Just you and I : 28
วันนี้วันหยุดควรจะได้นอนพัก แล้วใครกันหนอมาหาผม ในเวลากำลังเคลิ้มชวนฝัน อยู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์คอนโดดังจนผมต้องรับ พี่ประชาสัมพันธ์ข้างล่างบอกมีคนมาหา มาคอนโดพี่โชก็น่าจะมาหาเจ้าของห้องสิ แล้วไหงมาหาผมได้ ถ้าเป็นพวกไอ้อัธมันก็คงจะขึ้นไปหาแล้ว เบอร์ห้องก็รู้
ผมลากแตะลงมาจากห้อง ผ่านพี่ประชาสัมพันธ์คนสวยที่ยิ้มให้อย่างทุกที ก่อนจะมองหาคนที่ทำให้ผมต้องลงมา ซ้ายไม่มี ขวาก็ไม่มี ใครแกล้งผมหรือเปล่าวะ
“ไง” เสียงดังจากด้านหลังทำเอาผมสะดุ้งเฮือกกระโดดไปไกล
“เชี่ย ตกใจหมด” รีบยกมือขึ้นลูบอกเรียกขวัญ แม่ผมเคยบอกว่าให้เรียกขวัญตัวเองไม่งั้นขวัญจะหายแล้วเราจะไม่สบาย (เรื่องจริงป่ะวะ)
“พูดกับพี่ไม่เพราะเลยนะครับน้องกลอย”
“พี่ฟลอยด์มาได้ไง”
แม่ง บุกมาถึงที่ ถ้าพี่โชอยู่มีเรื่องแน่
“พี่ว่างเลยอยากมารับไปกินข้าว” พี่ว่างแต่ผมอาจไม่ว่างก็ได้นะครับพี่ครับ
ผมทำหน้านิ่งๆ เพราะสภาพแบบนี้คงไปไหนไม่ได้ เสื้อยืดเน่ากับกางเกงบอลและลากแตะลงมา พี่ฟลอยด์เริ่มไล่มองการแต่งตัวที่มีคราสของผมแล้วก็ยิ้มนิดๆ
“ใส่เสื้อแบบนี้ก็เซ็กซี่ดีนะ” ก็แค่คอเสื้อเน่ามันย้วยจนเกือบถึงอกก็แค่นั้น
“ผมต้องขอบคุณที่พี่ชมมั้ย”
“ฮ่าๆ ตลกว่ะ ป่ะ ไปกินข้าวกัน” ผมยังไม่ได้ตกลงก็เกือบถูกลากให้ออกไป
“เฮ้ยพี่ ดูผมแต่งตัวดิ่ ไปไม่ได้หรอก” ขืนตัวไว้แทบไม่ทัน พี่ฟลอยด์หยุดมอง มือยกขึ้นกอดอก
“งั้นพี่ให้เวลาแต่งตัว ถ้ามาช้า พี่จะขึ้นไปหาเอง โอเค๊”
“ไม่โอเค พี่ต้องการอะไรจากผมวะ” เริ่มโมโหครับ ผมไม่ใช่คนหน้าตาดีขนาดนั้น ไม่ต้องมาจีบผมก็ได้
“ตรงดี” พี่ฟลอยด์ยิ้มนิดๆ “พี่ชอบอะไรที่มันแปลกใหม่ และกลอยคือสิ่งแปลกใหม่ที่พี่อยากลอง” มาซะไปเกือบไม่เป็น
“ผมไม่ใช่ของแปลก พี่ไปหาของแปลกที่อื่นเถอะ” ผมพูดจบก็หันหลังจะขึ้นห้อง แต่ทำได้แค่ก้าวเท้าก่อนจะถูกยกลอยขึ้นจากพื้น ไอ้พี่ฟลอยด์มันแบกผมขึ้นบ่า “พี่ทำไรวะ ปล่อยเดี๋ยวนี้โว้ย” ผมดิ้น ทุบทั้งมือทั้งเท้า ก่อนจะโดยยัดในรถที่เคยนั่งมาแล้ว ส่วนไอ้คนแบกผมมารีบวิ่งไปนั่งประจำที่แล้วก็สตาร์ทรถขับออกไป
โกรธจนตัวสั่นผมเพิ่งเคยเป็นครั้งแรก ตอนนี้แม่งอยากจะกระโดดต่อยไอ้คนข้างๆ นี่ให้ตาเขียว ถ้ามันตัวเท่าผมนะ โดนแน่
“พี่ทำอะไรวะ ผมโคตรไม่ชอบเลย” ผมแหวใส่
“ไม่นานก็ชอบเองนั่นแหละ” มีเถียงด้วย แถมยังทำหน้าตาไร้สามัญสำนึก นี่ไอ้กลอยปรี๊ดละนะ
“พี่เป็นเด็กมีปัญหาหรือเปล่า พ่อกับแม่ไม่รักเหรอวะ” อาจจะดูแรงไป แต่ผมโมโหจริงๆ พี่ฟลอยด์ได้ยินปุ๊บ ดวงตาที่เคยเป็นประกายขี้เล่นก็แข็งกร้าวจนน่ากลัว
“ก็งั้นมั้ง” ตอบมาสั้นๆ แล้วก็เงียบไป ผมเลยได้แต่ฮึดฮัด ขอลงแต่ไม่จอด จะให้เป็นแบบพระเอกในหนังที่เปิดประตูรถลงไปนอนไถลกับพื้นอย่างสวยงามก็คงไม่ได้ เลยได้แต่นั่งหน้าบูดอยู่ในรถ
เสียงโทรศัพท์พี่ฟลอยด์ดังท่ามกลางความเงียบ ผมแอบมองคนหน้านิ่งรับ ใจความจากคนปลายสายน่าจะเอาของอะไรสักอย่างจากพี่ฟลอยด์ พอวางสายก็ไม่ยอมบอกเหมือนคราวก่อน พี่ท่านเล่นขับไปไม่บอกอะไรเลย
เราสนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ
ไม่นานรถก็จอดนิ่งที่ลานจอดของห้างช็อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ พี่ฟลอยด์เหลือบตามองผมนิดๆ ก่อนเอื้อมเอาถุงกระดาษด้านหลังแล้วเปิดประตูลงไป ผมมองท่าทางที่เหมือนเด็กไม่โตอย่างโมโห ทำไมคนรวยชอบเลี้ยงลูกให้เอาแต่ใจวะ พี่โชแม่งก็เป็น ลำบากไอ้กลอยตลอด
พี่ฟลอยด์เดินข้ามไปหารถยี่ห้อหรูที่จอดอยู่หน้าประตูทางออกและยืนรออยู่ไม่ยอมเดินเข้าไปในห้าง ผมมองอย่างสงสัย นัดใครไว้ถึงต้องรอ ไม่นานประตูห้างก็เปิดออก ผู้หญิงหน้าตาสวยเดินออกมา พี่ฟลอยด์ยกมือไหว้ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้านิดๆ แล้วหันไปหาผู้หญิงที่เดินตามมาด้านหลัง
เหมือนถูกไฟฟ้าช็อตจนชาไปทั้งตัว
คนที่ไม่สมควรได้เจอทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้วะ พี่ฟลอยด์ยื่นถุงกระดาษให้เสร็จก็รีบเดินตรงมาหาผมแล้วเปิดประตูเข้ามานั่ง โดยที่ผมยังนั่งนิ่งเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง
“เป็นอะไร” เสียงถามจากคนขับรถที่กำลังขับมุ่งหน้าไปที่ไหนสักที่
“พี่เป็นอะไรกับผู้หญิงคนนั้นเหรอ” ผมหันไปถามพี่ฟลอยด์ ดูเขาจะงงๆ แต่ก็ยอมบอก
“จะเรียกว่าน้องก็ได้ละมั้ง” คำตอบเล่นเอาผมอ้าปากค้าง จุดไต้ตำตอเหรอวะ บังเอิญจริงๆ คำนิยามของพี่คนนี้
“พี่เป็นน้องชายเหรอ” เหมือนเสียงจะเบามากในความรู้สึก
“น้องคนละแม่น่ะ แม่ของพี่เฟิร์นเสียตั้งแต่ยังเด็ก พ่อเลยมาแต่งงานกับแม่พี่แล้วก็เกิดพี่กับพี่สาวมา แบบนี้เรียกว่าน้องได้หรือเปล่า” ผมมองหน้าพี่ฟลอยด์ตลอดเวลาที่พี่เขาพูด ในน้ำเสียงดูเหมือนจะเจ็บปวดจนน่าแปลกใจ
“อ่า แบบนี้นี่เอง” ผมพยักหน้าครางครับแบบมึนๆ
“ถามทำไม อยากรู้เรื่องราวของพี่เหรอ” น้ำเสียงเริ่มกลับมาเจ้าเล่ห์อีกครั้งหลังจากนิ่งไปนาน
“ไม่เลย” ผมตอบ “แล้วคนที่เดินตามนั่นใครเหรอ”
“เลขาพี่เฟิร์น ทำไมเหรอ”
“เปล่า แค่คิดว่าสวยดี” ผมยิ้มตอบตามความจริง ก่อนจะนิ่งใช้ความคิดบางอย่าง
พี่ฟลอยด์พาผมมาที่หมู่บ้านจัดสรรที่ไหนไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือโคตรห่างไกล ดูเหมือนจะเป็นโครงการที่สร้างเสร็จใหม่ๆ บ้านหลังใหญ่ที่สุดของโครงการดูสวยและเรียบหรู บ้านของคนมีเงินสินะ
“พี่พาผมมาที่ไหนเนี่ย”
“โครงการของพี่เอง”
“ห๊ะ”
โคตรตกใจ ผมหันไปมองคนที่บอกเป็นเจ้าของโครงการ นี่ล้อเล่นหรือเปล่าวะ
“ล้อเล่นป่ะเนี่ย”
“พี่พูดจริง โครงการนี้พี่เป็นคนดูแลทั้งหมด” น้ำเสียงและท่าทีดูน่าจะเป็นเรื่องจริง พี่ฟลอยด์ดับเครื่องยนต์ก่อนจะลงไป ผมก็รีบลงตาม พวกเราเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่ถูกตกแต่งไว้เรียบร้อย ราคาคงหลายสิบล้านแน่
ผมมองรอบๆ บริเวณอย่างสนใจ นี่ถ้าผมทำงานมีเงินเดือนก็อยากจะซื้อบ้านแบบนี้ให้แม่อยู่ แม่จะได้สบายไม่ต้องเหนื่อยอีก ผมเดินดูสวนที่ถูกตกแต่งไว้รอบบ้าน ดอกไม้บางต้นเริ่มออกดอก บรรยากาศมันใช่อ่ะ
“สวยว่ะพี่ ถ้ามีเงินจะมาซื้อสักหลัง พี่คงคิดผมไม่แพงใช่ป่ะ” ผมตาวาวมองบ้าน ตื่นตาตื่นใจไปหมด
“ถ้าชอบพี่จะยกให้” คำบอกเล่าง่ายๆ แต่ผมแทบไม่เชื่อหู
“พูดเล่นป่ะเนี่ย บ้านตั้งเป็นล้านให้กันฟรีๆ ได้ไง”
“พี่พูดจริงๆ อยากได้หลังไหนบอกเลย พี่จะให้ฟรีแถมตกแต่งให้ด้วย”
“จริงป่ะ พูดจริงใช่ป่ะ”
“อืม แล้วพี่จะทำบ้านหลังนั้นเป็นเรือนหอ”
พอเจอประโยคสุดท้ายผมเบรกเอี๊ยดจนพี่ฟลอยด์ที่เดินตามหลังเดินมาชนจังๆ
“เอ่อ งั้นไม่เป็นไรก็ได้ ผมอยู่แบบนั้นดีแล้ว” เกือบไปแล้วไอ้กลอย แค่ใจง่ายให้เขาพามาก็โคตรโง่แล้ว
พี่ฟลอยด์เหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่เสียงโทรศัพท์ดังขัดขึ้น ได้ยินเรียกคนปลายสายว่าผู้จัดการ ไม่นานพี่ฟลอยด์ก็ขอตัวไปเคลียร์เพราะคนที่พักในโครงการมีปัญหา ผมบอกจะรออยู่ที่นี่พี่ฟลอยด์เลยตกลงแล้วขับรถวนไปด้านหน้าที่มีออฟฟิสอยู่
อย่าด่าว่าผมโง่ครับ ผมแค่ฉลาดน้อยเท่านั้น ดีที่หยิบมือถือมาด้วยไม่งั้นคงโดนตราหน้าว่าโง๊โง่ได้ ผมรีบกดไปหาเพื่อนรักที่พร้อมจะช่วยผมทุกเมื่อ รอสายไม่นานมันก็รับ
“ว่าไงมึง อยากให้กูช่วยแล้วใช่มั้ย” ไอ้อัธถามอย่างรู้ใจ
“เออ ช่วยกูด้วย” ผมบอก ก่อนกวาดสายตาดูรอบๆ กลัวพี่ฟลอยด์ย้อนกลับมา “มึงรู้จักบ้านจัดสรรโครงการxxxหรือเปล่า”
“อยู่โคตรไกล ทำไมวะ หรือมึงคิดจะซื้อ” ไอ้นี่ถามไม่ดูเงินในบัญชีผมเลย
“ซื้อห่าไร มึงมารับกูหน่อย รีบๆ มา ตอนนี้เลยนะมึง แล้วกูมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟัง” ผมบอกรัวๆ เพราะโคตรกลัวพี่ฟลอยด์มันกลับมาไว
“แต่กูยังไม่ได้อาบน้ำ”
“ไม่ต้องอาบแล้วไอ้เชี่ยอัธ แค่นี้มึงก็เนื้อหอมจะแย่ กูรู้ว่ามึงจะมาถึงภายในสามสิบนาที” บ้านมันไม่ไกลมากจากที่นี่มากถ้าเทียบกับไอ้สองคนนั้น
“อะไรของมึงวะ เออๆ” ดูมันจะงงๆ แต่ก็รับปาก
ผมวางสายจากไอ้อัธแล้วก็เดินวนไปวนมาหน้าบ้าน ใจเต้นตึกตักๆ ยิ่งกว่าลุ้นหวยรางวัลที่หนึ่งอีก ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งทำให้ผมกลัว รีบๆ มาสิวะไอ้เชี่ยอัธ
ดูเหมือนพระเจ้าจะไม่ใจร้ายกับผม เมื่อเห็นรถไอ้อัธอยู่ไกลๆ แต่ท่านก็ทำให้ผมหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อรถที่ตามหลังรถไอ้อัธมาคือรถของพี่ฟลอยด์ เชี่ยแล้ว รีบๆ ขับมาไอ้อัธ
เหงื่อออกทั้งมือทั้งเท้า พอไอ้อัธปราดเข้ามาจอด ผมก็แทบจะพุ่งขึ้นรถมัน พี่ฟลอยด์มาจอดต่อท้าย ผมก็รีบสั่งให้ไอ้อัธออกรถ ไอ้นี่ก็ไม่รู้อะไรก็ออกรถตามคำสั่ง ผมเหลือบไปมองด้านหลัง เห็นคนที่พาผมมาวิ่งตามมาก่อนจะหยุด คงเพราะเริ่มห่างไกลมากแล้ว เฮ้อ เจอแบบนี้บ่อยๆ ไอ้กลอยก็ไม่ไหว ไอ้อัธเห็นผมถอนหายใจก็ทำหน้างง
“ว่าแต่ มึงจะให้กูช่วยเรื่องอะไร” ไอ้อัธมันถาม ตามันมองรถที่กำลังแทรกเข้ามาจากด้านซ้าย
“มึงสืบให้หน่อยดิ่ ว่าบลูทำอะไรอยู่” พอได้ยินไอ้อัธก็เบิกตากว้าง
“มึงยังสนใจอยู่เหรอวะ ทำมึงขนาดนั้น” ไอ้อัธขมวดคิ้วมองผม “คนที่พาแฟนเก่าพี่โชไปทำร้ายมึง ให้ข้อมูลทุกอย่างก็คือแฟนเก่ามึง” ผมรู้ครับเพราะพี่โชบอกหมดแล้วว่าบลูเป็นคนบอก
“เอ่อน่า สืบให้หน่อย ตอนนี้เลย”
“ไอ้เชี่ยนี่ สั่งเดี๋ยวนี้ก็จะเอาเดี๋ยวนี้” ถึงมันจะบ่นแต่ก็เอาบลูธูทขึ้นมา ผมเห็นไอ้อัธกดเบอร์ไปหาใครสักคน พูดอยู่นานกว่าจะได้คำตอบ “บลูลาออกไปแล้ว”
“เมื่อไหร่วะ”
“ก็หลังเกิดเรื่องละมั้ง ก็สมควรลาออกหรอก โดนพี่ซันกดดันขนาดนั้น”
“พี่ซันกดดันยังไงวะ” ในคลิปก็ไม่เห็นจะกดดันอะไรเลย ผมดูหลายรอบด้วย
“มึงไม่รู้จริงหรือแกล้งโง่วะ พี่ซันเป็นหลานอธิการบดีมหาลัยเลยนะเว้ย” เชี่ยยย ทำไมผมไม่รู้วะ
“พี่โชไม่เห็นบอกกู”
“ถึงบอกไปก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับมึง”
ผมพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะตกใจเมื่อมีไลน์ดังขึ้น ผมเปิดอ่านดูนิ่งๆ ก่อนปิด แล้วมันก็ดังขึ้นมาอีกจนต้องหยิบมาดูอีกรอบ รูปภาพที่มักจะส่งมาตลอดเวลาทีละหลายๆ ภาพ แทบจะทุกช็อตเลยก็ว่าได้ คราวนี้เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยน พี่โชนั่งอยู่ตรงข้ามกับผู้หญิงที่เป็นพี่สาวต่างแม่ของพี่ฟลอยด์ ข้อความที่อยู่ล่างสุดบอกเพียงว่า
‘มื้อสุดหรูกับคนรู้ใจ คงรู้นะว่าใครคือคนที่คู่ควร’
ผมยื่นรูปให้ไอ้อัธดู มันโวยวายจนผมสะดุ้ง และมันบอกว่ารู้จักร้านนั้น ตอนนี้มันจะพาผมไปหาแน่ๆ ไอ้อัธเป็นพวกที่พุ่งชนกับทุกอย่าง ไม่เหมือนผมที่ชอบนิ่งเฉยจนเหมือนคนโง่
ร้านอาหารอิตาเลี่ยนสุดหรู ดูจากการตกแต่งร้านก็รู้แล้วว่าผมไม่มีปัญญาเข้ามากินแน่ ยิ่งสภาพการแต่งตัวผมกับไอ้อัธตอนนี้พนักงานยิ่งไม่ให้เข้าครับ เราสองคนถูกดันให้ออกจากร้านแถมยังโดนด่าอีก ไอ้อัธแทบจะเอาบัตรเครดิตสีทองอร่ามแบบไร้วงเงินฟาดหน้าถ้าไม่มีคนเดินเข้ามาเคลียร์ให้และปล่อยให้ผมกับไอ้อัธเข้าไป
“อยากกินร้านนี้ก็ไม่บอกพี่” พี่ฟลอยด์พูดเล่นแต่น้ำเสียงไม่ใช่ พี่เขาคงโกรธผมนั่นแหละ ใบหน้าหล่อบึ้งตึงแม้แต่ไอ้อัธยังรู้สึก
พวกเราเดินเข้าไปด้านใน บรรดาคนมีตังค์ที่นั่งกินอาหารจานแพงแต่ดูยังไงก็ไม่อิ่มท้องเริ่มจ้องมองผมกับไอ้อัธ เสียงลอยตามลมที่ผมได้ยินว่าผมเป็นขอทาน เชี่ย ขอทานอะไรหน้าตาดีขนาดนี้วะ ไอ้อัธนี่เหล่แล้วเหล่อีก ความหล่อมันไม่ช่วยอะไรเมื่อมันใส่เสื้อยืดกับกางเกงบอล
พี่ฟลอยด์พาผมกับเพื่อนเข้ามาด้านในของร้าน และผมเห็นโต๊ะๆ หนึ่งที่อยู่ในภาพที่ผมเห็น สองหนุ่มสาวยังคงละเลียดกินอาหารอยู่ไม่ไปไหน ผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนหันซ้ายหันขวาจนเจออะไรบางอย่าง บางทีผมก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น
ผมเดินตรงเข้าไปหาพี่โชทันทีโดยที่ไอ้อัธเดินตามและพี่ฟลอยด์ทำหน้างง พอมาถึงโต๊ะ คนที่พาผมเข้ามาก็ร้อง อ่าว เมื่อเจอพี่สาวตัวเอง ส่วนคนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมอง แวบหนึ่งดูพี่โชตกใจแต่ปั้นหน้านิ่ง ไอ้อัธเห็นแบบนั้นก็คว้าคอเสื้อชุดสูทของพี่โชขึ้นจนผมรั้งไว้ไม่ทัน
สาวสวยที่นั่งด้วยถึงกับร้องกรี๊ดเมื่อพี่โชถูกเพื่อนผมขยำคอเสื้อ ใบหน้าหล่อจ้องมองหน้าไอ้อัธอย่างไม่เกรงกลัว ผมกอดแขนไอ้อัธไว้กลัวจะมีเรื่องบานปลายแล้วมันจะเดือดร้อน
“มึงจะห้ามทำไม ไม่เห็นเหรอว่ามันกำลังนอกใจมึง” ไอ้อัธตะโกนดังลั่นร้าน พี่ฟลอยด์ดูตกใจที่ได้ยิน แต่ดูเหมือนจะมีคนไม่สะดุ้งกับเรื่องๆ นี้
“ไอ้อัธ กูขอ ที่นี่ไม่เอา” เพราะหากเรื่องถึงตำรวจ ไอ้อัธจะเดือดร้อน พ่อมันอีก
ดูไอ้อัธฮึดฮัดแต่ก็ยอมคลายมือออกจากคอเสื้อ พี่โชขยับปกเสื้อให้เหมือนเดิม ใบหน้าหล่อจ้องนิ่งจนรู้สึกถึงไอเย็น พี่โชเหลือบตามองผมก่อนปรายตามองพี่ฟลอยด์ ดวงตาคมดุจ้องมองหน้าคนที่สูงเท่าๆ กันอย่างประเมินด้วยสายตา พี่ฟลอยด์ก็คงรู้สึกได้เลยมองกลับอย่างไม่กลัว
ก่อนจะเดินไป พี่โชยังใช้หางตามองผมนิ่งๆ แล้วก็เดินออกจากร้านไปทันที ไอ้อัธสะบัดตัวจากมือผมแล้วจะหันมาโวยวาย ถ้าไม่มีเสียงแหลมเล็กพูดขึ้นมาซะก่อน
“ตัวจริงหน้าตาธรรมดากว่าที่คิดนะ” สาวสวยขยับริมฝีปากแดงเลือดนก ดวงตาเรียวจ้องมองผมอย่างดูถูก “ต่ำ”
“พี่!” เป็นพี่ฟลอยด์ที่ตะโกนปรามพี่สาวตัวเอง ผมยืนสั่นเทาด้วยความโกรธ อยากจะไปจากตรงนี้ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว
“ทำไมยะ ฉันพูดความจริง ไอ้เด็กชั้นต่ำนี่เป็นของบำเรออารมณ์ของโชเท่านั้น” คำพูดดูถูกเหยียดหยามยิ่งทำให้ผมจ้องแทบอยากจะกินเลือด
“อย่าดูถูกคนของผม!”
“คนของแก? ตาต่ำ ชอบไปได้ยังไงได้เด็กโสโครกนี่ แถมยังเป็นของเหลือเดนจากคนอื่นอีก” ใบหน้าสวยๆ ไม่ได้ทำให้จิตใจดีตามสักนิด
ผมหัวเราะออกมาจนพี่น้องที่เถียงกันหันมามอง
“หัวเราะอะไรยะ”
ผมปรายตามองผู้หญิงที่สวยตั้งแต่หัวจรดปรายเท้า พร้อมกับยิ้มเหยียดออกมา
“ผมเพิ่งจะเข้าใจที่แม่เคยพูด” เดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อให้ได้ยินชัดๆ “สวยแต่รูปจูบไม่หอม มันเป็นแบบนี้นี่เอง”
“แกหมายความว่ายังไง” ป้าคนนี้โคตรโง่ว่ะ
“ก็หมายความว่า ป้าสวยแค่เปลือก แต่จิตใจโคตรต่ำ นี่เห็นเป็นผู้หญิงหรอกนะ ผมเลยไม่ทำอะไร พอดีผมเป็นลูกผู้ชายพอ”
“กรี๊ดๆๆ แก กล้าด่าฉันเหรอฮะ ไอ้เด็กชั้นต่ำ”
“ป้าไม่อายเขาเหรอ ร้องกรี๊ดๆ แบบนี้” ผมลอยหน้าลอยตาจนเกือบถูกฝ่ามือตบหน้า ถ้าไม่ได้พี่ฟลอยด์คว้าข้อมือพี่สาวตัวเองไว้
เกือบไปแล้วไอ้กลอย
“ห้ามแตะตัวคนของผม” ใบหน้าหล่อของพี่ฟลอยด์ไม่ได้พูดเล่นๆ จนพี่สาวหน้าถอดสี
“มันไม่จบแค่นี้แน่ โชเป็นของฉัน ไม่ใช่เด็กสกปรกอย่างแก” พูดจบก็กระแทกส้นเท้าออกไป
ผู้หญิงโคตรน่ากลัว ภายใต้ใบหน้าสวย แต่ภายในเราจะไม่รู้เลยว่ามีอะไรซ่อนอยู่
พี่ฟลอยด์กำลังจะพูดแต่ผมยกมือห้ามแล้วรีบเดินออกมา ไอ้อัธได้แต่มองตามแต่ไม่คิดจะเดินออกมาด้วย มันคงตกใจที่เห็นผมด่าคนอื่น เพราะปกติผมไม่เคยด่าใคร แอบเห็นมัมปรบมือเบาๆ ด้วย
ผมเร่งฝีเท้าออกมาที่หน้าร้าน สายตามองหารถที่จะพากลับคอนโด ไม่นานก็มีรถมาจอดเทียบเมื่อผมกวักมือเรียก ผมสอดตัวไปนั่งด้านหน้าก่อนรถจะเริ่มเคลื่อน และบอกปลายทางที่จะไป บรรยากาศในรถสุดแสนจะเย็น อาจเพราะด้านนอกเจออากาศร้อนมากพอมาเจอเย็นแบบนี้ก็รู้สึกคัดจมูกจนต้องขอหรี่แอร์ลง
ฝ่าการจราจรอย่างหนักมานานเกือบชั่วโมง ก็มาถึงคอนโดที่ผมพักอยู่ ผมรีบลงจากรถเมื่อเห็นรอยยิ้มแสนน่ากลัวของคนขับ รอยยิ้มที่โคตรจะสยองจนขนแขนลุก ดีนะที่ผมรีบลงมาก่อน ไม่อย่างงั้นผมละกลัวใจว่าเขาจะทำอะไรผมหรือเปล่า คงไม่หน้ามืดตามัวเพราะเห็นผมเซ็กซี่หรอกนะ ถึงอย่างนั้นก่อนจะลงมาก็ได้ยินเสียงบ่นแว่วๆ แต่ก็ไม่ใส่ใจ ก่อนรถคันที่พาผมมาส่งจะวนกลับออกไปจนลับตา
ผมจะรุกละนะ สัญญาอะไรนั่นไม่ทำมันแล้ว !!!
....TBC
