Just you and I : 27
แม้จะสอบเสร็จหมดทุกตัวแต่ผมก็ยังต้องมา ที่จริงต้องบอกว่าถูกบังคับให้มามากกว่า เพราะอีกไม่นานจะมีรุ่นน้องเฟรชชี่เข้าใหม่ แบบนั้นปีสองที่กำลังจะขึ้นปีสามอย่างพวกผมจึงต้องนัดเด็กๆ มาประชุมเตรียมความพร้อมเพื่อรอรับเด็กปีหนึ่งที่จะมาในอีกไม่กี่เดือน
พวกแก่ๆ อย่างปีสามถ้าไม่ใช่พวกเฮดหรือพวกกิจกรรมก็ไม่ค่อยสนใจมากหรอกครับ อย่างพวกผมที่มานั่งง่วงฟังไอ้ประธานปีสามที่อยู่เอกอื่นนัดแนะทั้งเข้าค่าย ทั้งการรับน้องยังไงให้สร้างสรรค์ คือผมอะไรก็ได้ไง ขอแค่เด็กสายผมเป็นผู้หญิงน่ารักๆ บ้าง ไม่เอาแบบพี่รหัสผมที่ห้าวกว่าผมอีกนั่นนะ
ส่วนเรื่องพี่โช ช่วงนี้เราแทบไม่ได้พูดกันเลย อย่าว่าแต่พูด แม้แต่หน้ายังไม่ค่อยได้เจอ โปรเจคใหญ่ที่ว่าคือการสร้างห้างสรรพสินค้าใหญ่ และมันเริ่มมีปัญหามากมายจนทำให้พี่โชยุ่ง แทบไม่มีเวลากลับมาที่ห้อง หรือจะมาก็ตอนดึกๆ ซึ่งผมหลับไปแล้ว พอตื่นอีกทีที่ข้างๆ ก็ว่าง ทุกอย่างวนเวียนแบบนี้มาเกือบจะสองอาทิตย์แล้วครับ
เรื่องผู้หญิงคนที่ฝากกลิ่นน้ำหอมติดเสื้อพี่โชมา ผมแทบไม่รู้เรื่องอะไรเลย พอถาม พี่โชก็บอกว่าเป็นลูกสาวเจ้าของห้างซึ่งดูแลโปรเจคนี้ร่วมกัน ผมก็เออออไปเพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหาตามมา
“เป็นไรวะ ช่วงนี้มึงดูแปลกๆ” ไอ้ทูสะกิดถามผม ตามันยังมองไอ้ประธานรุ่นผมคุยโม้ว่างานปีนี้ต้องดีที่สุด
“เปล่า” ขี้เกียจอธิบายเลยปฏิเสธไป แต่ไอ้ทูมันดูจะไม่เชื่อเท่าไหร่
“กูเพื่อนมึงนะ มีอะไรก็บอกกู เผื่อกูจะช่วยได้” ผมอยากจะด่ามันเหลือเกินว่า ผมก็เพื่อนมัน มันยังไม่บอกเรื่องพี่เบเลย แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มๆ แล้วพยักหน้าไป “ไอ้กลอย มึงอย่าซึมดิ่วะ หมาในปากมึงจะตายห่าแล้ว” นี่มันปลอบหรือด่าผมกันแน่
“กูไม่เป็นอะไร แค่มึงคบกับพี่เบได้กูก็ดีใจ” เบี่ยงประเด็นเลยโดนฝ่ามือมันเต็มหัว ไอ้เชี่ยทูชอบใช้กำลัง เดี๋ยวสั่งพี่เบจัดการ
“มึงนี่มัน” ไอ้ทูถลึงตาใส่ ผมก็หัวเราะร่วนเลยโดนไอ้ประธานหน้าตี๋ด่าออกไมค์ คิดว่าผมจะอายเหรอ ไม่มีทาง เพราะผมยังตีหน้ามึนลอยหน้าไปมาจนมันเปลี่ยนเรื่องไปเอง ฮ่าๆ
ตึ๊ด เสียงข้อความไลน์ผมดัง แต่ผมยังไม่สนใจคงจะเป็นพวกเล่นเกมส์ส่งมา แต่พอมันดังรัวๆ ผมเลยหยิบออกมากดดู ไอ้ทูที่ชอบสอดเรื่องชาวบ้านก็ยื่นหน้ามาดูด้วย มันคงเห้นผมจ้องมือถือนานไปหน่อย พอมันเห็นแบบที่ผมเห็นก็ร้องลั่นจนโดนประธานรุ่นด่าอีกรอบ
“ไอ้เชี่ย รูปพวกนี้มันอะไรวะ” ไอ้ทูโวยวายแทนผมที่เอาแต่นิ่ง มองดูรูปที่ช็อตจนครบสิบภาพ
รูปพี่โชยืนอยู่ข้างๆ สาวสวย ทั้งคู่หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน คงเพิ่งทานข้าวกันมา เพราะรูปที่ยืนถ่ายมาจากร้านอาหารหรูที่ผมไม่เคยได้ย่างกรายเข้าไป และรูปสุดท้ายที่เห็นคือภาพที่ซูมในเห็นใบหน้าของทั้งคู่ที่มองตากัน แววตาของผู้หญิงดูจะสนใจพี่โชอย่างเปิดเผย ติดตรงที่ว่าพี่โชเห็นเฉพาะด้านข้าง เลยไม่รู้ว่าแววตาที่มองกลับเป็นแบบไหน จะลึกซึ้งหรือเปล่า
“มีคนส่งมาให้กูดูทุกวัน” ผมบอกเนือยๆ
รูปพวกนี้ไม่ได้มีแค่นี้หรอกครับ รวมๆ เกือบสองอาทิตย์มีเกือบร้อยภาพ มันเป็นภาพตอนที่พี่โชกับสาวสวยคนนี้อยู่ด้วยกัน รูปวันนี้ดูเฉยๆ เมื่อเทียบกับรูปที่ส่งมาให้ผมก่อนนอน...
รูปพี่โชกอดเอวผู้หญิงคนนั้น
ผมอยากจะถามพี่โชแต่คนถามไม่อยู่เลยได้แต่เก็บไว้ในใจ ผมมันเป็นคนประเภทไม่ชอบคิดเอง คือถ้าเรามัวแต่คิดเองมันจะปวดหัวเปล่าๆ แม้มันจะทำให้ผมดูโง่ไปสักหน่อยก็เถอะ
“มึงทนดูได้ไงวะ ทำไมไม่ถามพี่โชให้รู้เรื่อง” ไอ้ทูเอามือถือผมไปเลื่อนดูรูปก่อนหน้าจนผมต้องรีบแย่งคืนมา คือมันจะปามือถือผมทิ้ง ไอ้นี่ชอบทำลายข้าวของ (ที่ไม่ใช่ของตัวเอง)
“ก็ไม่อยู่ให้ถาม” ผมบอก
ไอ้ทูกำลังจะอ้าปากถามเลยโดนประธานรุ่นลากออกนอกห้องเพราะคุยเสียงดัง ผมที่มองมันโดนลากได้แต่สงสารปนอิจฉา คือผมอยากออกไปบ้าง
กว่าจะประชุมเลิก ผมก็แทบจะหมดแรง มันง่วงจนหัวเซไปหลายรอบ พอเดินออกห้องมาก็โดนไอ้ประธานรุ่นตบหัวแบบเบาๆ ส่งท้าย นี่ถ้ามันไม่ใช่เฮดรุ่นนะ ผมไล่เตะมันไปแล้ว บังอาจมาตบหัวกู สงสัยจะอินกับวอลเล่ย์บอล ผมเห็นเฟสมันแชร์แต่รูปสาวๆ นักวอลเล่ย์บอล
ผมเดินหาเพื่อนตัวเองที่โดนเนรเทศออกมาก่อน ไอ้ทูนั่งอยู่ใต้ตึก มันกำลังคุยโทรศัพท์ ไม่สิ โวยวายใส่โทรศัพท์มากกว่า พอมันหันมาเห็นผมก็รีบวางสายแล้วเดินมาหา
“ป่ะ” หือ อยู่ๆ มันก็ดึงแขนผมแล้วจ้องหน้า
“เดี๋ยวๆ มึงจะพากูไปไหน” ผมถามมันโดนที่ขายังซอยถี่เพราะแรงดึงที่กึ่งวิ่งกึ่งเดิน คือมึงจะรีบไปไหนวะ
ไอ้ทูที่วันนี้เอารถมาเองยัดผมลงไปนั่ง มันไปรับผมมาครับเมื่อเช้า ถึงมันไม่ดึงให้ขึ้นรถ ผมก็ต้องมาอยู่ดี ไม่งั้นจะกลับยังไง พอนั่งบนรถปุ๊บมันก็สตาร์ทแล้วบึ่งรถไปทันที โดยไม่บอกจุดหมายปลายทาง
มันดูโกรธมากกว่าผมซะอีก
รถคู่ใจของไอ้ทูจอดที่หน้าร้านห้างสรรพสินค้า ผมมองมันอย่างงงๆ แต่ก็เดินตามมันไป พอเดินไปถึงศูนย์อาหารผมก็เจอไอ้อัธกับไอ้ม่านที่กำลังจ้วงข้าวมันไก่อย่างเอร็ดอร่อย พอไอ้สองคนนั้นเห็นพวกผมมันก็โบกมือตะโกนเรียกจนโดนคนทั้งศูนย์มองหน้า แต่นับว่ายังโชคดีที่หน้าตามันดูหล่อ ถ้าหน้าตาดูไม่ได้นี่มีโดนด่าแน่
ผมกับไอ้ทูเดินตัวลีบเพราะความอายเข้าไปหา พวกมันสองคนก็บอกให้รอแปบแล้วก็จ้วงข้าวในจานจนหมด นี่พวกมึงไปตายอดตายอยากมาจากไหนวะ กินจนไม่เหลือเศษข้าวสักเม็ด ไอ้อัธยังเหลือผักชี แต่ไอ้ม่านนี่จานเหมือนถูกล้างมาแล้ว สะอาดมาก
“พวกมึงจะไปไหนกันวะ” ผมมองพวกมันพยักหน้าเหมือนตกลงอะไรกันสักอย่าง คือพวกมันรู้แต่ทำไมผมไม่รู้
“มาปลดปล่อยความเครียดไง” ไอ้ม่านว่าพร้อมสายตาเป็นประกาย
เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับเพื่อนพวกนี้
“ไอ้ทูมันบอกกูว่ามึงเครียด พวกกูเลยจะพามึงมาคลายเครียด” ไอ้อัธพูดบ้างก่อนมันจะเดินนำไปโดยมีพวกผมเดินตาม...
แอบเห็นกลุ่มสาวน่าตาจิ้มลิ้มมองไอ้อัธแล้วกรี๊ดเบาๆ ด้วย
หลงผิดทั้งนั้น ผมเตือนไว้ก่อน
การคลายความเครียดที่ไอ้พวกนี้ว่า ผมว่ามันยิ่งทำให้เครียดกว่าเดิมอีก เพิ่มเติมคือความหนวกหู ตอนนี้ผมกำลังนั่งกอดอกอยู่บนโซฟาตัวนุ่ม ไอ้อัธนั่งข้างผมกำลังเปิดหนังสือหาอะไรบางอย่าง ส่วนไอ้ม่านกับไอ้ทูมันกำลังแหกปากร้องเพลงที่แทบฟังไม่ออกว่านั่นเสียงคนหรือเสียงควายออกลูก
“จะโกหกกันไปถึงหนาย~ (ถึงหนาย) แค่พูดว่าเธอรักใครก็ง่ายกว่า (ก็ง่ายกว่า) หมดใจก็พูดเถอะ (พูดเถอะ) ว่าเธอจะเลิกรา (เลิกรา เลิกรา) กล้ารักเขานี่นา (นี่นา นี่นา) ทำไมไม่กล้ารับความจริง~ แค่กๆ กูกินน้ำแปบ ไอ้ทูมึงร้องต่อเลย” แล้วมันก็ดื่มน้ำอึกใหญ่แล้วคว้าไมค์ร้องต่อ
ไอ้ม่านมันร้องโดยมีไอ้ทูร้องคอรัส แต่ผมว่าร้องรัดคอมากกว่า แม่ง ผมโคตรสงสารเจ้าของเพลง โดนไอ้พวกนี้เอามายำจนเละ
นี่ผมควรเครียดต่อหรือหัวเราะพวกมันดี
จากนั้นเพลงยังมาต่อเป็นชุดครับ บางเพลงโดนลากไปร้อง แต่ผมเป็นพวกร้องเพราะไง เลยไม่อยากจะโชว์ความสามารถ เดี๋ยวแมวมองผ่านมาเห็นจะรีบพาผมไปเซนต์สัญญา
แหกปากเยอะจนเจ็บคอเหมือนกันนะ แต่รู้สึกดีขึ้นเป็นกอง
ไอ้อัธที่เพิ่งครวญเพลงลูกทุ่งเสร็จก็ทิ้งตัวนั่งข้างผม โดยปล่อยให้ไอ้สองคนนั้นคร่ำครวญกับเพลงอกหักบ้าบอของมันไป ผมมองไปหัวเราะไป แม่งจะฮาไปไหน เพลงช้าแต่เต้นประหนึ่งมันคือฮิปฮอป ไอ้ทูก็เบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้แต่มันคือเพลงรัก
ผมควรพาพวกมันไปเช็กสมอง
“ให้กูช่วยมั้ย” ไอ้อัธมันพูดขึ้นจนผมละความสนใจตรงหน้าแล้วหันมามองมันอย่างงงๆ
“ช่วยอะไรวะ” ไม่มีเกริ่นนำอะไรเลย กูตรัสรู้ไม่ได้ว่ะ
“ก็เรื่องพี่โชกับผู้หญิงคนนั้น” ไอ้อัธว่า ผมมองหน้ามันนิ่ง
“ไอ้ทูบอกมึง?”
ไอ้อัธพยักหน้ารับ “เห็นรูปด้วย”
มองหันขวับไปมองไอ้ทูที่มันกำลังแหกปากว้ากเพลง ไอ้เชี่ยนี่แอบจิกรูปผมไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไว้กูถามพี่โชเอง” ผมไม่อยากรบกวนเพื่อน อีกอย่างมันก็เรื่องส่วนตัวเกินไป
“แล้วพี่เขาจะบอกความจริงกับมึงเหรอวะ คนทำผิด ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองทำผิดหรอกนะ” ไอ้อัธมันมองตาผมนิ่ง “กูจะช่วยมึงสืบดู อย่าห้ามกูด้วย มึงเป็นเพื่อนรักกู กูไม่อยากเห็นมึงนั่งหน้าเศร้าเหมือนหมาไม่มีกระดูกแทะ”
“ไอ้เชี่ย กูเกือบจะซึ้งแล้ว” แล้วผมกับไอ้อัธก็หัวเราะออกมา “ขอบใจนะ แต่ถ้ากูอยากจะให้มึงช่วย กูจะบอกเอง”
“อืม เบอร์กูไม่เคยเปลี่ยนมึงก็รู้” ไอ้อัธมันเป็นคนที่เท่มากนะครับ ตอนมันเรียนจบมัธยม มีเด็กมอต้นซื้อตุ๊กตาหมีที่ตัวสูงกว่ามันมาให้ แต่ไอ้อัธปฏิเสธ เด็กนั่นก็ร้องไห้ซะเหมือนถูกไอ้อัธข่มขืนแล้ว จนสุดท้าย มันก็เป็นคนไปปลอบและบอกให้เก็บไว้ มันจะรับแค่น้ำใจก็พอ โคตรเท่เลยเพื่อนผม
“กูรู้ว่ามึงไม่เคยเปลี่ยนเบอร์ แต่มึงเปลี่ยนแค่สาวที่ควงใช่ป่ะ” เพราะแซวเลยโดนจัดเต็มที่หัวป๊าบใหญ่ ผมมุ้ยหน้าแสร้างทำเป็นงอน ก่อนจะโดนไอ้สองตัวที่ยังครองไมค์ลากไปร้องเพลง
จากตอนเที่ยงจนเกือบจะสามทุ่ม ชีวิตพวกผมก็วนเวียนร้องเพลงจนแทบจะไม่มีเพลงที่อยากร้องอีกเลยพากันออกมา พนักงานมองประหนึ่งว่าไอ้เด็กพวกนี้อาจมามั่วสุม พอพวกผมออกมาก็รีบให้พนักงานเข้าไปดูว่ามีของผิดกฎหมายหรือเปล่า
นอกห้างในเวลานี้ยังมีแสงสว่างจากหลอดไฟประดับตามท้องถนน วันนี้เป็นวันศุกร์เราก็ต้องไปสุขในสุดๆ พวกเราเลยนัดไปกันเที่ยว เอาแบบให้มันสุดเหวี่ยง เสียงข้อความดังแต่ผมไม่สนใจ ผมขึ้นมานั่งบนรถไอ้ทูตามเดิม มันขับตามรถอีกคันไปจนถึงหน้าผับที่ใหม่
หน้าประตูมีการตรวจเข้มเรื่องบัตรและอายุ สงสัยกลัวจะโดนตำรวจเพราะช่วงนี้กวดขันเหลือเกิน พอเข้ามาได้ผมก็หาโต๊ะนั่ง วันนี้คนโคตรเยอะ เรียกได้ว่าแทบไม่มีที่นั่ง ยังดีที่เหลือโซนวีไอพีซึ่งไอ้อัธมีการ์ดด้วย ผมองเพื่อนตัวเองอย่างตะลึง ไอ้เชี่ยนี่มีการ์ดผับนี้ได้ยังไง
“มึงเอามาจากไหนวะ” ไอ้ทูถามก่อนผมซะอีก ไอ้อัธยิ้มๆ ก่อนจะตอบ
“ผับนี้รุ่นพี่กูเป็นลูกเจ้าของ มันเลยให้กูมา”
“เจ๋งเชี่ย กูขออันดิ่” ไอ้ม่านตาวาว คือของฟรีมันก็ต้องสนใจ
“เสียใจว่ะเพื่อน”
“ไอ้งก”
บริกรมารับรายการถึงโต๊ะ พวกผมก็สั่งเหล้าดีกรีพอประมาณกับมิกเซอร์ไป ไม่นานก็มาเสิร์ฟ เพลงที่นี่อย่างมัน จังหวะฟังไปโยกหัวไป แถมมีดีเจสาวสวยใส่ชุดล่อแหลมจนหนุ่มๆ ต่างพากันไปยืนอออยู่หน้าเวที หน้าอกนี่อย่างดูมๆ จนละสายตาแทบไม่ได้
“คนเยอะว่ะ” เสียงที่ดังจากโต๊ะด้านหลังทำให้ผมเหลือบตาไปมอง โต๊ะโซนวีไอพีกำลังถูกจับจองโดยนักศึกษากลุ่มใหญ่ ที่รู้ว่าเป็นนักศึกษาเพราะมีหนึ่งในนั้นยังสวมชุดนักศึกษา แม้มันไม่ถูกระเบียบเพราะกางเกงยีนส์ขาดๆ เสื้อที่ปลดกระดุมคอสองเม็ด
บังเอิญที่ผู้ชายคนนั้นหันมาเจอกับสายตาผมพอดี มันก็เลิกคิ้วก่อนจ้องมา รอยยิ้มโคตรน่ากลัวจนผมต้องรีบหันกลับมา ความรู้สึกถึงอันตราย
ผมไม่รู้ว่าไอ้คนนั้ยังจ้องอยู่หรือเปล่า รู้แต่ว่า ผมต้องห้ามหันไปอีก ตาสองข้างเลยจ้องแต่ดีเจสาวสวยเต้นส่ายไปมา ก่อนสะดุ้งเมื่อมีมือมาจับบ่าด้านหลัง
ไอ้เชี่ยนั่นแน่ๆ
นับเลขในใจก่อนจะค่อยๆ หันไปมอง รู้สึกผิดคาด แต่ความอันตรายยังคงมีอยู่
“ว่าไง มาเที่ยวเหรอเรา” พี่ฟลอยด์ยิ้มโชว์รอยบุ๋มที่ข้างแก้ม เพื่อนผมหันมามองก็ทำหน้างงกันใหญ่
“อ่า ครับ” ตอบรับแบบแกนๆ คือถ้าเลือกได้ไม่อยากจะเจอเลยจริงๆ
“บังเอิญเจอกันบ่อยไปนะเราสองคนเนี่ย” คำพูดชวนน่าคิดแต่ผมเลือกจะไม่คิด “ไปนั่งกับพี่มั้ย” ผมเหลือบตามองโต๊ะที่พี่ฟลอยด์ชวนไปนั่ง มันคือโต๊ะของนักศึกษากลุ่มใหญ่ด้านหลังผมนั่นแหละ
“ผมมากับเพื่อน” พวกไอ้ทูก็ยิ้มทักทาย พี่ฟลอยด์มองก่อนยิ้มกลับ “ตามสบายเลยพี่”
“พี่อุตส่าห์มาชวน ไปนั่งด้วยกันสิ” ตื้อจนผมเริ่มอึดอัดและอยากกลับบ้าน ผมกำลังจะปฏิเสธ แต่พี่ฟลอยด์แม่งดึงผมลุกยืนแล้วพาไปนั่งที่โต๊ะโดยที่ยังไม่ได้คำตอบอะไร แบบนี้ไม่เรียกชวนแล้ว เขาเรียกบังคับล้วนๆ
“เฮ้ยพี่ แต่ผมมากับเพื่อน” ผมแย้งและจะกลับไปนั่ง พี่ฟลอยด์ดันตัวผมนั่งตามเดิมก่อนจะนั่งประกบข้างๆ โดยมีเสียงเพื่อนโห่แซว
“แหมมึง น่ารักนะเนี่ย” ไอ้คนที่ผมมองครั้งแรกยื่นมือมาจับคางผมแต่ถูกมือพี่ฟลอยด์ปัดออก “มีหวงๆ”
“ไอ้สัด อย่าแตะ” พี่ฟลอยด์มองเพื่อนอย่างไม่ชอบใจ
ผมก็ไม่ชอบใจว่ะ อยากกลับเต็มแก่แต่ขยับไปไหนไม่ได้ ผมมองเพื่อนตัวเองที่หันมามองเป็นระยะๆ ในใจพาลกลัวไม่อัธจะลุกมาหาเรื่อง ผมไม่ชอบให้ใครมาเดือดร้อนเพราะผม ความเบื่อเริ่มทำให้ไม่อยากแตะน้ำสีอำพันในแก้ว ผมเลยเลือกจะเอามือถือออกมากดดู...แล้วยิ้ม
อาจเพราะสนใจมือถือเกินไปเลยโดนพี่ฟลอยด์ก้มหน้ามาหอมแก้มโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว เชี่ยเอ้ย กูตกใจ ผมเบิกตามองคนที่อุกอาจหอมแก้มโดยไม่ได้ขออนุญาต พี่ฟลอยด์ก็ดูไม่แคร์เพราะยกยิ้มอวดกับเพื่อน แขนหนักๆ ก็พาดที่ไหล่
เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะ
“พี่ ผมไปห้องน้ำแปบ” ผมกระซิบบอกพี่ฟลอยด์ที่ยังเอาแขนพาดไหล่ผมอยู่ พี่เขามองผมนิดๆ ก่อนพยักหน้า แต่ก่อนไปพี่เขาขอมือถือผมเป็นตัวประกัน ฉลาดเหี้ยๆ ผมไม่ยอมให้พี่เขาแม่งจะแย่ง ผมเลยทิ้งตัวนั่งตามเดิม
“ไม่ไปห้องน้ำแล้วเหรอ” เสียงกระซิบจนชิดใบหูทำให้ผมต้องย่นคอหนี
“อื่อ ไม่ไปแล้ว”
“พี่ขอเบอร์หน่อยสิ” พี่ฟลอยด์ยื่นมือถือเครื่องแพงตัวเองมาให้ผม แม้ไม่อยากจะให้ แต่อยากให้มันจบๆ ไปเลยกดเบอร์ตัวเอง ก่อนจะยิงเข้ามาในเครื่อง พี่ฟลอยด์ดูพอใจ มือใหญ่หยิบมือถือไปพิมพ์ชื่อแล้วหันมาให้ผมดู “ที่รัก” พูดตามที่พิมพ์
แต่ผมไม่รู้สึกเขินสักนิด
เหตุการณ์บางอย่างคล้ายกับพี่โช ทั้งโดนคุกคามและรุกรวดเร็ว แต่ผมกลับเขินพี่โชมากกว่าในตอนนั้น อาจเพราะพี่โชดูไม่น่ากลัวแบบนี้ แม้คนนี้จะดูท่าทางเป็นมิตรก็ตาม
เพลงเริ่มเพิ่มจังหวะตามเวลา ตอนนี้โต๊ะของพี่ฟลอยด์เริ่มมีคนน้อยลงเพราะเพื่อนพี่เขาลุกออกไปเต้นคลอเคลียกับสาวนักเที่ยว พี่ฟลอยด์ยังนั่งข้างผม ดวงตายังคงจ้องผมนิ่งจนผมเริ่มกลัว
“แฟนของน้องเรียนที่มหาลัยเดียวกันหรือเปล่า” ผมเอนหัวหนีมือที่จับปลายผมผมม้วนไปมา
“เปล่าครับ” เริ่มไม่พอใจ
“แล้วเรียนที่ไหนล่ะ หน้าตาเป็นยังไง นิสัยดีมั้ย”
“มันเป็นเรื่องส่วนตัว ผมไม่อยากพูด” น้ำเสียงเริ่มกระแทกเพราะไม่พอใจ รู้สึกเหมือนโดนก้าวก่ายชีวิต
“เย็นชาจังน้า พี่ไม่ชอบเลย”
“พี่กำลังทำให้ผมกลัวอยู่นะ” ผมบอกไปตรงๆ ก่อนจะรีบลุกหนี แขนก็สะบัดมือที่คว้าจับ เดินหนีออกมาจนถึงโต๊ะของพวกไอ้อัธ พอพวกมันเห็นผมหลุดออกมาได้ก็รีบพาผมออกไปทันที พวกมันเช็คบิลรออยู่ก่อนแล้วผมเห็น
พอเข้ามานั่งในรถไอ้ทู ผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ คนข้างๆ ก็ดูเหมือนจะอยากรู้แต่ก็นิ่ง แต่ตามันเหลือบมองผมเป็นระยะจนอดไม่ได้ต้องถามมัน
“มึงมองกูทำไม อยากถามอะไรว่ามา”
“ใครวะคนเมื่อกี้ แม่งกูกลัวสัด”
“คนเพิ่งรู้จัก”
“เพิ่งรู้จักแต่แม่งทำเหมือนรู้จักมาเป็นสิบปี” ผมก็เห็นด้วยในจุดนี้ “แล้วพี่โชรู้เรื่องหรือเปล่า เรื่องคนนี้อ่ะ” ผมส่ายหน้าตอบไป ไอ้ทูก็ร้องเสียงหลง “ไอ้เชี่ย มึงระวังตัวไว้ พี่โชยิ่งหึงไม่เหมือนชาวบ้านอยู่”
“กว่าจะได้หึง ไอ้พี่นี่คงเลิกชอบกูพอดี” ผมบอกอย่างเซ็งๆ ก่อนมือถือจะดัง ไอ้ทูยืดคอมาดูหน้าจอที่โชว์เบอร์และรูป ผมกดรับพลางมองหน้าเพื่อนตัวเอง “พี่โช โทรมามีอะไรเหรอ”
(อยู่ห้องหรือเปล่า) น้ำเสียงดูเหนื่อยล้ามากจนผมสงสาร
“เปล่า ออกมากับไอ้ทูอ่ะ” ผมบอกความจริง เพราะไม่อยากโกหก เพราะผมเกลียดคนโกหก
(....) พี่โชเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ (วันนี้พี่นอนที่บ้านนะ มีเรื่องต้องคุยกับพ่อเรื่องงาน)
“เข้าใจแล้ว” ผมบอก “พี่โชกินข้าวเยอะๆ นะ จะได้มีเรื่องทำงาน”
(ครับ รีบกลับห้องแล้วนอนนะ ห้ามเล่นเกมส์)
“รู้แล้วน่า พี่ก็อย่านอนดึกมากนะ เดี๋ยวไม่หล่อ” ผมหัวเราะจนคนปลายสายหัวเราะตาม
(ครับๆ ราตรีสวัสดิ์นะ)
“อื่อ ราตรีสวัสดิ์”
พอพี่โชวางสายผมก็ถอนหายใจออกมา ไอ้ทูส่งเสียงกระแอมจนผมต้องมองหน้ามัน
“อะไรของมึง อยากเสือกเรื่องกูล่ะสิ” ไอ้ทูพยักหน้ารัวๆ จนผมขำ
“ดูพี่เขาโคตรปกติอ่ะ”
“อืม ก็ปกติ”
“แต่ไม่ปกติตรงมีรูปนั่นแหละ” ไอ้ทูว่า ก่อนจะสนใจข้อความไลน์ที่เด้งขึ้นมา
รูปที่ถ่ายบรรยากาศตอนค่ำคืนแต่ไม่รู้ว่ากี่โมง พี่โชยืนอยู่ที่กาบเรือกับผู้หญิงคนนั้น ทั้งสองชนแก้วแชมเปญจดูมีความสุข ไอ้ทูเห็นก็สบถคำหยาบอย่างยาวเหยียด จนมองภาพนั้นก่อนถอนหายใจ
เมื่อไหร่จะจบสักที ผมเหนื่อย
....TBCนี่ดราม่ากันแล้วใช่มั้ย ฮ่าๆๆ
ถ้าไม่มีอะไรก็อัพวนไปค่าาาา
