บทที่ 10 (10.1)
“พี่นาฏย มีโชว์แมวน้ำด้วย” จันทร์เจ้าเห็นป้ายบอก “ไปดูได้ไหมครับ?” เงยหน้าขึ้นมาถามร่างสูงที่กำลังมองป้ายเช่นกัน
“อืม ไปสิ” นาฏยพยักหน้า ก่อนจะเดินไปซื้อบัตรเข้าชมการแสดง ผู้ใหญ่ยี่สิบบาท ถือว่าไม่แพงเลย
เดินเข้ามาในโซนการแสดง แอบเขินเหมือนกันเพราะมีแต่ครอบครัวพาเด็กๆมาดูเสียส่วนใหญ่ ลำพังจันทร์เจ้ายังไม่เท่าไร แต่ว่าพี่นาฏยนี่สิ ตัวสูงใหญ่เด่นขนาดนั้นแถมหน้าตาที่การันตีด้วยอันดับสามจากการประกวดเดือนมหาลัยก็เห็นทีจะเรียกสายตาจากคนอื่นได้ไม่ยากเลย
ป้ายตรงโซนการแสดงเขียนว่า...สำรวจโลกแมวน้ำ… จันทร์เจ้าหัวเราะคิก น่ารักดีนะ บนเวทีการแสดงมีห่วงเอาไว้แสดงแขวนอยู่หลายห่วงรวมถึงแท่นรูปทรงต่างๆที่คงเอาไว้ให้แมวน้ำขึ้นไปยืนละมั้ง เดินหาที่นั่งที่เป็นที่พอใจเรียบร้อย นั่งแกว่งขาเล่นรอเวลาการแสดงเท่านั้น
ด้านหน้าเวทีเป็นบ่อน้ำที่เอาไว้ให้แมวน้ำว่าย ตากลมๆจ้องลงไปอย่างสนอกสนใจราวกับเห็นแมวน้ำว่ายอยู่ในนั้น
“แมวน้ำยังไม่ออกมาหรอก จ้องไปก็ไม่เจอ” เสียงทุ้มเอ่ยกลั้วหัวเราะ เหมือนพาเด็กน้อยมาเที่ยวเลย อยากรู้อยากเห็นไปหมด
จันทร์เจ้ายิ้มเก้อ ก็รู้อยู่หรอกว่าตัวเอกของการโชว์ยังไม่ออกมาแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะมองลงไป เผื่ออาจจะเจอว่ายเล่นสักสองสามตัวก็ได้ โธ่ พี่นาฏยนะพี่นาฏย ขัดตลอดดดด
“พี่นาฏยครับ ถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ?” คนตัวเล็กสูดลมหายใจ แล้วถามออกไป เอาจริงมันตื่นเต้นพอตัวเลยละ ที่ถามไม่ใช่อะไรหรอก พอนึกแมวน้ำเลยนึกถึงสัตว์ทะเลขึ้นมา
นัยน์ตาคมมองคนถามนิดหน่อยแล้วพยักหน้า “ว่า...”
“ทำไมถึงเลือกเรียนประมงละครับ?” คณะที่ไม่ค่อยได้ยินเท่าไร บางคนอาจจะไม่รู้เลยก็ได้มั้งว่ามีคณะนี้เปิดสอนอยู่ ค่านิยมส่วนใหญ่ของคนไทยก็ไม่พ้นหมอ วิศวะ จะมีสักกี่คนที่เลือกเรียนคณะแบบนี้ บางคนฟังแล้วอาจจะเกิดคำถามว่าเรียนแล้วเอาไปทำอะไรได้ แต่ก็นะ...ต่างคนก็ต่างจุดหมาย คนที่เลือกเรียนเขาคงมีเป้าหมายอยู่แล้วละ ไม่งั้นคงไม่เลือกมาเรียน
...เลือกเรียนตามสิ่งที่ตัวเองชอบหรือเลือกเรียนตามสิ่งที่คนอื่นเขาชอบ…
“อืม...ก็คงเป็นเพราะที่บ้านทำธุรกิจประมงละมั้ง” อย่างที่รู้กันว่าบ้านของเขาเป็นเจ้าของธุรกิจประมงนำเค็มและนำเข้าส่งออกสินค้าทางทะเลอยู่แล้ว ทำให้ตอนเลือกคณะ คณะประมงก็เลยเป็นตัวเลือกของเขาละมั้ง
“อ่า...นั่นสินะ”
“ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก”
“แล้วเรียนสนุกไหมครับ?”
“อือ ก็ดีนะ” นาฏยยิ้มเล็กๆ “แล้วคุณละ ทำไมเลือกเรียนบริหาร?” ถามมาถามกลับ
“ก็คง...ไม่รู้สิครับ ฮ่าๆ เผื่อจะกลับไปช่วยที่บ้านละมั้งครับ...” ร้านอาหารตามสั่งก็ถือเป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ทำอาหารขายๆอย่างเดียว ยังต้องรู้จักบริหารร้านให้อยู่รอดด้วย เลยเลือกเรียนคณะนี้ละมั้ง
“บ้านคุณทำอะไรล่ะ?” นาฏยถาม
จันทร์เจ้าสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ชิบหาย...จะบอกได้ไงว่าทำร้านอาหารตามสั่ง เกิดเรื่องที่ส่งข้าวกล่องให้พี่เขาแตกขึ้นมา มีหวังจบสิ้นแน่นอน
“เอ่อ...ก็ขายของทั่วไปแหละครับ” ตอบเลี่ยงๆไปก่อน ขายของกับขายข้าวก็เหมือนๆกันละมั้ง “อ้ะ เริ่มแล้ว” จันทร์เจ้าตัดบทเมื่อเห็นว่าการแสดงกำลังจะเริ่มขึ้นทำให้ทั้งสองคนหันไปสนใจโชว์ตรงหน้าแทน
...เกือบปล่อยไก่แล้วไหมละ ไอ้เจ้าขา…
“ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์พาไปหาหมอแล้วก็เขาดิน” จันทร์เจ้าพูดกับคนขับรถยนต์จอด
“อืม ไม่เป็นไร” เจ้าของรถเคาะพวงมาลัยเบาๆ
“ขับรถดีๆนะครับ” เขาพยักหน้าอีกครั้งก่อนจะเปิดประตู รถยนต์คันสวยแล่นออกไป จันทร์เจ้าเลยเดินเข้าซอยบ้านไป
TheMoon_Chanchao added a new photo‘เจอแฝดที่พลัดพราก’แคปชั่นพร้อมรูปภาพที่จันทร์เจ้าถ่ายคู่กับกรงหมีโคล่า เขาลงรูปที่ถ่ายมาจากเขาดินในหน้าเฟสบุ้คตัวเอง
Chanoei_Chaooei หน้าเหมือนเราตรงไหนแฝดเขามาคอมเม้นคนแรก ฮ่าๆ คนในเฟสบุ้คก็ไม่ค่อยมีใครรู้หรอกว่านี่แฝดเขาเพราะว่าเจ้าเอยมันใช้รูปโปรไฟล์เป็นรูปวิวธรรมดา ส่วนหน้าไทม์ไลน์ก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากแชร์นู้นนี่บ้าบอของมัน รูปมีแต่วิว ของกิน เรื่ยเปื่อย จิปาถะสุด ฮ่าๆ อีกอย่างคนส่วนใหญ่ถ้าไม่รู้จักกันก็ไม่ได้สนใจคอมเม้นคนอื่นเท่าไรหรอก
TheMoon_Chanchao อ้าวหรอ เราว่าเหมือนนะเขาตอกกลับไปบนเฟสบุ้ค วันนี้เจ้าเอยไม่ได้กลับบ้านเพราะเหมือนจะมีงานเลยนอนหอ หลังจากลงไปได้สักพัก ก็มีคนไลค์มาบ้างประปราย คอมเม้นไม่เยอะ ส่วนใหญ่มาจากเพื่อนๆกันนี่แหละ เขาไม่ซีเรียสกับพวกยอดไลค์หรือคอมเม้น ที่ลงรูปเพราะอยากลงเล่น สนุกๆเท่านั้น
มีคอมเม้นของไอ้อัชประมานว่าไปไม่ชวน ฮ่าๆ ไปถามคนชวนนู้นไป ไม่ใช่เขาสักหน่อยที่ชวนไป เขาผละออกจากมือถือไปอาบน้ำบ้าง เหนียวตัวมาทั้งวัน อายเสร็จก็มานั่งไถๆมือถือต่อ กะว่าจะไถอีกพักหนึ่งแล้วจะไปนอนแล้ว
มือขวาที่ไม่ได้ซับพอร์ทแล้ว อาการก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ทำอะไรก็สะดวกขึ้น แต่ว่าจู่ๆมือก็ชะงัก ตากลมๆเบิกกว้าง
ไม่จริงน่า…
Nathya C. sent you a friend requestพี่นาฏยมาแอดขอเป็นเพื่อนในเฟสบุ้ค เขาไม่เคยเป็นเพื่อนบนเฟสกับอีกฝ่าย ทุกทีถ้าแอบส่องก็จะไปขอส่งในเครื่องของเปเปแทน แต่ตอนนี้พี่นาฏยมาขอเป็นเพื่อน จันทร์เจ้ายิ้มกว้างจนตาหยีก่อนจะรีบกดรับคำขอ
หลังจากนั้นก็ต้องตกใจอีกรอบเมื่อเจอแบบนี้
Nathya C. ก็หน้าเหมือนอยู่พี่นาฏยคนนั้นที่ไม่ค่อยอัพเดทชีวิตหรือเล่นเฟสบุ้คเท่าไรมาคอมเม้นใต้รูปที่เขาลง พระเจ้ากล้วยแขกจะทอดจะปิ้งก็ตามแต่ พี่นาฏยคนนั้นที่ไม่เคยอัพเดทชีวิตอะไรเลย
จันทร์เจ้าอมยิ้มกับมือถือ อมยิ้มกับคอมเม้นพี่นาฏย อมยิ้มกับโคมไฟข้างเตียง อมยิ้มกับผ้าห่ม อมยิ้มนอนหลับฝันดี
“ไม่ไปได้ไหม?” ร่างสมส่วนหน้าเบ้ บอกเพื่อนสนิทเสียงอ่อย
“แต่พวกปีสองเขาชวนไปเลี้ยงกันนะเว้ย”
เรื่องของเรื่องคืออชิระมาชวนไปกินร้านแถวมหาลัยตอนค่ำๆหลังเลิก พวกพี่ปีสองชวนเพื่อนๆน้องๆในคณะที่รู้จักกันไปด้วย ไอ้อัชมันโดนชวนมาเลยมาชวนเขาไปด้วย แต่เขาทำหน้าแหยนึกถึงตอนเลี้ยงรับน้องเมื่อหลายเดือนก่อน ทวดปู่ทวดย่าลุงปัาน้าอารุ่นพี่สายรหัสเอยสายโคเอยเมาเละเทะเลยครับ
ไอ้อัชก็เมาเยี่ยงหมา5555 อย่าไปบอกมันนะ มันเลื้อยลงนอนกองกับพื้นด้วย สกปรกมาก สุดท้ายก็เป็นเขานี่ละที่ลากมันกลับบ้านมันจนได้ กลับไปแม่อัชมาเปิดประตู มันโดนดึงหูยานเลย โดนด่ายับทั้งๆที่ยังเมาหลับนั่นละครับ ส่วนเขาก็ต้องนอนบ้านเพื่อนสนิทเพราะดึกมากแล้ว
ที่เลวร้ายกว่านั้นคือมันดันอ้วกออกมาบนโซฟาที่บ้านมันเอง ไม่มีใครแบกมันขึ้นไปนอนบนห้อง เดือดร้อนพี่คนงานที่บ้านต้องทำความสะอาดตอนตีสามกลายๆ คราวนี้แม่องค์ลงเลยครับ สรุปตอนเช้ามานอกจากแฮงค์แล้วมันต้องฟังแม่บ่นไปอีกนาน
“มึงจำได้ไหมตอนมึงเมาตอนเลี้ยงรับน้อง” เขาเตือนสติ
“มึงจะพูดทำไมวะ แม่กูยังด่ากูจนถึงทุกวันนี้” แน่นอนสิ ไปอ้วกใส่โซฟาของเขานี่ แม่ไม่ด่าสิแปลก
“เออ กูไม่ไป ขึ้เกียจเก็บศพมึงอีก” เขาเขี่ยข้าวในจานไปมา เริ่มอิ่มแล้ว แต่รู้สึกวันนี้ข้าวราดแกงสามสิบบาทไม่อร่อยเหมือนเดิมแหะ 555
“แล้ววันนี้มึงไม่ได้ทำอะไรมาให้พี่นาฏยหรอวะ ครบอาทิตย์ละนี่” วันนี้ยังไม่เห็นมันหอบหิ้วถุงผ้าสุดที่รักและโพสอิสของมันเลยสักนิด ทำตัวเป็นสาวน้อยตาหวานคิขุจริงเพื่อนเขา ส่งข้าวกล่องเนี่ยนะ ตอนมันเริ่มทำใหม่ๆเขายังคิดอยู่เลยว่ามันจะไปรอดเหรอ
“หยุดอีกสักวัน พรุ่งนี้ค่อยเริ่ม เดี๋ยวพี่นาฏยสงสัย กูเพิ่งไปหาหมอกับเขามา” ถึงข้อมือเขาจะหายแล้วแต่ว่าก็ยังไม่ได้เริ่มทำข้าวกล่องเพราะว่ากลัวพี่นาฏยจะจับสังเกตุได้
“เออๆๆ” ปล่อยทำตัวสาวน้อยต่อไป “สรุปมึงไปนะ”
“ห้ะ?!”
“ไปเป็นเพื่อนกูนี่ละ จบ” ร่างสูงใหญ่ยักไหล่ก่อนตักข้าวเข้าปากต่อ
ไอ้อัชเลวววว เขาไม่ได้ตอบรับสักหน่อย แม่งมั่วนิ่มตลอด
“ทางนี้ๆไอ้เจ้า ไอ้อัช” เสียงเรียกจากเพื่อนๆด้วย กวักมือเรียกให้เขาสองคนไปนั่งด้วย
“ไอ้แพน ไอ้เอก” อชิระเดินเข้าไปก่อน
แพนกับเอกเป็นเพื่อนในสาขาเดียวกัน ถือว่าสนิทรองๆจากไอ้อัชเลยทีเดียว แต่เพราะพวกมันสองคนอยู่หอ เขากับอชิระไปกลับบ้านเลยไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวไหนกัน เพราะพอเลิกเรียนเขาก็ต้องรีบกลับบ้าน
“แหมไอ้พวกลูกแหง่ พวกมึงแม่งชอบหนีกลับบ้านก่อนตลอด” เรื่องไปเลี้ยงเหล้าเลี่ยงได้เขาก็เลี่ยงเพราะว่าไปทีไรมันเลยเถิดดึกทุกที พอดึกเขากลับบ้านลำบาก ไม่เหมือนพวกที่นอนหอกลับบาย
“แล้วเมื่อไรพวกพี่เจจะมากันวะ” อชิระถามถึงกลุ่มพี่ปีสองที่นัดกินเหล้าเป็นชีวิตจิตใจ เห็นกินกันแล้วบางทีเขาก็อยากถามว่าทำประกันสุขภาพก่อนตายกันยัง ตับน่าจะไม่อ่อนอีกแล้ว
“นู่นไงมาแล้ว” เอกพยักเพยิดไป
กลุ่มคนประมานเจ็ดแปดคนกำลังเดินมาทางพวกเขา ประกอบด้วยผู้ชายสามคนนอกนั้นผู้หญิงทั้งนั้น บอกเลยว่าผู้หญิงที่นี่สายแข็งทั้งนั้น ผู้ชายอย่ามาแหยม ตายเรียบครับ
“โทษๆๆ อาจารย์เพิ่งปล่อย” พี่เจที่บอกคือพี่ปีสองหน้าตาตี๋ๆเพราะเป็นลูกเถ้าแก่ร้านขายทองแถวเยาวราช ยิ้มร่าโชว์รีเทนเนอร์ทั้งบนทั้งล่าง
“รอแพรแปปนึงได้ไหมครับพี่ เจ๊มันกลับไปเอาของ”
จันทร์เจ้าเพิ่งรู้ว่าเจ๊แพรขาใหญ่แต่ทรงขาเยี่ยงตะเกียบของคณะจะไปด้วย แต่ก็นะเจ๊แพรไม่เคยพลาดของแบบนี้ ยิ่งคนไปเยอะๆแบบนี้ของชอบเจ๊แกเลย ไม่ใช่เพราะคนไปเยอะมันสนุกนะ แต่เพราะคนหารยิ่งเยอะค่าเหล้ายิ่งถูก
สักพักเจ๊แพรวิ่งแจ้นมาเลย ตลอดทางที่เดินต้อกแต้กมาตามทาง เจ๊แกก็เจ้ากี้เจ้าการถามเขาถึงเรื่องเขากับพี่นาฏยตลอด ตั้งแต่วันไปโปรโมทค่ายอาสา เจ๊แกก็คอยมากระแซะตลอดเวลา บอกว่าไม่มีอะไรก็สวนกลับมาว่าต้องมีอะไร
เอ้า...ก็ไม่มีอะไร จะให้มีอะไรละเนี่ย
...จันทร์เจ้าละปวดใจ…
...ก็มันไม่มีอะไรจริงๆนี่…
TBC.
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่าาาาาา คนเขียนกลับมาจากนาโกย่าแล้วค่า ส่วนพี่นาฏยนางก็ตัดอ้อยเสร็จแล้ว นางออกจากไร่มาแล้วน้าาา อิอิ 
ไม่มีอะไรจะแก้ตัวนอกจากกราบขออภัยที่หายไปสองวันปล่อยให้คนอ่านรอพี่นาฏย 
อ่านให้สนุกน้าค่า ขอบคุณทุกการติดตาม
รักพี่นาฏยบวกเป็ด เอ็นดูน้องเจ้าคอมเม้นโลดค่าาาา
ปล. วณิพกพเนจรก็มานะค่า ไปตามได้
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55317.0
ปล.สอง. แวะเวียนไปคุยกันได้นะค่า
https://www.facebook.com/airin.arpo/?fref=ts