บทที่ 12 (12.1)
“ท...ทำไมพี่นาฏยมาอยู่ที่นี่ได้” เขารู้สึกว่าเหมือนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ
หม่าม้าเดินหน้ายักษ์เข้ามาหา “เมื่อคืนไปทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนน่ะสิ”
จันทร์เจ้าทำหน้างง รีบส่ายหน้าพัลวัน “อะไรอ่ะ ม้า เจ้าไม่ได้ทำอะไรนี่” ก็เขาจำได้ว่าไปกินข้าวกับพวกเพื่อนแล้วก็รุ่นพี่ที่คณะเฉยๆนี่ ประเด็นคือพี่นาฏยครับ พี่มาจากไหนครับเนี่ย มาถึงบ้านเลยด้วย แงง ม้า...หนูทำหน้าไม่ถูก
“ง่า” คุณนทีที่นั่งอยู่หัวเราะเบาๆ ส่วนไอ้แฝดขำเสียงดังมาก หม่าม้าคนสวยยืนทำหน้ายักษ์อยู่หน้าเขา
“มานี่มา มาขอโทษพี่เขาเลยมา” เขาถูกลกแถดเข้าไปยืนอยู่ข้างๆร่างสูงใหญ่ที่นั่งเก้าอี้ตัวเสริมของโต๊ะกินข้าวเพราะทุกทีมีแค่สี่ตัว คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาคมดุมองหน้าเขาแต่รู้สึกเหมือนล้อเลียนทางสายตาอย่างไรก็ไม่รู้ รวมถึงรอยยิ้มมุมปากที่ทำเอาหน้าร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
...รอยยิ้มร้ายกาจที่สุด…
“อ่า...เจ้าทำทำอะไรหรอครับ” จันทร์เจ้าหันไปถามม้าตัวเอง
โดดเขกหัวมาหนึ่งที “เราน่ะ เมาเละเทะแล้วอ้วกใส่พี่เขาเต็มเลยนะสิ”
อ้อ ก็เรื่องแค่นี้อะม้า ทำเป็นตื่นเต้น แต่ว่า...อะไรนะ!!!!! อ้วกเหรอออออ แงง ไม่จริง บอกสิว่าไม่จริง เขาหันไปมองไอ้แฝดตัวเท่ากันๆ ทำหน้าแหยๆใส่ จันทร์เอ๋ยพยักหน้าเป็นการซ้ำเติมว่าสิ่งที่คุณนัยนาพูดมาเป็นความจริงทุกอย่าง
“ใช่ ตัวอ้วกใส่พี่เขาเต็มไปหมด”
หมดกัน! หมดกัน! หมดกัน! หมดกันยกกำลังล้านๆๆครั้ง
นี่เขาอ้วกใส่พี่นาฏย! ลำพังแค่แอบชอบทำได้แต่ส่งข้าวก็อาภัพพอละ นี่ยังเพิ่มความเกลียดให้อีกฝ่ายโดยการอาเจียนใส่นี่นะ!
พอกันที! ใครชวนไปเลี้ยงเหล้าอีกจะไม่ไปอีกแล้ว
ใบหน้าขาวเดี๋ยวก็ซีด เดี๋ยวก็แดง กลับมาหน้าเขียวเหมือนโมโหใครมา นาฏยลอบยิ้มกับตัวเอง
ดูเหมือนกระต่ายจะสติแตกไปเรียบร้อยแล้ว ทำไมดูแล้วมันตลกอย่างนี้
“คือ...คือ…” กระต่ายยังสติเตลิดต่อไป
“คืออะไรละ ขอโทษพี่เขาซะ แล้วก็กินข้าวเสร็จแล้วพาพี่เขาไปสถานีตำรวจด้วย”
“ทำไมต้องไปสถานี?” กระต่ายงง แค่อ้วกต้องไปหาตำรวจกันเลยหรอเนี่ย
“นายจันทร์เจ้าขา” คุณนายของร้านขอข้าวขอแกงยืนเท้าสะเอว “เมื่อคืนเพราะคุณนั่นแหละครับ รถพี่เขาถึงล็อคล้อ” เง้ออออ ไม่จริง เมาเละ อ้วกแตก รถโดนล็อคล้อ ถ้าตัวเขาเป็นพี่นาฏยนี่กูต้องสงสารตัวเองมากแค่ไหนกันนะ ฮือๆ
“ขอ...ขอโทษจริงๆครับ” หัวทุยๆก้มปลกๆหลายครั้งติดๆ
“หึๆ ไม่เป็นไรๆ” พี่นาฏยแอบขำเบาๆ โบกมือไปมา
“เดี๋ยวม้าให้น้องพาไปสถานีนะจ๊ะ” คุณนายรีบกุลีกุจอรินน้ำผลไม้สดเพิ่มให้กับร่างสูงหน้าคมดุ “เจ้าขาไปตักข้าวมากินเร็วๆ”
นาฏยสะดุดเล็กน้อยกับชื่อเรียก “เจ้าขา?”
“ม้า!” เจ้าของชื่อร้องเสียงหลง หม่าม้าจะมาเรียกชื่อเล่นเต็มๆทำไม!
“อ้าว เจ้าขาจะร้องทำไม” หันไปเอ็ดลูกชายก่อนจะหันมาตอบรุ่นพี่ยิ้มๆ ชี้มาทางร่างเล็กที่ยืนนิ่ง “นี่ละชื่อเจ้าขา แต่ม้าชอบเรียกจันทร์เจ้าขา”
นี่มันไม่ใช่เวลามาภูมิใจกับชื่อลูกชายแล้ว จบกัน! เขาไม่เห็นอยากจะให้ม้าเรียกแบบนี้สักหน่อย ม้านะม้า เจ้าขาอยากโกรธแรง
“จันทร์เจ้าขา?” เสียงทุ้มกลั้วเสียงขำในลำคอ ใบหน้าคมดุแฝงไปด้วยความแปลกใจระคนขบขัน
ชื่อจันทร์เจ้าก็เพราะดีอยู่ แต่พอมันกลายเป็นจันทร์เจ้าขาแล้วทำให้เขารู้สึกเหมือนอีกฝ่ายเป็นเด็กตัวเล็กๆมากกว่า
“พี่นาฏย!” เสียงแหวดังใส่คนที่นั่งไหล่สั่นเบาๆ จันทร์เจ้าลืมตัวใส่น้ำแง่งอนที่ชอบใช้กับที่บ้านอย่างเอาแต่ใจ
โดนหม่าม้าตีแขนเพี้ยะ “ไปเรียกพี่เขาเสียงดังได้ไง”
“ก็…” ฮึ้ย! สู้ไม่ได้ หมดกัน! พี่นาฏยรู้ความลับเรื่องชื่อของเขาหมดละ
สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้เพราะคุณนัยนายืนมองตาเขียวปั๊ด สั่งให้นั่งกินข้าวต้มเร็วๆแล้วพาพี่นาฏยไปสถานีตำรวจ นั่งเข่นเขี้ยวตากลมโตถลึงตามองร่างสูงฝั่งตรงข้ามที่เอาแต่มองเขาตาระยับ ทั้งที่หน้าก็นิ่งเป็นหุ่นแต่ทำไมดวงตาคมคู่นั้นถึงได้แพรวพราวขนาดนี้
แต่ดูเถอะ!
ความหงุดหงิดที่โดนสายตาล้อเลียนทำเอา...จันทร์เจ้าขาคนนี้ลืมเขินพี่นาฏยกันเลยทีเดียว
“ข้าวต้มบ้านคุณอร่อยนะ” อยู่ๆคนที่เดินตามออกมาจากโต๊ะอาหารก็พูดขึ้น
จันทร์เจ้าตัวแข็งค้าง เขาลืมไปสนิทเลยว่าเขาทำอาหารกล่องไปให้พี่นาฏย แถมรสชาติมันคงคล้ายๆกับที่เขาทำเพราพว่าเขาก็ดู ลองทำมาจากการสอนของป๊าม้าเจ้าของร้านขอข้าวขอแกงนี่ละ
อย่าบอกนะว่าพี่นาฏยจะพอจำรสชาติได้?! ไม่จริงน่า
“อ่อ ครับ…” คนมีชนักติดหลังเลือกที่จะเงียบเอาไว้ ไม่ต่อความยาวสาวความยืดอะไรอีก แม้ในใจจะเต้นตึกกลัวอีกฝ่ายจะจับได้เหลือเกิน
ถ้าความแตกตรงนี้ เขาจะโดนมองด้วยสายตาแปลกไหม? จะโดนพี่นาฏยรังเกียจไหม? โอยไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ
ร่างเล็กรีบก้าวยาวๆมาที่ประตูเพื่อเป็นการปิดสนทนา ในใจแอบโล่งอกเล็กๆเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีก
“เชิญครับ” เสียงเล็กๆบอก เจ้าตัวเปิดประตูบ้านให้
จันทร์เจ้าที่แต่งตัวในชุดนักศึกษาเรียบร้อยกับร่างสูงของนาฏยที่ก็อยู่ในชุดนักศึกษาเช่นกัน เสื้อที่โดนคราบอาเจียนเมื่อคืนถูกคุณนัยนาซักแห้งและรีดให้จนเรียบกริบ ไม่เหลือคราบจากเมื่อวานเลยสักนิด
“นำไปสิ” คนพูดน้อยแต่ต่อยหนัก ไม่ใช่ต่อยหนักธรรมดานะ ชอบฮุกหมัดเข้าใต้เข็มขัดตลอดเลย ผายมือให้อีกฝ่ายเดินนำไปก่อน
ร่างเล็กเผลอถลึงตามองก่อนจะปิดประตูบ้าน เดินนำลิ่วไปที่จักรยานแม่บ้านคันหนึ่งที่จอดพิงกำแพงรั้วเอาไว้ เป็นจักรยานที่มีเบาะซ้อนท้าย ด้านหน้าเป็นตะกร้าใส่ของ แต่ดูแล้วยังไงก็ดูเป็นจักรยานที่นาฏยกำลังคิดหนักว่าถ้านั่งลงไปแล้วยางจะไม่แบน ยิ่งซ้อนท้ายแล้วคนขับตัวเล็กหน้างอนั่นจะไม่เสียหลักพากันร่วงลงไปกองข้างทางทั้งคู่
คราวนี้ละโรงพักไม่ได้ไป ไปเซย์ไฮโรงพยาบาลแทนละมั้ง
“ผมว่าคุณซ้อนแล้วผมขับดีกว่า”
จันทร์เจ้ามองคนพูดเล็กน้อย “พี่นาฏยขี่ได้หรือครับ”
นาฏยจับถึงความประชดในประโยคนั่นไม่ได้เลย มันมีแต่ความงงงวย
เขาก็คนนะ เคยเป็นเด็กผ่านพ้นช่วงเวลาหัดขี่จักรยานมาแล้ว ทำไมกระต่ายแคระตัวนี้ถึงคิดว่าเขาขี่ไม่ได้กัน
“คุณจันทร์เจ้าขา” พอโดนเรียกแบบนี้ เจ้าของหันมามองตาเขียว “ผมขี่เป็น” นาฏยรู้สึกตัวเองไม่ได้อารมณ์แบบนี้มาสักพักละ บางทีแหย่เจ้ากระต่ายแคระก็เพลินดี “ลงมาคุณ ผมไม่มั่นใจว่าซ้อนท้ายคุณแล้วคุณจะพาผมไปสวัสดีพื้นข้างทางเมื่อไร”
ใครกัน! ใครมันกล้าเอาพี่นาฏยคนขรึมไป เหลือแต่คนชอบล้อลเลียนหน้าตายคนนี้ ไปเอาคนเดิมกลับมาคืนจะนทร์เจ้าด้วยก่อนที่เขาจะระเบิดตัวเองตายเพราะโดนล้อตลอดเวลา
ร่างเล็กหน้ายิ่งบูดแต่ก็ยอมวาดขาลงมาจากพาหนะ ร่างสูงใหญ่ก็แทรกตัวเข้าไปแทนที่ ยืนคร่อมจักรยานรออีกฝ่ายกำลังปีนคร่อมเบาะซ้อนด้านหลังอย่างเก้ๆกังๆ พอเห็นว่าคนข้างหลังนั่งเข้าที่เข้าทางแล้วก็ออกรถ
จันทร์เจ้าเกาะเบาะท้ายแน่นเพราะกลัวตก เขาไม่ได้นั่งซ้อนท้ายใครมาตั้งแต่ขี่จักรยานเป็นตอนประถม
“ไปทางไหนคุณ?” คนขี่ถามขณะขี่โต้ลมเบาๆเบ็นสบาย
“เลี้ยวซ้ายข้างหน้าเลยครับ” โชคดีว่าซอยบ้านเขากับสถานีตำรวจไม่ได้ไกลกันมาก ห่างถัดไปไม่มาก
ใช้เวลาไม่นานมากสองหนุ่มก็พาพาหนะไร้มลพิษมาถึงหน้าสถานีตำรวจพอดี หาที่จอดหลบแดดตอนเช้า ล้อคล้อเรียบร้อยก็เดินขึ้นสถานีตำรวจไป
หลังจากคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อย จ่ายค่าปรับเสร็จสรรพ นาฏยก็ถูกพาไปทางด้านหลังที่มีรถยกและรถยนต์คันหรูของเขาจอดอยู่
“ผมขอโทษอีกครั้งครับที่ทำให้เดือดร้อน” จันทร์เจ้ารู้สึกแย่จริงๆที่ทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อนขนาดนี้
นาฏยมองคนรู้สึกผิดด้วยสายตานิ่งก่อนจะเคาะหน้าผากได้รูปเบาๆ “จ๋อยเชียว” แล้วก็หัวเราะเบาๆ
จันทร์เจ้าเงยหน้ามองร่างสูงที่มีรอยยิ้มติดอยู่ ใจดวงเล็กๆกำลังเต้นตึกตัก เขาคิดว่าเขากำลังจะแย่เอาถ้ายังเจอพี่นาฏยยิ้มอย่างนี้ต่อไป
“ง...งั้นผมไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ” ลาพี่เขาเสียงอึกอักก่อนจะรีบวิ่งแจ้นไปที่จักรยานที่จอดอยู่
นาฏยส่ายหน้า กระต่ายวิ่งหนีไปเสียแล้ว ร่างสูงยิ้มก่อนจะปลดล็อครถแล้วสอดตัวเข้าไป รถยนต์คันหรูค่อยๆขับตามตูดรถจักรยานแม่บ้านของเจ้าหระต่ายที่กำลังบังคับพาหนะไปตามทาง
จันทร์เจ้าถึงกับต้องหยุดรถแล้วหันมา “พี่นาฏยตามมาทำไมครับ?”
นาฏยไม่ยอมเปิดกระจกรถ ทำเพียงแค่ชี้นิ้วให้อีกฝ่ายขับจักรยานไปข้างหน้าต่อไป จันทร์เจ้าไม่ยอมขยับรถ พี่นาฏยก็แกล้งทำเป็นเฉยไม่ยอมขยับรถไปไหนเช่นกัน
และแล้ว...จักรยานแม่บ้านคันหนึ่งที่คนขี่หน้าบูดเคลื่อนที่ไปตามทางอย่างระมัดระวังโดยมีรถยนต์คันหรูขับตามช้าๆโดยไม่แซงหน้าแต่อย่างใด
“เฮ้ย! เจ้าเอยเมื่อคืนเขานอนกับพี่นาฏยหรอ?” มีคนเพิ่งนึกขึ้นได้ร้องถามอย่างตกใจขณะที่กำลังจอดจักรยานพิงกำแพง หลังจากที่รถยนต์คันหรูและเจ้าของขับออกไปแล้ว
“บ้าหรอไง ตัวนอนกับเขา ส่วนพี่นาฏยน่ะนอนห้องเราคนเดียว”
คนฟังตบอกตัวเองปุๆอย่างโล่งใจและยิ่งโล่งใจเมื่อรู้ว่าพี่นาฏยไม่ได้เข้าไปให้ห้องตัวเอง
ขืนเข้าไป ความลับเขาแตก ใครจะรับผิดชอบ!
TBC.
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กลับมาแล้วค่าาาาาา มาพร้อมกับพี่นาฏยและน้องเจ้าขาด้วย 
แล้วก็หลังเดาะหายแล้วด้วย ฮ่าๆๆ นั่งปวดหลังอยู่หลายวัน 
พี่นาฏยนางจะเพิ่มสกิลการอ้อยขนาดไหน น้องเจ้าขาจะเขินแรงแค่ไหน ตามไปส่องได้เลยค่า
รักน้องเจ้าบวกเป็ด ปลื้มพี่นาฏยคอมเม้นโลดค่า
ปล. วณิพกพเนจรก็มานะค่า ไปตามได้
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55317.0
ปล.สอง. แวะเวียนไปคุยกันได้นะค่า
https://www.facebook.com/airin.arpo/?fref=ts
ปล.สาม. เรื่องรักตามสั่งเป็นเรื่องสบายๆคลายเครียด ฟีลกู๊ด น่ารักๆ การดำเนินเรื่องอาจจะเรื่อยๆเอื่อยๆไปบ้าง ขอต้องขออภัย
คนอ่านที่ชอบความตื่นเต้นหรือเรื่องที่ซับซ้อนนะค่า เรื่องนี้เราตั้งพลอตไว้แบบเป็น สไลด์ออฟไลฟ์ อยากให้ทุกคนได้สัมผัสถึง
ชีวิตตัวละครจริงๆ เวลาเขียนเราค่อนข้างใส่ความรู้สึกของมนุษย์จริงๆเข้าไป
คืออยากให้ลองนึกว่าพี่นาฏย น้องเจ้าและตัวละครทุกตัวเป็นคนจริงๆ ใช้ชีวิตอยู่เหมือนพวกเรานี่ละค่ะ เวลาเราเขียนเรานึกถึงว่าถ้าพี่นาฏยเป็นเพื่อนเรา น้องเจ้าเป็นน้องชายเรา เขาจะรู้สึกแบบไหนกันนะตอนนี้ เราเขียนให้ตัวละครเราค่อนข้างเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นเนื้อเรื่องเลยจะเป็นการดำรงชีวิตของคนคนหนึ่งนะค่า
ปล.สี่. อยากจะให้ทุกท่านติดตามชีวิตของพี่นาฏยกับน้องเจ้าไปด้วยกันกับเรานะค่า