Just you and I ตอนพิเศษ : คนละวัน [3]
กลางคืนที่แสนสนุก ผมกำลังนั่งเล่นเกมส์ที่ได้มาใหม่จากไอ้ทู มันเอามาประเคนถึงห้อง มือหนึ่งเล่นเกมส์ อีกมือก็จกกินกล้วยทอดที่ซื้อมา แม้มันจะไม่กรอบแต่ยังอร่อย จังหวะเล่นเกมส์มันส์ๆ ดันมีสายเข้า ยืดคอมองไม่รับก็ไม่ได้ จำใจต้องหยุดเกมส์แล้วรับเฟสไทม์จากทางไกล
(ทำอะไรอยู่) เสียงพร้อมหน้าของคนที่หายไปไร้การติดต่อ
“กินกล้วยทอด” คาบกล้วยทอดให้ดูจนถูกหัวเราะใส่ “พี่ทำไรอะ” เห็นพี่โชเดินไปเดินมาจนเวียนหัว คงเอามือถือวางตรงไหนสักที่แหง
(เก็บของ)
“เก็บของ? จะกลับมาแล้วเหรอ” ถามแบบตื่นเต้น
(ครับ กลับพรุ่งนี้)
“อ๋อ...ห๊ะ” ตกใจจนกล้วยทอดพุ่งออกจากปาก ชิบกำลังจะหายครับ พี่โชกลับพรุ่งนี้ แล้วไอ้เม่นล่ะ ผมเริ่มกระวนกระวายเหงื่อแตกซิก หายใจหายคอไม่ทั่วถึง พี่โชกำลังพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเงยหน้ามาจ้องผม
(เป็นอะไร ทำไมทำหน้าตลก) เสียงปนขำแต่ไอ้กลอยไม่ขำครับ
“พะ พี่กลับพรุ่งนี้กี่โมง” จะเสียงสั่นทำไมไอ้เชี่ยกลอย ด่าตัวเองครับ
(ออกจากที่นี่คงเย็นๆ หน่อย) เริ่มลนจนใช้จมูกดูดน้ำอัดลม (จมูกมันดูดน้ำได้เหรอวะ) พี่โชแม่งขำจนเช็ดน้ำตาจากหางตา ส่วนผมก็รีบใช้ปากคาบหลอดดูดเมื่อโดนทัก
“ถึงกี่โมง” สำลักน้ำอัดลมจนพุ่งออกจมูก คนปลายสายขมวดคิ้วเหมือนเริ่มสงสัยท่าทางของผม
(คงถึงมะรืนเช้าๆ มีอะไร ทำอะไรผิดไว้หรือเปล่า) เสียงโคตรนิ่ง แต่ผมรีบส่ายหน้ารัวๆ (แน่ใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิดลับหลังพี่ ถ้าจับได้โดนหนักแน่) ข่มขู่พร้อมชี้หน้า ไอ้กลอยคนนี้รีบพยักหน้ารัวๆ ไม่ได้ๆ ต้องกลบเกลื่อน
ผมรีบลุกให้พ้นจากกล้องแล้วกระโดดตบคลายความตื่นเต้น จนครบรอบที่ยี่สิบก็กลับมานั่งหอบแฮกอยู่หน้ามือถือ พี่โชยังเดินไปมา คงจัดของลงกระเป๋า
“พี่โช” ลองเรียก คนปลายสายเดินกลับมานั่งจ้องเหมือนเดิม “ของฝากผมด้วยนะ” ยิ้มแป้น พี่โชขำก่อนชูถุงบางอย่าง
(ของฝาก พอมั้ย)
“พอ” ตาโตสิครับรออะไร ผมสั่งช็อกโกแลตอร่อยๆ นี่คงจะเหมามาทั้งร้านสินะ ถุงโคตรใหญ่ “ไม่ใช่ว่าถุงใหญ่แต่ข้างในมีสองอันหรอกนะ”
(คิดว่าพี่เป็นคนแบบนั้นเหรอ)
“ไม่” ยิ้มแป้นแล้นจนถูกขำ “คิดถึง รีบๆ กลับมานะปีศาจ”
(พี่ก็คิดถึง จะรีบกลับครับ)
กดวางแล้วถอนหายใจ มาถึงมะรืนไม่ใช่พรุ่งนี้ โล่งอก เกือบไปแล้ว ผมรีบโทรนัดเพื่อนทันที พอมันได้ยินของฟรีก็รีบตกลงทันที หึๆ รีบปิดเกมส์แล้วเข้านอน เพราะพรุ่งนี้ต้องรีบไปทำภารกิจให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนปีศาจจะมา
“มึงหัดมีความเกรงใจบ้างนะไอ้เชี่ยกลอย” โดนด่าพร้อมเบ้ปากใส่
“มึงหวงของกินกับเพื่อนมึงเหรอ” กะอีแค่ขอกินขนมนิดๆ หน่อยๆ
“ถ้ามึงกินนิดเดียวกูจะไม่บ่นไม่ว่า แต่นี่แม่งกินจนหมดถุงไม่เหลือให้ไอ้คนไปซื้อมาได้กิน มันเกินไป”
“อ่าวเหรอ โทษทีๆ” หัวเราะแห้งๆ ให้ไอ้เชี่ยม่าน แหม ทีบอกจะพาไปเที่ยวฟรียังรีบแจ้นมาหา นี่ผมแค่กินขนมมันหมดถุงมีหน้ามาบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
“ซื้อมาใช้กูเลยนะ” ดูมันครับ นิสัยไม่ดีสุดๆ
“เดี๋ยวกูเอาช็อกโกแลตที่พี่โชซื้อมาเอาแบ่งให้” พูดจบไอ้ม่านก็ดี๊ด๊าเป็นปลากระดี่ได้น้ำ “ยิ้มหน้าบานเลยนะมึงได้ของฟรีเนี่ย” แถมแพงอีกต่างหาก
พวกผมนั่งรอไอ้คนที่จะมารับนานมาก สุดท้ายไอ้เม่นโทรมาว่ารถเสียสตาร์ทไม่ติด แล้วมันก็ไม่โทรมาบอกตั้งแต่แรก ปล่อยให้ผมกับไอ้ม่านนั่งรอรากแทบงอกอยู่ลอบบี้คอนโด
“เอาไง” ไอ้ม่านหันมาถาม
“ไปรับมันสิ” ผมบอก
“รถกู?”
“เออ”
“ไอ้สัดเอ้ย ไหนบอกของฟรี แต่นี่รถกูอีก” ไอ้ม่านมันบ่นแต่ก็ยอมลุกออกไป
นั่งรถกระบะคันใหญ่ของไอ้ม่านมาถึงหอพักที่ไอ้เม่นบอก ก็คล้ายๆ หอพักนักศึกษาทั่วไป โทรหาปุ๊บมันก็รีบออกมายืนยิ้มโบกมือทักทาย แต่มึงควรดูสถานการณ์ก่อนจะยิ้ม ไอ้ม่านหน้าหงิกมากที่สุด ขนาดผมว่าจะออกค่าน้ำมันให้มันยังหน้าบูดอยู่เลย
“สวัสดีครับ” ไอ้เม่นยกมือไหว้เพื่อนผม ซึ่งได้พยักหน้ารับ
ไอ้ม่านกับไอ้เม่น ป๊าดติโท๊ะ ชื่อคล้องกันสุดๆ
ไอ้เม่นเปิดประตูขึ้นไปนั่งด้านหลัง รถกระบะสี่ประตูมีชายหนุ่มสามคนนั่งโดยที่จุดหมายคือ...ที่ไหนวะ
“มึงจะไปไหน” หันไปถามไอ้คนที่นัด ไอ้เม่นยิ้มก่อนส่ายหน้า “อ่าว แล้วนัดกูทำเชี่ย” ด่าสิครับรออะไร
“โหพี่ งั้นเราไปกินข้าวดูหนังกันดีกว่าเนอะ” มันพูดกับผม แต่ตาเหล่มองไอ้คนขับรถ “แล้วเพื่อนพี่ชื่ออะไรอะ”
“มันชื่อม่าน ชื่อมอม้าเหมือนมึงเลย ม่านกับเม่น” ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนโดนไอ้ม่านยื่นมือมาตบหน้าผาก
“รอยยิ้มมึงนี่กำลังคิดอะไรแผลงๆ อยู่ใช่มั้ย กูรู้นะมึง” โดนจ้องตาขวางแต่ไม่สน
“พี่ชื่อม่านเหรอ เรียนที่ไหนอะ” ความช่างพูดของไอ้เด็กปีหนึ่งมันก็ดีแบบนี้แหละครับ เห็นไอ้ม่านเหลือบมองคนข้างหลังผ่านกระจก
“กูเรียนเกษตรแต่ไม่ใช่ม.มึง”
“อ่อ ก็ว่าไม่เคยเห็น”
“แล้วมึงเป็นรุ่นน้องไอ้กลอยเหรอวะ”
“ครับ แต่ไม่ใช่น้องรหัส อยากเป็นแต่ไม่ได้เป็น เศร้าเนอะ” ไอ้เม่นเหล่ตามามองผมแต่ผมทำไม่รู้ไม่ชี้
“เหอะๆ ระวังนะมึง ผัวมันดุ” หันขวับมองเพื่อนตัวเองอย่างไว “เคยมีพวกกล้าแหย่โดนผัวมันกระทืบปางตายนอนโรงพยาบาลนู้น กูยังจำติดตาอยู่เลย”
“กระทืบคนแบบนั้นแจ้งความก็ติดคุกนะพี่”
“ถ้าเทียบกันไอ้เชี่ยนั้นคงติดคุกก่อน”
“อ่อ”
ผมนั่งฟังไอ้สองมอม้าคุยกัน แต่คล้ายๆ ว่าจะไม่ชอบขี้หน้าหรือเปล่า ไอ้ม่านกันท่าผมสุดฤทธิ์ แถมวันนี้ดูดุมาก หน้านิ่งตลอดทาง คงเพราะเคืองเรื่องรถนั่นแหละ
รถไอ้ม่านเลี้ยวเข้าจอดใต้ห้างสรรพสินค้า พวกผมเดินเข้าห้างกะหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยไปดูหนัง แต่ไอ้ม่านจะดูหนังก่อนเพราะกินข้าวแล้วไปดูหนังมันง่วง เลยต้องเออออกับมันไปเผื่อมันจะอารมณ์ดีขึ้นมา ผมเดินข้างเพื่อนตัวเอง ส่วนไอ้เม่นเดินอยู่ด้านหลัง
“กินไรวะ” ไอ้ม่านถามผม
“มึงอยากกินไรเดี๋ยวกูเลี้ยงเอง” ผมว่า
“โห นี่กูต้องถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆ จะได้เอาไปอวดไอ้เชี่ยอัธว่าได้กินของฟรีจากไอ้เชี่ยกลอย”
“อย่ามาเว่อร์ได้ป่ะ กูก็สปอร์ตเถอะ”
“สปอร์ตเหี้ยๆ ขนาดไอศกรีมสิบบาทมึงยังให้กูเลี้ยง”
“ฝังใจจริง” หน้ามุ่ยใส่เพื่อนตัวเอง “มึงอยากกินไรวะ” หันไปถามรุ่นน้องที่เอาแต่เงียบ
“สเต็กมั้ยพี่” กำลังจะเดินผ่านร้านเขียวๆ ขายสเต็กฟรีสลัดบาร์ ไอ้ม่านก็พยักหน้า ดังนั้นพวกเราจึงเดินเข้าร้าน พนักงานน่ารักเดินนำไปนั่งโต๊ะ
เมนูถูกนำมาวางตรงหน้า อันนั้นก็น่ากิน อันนี้ก็น่าอร่อย ผมสั่งเป็นคนสุดท้ายเพราะมัวแต่เลือกมาก ไอ้เม่นกับไอ้ม่านไปตักสลัด พอผมเลือกได้พนักงานก็ยิ้มให้ หันไปมองตรงโซนสลัดบาร์ ไอ้เม่นตักนั่นนี่ ไอ้ม่านก็คอยถามว่ามันอร่อยหรือเปล่า อาจเพราะพวกผมไม่ค่อยมานั่งกินสเต็กกันเท่าไหร่ หากจะไปก็หมูกระทะนู้น
แอบมองเพื่อนกับรุ่นน้องมันคุยกันเป็นปกติ ไอ้เม่นตักสลัดอะไรสักอย่างใส่จานไอ้ม่าน แต่เพื่อนผมมันก็ตักคืนจนไอ้เม่นขำ เริ่มแล้วๆ ผมมองอย่างมีความหวัง
หาคนที่นิสัยเหมือนผมจะมีใครนอกจากไอ้ม่าน ความเกรียนสูสี แม้ความหล่อผมจะนำไปหน่อยก็เถอะ พวกมันสองคนเดินกลับมานั่งผมกำลังจะลุก ไอ้เม่นกับไอ้ม่านยังเดินกลับไปอีก แค่เอาจานสลัดมาวาง เพื่อนผมถือจานใบใหม่ มีเด็กรุ่นน้องคีบเส้นสปาเก็ตตี้ให้พร้อมราดน้ำเสร็จสรรพ แถมยังถือถ้วยซุปเห็ดหอมให้อีก แอบมองจนถูกไอ้ม่านตบหัวคางกระแทกกับโต๊ะโคตรเจ็บ
“ไอ้สัด คางกู” น้ำตาเล็ดเลยครับ ไอ้ม่านมันหัวเราะไม่รู้สึกผิด
“ไปตักสิวะ นั่งทำซากอะไร” อยากบอกว่ากำลังนั่งจ้องพวกมึงแต่ไม่กล้า
ผมเดินซุยๆ ไปตักสลัด อันไหนอร่อยบ้างวะ ด้วยความไม่รู้ก็ตักมาแบบมั่วๆ พร้อมซุปเห็ดหอม อร่อยดี กว่าจะได้กินสเต็ก ผมก็อิ่มสลัดพอดี แล้วดันสั่งชุดใหญ่ด้วย เพราะความหิวแท้ๆ
“ของมึงน่าอร่อยวะ” ผมบอกไอ้ม่านที่จานมันมีปลาชุบเกร็ดขนมปัง มันเหล่ตามองก่อนจะตักให้ผมอันหนึ่ง ผมเลยตอบแทนมันด้วยหมูก้อนหนึ่ง
“ไอ้สัดกลอย ถ้ามึงจะให้กูขนาดนี้” ไอ้ม่านบ่น มันคงอิ่มสลัดเหมือนผม
“ช่วยเพื่อนกินหน่อย” ผมว่า
“กูเอาถุงมา” เบิกตาโตมองเพื่อนตัวเอง ขนาดไอ้เม่นยังเงยหน้ามอง
“เอาถุงมาทำไม”
“ตอนแรกจะเอามาใส่ของ ตอนนี้กูกะจะใส่สเต็กแล้วเอากลับไปกินที่ห้อง” อยากจะหัวเราะเพื่อนตัวเองแต่ก็ไม่กล้า มีไอ้เด็กปีหนึ่งมันหัวเราะล่วงหน้าไปแล้ว โดนไอ้ม่านเอามะเขือเทศปาหัวไปหนึ่งลูก “หัวเราะกูไอ้สัด”
“ก็พี่แม่งตลกว่ะ” ไอ้เม่นพูดไปขำไป
“กูหล่อด้วยเว้ย” เพื่อนผมเก๊กจนโดนเด็กปีหนึ่งมันขำอีกรอบเลยได้ค้อนไปหนึ่งวง
“พี่แม่งตลกจริงๆ อะ”
“เออกูตลก” ไอ้ม่านมีงอนด้วย นี่แหละความเกรียนที่เหมือนผม
การกินสเต็กกับน้ำอัดลมที่เติมได้ตลอดวิ่งตีขึ้นมาจุกที่คอจนต้องวางมีดกับส้อมลง ไอ้ม่านยังยัดใส่ได้อยู่แต่ก็แค่แปบเดียวมันก็วาง
“อิ่มป่ะ” ผมถาม ไอ้ม่านหันมาเรอใส่หน้าผมจนต้องหันหน้าหนี
“ไอ้สัดม่าน” ด่ามันไปแต่มันกลับหัวเราะ ลูกค้าโต๊ะอื่นหันมามองทำหน้ารับไม่ได้เป็นแถวๆ
“ก็มึงถามว่าอิ่มหรือเปล่า” มันยังหัวเราะร่วนไม่รู้สึกอับอาย
“พ่องมึง” ด่าแค่นี้มันไม่ระคายผิวหรอกครับ มันด้านมากสุดๆ ไอ้เชี่ยม่าน
มื้อนี้ไอ้เม่นขอเป็นคนเลี้ยง แต่ราคาเกินพันผมเลยช่วยออกครึ่งหนึ่ง ส่วนไอ้หน้าด้านมันเดินออกไปแล้ว
“เพื่อนพี่นี่มันสุดยอดเลยว่ะ” ไอ้เม่นกระซิบผม
“มันทำได้มากกว่านี้อีก ถ้ามึงสนิทกับมัน” ผมบอก คนฟังส่ายหน้าแล้วขำ
เดินไปดูรอบหนัง มีแต่หนังน่าเบื่อ พวกผมเลยเปลี่ยนไปนั่งร้านกาแฟแทน แม้จะจุกแล้วแต่ผมยังสั่งเค้กมากินพร้อมกับห่อกลับบ้าน
“เบื่อ” ไอ้ม่านว่า
“แล้วพี่อยากไปไหน” ไอ้ม่านหันไปมองคนที่บ่นว่าเบื่อ
“ไม่รู้ว่ะ”
“ไปสวนสนุกมั้ย”
“ไปตอนเที่ยงแม่งร้อน”
“งั้นไปเล่นเกมส์”
“อิ่มขนาดนี้อ้วกพอดี”
“โว๊ะ แล้วพี่อยากไปไหนก็บอกมาสิวะ”
ผมมองคนนั้นทีคนนี้ที มันทะเลาะกันแล้วครับ
“อยากกลับ”
“ห๊ะ” นี่เสียงผมครับ อยู่ๆ ไอ้ม่านก็อยากกลับเฉย “อยากกลับทำไมวะ”
“พรุ่งนี้กูมีเทสสัด นี่มึงลืมที่กูบอกเหรอวะ แม่งไม่สนใจเพื่อนเลย” น้ำเสียงตอแหลมาก
“นี่มันเพิ่งเที่ยงกว่าไอ้สัด หน้าอย่างมึงอ่านหนังสือก่อนเข้าห้องสอบกูรู้” ไอ้ม่านถลึงตาใส่ผมแต่มันก็หัวเราะ
“เพราะมึงก็เป็น” ผมก็หัวเราะไปกับมัน แต่มีคนหนึ่งซึ่งมันไม่ยอมขำ มันเอาแต่หน้างอจนผมกับเพื่อนต้องหันไปมอง
“ไปไรวะ” ไอ้ม่านถามก่อนผมจะอ้าปากอีก
“เบื่อ”
“เบื่อไรของมึง หรือเบื่อกูที่กำลังเป็น กอขอคองอเอกอาสอวอ วะ” ไอ้เม่นส่ายหน้ารัวๆ
“เปล่าพี่ ผมแค่เบื่อไม่รู้จะพาพี่ไปไหนดี” เพื่อนผมเหล่มองเด็กปีหนึ่ง
สุดท้ายพวกเราก็วกกลับมาดูหนังเพราะไม่รู้จะไปไหนดี ยังโชคดีที่มาทันรอบพอดีเลยได้เข้าไปดูเลย ผมผลักไอ้ม่านให้ตามไอ้เม่นเข้าไปก่อนส่วนผมนั่งปิดท้าย พอไฟมืดลงก็มีเสียงกระซิบข้างหู
“มึงไม่ได้คิดโง่ๆ จับกูถวายให้ไอ้เด็กนี่ใช่มั้ย” มันรู้ด้วยอะ
“เปล๊า” ปฏิเสธเสียงสูง
“แค่กูเห็นรอยยิ้มมึงเมื่อเช้ากูก็พอรู้แล้วไอ้สัด”
“แล้วมึงชอบหรือเปล่า”
“กูไม่ชอบเว้ย แล้วไอ้เด็กนี่มันก็ไม่ได้ชอบกู คนที่มันชอบคือมึง ถึงแม้กูจะนิสัยคล้ายมึงแต่มันไม่ใช่” ไอ้ม่านพูดจนผมหน้างอ
“ขอโทษว่ะ”
แผนผมไม่ได้ผลสินะ ระหว่างดูหนัง ผมกินป๊อบคอร์นแบบเซ็งๆ หนังมันเป็นซาวน์แทร็กที่ผมไม่ชอบ มันอ่านไม่ทันอ่ะ อีกอย่าง แผนการผมพังหมด ไอ้กลอยเสียใจ
กว่าหนังจะจบผมก็หลบไปหลายรอบ ตอนเดินออกมาก็เดินตามหลัง ปล่อยให้เพื่อนตัวเองคุยกับเด็กปีหนึ่งไป พวกมันคงดูหนังแล้วชอบสินะ คุยกันถูกคอเชียว พูดถึงฉากที่ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง ทำไมผมดูไม่รู้เรื่องวะ อ่อ มัวหลับนี่เอง
“ทำไมทำหน้างั้นพี่” ผมหน้างอมาตลอดทาง พวกเรากำลังจะกลับครับ
“ก็พวกมึงคุยเหี้ยไรกันกูไม่เข้าใจ” ผมว่า ตอนนี้ย้ายมานั่งด้านหลังแทน
“อ่าว พี่ไม่ได้ดูหนังเหรอ สนุกออก” ไอ้เม่นมันยิ้ม
“กูหลับ”
“โหพี่ หนังโคตรตื่นเต้น หลับได้ไงวะ”
“หนังทรีดีผีพุ่งเข้าหามันก็หลับ” ไอ้ม่านแทรก แล้วพวกมันก็หัวเราะ เลยแจกนิ้วกลางให้เพื่อนตัวเองไป “แล้วนี่กูต้องไปส่งมึงที่หอใช่มั้ย” คนขับหันไปถามคนที่นั่งข้างๆ แต่ผมรีบเสนอตัวขึ้นมาก่อน
“ส่งกูก่อน พี่โชจะกลับกูยังไม่ได้เก็บห้อง”
“อย่าลืมของฝากกู”
ไอ้ม่านขับมาส่งผมก่อนมันจะไปส่งไอ้เม่นต่อ ผมเดินกลับขึ้นห้องด้วยความง่วง ขนาดนอนในโรงหนังมาแล้วยังง่วง พอขึ้นห้องมาผมก็เริ่มเก็บของ ผ้าปูเตียงแม่บ้านซักแล้วเปลี่ยนให้เรียบร้อย ออกไปรดน้ำกระบองเพชรแต่เริ่มออกดอกเล็กๆ
มือพ่นฉีดน้ำไปคุยกับกระบองเพชรไป หรือเพราะผมมาพูดกับมันทุกวันมันเลยออกดอก ผมเล่าเรื่องวันนี้ให้ต้นกระบองเพชรฟังแม้ไม่มีเสียงตอบกลับแต่ก็ได้ระบาย พอเดินกลับเข้ามา มือถือก็สั่นพอดี
‘ถึงห้องแล้ว’ ข้อความจากไอ้เม่น
‘ไม่ได้ตีกับเพื่อนกูใช่มั้ย’ พิมพ์ถามมันไป
‘เปล่า’ ค่อยโล่งอก แม้สิ่งที่หวังไม่เกิดขึ้นก็เถอะ ‘ขอบคุณนะครับ’
‘ขอบคุณกูทำไม’
‘ที่ยอมออกไปเดทด้วยไง’
‘เออ จบแล้วนะ คนละวันที่กูให้พวกมึง ทำตามที่ตกลงด้วย แค่นี้นะ กูยุ่งอยู่’ แล้วไอ้เม่นก็ส่งหัวหอมโบกมือส่งท้าย
ตอนแรกคิดว่าจะยาก พอเอาเข้าจริง ไอ้เม่นก็จัดการง่ายกว่าที่คิด โล่งใจมากในจุดๆ นี้
ผมจัดการเก็บของทุกอย่าง ปัดกวาดแม้จะไม่มีฝุ่นอะไรเพราะป้าแม่บ้านทำหมดแล้ว ไม่รู้ตอนนี้พี่โชจะอยู่ไหนแล้ว ไม่โทรหาเลย แต่โทรหาคงไม่ได้เพราะคงนั่งเครื่องบินอยู่
จัดนั่นจัดนี่ไปพอมองนาฬิกาอีกทีก็เกือบทุ่ม ทำไมเวลาเดินไวแบบนี้ มิน่าท้องร้อง ผมทำกับข้าวง่ายๆ กิน เหงาเหมือนกัน ทุกทีจะมีพี่โชคอยตั้งใจกิน พอนึกแล้วก็คิดถึง
นั่งเล่นเกมส์ไปเรื่อยๆ จนง่วงก็ไปนอน คืนนี้ผมว่าฝนต้องตกแน่ เสียงฟ้าร้องดังมาแต่ไกล อยากมีปีศาจให้นอนกอด
เสียงฝนตกกระหน่ำจนต้องนอนขด แม้จะเร่งแอร์ให้สูงขึ้นแต่ก็ยังหนาว
“ชู่ว” ลมหายใจอุ่นๆ รดใบหน้า “นอนนะ”
ผมปรือตามองเมื่อรู้สึกถูกดึงเข้าไปกอด กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคย
“พี่โชกลับมาแล้วเหรอ”
“กลับมาแล้วครับ” เสียงกระซิบพร้อมจูบหน้าผากผมเบาๆ แล้วผมก็ผล็อยหลับในอ้อมกอดอุ่นๆ ไปตลอดคืน ก่อนจะมารู้สึกถูกเขี่ยให้ตื่น ถีบแล้วแต่มันยังมาเขี่ยๆ แถวขา
“ฮือ” งัวเงียไม่อยากตื่นแต่ไอ้ที่เขี่ยขามันไม่ยอมหยุด จนต้องลืมตาขึ้นมองแล้วเกือบตกเตียงเมื่อเห็นหมูสีขาวตัวใหญ่เกือบเท่าผมที่นั่งอยู่ มันใส่แว่นสวมเสื้อผ้าด้วย หน้าตามันโคตรกวน “หมูเชี่ยไรวะเนี่ย”
“ของฝาก” เสียงจากด้านหลังหมู
“ของฝากผมเหรอ” มองอย่างงงๆ “ทำไมต้องหมูอะ”
“ก็มันเกรียนแล้วก็กวนดี”
“แล้วช็อกโกแลตผมล่ะ” พี่โชชี้ในกระเป๋าเสื้อของหมู ล้วงออกมามีแต่ช็อกโกแลตรูปหัวใจ
“ชอบมั้ย”
รีบพยักหน้ารัวๆ แล้วกระโดดกอดหมูยืดแขนไปถึงพี่โชแต่ได้แตะแค่นิดหน่อย (แขนสั้น)
“ขอบคุณครับ” โคตรซึ้งอะ แต่...
“อธิบายมาด้วยว่านี่คืออะไร” มือถือผมถูกยื่นผ่านไอ้หมูกวนมา ผมก็มองงงๆ จนถูกมือหมูตบหัว “ข้อความในนี้คืออะไร เดทอะไร พี่บอกให้ลบบล็อกไอ้เด็กพวกนี้แล้วไม่ใช่หรือไง” เสียงปีศาจกับตัวเป็นๆ อยู่ตรงหน้า เพราะหมูถูกเหวี่ยงลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้น ความโรแมนติกเมื่อกี้หายวับไปกับตา
“ไหน ไม่มี๊” ปฏิเสธเสียงสูง แม้หลักฐานนะทนโท่ยากที่จะปฏิเสธ
“ไอ้กลอย” ใบหน้าหล่อนิ่งจนเหงื่อเริ่มแตก ลืมลบไปเลย มัวแต่เก็บของ ยังดีที่ลบของไอ้เบียร์กับไอ้ไม้ เหลือไอ้เม่นเมื่อคืน
“พี่ต้องฟังผมก่อน” รีบยกมือห้ามคนที่เริ่มขยับเข้ามาใกล้ “คืองี้นะ ผมให้มันไปเดทกับไอ้ม่าน จริงๆ” ปีศาจไม่เชื่อผมครับ ขายาวๆ ยิ่งก้าวเข้ามาใกล้ ผมต้องถอยร่นไปจนเกือบชิดหัวเตียง
“บอกความจริงมา หนึ่ง...”
“พูดจริงๆ ผมจะให้มันไปชอบไอ้ม่านเลยวางแผนไว้เฉยๆ”
“สอง”
“พี่โช เชื่อผมสิ”
“ทำไมต้องให้ชอบม่าน”
“ก็มันชอบคนเกรียนๆ แบบผม ไอ้ม่านก็เกรียนไม่แพ้ผม”
“แล้วมันชอบมั้ย”
“ไม่รู้”
“จากเหตุผลมันไม่ได้ผลอยู่แล้ว”
“อยากน้อยก็ทำให้มันเลิกมายุ่งกับผมไง”
“ถ้ามันไม่เลิกล่ะ”
“ให้พี่ไปกระทืบมันเลย”
พี่โชจ้องผมในระยะที่มือคว้าได้ ดวงตาดุกำลังมองอย่างจับผิด แต่ผมทำตาโตจ้องตอบให้รู้ว่าไม่ได้โกหก
“ถ้าไปกระทืบอย่าห้ามด้วย” โดนจิ้มหน้าผากจนหงายหลังลงไปนอนกองที่เตียง พร้อมกับร่างปีศาจพุ่งมาคร่อม “คิดถึงจะตายอยู่แล้ว”
“มากด้วย” อ้อนครับ กอดพี่โชแน่น แม้คนที่คร่อมจะสนใจแต่ซอกคอผม
“พรุ่งนี้มีเรียนมั้ย” คนอยากรู้ถามพร้อมกับมือที่ขว้างเสื้อยืดเก่าๆ ผมไปนอนตายข้างตู้เสื้อผ้า
“หยุดอีกหนึ่งวัน” ตอบตามความจริง มือก็ถอดเสื้อคนด้านบนออก
“มีเวลาทั้งวันทั้งคืนสินะ” รอยยิ้มดั่งปีศาจปรากฏขึ้นบนหน้าหล่อ ผมยิ้มมุมปากแล้วพยักหน้า “ลุกไม่ขึ้นแน่ เพราะความคิดถึงของพี่มันเยอะ” กระซิบแล้วขบใบหูจนขนลุกกราว
“ผมก็คิดถึงเยอะเหมือนกัน” ไอ้กลอยก็ยั่วเป็นนะครับ ผมจับหน้าพี่โชมาจูบเนิ่นนาน ความคิดถึงและความโหยหามันพุ่งพล่านไปทั่วตัว
“ยั่วเก่งนักนะเรา” โดนกัดจมูกเมื่อริมฝีปากผละออกจากกัน
“ไม่ชอบเหรอ” ขยิบตาให้จนปีศาจขำ
“ชอบมาก ยั่วให้ตลอดนะห้ามหยุด”
“จะยั่วทั้งวันทั้งคืน เอาให้หมดแรงเลยคอยดู”
ปากเก่งไปอย่างงั้นแหละครับ เอาเข้าจริง คงเป็นผมนั่นแหละที่จะหมดแรงก่อน งั้นผมขอเวลาถ่ายทอดความคิดถึงกับพี่โชก่อนแล้วกัน ส่วนใครที่อยากเห็นผมถูกทำโทษละก็ ขอแสดงความเสียใจด้วย พวกคุณผิดหวังแล้วล่ะ เพราะปีศาจรักผมมากกว่าที่คุณคิด วะฮะฮ่าๆๆ
ห๊ะ อะไรนะ ผมยั่วเพื่อกลบเกลื่อนความผิดเหรอ จุ๊ๆ เดี๋ยวปีศาจรู้ทันมันจะไม่ดี
...
ปีศาจรึจะสู้เกรียนได้ ไม่มีทางซะหรอก ฮ่าๆๆๆๆๆ
เม่นกับม่านสมควรได้ไปต่อมั้ยคะ 555555 >w<
แล้วเจอกันตอนพิเศษตอนหน้าค่าาาาาาาา
