►►❖ My Boss เจ้านายครับ ❖ ➳ ตอนที่ 26 The End // UP DATE 19/9/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ►►❖ My Boss เจ้านายครับ ❖ ➳ ตอนที่ 26 The End // UP DATE 19/9/59  (อ่าน 49868 ครั้ง)

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
เคลียร์ๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4




24





นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฟรานซิสนั่งมองผมกินข้าว ผมก็คงจะชินชาหาความกระดากอายไม่เจอเลยไม่สนใจว่าเขาจะมองผมยังไงเพราะตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งเจอกับอาหารหลังจากไม่รู้ว่าของพวกนี้ผมกินครั้งสุดท้ายไปเมื่อไหร่ ผมจะพูดยังไงดีว่าผมกินทุกอย่างที่ขวางหน้าแม้กระทั่งผักบางชนิดที่ผมไม่ชอบ

“รีบกินเดี๋ยวก็ติดคอ”

“คุณคงไม่เคยอดอาหารคงไม่รู้ว่าความรู้สึกหิวมันเป็นยังไง”ผมยังคงตักข้าวเข้าปาก ส่วนอีกคนกลับนั่งดื่มน้ำสีอัมพันมองผมราวกับกับแกล้ม

“นั่นสิ”

“ผมยังไม่ได้ถามคุณเลยว่า ตกลงที่นี่ที่ไหนบรรยากาศมันเย็นแปลกๆ ”

“เขาใหญ่”

“อะไรนะ!”ผมวางชอบแทบจะทันที่เมื่อฟรานซิสพูดออกมาราวกับเป็นเรื่องปกติผมรู้ว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา แต่สำหรับผมมันไม่ใช่เรื่องเล็กพาผมมาไกลขนาดนี้เขาคิดอะไรอยู่

“ฉันแค่อยากหาที่สงบๆ ให้นายพักผ่อน ที่นี่บรรยากาศดีแถมเป็นส่วนตัว”

“คุณทิ้งงานมารึไง”

“ฉันดูไร้ความรับผิดชอบอย่างนั้นเหรอ”

“เปล่า ผมไม่ได้จะหมายถึงอย่างนั้น ถ้าแค่เรื่องของผมทำให้คุณต้องทิ้งงานตัวเองมาแบบนี้ผมว่า.....”

กึก!

แก้วใบใสราวคริสตัลถูกวางลงบนโต๊ะ ไม่ใช่ว่าผมพูดมากจนรำคาญผมหรอกนะ แต่ผมอาจจะพูดมากเกินไปจริงๆ นั้นแหละ ฟรานซิสถึงมองผมตาขวางขนาดนั้น เข้าทำราวกับไม่เข้าใจอะไรในเมื่อคนที่น่าจะรู้ดีว่าเหตุการณ์ที่ไม่ได้จะลืมกันง่ายๆ ต้นเหตุคือผม ผมยอมรับว่าตัวเองรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจกับสถานะที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้

“โอเค ผมจะเงียบไปสักระยะนึง งั้นผมเก็บของบนโต๊ะก่อนแล้วกัน”ผมทำท่าจะลุกหนี ฟรานซิสที่นั่งใกล้คงไม่ยอม เขาแค่ขยับลำแขนแกร่งตัวผมก็ถูกตวัดมานั่งลงบนตักเขาแล้ว ฟรานซิสไม่เคยปล่อยโอกาสให้ผมหนีรอดหากเขาต้องการ ข้อนั้นผมรู้ดี แต่ทว่าตอนนี้มันยังไม่ใช่

“ปล่อยผมเถอะ คุณจะเสียเวลางานเอาเปล่าๆ และผมอยากจะกลับด้วย คุณอย่าลืมว่าผมลาออกจากการเป็นลูกจ้างของคุณแล้ว คุณไม่ใช่เจ้านาย ส่วนผมไม่ใช่ลูกน้อง คุณไม่ต้องปฏิบัติราวกับยังแคร์ผมอยู่ ผมพูดตรงๆ ว่าผมรู้สึกอึกอัดที่เห็นคุณ.....นั่นเพราะว่าผมทำผิดต่อคุณ ผมแค่สู้หน้าคุณไม่ไหว หากคุณจะเข้าใจว่าผมรู้สึกไม่ดีคุณควรจะเอาผิดผมให้เห็นๆ ดีกว่ามาอมพะงำทำเรื่องที่มันไม่ใช่ประเด็นอย่างตอนนี้”

ผมผิดสัญญาเองว่าจะอยู่เงียบๆ แต่ในเมื่อเขาเป็นแบบนี้ผมก็ควรจะพูดออกมาให้หมด ดีกว่าค้างคาคนที่ทำผิดไว้ตั้งมากมาย ไม่มีใครนั่งลอยหน้าสบายใจอยู่ได้หรอก ทุกอย่างมันต้องได้รับการแก้ไขถึงจะถูกต้อง

“นายคิดผิดแล้วที่คิดว่าฉันจะไม่ทำอะไรเลย และฉันรู้ดีว่าฉันไม่ใช่เจ้านาย และนายก็ไม่ใช่ลูกจ้างฉันอีกต่อไป ฉันถึงไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่ง แต่ฉันกลับรู้สึกสบายใจที่เรื่องทุกอย่างมันจบลงได้ นายก็ยังอยู่ที่นี่ ไม่คิดบ้างรึไงว่าการที่นายรอดมาจากผู้ชายคนนั้นได้ มันคือบทลงโทษของนาย”

ผมหันไปจ้องฟรานซิส เราจ้องหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งผมตั้งใจฟังในสิ่งที่เขาพูดเมื่อผมเงียบฟรานซิสกลับกระชับท่อนแขนกอดเอวคอดผมไว้ และอีกมือก็เลื่อนมาจับมือผมยกขึ้นในระดับสายตาเขาก่อนจะกดริมฝีปากทาบทับลงไปบางเบาบนหลังมือผม แน่นอนว่าคิ้วของผมขมวดไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ

“หากการที่นายบอกว่าการมองหน้าฉันคือความรู้สึกผิดและเจ็บปวด นั่นแหละคือบทลงโทษของนาย.....”

“คุณพูดเหมือนจะให้ผมอยู่ติดกับคุณไปตลอดอย่างนั้นแหละ”ผมดึงมือตัวเองกลับมาความคิดในหัวกำลังตีกันให้ยุ่ง

“..........”

“คุณล้อผมเล่นแน่ๆ ”

“นิสัยฉันเป็นอย่างนั้นรึไง?”เสียงทุ้มที่ฟังดูนุ่มนวนกระซิบผ่านลำคอขาวของผมจนมันรู้สึกร้อนผ่าว ผมลุกขึ้นพรวดและถอยห่างจากฟรานซิสเล็กน้อยยืนเก้ๆ กังๆ ราวกับทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไรกันแน่ ลูกจ้างก็ไม่ใช่ แล้วผมเป็นอะไรสำหรับเขา ให้มาอยู่ใกล้ชิดสนิทเหมือนแฟนตลอดเวลาผมไม่มีทางทำได้หรอก

“ผมทำแบบนั้นไม่ได้”

“นายมีสิทธิ์เลือกอย่างนั้นเหรอ? ”

“ผม ผม.....”นั่นคือสิ่งที่ผมตอบเขาไม่ได้

“ฉันบอกแล้วว่ามันคือบทลงโทษ และนายไม่มีสิทธิ์เลือกด้วยซ้ำธัน นายอย่าลืมว่าสิ่งที่ฉันทำมันมากกว่าสิ่งที่นายเห็น ฉันคงไม่ยอมปล่อยนายไปง่ายๆ เพียงเพราะเป็นความต้องการของนายอีก”ใบหน้าระบายยิ้มแต่คำพูดของเขามันช่างร้ายกาจ ผมฟังแล้วรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว จะปั้นหน้าให้ยิ้มกลับก็ทำไม่ได้ มันขัดกับความรู้สึกไปซะหมด

“..........”

“มานี่สิ ฉันจะพาไปเดินดูรอบๆ”คนตรงหน้าคงอ่านบรรยากาศออก เขายืนขึ้นพร้อมกับยื่นมือมาทางผมเปลี่ยนไปพูดในประเด็นที่ตรงข้ามจนผมปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน

“..........”ผมมองหน้าฟรานซิสสลับกับมือหนาก่อนจะส่งมือตัวเองให้ฟรานซิสกุมมือ พร้อมกับประสานสอดนิ้วดึงผมไปในที่ที่เขาอยากจะพาไป ผมมองตามแผ่นหลังกว้างอย่างไม่เข้าใจนัก บางครั้งเขาแสดงออกราวกับไม่สนใจผมอยากจะบังคับให้ทำอะไรก็ต้องทำ แต่บางทีเขากลับเปิดเผยด้านดีๆ ออกมาให้ผมเห็น มันอดทำให้ผมสงสัยไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วเขารู้สึกกับผมยังไง และต้องการอะไรจากผม

รู้สึกยังไง? ไม่ๆ ผมจะมาถามหาเรื่องแบบนั้นทำไม ทำตัวอย่างกับคนมีความรัก โอ๊ย…..ไม่อยากจะคิด นี่ผมเพ้อเจ้อเรื่องบ้าอะไรกันเนี้ยขนลุกชะมัด ถามหาความรักจากผู้ชายด้วยกันผมท่าจะบ้า แล้วยิ่งจากผู้ชายอย่างฟรานซิสอีก เพราะว่าเรามีเซ็กส์ด้วยกันอย่างนั้นเหรอผมถึงคิดแบบนั้น สมัยนี้ one night stand ก็มีถมแถไปไม่เห็นต้องมาเป็นแฟนกันเลย แต่ไอ้ one night stand บ่อยๆ นี่มันเกี่ยวกันรึเปล่า

หยุดๆ ไอ้ธัน มึงจะคิดหาส้นรองเท้าอะไรเนี้ย!

“เป็นยังไงบรรยากาศดีกว่าในเมืองรึเปล่า”ฟรานซิสพาผมมาที่ระเบียงนอกบ้านที่มีพื้นที่กว้างพอที่จะจัดปาตี้ 20 คนได้สบายๆ วิวด้านหน้าไม่ต้องพูดถึง ยอดไม้เขียวขจีสุดลูกหูลูกตามองไกลๆ อย่างกับป่าแถวสวิตเซอร์แลนด์ขาดอย่างเดียวไม่มีภูเขาน้ำแข็งและลำธารหิมะ

“ฮือ”ผมพยักหน้าและเดินไปเกาะขอบรั้วระเบียงที่ทำด้วยไม้หลับตาสูดเอากลิ่นธรรมชาติเข้าปอด สดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็น ออกซิเจนธรรมชาติมันดีอย่างนี้นี่เอง

“หากชอบฉันจะพามาบ่อยๆ ”

“คุณบอกผมว่าคุณต้องการให้ผมอยู่ใกล้ๆ ในเมื่อตัวผมไม่ได้มีประโยชน์ คุณจะเก็บผมไว้ทำไม ผมไม่ได้ต้องการจะพูดกวนใจคุณหรอกนะ แต่ผมแค่ไม่เข้าใจ”ถึงยังไง ผมก็ยังอยากพูดเรื่องที่มันยังค้างคาอยู่ดี

“นั่นสิ.....ถ้าฉันจะบอกให้นายอยู่นายคงเบื่อแย่ ฉันรู้ว่านายมันรั้นฉันเลยเตรียมงานดีๆ ไว้ให้ และมันก็ดีกับทั้งตัวฉันและนายเอง”
“คุณจะให้โอกาสผมมากเกินไปรึเปล่า และผมก็ไม่ได้อยากจะทำงานมากขนาดนั้น”

“ฉันคงไม่ปล่อยให้นายกลับไปทำงานพาร์ทไทม์ในที่แบบนั้นเหมือนก่อนหน้านี้แน่นอน ฉันเชื่อว่าหากฉันไม่รั้งนายด้วยงานนายคงกลับไปทำที่นั้น”ผมเหลือบไปมองฟรานซิส เขาพูดราวกับอ่านใจผม ถึงกับทำให้ผมเผลอกระแอ้มกระไอออกมา

“แฮ่ม! งานที่คุณหมายถึงคืองานอะไรครับ”ผมหมุนตัวกลับมาและเดินไปพูดกับฟรานซิสอย่างจริงจัง

“มีคนบอกฉันว่า ให้ฉันหาเมดดีๆ สักคน และดูเหมือนตำแหน่งนั้นยังว่างฉันคิดว่านายควรจะกลับไปทำ ตอนนี้ไม่มีใครดูแลที่นั่นจนฉันไม่อยากเข้าไปเหยียบ และมันคงดีกว่างานกลางคืนที่บาร์ เหลืออีก 1 เทอมนายก็จบแล้วใช่มั้ย”ผมอึ้งอยู่ครู่ใหญ่เมื่อฟังสิ่งที่ฟรานซิสพูด เขารู้ดีราวกับตัวผมเอง คงมีอีกหลายเรื่องที่เขารู้แต่ผมไม่รู้สินะ

ผมเชื่อผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ

“คุณไม่กลัวว่าผมจะล้วงความลับของคุณไปขายรึไง ผมไว้ใจได้แค่ไหนกันคุณถึงยังจะให้ผมทำงานอีก”ผมแกล้งพูดลองใจเขา และไม่แน่ผมอาจจะได้ยินในสิ่งที่ผมอยากจะรู้ก็ได้

“ฉันไม่เคยไว้ใจนาย และฉันจะจับตาดูนายทุกฝีก้าว”ร่างสูงเดินเข้ามาประชิดตัวผม อดไม่ได้ที่ผมจะถอยหลังร่นหนี เขาทำให้ผมรู้สึกปั่นป่วนเมื่อดวงตาคมกริบนั่นจ้องเข้ามาเหมือนอ่านความคิด ถึงท่าทีของผมราวกับไม่สะทกสะท้านต่อความคิดของเขา แต่ข้างในใครจะล่วงรู้ว่าผมแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว

“ผมไม่ต่างจากนักโทษสินะครับ”ผมยิ้มฝืนๆ ประชดประชันคนตรงหน้า

“เข้าข้างในเถอะ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวจะทำให้ไม่สบายเข้าไปอีก”

ฟรานซิสไม่ได้พูดอะไร เขาเปลี่ยนประเด็นอีกครั้งจนผมรู้สึกขัดใจ ร่างสูงเดินนำลิ่วเข้าไปด้านในผมจึงต้องเดินตามเข้าไปอย่างไร้ข้อโต้แย้ง และบทสนทนาชวนตึงเครียดของเราก็จบเพียงเท่านั้น

และในช่วงบ่ายนั้นฟรานซิสบอกผมว่าเขาจะออกไปทำธุระเกี่ยวกับงานของเขา หากมีอะไรขาดเหลือหรือต้องการอะไรให้ผมโทรไปบอกคนดูแลของที่นี่ได้ เขาพักอยู่ด้านหลังบ้าน เพราะปกติหากมีใครมาอยู่ที่นี่เขาก็จะไม่ขึ้นมารบกวน ฟรานซิสบอกว่าอาจจะกลับมาค่ำหน่อยให้ผมกินข้าวได้เลย พอผมทวงถามว่าเราจะกลับเมื่อไหร่เขาก็บอกว่ารอให้เขาทำธุระเสร็จก่อนถึงจะกลับ
สรุปว่าที่ผมกล่าวอ้างว่าเขาทิ้งงาน ผมก็ปากเสียไปเอง ผมน่าจะรู้นิสัยฟรานซิสดีว่าเขาไม่ทำอะไรที่มันไม่มีผลประโยชน์พลอยได้แน่นอน และการที่เขาพาผมมาด้วยก็แค่ต้องการให้ผมอยู่ในสายตาเท่านั้น

และเย็นนี้ดูเหมือนผมจะกินข้าวคนเดียว ผมเลยบอกป้าที่เขาดูแลที่นี่ว่าผมขอแค่กับข้างอย่างเดียวก็เกินพอ ไม่ต้องลำบากไปซื้อหาให้วุ่นวาย เขาดูแกรงใจผมวางรายการจะทำตั้งห้าอย่าง แต่ผมก็ยืนยันสิ่งเดิมจนได้ตามที่ต้องการ ผมไม่รู้ว่าฟรานซิสใช้ระบบเลี้ยงคนยังไงพวกเขาถึงได้หัวแข็งเหมือนเจ้านายไปหมด

และหลังจากกินข้าวเสร็จ ผมพาตัวเองมานั่งหน้าทีวีก่อนจะตกใจกับข่าวที่เห็น ซึ่งกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันขณะนี้ถึงเรื่องของไอ้แก่เฉินบริษัทปล่อยกู้ที่โดนจับข้อหาปล่อยหนี้นอกระบบ ปลอมแปลงเอกสารและฟอกเงิน ผมรู้ทันทีว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนจัดการ ผมปิดทีวีเสหมือนหนีความจริงจากเรื่องวุ่นวายก่อนจะหอบร่างตัวเองขึ้นไปนอนยังที่ๆ เขาจัดให้นั่นคือห้องเดิมที่ผมตื่นมา ผมมองนาฬิกาก็เห็นว่าเป็นเวลาสามทุ่มกว่าๆ แต่สำหรับวัยอย่างผมถือว่ามันยังไม่ดึกเกินไป แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้วตอนนี้ร่างกายผมต้องการจะพักผ่อนมากกว่า แถมอากาศเย็นๆ เงียบๆ แบบนี้ชวนหลับเป็นที่สุด

ผมพลิกตัวไปมาอยู่หลายตลบบนเตียงนุ่ม คิดเรื่องต่างๆ มากมายไม่จบไม่สิ้นคิดไปถึงเรื่องที่ต้องกลับไปแล้วจะเริ่มต้นใหม่กับงานเก่าที่ฟรานซิสต้องการจะให้ผมทำ มันอาจง่ายถ้าผมตามน้ำเขาไปเหมือนไม่มีสมองเป็นของตัวเอง แต่การเผชิญหน้านั่นคือเรื่องยากสำหรับผม ไหนจะยังเรื่องที่พักใหม่ผมต้องเป็นผึ้งอพยพสักกี่รังถึงจะหาที่อยู่เป็นหลักแหล่งกับคนอื่นได้เสียที คิดเรื่องนี้แล้วผมก็ปวดกบาล แต่ก็พาลให้ผมนอนหลับไปอย่างไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ

ผมรู้สึกตื่นอีกครั้งเมื่อมีบางอย่างขยับอยู่ใต้ผ้าห่ม อาการผมคงไม่ต่างจากคนหิวน้ำตอนดึก สติสะตังค์ก็ยังมาไม่ครบแต่อยากจะลุกจากเตียง ผมบอกตรงๆ ว่าตัวเองเบลอมาก เวลาหลับหากตื่นขึ้นมาจะรู้สึกเหมือนตัวเองละเมอ ผมพยายามลืมตา เอื้อมมือไปคว้านาฬิกาที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะใกล้เตียงปรากฏว่าผมเพิ่งจะหลับไปได้แค่ 2 ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้น ผมขยับตัวเองภายใต้ผ้าห่มหนานุ่มและรู้สึกถึงความอบอุ่นผ่านสัมผัสจากมือของใครบางคนที่รวบรั้งเอวผมไว้ ผมสะดุ้งเฮือกเอื้อมมือไปเปิดสวิตไฟหัวเตียงอย่างรวดเร็ว

“ฉันทำนายตกใจ? ”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแล้วขยับแขนคว้าผมเข้าไปกอด เขายังไม่หลับและคงนานพอที่จะนอนดูผมหลับอยู่ค่อนคืน

“ก็แน่สิจะให้ผมไม่ตกใจได้ยังไง ดีแค่ไหนผมไม่เอาอะไรเขวี้ยงคุณ”ผมพยายามแกะมือฟรานซิสออก เขาโอบผมไว้แน่นและนอนอยู่ข้างๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผมนี่สิหัวใจจะวาย

“ปล่อยครับ ผมอึดอัดมาก”ผมเน้นย้ำใจความสำคัญมองหน้าหล่อเหลาจนน่าหมั่นไส้ ฟรานซิสเลิกคิ้วขึ้นสูงเหมือนผมพูดอะไรที่เขาไม่เข้าใจ

“อึดอัด? หรือฉันปล่อยให้นายอยู่คนเดียวมากไปจนนายลืมรสชาติความสนิทสนมไปแล้ว”

“คะคุณพูดอะไร”เขาเก่งในเรื่องทำผมพูดไม่ออกจริงๆ

“ฉันรู้นายเข้าใจ”

“คุณฟรานซิส! ”คำพูดของผมคงไปกระเทือนต่อมไตอะไรบางอย่าง ฟรานซิสจึงจงใจนำพาร่างแกร่งพลิกขึ้นกดผมลงไว้แน่นแทบจะจมหายลงไปกับเตียง ผมทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกหลบดวงตาคมที่แวววาว พราวระยับเสียจนผมหวั่นใจ

“มองหน้าฉันธัน นายไม่มีอะไรที่ต้องหลบตา”เสียงเย็นเยียบรั้งใบหน้าผมให้สบตากับเขา เราจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่งและคนที่แพ้ก่อนคือผม จะไม่ให้ผมเบี่ยงหน้าหนี้ได้ยังไง ในเมื่ออีกฝ่ายจ้องจนร่างผมแทบทะลุแถมยังทำวูบไหวไปกับริมฝีปากหยักที่กระตุกยิ้มบางๆ ราวกับเห็นความลับผ่านดวงตาผม

เขาทำเหมือนรู้ความคิดผมไปซะทุกเรื่อง แต่ผมกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย มันน่าโมโหก็ตรงนี้แหละ

“เป็นอะไร? ”มือหนาจับคางผมให้หันมา ผมขบเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง คนตรงหน้าหัวเราะหงึกออกมาแกล้งใช้นิ้วมือเรียวยาวเกลี่ยแก้มที่เย็นฉ่ำของผมให้มันอุ่นร้อนขึ้น ผมกระพริบตาถี่ๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร

“นายกำลังโกรธฉัน? ”

“เปล่า จะให้ผมโกรธคุณเรื่องอะไรครับ”

“แล้วนายโกรธฉันเรื่องอะไร? ”

“ก็ผมบอกว่าไม่ได้โกรธ”

“ถ้าไม่โกรธก็ยิ้ม ฉันชอบเวลานายยิ้ม ซึ่งมันหายาก”

“แล้วทำไมผมต้องยิ้มตอนนี้”ผมคิ้วขมวดไม่เข้าใจคนตรงหน้า

“ก็ฉันอยากให้นายยิ้ม”นิ้วเรียวเข้านวดคลึงริมฝีปากผมอย่างอ้อยอิ่งตื้อให้ผมพยายามยิ้ม ดวงตาคมจดจ้องริมฝีปากของผมแสดงออกว่าเขาต้องการ สิ่งนั้นทำผมประหม่าหัวใจเต้นถี่จนหายใจไม่เป็นจังหวะ

“ผม ผมว่าคุณคงเหนื่อย ผมจะไปนอนห้องอื่นคุณพักผ่อนเถอะ”ผมขืนดันตัวเองให้ลุกขึ้นแต่ทว่าคนตรงหน้ากลับไม่ยินยอม เขาฉลาดเป็นกรดขนาดนี้คงรู้ว่าผมคิดที่จะหนี

“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น คืนนี้ฉันอยากให้นายอยู่ที่นี่”

“ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเป็นคนช่างพูด”

“ฉันเป็นอย่างนั้น? ”

“ก็คงไม่มีใครมาพูดอะไรเยอะแยะในเวลานอนหรอก คุณก็รู้ว่าตอนนี้มันกี่โมง”

“แต่ฉันยังไม่ง่วง”

“คุณไม่ง่วงแต่ผมง่วงครับ ตาผมจะปิดอยู่แล้ว”

“ฉันแค่อยากจะคุยกับนาย”

“ตอนนี้? ”ผมเสียงดังขึ้นราวกับได้ยินเรื่องชวนตกใจ กลางวันผมพยายามชวนเขาคุยแทบตายแต่เขากลับบ่ายเบี่ยง แต่พอตกกลางคืนจะมากระตือรือร้นเอาตอนนี้ เขาเป็นค้างคาวรึไง แต่ผมไม่ใช่นะเข้าใจกันบ้างรึเปล่าเนี้ย

“ฉันยังไม่ได้ถามนายเลยว่าตอนผู้ชายคนนั้นจับตัวนายไปมันได้ทำอะไรนายรึเปล่า”

“ไม่ได้ทำอะไร แค่ขังไว้เฉยๆ ”

“แต่ฉันเห็นรอยช้ำที่แก้มขาวๆ ของนาย”

“เรื่องนั้น…..”ผมทิ้งช่วงคำพูดไปราวกับนึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง จนผมแทบจะลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำ“ผมก็ควรโดนเพราะดันพังระบบคอมพิวเตอร์ด้วยไวรัสในไฟล์เอกสารข้อมูลของคุณนั่นแหละครับ”ผมยิ้มบางๆ บอกเขาให้รู้ไม่ปิดบัง เพราะสาเหตุก็มาจากเขา

“ฮึๆ ”จู่ๆ ฟรานซิสก็หัวเราะขึ้นมา

“มันน่าขำ? คงสนุกที่ผมโดนคุณหลอกเต็มๆ สินะ”

“เหมือนนาย…..กำลังน้อยใจฉัน”ฟรานซิสก้มลงมากระซิบราวกับมันเป็นความลับผมดันแผงอกกว้างนั้นออก บ่งบอกว่ามันใกล้เกินความจำเป็น

“คุณไม่ต้องคิดมาก ผมไม่ใช่ผู้หญิง แน่นอนว่าผมไม่มีสิทธิ์อะไรไปคิดว่าตัวเองต้องน้อยใจคุณครับ”

“ก็ไม่แน่หรอกนะ”

“ไม่มีทางต่างหากครับ”

“นายแน่ใจ”

“ก็ ก็ต้องแน่ใจ คุณฟรานซิสคุณกำลังเล่นสงครามประสาทกับผมรึไง”ผมค้อนตาคว่ำเริ่มจนมุมทุกครั้งที่เขาไล่ต้อน

“ฉันเปล่า”

“แต่คุณกำลังทำ”

“ทำอย่างนี้เหรอ”

“คุณ คุณฟรานซิส!”ผมร้องขึ้นมาทันทีเมื่อถูกคนตรงหน้าแกล้งสอดนิ้วเข้าใต้สาบเสื้อยืดตัวบาง ผมรีบตะปบมือไวนั่นไว้ เอียงหน้าหลบสายตาที่จ้องมองผมเหมือนจับผิด มันเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดที่สุดสำหรับผมในตอนนี้ รอยยิ้มที่ดูพึงพอใจราวกับเห็นผลงานชิ้นโบว์แดงทำผมว้าวุ่น ใบหน้าที่เคยซีดเผือกกลับร้อนระอุและแดงเรื่อขึ้นจนยากจะหลบ

“ธัน มองที่ฉันแล้วฟังฉันให้ดี”

“……….”ผมว่าง่ายขึ้นมาทันทีเมื่อเสียงนุ่มกระซิบตรงหน้าอย่างมีความหมาย

“ฉันอยากให้นายคิดถึงฉันเป็นคนแรกยามที่นายต้องการความช่วยเหลือ และต่อจากนี้ห้ามนายไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่ไม่น่าไว้วางใจเด็ดขาด ฉันรู้ว่ามันไม่ง่าย…..ฉันอยากบอกให้รู้ไว้เพราะว่าฉันเป็นห่วง”

“ขอบคุณครับ แต่ผมดูแลตัวเองได้”

“ฉันรู้ว่านายเก่งเสมอ แต่ฉันจะมั่นใจกว่านี้หากนายรับปากฉัน เชื่อในสิ่งที่ฉันพูดเข้าใจรึเปล่าธัน”

“คุณทำเหมือนผมเป็นเด็ก”

“ฉันไม่เคยมองนายเป็นเด็กสักครั้ง”

“แล้วคุณมองผมเป็นอะไร”

“เป็นคนพิเศษสำหรับฉัน”ผมไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรที่มันเหนือความคาดหมาย แน่นอนว่าสิ่งที่ฟรานซิสพูดออกมาเขาไม่เคยพูดเรื่อยเปื่อย นั่นเลยทำให้ผมรู้สึกอายขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ผมยังไม่ได้เตรียมใจด้วยซ้ำกับประโยคที่ชวนตื่นเต้นดีใจแบบนี้ ผมเตรียมไว้แค่การโต้ตอบให้ถึงพริกถึงขิงก็เท่านั้นสาบาน

“นายยังไม่รับปากฉันเลยว่านายจะทำตามที่ฉันบอก”ดวงตาพราวระยับจับจ้อมมองผมด้วยรอยยิ้มกริ่ม

เล่นแบบนี้.....ผมก็เขินเป็นนะครับ!

“จะไปรู้เหรอ”

“ถ้านายไม่รู้ฉันมีวิธีทำให้นายรู้ว่าที่ฉันหมายถึง มันเป็นแบบไหน”

“ดะเดี๋ยว เดี๋ยวผมยังไม่ได้ตอบคุณเลย”ผมยกมือขึ้นดันกรอบหน้าได้รูปทันทีที่เขาเคลื่อนไหว ผมอาจจะระแวงแต่เซ็นท์ผมมีจริง

“ตอบสิ”

“ผม ผมจะฟังบ้างก็แล้วกันเพราะถือว่าคุณรู้เยอะกว่าผม”

“ฮึๆ”เสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ดึงความสนใจให้ไปมอง เพียงชั่วครู่ที่ผมเผลอมองเข้าไปในดวงตาพราวระยับคู่คมเข้าอย่างจัง ทุกอย่างที่ผมคิดอยู่ในหัวก็หายวับไปกับตา ยิ่งคนคนตรงหน้ายิ้มแสดงออกถึงความพอใจไม่ปิดบังผมยิ่งวูบไหวเข้าไปในอก อยากจะเบนสายตาออกแต่กลับถูกมนต์สะกดเข้าให้แล้ว

ผมรู้สึกราวกับตัวเองเหม่อลอย ทันทีที่รู้สึกตัวกลับได้รับจูบที่หอมหวานผ่านริมฝีปากที่ถูกบดเบียดแนบชิดราวกับโหยหา ลมหายใจอุ่นของฟรานซิสรินรดแก้มผมมันร้อนจนแทบทำผมไหม้ เขาทำให้ร่างกายของผมต้องการเขาขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งบรรยากาศ ทั้งคำพูด ทำเอาผมหลงเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น

เป็นครั้งแรกที่ผมตอบรับสิ่งที่คนตรงหน้าหยิบยื่นให้อย่างไม่อิดออด สวมกอดร่างแกร่งที่โถมเข้ามาอย่างเพรียกหา ฟรานซิสเลื่อนจูบร้อนขึ้นจูบซับหน้าผากน้อยๆ แล้วเลื่อนลงมาที่เปลือกตาผ่านไปยังแก้มอุ่นและซอกคอขาวเนียนลากไล้ไปทั่วจนผมขนลุกซู่ เผลอหดไหล่เกร็งส่งเสียงหายใจหอบสั่นระรัวออกมาชวนขายหน้า แต่ฟรานซิสกลับพอใจในสิ่งที่เข้าได้ยินราวกับเขาต้องการมัน ก่อนจะรุกเร้าผมหนักยิ่งกว่าก่อน

นิ้วร้อนวนไล้ปัดป่ายไปทั่วเรือนร่างผ่านเสื้อผ้า แล้วหยุดหยอกเย้าส่วนอ่อนไหวช่วงบนจนผมสั่นซ่าน ผมหลับตาพริ้มไม่อาจสบสายตาที่คู่ร้อนที่สามารถแผดเผาผมได้ ไหล่เล็กสะดุ้งไหวเล็กน้อยเมื่อมือหนาเข้าลูบไล้ไปถึงโคนขาส่วนในแต่ไม่ได้สัมผัสถึง ราวกับจงใจปลุกปั่นอารมณ์ ผมหนีบขาเกร็งหายใจถี่แต่กลับถูกมือหนาแยกออกแล้วเบียดร่างแกร่งเข้ากั้น เล่นเร้าแกล้งเคลื่อนไหวร่างกายให้เบียดเสียดสีจนผมตัวแข็งทือ

“คุณ ตั้งใจ..... แกล้งผมรึไง”ผมขยุ้มหมอนนุ่มจิกนิ้วลงบนปลอกผ้าแทบขาด ข่มความต้องการลึกๆ ของตัวเองไว้จนแทบคลั่ง

“หืม? ฉันทำให้นายรู้สึกสินะ ถ้าอยากให้ทำมากกว่านี้ก็อ้อนฉันหน่อยสิ”ผมกัดริมฝีผากเม้มขัดใจคนตรงหน้า

“อย่ากัดปาก เดี๋ยวก็ช้ำหมด”

“มันปากของผม”

“แต่ว่า.....ตอนนี้มันเป็นของฉัน”นิ้วเรียวกดแยกริมฝีปากของผมออกโดนง่ายก่อนจะก้มลงบดเบียดตักตวงเอาความหวานหอมสอดแทรกความหฤหรรษ์ผ่านริมฝีปากอิ่มเข้าตวัดดุลดันด้วยลิ้นอุ่นชื้นจนผมลิ้นแทบชา ผมร้องคราญผ่านลำคอขาวเผลอเอื้อมมือไปตบไหล่ฟรานซิสเบาๆ ราวกับเตือนให้เข้ารู้ว่าผมยังอ่อนหัด เขาจึงค่อยๆ โอนอ่อนผ่อนแรงให้ผมแต่ก็ยังไม่ถอยห่าง

และระหว่างที่เขามอบประสบการณ์จูบที่แสนเร้าร้อนเหมือนจงใจถ่วงเวลา เบื้องล้างกลับกระวีกระวาดถอดร่นกางเกงนอนขายาวสีขาวของผมอย่างตั้งใจจนมันไปสิ้นสุดที่พื้นปลายเตียง จูบร้อนยอมล่าถอยให้ผมสูดอากาศเข้าปอดอีกครั้ง ก่อนจะทำผมสะท้านด้วยลิ้นร้อนที่ลากวนลงต่ำจนน่าใจหาย มือหนาโอบรั่งสะโพกผมขึ้นชิดกายแกร่งก่อนเขาจะพลิกตัวผมขึ้นแล้วให้ขึ้นทาบทับร่างแกร่งที่อยู่เบื้องล่าง ผมหน้าร้อนวูบม่านตาเปิดโพล่งตื่นตะลึงในสิ่งที่ผมไม่คาดคิด

“คุณ! จะทำอะไร”

“ฉันจะได้เห็นหน้านายตอนนี้ได้ชัดไงล่ะ”ร้อยยิ้มพร่างพราวไปด้วยเล่ห์ยกยิ้มุมปากดวงตากรุ้มกริ่ม ผมใช้มือเล็กเมื่อเทียบกับเขายืดดันผลักตัวเองให้ห่าง พยายามตันตัวให้ออกแต่กลับถูกตรึงตัวไว้

“คุณปล่อยผมนะ!”

“ไม่กลัวรึไงว่าตัวเองจะทรมาน ในเมื่อเป็นซะขนาดนี้แล้ว”

เอาน้ำร้อนมาราดหน้าผมเถอะถ้าจะพูดแบบนี้ ก็ใครกันล่ะที่เป็นคนทำ

“คุณฟรานซิส คุณนี่!.....อ๊ะ!”ไม่ทันที่ผมจะโต้ตอบนิ้วซุกซนก็เข้าเคล้าคลึงซุกไซ้ช่องทางร้อนขยับไปมาจนผมแทบทนไม่ไหว หน้าของผมกดลงกับอกแกร่งที่เปิดเผยสัดส่วนให้ผมเห็นไม่หวงแหน  หากผมเงยหน้าขึ้นไปให้เข้าเห็นตอนนี้ก็เท่ากับผมประจานตัวเองแน่นอน

ราวกับฟรานซิสรู้จังหวะความพร้อมของผม นาทีนั้นเขาก็โอบร่างกายของผมและผุดลุกขึ้นนั่งกลับเป็นผมที่ทำเรื่องน่าอายนั่งคร่อมร่างแกร่งขาเรียวกระหวัดเอวเขาอย่างไม่รู้ที่มาที่ไป ฟรานซิสใช้มือข้างหนึ่งโอบรั้งหน้าผมขยับนิ้วเรียวเกลี่ยแก้มที่แดงเรื่อตามระบบสูบฉีดเลือดจากหัวใจ ผมอายเกินกว่าจะสบเขาแต่ฟรานซิสกลับไม่เป็นเช่นนั้น เขาจ้องมองผมราวกับลูกไฟที่พร้อมจะแผดเผาให้ผมไม่เหลือซาก และตอนนั้นที่ผมเผลอโอนอ่อนผ่อนกายความรู้สึกจากความอุ่นร้อนก็แทรกตัวเขามาแทบจะฉับพลัน ผมสะดุ้งทั้งตัว น้ำตาไหลซึมรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดแต่สุขสม จูบเบาๆ ที่ต้นคอราวกับให้สัญญาณ ฟรานซิสเริ่มขยับตัวจนในหัวของผมมันเบลอไปหมด

น้ำเสียงที่เหมือนจะเหือดแห้งกลับส่งเสียงร้องจนเกินอดกลั้น ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ร่างแกร่งกระแทกกระทั้นถาโถมจนผมหน้านิ่ว แต่กลับโอนเอนไปกับสัมผัสที่ชวนลุ่มหลงจนถอนตัวไม่ขึ้น

ผมไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหน หากเทียบกับความต้องการของฟรานซิสแล้วราวกับไม่มีวันหมดสิ้น ไฟในตัวเขาโหมกระพือตลอดเวลาที่มันเริ่มมอดดับ ผมได้เพียงตอบสนองร่างกายนั้นอย่างไม่รู้จบไม่รู้สิ้นในอิริยาบถที่คล้อยตามไป จนร่างกายของผมมันหมดเรี่ยหมดแรงและขอดึงดันถอยห่างออกมา ฟรานซิสไม่ได้ดูใจจืดใจดำเขาเข้าใจและให้ผมพักแต่ยังคงรั้งความเป็นตัวตนของเขาไว้ในตัวผมไม่ถอยห่าง

นั่นจะเรียกว่าความใจดีได้มั้ย?






>>>>>to be continued o13



ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ตั้งใจเข้ามาอ่าน และเผลอกดเข้ามาและติดตามอ่านจนถึง ณ บัดนี้นะคะ :o8:
วันนี้มาอัพดึกไปนิด แต่ก็คงจะคุ้มค่าเพราะตอนยาวโพดดดด :katai4:
ยังไงก็ฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:




ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เพิ่งเข้ามาอ่าน อ่านจบทีเดียวเลย
ชอบมาก ธันก็ไม่ได้หวานแหวว
แต่พระเอกเรา เผลอแล้วหื่นทุกที
 :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ฟรานซิสคนเจ้าเล่ห์  :-[

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
ไม่รอดๆ

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
วกเข้าเรื่องเดิมหื่นจริงฟรานซิส

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
แปะก่อนน

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
ฟินสุดๆๆไม่ได้พักแน่ยาวไปๆๆ :haun4: :jul1: :oo1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เกือบพลาดตอนล่าสุดไปแล้วไหมละ ฟรานซิสอ่อยขนาดนี้ธันจะไม่รู้จริงๆเหรอ

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4




25






เช้านี้ผมเป็นคนชนะ ไม่ได้ชนะในทางอย่างว่าแต่ผมหมายถึงการตื่นนอน ผมตื่นก่อนที่ฟรานซิสจะรู้ตัวอีก เลยขอเฉลบออกมาก่อน จะให้ผมนอนมองหน้าเขาผมคงทำไม่ได้ ภาพเมื่อคืนยังวนเวียนอยู่ในหัวผมอยู่เลย แล้วเรื่องที่เขาบอกว่าผมเป็นคนพิเศษมันก็ทำผมดีใจทุกครั้งที่คิดถึงมัน
 
“วันนี้ดูคุณธันสดชื่นเป็นพิเศษนะคะ”

“เอ่อป้าบัวครับ เรียกผมว่าธันก็พอครับ คงไม่เหมาะมั้งครับที่ป้าจะมาเรียกผมว่าคุณ ผมรู้สึกเหมือนขี้กลากจะกินหัว”

“คุณธันไม่ต้องเกรงใจหรอกนะ ป้าเรียกแบบนี้สบายใจกว่า คุณฟรานซิสก็จะได้ไม่ดุป้าด้วย”

“นี่เขาเคยดุป้าบัวด้วยเหรอครับ”ผมทิ้งผักในมือที่ล้างหันไปหาป้าบัวคนดูแลที่นี่อย่างตกใจ จริงๆ ผมตื่นมาพอเดินลงมาด้านล่างก็รู้สึกเหมือนมีใครทำอะไรอยู่ในครัว พอลงมาก็เห็นป้าบัวเขากำลังทำอาหารอยู่เลยเข้ามาช่วย ผมก็เพิ่งจะมารู้จักชื่อป้าบัวก็ตอนเช้านี้นี่แหละ

“จริงๆ ก็ไม่เคยหรอกค่ะ ป้าแค่กลัวเฉยๆ ”

“ผมเข้าใจป้านะ คนอะไรเอาแต่ใจ ชอบสั่ง แถมยังเจ้าเล่ห์ ใชมั้ยป้า? ”

ผมไม่ได้ตั้งใจจะหาพวกนะ แค่มีคนคุยด้วยในประเด็นเดียวกัน

“คุณธันก็พูดไป เอาจริงๆ คุณฟรานซิสก็ออกจะใจดี ถ้าป้าไม่ได้เขาคงลำบากกว่านี้”

“ป้าบัวอย่ามาล้อผมเล่นเลย”ผมยกผักขึ้นเสด็จน้ำแล้วหันไปเตรียมหั่นผักต่อ

“จริงนะคะ เห็นหน้าตาดุๆ อย่างนั้นแต่จริงๆ แล้วเป็นคนละเอียดละอ่อนใจดี”

“ป้าบัว ผมว่าป้าเข้าใจผิดแล้วล่ะ ฮึๆ”ผมหัวเราะหงึกๆ อย่างรู้สึกสนุก มีความสุขที่ได้ใส่ไฟคนอื่น

“คุณธันไม่รู้สึกบ้างเหรอคะว่าคุณฟรานซิสน่ะ ใจดีดูคุณเขาเอาใจใส่คุณธันจะตาย อย่างก่อนมานี่ยังกำชับป้าเรื่องที่พัก อาหาร ของใช้อย่าให้ขาด ป้าล่ะอดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่คุณเขาจะพามาเป็นใคร”

“ป้าแอบผิดหวังป่ะเนี้ยที่ไม่ใช่แฟนเจ้านายป้า”ผมแหย่ป้าบัว ดูแกจะเป็นคนอารมณ์ดี หรือบางทีแกอาจจะเหงามีใครคุยเล่นด้วยก็คงมีความสุขกว่าพูดคนเดียว

“อู้ย เรื่องผู้หญิงน่ะคุณเขาไม่มีหรอกค่ะ แต่ละครั้งที่มาที่นี่ก็มาคนเดียว ปีหนึ่งก็มาสองสามครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนพาใครมาเป็นพิเศษตั้งแต่ป้ามาอยู่ที่นี่แล้ว”

“ป้าบัว! หรือว่าป้า.....”ผมหันไปหาป้าบัววางกะละมังที่หั่นผักใส่เรียบร้อยแล้วลงเสียงดัง ป้าบัวแกก็ตกใจตามประสาคนแก่รีบหันมาทางผมแทบทันที

“อะ อะไรคะ? ”

“ก็ที่แท้แล้ว ป้าบัวเป็นภรรยาลับคุณฟรานซิสใช่มั้ย”

“คุณธัน พูดแบบนี้คุณฟรานซิสมาได้ยินเข้าจะโกรธเอานะคะ”ป้าบัวถึงกับเสียงหลงเรียกผมซะลั่นบ้าน

“ฮ่าๆ แหมป้าบัวครับ ไม่ต้องอายหรอกครับบอกผมได้ผมดูไม่น่าไว้ใจเหรอครับ”ผมหัวเราะร่ามีความสุขได้แกล้งคนแก่ ป้าบัวแกก็ลนลานมองซ้ายขวาปราดเข้าตีแขนผมอย่างเอ็นดูให้หยุดล้อ

“ล้อเล่นเป็นเด็กๆ ไปได้ รีบทำกับข้าวเถอะค่ะเดี๋ยวจะเลยเป็นมื้อเที่ยงซะก่อน”

“ครับๆ เดี๋ยวอันนี้ผมทำเองป้าทำงานเบาๆ ไปได้เลยครับ”

“ทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอคะ”

“แน่นอนสิครับ ผมเด็กหอแถมยังเป็นเด็กต่างจังหวัด พ่อก็เป็นชาวสวนธรรมดาเรื่องหาเลี้ยงตัวเอง เรื่องเอาตัวรอดผมถนัด”
“แล้วนี่คุณธันกับคุณฟรานซิสรู้จักกันได้ยังไงคะป้าล่ะสงสัย แถมคุณฟรานซิสเอ็นดูคุณธันซะขนาดนี้”

ผมไม่รู้ว่าในสายตาคนอื่นที่มองผมกับฟรานซิสเป็นยังไง แต่ฟังจากปากของป้าบัวแล้วทำผมยิ้มไม่หุบเลย

“เอ่อ.....ผมทำงานอยู่ที่เพนท์เฮาส์ในเมืองให้คุณฟรานซิสของป้าน่ะครับ ดูแลเรื่องความเป็นอยู่ ผมรับจ๊อบหารายได้ตอนปิดเทอมน่ะครับ”ผมคงไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้จริงๆ ขอโทษนะป้าบัว

“เหรอคะ แต่วันแรกที่คุณธันมาป้าเห็นว่าดูเหมือนจะไม่ค่อยสบาย มาก็ยังไม่ได้สติเลยแถมคุณฟรานซิสก็เอาหมอมารักษากว่าจะฟื้นก็ตั้งสองวัน ป้าก็ตกใจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่กล้าละลาบละล้วงเรื่องเจ้านายเขา เขาให้ทำอะไรป้าก็ทำตามหน้าที่เท่านั้น”

“เอ่อ.....”ผมขมวดคิ้ว คิดหาทางตอบคำถาม“ช่วงนั้นผมไม่สบายมาก คุณฟรานซิสเลยเห็นว่าที่นี่อากาศดีน่าจะฟื้นตัวได้เร็วก็เลยพาผมมาที่นี่ล่ะมั้งครับ”ผมหัวเราะฝืดๆ จัดการปรุงรสผัดผักตรงหน้าไปราวกับไม่มีอะไรต้องคิดมาก

“นั่นไงป้าบอกแล้วว่าคุณฟรานซิสน่ะใจดี”

“ครับ ครับ ครับ ผมเชื่อป้าก็ได้”ผมยิ้มกว้างๆ ให้ป้าบัวก่อนจะตักผัดผักเพื่อสุขภาพอย่างที่ป้าบัวบอกใส่จานเตรียมเสิร์ฟ ส่วนกับข้าวอีก 2 อย่างเป็นแกงเขียวหวานไก่กับปลาราดซอสมะขามที่ป้าแกทำเตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

“ยกเลยนะครับป้าบัว”

“ขอบคุณค่ะคุณธัน”

“เอ่อป้าบัวครับ ทำไมมื้อเช้ามันถึงเป็นมื้อหนักขนาดนี้ล่ะครับ”ผมมองข้าวปลาอาหารตรงหน้าราวกับมื้อเที่ยง

“ไม่เคยได้ยินเหรอคะว่ามื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ อาหารเบาๆ ไม่อยู่ท้องหรอกค่ะ”

“ก็จริงนะครับ ผมเคยกินพวกนม ขนมปัง หรือไม่ก็โจ๊ก ไม่ทันจะเที่ยงผมนี่หิวไส้แทบขาด มื้อเช้าผมก็ต้องอย่างนี้เลยถึงจะอิ่ม”

“ก็เห็นไหมล่ะคะว่าคุณฟรานซิสเขาเอาใจใส่คุณ”

“ทำไมถึงพูดเรื่องเขาอีกแล้วครับ ป้าบัวดูจะชื่นชมเจ้านายตัวเองสุดๆ เลยนะครับ”

“หรือว่ามันไม่จริงคะ”ป้าบัวพูดพลางตักข้าวใส่จานวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเก้าอี้ตัวที่ใกล้หัวโต๊ะที่สุด ผมมองดูที่นั่งตรงหัวโต๊ะที่ไม่มีจานข้าว ผมก็ถึงกับรู้สึกตัวขึ้นมาทันทีและสิ่งนั้นทำให้ผมยิ้มกริ่มออกมาอีกครั้งจนหุบแทบไม่ลง

ก็ความจริงแล้ว.....มื้อเช้าฟรานซิสเขากินข้าวซะที่ไหนล่ะ นอกจากกาแฟดำ ข้อนั้นผมลืมไปได้ไง




หลังจากผมกินข้าวเช้าจนท้องแทบแตกเสร็จแล้ว ฟรานซิสก็บอกข่าวดีกับผมนั่นก็คือเราจะได้กลับกันซักที ตอนแรกผมดีใจจนออกนอกหน้าแต่พอเหลือบไปดูป้าบัวดูแกยิ้มเหงาๆ จนผมรู้สึกผิด ก่อนกลับป้าบัวแกร้องไห้จนผมเผลอตกใจคิดว่าตัวเองทำอะไรผิด ผมล่ำลาป้าบัวอยู่นานกว่าจะได้ออกจากที่นั่น วันนี้อาเธอร์เป็นคนขับรถมารับ ผมเลือกที่จะนั่งคู่ด้านหน้ากับอาเธอร์ แต่ก็มีบางคนที่ออกคำสั่งเชิงบังคับให้ผมมานั่งด้านหลังด้วย

“นายกับคนดูแลบ้านพักดูจะสนิทสนมกันดี”

“ก็ป้าบัวเขาออกจะน่ารักคุยงาย แล้วดูเหมือนแกเหงาๆ พอมีคนคุยเป็นเพื่อนแกคงจะสนุก”

“ฉันไม่ขัดหรอกนะถ้านายจะอยู่ที่นั่นกับคนดูแลบ้าน”

“ผมอยู่ขึ้นมาคุณจะรู้สึก แต่เดี๋ยวนะ ทำไมคุณถึงไม่เรียกชื่อป้าแก เรียกแต่คนดูแลบ้านๆ”ผมมองหน้าฟรานซิสอย่างไม่เข้าใจ

“จะอยากรู้ไปทำไมไม่ใช่เรื่องสำคัญ”

“คุณอาเธอร์ คุณรู้เหตุผลใช่มั้ย?”ผมเชิดหน้าใส่ฟรานซิสอย่างไม่ง้อก่อนจะโผล่หน้าไปถามอาเธอร์ที่เป็นทางเลือก

“ขอโทษครับ แค่คุณต้องถามบอสเอง”

“ฮึๆ”ฟรานซิสหัวเราะแล้วแสร้งมองออกนอกหน้าต่างรถ ผมถึงกับเดือดอยู่ในใจเบนหน้าหนีกอดอกพิงพนักไม่อยากจะสนใจคนข้างๆ

แล้วผมก็จะไม่ถามอะไรอาเธอร์อีก สาบาน! งอนว่ะ!

“ถ้านายอยากรู้ ไว้ฉันจะบอกแล้วกัน”

“ขอโทษ แต่ผมไม่อยากรู้แล้ว”




เวลากว่า 2 ชั่วโมงที่นั่งอยู่ในรถ เชื่อไหมว่าผมไม่คุยกับฟรานซิสสักคำหลังจากจบประเด็นป้าบัว ไม่รู้สิผมรู้สึกตัวเองงี่เง่าก็ได้มั้ง อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ จนไม่เข้าใจตัวเอง เช้ายิ้มร่าตกบ่ายร้องไห้คงเป็นแนวนั้น แต่คงไม่ถึงกับน้ำตาแตกผมแค่เปรียบเปรยอารมณ์ผมที่มันบ้าๆ บอๆ เฉยๆ กับคนอื่นผมไม่เป็น แต่กับฟรานซิสผมรู้สึกแม่งตัวเองขาดเหตุผล ทั้งที่รู้ตัวเองแต่ผมยังปรับมันไม่ได้ดีเท่าที่ควร นั่นหมายถึงว่าผมไม่ได้อยู่เฉยๆ แต่พยายามปรับ

 ทันทีที่เท้าผมแตะพื้นหน้าเพนท์เฮาร์ผมก็ยืดตัวสลับความเมื่อยอย่างจริงจัง ฟรานซิสก้าวเท้าลงจากรถก่อนรถของเขาจะเคลื่อนตัวออกไป ในมือของฟรานซิสก็ถือกระเป๋าเอกสารอยู่ 1 ใบ ผมมองตามรถและแปลกใจเล็กน้อย ทุกทีอาเธอร์ไม่เคยปล่อยให้ฟรานซิสเปิดประตูลงเอง ซ้ำยังหิ้วกระเป๋าด้วยตัวเองเข้าเพนท์เฮาส์อีก โดยส่วนใหญ่แล้วอาเธอร์จะส่งเขาจนถึงหน้าประตูบ้านด้วยซ้ำ หรือมีเรื่องรีบร้อนอะไร แต่ช่างเถอะไม่ใช่เรื่องของผม การรู้ในสิ่งที่ไม่ใช่ประโยชน์ ถือเป็นเรื่องดี

“ถ้าคุณไม่มีอะไร ผมขอตัวกลับก่อนแล้วกัน”

“ฉันนับวันนี้เป็นงานวันแรกของนายนะ”ผมตั้งท่าจะเดินหนี แต่ฟรานซิสกลับเอ่ยรั้งผมไว้ก่อน แถมเขายังยื่นกระเป๋าที่ตัวเองถือมาทางผม

“แต่ผมไม่ได้บอกคุณเลยว่าผมอยากจะเริ่มงานวันไหน ผมอยากจะ.....”

“ตามมาได้แล้ว”ร่างสูงปล่อยกระเป๋าออกจากมืออย่างไม่แยแสผมจึงรีบฮุ๊ปรับกระเป๋าไว้ก่อนที่มันจะหล่นพื้น ลองให้หล่นพื้นดูสิผมว่าต้องมีเรื่องให้ผมปวดหัวแน่ๆ

“คุณ มัน......!”ผมอยากจะกระโดดงับแขนคนตรงหน้าเอามากๆ เขาทำให้ผมเดิมตามเข้าไปอย่างกับหมาหงอย แบบนี้มันก็เหมือนกับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงน่ะสิ ไหนเขาบอกว่าผมเป็นคนพิเศษไง

นี่เขาเป็นลูกเป็นหลานสือเชื้อสายมาจากฮิตเลอร์รึไง!

“ผมเก็บกระเป๋าให้แล้ว งั้นผมไปล่ะ”หลังจากที่เอากระเป๋าไปเก็บ ผมเดินลงมาข้างล่างเอ่ยลาฟรานซิสผ่านๆ เดินก้มหน้างุดบ่งบอกว่าผมไม่ปลื้มเขาสักเท่าไหร่ในตอนนี้ แต่จังหวะที่ผมเดินผ่านเขากลับใช่ลำแขนแกร่งขวางหน้า แล้วคว้าผมเข้ามากอดทางด้านหลัง ร่างสูงเกยคางลงบนไหล่แล้วขยับแขนรัดแน่นเข้าไปอีกจนผมดิ้นไม่ไหว

“เป็นอะไร?”เสียงทุ้มกระซิบถาม ผมเมินหน้าหนีไม่ตอบอะไร

“..........”

“ให้ฉันเดามั้ยว่านายกำลังโกรธฉันเรื่องอะไร”ฟรานซิสขยับตัวลากผมมานั่งที่โซฟาแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยให้ผมป็นอิสระแต่ยังคงกดผมนั่งบนตักของเขาราวกับเด็กน้อย

“ผมไม่ได้โกรธ จะให้ผมโกรธคุณเรื่องอะไร”

“แต่เสียงนายมันฟ้อง”

“ก็ได้ผมยอมรับว่าโกรธ แต่ผมรู้เดี๋ยวมันก็หาย ผมกำลังพยายามควบคุมมันอยู่”ผมโพล่งออกมาอย่างจนใจ ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่ที่งี่เง่า ผมควรจะบอกเขาตรงๆ ให้รู้

“ฮึ! ให้ฉันช่วยมั้ย เผื่อนายจะอารมณ์ดีขึ้น”รอยยิ้มกริ่มอาสาให้ความช่วยเหลือ ลองทายดูสิว่าวิธีการของเขาจะเป็นแบบไหน
รีบอารมณ์ดีให้ไวเลยมึงไอ้ธัน!

“ไม่ต้อง! ผมดีขึ้นแล้ว ผมแค่รู้สึกไม่เข้าใจทำไมคุณถึงไม่บอกผมเรื่อป้าบัว.....ก็แค่นั้นจริงๆ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากรู้แล้ว”ลงท้ายเสียงผมอ่อนราวกับจำยอมอารมณ์ตัวเองเพราะรู้ว่าเป็นเรื่องไร้เหตุผล ฟรานซิสคลายกอดผมเล็กน้อยแต่ไม่ได้ห่างไปไหน กลิ่นโคโลนอ่อนๆ ยามเขาขยับให้ร่างกายเราใกล้ชิดกันทำผมใจเต้น

“ฉันเจอคนดูแลบ้าน ตอนที่ฉันสร้างที่นั่นเสร็จแล้ว ไม่มีอะไรซับซ้อนแต่เขาเป็นแค่คนงานที่โดนนายจ้างทิ้งเพราะไม่มีความสามารถที่จะทำงานหนักได้ เขาเป็นโรคหอบหืดกับความดันเลือดสูง ฉันแค่จ้างต่อเพราะยังไงที่นั่นก็ต้องมีใครสักคนดูแลอยู่แล้ว”

ป้าบัวเป็นหอบหืด ส่วนนายก็คงเป็นหอบหื่นสินะ!

“คุณ ไม่เห็นจำเป็นต้องเล่าให้ผมฟังก็ได้”

“ฉันบอกแล้วว่าจะเล่าให้ฟัง แต่นายกลับแสดงท่าทีโกรธฉันขนาดนั้น ฉันไม่มีอะไรจะปิดบังนาย ขอแค่บอกว่าอยากจะรู้อะไรฉันจะค่อยๆ เล่าให้นายฟัง ไม่ว่าเรื่องมันจะยาวแค่ไหน”เราพูดเรื่องความไว้ใจกันสินะ แต่พฤติกรรมที่เขาแสดงไม่ได้บ่งบอกให้ผมเชื่อเขาเลย ก็มือไวๆ นั่นเล่นจับโน่นลูบนี่จนผมทนไม่ไหว

“ผม ผมคงไม่มีอะไรอยากรู้แล้วล่ะ”ผมลุกขึ้นพรวดต่อหน้าฟรานซิส เขารู้ว่านั่นเป็นการทำให้ผมประหม่าเป็นที่สุด

“แต่ฉันคิดว่ายังมีเรื่องที่นายต้องรู้ จริงๆ ฉันไม่ได้จะปิดบังแต่ยังไม่ได้บอกความจริงนายก็เท่านั้น”ฟรานซิสทำหน้าเหมือนช่วยไม่ได้กับเรื่องที่เขาจะเล่า

“คุณยังมีอะไรไม่ได้บอกผมอีกงั้นเหรอ”ผมขมวดคิ้ว มองฟรานซิสที่นั่งไขว่ห่างปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนไม่ให้รู้สึกอึดอัก

“เรื่องที่พักก่อนหน้านี้ของนาย ที่มีโอนเนอร์เป็นผู้หญิงท่าทางน่าหงุดหงิดนั่น”ผมเดาว่าเขาหมายถึงเจ๊ลำดวน

“คุณหมายถึงอะไรที่บอกว่าคุณปิดบังผม อย่าบอกนะว่า.....เบื้องหลังคุณคือเจ้าของตึกโกโรโกโสนั่นตัวจริง”

“นายคงไม่ได้ดูละครมากเกินไปใช่มั้ย”ฟรานซิสหัวเราะหงึกๆ ในลำคอมองผมที่ยืนตาวาวแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก้าวเข้ามาหาผมแล้วเอื้อมมือมาลูบแก้มบวมๆ ของผมเบาๆ

“แล้วมันเรื่องอะไรครับ คุณก็รีบๆ บอกผมมาสิ”

“ฉันแค่อยากให้นายออกมาจากที่นั่น แล้วพึ่งพาฉันบ้างก็เท่านั้น แต่นั่นมันก็แค่ความผิดพลาดที่ฉันคิดผิดไปถนัดคนของฉันก็ทำเกินไปนิดหน่อย.....แล้วนายหัวแข็งกว่าที่ฉันคิดอีก”

คุณคงไม่รู้หรอกว่าปากผมมันเปิดกว้างมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้ายังไง เหตุการณ์ชุลมุนไฟแลบแทบเผาตึกทิ้งนั่นวาบเข้ามาในหัวผมเต็มสตรีม ผมถึงกับพูดไม่ออกนึกไม่ถึงว่าจะเป็นฝีมือคนตรงหน้า ผมหลงสาปแช่งไอ้แก่เฉินให้ตกนรกไปไม่รู้ตั้งกี่พันขุม สุดท้ายแล้วตัวการกลับมายืนสารภาพอย่างง่ายดายต่อหน้าผมราวกับไม่คิดอะไรอยู่ตรงนี้นี่เอง

แบบนี้จะให้ผมพูดอะไร ช่วยบอกผมหน่อยสิ!

“ผม....ผมจะกลบแล้ว”นั่นคือคำพูดเดียวที่ผมคิดออกตอนนี้ ผมพูดเสร็จก็รีบหมุนตัวออกเดินทันที ในหัวผมมันตื้อจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว

“กลับไปบ้านเพื่อนของนายใช่มั้ย? ”ฟรานซิสถามผม เหมือนเมื่อกี้เข้าไม่ได้เอ่ยออะไรออกมาที่มันดูสะเทือนใจเลยสักนิด

“ครับ ผมจะรีบหาที่อยู่ใหม่ หวังว่าคุณคงจะไม่สั่งให้ใครไปเผาอะไรอีกนะครับ”ผมพูดทั้งที่ตัวเองยังหันหลัง

“ถ้าฉันทำแบบนั้นอีกครั้งแล้วนายมาอยู่กับฉันที่นี่ ฉันจะลองเอากลับไปคิดดู”

“คุณฟรานซิส! ผมไม่นึกเลยว่าคุณจะทำแบบนั้นจริงๆ”ผมตัดใจเดินออกไปไม่ได้จริงๆ จนเผลอโต้ตอบฟรานซิสด้วยอารมณ์โกรธเคือง

“ฉันทำได้ทุกอย่างในสิ่งที่ฉันต้องการ และสิ่งที่ดูไม่เป็นเหตุเป็นผลเลยนั่นคือครั้งแรกที่ฉันทำ เหตุผลไม่มีน้ำหนักนั่นก็คือนาย.....ธัน”

แค่คำพูดแบบนั้นเขาคิดว่าจะทำให้ผมหายโกรธเขาได้รึไงกัน นั่นแสดงว่าเขา.....คิดถูกแล้ว!

ให้ตายเถอะ! ผมแพ้คำพูดของผู้ชายตรงหน้าอย่างราบคาบตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหนจะยังดวงตาพราวระยับนั่นที่สื่อออกมาเถรตรงใจผมขนาดนั้น นี่คือเหตุผลที่ใครๆ ก็บอกว่า ความรักชนะทุกสิ่ง ความรักทำให้คนตาบอดสินะ

“ฉันอยากให้นายย้ายมาอยู่ที่นี่กับฉันธัน”

“ไม่ ผมจะไม่อยู่ที่นี่ ขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ผมทำให้คุณไม่ได้คุณฟรานซิส”ยังไงซะผมก็ต้องรีบดึงสติตัวเองกลับให้ไว อย่าให้เข้าใช้คำพูดและแววตานั่นชักจูงผมไปซะทุกอย่าง

ไอ้ธัน! มึงต้องแข็งใจไว้

“ทำไม?”

ผมจะบอกเขาได้ยังไงว่าอยู่ใกล้เขา มันเหมือนอยู่ใกล้กระต่ายที่มีฤดูผสมพันธ์ได้ตลอดทั้งปี ผมควรพูดรึไง

“ผมแค่ต้องการอิสระ คุณก็รู้ว่าเราควรจะมีระยะห่างกันบ้าง”

“นั่นหมายถึงนายจะทำให้ฉันคิดถึงนายสินะ? ”

“ผะผม ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”

เข้าใช่ตรรกะไหนคิด ผมอยากจะยีหัวตัวเองสักร้อยรอบ

“โอเค.....ฉันจะตามใจนายก็แล้วแล้ว แต่ไหนลองพูดของร้องฉันอีกครั้งได้มั้ย แล้วก็ทำตรงนี้ด้วย”ฟรานซิสกลับไปยังที่นั่งของเขาตามเดิม ก่อนจะตวัดขายาวยกขึ้นไขว่ห้าง วางลำแขนแกร่งพาดไปตามไหล่โซฟา มืออีกข้างยกขึ้นเคาะริมฝีปากหยักของเขาสื่อความหมาย ผมมองท่าทางใจดีแต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์อย่างอ่อนใจ

“ถ้าผมไม่อยากทำ?”

“นายก็เหยียบออกไปจากที่นี่ไม่ได้”ถึงแม้เขาจะยิ้ม แต่คำพูดนั้นมันช่างต่างจากสิ่งที่แสดงออกอย่างสิ้นเชิง

“คุณมันเจ้าเล่ห์”

“หรือเปลี่ยนใจจะอยู่ที่นี่ ฉันจะให้คนไปขนของมาให้”

“ขอบคุณครับ ผมขอปฏิเสธ”ผมยิ้มบางๆ ราวกับไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะก้มลงจูบที่ริมฝีปากฟรานซิสเบาๆ ราวกับเรื่องปกติ พูดตามสิ่งที่เขาร้องขอ“ให้ผมไปอยู่ข้างนอกนะครับ คุณฟรานซิส”ผมยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะเห็นร้อยยิ้มจากร่างสูงตรงหน้า ผมถอยมาหนึ่งก้าวและเหมือนฟรานซิสจะไม่ท้วง เลยใช้จังหวะนี้เดินออกมาพอห่างจากเขาได้เท่านั้นแหละ ผมอยากจะโคม่า

ตึกตัก ตึกตัก! ใครว่าผมไม่รู้สึกอะไร แต่ใจผมแม่งแทบจะออกมาเต้นนอกอกอยู่แล้ว นี่ผมใจกล้าหน้าด้านทำแบบนั้นไปแล้วสินะ! แม่งโคตรบ้าในสามโลก!






>>>>>to be comtinued  :bye2:






ไม่รู้ว่านักอ่านจะเป็นเหมือนกันมั้ยว่าอ่านตอนนี้แล้ว รู้สึกตัวเองยิ้มไม่หุบ :-[
มีความน่าหัก น่างอ น่ารัก กรุ่นๆ อยู่รอบๆ 
ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้  :กอด1: :กอด1:
เจอกันตอนหน้าเร็วๆ นี้นะคะ  o13

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ฟรานซิสจอมเจ้าเล่ห์คิดจะกักตัวธันไว้ใกล้ๆ ตัวละซิ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เรื่องไฟไหม้นี่เราก็คิดว่าเป็นฝีมือฟรานซิสนะและก็ใช่จริงด้วย คนเจ้าเล่ห์ ร้ายกาจ อยากได้ธันมาอยู่ด้วยจนต้องทำขนาดนี้เลยอ่อ นิสัยไม่ดีเลยฟรานซิสแล้วคอยดูเถอะปากบอกจะให้ธันไปอยู่ข้างนอกแต่เอาจริงก็คงหาเรื่องไปตามติดธันอีกจนได้อะ

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
555555555555555555555555555555555

อ่อยอะไรเบอนั้นนนนนน ใสๆ :hao7:

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4
ขอพื้นที่มาประกาศให้ทราบเพื่อเตรียมตัวและเตรียมใจ :o8:

มาขอแจ้งกับนักอ่านค่ะว่า My Boss ตอนหน้าจะเป็นตอนจบของเรื่องแล้ว :sad4: (กำลังรีไรท์)
พรุ่งนี้อย่าลืมมาบ๊ายบายเฮียฟรานซิสบอสผู้เป็นโรคหอบหื่น กับธันธัน
เหยื่อน้อยผู้น่าสงสาร :try2: กันได้ที่นี่นะคะ


ขอแปะลิ้งเรื่องสั้นที่ดีต่อใจไปอ่านรอเวลาก่อนนะคะ (เผื่อใครอยากจะตามงานค่ะ :oni1:)

เรื่องสั้น ความรักของไอ้ฟอง(1 ตอนจบ + 1 ตอนพิเศษ)
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48363.0

และมีงานที่เก่ากว่านี้ในเล้าและจบไปแล้วแต่ขอเก็บไว้ในหลืบ เพราะสำนวนแกว่งๆ
แถมยัง 20+ ซะเหลือเกิน :try2: กลับไปอ่านยังรู้สึกอายตัวเอง :a5:
ยังไงเจอกันพรุ่งนี้นะคะ :กอด1: :กอด1:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 : 222222:
กระดี้ กระด้า ดีใจรอล่วงหน้า
ขอบคุณคนเขียนมากนะจ๊ะ

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
อ่าวจจบแล้วหรอ เราก็จินตนาการไปโน่น ลืมไปว่าเถ้าแก่เฉินโดนจับแล้ว  :heaven

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4



26




“ผมมีเรื่องอยากจะบอก คุณพอจะมีเวลารึเปล่า”

“หรือนายจะเปลี่ยนใจย้ายมาอยู่ที่นี่? ”

“ผมบอกแล้วว่าเรื่องมาอยู่ที่นี่ผมไม่เอาด้วยเด็ดขาด”

“น่าเสียดาย แต่ฉันต้องไปทำงาน แล้วค่อยคุยกัน”

“ดะเดี๋ยวสิครับ ฟังผมหน่อยเรื่องสำคัญจริงๆ! ”

“งั้นก็ว่ามา”ผมต้องอ้อนสินะคือจุดประสงค์

“ผมจะขอลากลับบ้านสักหนึ่งอาทิตย์ ช่วงนี้ปิดเทอมมันคงจะแปลกถ้าหากผมไม่กลับบ้านเลย แล้วที่สำคัญผมก็ไม่ได้กลับบ้านนานแล้วด้วย”

“แล้วใครจะดูแลที่นี่? ”

“คุณก็หาเมดชั่วคราวสักคน ผมสัญญาจะรีบกลับ นะครับคุณฟรานซิส”ผมอ้อนสุดตัว

“ตามใจนายก็แล้วกัน แต่ 1 อาทิตย์นานไป นายต้องชดเชยวันทำงาน 2 เท่าให้ฉัน”มองผมด้วยสายตากรุ้มกริ่มนี่มันอะไร ตอบครับ!

“ก็ได้ ผมสัญญา”

นั่นคือสิ่งที่ผมต้องแลกมาเพื่อที่จะได้กลับสู่บ้านเกิดเมืองนอน  สิ่งที่ผมแบกกลับก็มีแค่กระเป๋าเป้ใบเดียวกับการเดินทางที่ยาวนานถึง 5 ชั่วโมง อย่าได้หวั่นแม้ตูดจะชามาก และตอนนี้ผมก็ถึงทางเข้าบ้านของผมแล้ว ไกลเข้าไปตลอดแนวขนาบข้างไปด้วยต้นมะพร้าวสุดทางในระยะ 300 เมตรคือบ้านของผมเอง

บ้านเก่าๆ สองชั้นทำจากไม้แต่ยังคงอยู่ในสภาพดี ปลูกมาตั้งแต่รุ่นปู่ของผม อาณาบริเวณรอบๆ บ้านก็กว้างขวางไม่อึดอัดมีที่ให้วิ่งเล่นอยู่พอตัว ถัดจากหลังบ้านไปก็เป็นสวนกล้วย สวนมะม่วงแล้วก็สวนเงาะมีต้นทุเรียนแทรกบ้างซึ่งพ่อกับแม่ดูแลอยู่ ทุกปีผมจะกลับมาทันช่วงฤดูผลไม้พอดี จึงไม่แปลกใจที่ไม่มีใครว่างมารับผมเข้าบ้าน คงจะวุ่นอยู่กับการเก็บผลไม้ส่งขายในตลาดแน่นอน

“เฮ้ย! พี่ธันกลับมาแล้ว ป้าแก้วลุงเทียนพี่ธันมาแล้ว!!!”เด็กร่างอ้วนแก้ม 3 กิโลที่นั่งคร่อมจักรยานเตรียมปั่นออกมาจู่ๆ ก็ทิ้งจักรยานวิ่งเข้าไปทางหลังบ้านตะโกนเสียงลั่นสวน แล้ววิ่งกลับออกมาหน้าตื่นเข้ากอดแข่งกอดขาจนผมแทบล้ม แถมมาด้วยไอ้โป้งหมาบ้านพันธ์ทางที่กระดิกหางจนแทบหลุดเข้ามากระโดดใส่ให้วุ่นวายไปหมด


“ไอ้ตั้วปล่อยได้แล้ว พี่จะล้มแล้วเนี้ย ปากนี่เหนียวเชียวกินอะไรมาวะ”ผมหยิกแก้มไอ้ตั้ว เด็กข้างบ้านอายุ 7 ขวบที่ชอบมาเล่นที่นี่บ่อยๆ แล้วมันก็ค่อนข้างสนิทกับผม เพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ จริงๆ บ้านผมคงจะเงียบมากถ้าไม่มีมัน แม่ผมแทบจะขอมันมาเลี้ยงเป็นลูกแทนผมอยู่แล้ว อ้อ! จริงๆ ผมมีพี่สาวอีก 1 คนนะที่ไม่เคยบอกใครมาก่อนชื่อพี่ทับทิม อายุก็แก่กว่าผม 4 ปี เป็นคนดูแลพ่อกับแม่ เพราะพี่จบมาก็มาหางานทำแถวบ้าน

“โหยพี่ธัน มาไมไม่บอกตั้วก่อนอ่ะ”

“ก็ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพรส์ดิ”ผมยิ้มหน้าทะเล้นให้มันก่อนจะโยนกระเป๋าวางไว้หน้าบ้านแล้วเดินไปทางด้านหลังบ้าน เห็นแม่ผมกำลังเดินออกมาพอดี แถมยังยิ้มหน้าบานเท่าจานดาวเทียมอีกด้วย

“คิดถึงคนนี้จังเลยมาให้กอดซะดีๆ”ผมกอดหญิงกลางวัยร่างเล็กที่กอดตอบผมอย่างคิดถึง ผมแทบจะร้องไห้แล้วเนี้ยทำอะไรจนลืมคิดถึงคนๆ นี้ไปตั้งหลายอย่าง

“แม่ตัวเหม็น อย่ากอดเยอะยังไม่ได้อาบน้ำเลย”

“เหม็นยังไงหอมจะตาย”ผมหอมฟอดตรงแก้มสองข้าง คนตรงหน้าฟาดลงท่อนแขนผมเบาๆ อย่างเก้อเขิน

“อย่ามัวแต่เล่นเลย ปล่อยแม่ได้แล้วเดี๋ยวต้องไปช่วยดูพ่อก่อน มีคนมารับซื้อผลไม้ในส่วน ให้ไอ้แดงกับเจ้าอัดช่วยขนอยู่”

“ตั้วไปด้วย พี่ธันอยู่ไหนตั้วอยู่นั่น”ไอ้เด็กตัวกลมมันยังไม่ไปไหนตามตูดผมเป็นหมากฝรั่งติดตูดเลย

“เจ้าตั้วไหนบอกจะกลับบ้านไปอาบน้ำ”

“ไว้ก่อนแล้วกัน ตั้วอยากอยู่กับพี่ธัน”

“ครับๆ เจ้าเด็กอ้วน”

ผมเดินคลอแม่มาทางสวนหลังบ้าน เห็นไอ้อัดกับไอ้แดงลูกน้องที่พ่อกับแม่จ้างมาช่วยขนของขึ้นกระบะอยู่ ผมเข้าไปกอดพ่อทีนึง แต่ไม่กล้าหอมอย่างแม่กลัวพ่อเขิน

“หูยพ่อ! ผมบอกให้กินเยอะๆ ไง นี่ผอมลงป่ะเนี้ย”ผมเดินหมุนรอบตัวพ่อไอ้โป้งเดินตามให้วุ่น

“ผอมอะไรของเอ็งแบบนี้กำลังดีแล้ว ทำงานคล่องตัวอ้วนจะไปทำอะไรไหว”

“อ้าว! ลุงเทียนว่าตั้วเหรอ”เจ้าเด็กแก้ม 3 กิโลปั้นหน้ากลมเงยหน้ามองพ่อผมจนผมอดขำไม่ได้ เลียงเล็กๆ ของมันทำผมหมั่นไส้กับความน่ารักของมันเลยอดไม่ไหวเตะเบาๆ ไปที่ก้นมันทีนึง

“ก็กินให้มันน้อยๆ หน่อยจะได้ไม่กลมขนาดนี้”

“ก็ตั้วเป็นเด็กกำลังโต”

“เอ็งน่ะกินจนร่างกายขยายตามไม่ทันแล้ว เอ้า! งานเสร็จแล้วไปคุยกันในบ้านดีกว่า”พ่อโอบไหล่ผมชวนกันเข้าบ้าน พอดีกับพี่สาวของผมที่เพิ่งกลับมาจากทำงานทันทีที่ลงจากรถการคุยแหลกก็เกิดขึ้นอีกระรอก กว่าจะได้เข้าบ้านก็กินเวลาไปร่วมชั่วโมง ทั้งๆ ที่บ้านอยู่ใกล้เอื้อม ส่วนไอ้ตั้ว ผมอาสาไปส่งมันถึงบ้านก่อนจะกลับมาเก็บของอาบน้ำ

และเย็นนั้นผมก็ได้นั่งกินข้าวร่วมกันกับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา คุยกันสนุกสนานออกรสจนผมเติมข้าวไปได้หลายจาน เราพูดกันถึงสวนผลไม้ของพ่อกับแม่ที่ออกลูกดกทันเก็บขายทุกวัน แต่แม่ก็บ่นเรื่องความใจดีของพ่อที่ชอบแถมเขาไปเป็นแข่งจนกำไรหดหายเท่าทุนตลอด ส่วนพี่สาวผมก็บ่นเรื่องเจ้านายที่ทำงานให้ฟัง พี่สาวผมทำงานธนาคารเลยมีเรื่องบ่นให้พ่อกับแม่ฟังแทบทุกวัน แม่บอกผมว่าพี่ผมมันชอบบนเหมือนคนแก่เลยไม่มีใครกล้ามาจีบ

ทั้งๆ ที่ผมพยายามไม่พูดเรื่องตัวเองแล้วแต่พี่ผมมันก็ถามไถ่อยากรู้ขึ้นมา ส่วนพ่อกับแม่ก็นั่งฟังอย่างตั้งใจจนผมต้องเล่า ผมเลยเล่าเรื่องเรียนที่ไปได้ดีไม่มีปัญหา และเรื่องหมางใจกับไอ้โชคแต่ไม่ได้บอกต้นสายปลายเหตุให้ฟัง และผมก็เล่าถึงงานระหว่างปิดเทอมที่ทำมาสักระยะเรื่องหาค่าห้องหาค่ากินให้ฟัง

จริงๆ แม่อยากจะส่งเงินให้ผมใช้เหมือนคนอื่นๆ เขา ไม่ต้องไปลำบากกัดฟันทำงาน แต่ผมคิดเสมอว่าเงินที่พ่อกับแม่หามาได้ก็เป็นเงินของคนที่หามา แค่พ่อกับแม่เป็นคนจ่ายค่าเทอมให้มันก็มากพอแล้ว และเรื่องทำงานเลี้ยงตัวเองผมว่ามันไม่ได้น่าอายหรือลำบากอะไร ในเมื่อปากต้องกินต้องใช้เราก็ต้องทำ ฝึกที่จะเจอกับงานดีกว่าหลบงานเป็นไหนๆ

“ธันแกมีแฟนยังวะ?”

“แฮ่กๆ ”ผมแทบจะพ่นน้ำออกจากปาก“จู่ๆ ก็ถามมีไรป่ะ? ”

“แม่ก็อยากรู้นะว่ามีแฟนกับเขาบ้างหรือยัง”แม่พูดขึ้นผมนี่นิ่งเลย แถมพ่อยังนั่งกินข้าวไม่พูดอะไรเลยด้วย คงจะขอแอบฟังเนียนๆ อยู่แน่

“โธ่แม่ แฟนน่ะยังไม่มีหรอก ทำงานจนไม่มีใครมาสนแล้ว”

“จริงเหรอ? อย่าให้พี่เห็นนะว่าตั้งสถานะอะไรในเฟส”

“เลิกถามเรื่องนี้ได้แล้ว วันๆ ก็ทำงานจนไม่ได้ไปเจอเพื่อนฝูงด้วยซ้ำ”

“เจ้านายเขี้ยวลากดินกว่าของพี่อีกเหรอ”พี่ทับทิมจิ้มซ่อมลงกับจานทำท่าอยากรู้

“ฮึ! ของผมนะยิ่งกว่าเขี้ยวลากดินอีก เจ้าระเบียน จอมบงการ ชอบบังคับ วางท่า แล้วแถมยังชอบจับผิดอีก”

“เฮ้ย! จริงดิ แล้วทนได้ไง”

“ผมเป็นผู้ชายนะพี่ทับทิม เรื่องพวกนี้ไม่มีใครมองมองว่ามันหยุมหยิมหรอก เลยพออยู่ได้โกรธบ้างแต่เดี๋ยวก็ลืม แล้วก็โกรธใหม่แล้วก็ลืม วัฏจักรง่ายๆ ของความคิดผม”ผมยักไหล่สองข้างอย่างไม่แยแส พี่ทับทิมแบะปากหันไปจิ้มมะม่วงเข้าปาก

“เออ แล้วนี่แกทำไมไม่ชวนเพื่อนที่มหาลัยมาเที่ยวบ้านบ้างล่ะ เห็นว่าสนิทกัน”

“โธ่พ่อ ถ้าชวนมาได้ผมชวนมาแล้ว แต่พอดีไอ้บัสกับไอ้ปอนมันเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวนิดหน่อยเลยมาไม่ได้”

“อ้าว! เกิดเมื่อไหร่แม่ไม่เห็นรู้ สองสามอาทิตย์ก่อนแต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว แม่ไม่ต้องห่วง พวกมันหนังเหนียวจะตาย”

“แกก็ระวังตัวไว้บ้างก็แล้วกัน”

“ครับ”

การสนทนาในเย็นวันนั้นลุกลามไปจนถึงสามทุ่ม ปกติสองทุ่มพ่อกับแม่ก็นอนแล้วเพราะต้องตื่นเช้า ผมเลยพลอยเข้านอนเร็วไปด้วยและกะจะลุกขึ้นเข้าสวนไปช่วยทำงานด้วย



วันที่สองของการอยู่บ้าน ผมทำงานตลอดจนแทบไม่ได้จับโทรศัพท์เลย อาการเหนื่อยของคนใช้แรงทำงานเยอะๆ ก็คือพอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นศพ ตื่นมาก็เข้าสวนตัดผลไม้ แต่งกิ่ง ช่วยพ่อจัดการกับไอ้ต้นที่มันยืนต้นตายบ้าง แล้วปลูกแทนที่ด้วยต้นใหม่ แล้ววันนี้ผมก็กะจะเข้าไปเอาปุ๋ยน้ำหมักธรรมชาติไปรดต้นมังคุดสองสามต้นที่เพิ่งปลูกใหม่ของพ่อกับแม่เมื่อหลายเดือนก่อน ตัวที่ตามผมมาก็มีแต่ไอ้โป้งหมาพันธ์ทางที่วิ่งเล่นไปทั่วสวน

“ไอ้โป้งมึงนี่น่าอิจฉาว่ะ อิสระ มีความสุข แถมยังมีคนเลี้ยง”ผมลูกหัวเปรอะๆ ของมันสองสามทีก่อนจะหันไปเปิดถังน้ำปุ๋ยหมักกลิ่นมหากาพย์ความรุนแรงใช้ขันมีด้ามจ้วงตักแล้วสาดรอบๆ ต้น

“หืม....กลิ่นอย่างหึ่ง นี่พ่อแอบเอาฉี่เอาอึใส่ไปด้วยรึเปล่าเนี้ย”ขนาดไอ้โป้งยังหนีผมไปยืนอยู่ซะไกล ด้วยกลิ่นที่ไม่ไหวผมจึงรีบจ้วงขันสุดท้ายกะจะสาดเทไปให้ไกลถึงต้นพริกขี้หนูที่งอกแซมอยู่ด้านหลังแล้วจะได้รีบกลับ แต่ปรากฏว่าแทนที่น้ำปุ๋ยจะได้กระเด็นไปถึงต้นพริกกลับมีบางอย่างเอาตัวมาขวางไว้ซะก่อน ทุกละลองทุกความเหม็นหึ่งจึงไปตกอยู่กับสิ่งนั้น

เชี่ยแล้ว! ผมอุทานในใจลั่นมาก เพราะแว๊บแรกของหาตาผมมองเห็นแล้วว่ามีคนมายืนอยู่ แต่มือมันไปแล้วจะเอาอะไรมาหยุดได้วะ และที่สำคัญไอ้คนโชคร้ายได้ขี้นี่มันใครวะ ถ้าเดินมาไม่ดูอะไรแบบนี้ก็สมควรโดนแล้ว

ผมมองตั้งแต่รองเท้าค่อยๆ ไล่ไปตามท่อนขาที่เห็นได้ว่าโดนเข้าอย่างจัง แค่มองเห็นเท่านี้ผมถึงกับผงะก้มหน้าต่ำเรี่ยดินคุยกับยอดหญ้าอยู่พักใหญ่อย่างไม่มั่นใจในความคิด แล้วตัดสินใจเงยหน้ารวดเรียวมองเจ้าของรองเท้าหนังดำมันวาวที่ไม่ควรมาเดินใส่ในสวน แค่เห็นหน้านี่ผมก็หงายเงิบแล้วครับ

“มาได้ไงเนี้ย! ”



“ต้องขอโทษด้วยนะที่เจ้าธันมันทำเสื้อผ้าคุณเลอะไปหมด”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเดินไปไม่ให้ซุ่มให้เสียงก่อนเอง”

“โถ่แม่ ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้ผิด”

“แอ๊ะลูกคนนี้ ทำไมยังไม่พูดขอโทษคุณเขาอีก เขาเป็นเจ้านายเราไม่ใช่เหรอ นี่เขาอุตส่าห์มาเยี่ยมมาเยียนเราถึงบ้านยังจะไม่มีมารยาทอีก”ผมผงะมองแม่ที่สวดผมไฟแลบ ปกติแม่ไม่ทำอย่างนี้กับผมนานมากแล้วนะ แล้วนี่แม่กินอะไรเข้าไป

“แต่ว่า.....”

“พาคุณเขาไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว”ผมมองแม่ที่ดันหลังไล่ผม ผมเกาหัวแกรกๆ เดินขึ้นชั้นบนของบ้านงงๆ โดยมีเจ้านายผู้มีน้ำใจเดินตามต้อยๆ อยู่เบื้องหลัง

ผมลากฟรานซิสเข้าห้องก่อนจะมองซ้ายมองขวาว่าไม่มีใครยู่แล้วปิดประตูลง

“คุณคิดอะไรอยู่ถึงมาที่นี่เนี้ย แล้วคุณได้ที่อยู่ผมจากใคร แล้วมาถูกได้ยังไง?”ผมปราดเข้าไปถามเจ้าตัวอย่างสงสัยสุดๆ

“ก่อนที่ฉันจะตอบคำถามอะไร ฉันอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ”ผมมองหน้านิ่งที่คิ้วขมวดสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่ ทำเอาผมเผลอหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเพิ่งจะนึกขึ้นได้

ราชสีห์ลุยสวนชัดๆ

“ผมขอโทษที่ลืมเรื่องนี้ไปเลย ห้องน้ำอยู่ด้านล่างเอานี่ผ้าขนหนู เดี๋ยวผมจะหาชุดเปลี่ยนให้ก็แล้วกัน”

“ถอดให้ฉันด้วย”สีหน้าฟรานซิสบ่งบอกว่าเขาไม่ได้ต้องการกลั่นแกล้งผม แต่เป็นการออกคำสั่งเสียมากกว่า กลิ่นของมันคงทำเขาขยาดจนแทบไม่อยากจะแตะเสื้อผ้าของตัวเองเลย

“ไม่เอา ทำเองสิครับคุณไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

“ฉันบอกให้นายถอดมัน”สีหน้าเคร่งขรึมแต่ยังฉายแววความหล่อเหลาระดับพรีเมี่ยม บ่งบอกว่าเขาใกล้สิ้นสุดความอดทน ผมทั้งอดขำอดยิ้มไม่ได้ ทีต่อหน้าแม่เขายังไม่แสดงออกขนาดนี้เลย

“ก็ได้ๆ”ผมเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิตสีน้ำเงินเข้มทีละเม็ด ทีละเม็ดจนถึงเม็ดสุดท้ายเผยผิวขาวอัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อ หน้าท้องที่เปรอะน้ำสีเข้มบางๆ เคลือบผิวจนน่าขำ ก่อนจะบอกคนร่างสูงหลังเสร็จหน้าที่

“คราวนี้ก็ไปอาบน้ำได้แล้ว ตัวคุณมันเหม็นสุดๆ เลย ห้องผมจะเหม็นไปด้วยรึเปล่าเนี้ย”

“ใครบอกว่าเสร็จ”สายตาฟรานซิสมองไปยังด้านล่าง เขายืนแข็งทื่อไม่ขยับไปไหนราวกับหุ่น

“อย่าบอกนะว่าจะให้ผมถอดกางเกงให้คุณด้วย ไม่เอา! ”ผมถอยห่างปฏิเสธท่าเดียวคือ ไม่!

“ถ้าฉันจะเล่าเรื่องที่เราสนิทสนมกันให้ครอบครัวนายฟังคงไม่เป็นไรสินะ”สีหน้าขรึมที่เริ่มแสยะยิ้มออกทำผม ลุกลี้ลุกลน เข้าไปคุกเข่าปลดเข็มขัดร่างสูงอย่างไว

“ถ้าคุณพูดมากผมจะโกรธคุณจริงๆ !”ผมยื่นคำขาดมือนี่สั่นจนเหล็กหัวเข็มขัดสั่นกระทบกันดังจนน่าหนวกหู

มันน่าอาย อายจนอยากมุดหน้าหนีจริงๆ แถมมือที่สั่นยังจับสะเปะสะปะไปโดนนู่นนี้จนผมตาลายทำอะไรไม่ถูก กับอีแค่กางเกงตัวเดียวผมจะมากังวลอะไรนักหนา ไอ้สิ่งที่อยู่ในกางเกงผมเองก็เคยเห็น แต่ทำไม! มือผมต้องสั่นด้วยวะเนี้ย!

“แล้วถ้าหากฉัน ไม่พูดมัน.....”

“เสร็จแล้ว คราวนี้ก็แค่เอาขาออกมาคุณทำเองนะ ผมไปก่อนล่ะ”ผมรีบเผ่นหนีออกจากห้องอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งลงด้านล่างมานั่งหอบอยู่ตรงประตูบ้าน ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นกระเบื้องเย็นๆ

มือเมื่อกี้ยังสั่นไม่หาย ไอ้เรื่องถอดผมไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้ถอดกางเกงนี่มันเกินไป ก็รู้ว่าผมรู้สึกยังไงเขาก็ยังมีทีเล่นทีจริงแกล้งผมอยู่นั่น แล้วแบบนี้จะเอายังไงเนี้ย
 
ไล่กลับให้เร็วเลยดีมั้ย!



มีความแพ้ ผมคิดไว้แล้วว่าเรื่องมันต้องเป็นแบบนี้ กลายเป็นว่าคืนนี้ฟรานซิสนอนบ้านผมเฉยเลย นอนได้ไงใครให้นอน? ก็แม่กับพี่สาวผมไงมีความเห่อลูกครึ่งชมแล้วชมอีก กินง่ายอยู่ง่าย แถมนิสัยดี! พี่ทับทิมลากผมไปฟาดอยู่หลายรอบบอกผมหลอกพี่ว่าเจ้านายเลือดเย็น ผมนั่งคอตกสิครับสองวันผ่านไปเป็นหมาหัวเน่าเพื่อนไอ้โป้งเลย

“ผมอิ่มแล้ว จะขึ้นไปนอนแล้วนะใครจะคุยใครจะกินก็ตามสบาย”

“อะไรของแกเนี้ยธัน”พี่สาวผมอ้าปากพะงาบๆ เรียกผม แต่ไม่สนล่ะผมงอนจริงๆ ก่อนหน้านี้ผมเคยเป็นที่หนึ่ง แต่พอมาวันที่สองที่สามผมโดนเทเฉยเลย ชิ!

ผมขึ้นห้องมาตึงตังกระโดดลงที่นอนคว่ำหน้ากางแขนกางขาเต็มเตียงกลิ้งไปมาสองสามรอบก่อนจะหยุดกลิ้ง ไม่ทันไรคนร่างสูงก็เปิดประตูเข้ามา ผมเงยหน้าขึ้นมองแล้วเงียบไป ผมรู้สึกถึงเตียงที่มันยวบลงไปจึงรู้ว่าเขามานั่งใกล้ๆ แล้ว

“เป็นอะไร นายดูอารมณ์ไม่ดี หรือเพราะฉันมาที่นี่”เสียงนุ่มพูดขึ้นพลางเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆ

“ก็มีส่วน ผมถามคุณจริงๆ เถอะว่าคุณจะมาที่นี่ทำไมกัน ลำบากก็ลำบากไม่มีแอร์ไม่มีอ่างแช่น้ำ ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก ไม่มีอะไรสักอย่าง คุณก็เห็น”

“กลัวฉันลำบากรึไง”

“เปล่าสักหน่อย”

“แล้วตกลงนายโกรธฉันเรื่องอะไร”

“ก็เพราะคุณมาโดยไม่บอกผมสักคำ”ผมพึมพำคว่ำหน้าพูดกับหมอน

“ฮึๆ นายไม่ได้ดูโทรศัพท์ตัวเองเลยสินะ”ฟรานซิสเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ของผมที่ถูกทิ้งขว้างอย่างไม่ใยดีอยู่ตรงหัวเตียง แถมแบตก็ดันหมดอีก ผมพูดอะไรไม่ออกเลยเงียบไป เถียงไปก็ไม่ชนะแล้วน่ะสิ

“ฉันโทรหานาย ส่งข้อความแล้วแต่ดูเหมือนนายจะไม่ได้ดูมันเลย ฉันแค่ร้อนใจว่านายเกิดเรื่องรึเปล่า”ผมนิ่งไปครู่หนึ่งพอฟังในสิ่งที่ฟรานซิสพูดผมเลยเข้าใจเขามากขึ้น ทั้งๆ ที่ผมกลับไม่ได้คิดถึงส่วนนั้นเลยด้วยซ้ำ แล้วก็นึกไม่ถึงว่าเขาจะเป็นห่วงใครเป็น
“แล้วคุณ รู้เรื่องที่อยู่ของผมได้ยังไงครับ”ผมเสียงอ่อนลงยอมพลิกตัวหันหน้ามามองเขาดีๆ

“ฉันถามเอาจากเพื่อนของนายที่ทำงานอยู่ที่บาร์บิโลน”

“คงจะเป็นไอ้บัสไม่ก็ไอ้ปอนสินะ”ฟรานซิสพยักหน้าเป็นเชิงตอบ“จริงๆ ผมก็บอกแล้วว่าจะกลับบ้านคุณไม่เห็นต้องห่วงขนาดนั้น”

“ใครว่าฉันเป็นห่วง.....”

“คุณบอกเองว่าคุณร้อนใจกลัวผมเกิดเรื่อง”ผมผุดลุกขึ้นโต้ตอบทันที ร่างสูงเอื้อมมือมาโอบหน้าผมเบาๆ พลางใช้นิ้วเกลี่ยพวงแก้มอย่างอ้อยอิ่งแล้วยกยิ้มชวนสงสัย

“นายยังฟังที่ฉันพูดไม่จบ ใครว่าฉันเป็นห่วงนายอย่างเดียว ฉันคิดถึงนายด้วยต่างหาก...ธัน”

คือผมเหมือนจะละลาย รู้สึกราวกับตัวเองเป็นเนยที่อยู่กลางกระทะร้อนๆ ผมแทบจะไม่เคยได้ยินฟรานซิสพูดอะไรแบบนี้กับผมมาก่อน เพราะแต่ละอย่างที่เขาจะพูดออกมาเขาไม่เคยคืนคำ นั่นรึเปล่าเป็นสาเหตุที่เขามักจะพูดอะไรที่มันดูจริงจังแถมยังเถรตรงจนไม่มองสีหน้าใคร แม้กระทั่งผมตอนนี้

จะดึงผ้าห่ม หยิบหมอนขึ้นมาปิดหน้ามันก็กะไรอยู่ แต่เอาจริงๆ ผมเขินว่ะ!

“คุณพูดเรื่องแบบนี้มันฟังดูแปลกๆ ผมจะเชื่อได้รึเปล่า”

“นั่นสิ ฉันก็ยังไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกัน แต่พออยู่ห่างจากนายฉันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป”ดวงตาคู่คมมองผมไม่มีหลบเลี่ยง ผมพ่นลมหายใจออกมาน้อยๆ อย่างนึกขำ ก่อนยื่นหน้าทะเล้นเชิงเย้าแหย่อย่างนึกสนุก

“หืม นี่ผมสำคัญกับบอสสสสส...ขนาดนี้เลยเหรอครับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

“ฮึ! ฉันนึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่านายถอดแบบมาจากใคร แม่ก็ไม่ใช่พ่อก็ไม่มีทาง”

“แต่ผมไม่ใช่เด็กเก็บมาเลี้ยงแน่นอน แล้วก็ไม่ใช่เด็กขาดความอบอุ่นด้วยคุณก็เห็น”

“ฉันก็อยากรู้นะว่านายไม่ได้ขาดความอบอุ่นจริงรึเปล่า”ก็รู้อยู่ว่าคนตรงหน้าปากไวมือเร็วขนาดไหน ไม่ทันขาดคำเขาก็รวบตัวผมเข้ามากอดจนแน่น หน้าผมชิดกับอกกว้างได้ยินเสียงหัวใจของคนตรงหน้าเต้นอยู่ภายในอกชัดเจน

“รู้แล้วก็ปล่อยสิครับ”

“คิดว่านานแค่ไหน กับสองวันสองคืนที่ฉันไม่ได้กอดนาย”เสียงทุ้มกระซิบบอกผมดันอกฟรานซิสออกแล้วมองหน้าเจ้าของเรือนกายกำยำที่ใส่เสื้อแน่นเปรี๊ยะของผมโดยไม่รู้สึกอึดอัด

“คุณคงไม่เหงาหรอก ไปทำงานก็มีเลขาหน้าสวยอย่างคุณนาวี”

“เลขาก็คือเลขา ไม่ใช่คนพิเศษแบบนายสักหน่อย”

“ครับ ครับ ครับ เอาล่ะผมจะไปปิดไฟนอนแล้วคุณนอนบนเตียงก็แล้วกัน ผมจะนอนด้านล่างให้เอง”ผมพูดพลางเดินไปปิดไฟ ความสว่างยังคงรางๆ อยู่บ้างจากแสงไฟด้านนอก ร่างสูงยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเตียงไม่ขยับไปไหน

“มานอนด้วยกัน”มือใหญ่คว้าข้อมือผมไว้แล้วกระตุกดึงให้เข้าไปนั่งอยู่ในตัก

“คุณคิดว่าเตียงผมมันใหญ่อย่างที่บ้านคุณซะที่ไหนล่ะ สองคนนอนไม่พอหรอก”ผมพูดลางกลั้วหัวเราะไปด้วยกับความคิดเขา

“ก็ดีสิ จะได้นอนใกล้กันตลอดคืน”แค่พูดผมไม่ว่าอะไรหรอก แต่มือปลาหมึกที่โอบเอวผมแล้วเลื้อยลงต่ำ กับริมฝีปากอุ่นๆ ที่กดลงจูบบนไหล่ผมนี่คืออะไร

“คุณฟรายซิส ผมบอกไว้ก่อนนะว่าที่นี่ไม่เด็ดขาดครับ”ผมยืนยันหนักแน่นจับยึดมือปลาหมึกไว้แน่นทั้งสองข้างของเขาราวกับกลัวจะสูญหาย

เอาจริงๆ ผมกลัวมันไปวางอยู่ในที่ที่ไม่ควรวางบนตัวผมมากกว่า

“งั้นแค่นอนกอดเฉยๆ นายโอเคใช่มั้ย”

“……….”ผมคิดอยู่นานจนศีรษะหนักๆ ของฟรานซิสวางลงบนไหล่ผมพร้อมกับลมหายใจอุ่นรดหลังทำผมใจเต้นเป็นบ้าเลย นี่ลูกอ้อนใช่มั้ยตอบ?

“อย่าคิดนาน หรือนายอยากจะทำอย่างอื่นมากกว่า”

“นอนก็นอนสิครับ งั้นก็ปล่อยได้แล้วผมจะไปเอาหมอนมาเพิ่ม คุณชอบหนุนหมอนสูงๆ ไม่ใช่รึไง”ฟรานซิสยอมว่าง่าย ผมไม่รู้ว่าเขาทำสีหน้าแบบไหน แต่อารมณ์ที่ยอมทำตามที่ผมบอกง่ายๆ คงจะเป็นเรื่องดีมิใช่น้อย

ผมจัดการเพิ่มหมอนให้ฟรานซิสอีกหนึ่งใบจากในตู้ ก่อนจะวางหมองตัวเองลงข้างๆ ฟรานซิสล้มตัวลงนอน ผมก็นอนลง เขาแค่เอื้อมมือมากอดรั้งตัวผมไว้ทางด้านหลังและไม่ได้พูดอะไร ผมรู้สึกถึงความสุขที่ไม่ต้องผ่านเซ็กส์เป็นครั้งแรก ความเงียบทำให้ผมรู้ถึงความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น

“ผมขอถามอะไรคุณอย่างได้มั้ยครับ”ท่ามกลางความเงียบผมพูดขึ้นเพราะรู้ว่าฟรานซิสยังไม่หลับ เขายังคงขยับตัวให้แนบชิดกับผมตลอดเวลา สัมผัสอุ่นจากร่างกายของเขายังคงผ่านแผ่นหลังของผมไม่ห่าง

“ฮืม”

“ถ้าหากวันหนึ่ง ผมหรือคุณในอนาคตเรามีเส้นทางที่ต้องเลือกต่างกัน และจะต้องแยกจากกันไปคุณจะทำยังไง? ”ผมต้องใช้ความกล้าเท่าไหร่คุณคงไม่รู้หรอกถึงจะถามคำถามแบบนี้กับเขาได้ เพราะคำตอบที่ออกมาอาจทำผมเจ็บก็เป็นไปได้

“ฉันไม่มีทางปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่นอน และไม่ว่ายังไงก็ตามหากนายเป็นผ่ายคิดที่จะจากฉันไปก่อนนายก็น่าจะรู้ว่าฉันจะเอาตัวนายกลับคืนมาให้ได้ ต่อให้ต้องขังนายไว้ก็ตาม”

“คุณทำให้ผมกลัว”

“ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการที่นายคิดถึงเรื่องที่เป็นไปไม่ได้พวกนั้น”

“เราไม่มีทางรู้ว่าต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น”

“หากนายกลัวสิ่งเหล่านั้น ก็ปล่อยให้ฉันเป็นคนจัดการ เพราะมันจะไม่มีทางเกิดขึ้น”

“คุณฟรานซิส.....”ผมพลิกตัวหันไปหา ใบหน้าของผมอยู่ห่างจากฟรานซิสแค่ไม่กี่เซน ผมสบตาคู่คมที่แพราวพราวอยู่ภายในความมืดด้วยความรู้สึกอุ่นใจ“ดูเหมือนคุณจะมั่นใจซะเหลือเกินนะครับ”

“ฉันไม่เคยทำอะไรที่มันครึ่งๆ กลางๆ ”

“ผมจะแน่ใจได้แค่ไหน ไม่รู้สิแต่ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้อยู่”สิ่งที่ผมถามมันคือสิ่งที่จะช่วยยืนยันความรู้สึกของผมต่อคนตรงหน้า ว่าผมตัดสินใจถูกหรือไม่ที่จะหยิบยื่นความรู้สึกลึกสุดภายในหัวใจให้ไปอยู่ในมือของเขา อาจดูเป็นเรื่องหยุมหยิมแต่มันกลับสำคัญกับผมมาก

“ธัน”เสียงนุ่มละมุนขานเรียกชื่อผมแผ่วเบา พลางมือหนาโอบประคองใบหน้าของผมอย่างอ่อนโยน นิ้วมืออุ่นๆ สัมผัสกับจมูก ปาก และแก้มของผมราวทะนุถนอม ก่อนริมฝีปากหยักจะขยับเข้ามาใกล้ประทับรอยจูบเบาๆ ที่หน้าฝากของผมแล้วพูดบางอย่าง

“ฉันรักนาย”

เพียงประโยคสั้นๆ จากปากของฟรานซิส ไม่คิดว่ามันจะทำให้ผมรู้สึกหัวใจเต้นรัวได้ขนาดนี้ ผมมองหน้าฟรานซิสที่เผยรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยความแปลกใจสุดๆ ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะได้ยินเขาพูดประโยคนั้น ความอิ่มเอมใจและความสุขที่ผมได้รับจนล้นทำเอาผมบ่อน้ำตาตื้นขึ้นมากะทันหัน

“น้ำตาของนาย มีไว้ให้ฉันเห็นคนเดียวเท่านั้นเข้าใจมั้ย”

“..........”ผมพูดอะไรไม่ออกจริงๆ ได้แต่พยายามหยุดน้ำตาตัวเอง

“ต่อจากนี้ไป คนที่ฉันจะให้เป็นคนพิเศษที่สุดสำหรับฉันก็คือนายเท่านั้น เข้าใจมั้ย”

“..........”ผมพยักหน้ารับ ไร้เสียงตอบ ฟรานซิสใช้หลังนิ้วเกลี่ยไล่หยาดน้ำตาของผมจนแห้ง ไม่รู้ว่าน้ำตามันแห้งเพราะมีคนซับให้หรือแห้งเพราะอุณภูมิความร้อนบนใบหน้าทำน้ำตาระเหยกันแน่

“พรุ่งนี้กลับกับฉันนะ ฉันอยากจะกอดนายขึ้นมาซะแล้ว”เสียงทุ้มกระซิบกระซาบตรงใบหูของผม ทำเอาผมขนลุกชูชันไปหมด แถมยังรู้สึกกระดากอายในคำพูดของเขาอีก นั่นคือเหตุผลจริงๆ ของฟรานซิสรึเปล่าเขาถึงยอมลงทุนมาที่นี่ด้วยตัวเอง

“คะใคร ใครว่าผมจะกลับกับคุณ”

“ก็ฉันบอกอยู่นี่ไง หรือนายอยากให้ฉันทำนายร้องไห้อีกรอบที่นี่อีก”

“คุณฟรานซิส!”

“งั้นก็กลับกับฉันพรุ่งนี้”

“พูดแบบนั้นผมจะไม่กลับได้ไง”

“แต่คืนนี้....ขอฉันกอดนายเบาๆ ก่อนก็แล้วกัน”สายตาที่ดูแพรวพราวมองผมพร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกพอใจ ก่อนพาท่อนแขนแกร่งเข้ารั้งแผ่นหลังผมไม่ให้ถอยร่นหนีแล้วกดริมฝีปากหยักเข้าครอบครองริมฝีปากของผมอย่างนุ่มนวลต่างจากครั้งไหนๆ และให้ความรู้สึกหลงใหลในรสชาติหวานหอมจนคนรับแทบสำลักความหวาน และความปรารถนาที่หาได้จากคนตรงหน้าเท่านั้น

จูบที่เนิ่นนานแทบประสานสองร่างไม่ให้แยกจากกันก็ต้องหยุดลงเมื่อผมผลักคนตรงหน้าออกเบาๆ เป็นการเตือน

“อย่ามากกว่านี้เลยครับ คุณบอกจะนอนกอดผมอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ”แม้ผมจะรู้สึกเขินอายแต่หากไม่ยอมพูดมีหวังคนตรงหน้าได้ทำมากกว่าสิ่งที่บอกไว้แน่ เพราะเพียงเท่านี้ผมยังรู้สึกได้เลยว่าร่างกายของฟรานซิสอุณภูมิวิ่งขึ้นสูงแตะเพดานขนาดไหน

“ได้ ฉันจะทำตามสัญญาแล้วกัน”ผมยิ้มกริ่มเมื่อเห็นว่าฟรานซิสหน้าจ๋อยไปนิดหน่อยแต่ก็ยังกอดผมไว้แน่นไม่วาง ไม่แน่ว่าคืนนี้คนที่ไม่อาจข่มตาหลับลงได้ไม่ใช่ฟรานซิสเพียงคนเดียว แต่คงเป็นผมด้วยอีกคนหนึ่งแน่ๆ

ให้ตายเถอะ! ผมรู้สึกเหมือนตัวเองหยิบเอาความสุขทั้งชีวิตมาใช้ตอนนี้ซะหมดเกลี้ยงเลยทำไงดี แต่ถ้ามีเขาอยู่ผมจะคิดเอาเองได้มั้ยว่าความสุขของผมจะไม่มีวันหมดจากนี้และตลอดไป

ความรักกำลังเล่นงานผมเอาเต็มๆ แล้วมั้ยล่ะ!




The End


ทิ้งท้าย

ในที่สุดเรื่องนี้ก็มุ่งมานะ มานี อีกา นามี รูปู มาจนถึงจุดสิ้นสุดของเรื่องแล้ว(เร็วเหมือนกันแฮะ :m23:)
อาจจะมีความผิดพลาด ลงล่าช้า หรือเนื้อเรื่องไม่สนุก ไม่โดนใจกันไปบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ o1
และที่สำคัญ ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านจนกระทั่งจบเรื่อง ขอบคุณจากใจจริง
ทั้งที่ผู้แต่งรับทราบและไม่ทราบ ถ้าหากเปิดเรื่องใหม่อีกครั้ง ก็ฝากด้วยนะคะ :o8: ทามากิบ๊อง

ขอบคุณมากค่ะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:







ออฟไลน์ lek2512

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :mew4: :mew4: ในที่สุดเจ้านายต้องมาตามถึงที่ ห่างกัน 2 วันนอนไม่หลับอะดิท่าน  อยากให้มีตอนพิเศษ อยากเห็นเจ้านายหึงน้องธันบ้างจุง

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
จบแบบอบอุ่น ขอบคุณค่ะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
หวานเวอร์เลยอ่ะ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
จบแล้วอะ รู้สึกว่าสั้นไป ฮ่าๆๆ ขอตอนพิเศษเยอะๆน้า

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
จบที่เข้าใจ ถ้ารักแล้วไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ whistle

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
อ๊ายยย.......!!! ฟินอ่ะ แต่ก็อยากให้มีตอนพิเศษอ่ะ

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด