั่งก่อนมา อัชด้วยลูก” เสียงหม่าม้าที่เห็นเพื่อนสนิทลูกชายและรุ่นพี่หนุ่มที่เคยมานอนค้างที่บ้านครั้งหนึ่ง หม่าม้ายิ้มแย้มรับไหว้ทุกคนในกลุ่ม ก่อนจะจัดแจงพาไปนั่งโต๊ะที่ด้านในสุดของร้าน ไม่วายหันมาบอกเขากับจันทร์เอ๋ยว่า “เสริฟน้ำให้พี่ๆเขาด้วยนะ” แล้วหม่าม้าก็ไปลัลล้ากับกลุ่มหนุ่มหล่อๆ
เขาอ้าปากค้างน้อยๆ แต่ก็ทำตาม น้ำใบเตยหอมๆกับน้ำแข็งเปล่าครบจำนวน “พวกพี่มากันได้ยังไงครับ”
“อ้อ...พอดีเจอไอ้อัชมันอยู่มหาลัยว่าจะไปหาอะไรกินอยู่พอดี มันเลวนมาบ้านน้องเจ้าซะเลย” เอ็ดมันด์เฉลย ก็ได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ เพื่อนเขานี่หวังดีเหลือเกิน
“อ่าครับ” เขาควักปากขึ้นมาจะจดออเดอร์อย่างเคยชิน “งั้นรับอะไรดีครับ?”
“หม่าม้ามีอะไรแนะนำไหมครับ?” เสียงทุ้มถามขึ้นหลังจากนิ่งมาสักพัก
สายตาคนในโต๊ะมองมาที่เจ้าตัวทุกคู่ เอ็ดมันด์มองเพื่อนที่เดี๋ยวนี้เริ่มทำตัวมุ้งมิ้งอย่างบอกไม่ถก แต่ไม่ได้ทำให้สะเทือนเท่าไร มีแต่ร่างเล็กของกระต่ายแคระที่แข็งค้างไปแล้ว
...พี่นาฏยเรียกหม่าม้า…
...ฟังแล้วน่ารักชะมัด…
“พี่นาฏยชอบกินรสไหน?” หม่าม้าถาม
“พี่นาฏยชอบกินเผ็ด” จันทร์เจ้ารู้ จันทร์เจ้าตอบแทนได้
“งั้นเป็น...ผัดกะเพราทะเลดีไหม แล้วก็ต้มโคล้งปลากรอบไหม? ร้านม้าขึ้นชื่อน้า” นี่หม่าม้าฮาร์ดเซลล์มาก
“งั้นเอาตามที่หม่าม้าแนะนำก็ได้ครับ” พี่นาฏยยิ้มน้อยๆ หม่าม้าถึงกับเคลิ้ม
คนอื่นกระพริบบตาปริบๆ ไอ้นาฏยมันมารู้จักมักจี่กับบ้านนี้ตั้งแต่เมือไร
“เจ้าขาปูผดผงกะหรี่โต๊ะห้าเสร็จแล้ว” จนทร์เอ๋ยที่เข้ไปช่วยในครัวเดินถือจานออกมา
“หวัดดีเอย...” อชิระที่รู้จักแฝดเขาเป็นอย่างดีโบกมือ นัยน์ตากลมโตมองเพื่อนสนิทของฝาแฝดตัวเองพร้อมด้วยเหล่ารุ่นพี่ที่พอจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีโดยเฉพาะคนตาดุทำเอาเขาขวัญหายทีทำเสียเรื่องเรื่องข้าวกล่อง
“อ่า...หวัดดีครับ” จันทร์เอ๋ยผงกหัวให้คนทั้งโต๊ะ ตะนกมือไหว้ก็ติดตรงที่ถือจานอาหารอยู่ พอเห็นว่าจันทร์เจ้ากำลังจดเมนูอยู่ เลยเดินไปส่งที่โต๊ะลูกค้าเองแทน ดูยังไงๆ ฝาแฝดสองคนนี้ก็เหมือนกันจริงๆ
“เอาเท่านี้ละ” เอ็ดมันด์ปิดฉากการสั่งอาหาร สั่งมาห้าหกอย่างปิดท้ายด้วยข้าวเปล่าสองโถ มาแค่สี่คนแต่สั่งเหมือนเลี้ยงทั้งซอยขนาดนี้ ช่วยไม่ได้...พวกเขามันชายฉกรรจ์วัยกำลังเจริญพันธุ์ 555
คนตัวเล็กจดลงกระดาษเสร็จก็ทำท่าจะผละออกไป แต่โดนมือใหญ่รั้งข้อมือไว้ “เหนื่อยไหม?”
หัวใจกระตุกเบาๆ สายตาของคนทั้งโต๊ะมองมาที่เขาเป็นตาเดียว แถมยังยิ้มล้อเลียนพวกนั้นอีก “ก...ก็ไม่เท่าไรครับ”
“ได้กินอะไรหรือยัง?”
“ยังครับ”
“งั้นขอหม่าม้ามากินข้าวสิ”
อ่อยยยยย...พี่นาฏยตอนนี้มีพลังทำลายร้างสูงมาก
“อ่า...ครับ...” เดินเหมือนคนมึนๆส่งใบที่จดให้จันทร์เอ๋ย แล้วก็เดินไปบอกหม่าม้าว่าขอไปนั่งกับเพื่อนและรุ่นพี่แปปนึง หม่าม้าก็
ไม่ได้ว่าอะไร
สุดท้ายคือมานั่งจุ้มปุ้กอยู่ตรงโต๊ะ มองจานอาหารที่กำลังลำเลียงมาเสิร์ฟและข้าวอีกสองโถ
“อืม...” มือใหญ่ตักเมนูแนะนำอย่างผัดกะเพราทะเลแล้วก็เลิกคิ้วเล็กน้อยเพราะว่ารสชาติเดียวกับที่เขากินบ่อยๆตอนได้ข้าวกล่อง รสมือไม่ได้ต่างกัน สงสัยว่ากระต่ายแคระคงเรียนรู้มาจากร้านอาหารบ้านตัวเองสินะนี่
แต่สุดท้ายเพราะคนที่เยอะขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากเป็นช่วงหัวค่ำ ทำให้ร่างเล็กนั่งอยู่นานไม่ได้เพราะต้องกลับไปช่วยงานในร้าน ลูกค้ากิตติมศักดิ์สี่คนเลยรีบกินเพื่อโต๊ะจะได้ว่างให้ลูกค้าคนอื่นได้มาใช้บริการบ้าง
ส่วนพวกเขาทั้งสี่ก็ผันตัวเองมาเป็นเด็กเสิร์ฟจำเป็น คราวนี้ล่ะ พอเหล่าอดีตเดือนคณะ เดือนมหาลัย หนุ่มลูกครึ่งรอยยิ้มขี้เล่น ชายหนุ่มผู้สุภาพยิ้ม มารวมตัวกันโดยนัดหมายมาก่อนแล้ว ร้านขอข้าวขอแกงเลยคนแน่นร้านจนต้องต่อคิว ไม่รู้ว่าลูกค้ามาจากไหน เห็นว่าบางคนมากินแล้วก็โทรเรียกเพื่อนมาอีกกลุ่มใหญ่ ส่วนใหญ่ลูกค้านี่เป็นทั้งคนแถวนี้ สาวๆวัยรุ่นๆที่เพื่อนโทรเรียกมา
หม่าม้านี่ยิ้มแก้มไม่หุบเพราะอุปโลกว่าชายหนุ่มทั้งสี่คนเป็นลูกหลานตัวเอง พอใครถามก็บอกว่าพี่นาฏย พี่เอ็ด พี่เตเป็นลูกชายคนใหม่ ยังมีอัชลูกชายหัวแก้วหัวแหวน แล้วสรุปคือเขากับจันทร์เอ๋ยนี่คืออะไร?...เด็กข้างบ้านใช่ไหม? บอกที...จนเหล่าแม่บ้านแถวซอยเดียวกันเริ่มอิจฉาตาร้อนกันใหญ่
คนเสิร์ฟดีกรีดีแต่ละคนก็บริการลูกค้าไปรัวๆ ลูกค้าก็ได้รับความฟินกันถ้วนหน้า แต่ที่แน่ๆตอนนี้คือหม่าม้ากับพี่จอยนี่ฟินกว่าใครเพื่อน ฮ่าๆ เพราะเดี๋ยวพอพี่จอยจะเอาไปเสิร์ฟก็มีพี่เตกับรอยยิ้มสุภาพบุรุษมาช่วยไปเสิร์ฟแทน พอหม่าม้าจะเก็บเงินก็มีพ่นาฏยตาคมดุวางเงินที่เก็บมาให้ถึงโต๊ะทอนเงิน
โอย...ไม่รู้จะเรียกว่าฟินไปถึงไหนกันดี
“เด็กๆมากินของว่างก่อนมาๆ” หม่าม้ากวักมือเรียกทุกคนไปนั่งรวมกันที่หลังครัว คุณนทีหรือป๊า พ่อครัวใหญ่ของร้านขอข้าวขอแกงยังใจดีทอดของกินเล่นมาให้อีกตะกร้าใหญ่ ทั้งปอเปี๊ยะกุ้ง ฟองเต้าหู้ทอดเอย เฟรนฟรายเอย ร่างสูงใหญ่ทั้งสี่ซัดเข้าไปจนเกือบหมดตะกร้า
ด้านหลังของร้านอาหารตามสั่งเป็นส่วนหย่อมเล็กๆแต่ก็ร่มรื่น ยิ่งตอนนี้มืดแล้ว ลมเย็นๆโกรกสบาย จนแต่ละคนทิ้งตัวนั่งลงตรงสนามหญ้าเลย
“ขอโทษจริงๆนะเด็กๆที่ต้องมาอยู่ช่วย” คุณนทีก็ไม่คิดว่าเพื่อนและรุ่นพี่ของลูกชายจะอุตส่าห์อยู่ช่วยงานจนดึก
“ไม่เป็นอะไรครับ” เอ็ดมันด์ยิ้ม
“อาหารวันนี้ป๊าเลี้ยงนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ไม่เป็นอะไรครับ...”
“เอาน่า ผู้ใหญ่ให้ต้องรับไว้สิ” ชายหนุ่มขอบคุณคุณนทียกใหญ่
“วันนี้ขอบคุณมากนะครับ” อชิระพูดขึ้นมาพร้อมยกมือไหว้ รุ่นพี่อีกสามก็เช่นกัน
“จ้า แล้วมาอีกนะ” หม่าม้ารับไหว้
“ไปละนะ” ไอ้อัชมาโบกมือให้เขา จันทร์เจ้ายกมือไหว้รุ่นพี่ทั้งสาม
“กลับดีๆนะครับ” วันนี้ยุ่งสุดๆ แถมไม่ค่อยได้คุยกับพี่นาฏยเลยด้วย
ทั้งกลุ่มเริ่มสลายตัวกลับ จันทร์เจ้าที่ยืนส่งอยู่หน้าร้าน ร่างสูงใหญ่พยักหน้าเป็นเชิงเรียกอีกฝ่ายเข้าไปหา น้องเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะยอมทำตาม
“ครับ?”
ร่างเล็กตัวแข็งทื่อเมื่อพี่นาฏยก้มตัวลงมาในระดับเดียวกัน
“อาหารอร่อยดีนะ”
“...” กลั้นลมหายใจ
“แต่ว่า…”
“...”
“ผมชอบที่คุณมากกว่า...”
...บอกได้คำเดียวว่า…
...ละลายกองไปกับพื้นเรียบร้อย...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อีพี่มันอ้อย คว่ำรถอ้อยใส่น้อง
อีหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมี //เชิญตบอีพี่หมีได้เลยค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกระต่ายแคระและพี่หมีมาตลอดค่า
ขอบคุณทุกการติดตามค่า
เลิฟ
รักน้องเจ้าบวกเป็ด ปลื้มพี่นาฏยคอมเม้นโลดค่า
ปล. อีกหนึ่งเรื่องของคนเขียน วณิพกพเนจร ไปตามได้
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55317.0
ปล.สอง. แวะเวียนไปคุยกันได้นะค่า
https://www.facebook.com/airin.arpo/?fref=ts
ปล.สาม. เรื่องรักตามสั่งเป็นเรื่องสบายๆคลายเครียด ฟีลกู๊ด น่ารักๆ การดำเนินเรื่องอาจจะเรื่อยๆเอื่อยๆไปบ้าง ขอต้องขออภัย
คนอ่านที่ชอบความตื่นเต้นหรือเรื่องที่ซับซ้อนนะค่า เรื่องนี้เราตั้งพลอตไว้แบบเป็น สไลด์ออฟไลฟ์ อยากให้ทุกคนได้สัมผัสถึง
ชีวิตตัวละครจริงๆ เวลาเขียนเราค่อนข้างใส่ความรู้สึกของมนุษย์จริงๆเข้าไป
คืออยากให้ลองนึกว่าพี่นาฏย น้องเจ้าและตัวละครทุกตัวเป็นคนจริงๆ ใช้ชีวิตอยู่เหมือนพวกเรานี่ละค่ะ เวลาเราเขียนเรานึกถึงว่าถ้าพี่นาฏยเป็นเพื่อนเรา น้องเจ้าเป็นน้องชายเรา เขาจะรู้สึกแบบไหนกันนะตอนนี้ เราเขียนให้ตัวละครเราค่อนข้างเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นเนื้อเรื่องเลยจะเป็นการดำรงชีวิตของคนคนหนึ่งนะค่า
ปล.สี่. อยากจะให้ทุกท่านติดตามชีวิตของพี่นาฏยกับน้องเจ้าไปด้วยกันกับเรานะค่า