Love Diary รักที่แอบมอง ตอนพิเศษ2 17/2/2560
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนพิเศษ2 17/2/2560  (อ่าน 55403 ครั้ง)

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่9 2/8/2559
«ตอบ #30 เมื่อ03-08-2016 08:58:02 »

เต้มาจีบป่าใช่ไหมมมมมมม ตอนแรกนึกว่าเป็นสาวแฟนคลับแมคมาแกล้งแล้วเนี่ย

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
ผมปั่นจักรยานพร้อมกับหอบถุงขนมที่คุณแม่ชื้อมาเยอะแยะมากมายที่ผมเอาไปแจกเพื่อนบ้านหลายคนก็ยังเยอะอยู่ดี ผมเลยคิดที่จะเอาไปฝากแม็ค กล้า แล้วก็เต้ดีกว่า ผมแยกขนมหวานต่างหากไปให้พี่ป่าน เพราะขานั้นชอบขนมหวานมาก จนคิดว่าพี่ป่านแกจะเป็นเบาหวานเข้าซักวันแต่กินหวานขนาดนี้กับไม่อ้วนเลยซักนิด ผมจอดจักรยานไว้ที่ประจำก่อนทีจะเดินไปที่ห้องพยาบาล

            ก๊อกๆ  ผมเคาะประตูห้อง

            “อ่ะ เข้ามาเลย” เสียงพี่ป่านดังขึ้นพร้อมเสียงโครมครามในห้อง สงสัยจะรีบจนสะดุดอะไรอีกละมั้งเนี้ย ผมเปิดประตูเข้าไปก็เห็นพี่ป่านนั่งกุมเท้าอยู่บนพื้น

            “ผมเอาขนมมาให้พี่ป่าน พอดีแม่ชื้อขนมมาเยอะมากนะผมเลยแบ่งเอาขนมหวานที่พี่ป่านชอบมาให้” ผมเดินเอาถุงขนมถุงโตไปวางไว้ที่โต๊ะแล้วเดินไปพยุงพี่ป่านให้ลุกขึ้นยืน

            “พี่เดินไปเตะโต๊ะอีกแล้วใช่ไหมครับพี่ป่าน”

            “อือ พี่เตะมันอีกแล้วไม่ต้องมีเลยก็ได้นะไอ้โต๊ะเนี้ย” พี่ป่านนั่งบนเตียงแล้วก็บ่น ผมได้ยินคำบ่นนี้มาหลายรอบแล้วละครับ

            “ครับๆ พี่ป่านก็ระวังหน่อยสิครับ”

            “หนวกหูจริง” เสียงบ่นหงุดหงิดดังขึ้นจากเตียงถัดไปที่ปิดม่านไว้

            “มีนักเรียนไม่สบายเหรอครับ” ผมถามพี่ป่าน เพราะผมมาโรงเรียนแต่เช้าจะมีใครป่วยแต่เช้าได้กันละ

            “อ่า เอ่อ เพื่อนพี่เอง” พี่ป่านลังเลที่จะตอบ ผมเลยคิดว่าไม่ซักไซ้ดีกว่า

            “งั้นผมขึ้นห้องก่อนดีกว่า ไม่รบกวนดีกว่าครับ” ผมเดินขึ้นห้อง ลบกระดานดำให่สะอาดเรียบร้อย ก่อนที่จะเอาดอกไม้ที่เตรียมไว้มาปักแจกัน แล้วเดินมานั่งที่โต๊ะของตัวเองผมมักจะมาโรงเรียนแต่เช้า มันเหมือนเป็นนิสัยที่ผมทำเป็นประจำไปเสียแล้ว อากาศตอนเช้านี่มันสดชื่นจริงๆ แล้วก็เริ่มมีเพื่อนร่วมห้องทยอยเข้าห้องมา แต่ก็เหมือนเดิมผมนั่งโดยไม่มีใครมาทัก

            “โย่วหวัดดีป่า” กล้าเดินเข้ามาทักผมทันทีที่เดินเข้าห้องมา

            “สวัสดีครับกล้า” ผมยิ้ม ก่อนที่ค้นเอาถุงขนมที่เตรียมไว้ยื่นให้กล้า

            “ให้เราเหรอ อะไรเนี้ย” กล้ายิ้มกว้างก่อนที่จะนั่งลงเปิดถุงเพื่อดูของข้างใน

            “ขนมนะครับ พอดีแม่พึ่งกลับมาจากไปเที่ยวชื้อมาเยอะเราเลยเอามาให้”

            “โอ๊ยยยยขอบคุณมากเลยนะป่า ฝากขอบคุณคุณแม่ด้วยนะ ช่วยเรารอดตายเลย ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยนะเนี้ย” กล้ายิ้มกว้างขอบคุณผมก่อนที่จะแกะขนมห่อหนึ่งกินอย่างรวดเร็ว ท่าจะหิวมากเลย

            “กินอะไรกันอยู่นะ” เสียงแม็คดังมาจากข้างหลังผมหันไปมอง ท่าทางแม็คเหมื่อนคนที่พึ่งตื่นนอน ผมสังเกตเห็นว่าผมด้านหลังของแม็คกระดกเป็นตูดเป็ดอยู่สองสามปอย

            “หืมหน้าเรามีไรเหรอ”

            “แม็ครีบมากเลยเหรอครับ” ผมกลั้นขำก่อนจาถามแม็ค

            “ก็นะ ทำไมเหรอ” ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ ก่อนจะหยิบถุงขนมถุงใหญ่ยื่นให้แม็ค แม็คทำหน้างงก่อนที่จะรับไปแล้วเปิดดู

            “โอ๊ะ ของชอบเราเลย ขอบคุณมากนะ ทำไมเยอะอย่างนี้”

            “พอดีแม่เราชื้อของฝากมาเยอะมากเลยละ เราเลยเอาแบ่งให้ทุกคน”

            “โอ๊ะขอบคุณมากเลย นี่ไอ้กล้ามึงหิวอะไรขนาดนั้น” ผมหันไปมองกล้าที่กินขนมหมดไปแล้วสองถุง เอ่อนี่คงจะอิ่มถึงเย็นเลยละมั้งเนี้ย

            “อืมกูหิวมาก กูต้องรีบกินก่อนอาจารย์จะเข้า” ผมขำก่อนที่จะมองหาเต้รอบๆห้อง เต้ยังไม่มาเหรอเนี้ย

            “หาใครเหรอ”

            “เราหาเต้นะ ยังไม่เห็นเลย”  ผมหันไปตอบแม็ค  แม็คหันไปรอบห้องก่อนที่จะเดินเอากระเป๋าไปเก็บแล้วเดินกลับมานั่งโต๊ะข้างๆผม  ผมหันไปมองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะขำผมเป็ดด้านหลังเพราะผมไม่เคยเห็นแม็คมีผมเป็ดมาก่อน

            “นี่ๆขำอะไร” กล้าสะกิดผมแล้วกระซิบ

            “ดูผมด้านหลังแม็คสิครับ” กล้าชะโงกตัวข้ามหัวผมไปดู

            “ฮ่าๆๆๆๆ แม็คมึงตอนตื่นนี่ไม่ได้ดูหัวมึงเลยใช่ไหม”

            “หัวกูทำไมวะ” แม็คลูบหัว พอลูบผ่านแล้วมันกระดกขึ้นยิ่งทำให้ดูตลก

            “หึ..... ฮ่าๆๆๆ” ผมอดไม่ได้ที่จะขำออกมา

            “เฮ้ยมันแย่ขนาดนั้นเหรอ” แม็คเอามือมาปิดท้ายทอยไว้

            “กูนับได้ก็เป็ดหลายตัววะฮ่าๆๆ” ที่ขำเพราะไม่เคยเห็นแม็คหลุดแบบนี้เท่าไหร่

            “เออ แม่งเมื่อเช้ากูตื่นสาย แค่อาบน้ำมาทันเข้าเรียนนี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว” แม็คว่าพร้อมกับพยายามลูบผมที่เป็ดอยู่ ผมนั่งหันไปมองกล้าที่ตอนนี้ขนมที่ผมเอามาให้นั้น เหลืออยู่เพียงไม่กี่ห่อ นี่คงจะหิวมากเลยสินะครับ ตอนนี้กล้าจ้องที่ถุงขนมของเต้

            “อันนี้ของเต้นะครับ” ผมรีบคว้าเอาถุงขนมเก็บไว้     

            “ฮ่าๆๆๆๆเราไม่หิวขนาดที่แย่งของเพื่อนกินหรอกนะ” กล้าหัวเราะดัง เรียกความสนใจของทุกคนมองมาที่กลุ่มพวกเรา อ่าสายตาทุกคนทำไมทิ่มแทงมาที่ผมอย่างนี้ละ

            ขณะที่เต้ยังมาไม่ถึงคาบแรกก็เริ่มขึ้น รึว่าเต้จะไม่สบายหรือลาโรงเรียนกันนะ จนกระทั่งพักเที่ยง

            “ป่า~~~~~~~ ไปกินข้าวกานนน” ได้ข่าวว่าพึ่งกินไปก่อนเข้าเรียน ทั้งๆที่กินเยอะขนาดนั้น แต่กล้าก็ไม่อ้วนติดจะบางด้วยซ้ำกินแล้วเอาไปไว้ไหนหมด

            “ตะกละจริงๆ”

            “หุบปากไปเลยไอ้แม็ค”

            “เออๆ ไปกันเถอะป่า เดี๋ยววันนี้เราจะสั่งข้าวให้เอง”  แม็คว่าก่อนจะเดินนำพวกผมออกไป ผมลุกคว้าเอากระเป๋าเงินแล้วรีบเดินตามแม็คไป  ไปถึงโรงอาหารแม็คก็ให้ผมนั่งเฝ้าโต๊ะ ซักพักก็เดินกลับมาพร้อมกับข้าวไข่เจียว

            “อ่ะนี่ของป่านะ” แม็ควางจานข้าวของผมและของตัวเองลง

            “ขอบคุณนะครับ”

            “มาแล้ววววววววว” กล้าบอกพร้อมกับถาดข้าวที่มีกับข้าวสองอย่างและข้าวพูนจานอีกจานใหญ่ พอเริ่มสนิทกันผมยิ่งทึ่งในการกินของกล้า เรานั่งกินข้าวกันใกล้เสร็จเต้ก็เดินหัวฟูเดินมาหาพวกผม

            “สวัสดีครับเต้” เต้ปรือตาพยักหน้าให้ผม ไหวไหมละนั่น

            “มึงเป็นไรวะเต้ ไหวไหม” แม็คถาม

            “กูไหว แต่กูง่วงชิบหายเลย”  เต้พูดไปแต่ก็ตาจะปิดไปแล้ว

            “มึงไปทำอะไรมา เล่นเกมสินะมึง”

            “กูไม่ใช่มึงนะไอ้กล้า กูไปทำงานเหอะ อ่า หิวข้าวซะมัด” เต้พูดแต่ก็ไม่ยอมลุกไปซื้อข้าวผมเลยเลื่อนจานข้าวที่กินได้ไม่กี่คำ

            “กินของเราก็ได้นะ เราอิ่มแล้วละ ถ้าเต้ไม่รังเกียจเรานะ” จริงๆผมก็กินไม่เยอะอยู่แล้ว พูดจบเต้ก็ไม่ตอบว่าอะไรแต่กลับคว้าเอาจานข้าวของผมเอาไปกินแบบไม่ลืมหูลืมตา คงจะหิวจริงๆสินะ

            “ป่าอิ่มแล้วจริงๆนะเหรอ ให้เราสั่งให้ใหม่ก็ได้นะ” แม็คถามผม ผมรีบส่ายหน้า เพราะผมอิ่มแล้วจริงๆ เต้กินเสร็จเหมือนจะยังไม่อิ่ม แถมยังคว้าเอาแก้วน้ำของผมไปกินต่ออีก คงจะหิวจริงๆสินะ หลังจากที่เราก็เดินขึ้นห้อง จากในตอนแรกที่ผมมักแอบหลบไปกินข้าวที่สวนคนเดียวเงียบๆ เดินขึ้นห้องคนเดียว ไม่มีคนสนใจ ไม่มีมีคนคุยด้วย ตอนนี้ผมมีเพื่อนที่ทักทายตอนเช้า ชวนผมคุยเวลาว่าง ผมรู้สึกมีความสุขจริงๆ

            หมับ แรงรั้งที่คอเสื้อผมกระพริบตาแรงๆ

            “เหม่ออะไรของป่า จะชนเสาอยู่แล้ว” อ่า นี่ผมเหม่อขนาดนี้เลยเหรอ

            “แหะๆ” ผมหัวเราะแห้งๆ ให้แม็ค

            “คนหัวดีนี่เหมือนไม่เต็มเลยนะ” นี่ว่าเราใช่ไหมเนี้ย

            “แต่กล้านี่มองยังไงก็ไม่เหมือนคนปกติตลอดเลยนะครับ” พูดจบผมก็รีบเดินหนี โดยที่กล้ายังยืนนิ่ง จนผมเดินมานั่งที่เหมือนเดิม

            “ไอ้ป่า!!!!!!!!! แกว่าฉันเหรออออออออออออ”  นี่จะรู้สึกช้าไปไหม ฮ่าๆๆ แม็คกับเต้เดินตามหลังเข้ามา หัวเราะร่าผมเลยยื่นถุงของฝากให้เต้ เต้คว้าไปแล้วเดินไปนั่งกินที่โต๊ะ

            “เราว่านายเหรอ” ผมหันไปหากล้าที่ทำหน้าบึ้งอยู่

            “หรือว่าไม่ใช่”

            “เราว่าเราไม่ได้ว่ากล้าเลยนะ” ผมยิ้ม กล้าทำหน้างง ก่อนจะหยักหน้า

            “เออไม่ได้ว่าก็ไม่ได้ว่า เราคงเข้าใจผิดไปเอง” กล้ายิ้มให้ผม ผมเลยยิ้มตอบ ทำไมถึงได้ซื่อขนาดนี้นะคนเราผมแอบยิ้มเงียบๆ หมดคาบพักเที่ยงแล้ว ในคาบสุดท้าย อาจารย์แจ้งเรื่องสอบที่เลื่อนเข้ามาเร็วกว่าเดิม เพื่อนทั้งห้องโอดครวญทันทีที่อาจารย์พูดจบ เพราะมีการประเมินสินะ

            “ป่า~~~~~~~~ ช่วยเราที” กล้าเดินมาหาผมหลังจากที่อาจารย์เดินออกจากห้อง

            “เอ่อ...ให้เราช่วยอะไรล่ะครับ”

            “ติวให้เราที ถ้าจะสอบเร็วๆนี้ เราไม่มีอะไรไปสอบแน่ๆ” กล้าว่าพร้อมทำหน้าตาน่าสงสาร

            “ก็ได้นะครับ แต่เราขอทดสอบกล้าก่อนนะว่าต้องติวแก้ตรงจุดไหนบ้าง” ผมบอกยิ้มๆ

            “ป่า นายนี่ฟ้าส่งมาโปรดเราเลย” กล้ากุมมือผมเหมือนขอบคุณพระเจ้า เวอร์ไปไหม

            “เออ ดีเลย ติวให้เราด้วย”

            “เรา..ด้วย.......” เต้ชูมือขึ้นแบบเอื่อยๆ

            “ถ้างั้นเดี๋ยวเราจะย่อเนื้อหาทำทดสอบให้พวกนายก่อนละกัน”

            “พ่อพระมาโปรดเราเลยป่า” ผมส่ายหน้าให้กับความโอเวอร์ของกล้า

            “ป่ากลับเถอะเดี๋ยวเราไปส่งที่บ้านเอง” แม็คชวนผม

            “แต่เราเอาจักรยานมา”

            “ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวเอาไว้ท้ายรถเราก็ได้นี่มันเย็นมันอันตราย”แม็คว่าเสร็จสรรพก่อนที่จะคว้าเอากระเป๋าผมไปถือแล้วเดินออกไปนอกห้อง อะ.อ่าว นั่นกระเป๋านักเรียนเรานะ

            “เรากลับก่อนนะเดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอาบททดสอบมาให้” ผมบอกก่อนที่จะรีบเดินตามแม็คไป  ผมตามทันตรงด้านล่างตึกพอดี  การเดินเร็วทำให้ผมถึงกลับหอบ นี่อาการเป็นหนักขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย ผมยิ้มเยาะให้กับร่างกายตัวเอง

            “ป่า เป็นอะไรไหม ทำไมหน้าซีดอย่างนี้” แม็ครีบเดินมาถามผม

            “ไม่เป็นไร แม็คจะไปส่งเราทำไม”

            “ก็เพราะป่าเป็นแบบนี้ไงเราถึงต้องไปส่ง” แม็คทำหน้าเข้ม ก่อนจะพยุงผมไปที่รถ แล้วดันผมเข้าไปนั่งแล้วขึ้นรถมา

            “พึ่งรู้ว่าแม็คเผด็จการ” ผมบ่นพึมพำเบาๆ เหมือนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากข้างตัว แม็คขับรถมาส่งผมที่บ้าน ผมกล่าวขอบคุณแม็คแล้วเข้าบ้านไป อ่า...ความใจดีของแม็คทำให้ผมยิ่งรู้สึกชอบแม็คเพิ่มขึ้นทุกทีๆ

            “อ๊ะ”  จู่ๆหน้าอกผมก็เจ็บแปลบ ขึ้นมาผมนั่งพักนิ่งๆ อาการผมยิ่งหนักลงเรื่อยๆสินะ

 

ขอเวลาอีกนิดเถอะ

 

-----------------------------------------------------------------------------------------

ฮือออ ทำไมเค้าแต่งแล้วมันจะหน่วงลงเรือยๆ

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า

รักคนอ่าน

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่10 3/8/2559
«ตอบ #32 เมื่อ03-08-2016 13:28:13 »

โปะยานอนหลับแล้วให้น้องไปผ่าตัดเลยค้าาาา เอาคุณแม่เซ็นยินยอมก็พอ น้องคิดมากแล้วอาการหนักเปล่าๆ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่10 3/8/2559
«ตอบ #33 เมื่อ03-08-2016 14:00:09 »

 :L2: :pig4:

กลัว กลัว :m15:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Love Diary รักที่แอบมอง Day 11 : Five
«ตอบ #34 เมื่อ03-08-2016 15:58:14 »

หลังจากที่เมื่อวานผมมีอาการเจ็บหน้าอก เช้านี้คุณแม่เลยให้คุณอามาตรวจผมแต่เช้า

            “อาว่าวันนี้ป่าพักผ่อนก่อนนะ เรื่องโรงเรียนเดี๋ยวอาให้ไอ้ป่านลาให้ ปกติเราไม่ค่อยฝืนตัวเองเท่าไหร่ทำไมถึงไปวิ่งได้ละหืม” คุณอาตรวจผมไปบ่นไป ผมทำได้แค่ยิ้มบางๆ ผมจะบอกยังไงละครับ เดี๋ยวจะโดนบ่นยาวแน่ๆ

            “วันนี้ก็นอนพักก่อนนะ เดี๋ยวอาไปคุยกับแม่เราก่อนนะ ”

            “ขอบคุณครับ” ผมพุ่มมือไหว้ คุณอาเดินออกจากห้องไป ผมเอนตัวลงนอน

           

            ตอนเที่ยงแม่ขึ้นมาปลุกผมให้ทานข้าวทานยาผมหลับไปอีกครั้งเพราะฤทธิ์ยา จนกระทั่งตอนเย็น เสียงพูดคุยกันที่ดังขึ้นมา ทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นด้วยความแปลกใจ ใครมากันคุยกับแม่ จนแม่หัวเราะเสียงดังแบบนี้ ผมลุกจากที่นอนเดินลงไปข้างล่างเพื่อดูว่าใครมา

            “เอ๋”  สามคนนั่นมาได้ไง

            “อ่าวป่าเป็นไงบ้าง เรามาเยี่ยมนี่กว่าจะให้ไอ้แม็คขับรถพามา” กล้าทักทันทีที่หันมาหาผม

            “เราไม่เป็นไรมากแต่ หมอว่าให้พักอยู่บ้านก่อนนะครับ”

            “เด็กๆคุยกันไปนะเดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าว อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันนะ” แม่ว่าก่อนที่จะลุกเดินหายเข้าไปในครัว ผมเดินไปนั่งที่โซฟางงๆ

            “เรานึกว่านายไม่สบายหนักเลยเห็นอาจารย์ป่านบอกว่านายไม่สบาย แต่นายก็ดูปกตินะ” เราดูปกติแค่ภายนอกเท่านั้นแหละ ผมส่งยิ้มจางๆให้กล้าแต่ไม่ได้ตอบอะไร

            “แต่หน้ายังดูซีดๆอยู่เลยนะ เราเอาชีทที่อาจารย์แจกมาให้ด้วยนะ” ผมรับชีทมาจากเต้แล้วขอบคุณเบาๆมีเพียงคนๆเดียวที่นั่งเงียบๆไม่ยอมพูดอะไรกับผม ใบหน้าเรียบเฉยนั่นมันให้ความรู้สึกแปลกๆ  กล้าได้กลิ่นหอมโชยมาเลยรีบเดินเข้าไปหาแม่ในครัว ส่วนเต้ก็ไปเข้าห้องน้ำ ความเงียบที่น่าอึดอัด ทำให้ผมทนไม่ไหวต้องเอ่ยปากถาม

            “แม็คโกรธอะไรเหรอ” ผมถามไปเบาๆ แม็คมองหน้าผมแล้วถอนหายใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาทำให้ผมใจแป้วไป

            “เราทำอะไรผิดรึเปล่า เราขอโทษนะ” ผมยิ่งร้อนรนเพราะไม่เคยเห็นแม็คเป็นแบบนี้

            โป๊ก

            “โอ๊ย เขกหัวเราทำไมอ่ะ”

            “ฮ่าๆๆๆ ป่านายนี่แกล้งสนุกจริงๆ เราแค่เอาคืนไม่ได้โกรธอะไรหรอกนะ ป่าไม่โทรไปบอกเราเลยว่าไม่สบาย กว่าจะรู้ก็ต้องไปถามพี่ป่าน” แม็คแกล้งกันได้นะ เราเคลียดแทบตาย ผมทำหน้าบึ้ง

            “เราไม่มีเบอร์ติดต่อแม็คนะอย่าลืม” แม็คอ้าปากค้าง คงพึ่งนึกได้สินะ

            “เออเราขอโทษ” แม็คเกาหัวอย่างเสียฟอร์ม จนผมหลุดยิ้ม

            “ป่า~~~~ แม่นายทำกับข้าวอร่อยมากกกกกก” กล้าวิ่งมาหาผม

            “อืมแต่แม่เราไม่ค่อยได้ทำหรอกนะ”

            “โอ๊ยยวันนี้ลาภปาก ว่าแต่ป่าเรื่องที่เราตกลงไว้อย่าลืมซะละ”

            “เรื่องอะไรกันครับ”

            “เรื่องติวไงละ” อ้อผมพยักหน้ารับรู้ พรุ่งนี้ผมคงไปเรียนได้ งั้นพรุ่งนี้ค่อยสรุปยังทัน ซักพักแม่ก็เรียกให้พวกเราไปจัดโต๊ะทานข้าว กล้าดูเหมือนจะดีใจกว่าใคร รีบวิ่งนำหน้าก่อนใคร

            “แม่แปลกใจมากเลยนะที่เห็นว่าป่ามีเพื่อนมาเยี่ยม ป่าไม่เคยเล่าว่ามีเพื่อนเลยจะมีก็แต่........” แม่จะพูดอะไรอ่ะ ต้องเรื่องนี้แน่ๆ

            “แม่ครับ” ผมร้องประท้วง แม่อมยิ้มก่อนทีจะพูดต่อ

            “ไม่รู้ว่าเค้าเขียนถึงใครละนะ แม่ดีใจที่ป่ามีเพื่อนที่เป็นห่วงแล้วดูแล” ผมได้แต่ก้มหน้าที่ทำให้แม่เป็นห่วงในเรื่องนี้

            “แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ พวกเราจะดูแลป่าเองครับ” กล้าปากแข็งขัน

            “ขอบใจนะลูก” 

            “แม่ครับหลังจากสอบเสร็จผมขออนุญาตให้ป่าไปเที่ยวทะเลกับพวกเราได้ไหมครับ”  หืมเที่ยว เที่ยวอะไร ทำไมผมไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย ผมทำหน้างง แม็คหันมายิ้มให้ผม

            “ได้สิป่าไม่ค่อยได้ไปไหน แต่ยังไงป่าก็ดูแลตัวเองด้วยนะลูก” ผมเข้าใจว่าแม่หมายความว่ายังไง

            “ครับแม่ ผมจะไม่ฝืนตัวเองหรอกครับ”  ตลอดมื้อค่ำที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาเสียงหัวเราะที่กล้าเล่าเรื่องตลกๆให้ฟัง ผมเก็บจานไปล้างถึงแม่จะบอกว่าไม่ให้ผมทำก็เถอะ แต่ผมก็ยืนยันที่จะทำ แม็คเก็บจานชุดสุดท้ายเข้ามาในครัว

            “เราไม่รู้เลยว่าจะไปเที่ยวทะเล”

            “เราอยากขอบคุณที่ป่ารับปากจะช่วยติวให้เรานะ จริงๆเป็นความคิดของกล้าละนะ แต่มันโยนให้เราขอ”

            “เรื่องติวมันไม่ต้องตอบแทนเราก็ได้นะ” ผมแค่อยากช่วยเท่านั้น

            “เปล่าหรอกเราแค่อยากให้ป่าไปกับพวกเรา เห็นแม่บอกว่าป่าไม่เคยไปเที่ยวเลยไม่ใช่เหรอเราอยากให้ป่าไปด้วยนะ หรือป่าลำบากใจ” แม็คว่าก่อนที่จะมาช่วยผมล้างจาน

            “ไม่ ไม่ๆ เราไม่ลำบากใจ เราแค่กลัวว่าเราจะเป็นภาระ” เพราะร่างกายของผมไม่เป็นใจเลยในสิ่งที่ผมต้องการจะทำ แม็คช่วยผมล้างจานจนเสร็จได้ยินเสียงโวยวายของกล้าและเต้ ที่เหมือนจะทะเลาะกันเรื่อง.....

            “นายต้องแทน y  ในสูตรนี้สิ โอ๊ยยยยทำไมเข้าใจยากจังวะ” เต้โวยวาย ในขณะที่กล้านั้นทำหน้าเหมือนคนกินยาขม นี่ทำการบ้านกันหรอกเหรอ

            “นี่พวกมึงทำไรกันเนี้ย”

            “แม็คกูทำการบ้านไม่ได้เลยให้ไอ้เต้สอน แต่ดูมันสอนกูดิ สอนไปด่ากูไป คำด่ามันเข้าหัวกูกว่าเรื่องที่มันสอนกูอีก” กล้าฟ้องแม็คทันทีที่แม็คถาม เอ่อ สีหน้าเต้ก็ไม่ต่างกันเลย สงสัยทั้งคนสอนและคนที่ถูกสอนคงเข้ากันไม่ได้สินะ

            “การบ้านวันนี้เหรอ ให้เราทำด้วยสิ”

            “ไม่ต้องเลยป่า เราจะพาพวกนี้กลับแล้ว ป่าไปพักผ่อนได้แล้วนะ”

            “แต่...”

            “ไม่เป็นไรเจอกันพรุ่งนี้นะ เก็บของได้แล้ว แล้วแม่ละป่า” แม็คถามเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้

            “แม่คงจะขึ้นห้องไปทานแล้วละ จะกลับแล้วจริงๆนะเหรอ” 

            “อืม ป่าก็พักผ่อนเยอะๆนะ เจอกันพรุ่งนี้นะเดี๋ยวเรามารับ ไปพวกมึงกลับได้แล้ว” แม็คพูดในขณะที่ผมได้แต่มองตาปริบๆ จนผมเดินออกไปส่งทุกคนที่หน้าบ้าน ล็อกประตู อาบน้ำ และเข้านอน ทำไมกันนะ ทำไมผมรอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว

 

            ผมตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้าก่อนที่จะเข้าครัวไปทำกับข้าวเตรียมไว้สำหรับตัวเองและก็แม่ที่ตอนนี้สงสัยจะยังไม่ตื่นแน่ๆ ผมที่กำลังจะกินข้าวก็มีคนมากดออดหน้าบ้านเสียก่อน ผมวางช้อนแล้วเดินไปเปิดประตู

            “อ่าวแม็ค มาแต่เช้าเลยนะครับ”

            “ก็เราตื่นเช้านะเลยออกมารับป่าเลย” แม็คดูลุกลี้ลุกลนแปลกๆเพื่อหาเหตุผลมาตอบผม

            “เข้ามาก่อนสิครับ” ผมเปิดประตูให้แม็คเข้ามา แม็ควางกระเป๋าแล้วนั่งบนโซฟา

            “ทานอะไรมารึยังครับ”

            “ยังเลย”

            “ข้าวต้มหมูทานได้ไหมครับ” ผมถามก่อนที่จะเดินเข้าไปในครัว แล้วตักข้าวต้มออกมาให้แม็ค

            “ได้สิ โทษนะที่มากวนแต่เช้า”  ผมสายหน้าว่าไม่เป็นไร นั่งกินเสร็จผมก็เก็บถ้วยไปล้างให้เรียบร้อย  เราสองคนมาถึงโรงเรียนก็เห็นกล้ากับเต้นั่งอยู่ที่โต๊ะเรียบร้อย เอ๋ทำไมสองคนนี้มาเช้าจังเลยละ  พวกเราพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่จะถึงคาบแรก  คาบพักพวกเราก็คุยกันเรื่องนัดติวในวันหยุดยาวที่จะถึงนี้  ก็ได้บทสรุปว่าจะมาติวกันที่บ้านผม แล้วจะคุยกันจนเสียงดังลั่นห้องทำไมก็ไม่รู้นะครับเนี้ย

            ตอนเย็นแม็คมาส่งผมที่บ้าน ผมชวนแม็คเข้ามานั่งเล่นในบ้านก่อน เพราะวันนี้ผมรบกวนแม็คมากจริงๆ ทั้งที่บ้านผมก็ไม่ได้เป็นทางผ่านแต่แม็คก็ขับรถมารับมาส่งผมอีก แต่แม็คว่าต้องไปรับลูกพี่ลูกน้อง

            “ขอบคุณมากๆเลยนะครับ ที่แม็คมาส่ง”

            “ไม่เป็นไรเจอกันพรุ่งนี้นะ” แม็คว่าก่อนจะยิ้มกว้าง ผมโบกมือลา

            หลังจากอาบน้ำเสร็จผมนั่งทำสรุปจนดึก จนแม่เคาะประตูไล่ให้ผมไปนอนจึงปิดไฟล้มตัวลงนอน

 

            รอที่จะให้ถึงวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้วละครับ

-------------------------------------------------------------------------

ทำไมตอนแรกๆมันหน่วงหลังๆมันเรื่อย

ฮ่าๆๆๆ

รักคนอ่าน รักคนเม้นต์ นะคะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่11 3/8/2559
«ตอบ #35 เมื่อ03-08-2016 18:29:08 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่11 3/8/2559
«ตอบ #36 เมื่อ03-08-2016 21:16:57 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ LovEYouOnLy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่11 3/8/2559
«ตอบ #37 เมื่อ04-08-2016 00:04:54 »

โรคหัวใจสินะ แล้วอย่างนี้เรื่องจะจบแนวไหนกันนะ

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่11 3/8/2559
«ตอบ #38 เมื่อ04-08-2016 15:30:58 »

ป่าดูแบบโรครุมเร้ามากอ่ะ

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
ผมตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืด อาบน้ำทำความสะอาดห้องแล้ว ผมลงมาหุงข้าวไว้ก่อนที่จะหยิบกระเป๋าตังเดินไปร้านขนมที่ผมไม่ได้ไปนานแล้ว เห็นว่าพวกแม็คจะมาหาผมแต่เช้า ผมเลยต้องเตรียมตัวไว้ก่อน ผมเดินเข้าร้านไป

            “สวัสดีครับ อ่าวไม่เห็นมาร้านนานแล้วนะครับ”  พี่คนขายที่วันนี้มาในสภาพสดใสผิดจากที่ได้เห็นทุกครั้งที่มาซื้อ

            “พอดีผมไม่สบายนิดหน่อยนะครับ ผมเอาขนมปังแถวหนึ่งกับชูครีม 6 ชิ้นนะครับผมสั่งเผือที่ว่า กล้าจะกินไม่อิ่ม  ขนมถูกจัดใส่กล่องเรียบร้อย ผมขอบคุณพี่ที่แกแถมปังกรอบมาด้วยหนึ่งถุง เดินกับบ้านด้วยความสุขที่ได้ของฟรี ก็ของฟรีละนะครับใครจะไม่ชอบกันละครับ ผมเข้าบ้านวางถุงขนมไว้บนโต๊ะ เดินกลับไปชงกาแฟ แล้วถือจานมาใส่ขนมก่อนที่จะขึ้นไปปลุกคุณแม่ ผมเคาะประตูอยู่นาน ก็ไม่เห็นแม่มาเปิดซักที นี่นอนหลับจนเพลินหรือไงนะ ผมเปิดประตูเข้าไป     ก็พบ....ความว่างเปล่า มีเพียงโพสอีทสีแสบตาติดอยู่ตรงหน้าคอม อย่าบอกนะว่า.....

            “ป่า อีกไม่กี่วันก็ครบรอบที่ 10 แล้ว ปีนี้แม่จะพาพ่อไปเดทที่ป่าเมืองเหนือนะ พอดีแม่ก็จะได้มาเยี่ยมบ้านเก่าของพ่อเราด้วย อาจจะไม่ค่อยมีสัญญาณเท่าไหร่นะแต่แม่จะติดต่อมาเรื่อยๆ แม่ฝากพี่ป่านไว้แล้วละ แล้วก็อย่าดื้อกับอาหมอนะคะ รักนะลูกรัก นี่เราลืมไปเลยสินะ” ผมยกยิ้ม ทุกปีในวันตายของพ่อ แม่จะออกไปเที่ยวเหมือนกับที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ ไปในที่ที่เคยไปด้วยกัน ปีนี้แม่ขึ้นเหนือเลยต้องไปเร็วสินะ ผมวางโพสอิทไว้ด้วยความรัก ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่ที่มีความรักมั่นคงอย่างที่หลายคู่คงทำไม่ได้ หากแต่ความรักที่พ่อมีให้กับแม่ ความรักที่แม่มีให้กับพ่อนั้นมันยิ่งใหญ่ ผมเดินออกจากห้องลงไปด้านล่างเตรียมอาหารเข้าไว้สำหรับตัวเองและทำเผือกลุ่มที่จะมาติวด้วย ผมกำลังหั่นผักอยู่ออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น ผมวางมือสงสัยจะเป็นพวกแม็ค

 

            "อ่าวทำไมพากันมาเร็วจังละครับ" ผมถามตอนที่เดินนำทั้งสามเข้ามาในบ้าน

            “ถามมันสิ ฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยด้วยซ้ำตอนที่มันมารับ” กล้าชึ้ไปทางแม็ค ก่อนที่จะนั่งที่โต๊ะทานข้าว ผมหันไปมองแม็ค

            “เราแค่ไม่อยากให้มันเลิกช้า เดี๋ยวป่าจะเหนื่อยซะเปล่า”  ผมรู้สึกหัวใจพองโตกับคำพูดที่เหมือนว่าแม็คจะเป็นห่วงเรา ผมเลยบอกให้ทุกคนนั่งรอก่อน

            “ทานกาแฟกันไหม” ผมถามเพราะเห็นทั้งสามคนอ้าปากหาวก็หลายรอบแล้วผมจัดชูครีมและขนมปังกรอบใส่จาน

            “ได้ก็จะขอบคุณมากเลย เราลืมตาไม่ขึ้นแล้ว” เต้ว่าพลางฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ผมเลยเดินเข้าครัวไปชงกาแฟ

            “เราเอากาแฟดำนะ”

            “เฮ้ย”  ผมร้องด้วยความตกใจ จนเกือบทำแก้วตก จะมาเงียบๆทำไมละครับเนี้ย

            “ตกใจเหรอขอโทษทีพอดีจะเข้ามาช่วยนะ ว่าแต่เรายังไม่เห็นแม่ป่าเลยไม่อยู่เหรอ” แม็คคว้าเอาแก้วสองใบไปถือ ผมเทน้ำร้อนใส่แก้วของแม็คก่อนที่จะเดินนำออกไป

            “พอดีแม่ไปเที่ยวกับพ่อนะ” ผมบอกแล้วยิ้มบางๆ แม็คทำหน้างงแต่ก็เดินตามผมออกมา กลิ่นกาแฟที่ไม่ค่อยได้กลิ่นในบ้านมานานแล้วหอมฟุ้งไปทั่วบ้าน ผมชอบกลิ่นกาแฟถึงผมจะทานไม่ได้ก็เถอะ สองคนนั่นเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้กลิ่นกาแฟ

            “ขอบคุณมากนะ” กล้ารับเอาแก้วกาแฟไปนั่งจิบ

            “ทานชูครีมด้วยสิ ร้านนี้อร่อยมากเลยนะ” ผมเลื่อนจานไปทางกล้า กล้าพยักหน้าเบลอๆแล้วใช้ซ้อมจิ้มชูครีมชิ้นโตเข้าปาก  ก่อนทีจะทำตาโตพยักหน้ารัวๆ

            “โอ้ววนี่มันอร่อยมากเลย เต้มึงลองกินดู” กล้าพูดไปเคี้ยวไป เต้เลยหยิบขึ้นมาทานแล้วทำหน้าซาบซึ้ง อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอครับ ผมมองแม็คที่นั่งจิบกาแฟดำเงียบๆ แม็คยกคิ้วขึ้นนิดๆแล้วตอบผม

            “เราชอบกินขนมหวานนะขอแค่มันไม่มีครีมเราทานได้หมดเราไม่ชอบกินครีมนะ” แม็คทำหน้ายี้ แปลกคนจริงๆ ผมหลุดยิ้ม ทั้งสามทานกาแฟเสร็จผมก็ไล่ให้ไปเตรียมตัวที่ห้องนั่งเล่นส่วนผมเก็บแก้วและจานไปล้างก่อนที่จะตามออกไป ผมหยิบเอาเนื้อหาที่ผมสรุปเตรียมไว้มาด้วย ผมนั่งลงกับพื้นข้างๆแม็ค ได้นั่งใกล้ๆอย่างนี้รู้สึกเหมือนหัวใจมันเต้นระรัว ผมพยายามที่จะสนใจเนื้อหาที่พยายามสอนกล้าที่ตอนนี้เหมือนจะตามหลังพวกเราอยู่เยอะเลยที่เดียวผมเลยต้องติวกล้าเป็นพิเศษ

            “ป่าข้อนี้ถูกแล้วใช่ไหม” แม็คยื่นสมุดมาให้ผมดู ผมหันไปดู

            “ถูกต้องแล้วครับ แม็คจำสูตรนี้ไว้ดีๆนะครับเพราะอาจารย์บอกว่าจะออกช่วงนี้” ผมบอกก่อนที่จะหันไปดูกล้า จริงๆกล้าเข้าใจเร็วมากเลยนะครับ เพียงแต่ต้องจับจุดอธิบายให้เค้าเข้าใจติวกันครึ่งค่อยวันผมเลยบอกให้พักก่อนที่จะเดินเข้าครัวไปอุ่นอาหารที่เตรียมไว้ตั้งแต่เช้า ทุกคนเตรียมตั้งโต๊ะ หลังจากทานข้าวเสร็จผมปล่อยให้ทุกคนนั่งเล่นพักไปก่อนถ้าติดต่อกันมากไปสมองล้าไปเสียก่อน ทั้งกล้าและเต้พอกินข้าวเสร็จก็นั่งดูทีวีที่ผมมีไว้ประดับบ้านเท่านั้น ผมปอกผลไม้ถืออกมาวางไว้ที่โต๊ะ

            “ไหวกันไหมครับ เราว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่านะครับ” ทันทีที่พูดจบทั้งสองคนก็ตะโกนลั่น แล้วล้มตัวนอนกับโซฟา

            “แต่ผมมีบททดสอบให้ด้วยนะครับแล้วเรื่องที่ติววันนี้พรุ่งนี้ผมจะมีเทสให้ตอนเริ่มติวนะครับ”

            “ป่า!!!!!!!!!”ทั้งสองคนแทบดีดตัวลุกขึ้นไม่ทัน แม็คที่กำลังพักสายตาอยู่ถึงกับลืมตาเพราเสียงตะโกนของสองคนนี้ ผมยิ้มกว้าง

            “กันลืมนะครับ และที่ให้เทสนี่ผมจะได้ติววิชาที่อ่อนให้ส่วนวิชาที่ทุกคนมีพื้นฐานผมจะติวรวมก่อนวันสอบ” ยิ่งผมอธิบายทั้งสองยิ่งคอตก จนแม็คหัวเราะลั่น จริงๆการติววันนี้มีแม็คคนเดียวที่ผมไม่ได้สอนอะไรมากเพราะจริงๆแล้วแม็คก็ติดท็อปของห้อง

            “ดีแล้วพวกมึงจะได้สอบผ่านแบบคาบเส้นเหมือนทุกที วันนี้พอแค่นี้ละกันป่าคงเหนื่อยแล้ว”  แม็คเก็บของลงกระเป๋า เอ่อจริงๆแล้วแม็คเป็นพวกเผด็จการสินะ สองคนทำหน้างงๆ

            “ป่าจ๋า  เราอยู่เล่นที่บ้านป่าได้ไหม” กล้ากระพริบตาปริบๆให้ผม เหมือนหมาตัวโตๆเลยจริงๆนะครับอย่าหลุดบอกกล้าไปนะครับ

            “ได้สิ ยังไงวันนี้เราก็อยู่คนเดียว และสงสัยว่าคงจะอยู่คนเดียวไปทั้งอาทิตย์แน่นอน” ผมนั่งลงข้างๆกล้า

            “นายนี่แปลกคนนะอยู่ได้ไง ไม่เหงาบ้างเหรอ”

            “ไม่หรอกส่วนใหญ่พี่ป่านจะมาอยู่ด้วยนะ” กล้ากับเต้พยักหน้า ผมหันไปมองแม็คที่เอนหลังไปเรียบร้อยอ่าวนี่ไม่กลับแล้วเหรอ ผมมองออกไปข้างนอกเห็นว่าอากาศกำลังดีเลย

            “นี่ออกไปนั่งเล่นที่สนามหลังบ้านดีกว่านะอากาศกำลังดีเลย” ผมบอก ซึ่งทั้งสองคนก็เห็นด้วย ผมเตรียมน้ำกับขนมตามหลังไป แม็คก็ยังนอนอยู่บนโซฟาอยู่ผมไม่อยากกวนเลยเดินออกไปหาทั้งสองคนที่ยึดแปลนอนคนละอัน ผมวางของว่างไว้ที่เสือผืนกว้างก่อนที่จะล้มตัวนอน อ่า อากาศดีจริงๆ ลมพัดอ่อน ทำให้รู้สึกเย็นสบายและแสงแดดอ่อนทำให้มันไม่ร้อนเกินไป

            “บ้านป่านี่อากาศดีจริงๆเลยนะ ต้นไม้เยอะด้วยใครปลูกไว้ มีแต่ต้นสวยๆทั้งนั้นเลย” เต้ถามผม

            “พ่อเราเอง ท่านปลูกไว้ตั้งนานแล้วก่อนที่เราจะเกิดอีก”

            “พ่อป่านี่ท่าทางจะใจดีนะ” กล้าพูดขึ้น

            “ใช่ เท่าที่จำได้นะ พ่อเป็นคนมีเหตุผล เข้มงวด แต่เพราะเป็นห่วงเรา ใจดีกับเรามากเลยละ” ผมนึกถึงตอนเด็กๆที่เวลาผมทำผิดมา พ่อไม่เคยที่จะละเลยพ่อมักจะลงโทษผมแล้วอธิบายให้ฟังว่าสิ่งที่ผมทำมันผิดยังไง และพ่อมักโดนแม่ว่า ว่าพ่อตามใจผมจนเสียคน

            “พ่อป่าเสียไปนานหรือยัง ขอโทษนะที่ถาม”

            “อืมก็ เกือบสิบปีแล้วละ” และความเงียบก็เข้ามาแทรก ทั้งเต้และกล้าต่างก็เงียบไปผมเงียบแล้วค่อยๆหลับตาพัก มีเพียงเสียงลมพัดเบาๆ และกลิ่นขนมปังลอยมาตามลม เรานอนเล่นกันจนถึงบ่ายคล้อย ผมลุกขึ้นกล้ากับเต้เหมือนจะหลับสนิท ผมเดินเข้าไปในบ้าน ก็ไม่เห็นคนที่นอนบนโซฟาเลย แม็คหายไปไหนหรือว่ากลับแล้วงั้นเหรอ

            “ตื่นแล้วเหรอเราเห็นพวกป่านอนอยู่เลยไม่อยากกวนนะ” ผมหันไปตามเสียงแม็คเดินออกมาจาห้องครัว

            “ทำไมไม่ปลุกเราละ”

            “เรากลัวป่าเหนื่อยเลยให้นอนพักดีกว่า” แม็คยิ้มกว้าง อ่ารู้สึกว่าผมจะมีภูมิต้านทานรอยยิ้มของแม็คซะแล้วละครับ

            “ว่าแต่เราจะไปเที่ยวทะเลที่ไหนครับ” ผมถาม

            “อืมเราว่าจะไปใกล้ๆนี่แหละ น่าจะหัวหินเพราะบ้านไอ้กล้ามีบ้านพักที่นั่น” ผมพยักหน้าแล้วเราก็นั่งเงียบ ผมเป็นคนคุยไม่เก่งอยู่แล้วจะให้ผมชวนคุยนั่นยิ่งแล้วใหญ่ ซักพักกล้าก็เดินโซเซเข้ามา และขอเข้าห้องน้ำเพื่อไปล้างหน้าล้างตา

            “ไอ้เต้ยังไม่ตื่นอีกเหรอ” กล้าชะโงกหน้าไปดูที่สวน แล้วยิ้มแปลกๆก่อนที่จะวิ่งที่เปลดึงเปลแรงๆจนทำให้เต้ตกลงมา

            “โอ๊ยแม่งใครวะ พ่อมึงเหอะ สัสกล้า” เต้สบถแต่ก็ลุกไม่ได้เพราะเท้าเกี่ยวกับเปลอยู่ โดยมีกล้ายืนหัวเราะอยู่ข้างๆ เล่นกันอย่างกับเด็กเลยนะครับเนี้ย เต้ที่พยายามจนเอาเท้าลงได้แล้วก็หันมาไล่เตะกล้าไปทั่ว

            “เฮ้กลับกันเถอะมันเย็นแล้วนะเว้ย เล่นอะไรเป็นเด็กๆเลยพวกมึงนี่” แม็คว่าทั้งคนเลยเลิกวิ่งไล่เตะแล้วเดินเข้าบ้านเก็บของแล้วเตรียมตัวกลับบ้านพรุ่งนี้ก็จะติวเข้มกันอีกวัน ก่อนที่อาทิตย์หน้าจะเริ่มสอบกันแล้ว คงจะสอบทั้งอาทิตย์

            “พรุ่งนี้เจอกันนะครับ ผมจะทำอาหารรอนะ”  สองคนนั้นพยักหน้ารัวๆก่อนจะขึ้นรถ

            “ขอบคุณมากนะป่า เจอกันพรุ่งนี้นะ” ผมยิ้มตอบ แม็คขึ้นรถแล้วขับออกไปผมเข้าบ้านเก็บของเรียบร้อยก่อนทีจะขึ้นไปอาบน้ำ ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ เหลือบไปเห็นสมุดบันทึกที่วางเอาไว้อยู่บนโต๊ะ ที่ผมไม่ได้เขียนก็ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้ว เพราะผมมีเพื่อนที่ได้คุย ได้ทำอะไรสนุกๆจนผมไม่ได้เขียนอะไรลงไป ผมยิ้มก่อนที่จะล้มตัวลงนอน

            วันนี้เป็นวันขึ้นเขียงของสองคนนะแล้ว หลังจากที่สองวันที่ผ่านมาผมได้เคี่ยวเข็ญและเกลี้ยกล่อมสารพัด ในที่สุดตอนเย็นวันอาทิตย์ก็เห็นผล ทั้งสองคนก็สามารถทำแบบทดสอบผ่านทั้งหมด แต่ก็กว่าจะผ่านก็สองทุ่มพอดีเลยทีเดียว

            “โอ๊ยย ขออย่าให้ความรู้ที่ป่าสอนให้หายไปด้วย” กล้ายกมือขึ้นท่วมหัว ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมห้องที่มองดูด้วยสายตาประหลาด สงสัยว่าผมจะอัดความรู้มากเกินไป กล้าเลยออกมาล้นแบบนี้

            “หวังว่าจะผ่านการสอบไปด้วยดีนะ”

            “ผมก็หวังว่าอย่างนั้นครับ” ผมหันไปตอบแม็ค ถึงจะรู้สึกวิตกกับอาการของกล้าก็ตาม และการสอบก็เริ่มขึ้น ข้อสอบไม่ค่อยออกนอกจากการที่ผมติวพวกเค้าไปหวังว่ากล้ากับเต้จะรอดนะ ส่วนแม็ครายนั้นผมไม่ห่วงอยู่แล้ว แบบทดสอบที่ให้ทำแม็คทำได้เต็มเลย จริงๆก็ดีใจนะครับที่ได้ใช้วันหยุดกับคนที่แอบชอบ แต่เหมือนอยู่แล้วนี่ถ่วงมากกว่าจะช่วยผม แถมยังว่างเป็นไม่ได้กวนกล้าตลอด แล้วก็ผ่านช่วงแรกข้อสอบสุดท้ายมาแล้ว ผมที่สอบเสร็จก่อนเลยออกมารอด้านนอก ซักพักแม็คก็ตามออกมา

            “สอบได้ไหมครับ” ผมถาม แม็คยิ้มกว้างชูสองนิ้วแล้วมายืนข้างผม

            “คิดว่าสองคนนั่นจะทำได้ไหม”

            “ผมว่าได้แน่นอนครับ” ถ้าไม่สติแตกจนจำที่ติวกันไม่ได้นะครับ เพื่อนๆในห้องเริ่มทยอยออกมา

            “แม็คยืนรอใครเหรอ ไปกินข้าวกับน้อยหน่าไหม” ผู้หญิงในห้องที่อยู่กับแม็คบ่อยๆ เป็นคนที่น่ารักเหมือนตุ๊กตาเลยละครับ

            “เรารอกล้ากับเต้เป็นเพื่อนป่านะ”

            “ป่า... ธนาใช่ไหม” น้อยหน่าหันมาถามผม

            “เอ่อ ใช่ครับ”

            “ไม่ได้คุยกันเลย เราน้อยหน่านะ”

            “เอ่อ..ครับ” เหมือนมีบรรยากาศอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออก

            “หิวววว ไปกินข้าวกันป่า” กล้าวิ่งออกจากห้องมากอดคอผม เหมือนอากาศจะโล่งขึ้นทันที

            “แล้วเต้ละครับ”

            “เสร็จแล้วๆๆไปกันๆ” เต้เดินออกจากห้องมาแล้วก็กอดคอผมอีกข้าง สองคนนี่เป็นอะไรกับการกอดคอผมนักหนาครับ

            “ทำได้ไหมละครับ” ผมถาม สองคนนั่นหันหน้าหนีไปทันที

            “เออ อย่าพึ่งถามรอให้พ้นวันนี้กันก่อนเหอะ ไปกินข้าวกันหิวแล้ว”

            “เราไปกินด้วยกันนะ” น้อยหน่าถาม

            “ไปด้วยกันทั้งหมดนี่ละ” แม็คพูดก่อนที่จะเดินนำพวกผม สองคนนั่นก็กอดคอผมเดินตามไปนี่จะติดอะไรผมปานนั้นครับ ผมกับสี่คนยกโขยงมาที่โรงอาหาร ผมรับหน้าที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเช่นเดิม กล้ากลับมาพร้อมกับจานข้าวอีกจานที่ปกติแม็คจะเป็นคนชื้อมาให้ผมซะมากกว่า

            “นี่ของป่านะ ทานได้ใช่ไหม”

            “ได้สิขอบคุณมากครับกล้า”

            “อ่ะนี่น้ำ” ผมพยักหน้าขอบคุณ ซักพักเต้ก็ตามมา แม็คเดินกลับมาพร้อมกับน้อยหน่า ภาพที่ทั้งสองคนเดินคุยมาคู่กันมันดูเหมาะสมจริงๆทำให้ผมอดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้ ผมท่าจะเป็นมาโซนะครับชอบทำร้ายตัวเองจริงๆได้แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ ผมยื้อได้เท่านี้เอง

            “ป่าไม่สบายรึเปล่า หน้าซีดๆ”

            “ไม่เป็นไรครับ ทานกันดีกว่าครับ” กล้าก้มลงกินต่อ ผมก้มหน้าทานเงียบๆ เสียงพูดคุยร่าเริงตลอดการทานข้าว หลังจากที่ทานข้าวเสร็จแล้วเราก็เดินกลับขึ้นห้อง

            “ป่าแล้วแม่กลับมายัง เตรียมเก็บกระเป๋าไว้แล้วหรือยัง” กล้าถามผม

            “นี่จะไปกันแล้วเหรอครับ รีบจังเลยนะครับกล้า”

            “ไม่ได้รีบนะ กลัวนายเก็บของไม่ทันต่างหาก”

            “คิดเรื่องตอนบ่ายนี้ดีกว่าครับ”

            “ป่า!!” กล้าทำหน้าเหมือนจะเข้ามาบีบคอผมที่พูดถึงสอบตอนบ่าย

            “ฮ่าๆๆ” ผมถอยหลังหนีกล้าที่เดินเข้ามา

            “โอ๊ะ ระวัง” ผมถอยหลังจนชนกับคนที่เดินตามหลังมาก

            “ขอโทษนะครับแม็ค”

            “ระวังจะไปชนกับอะไรเข้าละ นายยิ่งซุ่มซ่ามอยู่” แม็คดันหลังหลังผมให้ยืนตรงๆ

            “ไม่คิดเลยนะธนาเป็นคนที่ร่าเริง ปกติไม่เห็นจะคุยกับใครซักเท่าไหร่”

            “ผมไม่ค่อยคุ้นนะครับ”

            “แล้วจะไปเที่ยวที่ไหนกันละเนี้ย แม็คไม่เห็นชวนกันเลย” น้อยหน่าทำหน้าบึ้งด้วยหน้าตาน่ารัก

            “ว่าจะไปเที่ยวบ้านกล้านะ ช่วงปิดเทอมหลังสอบเสร็จนะ”

            “เราไปด้วยได้ไหม”

            “ไปได้สิหน่า” ผมหันหลังแล้วเดินไปหาเต้ โดยไม่สนว่าทั้งสองคนจะคุยอะไร

            การสอบช่วงบ่ายก็ไม่ได้ยากอะไรมากสำหรับผม สอบวิชาสุดท้ายเสร็จแล้วผมเก็บกระเป๋าออกมารอนอกห้อง

            “ป่า” ผมยืนรออยู่นอกห้องพี่ป่านก็เดินเข้ามาหาผมทันที

            “มีอะไรเหรอครับ”

            “ป่าทำเรื่องไว้แล้วหรือยัง”

            “ผมยื่นเรื่องไว้ก่อนสอบเรียบร้อยแล้วครับ หลังจากที่กลับมาจากเที่ยวที่ทะเลผมคงพร้อม” ผมตอบเบาๆ

            “อ้อ เรื่องไปเที่ยวคุณป้าบอกพี่แล้วละ เดี๋ยวพี่จะไปด้วย คุณป้าฝากไว้แล้ว อ๊ะ ห้ามปฏิเสธอาการเราพ่อพี่เป็นห่วง” พี่ป่านลูบหัวผม ผมยกยิ้มบางถึงแม้จะมีคุณแม่เพียงคนเดียว ก็จะมีแต่พี่ป่านที่เป็นเพื่อนเป็นพี่

            “ได้สิครับ ขอบคุณนะครับพี่ป่าน”

            “แล้วบอกเพื่อนรึยัง” ผมนิ่งเงียบ

            “บอกเรื่องอะไรเหรอครับอาจารย์ป่าน” ผมชะโงกหน้าข้ามไหล่พี่ป่านไปดู แม็คเดินออกมาหลังสอบเสร็จ

            “เรื่องอาจารย์จะไปเที่ยวด้วยนะครับ” ผมโผล่งตอบออกไปก่อนที่พี่ป่านจะบอกอะไรออกไป แม็คทำหน้างงแต่ก็ไม่ว่าอะไร

            “เรากลับก่อนนะ” ผมบอกแม็คแล้วจับมือพี่ป่านลากไปที่รถ มาถึงรถพี่ป่านก็บอกให้ผมปล่อยมือ

            “นี่จะลากพี่ไปไหนหือ พี่จะไปส่งอยู่แล้วไม่ต้องลาก” พี่ป่านว่าก่อนจะปลดล็อกรถ

            “ผมเปล่ารีบนะครับ วันนี้รบกวนพี่ป่านไปส่งผมหน่อยนะครับ” ผมว่าก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยโดยไม่สนใจพี่ป่าน

            ได้ยินแค่พี่ป่านบ่นพึมพำว่าผม แต่ผมไม่สนใจฮ่าๆๆพี่ป่านแกก็บ่นให้ผมแบบนี้ประจำแหละ พี่ป่านขับรถมาส่งผมแล้วก็กลับบ้านไป ว่าแต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะออกเดินทางวันไหน อ่ากลับมาก่อนกล้าเลยลืมถามไปเลย ผมค้นเอาโทรศัพท์ที่ผมพกไว้เป็นที่ทับกระดาษ เพราะผมก็ไม่รู้จะโทรไปหาใคร คุณแม่ก็อยู่ตรงที่ไม่มีสัญญาณถ้ามีสัญญาณแม่จะเป็นคนโทรติดต่อผมมาเอง แต่ปกติพี่ป่านก็จะมาอยู่กับผมประจำอยู่แล้ว มีช่วงหลังๆนี่ละที่แวบหายไปบ่อยๆ จนคุณอามาถามกับผมบ่อยๆว่าลูกชายแกอยู่กับผมไหม

            “กล้าครับผมป่านะครับ”

            “(ป่าเหรอ)” เสียงกล้าฟังดูตกใจที่ผมโทรไป

            “ใช่ครับ พอดีผมลืมถามว่าเดินทางวันไหนนะครับ”

            “(เออเราก็ว่าอยู่ เดี๋ยวเราจะไปรับที่บ้านนะประมาณวันศุกร์หน้านะ)” ศุกร์หน้าสินะ

            “ครับพอดีพี่ป่านจะไปด้วยได้ไหมครับสะดวกไหมครับ” คือถ้าพี่ป่านไปไม่ได้ผมก็ไปไม่ได้

            “(เฮ้ยได้ๆ ไม่มีปัญหาอะไร)”

            “ขอบคุณนะครับ”

            “(นี่เบอร์ป่าใช่ไหม เราจะได้เมนไว้ แล้วเจอกันนะ)”

            “เบอร์ผมเองครับ แล้วเจอกันครับ” ผมวางสายไป ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนครั้งแรก ผมรู้สึกดีใจมาก

 

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------



เราจะไปเที่ยวทะเลกับป่าแล้ววว

เตรียมเก็บกระเป๋ากันเลยคjะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love Diary รักที่แอบมอง Day 12 : สอบไฟนอล
« ตอบ #39 เมื่อ: 07-08-2016 08:47:21 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่1 7/8/2559
«ตอบ #40 เมื่อ07-08-2016 09:24:22 »

 :katai4:

แม็คโว้ย ให้น้อยหน่าติดสอยห้อยตามไปทำไมคะ เด๋ยวเจอป่านป่าสวีทกันอย่าร้องนะ  :m31:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่1 7/8/2559
«ตอบ #41 เมื่อ07-08-2016 12:34:14 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ ketekitty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่1 7/8/2559
«ตอบ #42 เมื่อ07-08-2016 13:00:02 »

เหมือนจิดราม่า  :mew5:

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่1 7/8/2559
«ตอบ #43 เมื่อ07-08-2016 17:50:41 »

หืมมมม กลัวใจคนเขียน คนเขียนรังแกน้องป่า!!!
  :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่1 7/8/2559
«ตอบ #44 เมื่อ08-08-2016 03:10:09 »

ทำไมมีลางว่าตอนเที่ยวจะเกิดเรื่อง

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Love Diary รักที่แอบมอง day 13 : เดินทาง
«ตอบ #45 เมื่อ09-08-2016 13:18:49 »

13

            ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ผมตื่นเต้นจนแทบนอนไม่หลับ พี่ป่านแพ็คกระเป๋ามานอนกับผมตั้งแต่เมื่อคืน พี่ป่านมีห้องอยู่ที่นี่เพราะแกมาพักกับผมบ่อยๆ ผมตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมของไว้กินระหว่างการเดินทาง ผมอบขนม และทำแซนวิสไว้ทานตอนเช้า ผมชงกาแฟใส่แก้วเก็บความร้อนไว้ แล้วชงใส่แก้วรอไว้ให้พี่ป่านตื่น แล้วขึ้นไปอาบน้ำเก็บของลงมาเตรียมไว้ที่ห้องนั่งเล่น นี่ผมไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลยนะครับ

            “ฮ้าววว ป่าตื่นเช้าจังเลย”

            “ผมตื่นมาทำขนมไว้กินระหว่างทางนะครับ”

            “โอ้ ขอบคุณสำหรับกาแฟนะ” พี่ป่านนั่งลงทานกาแฟ แล้วโทรศัพท์ผมก็ดัง

            “สวัสดีครับ”

            “(ป่านี่กล้านะเราอยู่หน้าปากซอยแล้วนะ)”

            “โอเคครับเดี๋ยวเราออกไปรอที่หน้าบ้านนะครับ” กล้ากดวางสายไป ผมกับพี่ป่านขนของไปไว้ที่หน้าบ้านก่อนที่ผมจะเช็คความเรียบร้อยภายในบ้านก่อนที่จะล็อกบ้านเรียบร้อย เราสองคนยืนรอไม่นานรถก็มาถึง

            “สวัสดีครับอาจารย์ป่าน” ทันทีที่ประตูเปิดเสียงกล้าก็ลอดออกมา

            “เรียกพี่เหมือนป่าก็ได้ไม่ได้อยู่ในโรงเรียนแล้วนิ ว่าแต่ใครขับรถมา”

            “คนขับรถบ้านไอ้แม็คนะครับพี่ป่าน” พวกเรารีบเก็บของขึ้นรถแล้วขึ้นบนรถตู้

            “สวัสดีค่ะพี่ป่าน ป่าด้วยนะ”

            “สวัสดีครับน้อยหน่า” ผมยิ้มบางจะพาตัวเองเข้าไปนั่งข้างหลังสุดที่ว่างเพราะแม็คนั่งคู่กับน้อยหน่า กล้ากับเต้นั่งด้วยกัน ผมนึกว่าพี่ป่านจะมานั่งกับผมแต่พี่ท่านดันไปนั่งข้างคนขับ เบาะหลังเป็นของผมคนเดียว และเราก็ออกเดินทาง

            พอพ้นเขตกรุงเทพแสงแดดก็เริ่มส่องแสงทอประกาย ผมเหม่อมองทิวทัศน์ที่ผ่านไปนอกหน้าต่างรถ  ส่วนกล้าและเต้ก็หลับตั้งแต่ผมขึ้นรถมา ส่วนแม็คผมได้ยินเพียงเสียงกระซิบกระซาบกันตอนนี้กล้างัวเงียตื่นขึ้น

            “กล้าเอากาแฟหน่อยไหม”

            “หืมมีด้วยเหรอ”

            “เราชงมาให้กล้าไง” ผมยืนแก้วกาแฟให้กล้า

            “โอ๊ยป่า นายน่ารักจริงๆ แต๊งๆ” กล้ารับเอาแก้วกาแฟไป ผมเลยยื่นกล่องแซนวิสไปให้ด้วย ทันทีที่กล้าเปิดแก้วกลิ่นกาแฟก็ฟุ้งทั่วทั้งรถ ทำเอาเต้พงกหัวขึ้นมา

            “กินด้วยดิวะ”

            ทั้งสองคนกินกาแฟกับแซนวิสอย่างรวดเร็ว ผมนั่งเงียบๆอยู่ข้างหลังพร้อมกับอาการพะอืดพะอมและอาการเวียนหัว  อาสงสัยว่าผมคงจะเมารถแน่ๆ ผมพยายามที่จะข่มตาให้หลับ

            “พี่จอดรถก่อนครับ” ผมได้ยินเสียงพี่ป่านบอกคนขับรถ

            “มีอะไรเหรอครับพี่ป่าน” แม็คถาม

            “ถอยหน่อยพี่จะเข้าไปดูป่า” ผมได้ยินแต่เสียงกุกกักๆ

            “ป่ากินยาหน่อยนะ พี่ว่าแล้วว่าเราต้องเมารถแน่ๆ เราไม่เคยนั่งรถนานขนาดนี้” ผมลืมตาแล้วรับเอายาที่พี่ป่านยืนมาให้กินเข้าไป พี่ป่านจับข้อมือผมเพื่อเช็คการเต้นของหัวใจของผม แล้วถอนหายใจ

            “ยังดีอยู่ ยานี่จะทำให้ง่วงหน่อยนะป่านอนลงเลยเดียวถึงพี่จะเข้ามาปลุกนะ”

            “ขอบคุณครับพี่ป่าน” ผมบอกก่อนที่จะหลับตาลง

            “เดี๋ยวผมไปนั่งกับป่าเองครับพี่ป่าน” ผมได้ยินแม็คบอกพี่ป่านแต่ผมไม่สนใจที่จะลืมตาขึ้นมองได้ยินแต่เสียงกุกกัก

            “เดี๋ยวสิแม็ค” ผมได้ยินเสียงน้อยหน่าเรียกแม็ค ซักพักผมก็รู้สึกว่ามีคนนั่งข้างๆแล้วรถก็เคลื่อนเดินทางอีกครั้ง ผมรู้สึกง่วงแล้วผมก็หลับไป

            “ป่า ป่า ตื่นได้แล้ว ถึงแล้วนะ” ผมงัวเงียลืมตาขึ้น หืมทำไมผมนอนบนหมอนได้ละเนี้ย ว่าแต่บนรถนี่มีหมอนด้วยเหรอ หืม

            “อ่ะ แม็ค” ผมรีบดันตัวลุกขึ้นนั่ง นี่ผมนอนหนุนตักแม็คตั้งแต่เมื่อไหร่

            “ขอโทษนะ แม็คน่าจะปลุกเรา” ผมขยับแว่นให้เข้าที่

            “ไม่เป็นไร อีกอย่างป่านอนน้ำลายยืดด้วยนะฮ่าๆ” ห๊ะจริงเหรอ ผมรีบยกมือปิดปาก มันต้องน่าเกลียดแน่ๆ

            “ล้อเล่นน่า ป่านอนนิ่งจะตาย”

            “แต่มันก็นานนะ ขาแม็คไม่เป็นเหน็บแย่เหรอ”

            “เราแทบไม่รับรู้ถึงความหนักเลยป่าตัวเบามากจนเราไม่รู้สึกว่าป่านอนหนุนตักเราอยู่เลย เราว่าลงไปกันเถอะเดี๋ยวไม่ทันพวกนั้น” ผมหันมองรอบๆเห็นแค่ผมกับแม็คอยู่ด้วยกันสองคน แม็คเปิดประตูรถก่อนที่จะลงไปยืนรอผมด้านนอก ผมเลยเดินลงจากรถ

            “ว้าวว บ้านพักสวยจัง” ผมลงมาก็เห็นบ้านพักหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยหมู่แมกไม้

            “หึๆเข้าไปกันเถอะ” แม็คขำก่อนที่จะเดินนำหน้าผมไปที่บ้านพักผมรีบเดินตามไป

            “ป่าเป็นไงบ้างเห็นนอนหลับพี่เลยไม่ปลุก” พี่ป่านพอเห็นผมก็รีบเดินมาหาผมทันที

            “พี่ป่านทำไมไม่ปลุกผมละ ให้ผมนอนหนุนตักแม็คตั้งนาน” ผมกระซิบเสียงเขียวกับพี่ป่าน

            “ก็พี่อยากเห็นน้องมีความสุขฮ่าๆๆๆ” พี่ป่านขำแล้วเดินหนีผมไป นี่พี่ป่าน ไม่น่าปล่อยพี่ป่านไว้บ้านเลยนี่แอบไปอ่านสมุดบันทึกผมแน่ๆ พี่ป่านนะพอเรื่องคนอื่นนี่รู้สึกไวแต่พอเป็นเรื่องตัวเองนี่เรียกได้ว่าซื่อบื้อเลยทีเดียว

            “กล้าเราอยู่ห้องไหนเหรอครับ” ผมเดินไปถามกล้าเพราะผมยังรู้สึกง่วงๆเบลอๆอยู่นิดหน่อยถึงจะตื่นเต้นที่บ้านพักสวยขนาดนี้ก็เถอะนะครับ

            “เออห้องชั้นสองซ้ายมือนะเด็กเอากระเป๋าขึ้นไปไว้ที่ห้องแล้ว ป่าไปพักเถอะหน้ายังซีดๆอยู่เลย” กล้าแตะที่หน้าผากผมแล้วไล่ผมไปพัก ผมยิ้มบางให้กล้าก่อนจะขอตัวขึ้นไปพัก

            ห้องนอนที่มีเตียงใหญ่ ระเบียงใหญ่ที่มองออกไปจะเห็นทะเลสีฟ้าครามที่เปล่งประกายสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเย็น ผมคิดถูกจริงๆที่มาเที่ยวครั้งนี้ ความทรงจำนี้ผมจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต ผมล้มตัวลงนอน มองพระอาทิตย์ที่คล้อยต่ำแล้วก็เผลอหลับไป

            ก๊อก ก๊อก

            ผมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเคาะประตู อาเหนียวตัวจัง ผมลืมปิดประตูระเบียงลมทะเลที่พัดเข้ามาเลยทำผมเหนียวตัวมากเลยทีเดียว ผมเดินไปเปิดประตู

            “เรามาเรียกป่าไปกินข้าวนะ รู้สึกดีขึ้นรึเปล่า” แม็คนั่นเองที่ขึ้นมาเรียกผม

            “อ่าเดี๋ยวเราลงไปนะขออาบน้ำก่อนนะ”

            “อืมเดี๋ยวเรารอหน้าห้องนะ” แม็คว่า

            “เข้ามารอข้างในก็ได้นะ เดี๋ยวเราก็เสร็จแล้ว” ผมเปิดประตูทิ้งไว้ก่อนที่จะรีบเดินไปคว้าเอาผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรีบอาบน้ำขนาดนั้น ผมรีบอาบน้ำ แต่งตัว

            “เสร็จแล้วเหรอ เร็วจัง”

            “เรากลัวทุกคนรอนะ ไปกันเถอะ” ผมรีบแขวนผ้าขนหนูแล้วจะเดินออกจากห้อง

            “ผมยังเปียกอยู่เลย มานั่งก่อน” ผมเดินไปนั่งตรงปลายเตียงตามที่แม็คว่า แม็คเดินไปหยิบเอาผ้าขนหนูที่ผมพึ่งแขวนไป เดินมานั่งแล้วเช็ดผมให้ผม เฮ้ยยย

            “ดะ...เดี๋ยว.....เราทำเอง”

            “ไม่เป็นไรจะเสร็จแล้ว” ผมได้แต่นั่งนิ่งๆให้แม็คเช็ดผมให้จนเสร็จ

            “ขอบคุณนะ”

            “ไม่เป็นไรไปกินข้าวกันเถอะ” ผมเดินตามแม็คลงไปข้างล่างที่ทุกคนนั่งรออยู่แล้ว

            “ดีขึ้นรึยังป่า”

            “ดีขึ้นมากแล้วละครับกล้า” ผมหันไปตอบกล้า

            “ดีแล้วพรุ่งนี้จะได้ไปเล่นน้ำกับพวกเราได้” กล้ายิ้มกว้าง ผมทำได้แค่ยิ้มตอบบางๆ

            “ป่านี่ดูบอบบางนะ ป่าจะไปเล่นน้ำได้เหรอ เดี๋ยวไม่สบายขึ้นมาจะแย่เอานะ” ผมทำได้แค่ยิ้มบางๆให้น้อยหน่า

            “ไม่ต้องห่วงหรอกครับน้องน้อยหน่าใช่ไหมครับ มีพี่อยู่ทั้งคน เดี๋ยวพี่ดูแลเองถ้าป่าไม่สบาย” พี่ป่านว่าก่อนจะตักปลาสามรสมาใส่จานให้ผม น้อยหน่าทำหน้าเคืองๆ เอ่อพี่ป่านนานๆทีด้านนี้ของพี่ป่านจะโผล่ให้เห็น ผมเลยเลือกที่จะนั่งกินเงียบๆดีกว่า

            “ป่ากินเสร็จไปเดินเล่นที่หาดไหม” เต้กระซิบชวนผม

            “ไปครับ” ผมตอบแล้วรีบทาน ผมทานเงียบๆโดยเลือกที่จะไม่สนใจสายตาของคนที่มองผมตั้งแต่พี่ป่านตอบกลับน้อยหน่าแล้ว ผมรวบช้อนทันทีที่ทานเสร็จ

            “เราขอตัวก่อนนะ” ผมลุกออกจากโต๊ะทานข้าวแต่ไม่ได้เดินกลับขึ้นห้อง ผมเดินออกมานอกบ้าน แสงไฟสีส้มที่ประดับทางเดินสีนวลตา ผมเดินตามทางเดินไปที่ชายหาด ผมถอดรองเท้าแตะไว้ก่อนที่จะสัมผัสผืนทรายที่นุ่ม ลมทะเลพัดเบาๆแต่ก็นำพาอากาศที่เย็นมาสัมผัสผิวกาย

            “ทำไมไม่ใส่เสื้อแขนยาวมาด้วยละ ไม่หนาวเหรอ” เต้ทักผม

            “อ้อเราชอบอากาศแบบนี้นะมันก็ไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่หรอกนะ” ผมหยุดรอเต้ก่อนที่จะเดินไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงคลื่นยามค่ำคืน

            “ป่า เรามีเรื่องอยากจะถามนายหน่อย” อยู่ดีๆเต้ก็พูดขึ้นมา

            “มีเรื่องอะไรเหรอครับ”

            “เอ่อ.... ป่านายจะออกจากโรงเรียนทำไมเหรอ” ผมหยุดนิ่ง นี่เต้รู้เรื่องนี้ได้ยังไงกันเนี้ย

            “เต้รู้เรื่องได้ยังไงครับ” ผมถามด้วยความแตกตื่น

            “หลังสอบเสร็จเราไปหาอาจารย์ที่ห้องพักครูเราได้ยินพวกอาจารย์คุยกันนะ” ผมรู้สึกชาไปทั้งตัวถ้าหากเป็นก่อนหน้าที่ผมจะได้เจอทั้งสองคน ได้คุยกับคนที่แอบมองมานานแล้วผมคงไม่รู้สึกอะไรแต่ตอนนี้ผมกลับไม่อยากที่จะบอกความจริงให้ทุกคนรู้

            “เราไม่ได้ตั้งใจจะปิดพวกเต้นะ” ผมรีบอธิบาย

            “เราไม่ได้โกรธเราแค่อยากรู้เหตุผล เราเป็นห่วงป่านะอีกไม่นานก็จะจบแล้วเราอยากให้จบพร้อมกัน”

            “เราขอโทษ เราก็อยากจบกับทุกคนนะ แต่คงเป็นไปไม่ได้เรื่องนี้ตกลงกันมานานแล้วละครับ”

            “เป็นเหตุผลที่บอกไม่ได้ใช่ไหมล่ะ” ผมยิ้มตอบ “เฮ่อ นายนี่นะเหมือนจะเป็นคนหัวอ่อนแต่จริงๆนี่ดื้อน่าดูนะ”

            “ขอบคุณที่ชมนะครับ เราดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับเต้ถึงเวลาจะไม่นานแต่เราก็มีความสุขมากนะ”

            “เฮ้ๆทำไมนายพูดเหมือนเป็นลางงี้วะ แต่เราก็ยินดีที่ได้เป็นเพื่อนกับนายนะรู้งี้น่าจะชวนคุยตั้งนานแล้ว” ผมยืนนิ่ง

            “แล้วนายจะไปไหน เราติดต่อกันได้อยู่ใช่ไหม”

            “ได้สิครับ ถ้าทุกอย่างลงตัวผมจะส่งเมล์มาหานะครับ” ถ้าผมผ่านพ้นช่วงสำคัญไปได้

            “เดินทางเมื่อไหร่”

            “หลังจากกลับจากเที่ยวครับ ผมก็ไปแล้ว”

            “เห้ยยย ทำไมเร็วงี้วะ”

            “นั่นสินะครับ เวลาทำไมมันผ่านไปเร็วจัง” แล้วเราสองคนก็เงียบยืนมองทะเลปล่อยความคิดให้ลอยไป ผมเสียดายเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้เวลานั้นช่างผ่านไปในแต่ละวันมันช่างยาวนาน

            “นายชอบไอ้แม็คเหรอ” อยู่ๆเต้ก็ถามขึ้น เป็นคำถามที่ทำให้หัวใจผมเต้นรัว

            “ก็ชอบสิครับแม็คเป็นคนดีมาก” ผมกลบเกลื่อนไปแบบน้ำขุ่นๆ

            “เราไม่ได้หมายความว่าชอบแบบเพื่อน ชอบแบบคนรักนะเข้าใจใช่ไหม”  ผมทำได้เพียงแค่นิ่งเงียบ เต้รู้ได้ยังไง

            “ทำไมถึงรู้ละครับ” ผมถามเสียงแผ่ว

            “เราสังเกตเอา แรกๆแค่สงสัยแต่สายตานายมันบอกทุกๆอย่างที่นายคิดทำให้เรามั่นใจในสิ่งที่เราสงสัย”

            “โอ๊ยยย.” ผมอยากจะร้องกรี๊ดถ้าผมกรี๊ดเป็นนะ ทำไมกัน ผมทรุดตัวนั่งลง

            “ฮ่าๆๆๆ ป่านี่ดูออกง่ายจริงๆ ชอบมันมานานรึยังละ แปลกใจจริงๆที่มันไม่รู้เรื่อง” เต้นั่งลงข้างๆผม           

            “เราดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ เราไม่รู้ว่าเริ่มชอบตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีเราก็ชอบไปแล้ว” ผมบอกเบาๆ เต้นั่งยิ้มกว้าง แล้วจู่ๆก็กอดคอรั้งตัวผมเข้าไปใกล้ ก่อนที่จะขยี้หัวผมแรงๆ

            “น่าอิจฉามันจริงๆที่มีคนดีๆแอบชอบมันมาตั้งนาน”

            “เต้ไม่ว่ามันแปลกๆเหรอที่เราเอ่อ...ชอบแม็ค”

            “ไม่นิ ฮ่าๆๆป่านี่น่ารักจริงๆ” และเต้ก็กอดคอผมแล้วหัวเราะผมไม่รู้ว่าเต้หัวเราะอะไรแต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะตาม

            “ออกมานั่งหัวเราะอะไรกันตรงนี้เนี้ย เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี” พวกผมหยุดหัวเราะแล้วหันไปมอง แม็คยืนอยู่ข้างหลังพวกเรา

            “เออมาพอดีเดี๋ยวกูเข้าไปอาบน้ำดีกว่าชักง่วงแล้วอยู่เป็นเพื่อนป่าหน่อย ฝันดีนะป่า” เต้พูดกับแม็คแล้วหันมาขยิบตาให้ผม ทำให้ผมที่กำลังจะขอตามกลับไป ถึงกับพูดไม่ออก คิดอะไรของเค้ากันนะ

            “ไม่หนาวเหรอ หรือว่าไม่อยากนั่งกับเรา” แม็คนั่งลงข้างๆผม

            “ปะ...เปล่าๆ เราแค่กลัวว่าแม็คจะเบือ” ผมหันหน้าไปมองทะเลไม่กล้าที่จะมองคนข้างกาย

            “ไม่หรอก เมื่อกี้นี้เห็นหัวเราะกันเสียงดังเลยนิ” แม็คถามขึ้นลอยๆ

            “เต้คุยสนุกนะครับ” ผมตอบยิ้มๆ

            “นั่นสินะ ไม่หนาวเหรอ”

            “ก็พอไหวครับ อากาศแบบนี้สบายดีออกครับ” แล้วจู่ๆก็เกิดเงียบกันทั้งสองฝ่ายผมก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไร เป็นความเงียบที่ให้ความรู้สึกดีถึงแม้ผมจะจากไปในอีกไม่นาน ช่วงเวลานี้ผมอยากหยุดไว้ให้นานที่สุด ช่วงเวลาที่เหมือนโลกหยุดหมุนมีเพียงเราสองคนนั่งอยู่ตรงนี้

            “เข้าบ้านกันเถอะ” แม็คว่าก่อนที่จะลุกขึ้น

 

 

 

                                                            แต่ช่วงเวลานี้ก็อยู่กับเราได้ไม่นาน

 



 อ่าาาาาชักไม่อยากลงต่อ กลัวใจตัวเอง

ป่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

#โดนโบก

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่13 9/8/2559
«ตอบ #46 เมื่อ09-08-2016 13:31:15 »

 :katai2-1:

ผ่าตัดเลยค่ะ เป็นไงเป็นกัน!!!  :fire:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่13 9/8/2559
«ตอบ #47 เมื่อ09-08-2016 13:38:19 »

 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
แสงสีส้มทอประกายที่เส้นขอบฟ้า ความเคยชินทำให้ผมตื่นแต่เช้ามืดประจำถึงแม้ว่าเมื่อวานจะเดินทางไกล ผมยืนมองแสงพระอาทิตย์ที่ค่อยๆลอดผ่านหมู่เมฆกระทบท้องทะเลให้เปล่งประกาย ผมมองดูภาพนั้นเพื่อจดจำ และเหมือนการตอกย้ำว่าเวลาของผมสั้นลงเรื่อยๆ ผมได้แต่ยิ้มให้ตัวเอง ก่อนที่จะไปอาบน้ำเพื่อตัดการคิดฟุ้งซ่านของผมทิ้งไป ผมเดินลงมาข้างล่างยังไม่เห็นมีใครลงมาท่าทางจะยังไม่ตื่นกัน ผมเลยเดินเข้าไปในครัวที่ป้าแม่บ้านกำลังขมักเขม้นล้างผักอยู่

            “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”

            “ว๊ายชะนีตกตึกตาย โอ๊ยคุณคะป้าตกใจหมดเลย ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” ป้าสงสัยจะตกใจที่จู่ๆผมก็ทักออกไป

            “ขอโทษด้วยครับผมไม่คิดว่าป้าจะตกใจ” ผมรีบยกมือไหว้ขอโทษ

            “ไม่เป็นไรค่ะป้าขวัญอ่อนปกติไม่มีใครตื่นเช้าเท่าป้าแล้วละค่ะ”

            “มาครับผมช่วย” ผมเดินเข้าไปหยิบผักที่เหลือเข้าไปล้าง

            “ไม่ได้ๆ เดี๋ยวป้าทำเองค่ะ” ป้ารีบเดินมาคว้าผักมือผมแต่ผมยกหลบไป

            “ไม่เป็นไรหรอกครับยังไงผมก็ว่างให้ผมช่วยนะครับ”

            “โถก็ได้ค่ะ” ผมเดินไปล้างผักทั้งหมดใส่ตะกล้า ก่อนที่ไปช่วยหันพริกหวานหลากสีให้เป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า เตรียมผักไว้สำหรับทำสลัด

            “คล่องแคล่วเลยนะคะ ท่าทางจะทำปล่อย”

            “ผมทำที่บ้านประจำนะครับคุณแม่ท่านงานยุ่ง”

            “ดีแล้วละคะทำอาหารได้นี่ไปไหนก็ไม่ลำบาก” ผมยิ้ม ช่วยกันจนทำอาหารเช้าเสร็จผมเลยอาสาออกไปจัดโต๊ะ

            “อ่าวป่า ตื่นแต่เช้าเลยนะ”

            “อรุณสวัสดิ์ครับ แม็คเองก็ตื่นเช้านะครับ”

            “นี่ไม่เห็นใส่แว่น”

            “ผมสายตาไม่ได้แย่อะไรมากครับถ้าไม่ใช่ตอนเรียนไม่ต้องใส่ก็พอมองเห็นอยู่นะครับ”

            “แบบนั้นสายตายิ่งไม่เสียแย่เหรอ” ผมทำได้แค่ขำ ก็ผมไม่ค่อยชอบใส่เท่าไหร่แต่มันก็ดันลำบากเวลาอ่านหนังสือ

            “ก็ประมาณนั้นละครับ” ผมจัดโต๊ะเสร็จโดยมีแม็คช่วยอีกมือทุกคนก็เดินลงมาพอดี

            “ป่า~~~~~~ กินข้าวเสร็จไปเล่นน้ำกัน” กล้าวิ่งลงมาพร้อมกับตะโกนลงมา

            “ครับๆมาทานข้าวก่อนเถอะครับ” พอผมรับคำกล้าก็วิ่งมากอดผมทันที มันจะแน่นไปละนะครับ

            “ปล่อยป่าได้แล้วไอ้กล้า” แม็คเดินมาดึงคอเสื้อกล้าลากออกไปจากตัวผม แล้วการทานอาหารเช้าก็เริ่มขึ้นพร้อมกับเสียงทะเลาะกันของเต้และกล้าที่ทะเลาะเรื่องจะไปเล่นเครื่องเล่นอะไรก่อนดี เป็นปัญหาระดับชาติจริงๆเลยนะครับ พี่ป่านลงมาหลังจากที่พวกผมทานข้าวเช้าเสร็จพอดี แกขอแค่กาแฟดำอย่างเดียว

            “ไม่ทานข้าวหน่อยเหรอครับ”

            “ไม่ละพี่กินแค่นี้ก็พอตอนเช้าพี่กินอะไรไม่ลง” ผมได้แต่ทำหน้าหมุ่ย

            “พี่ป่านอีกนิดพี่ก็ปลิวตามลมได้แล้วนะครับ”

            “จ้าๆ บ่นเหมือนพ่อพี่เข้าไปทุกทีนะ” พี่ป่านโบกมือไล่ผม อย่าให้ผมได้เจอคุณอานะ ผมจะฟ้องให้เข็ด เหมือนเด็กเข้าไปทุกที ผมเลยเดินตามพวกเต้ออกไป ผมเดินลงมาที่หาด เต้กลับกล้ากำลังจะขึ้นบานาน่าโบ๊ท กล้าตะโกนชวนผมไปเล่นแต่ผมคงจะไปเล่นไม่ไดหรอกนะ ผมโบกมือปฏิเสธก่อนที่จะนั่งรอที่เตียงผ้าใบดูสองคนนั้นเล่นกันอย่างสนุกสนาน ซักพักทั้งสองคนก็โดนเทลอยคออยู่ในทะเล ผมขำแค่มองดูผมก็รู้สึกสนุกแล้ว

            “ไม่ลงไปเล่นด้วยละ มาทะเลทั้งที” แม็คเดินมานั่งที่เตียงผ้าใบข้างๆ ผมหันไปมอง แม็คเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้นและเสื้อกล้ามสีขาว ผมรีบหันหน้าไปมองทะเล

            “แม็คทำไมไม่รอหน่าเลยละ” หน่าเดินมาหาพวกเราสองคน

            “ก็เราไม่เห็นหน่าเลยลงมาก่อนนะ” หน่ายิ้มกว้างก่อนที่จะนั่งลงข้างๆแม็ค

            “ป่านี่ขาวจังเลยนะ เหมือนคนไม่เคยออกแดดเลย” ผมยิ้มบาง

            “เราไม่ค่อยได้ออกไปไหนนะครับ”

            “อิจฉาจังเลย ผิวก็เนี๊ยนเนียน” จู่ๆหน่าก็เดินมาลูบแขนผม จนผมสะดุ้ง

            “เอ่อเราไม่รู้หรอกนะว่าเนียนรึเปล่านะครับ”

            “ป่านี่ผิวดีกว่าผู้หญิงอย่างเราอีก อิจฉาอ่ะ” เอ่อ.. หน่าจะลูบแขนผมอีกนานไหมครับ ผมขยับตัวหนีนิดหน่อย

            “หน่าไปเล่นบานาน่าโบ๊ทกับเราดีกว่านะ” ผมถอนหายใจโล่งอกเมื่อหน่ายอมเดินตามแม็คไป ผมจะผิวเนียนผิวขาวแล้วมันจะมีประโยชน์อะไรกันละครับ ผมถอนหายใจป้าแม่บ้านยกเอาน้ำและขนมมาให้ ผมขอบคุณ อากาศดีชะมัด ผมนอนอ่านหนังสือที่พี่ป่านฝากป้าแม่บ้านมาให้ผม รู้ใจผมจริงๆ ผมนั่งอ่านไปเรือยๆ

Mac Part

            ผมขึ้นไปเล่นบานาน่าโบ๊ทกับไอ้เต้และได้กล้า น้อยหน่านั่งข้างหน้าส่วนผมนั่งหลังสุดไอ้สองตัวตรงกลางนี่มันจะแต๋วอะไรขนาดนั้น กรี๊ดลั่นซักพักเรือก็หักเลี้ยวทำให้บานาน่าโบ๊ทเทพวกผมลงกลางทะเล เราเล่นกันหลายรอบ ซักพักสองคนนั่นก็ชวนกันขึ้นเรือไปเที่ยวเกาะที่อยู่ห่างไม่ไกลนักแต่ผมขอตัวกลับขึ้นฝั่งเพราะผมรู้สึกแสบที่แขน ผมอาจไปโดนอะไรตอนที่ตกมาจากเรือ ผมขึ้นจากทะเล

            “ไปฟาดกับอะไรวะเนี้ย” แขนผมมีรอยแดงและรอยขีดมีเลือดไหลออกมานิดหน่อย มันไม่เยอะเท่าไหร่แต่พอโดนกับน้ำทะเลก็แสบเอาเรื่องเหมือนกัน ผมเดินมาที่เตียงผ้าใบ คนที่มาเที่ยวแต่เหมือนจะมานอนมากว่าการมาเที่ยว ผมนั่งลงที่เตียงข้างๆคนที่นอนหลับอย่างสบายอารมณ์ ผมนั่งมองผมดำยาวปรกใบหน้าเนียนที่ตอนนี้ไม่มีแว่นตาหนาเตอะปิดปังใบหน้าไปเสียครึ่งหนึ่ง ผมนั่งจ้องใบหน้าที่น้อยหน่าบ่นว่าอิจฉาในผิวขาวของเค้า

            “ตอนนอนนี่เหมือนเด็กจริงๆเลยนะ”  ผมยืนมือปัดผมที่ปรกหน้าป่าออก คนอะไรทั้งที่เป็นผู้ชายแต่ทำไมถึงได้ดู น่ารัก ใช่เค้าเหมาะกับคำนี้ทั้งๆที่เป็นผู้ชายแท้ๆ ผมลูบแก้มที่ขาวซีดแต่ให้สัมผัสนุ่ม และเนียน อืมไม่รู้เนียนรึเปล่าแต่ก็นุ่มกว่าผิวพวกผม ผมเลือนหน้าเข้าไปจนได้กลิ่นหอมที่ไม่เคยได้กลิ่น ขนตายาวที่ผมพึ่งสังเกตเห็นว่ามันยาวเป็นแพหนา แพขนตาเริ่มขยับก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจะลืมตาขึ้นมามองผม

            “มะ...แม็ค” ใบหน้าขาวซีดเปลี่ยนเป็นแดงระเรือ ซึ่งผมชอบแบบนี้นะดูเหมือนคนมีชีวิตมากกว่าตุ๊กตาขาวซีดเสียอีก

            “โทษทีทำให้ตืนเหรอ” ผมบอกแต่ยังไม่ขยับไปไหน

            “เอ่อ..แม็คมานานรึยังครับ” ตาโตที่ซ่อนอยู่หลังแว่นเบิกกว้างเมื่อผมยืนหน้าเข้าไปใกล้ อืมตากลมโตและดูใสซื่อ

            “ก็ไม่นาน พอดีมีแผลนิดหน่อยเลยขึ้นมาก่อน” ผมบอกแต่ก็ยังไม่ลุกไปไหน สีหน้าท่าทางของป่าดึงดูดความสนใจของผม

            “เป็นไรมากไหม” ป่าผลักผมออกก่อนที่ลุกขึ้นมาดูผมจนหนังสือหล่น

            “แค่แผลนิดหน่อยเอง” ผมยักไหล่มันแค่แผลนิดเดียวจริงๆ ป่าแตะแผลผมเบาๆราวกับว่ากลัวผมเจ็บ

            “เดี๋ยวเราทำแผลให้ดีกว่านะครับ” ผมพยักหน้าก็ท่าทางเป็นห่วงผมเลยไม่อยากห้ามอะไรทั้งที่แผลแค่นี้ไกลหัวใจเยอะ ป่าลุกจากเตียงรีบเดินกลับเข้าไปเอากล่องยาในบ้านพัก ซักพักก็กลับมา

            “ยืนแขนมาให้เราดูสิ” ผมเอี้ยวตัวให้ป่าดูแผลผมชัดๆ ป่าค่อยๆทำแผลให้ผมอย่างเบามือจนผมแทบไม่รู้สึกแสบเลย

            “ขอบใจมากนะ ป่านี่มือเบาจริงๆ” ผมที่หันไปหาป่าแต่เป็นจังหวะที่ป่าเงยหน้าขี้นมาพอดี นิ่ม นิ่มจริง ตากลมเบิกกว้างเมื่อผมหันไปประจวบเหมาะกับป่าที่เงยหน้าขึ้นมาดี ถึงเป็นการสัมผัสที่เบาเหมือนปุยนุ่น ป่าผงะออกไป

            “อ่าขอโทษนะ”

            “มะ.....ไม่เป็นไร มันเป็นอุบัติเหตุ แค่อุบัติเหตุเราเอากล่องยาไปเก็บก่อนนะ” ป่าพูดรัวๆก่อนที่จะลุกขึ้นรีบเดินหนี  โดยลืมกล่องยาไว้ ผมหัวเราะให้กับความเขินอายนั้น

            “เขินได้น่ารักจริงๆนะ” ผมหัวเราะก่อนที่จะนอนพักแล้วหยิบเอาหนังสือที่ตกอยู่ขึ้นมาอ่าน อืม อ่านอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ มันเป็นวรรณกรรมเก่าแก่ ที่กล่าวถึงความรักที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ผมอ่านไปได้สองบท สามคนก็กลับมาจากไปเที่ยวเกาะ หน่ารีบเดินมาหาผม น้อยหน่านี่เป็นผู้หญิงที่น่ารัก ร่าเริง

            “แม็คเป็นอะไรอ่ะ” หน่าเดินมานั่งข้างผมแล้วแตะลงที่แผล

            “อ้อตอนตกลงจากบานาน่าโบ๊ทคงไปฟาดอะไรเข้านะ แต่ไม่เป็นไรมาก ไปเที่ยวเกาะสนุกไหม” ผมถามยิ้มๆ

            “สนุกมากเลยเสียดายที่แม็คไม่ได้ไปหาดที่นั่นสวยมากเลยละ พรุ่งนี้ไปเที่ยวด้วยกันไหม” หน่าทำหน้าอ้อนๆ ผมยิ้ม

            “ได้สิ”

            “แม็คพวกกูไปอาบน้ำก่อนนะ” ผมโบกมือ

            “หน่าไม่ขึ้นไปอาบน้ำก่อนเหรอ”  หน่าไม่พูดอะไร

            “เอ่อ แม็คเรามีเรื่องอยากจะถามนาย”

            “หืมเอาสิ” ผมวางหนังสือแล้วตั้งใจฟังคำถาม

            “แม็คมีคนที่ชอบรึยัง”

            “คนที่ชอบเหรอ.........ยัง” ทำไมหน้าตาเขินๆของป่าขึ้นมาได้ละเนี้ย

            “ดีจัง แม็คเราชอบแม็คคบกับเราได้ไหม” ผมนิ่งหน่าเป็นคนน่ารักและผมก็มีความรู้สึกดีๆให้

            “ได้สิ”

 

            หน่ายิ้มกว้างก่อนที่จะหอมแก้มผมเบาๆแล้วขอตัวขึ้นไปอาบน้ำ ผมมีคนมาขอคบเรื่อยๆแต่พอคบกันไปได้ซักพักสาวๆพวกนั้นกับบอกเลิกผมเองซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าผมทำอะไรผิด แต่กับหน่าผมรู้สึกสบายใจที่อยู่ด้วยพูดคุยได้ทุกเรื่องผมเลยตกลงที่จะคบด้วยผมคว้าเอาหนังสือกับกล่องยาเดินกลับบ้านเพราะรู้สึกเหนียวตัว ถ้าผมสังเกตระหว่างทางผมอาจจะเห็นใครบางคนยืนอยู่

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อ่านแล้วเป็นไงบอกเราด้วยน้า

เราไม่มั่นใจเลยฮ่าๆๆๆ เรื่องของป่าเราตั้งใจที่จะเข็นให้จบก่อนเรื่องอื่นๆ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะ หลังจากนี้ก็จะหน่วงไปเรื่อยๆนะคะ

รักทุกคน

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่14 9/8/2559
«ตอบ #49 เมื่อ09-08-2016 15:25:30 »

 :a5:

ยังจะหน่วงอีกเหรอคะ ข้ามไปวันผ่าตัดเลยได้ไหม  :katai5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่14 9/8/2559
« ตอบ #49 เมื่อ: 09-08-2016 15:25:30 »





ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่14 9/8/2559
«ตอบ #50 เมื่อ09-08-2016 18:00:38 »

ง่ะ แม็คตกลงเป็นแฟนกับหน่าไปแล้ว
อย่าบอกนะว่าป่ามาเห็นตอนเขาตกลงคบกัน
เจ็บแทนง่ะ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่14 9/8/2559
«ตอบ #51 เมื่อ09-08-2016 20:19:51 »

หมดกัน
น้องป่าคะ
ชอบคนอื่นเถอะ
ปล่อยแม็คให้ไปคบกับชะนีซะ

 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่14 9/8/2559
«ตอบ #52 เมื่อ09-08-2016 20:40:38 »

น้องป่า เข้มแข็งนะลูก อยากกระโดดตบแม็คสักทีสองที  :katai1:

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Pan Prat

            “ป่า”

            “อึก พี่ป่าน” ป่าโผเข้าไปหาพี่ป่านกอดผม ป่าไม่ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้นมีเพียงที่น้ำตาไหลออกมาอย่างมากมายโดยไม่มีเสียงเหมือนก๊อกน้ำที่เปิดค้างไว้

            “ป่า ไม่เอาไม่เป็นอย่างนี้สิ ป่าจะแย่เอานะใจเย็นสิ” ผมเริ่มที่ใจไม่ดีเมื่อป่าหอบจนผมทรุดลง

            “ป่าใจเย็นไว้ บ้าเอ๊ย!!!” ผมสบทเมื่อคิดว่าทำไมถึงไม่ได้หยิบเอาโทรศัพท์มาตอนที่เดินออกมาตามหาป่า

            “พี่ป่านทำอะไรครับ” เหมือนพระเจ้าส่งเค้ามาในตอนที่ผมต้องการคนพอ

            “เต้รีบไปหยิบกระเป๋าพี่ที่ห้องสีดำนะ แล้วโทรศัพท์กับกุญแจรถพี่มา เร็ว!!!” ผมรีบสั่งให้เต้ไปเอาของมาให้ผม เต้ทำหน้างงแต่ก็รีบวิ่งไปทันที

            “พะ....พี่ป่าน ขอโทษนะครับ” เขาพึมพำ มาขอโทษบ้าอะไรตอนนี้วะ

            “หยุดพูดเลย ค่อยๆหายใจเข้า หายใจออก อยู่คุยกับพี่ก่อนไม่งั้นพี่จะไม่อภัยตัวเองเลย” ผมจับข้อมือเพื่อเช็คชีพจร จังหวะการเต้นหัวใจของป่ามันเร็วมาก เร็วจนผมกลัว

            “มาแล้วๆพี่ป่าน ป่าเป็นอะไรครับ” เต้ที่วิ่งหัวฟูหน้าตั้งมาหาผม ผมไม่สนใจที่จะตอบก่อนที่จะคว้าเอากระเป๋าสีดำมาเปิดหยิบขวดยาก่อนที่จะฉีดเข้าเส้นเลือดเพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจให้ป่าก่อน เต้นั่งลงข้างป่ามองเงียบๆ ผมขอโทรศัพท์ก่อนที่จะหาพ่อ

            “พ่อ ป่าอาการทรุดหนัก ผมต้องการพาตัวป่ากลับไปที่โรงพยาบาลตอนนี้พ่อจัดการให้ผมด้วย” ผมรีบบอกพ่อก่อนที่พ่อจะพูดอะไรเสียอีก ขณะที่อีกมือหนึ่งก็คอยจับข้อมือป่าไว้ ทำให้ผมโล่งใจที่จังหวะการเต้นมันเริ่มลดความเร็วลง

            “พี่ป่าน ป่าขอโทษ”

            “ป่าพี่จะพาป่ากลับนะ ไม่ต้องห่วงพี่ไม่ยอมให้เราเป็นไรแน่ๆ” ผมลูบหัวเค้าเบาๆ

            “เต้ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะครับ” อาการหนักแล้วยังเป็นห่วงคนอื่นอีกนะ

            “ไม่ต้องพูดแล้วป่า เพราะแม็คใช่ไหม”

            “ไม่....ไม่ใช่เพราะใครทั้งนั้นละครับ เพราะผมเองต่างหาก ถ้าผมไม่..อยากให้โทษใคร” บ้าเอ้ย

            “พอเลิกพูดได้แล้วป่า เต้ถือของมาให้พี่ที” ผมอุ้มป่าเดินไปที่รถที่ผมติดต่อเช่าไว้เมื่อมาถึงผมวางป่าลงเบาๆเต้รีบเข้ามาดูป่า ผมยังวางใจไม่ได้ที่อาการป่าทรุดแบบนี้มันเริ่มไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมขับรถออกมาเพื่อไปยังโรงพยาบาลที่พ่อได้ติดต่อเอาไว้ ทันทีที่ไปถึงป่าถูกส่งตัวเข้าห้อง Icu ผมไม่น่าปล่อยให้ป่าคลาดสายตาเลย

            “พี่ป่าน ป่าต้องไม่เป็นอะไรครับ” เต้นั่งลงข้างๆผม ใช่ป่าจะต้องไม่เป็นอะไร เราสองคนนั่งรอซักพักหมอก็ออกมาบอกว่าอาการของป่าทรงตัวแล้วแต่ยังต้องให้อยู่ในห้องไอซียูเพื่อดูอาการ

            “เต้เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

            “ผม..อยากอยู่เฝ้าป่า”

            “ไม่ได้หรอก หมดเวลาเยี่ยมอีกอย่างตอนนี้ป่าก็หลับอยู่กลับเถอะ” เต้เดินตามผมออกมาเงียบๆ หลังจากขึ้นรถต่างไม่มีใครพูดอะไร

            “เต้รู้ได้ไงว่าป่าชอบแม็ค” ผมถาม

            “ผมรู้เพราะผมสังเกตแต่คนที่สมควรรู้มันดันไม่รู้เอาซะเลย แถมวันนี้มันยังบอกว่าตกลงคบกับน้อยหน่าไปแล้ว” ผมเงียบกับข่าวล่าสุดที่ได้ยิน เพราะก่อนหน้าที่ป่าจะหายไป ตอนที่ป่าเข้ามาในบ้านใบหน้าของป่าบ่งบอกถึงการมีความสุขอยู่แท้ๆ

            “ป่ามันแอบชอบแม็คมานาน ทั้งๆที่ไม่เคยได้คุยเลยด้วยซ้ำ พี่ได้แต่แอบอ่านไดอารี่ของป่าถึงได้รู้ว่าป่าไม่ใช่แค่แอบชอบแต่มอบหัวใจให้แม็คไปแล้ว” ผมเล่าด้วยความหงุดหงิดจะห้ามป่าก็ไม่ได้ เรื่องความรู้สึกมันห้ามกันได้ซะที่ไหน อาการของป่าก็แย่ลงก่อนที่จะมาได้เป็นเพื่อนกับแม็คแล้ว เรื่องที่ลาออกจากโรงเรียนนี่ก็เป็นเรื่องที่คิดกันไว้แล้วเพียงแต่อาการป่าแย่เร็วกว่าที่ผมคิดไว้

            “ที่ป่าลาออกเพราะป่วยใช่ไหมครับ”

            “ใช่ป่าไม่สบายมานานแล้วเรื่องที่ลาออกนี่ก็เตรียมไว้นานแล้ว” แล้วเราก็เงียบไป พอกลับมาถึงบ้านพัก ได้เวลาทานข้าวเย็นกันพอดี ผมเดินเข้าบ้านมาก็เห็นแม็คกับน้องหน่ากำลังคุยกับกระหนุงกระหนิงก็รู้สึกหงุดหงิด ผมเลยเลี่ยงที่จะเดินเข้าไป ผมเดินขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าที่ห้องป่า เต้เข้ามาช่วยผมเก็บ

            “พี่จะกลับเลยเหรอถ้ามันสองคนถามละ” ป่าเคยขอร้องผมเรื่องหนึ่งก่อนมาเที่ยว คือถ้าอาการทรุดจนต้องเข้าโรงพยาบาลให้ผมไม่ต้องเล่าเรื่องอะไรให้เพื่อนๆฟัง

            “ป่าห้ามให้พี่บอกว่าป่าป่วย”

            “นี่ถ้าผมไม่สังเกตผมก็คงโดนป่าทิ้งไปโดยไม่บอกอะไรสินะครับ”

            “ป่า...ไม่เคยมีเพื่อนเลยนะ ที่ป่าไม่อยากบอกเพราะป่าก็ไม่สามารถที่จะพูดออกไป เพราะป่ารู้ว่าอาการเค้าเป็นหนักแค่ไหน”ผมเก็บหนังสือที่วางบนโต๊ะก่อนที่จะเห็นสมุดไดอารี่ของป่า

            “พี่ให้เราเก็บไว้อ่านในนี้แล้วจะเข้าใจเองว่าป่าเห็นว่าเต้กับกล้าสำคัญแค่ไหน ยิ่งสำคัญป่ายิ่งไม่อยากบอก” ผมย้ายกระเป๋าป่าไปไว้ในห้องของผม

            “ผมจะได้เจอป่าอีกใช่ไหมครับ”

            “ได้สิต้องได้เจอแน่นอน ป่าจะหายดีและกลับมาหาเต้แน่ๆ” ผมบอกทั้งๆที่ในใจก็หวาดกลัวผมรู้ว่าป่าเตรียมใจมานานแล้ว แต่ผมยังทำใจไม่ได้ ถ้าเกิดการรักษาไม่สำเร็จละ ที่ป่าเลือกไม่บอกเพราะเค้าก็ไม่มั่นใจว่าจะได้กลับมาไหม

            “เต้ พี่ป่าน ป่าลงมาทานข้าวได้แล้วครับ” แม็คเรียกเรา ผมกับเต้เดินลงมานั่งที่โต๊ะทานข้าว

            “แล้วป่าละครับ”

            “ไม่สบายนะ” ผมบอกตอนนี้ผมก็ทานอะไรไม่ลง ซึ่งเต้ก็มีสภาพไม่ต่างจากผม

            “เป็นอะไรมาไหมครับ” แม็ครีบถามขึ้น ผมแทบจะบอกความจริงให้แม็คได้รู้แต่ผมสัญญาไว้แล้ว

            “ไม่เป็นไรมากหรอกแต่วันนี้พี่กับป่าจะกลับเลยนะพอดีพี่กับป่ามีธุระด่วนนะ” ผมบอกตัดโดยไม่อยากตอบคำถาม แม็คเหมือนจะถามอะไรแต่หน่ามาชวนคุยเลยหันไปคุยกับเธอแทน ผมถอนหายใจ

            “อ่าวแล้วพี่ไปไงครับ”

            “จะมีคนมารับเดียวพี่ขึ้นเครื่องกลับ” ผมไม่แตะช้อนเลยซักนิดใจผมอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ผมขอตัวลุกจากโต๊ะอาหารขึ้นห้องโทรหาพ่อ

            “(ป่าเป็นไงบ้าง)”

            “ตอนนี้หมอให้นอนพักถ้าอาการดีขึ้นพร้อมเดินทางผมจะพาน้องกลับทันที”

            “(แม่เจ้าป่าตอนนี้ประสานงานกับโรงพยาบาลทางโน้นไว้แล้ว ถ้าป่าแข็งแรงพอที่จะเดินทางได้เราจะไปกันทันที)”

            “ครับ” ผมวางสายการผ่าตัดคราวนี้มีโอกาส 50-50

            ก๊อกๆ

            “เข้ามาสิ”

            “พี่ป่าน ผมจะไปกับพี่ด้วย เพราะถ้าพี่ลงไปคนเดียวคงผิดสังเกต”

            “ได้สิ ขอบใจมากนะ” ผมยิ้ม

            เต้แอบลงไปนั่งในรถก่อนผมถือของลงมาแล้วบอกลาทั้งสามคน เต้ให้ข้ออ้างว่าท้องเสีย ผมขึ้นรถตู้ที่ทางพ่อติดต่อไว้แล้วเดินทางไปที่โรงพยาบาลเราสองคนมาถึงโรงพยาบาลเต้ขอเข้าไปเยี่ยมผมเลยพาไปป่านอนหลับสนิทหายใจเบาจนผมแทบไม่เห็นทรวงอกขยับ

            “ป่า นี่เต้นะ เรารู้ว่าป่าจะหนีพวกเราไปใช่ไหม เราดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับป่าเหมือนกันนะ ป่าจะเป็นเพื่อนเราเสมอ ป่าต้องกลับมาให้เราว่าให้หนักเลยนะ เราจะรอ” เต้บีบมือป่าก่อนที่จะขอตัวกลับเพราะอยู่นานไม่ได้ ผมนอนเฝ้าป่า        ผ่านไปสองวันป่าถึงได้สติเต็มร้อย ลุกขึ้นนั่งทานข้าวก่อนที่จะนั่งเหม่อ ผมส่งข้อความพร้อมรูปถ่ายไปให้เต้ บอกว่าป่าฟื้นแล้ว เต้ตอบกลับมาว่าอยากมาเยี่ยมใจจะขาดแต่วันนี้ต้องเดินทางกลับแล้วแถมยังฝากบอกป่าอีกว่า แล้วเจอกันนะ อย่าลืมติดต่อมา ผมยืนให้ป่าดู ป่าก็แค่ยิ้มจางๆ ผมรอจนป่าแข็งแรงพอที่จะเดินทางได้เราก็เดินทางกลับกรุงเทพก่อนที่จะเข้าไปหาพ่อที่โรงพยาบาล

            พ่อตรวจป่าโดยละเอียดก็คิดว่าป่านั้นแข็งแรงพอที่จะเดินทางไกลได้ ผมเดินทางไปกับป่าไม่ได้เพราะงานของผมยังไม่เรียบร้อย  ป่าจึงเดินทางไปพร้อมกับคุณพ่อ

            “ถ้าพี่เคลียทุกอย่างเรียบร้อยพี่จะตามไปนะ” ผมลูบหัวป่า ป่าผอมลงไปอีกแล้วเพียงแต่ดวงตานั้นหม่นหมองแต่เพียงชั่วครู่ก็กลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิม

            “ผมจะรอพี่ที่โน่นนะครับ” ป่ายิ้มบางแล้วเข้ามากอดผมแน่น ป่าปล่อยผมแล้วเดินเข้าเกตไป

 

            ผมภาวนา ขอให้ป่าปลอดภัยแลกอะไรก็ได้ ขอแค่ให้น้องชายที่แสนน่ารักของผมปลอดภัย

 

 

--------------------------------------------------------------------

เอาพี่ป่านมาลงบ้าง เห็นนะว่าทุกคนเตรียมปารองเท้าใส่แม็ค

เอาเลยค่ะ 555555 สำหรับแม็ค แม็คถือว่าตัวเองยังไม่ได้ผูกมัดกับใคร

ถึงแม้จะมีความรู้สึกดีๆกับป่าก็ตาม (ซือบือค่ะ) ส่วนใครที่คิดว่าป่าไม่น่าแอบชอบเลย

ในมุมมองที่เค้าที่เคยแอบชอบเพื่อนมาตั้งหลายปี (ระทึกความหลังเลยทีเดียว) 5555

มันเป็นมุมมองที่ได้แต่แอบมอง แอบดีใจ แอบเศร้า อยู่ฝ่ายเดียว

มองรอยยิ้ม ดีใจที่เค้ามาทัก มาเล่นด้วย เศร้าที่เค้ามีแฟน #ซับน้ำตาตัวเองแปบ

มุมมองความรักของเค้าจึงไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเค้าเท่าไหร่

ดีใจที่ทุกคนชอบนะคะ เราจะหน่วงไปด้วยกันอีกนานคะ

โฮ่ะๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่15 10/8/2559
«ตอบ #54 เมื่อ10-08-2016 12:14:22 »

ม่ายยยยยยยยยยยยยยย

เต้ๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปให้กำลังใจป่าด้วยนะ ขอร้อง  :hao5:

/ปารองเท้าใส่หัวแม็ค :katai1:

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่15 10/8/2559
«ตอบ #55 เมื่อ10-08-2016 14:10:17 »

น้องป่าาา หนูต้องกลับมานะลูกกก
 :sad4:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่15 10/8/2559
«ตอบ #56 เมื่อ10-08-2016 15:02:11 »

ร้องไห้เลยจริงๆ สงสารน้องป่าขั้นสุด ขอให้ปลอดภัยจากการผ่าตัด หายดีเร็วๆ นะ :hao5:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่15 10/8/2559
«ตอบ #57 เมื่อ10-08-2016 16:46:27 »

 :z6: :z6: :z6: :z6: อีแม๊คนิสัยไม่ดี

ออฟไลน์ Letter123

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-2
Re: Love Diary รักที่แอบมอง Day 16 : New Life
«ตอบ #58 เมื่อ10-08-2016 19:17:45 »

           
Pha

                                            "ทำไมกันนะ อยู่ไกลคนละซีกโลก แต่หัวใจผมกับไม่อยู่ที่นั่นกับผม

                                                                     ยังจำเรื่องราวต่างๆ ยังคงคิดถึงคนๆเดียว"

 

            “เฮ้ ทำไมไม่รอวะ” เสียงทุ้มเรียกผมเสียงดัง

            “อเล็กซ์ ขอโทษด้วยพอดีคิดว่าจะเดินเล่นไปเรื่อยก่อนไปมหาวิทยาลัยนะ”

            “นายนี่แปลกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” อเล็กซ์ว่าผม

            ผ่านมาสี่ปีแล้วกับการที่ผมมาอยู่ที่นี่ ผมไม่รู้ว่าคนอีกซีกโลกหนึ่งเป็นอย่างไรบ้าง ผมเลือกที่จะไม่สนใจเอ่ยถึง ถึงแม้ผมจะยังติดต่อกับเต้อยู่ และเต้ก็ไม่ได้พูดถึงแต่ดันส่งรูปมาให้ผมบ่อยๆทำไมกันนะ แต่ผมก็เก็บรูปที่เต้ส่งมาให้ผมอย่างดี ตอนนี้เต้เรียนอยู่ปีสาม ในขณะที่ผมใกล้จบแล้วเพราะสอบเลื่อนขั้น อยู่ที่นี่ผมมีเรื่องให้ทำมากมายเจอผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและภาษา แต่ทำไมบ่อยครั้งผมกับคิดถึงคนๆหนึ่งเป็นประจำ

            สี่ปีที่แล้วผมเดินทางมาที่ลอนดอนเพื่อรับการรักษาผ่าตัดใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ  ผมต้องนอนในโรงพยาบาลสามวันก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัดคุณแม่ตัดสินใจที่จะย้ายมาอยู่ที่นี่เพราะตกลงมาทำงานในบริษัทนิตยสารการท่องเที่ยวทำให้ตัดสินใจที่จะย้ายมาอยู่ที่นี่เลย  ในวันที่สามพี่ป่านก็บินมาหาผมพร้อมกับของที่เต้ฝากมาให้

            “นี่เต้ฝากมา พี่ไม่รู้ว่าอะไรเต้บอกว่ายังไงก็ต้องส่งให้ป่าโดยไม่บุบสลาย” ผมรับเอากล่องสีน้ำตาลที่ขนาดไม่ใหญ่มากนัก พี่ป่านขอตัวออกไปชื้อกาแฟข้างนอก ผมค่อยๆแกะกล่อง ในนั้นมีจดหมายที่เต้เขียนไว้

            ‘ป่า

            เราโกรธนายมากนะ ที่ไม่ยอมบอกอะไรเราเลยแต่พอได้อ่านบันทึกของนาย เราดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับนายนะ เพราะฉะนั้นนายต้องกลับมา เห็นพี่ป่านบอกว่านายจะย้ายไปอยู่ที่ลอนดอนถาวร ไม่ยอมนะเฟ้ย นายต้องกลับมาให้ฉันด่าก่อนไม่งั้นฉันจะโกรธนายไปตลอดชีวิตเลย

            อิจฉาอ่า ได้ไปอยู่เมืองนอกถ้าเราว่างฉันจะไปหานายนะ ส่งที่อยู่มาด้วยฉันเขียนเมลเขียนที่อยู่ติดต่อไว้ให้นายหมดแล้วถ้านายไม่ติดต่อมา .....ฉันจะเอาความลับนายไปเปิดเผย 555555+ ตอนที่เขียนจดหมายนี้ยังดีที่ยังไม่เปิดเทอมไม่งั้นสองตัวนั่นต้องถามหานายแน่นอน

            ดูแลตัวเองนะ นายจะเป็นเพื่อนฉันตลอดไป

            ปล. หวังว่านายจะชอบของที่ฉันฝากไปให้นะ

ผมยิ้มเต้เพื่อนที่แสนดีของผม ของอะไรกันที่เต้ฝากมา ผมพับจดหมายเก็บเข้าไว้ในซองอย่างทะนุถนอม แล้วดูในกล่อง เป็นสมุดบันทึกเหรอ ผมหยิบออกมาเปิดดู น้ำตาที่แห้งไปไหลออกมาช้าๆ หน้าแรกของสมุดบันทึกเป็นรูปของทั้งสามคนที่ยืนอยู่ชายหาด มีลายมือเต้เขียนไว้

                                    อันนี้ถ่ายก่อนวันกลับ จะได้ไม่ลืมกัน

            จะไปลืมได้ยังไงกันละ ผมปิดสมุดวางไว้ข้างตัว ข้างในมีซองอยู่ผมเปิดออกดู ก็เห็นว่ามันเป็นรูปถ่าย ของคนๆเดียวที่น่าจะเป็นการแอบถ่ายของเต้ ทั้งตอนที่นอนหลับตรงชายหาด ตอนที่กำลังทานอะไรอยู่ ตอนที่ยิ้มกว้าง ตอนที่นั่งเหม่อในรถ

                                    อันนี้พิเศษสำหรับป่า

ผมยิ้มทั้งน้ำตา เต้นะเต้ ผมเก็บรูปใส่ซองเก็บ เก็บของลงกล่อง วันพรุ่งนี้มาถึง ผมเอากล่องให้พี่ป่านเก็บไว้ ผมบอกจะกลับมาเอาเก็บไว้ให้ดี พี่ป่านรับปาก

            “แม่จะรอหนูอยู่ข้างนอกนะ”

            “ผมจะรีบกลับมาครับ” ผมกอดแม่ก่อนที่พยาบาลจะเข็นเตียงผมเข้าห้องผ่าตัด ผมจะต้องกลับมาให้ได้

            ผมตื่นขึ้นมาอีกสามวันหลังจากการผ่าตัด หมอบอกว่าผมจะแข็งแรงในไม่ช้า พี่ป่านบินกลับไทยหลังจากที่ผมฟื้น ผมเลยฝากของไปให้เต้ด้วยพี่ป่านกลับไปก็จะกลับมาทำงานที่โรงพยาบาลแล้ว ผมพักฟื้นนานถึงหนึ่งเดือนถึงได้กลับมาเรียนโดยการเข้าเรียนปีสุดท้ายของไฮสคูล จริงๆก็เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัย พอผมหายดีแม่ก็ต้องออกเดินทางไปทำงาน ตอนนี้แม่เขียนคอลัมน์ท่องเที่ยวทำให้แม่ต้องเดินทางบ่อยๆ แต่ผมก็ชิน การที่ผมอยู่ในเมืองที่ไม่คุ้นเคยแรกๆอาจจะลำบากไปเสียหน่อย แต่ผู้คนใจดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ป้าเมรี่ที่อยู่ข้างห้องมักชวนกึ่งบังคับให้ผมไปทานข้าวเย็นด้วยบ่อยๆเพราะเห็นว่าผมอยู่คนเดียว อีกอย่างผมก็ไม่ค่อยไปไหนนัก นอกจากโรงเรียน ห้องสมุด สวนสาธารณะ นี่เป็นอีกอย่างที่ดีมากสวนสาธารณะในลอนดอนนี่สวยมากเลยละครับ ในเวลาว่างๆผมชอบไปนอนเล่นในสวน

            “ป่า เย็นนี้หลานป้าจะมาทานข้าวเย็นด้วยพอดี ป่าจะได้ทำความรู้จักไว้ อเล็กซ์เรียนที่เดียวกันกับป่าแหนะ” ผมที่กำลังช่วยทำอาหารเย็น

            “งั้นเหรอครับ” การได้รู้จักกับคนวัยเดียวกันนี่ทำให้ผมประหม่า

            เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นผมอาสาไปเปิดประตูแทน ผมเดินไปเปิดประตู ผู้ชายตัวสูงจนผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง ผมน้ำตาลทอง ใบหน้าเข้มได้ได้รูป บ่งบอกได้เลยว่าอยู่โรงเรียนคนๆนี้ต้องป๊อบแน่ๆ

            “อเล็กซ์??” ผมหลุดชื่อออกไป

            “ใช่ นายคงจะเป็นป่าสินะ” ผมเปิดประตูให้อเล็กซ์เข้ามา

            “ใช่แล้วละ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ผมยืนมือออกไปจับมือทักทาย อเล็กซ์จับมือผมแล้วเดินเข้าไปในห้อง

            “ป้าเมรี่ คิดถึงจังเลยครับ” ผมมองผู้ชายตัวโตที่กอดรัดป้าเมรี่อย่างอ้อนๆ

            “โอ๊ยปล่อยป้าเถอะเดี๋ยวกับข้าวไหม้พอดี”

            “ฮ่าๆๆ ครับผม” อเล็กซ์หอมแก้มป้าเมรี่ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะ ผมเดินไปนั่งตรงข้าม

            “นายนี่ถ้ามีลมพัดจะปลิวไหมนี่”

            “ผมคนนะครับไม่ใช่กระดาษ” พูดจบอเล็กซ์ก็หัวเราะลั่น นี่ผมไม่ใช่ตลกคาเฟ่นะครับ

            มื้อเย็นนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ตอนที่กลับห้องอเล็กซ์ก็กลับเหมือนกัน

            “พรุ่งนี้ไปโรงเรียนพร้อมกันนะป่า”อเล็กซ์บอกแล้วก็เดินหนีไปเลยไม่รอคำตอบผมซักคำ อาการของผมหายดีพร้อมที่จะเรียนแล้ว

            ผมตั้งใจเรียนเพื่อสอบเลื่อนเพราะผมเสียเวลาไปนาน ผมอยากจบพร้อมกันกับเต้ โดยมีอเล็กซ์คอยดูแลจากการที่ป้าเมรี่เล่าให้ฟังว่าผมเคยป่วย หลังจากที่รู้แล้วนั้นอเล็กซ์ก็ลากผมไปออกกำลังกายด้วยทุกเย็น จนผมรู้สึกว่าผมเริ่มมีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ร่างกายแข็งแรงไม่ค่อยป่วยง่ายเหมือนแต่ก่อนแล้ว การมีอเล็กซ์ทำให้ผมเปลี่ยนไปกล้าที่จะพูดกล้าที่จะทำอะไรมากขึ้นแต่หัวใจ....ผมยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป  ตอนนี้ผมไม่เขียนสมุดบันทึกแล้วผมมีเฟสบุ๊คที่มีเพื่อนอยู่เพียง 10 คน  เฟสบุ๊คได้กลายเป็นไดอารี่ของผม ผมอัพรูปที่ผมถ่ายวันละรูปไม่ได้มีข้อความอะไรมากมาย และส่วนมากก็จะมี เต้กับอเล็กซ์ที่เข้ามาคอมเม้นต์ วันนี้ผมอัพรูปใบไม้เปลี่ยนสีที่สวน Green Park

                                      “ I miss those moments. Moments of happiness”

                                    (ฉันคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นช่วงเวลาแห่งความสุข)

ซักพักเต้ก็ตามมาเม้นต์นี่มันก็ดึกแล้วนะถ้าเป็นเวลาฝั่งไทย

            เต้คนเดิมเพิ่มเติมคือความกาก :  คิดถึงฉันก็บอก

ผมอ่านแล้วก็ขำ ก่อนที่จะพิมพ์ตอบเต้ไป

            Pha Thana :Yes. I miss you guy

            เต้คนเดิมเพิ่มเติมคือความกาก :   ไม่ต้องคิดถึงนาน เดือนหน้าฉันจะไปหานาย

            Pha Thana :Really!!  is very good newsI can’t wait to see you guy

            เต้คนเดิมเพิ่มเติมคือความกาก : ฉันจะไปหานะ คิดถึงนายมากกกกก

            Pha Thana :  I miss you too

            เต้จะมาเที่ยวกับครอบครัวเลยจะแวะมาหาผมที่ลอนดอน ผมแทบรอให้ถึงเดือนหน้าไม่ไหว สงสัยว่าผมจะดีใจจนออกนอกหน้า จนอเล็กซ์ถามว่าผมมีเรื่องอะไร

            “เพื่อนฉันจะมาหาละ”

            “ใช่คนที่ชื่อแม็คหรือเปล่า” ผมแทบสะดุดหัวคว่ำ ผมหันไปมองค้อนอเล็กซ์ ที่ยืนขำอยู่

            “ไม่ใช่!! แล้วนายไม่ต้องมาพูดถึงชื่อนี้อีกนะ เต้ต่างหาก” ผมสะบัดหน้าหนี อเล็กซ์นะอเล็กซ์ทำไมต้องพูดชื่อนี้ออกมาด้วย ผมเลี่ยงมาโดยตลอดที่จะเอ่ยถึง แต่อเล็กซ์ยังเอ่ยถึงมันน่านักนะ แล้ววันที่ผมรอก็มาถึงผมไปรอเต้ที่สนามบิน

            “ป่า” ผมหันไปมอง เต้ดูเหมือนไม่เปลี่ยนไปเลย ผมหมายถึงส่วนสูงหน่ะนะ แต่สีผมนี่เปลี่ยนจริงๆสีมิ้นต์มาเลยทีเดียว

            “เต้ นายไม่เปลี่ยนไปเลย” ผมกอดเต้แน่นไม่ได้เจอกันมาสองปีกว่า

            “นายเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”

            “ฮ่าๆๆ โดนเขี่ยวมาเยอะนะ” ผมช่วยถือกระเป๋า อ่าวไหนว่ามากับครอบครัว

            “แล้วพ่อแม่เต้ละ”

            “แม่กับพ่อนะจะมาหลังจากนี้พอดีติดงาน แต่จริงๆเราดีใจมากกว่าที่ได้เจอนายเลยรีบบินมาก่อน ” ผมยิ้มเราสองคนคุยกันทุกวันถ้ามีโอกาสทำให้ผมได้รับรู้เรื่องราวของเพื่อนทั้งสามคนที่อยู่ไทย และจดหมายที่เต้ส่งมามักมีรูปของคนคนนั้นเสมอ ผมรู้ว่าเฟสเค้าคืออะไรแต่ผมไม่เข้าไปส่อง พยายามที่จะไม่รู้ว่าเค้ามีเฟส ส่วนกล้ารายนั้นผมยังไม่กล้าคุยด้วยเพราะครั้งสุดท้ายที่เต้บอกกล้าโกรธผม ผมช่วยเต้ขนกระเป๋าไปที่รถอเล็กซ์รออยู่ที่รถอยู่แล้ว

            “เต้นี่อเล็กซ์นะเพื่อนเรา อเล็กซ์นี่เพื่อนเราที่ไทย” ผมแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักเต้ยิ้มก่อนที่จะยืนมือไปจับมืออเล็กซ์

            “ขึ้นรถเถอะป้าเมรี่บอกว่าเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว” อเล็กซ์ยกกระเป๋าไปไว้หลังรถพอขึ้นรถเรียบร้อยก็มุ่งสู่แมนชั่น อเล็กซ์ขนของขึ้นไปที่ห้องโดยที่ผมกับเต้เดินตัวปลิวตามไป ผมให้เต้เอาของไปเก็บก่อนที่จะพาไปห้องของเมรี่

            “นี่เพื่อนของป่าเหรอจ๊ะ น่ารักจริงๆ”

            “สวัสดีครับ” เต้ดูเกรงๆแต่ซักพักก็เดินตามป้าเมรี่ต้อยๆ โดยที่ผมกับอเล็กซ์ได้ยืนมอง

            “นี่จะกลายเป็นหลานรักป้าฉันอีกคนใช่ไหม” อเล็กซ์กระซิบกับผมล้อๆ

            “ทำไงได้ก็หลานจริงๆไม่ค่อยมาหานิ”

            “แต่นั่นได้ข่าวว่าพึ่งเจอกัน” อเล็กซ์ชี้ไปที่เต้

            “เต้ก็เป็นอย่างนี้ละ” ผมหันไปบอกยิ้มๆ นี่เพื่อนผมครับ

            “ว่าแต่พรุ่งนี้จะไปเที่ยวไหนละ”ผมส่ายหน้ายังไม่มีคำตอบเพราะผมก็ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย

            “งั้นเดี๋ยวเราพาทัวร์เองหึๆ” ผมหันไปมอง อเล็กซ์หัวเราะแบบนี้หมายถึงผมต้องเจอกับเรื่องแปลกๆแน่ๆ

            เรานั่งทานอาหารเย็นด้วยกันพูดคุยกันจนดึกก่อนที่จะแยกย้ายกัน ผมให้เต้เข้าไปอาบน้ำก่อนที่จะเตรียมผ้าห่มเพิ่มเพราะอากาศตอนกลางคืนเริ่มเย็นแล้ว เต้อาบน้ำเสร็จผมก็เข้าไปอาบน้ำต่อ เรานอนเตียงเดียวกันเพราะเตียงผมมันใหญ่พอที่จะนอนได้สองถึงสามคน

            “นายยังคิดถึงเค้าไหม” เต้ที่นอนอยู่ดีๆถามผม

            “ไม่รู้สิเต้ มันเหมือนไม่เคยหายไป มันไม่เคยหายไปเลยเต้” เราสองคนนอนคุยกันแล้วความเงียบก็กลับมา

            “นอนเถอะเต้พรุ่งนี้อเล็กซ์จะพาไปเที่ยว”

            “ว่าแต่อเล็กซ์นี่ใครกัน หือ”  เต้ถามผมด้วยน้ำเสียงที่จะติดคาดคั้นนิดๆ

            “อเล็กซ์เป็นเหมือนพี่ชาย เหมือนเพื่อน เหมือนครอบครัว”

 

            “ดีใจที่ได้ยินอย่างนี้ ไม่งั้น......ชัวร์ๆ” ผมได้ยินแค่ประโยคขึ้นต้นกับคำลงท้าย พอหันไปจะถาม เต้ก็ชิงหลับไป อะไรของเค้า

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ทุกคนค่ะ พระเอกเรื่องนี้ยังคงเป็นแม็คนะคะ

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำไมพระเอกน่าสงสารเยี้ยงนี้

เป็นการปั้นนิยายที่ฮึดมาก ปกติมีฟิลถึงได้เขียนต่อ

หมดอารมณ์หน่วงแล้วนะ (เหรอออออ)

หุๆๆๆๆ รักคนอ่านทุกคน จุ๊ฟฟฟฟฟฟฟ

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: Love Diary รักที่แอบมอง ตอนที่16 10/8/2559
«ตอบ #59 เมื่อ10-08-2016 21:03:11 »

สงสารแทบขาดใจ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด