Do I look like your ex? [Yaoi] จบแล้ว UP: แจ้งข่าวอีกแล้วจ้า(05/06/61)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Do I look like your ex? [Yaoi] จบแล้ว UP: แจ้งข่าวอีกแล้วจ้า(05/06/61)  (อ่าน 82523 ครั้ง)

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


Do I look like your ex?




เขาคือนักธุรกิจพันล้านผู้มีเงินมากพอจะซื้อทุกอย่าง แม้กระทั่งซื้อผู้ชายที่หน้าตาเหมือนคนรักเก่ามาอยู่ด้วย
พีทก็คือนักร้องกลางคืนที่บังเอิญหน้าเหมือนแฟนเก่าเสี่ยใหญ่คนนั้น

“ผมหน้าเหมือนแฟนเก่าคุณขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“...”
“งั้นเปลี่ยนคำถามก็ได้ เอาผมมาอยู่ด้วยเนี่ย ผมได้เงินพอเข้าใจ แล้วคุณได้อะไรล่ะคุณกร?”

.
.
.
นิยายเรื่องใหม่ของเห็ดหอม:) เอง ช่วยกันให้ความรักด้วยนะคะ

ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่แฟนเพจ "นิยายของเห็ดหอม"


*****************************************************************************************

Intro

“…Cause it’s too cold for you here and now…
So let me hold both your hands in
the hole of my sweater…”

เนื้อเพลงช่างเข้ากับอากาศที่หนาวเพราะเครื่องปรับอากาศ และบรรยากาศมืดๆ ในบาร์หรูแห่งนี้เหลือเกิน พีทคิดในใจขณะที่ร้องเพลง ก่อนที่เสียงกีตาร์ซึ่งเขาเป็นคนดีดจะจบลง เสียงปรบมือดังขึ้นเบาๆ เพียงแค่นั้นก็พอจะเป็นความสุขให้กับเขาที่เป็นนักร้องกลางคืนแล้ว

อ้อ... แต่เรื่องค่าจ้างก็สำคัญนะ ไม่ใช่ว่าชอบแล้วจะมาร้องมาดีดฟรีๆ อันนี้พีทขอบอกว่า เขาไม่ยอม!

ใบหน้าเรียวพยักลงนิดๆ ประกอบกับเผยรอยยิ้มบางแทนคำขอบคุณ มือเรียวที่ถือปิ๊กยกขึ้นจับผมหยักศกที่ยาวเกินหัวไหล่ทัดหู รอนักดนตรีคนอื่นๆ เตรียมตัวเล่นเพลงถัดไป

ดวงตาคู่สวยกวาดไปทั่วร้าน นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่พีทชอบทำ... การได้มองผู้คนจากบนเวที เห็นทุกท่าทางและการกระทำ

มันก็สนุกดีออกที่ได้เห็นคนเหล่านั้นกำลังทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าไม่มีคนสังเกตเห็น

“...”

ร่างสูงร่างหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟาที่มุมหนึ่งของร้าน นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสบเข้ากับนัยน์ตาสีดำที่สะท้อนแสงไฟในร้านอย่างพอดิบพอดี ร่างสูงนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมบนและคลายเน็คไทหลวมๆ เขานั่งอยู่คนเดียวกำลังใช้สายตาจับจ้องมาบนเวที

ถ้าไม่คิดไปเองเกินไป พีทก็แน่ใจว่าสายตานั้นน่าจะจ้องมาทางเขานี่แหละ

เป็นนักดนตรีมันก็ต้องมีบางทีเนอะที่ทำอะไรไม่ถูกใจใครแบบรู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง
อีโดนจ้องแบบนี้ก็อาจจะเป็นกรณีหลัง เห็นทีหลังเสร็จงานพีทคงต้องรีบชิ่งแล้วล่ะ พรุ่งนี้เขาไม่อยากหน้าเขียวช้ำมาขึ้นร้องเพลงบนเวทีให้คนอื่นตกใจหรอกนะ...

“...” ชายหนุ่มบนเวทีหลบตาด้วยการก้มลงมองมือที่เริ่มดีดกีตาร์ของตัวเอง พลางร้องเพลงต่อไป


...แม้จะรู้สึกได้ว่าใครคนนั้นยังคงจ้องเขาอยู่ไม่ละสายตา
 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-06-2018 01:17:47 โดย เห็ดหอม:) »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] up Intro (13/06/59)
«ตอบ #1 เมื่อ13-06-2016 13:58:56 »

 :mew1:  รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] up ch.1 (14/06/59)
«ตอบ #2 เมื่อ14-06-2016 17:35:00 »

Chapter 1

“พีท...”

“...” ...ใจหายแว๊บ ร่างโปร่งในเสื้อเชิ้ตสีอ่อนดับกางเกงยีนสีซีดขาดๆ ที่กำลังก้าวเท้ายาวๆ พร้อมกับแบกกีตาร์เตรียมชิ่งออกจากห้องพักหันไปตามเสียงเรียก “ครับ อ้าว พี่ไก่”

พี่ไก่เป็นผู้จัดการร้านและเป็นคนฝากพีทเข้ามาทำงานที่ร้านนี้ ด้วยรู้จักกันมาตั้งแต่ยังอยู่มหาวิทยาลัย ชายหนุ่มที่เตี้ยกว่าเล็กน้อยเดินยิ้มเผล่ตรงมาหาเขา ก่อนจะตบบ่าพีทเบาๆ ทันทีที่เดินมาถึงตัว

“มีข่าวดีมาบอก...”

“...?” พีทเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่รอให้เขาสงสัยนาน พี่ไก่ก็บอกข่าวดีที่ว่ามาหมดเปลือก

“มีคนจ้างมึงไปเล่นว่ะ”

“เหรอ ที่ไหนอะพี่?” จะว่าดีใจก็ดีใจ แต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นขนาดนั้น จริงอยู่ที่หลักๆ เขาร้องเพลงที่ร้านนี้ แต่ก็มีบ้างที่รับงานนอก เวลามีคนจ้างไปเล่นที่อื่น

ก็คนมันมีฝีมืออะนะ...

“เป็นบาร์ในโรงแรมห้าดาวเลย สนเปล่า?”

“สนสิพี่ ดีลกับทางนั้นเลย”

“โอเค เดี๋ยวกูจัดการให้ แล้วนี่จะกลับบ้านแล้วเหรอ?”

“ใช่ครับ” พีทยิ้มแห้ง พี่ไก่ตบบ่าเขาอีกครั้ง

“เออ งั้นกลับบ้านดีๆ แล้วเจอกัน”

“เจอกันพี่” โบกมือลารุ่นพี่ตัวเอง พีทก็เดินแบกกีตาร์ออกจากร้าน
 

.
.
.
วันรุ่งขึ้น

“ทายซิ ใครเอ่ย?” เจ้าของมือนุ่มที่ปิดเปลือกตาพีทอยู่เอ่ยเสียงใส ชายหนุ่มซึ่งกำลังเตรียมตารางเวลาเปิดคอร์สสอนดนตรีใหม่หลุดยิ้มออกมาเพราะความเอ็นดู ก่อนจะจับมือเรียวเล็กนั้นไว้

“ใครไม่รู้ที่ตอนเด็กๆ ชอบกินน้ำมูกตัวเอง”

ได้ผล... มือเล็กนั้นสะบัดออกจากเปลือกตาเขาทันที พีทหันไปมองเจ้าของมือที่ทำหน้างอใส่เขา

“โห พี่พีท จะล้อยันลูกแพรวบวชเลยใช่ป่ะ?” หญิงสาวในชุดนิสิตดูเรียบร้อย สะอาดตา ยืนกอดอกทิ้งขา พีทลุกขึ้นแล้วโยกหัวน้องสาวตัวเองเบาๆ จนหางม้าของแพรวแกว่งไปตามแรงโยก

“พี่ก็แซวเล่น...” พีทหัวเราะเบาๆ ก่อนจะนั่งลงตามเดิม แล้วหันมาคุยกับน้อง “สอบเป็นไงบ้าง?”

“ลากเลือด... แต่ไม่ต้องห่วง A แน่นอนวิชานี้ เพราะแพรวเก่งอยู่แล้ว”

“โอ้โห ขี้โม้เหมือนใครเนี่ย...”

“ก็พี่พีทไง คิกๆๆ” แพรวปิดปากหัวเราะด้วยท่าทางขี้เล่น แต่ก็ยังน่ารักมากกว่าจะน่าหมั่นไส้

“เดี๋ยวนี้ยอกย้อนเก่งขึ้นนะเรา”

“แน่นอนสิคะ... ว่าแต่พี่พีท ปิดคอร์สวันนี้เป็นไงบ้างคะ?” นอกจากจะรับงานร้องเพลงเล่นกีตาร์ตอนกลางคืน พีทยังเปิดโรงเรียนดนตรีเล็กๆ เป็นของตัวเอง รับสอนเด็กๆ ช่วงวัยประถมซะส่วนใหญ่

“ก็ร้องไห้กันใหญ่เลยน่ะสิ บอกว่าจะไม่เจอพี่แล้ว แต่เอาจริงๆ เดี๋ยวก็มาลงคอร์สกับพี่อยู่ดีไม่ใช่หรือไงกัน” พีทเกาหัวแกรกๆ แต่แพรวหัวเราะออกมาเพราะท่าทางของพี่ชายตัวเอง

“ฮ่าๆๆ น่าเอ็นดูออก”

“ไปๆ แพรวรีบไปอาบน้ำ จะได้ลงมากินข้าว” พีทโบกมือไล่ให้แพรวขึ้นไปอาบน้ำ ก่อนจะกลับมาจ้องงานที่ทำค้างไว้

 

11.50 PM

ช่วงพักของนักดนตรีหลังจากเล่นยาวมาเกือบสิบเพลง พีทใช้เวลานี้มองไปรอบๆ บาร์ในโรงแรมห้าดาวซึ่งตกแต่งอย่างเรียบหรู และเต็มไปด้วยแขกที่เป็นชาวต่างชาติ ตอนนั้นเองที่สายตาหนุ่มนักร้องสังเกตเห็นบริกรคนหนึ่งเดินถือถาดเครื่องดื่มมาหยุดยืนอยู่หน้าเวที แล้วส่งสายตามาหาเขา

“จากคุณผู้หญิงโต๊ะนั้นครับ” แก้วค็อกเทลใส่เครื่องดื่มสีสวยที่วางอยู่บนถาดถูกหยิบส่งมาให้เขา พีทมองตามสายตาบริกรไปก็เจอกับร่างบางร่างหนึ่งที่มองมาทางเขาอยู่แล้ว ทันทีที่สบตากัน เธอก็ยกแก้ว แล้วส่งยิ้มให้

เป็นแบบนี้จะเลี่ยงไม่ดื่มก็ไม่ได้ด้วยสิ

พีทยกแก้วชูขึ้น พลางพยักหน้าขอบคุณ ก่อนจะกระดกของเหลวสีสวยหมดแก้ว แล้วคืนมันให้บริกร หญิงสาวยกยิ้มพอใจ พร้อมๆ กับที่พีทกำลังจะเริ่มเล่นเพลงใหม่

ว่าแต่ว่า ตากระตุกข้างขวาถี่ยิบเลยแฮะ

...สงสัยนอนน้อย ต้องหาเวลาพักให้ตัวเองบ้างแล้ว


 


04.15 AM

ปวดหัวหนึบเลยโว้ย...

พีทค่อยๆ ยันตัวเองขึ้นนั่งพลางกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะขมวดคิ้วทันทีที่สายตามองเห็นภาพตรงหน้า


ที่นี่ที่ไหน?

แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!?

จำได้ว่าหลังเลิกงานเสร็จ นักดนตรีคนอื่นๆ ชวนให้เขาดื่ม พีทก็เลยดื่มไปไม่กี่แก้วตามมารยาท เพราะกะว่าจะรีบกลับบ้าน ซึ่งมันก็ไม่น่าจะทำให้เขาเมาระดับที่พาตัวเองมาอยู่ที่ไหนไม่รู้ แถมจำอะไรก่อนหน้านั้นไม่ได้เลยสักอย่าง


หรือว่าจะโดนป้ายยารูดทรัพย์!?


มือเรียวที่ขึ้นเส้นเลือดชัดเจนเริ่มตะปบไปตามกระเป๋าเสื้อและกางเกง ก่อนจะพบว่าทั้งโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ยังอยู่ครบถ้วน จากนั้นพีทค่อยมองหาสิ่งสำคัญในชีวิตที่ใช้ทำมาหากินและพกติดตัวมาด้วยวันนี้ พอเห็นกีตาร์ตัวโปรดวางพิงกำแพงข้างเตียงขนาดคิงไซส์ที่เขานั่งอยู่เจ้าตัวก็ถอนหายใจออกมา

นี่ก็แปลว่าเขาไม่ได้โดนมิจฉาชีพจับมารูดทรัพย์สินะ

หรือเขาจะเมาจริงๆ วะ

“ช่างแม่ง” พีทลุกขึ้นจากเตียงแบบแอบเซเล็กน้อย ก่อนจะคว้ากระเป๋ากีตาร์มาสะพาย พลางเดินไปที่ประตูห้อง ไม่วายหันกลับมามองสถานที่ที่ตัวเองอยู่

นี่เขาเมาจนเช็กอินห้องสูทโคตรหรูขนาดนี้เลยเหรอวะ!? เอาเงินที่ไหนจ่ายวะเนี่ย...

พีทบีบขมับตัวเองเบาๆ พลางถอนหายใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตู

กึก กึก กึก

...เปิดไม่ออก!?

แกร๊ก กึกๆๆ

“อ้าวเฮ้ย!” ทำท่าจะโวยวาย แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นปุ่มกดซะก่อน

อ๋อ ห้องมันเป็นระบบคีย์การ์ดนี่เอง

ตี๊ด...

นี่ไง เปิดได้แล้ว

“เชี่ย!” สบถเสร็จพีทก็ปิดประตูแทบไม่ทัน ชายหนุ่มปลดกระเป๋ากีตาร์วางกับพื้นแล้วถลาไปตั้งหลักบนเตียงด้วยความตื่นตระหนก

เมื่อกี้ที่หน้าห้อง เขาเห็นผู้ชายใส่สูทดำตัวล่ำบึ้กสองคนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ทั้งคู่ใส่หูฟัง และถือวอคนละอันเหมือนตำรวจ FBI และมันคงเป็นความคิดที่บ้ามาก ถ้าพีทจะเปิดประตูออกแล้วเดินออกไปบอกว่า ‘ผมไปแล้วนะครับพี่’

แต่เขาจะอยู่เฉยๆ ยอมแพ้ต่อโชคชะตา แบบที่ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองไม่ได้ พีทมองหาทางหนีทีไล่ด้วยการเดินออกไปสำรวจนอกห้องตรงระเบียง ท้องฟ้ามืดสนิท เพราะเมฆฝนบังดวงจันทร์ แต่ถึงอย่างนั้นแสงไฟจากในห้องก็ลอดออกมา สว่างพอจะเห็นว่าจุดที่พีทยืนอยู่มันสูงลิบแค่ไหน

ตัดความคิดที่จะปีนหนีไปได้เลย...

พีทยีผมยาวๆ ของตัวเอง แต่พอดี๊... หางตาดันเหลือบไปเห็นห้องข้างๆไฟเปิดอยู่

ก็ไม่แน่ว่าคนในนั้นจะตื่นอยู่ไหม แต่คงต้องเสี่ยงหน่อยแหละ ดีกว่าอยู่เฉยๆ รอชะตากรรมที่จะไม่รู้ว่าดีหรือร้าย เขายังมีน้องมีนุ่งต้องส่งเสียดูแลนะเว้ย

คิดได้อย่างนั้นก็กลับเข้าห้องไปเอากระเป๋ากีตาร์และทำการปีนระเบียงห้องที่ตัวเองอยู่ไปยังระเบียงห้องข้างๆ อย่างทุลักทุเล

ตุบ! ตุบ! ตุบ!

ชายหนุ่มทุบกระจกรัวๆ จนกระทั่งคนในห้องได้ยินแล้วเดินมาเปิดม่านออก

“!!!” เป็นหญิงสาวคาดว่าน่าจะอายุสามสิบต้นๆ ที่มีสีหน้าตกใจทันทีเมื่อมองเห็นพีทผ่านประตูระเบียงซึ่งเป็นกระจก …หรืออันที่จริงเธออาจคิดว่าเขาเป็นผี

เพื่อป้องกันเหตุการณ์อย่างหลัง พีทจึงรีบพะงาบปากสื่อสารกับเธอ

“เปิดประตูหน่อยได้ไหมครับ”

“คะ!?” เธอทำหน้าสงสัยเหมือนไม่เข้าใจ พีทจึงชี้ไปที่ประตู

“เปิดประตู”

“...” เธอค่อยๆ แง้มประตูออกเล็กน้อย พีทก็เข้าใจได้แหละว่าคงจะระแวง ดึกดื่นแบบนี้ มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้มายืนอยู่ตรงระเบียงแล้วบอกให้เปิดประตูให้ ดีนะช่วงนี้ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในช่วงไว้หนวดไว้เครา ไม่งั้นเธออาจจะคิดว่าเขาเป็นโรคจิตฆ่าข่มขืนก็ได้

“คือประตูห้องผมมันเสียเปิดไม่ออก ผมโทร.แจ้งโรงแรมแล้ว แต่เขายังไม่ขึ้นมาดูให้เลย ซึ่งผมก็รีบมาก มีธุระ เลยจะขอออกทางประตูห้องคุณจะได้ไหมครับ?” ปั้นน้ำเป็นตัวเสร็จก็ส่งสายตาเว้าวอนพลางกระชับสายกระเป๋ากีตาร์ หญิงสาวกวาดตามองพีทขึ้นลงแบบพิจารณา ก่อนจะพยักหน้าให้เบาๆ

“...ได้ค่ะ” ในที่สุดเธอก็เปิดประตูระเบียงให้กว้างขึ้น พีทเดินแบกกีตาร์เช้าไปในห้อง ไม่ลืมหันมาบอกขอบคุณ

“ขอบคุณครับ”


 
แกร๊ก!

พีทเปิดประตูแล้วก้าวเท้าออกจากห้องช้าๆ โชคดีที่ลิฟต์อยู่อีกทาง ทำให้ไม่ต้องเดินผ่านหน้าชายชุดดำไปอย่างเสี่ยงตาย
นักร้องหนุ่มแบกกีตาร์เดินอย่างเป็นธรรมชาติไปหาลิฟต์ แต่ถึงอย่างนั้นก้าวแต่ละก้าวก็เต็มไปด้วยความลุ้นระทึกราวกับว่าเขาเพิ่งทำการโจรกรรมเสร็จอะไรอย่างนั้น

ติ๊ง!

“เฮ้อ” พีทถอนหายใจเมื่อเดินเข้าไปในลิฟต์ได้อย่างปลอดภัย นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนรับกับสีผมที่เป็นสีน้ำตาลเข้มตามธรรมชาติเหลือบมองเงาสะท้อนของตัวเองในลิฟต์อย่างปลงๆ แค่อึดใจเดียวลิฟต์ก็ลงมาถึงชั้นล่างสุด
 

ติ๊ง!

ประตูลิฟต์เปิดออก เพียงแค่ก้าวเท้าออกมาเห็นพีทก็จำได้ว่านี่คือล็อบบี้โรงแรมที่เขาเพิ่งมาร้องเพลงเมื่อคืนนี้ ความสงสัยเริ่มสะสมในใจแล้วล่ะทีนี้ แต่ช่างมัน... ชายหนุ่มเมินคำถามมากมายในใจตัวเอง เอาเป็นว่าออกจากที่นี่ได้ค่อยว่ากัน

เช้ามืดแบบนี้ไม่มีแขกมานั่งที่ล็อบบี้สักคน มีแค่รีเซปชัน กับพวกชายในชุดดำที่สวมหูฟังและถือวอ เสริมบรรยากาศให้ดูเหมือนหนังสายลับพิลึก

จะว่าไปสองคนนั้นที่ยืนเฝ้าหน้าประตูก็แต่งตัวแบบเดียวกันกับการ์ดข้างล่างนี้เป๊ะเลยนะ

เหี้ยแล้ว... พีทก้าวขายาวๆ พลางบ่นอุบในใจ ล็อบบี้ก็จะกว้างไปไหน ถ้าเขาหนีไม่รอดจะโทษล็อบบี้ก่อนอันดับแรกเลยเนี่ย คิดไปก็เหลือบไปมองเหล่าพี่ๆ ชายชุดดำที่เริ่มส่งสายตามาทางเขาอย่างมีความหมาย

ไม่หรอก.. พี่เขาก็คงแค่สงสัยว่าแขกคนนี้มันลงมาทำอะไรแต่เช้ามืดมากกว่าจะจับได้ว่าเขาหนีลงมา แต่เอ๊ะ นั่นๆ พี่การ์ดเริ่มยกวอขึ้นพูดแล้ว

เพียงแค่ฝ่ายนั้นก้าวเท้าเพียงหนึ่งก้าว ขาของพีทก็ใส่เกียร์หมาแบบไม่รอใครทันที พี่การ์ดเริ่มมองมาทางเขาเป็นตาเดียวกัน พร้อมกับที่คนหนึ่งตะโกนขึ้นว่า...

“จับ!”

ได้ยินอย่างนั้นก็เพิ่มสปีดสิครับ พีทวิ่งระดับที่เทอร์โบเรียกพี่ แต่พี่การ์ดแม่งมีอยู่ทั่วทุกมุมของล็อบบี้ ทำงานกันแบบหมาในล้อมเหยื่อ กรูมาพร้อมกัน 4-5 คน เพื่อจับเขาคนเดียว

แล้วพีทจะหนีพ้นยังไงวะเนี่ย

การ์ดคนหนึ่งเข้ามาถึงตัวพีท และยื่นมือมาฉุดแขนเขาไว้ พีทซัดหมัดเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนที่แขนตัวเองจะเป็นอิสระพักหนึ่ง แล้วก็โดนล็อคโดยการ์ดอีกคนจากด้านหลัง

นักดนตรีแมนๆ ที่ชินแล้วกับเรื่องชกต่อย ถองศอกใส่คนข้างหลังอย่างแรงจนอีกฝ่ายปล่อยเขาเป็นอิสระอีกครั้ง ก่อนที่พีทจะปล่อยหมัดใส่ชายชุดดำอีกคนที่ยืนขวางทางเขาซึ่งเตรียมจะวิ่งใส่สปีดนักวิ่งทีมชาติ แต่คนเดียวหรือจะสู้หลายคน อีก 2 คนที่เหลือที่มาถึงทีหลังวิ่งมาล็อคแขนพีทไว้คนละแขน ในขณะที่คนที่โดนเขาถองศอกใส่ก่อนหน้าจะปล่อยหมัดลงหน้าท้องหนุ่มนักดนตรีให้จุกจนตัวงอ และเตรียมจะชกลงบนหน้าเขาอีกหมัด...

ถ้าไม่ติดว่าหนึ่งในชายชุดดำเหล่านั้นตะโกนขึ้นมา

“เสี่ยมา!”
 


รถเบนซ์สีดำขลับจอดเทียบบันไดทางขึ้น คนขับรถเดินลงจากรถมาเปิดประตูให้เจ้านาย แล้วค้อมตัวให้เล็กน้อยยามที่ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตที่ถอดเอาสูทพาดแขนข้างหนึ่งไว้ และสวมกางเกงสแล็คสีดำเดินลงมาจากรถ
“สวัสดีครับเสี่ยกร”

แม่ง.. อย่างกับฉากในละคร

พีทกุมท้องพลางเงยหน้าเหยเกของตัวเองขึ้นมอง ตอนนั้นเองที่เขาได้สบตาสีดำสนิทของร่างสูงที่ถูกเรียกว่าเสี่ย และเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดๆ

ใบหน้าคมนั้นมีเครื่องหน้าครบเหมือนพระเอกหนังมาเฟียจีน ทรงผมถูกเซ็ตอย่างดีเปิดให้เห็นหน้าผากกว้างได้สัดส่วน รับกับจมูกโด่ง และริมฝีปากบางของเจ้าตัว แววตาเรียบนิ่งหลุบมองมือที่กุมท้องของชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะเหลือบมองลูกน้องตัวเองที่ก็สภาพสะบักสะบอมพอตัวจากฝีมือของพีท

“เอาไปไว้ห้องฉัน”

“ครับ”

เพียงเท่านั้นพีทก็โดนประกบซ้ายขวา ร่างสูงเดินตามหลังมาประชิดตัวเขา กลิ่นมิ้นท์เย็นๆ จากลมหายใจของอีกฝ่ายลอยมาแตะจมูก ตอนนั้นเองที่พีทได้ยินเสียงกระซิบของอีกฝ่ายดังชัดเจน



“ยอมแต่โดยดีเถอะนะ จะได้ไม่เจ็บตัว”






ติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ "นิยายของเห็ดหอม" 

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] up Intro (13/06/59)
«ตอบ #3 เมื่อ14-06-2016 17:41:18 »

ซวยเพราะหน้าเหมือนแฟนเก่าเสี่ยสินะ ว่าแต่คุณแฟนเก่านั่นหายไปไหนอ่ะ

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.2 (15/06/59)
«ตอบ #4 เมื่อ15-06-2016 21:06:48 »

Chapter 2

พีทสบตากับร่างสูงที่นั่งไขว่ห้างเอนหลังพิงพนักพิงเก้าอี้บุนวมซึ่งกำลังใช้สายตาที่เหมือนโลกทั้งใบต้องสยบแทบเท้าตัวเองมองมาที่เขา นัยน์ตาสีดำสนิทนั้นจ้องอยู่นาน ก่อนที่พีทจะทนกับความเงียบไม่ไหว และเป็นฝ่ายเปิดปากพูดขึ้นมาก่อน

“ผมว่าคุณหน้าคุ้นๆ”

“...” ใบหน้าเรียบเฉยค่อยๆ เผยรอยยิ้มมุมปากออกมา ร่างสูงขยับตัวจากการนั่งเอนหลังเป็นโน้มตัวมาใกล้เพื่อให้เห็นใบหน้าของพีทได้ถนัดขึ้น “เหรอ แล้วนายเคยเจอฉันที่ไหนล่ะ?”

“ที่ร้านที่ผมทำงานอยู่ คุณนั่งอยู่มุมของร้านโซนธรรมดานะ ถ้าจำไม่ผิด...”

“...”

“...” มีแต่เสียงของเครื่องปรับอากาศทำงาน พีทยกมือขึ้นเกาหัวเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตอบอะไรกลับ
หรือเขาจะจำผิดวะ!?

“ความจำดี...” คนที่เพิ่งเอ่ยปากชมเขาเอียงคอมองหน้าพีทอย่างพิจารณา “ฉันชื่อกร”

“กร...” อย่าบอกว่ามาจากมังกรนะ พีทลอบอมยิ้มกับชื่อที่ไม่คิดว่าจะมีคนตั้งจริงๆ “ผมชื่อพีท”

“เลิกเสื้อขึ้นสิ”

“..!?” รู้แค่ชื่อก็มาสั่งให้ทำอะไรแปลกๆ นี่คนตรงหน้าเขามันปกติอยู่หรือเปล่าวะ

“โดนต่อยไม่ใช่หรือไง เปิดเสื้อ จะดูแผล...”

“ต้องดูด้วยเหรอ?” พูดพลางขมวดคิ้ว แต่พีทก็เลิกเสื้อขึ้น แล้วก้มมองหน้าท้องตัวเองที่มีแพ็คบางๆ ขึ้นสีเขียวช้ำจนน่ากลัว
นัยน์ตาสีดำหลุบมองรอยช้ำบนหน้าท้องพีทก่อนจะสบตาสีน้ำตาลอ่อนของเจ้าตัว “เจ็บมากไหม?”

“บอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่ถ้าคุณยอมให้ผมชกคุณ คุณจะเข้าใจทันทีเลยล่ะว่าเจ็บแค่ไหน”

“...” สายตาเชือดเฉือนส่งมาให้ทันทีที่พีทพูดจบประโยค ตอนนั้นเองที่พีทเริ่มสำเหนียกตัวเองได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ เขามีสิทธิ์จะโดนเผานั่งยางได้ทุกเมื่อ

“นายมีอะไรจะถามฉันไหม?” พูดจาดี เดาว่าใบหน้าของพีทตอนนี้คงเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม อีกฝ่ายถึงได้ถามขึ้นมาแบบนี้

“คุณวางยาผมเหรอ?” คำถามฟังดูโง่ๆ เนอะ ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันก็ชัดอยู่แล้ว แต่พีทก็อยากแน่ใจว่าใช่จริงๆ เขาจะได้ยิงคำถามต่อไปถูก

“...ใช่” ตอบพลางลุกขึ้นยืนช้าๆ แล้วเดินไปทางตู้ปฐมพยาบาล ก่อนจะกลับมาพร้อมหลอดยา “ถกเสื้อขึ้น”

“...” พีททำตามอย่างว่าง่าย เพราะใจจดจ่ออยู่กับการเรียบเรียงคำถามมากมายในหัวออกมาถามร่างสูงตรงหน้า “แล้วคุณจับผมมาขังไว้บนห้องทำไม?”

“...” กรไม่ตอบ มือหนาบีบยาจากหลอดใส่นิ้วตัวเอง แล้วป้ายลงบนรอยช้ำบนหน้าท้องของพีท “นายดูเหมือนกับแฟนเก่าของฉัน”


หา!?


สงสัยหูเพี้ยนไปเองแน่ๆ

“ผมไปยุ่งกับแฟนเก่าของคุณเหรอเสี่ย?” ก็เลยจะจับเขามาซ้อมทำนองนั้นล่ะสินะ

“...” ปลายนิ้วของคนถูกถามคำถามไล้วนที่หน้าท้องของพีทอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนที่ร่างสูงจะโน้มตัวลงจนแก้มตัวเองเฉียดแก้มของเขา ริมฝีปากบางแนบชิดใบหูพีท พร้อมๆ เสียงทุ้มที่ดังก้องอยู่ในหู

“ฉันบอกว่านายดูเหมือนแฟนเก่าฉันที่เป็นผู้ชาย”

“...”

“...”

“...ผมทำเองดีกว่า เสี่ยมือหนักว่ะ” พีทจับมือที่ไล้วนอยู่บนหน้าท้องตัวเองออก แล้วคว้าหลอดยามาถือไว้เอง พลางกลืนน้ำลายด้วยความกระอักกระอ่วนใจ

เขาไม่ได้เหยียดเพศหรือรังเกียจอะไรนะ แต่เรื่องนี้มันกะทันหันเกินไป

“...” คนหนึ่งทายา อีกคนยืนจ้อง สถานการณ์แปลกๆ ที่พีทไม่อยากเจอแต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ยังคงดำเนินต่อไป

“...แล้วยังไง? ผมหน้าเหมือนแฟนเก่าคุณแล้วคุณจับผมมาทำไม?”

“ยังไม่รู้...”

“...!?” เฮ้ยแม่ง... พีทของขึ้นจนออกทางสีหน้า แต่อีกฝ่ายยังคงคอนเซ็ปท์เรียบนิ่งทั้งใบหน้าและท่าทาง

“แค่จับมาไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยคิดว่าจะทำอะไรกับนายดี”


ปั่ก!

พีทวางหลอดยาลงบนโต๊ะแรงๆ แต่พูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเรียบ “โลกไม่ได้หมุนรอบตัวคุณนะครับเสี่ย”

“แต่โลกหมุนรอบเงินนี่” อีกฝ่ายนั่งลงแล้วยกขาขึ้นไขว่ห้าง พลางเอนหลังด้วยมาดเจ้าของโลกอีกครั้ง

“แต่มันละเมิดสิทธิมนุษยชนนะครับคุณ”

“คิดว่าคนแบบฉันจะสนใจเรื่องพวกนั้นไหมล่ะ?”

ท่าทางมีอิทธิพล หมอนี่คงสั่งฆ่าคนโดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ

“ฉันให้ค่าจ้าง ถ้านายมาอยู่กับฉัน”

“เหรอ แล้วถ้าผมขอปฏิเสธล่ะ?”

“ก็แล้วแต่...” ร่างสูงเท้าแขนลงบนขาที่ไขว่ห้างของตัวเอง พลางประสานมือหนาเข้าด้วยกัน “แต่หลังจากนี้น้องสาวนายก็จะใช้ชีวิตยากขึ้นอีกนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

“...”

“...”

“คุณแม่งเลวเหมือนตัวร้ายหลุดออกมาจากละครเลยว่ะ”

“ขอบคุณสำหรับคำชม”
 



.
.
.
‘ฉันให้เวลานายเก็บของแล้วบอกลาน้องสาว พรุ่งนี้เช้ามืดจะไปรับที่หน้าบ้าน’

อยากตะโกนระบายอารมณ์มากๆ

“แม่งโว้ย!!!”

เหมือนมันยังไม่พอ ต้องทำลายข้าวของด้วย พีทคว้าของที่อยู่ใกล้มือที่สุดเตรียมจะขว้างลงพื้นระบายอารมณ์...

“พี่พีท”

“อ้าว แพรว...” พีทเหลือบมองแก้วมัคในมือ ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะตามเดิม แล้วหันไปหัวเราะแหะๆ ใส่แพรว “กลับมานานแล้วเหรอ?”

“ก็ทันได้ยินพี่พีทตะโกนอะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

“เอ่อ คือมัน...” พีทหลบตาน้องสาว คิดหาคำพูดดีๆ เพื่อเลี่ยงที่จะบอกความจริงกับแพรว “พอดีพี่มีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ก็เลยหงุดหงิดนิดหน่อย”

“เรื่องอะไรเหรอคะ แพรวรู้ได้ไหม?” ดวงตากลมฉายแววสงสัย ใบหน้าเรียวเล็กเอียงนิดๆ ยิ่งมองยิ่งบีบหัวใจ

ตั้งแต่ครอบครัวเขาประสบอุบัติเหตุวันนั้น พีทก็เสียพ่อไปทันที และแม่ซึ่งสภาพจิตใจย่ำแย่จนเกินเยียวยาก็ตามพ่อไปให้หลังไม่กี่วันที่โรงพยาบาล พีทในวัย 16 ปีก็เปลี่ยนชีวิตจากวัยรุ่นที่เอาแต่เล่นไปวันๆ มาเป็นที่พึ่งหลักของน้องสาวที่อายุแค่ 3 ขวบเท่านั้น

เขาเลี้ยงเธอจนโตมาเองกับมือ ทั้งรักทั้งหวงเพราะมีกันอยู่แค่ 2 คน แล้วเขาจะยอมปล่อยให้เธอต้องตกอยู่ในอันตรายได้ยังไง

“...คือมีคนชวนพี่ไปทำงานเพิ่มประสบการณ์ที่เมืองนอก...” ในที่สุดพีทก็จำใจต้องโกหกด้วยสตอรี่ที่เขานั่งคิดมาครึ่งวัน พูดพลางกวักมือเรียกแพรวให้มานั่งข้างๆ “แต่มันกะทันหันเกินไป พี่เป็นห่วงแพรว”

“เหรอ แล้วจะไปเมื่อไรล่ะคะ?”

“...พรุ่งนี้”

“พรุ่งนี้!?” แพรวทวนคำพูดของพีทซ้ำพร้อมทำตาโต

“อือ...” พีทหางตาตก ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตมาสามสิบปีไม่ขาดไม่เกิน ไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้มาก่อนเลย เมื่อต้องโกหกน้องสาว “หรือพี่จะไม่ไปดี...”

“ได้ไง ไปสิพี่พีท” แพรวจับมือพี่ชายแล้วบีบเบาๆ “แพรวแค่ตกใจที่มันกะทันหันขนาดนี้ แต่แพรวอยากให้พี่ไปนะ มันเป็นโอกาสที่ดีไม่ใช่เหรอ?”

“...” ฮือ... พีทฟุบหน้าลงบนโต๊ะ แพรวมองพี่ชายผมยาวของตัวเองพลางเปลี่ยนจากกุมมือของเขามาลูบผมสีน้ำตาลของพีทแทน

“แล้วเรื่องเอกสารอะไรพวกนั้นล่ะคะ”

“...ทางนั้นจัดการให้เรียบร้อยแล้ว” พีทพูดงึมงำทั้งๆ ที่ยังไม่เงยหน้าขึ้น แพรวอมยิ้มกับมุมงอแงของพี่ชายตัวเอง ก่อนจะแกะที่รัดผมออกจากผมตัวเองมารัดผมพี่ชายอย่างเบามือ

“งั้นก็อย่าลังเลเลยค่ะ ว่าแต่พี่พีทไปประเทศอะไรเหรอ?”

“...” พีทกะพริบตาปริบๆ อย่างติดสตั๊น เขาลืมคิดเรื่องนี้ไปได้ยังไงเนี่ย... “แพรว... ลองเดาดูสิ”

ร่างบางทำท่านึกอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะจ้องตาพี่ชาย “อเมริกาเหรอ...”

“...” พีทเงียบจนแพรวคิดว่าตัวเองทายผิด

“หรืออังกฤษ?”

“...” ไม่รู้เหมือนกันน่ะสิ อันที่จริงเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้เสี่ยนั่นจะมารับเขาไปไหน

แล้วปกติพวกนักดนตรีเขาไปฝึกประสบการณ์กันที่ไหนล่ะวะ

“ถ้าไปอังกฤษก็ดีนะ แพรวอยากไปอังกฤษสุดๆ เลย พี่พีทก็รู้ แฮร์รี่ พอตเตอร์น่ะ ฮ่าๆๆ” ดวงตาของแพรวดูมีประกายความฝัน นั่นทำให้พีทตัดสินใจได้ว่าเขาจะไปทำงาน(หลอกๆ)ที่ประเทศไหนดี

“งั้นก็ดีใจด้วยนะ”

“หา!? พี่จะไปอังกฤษเหรอ!?”

“อืม...” พีทลากเสียงยาว หัวใจอ่อนล้าไปด้วยความรู้สึกผิดที่ต้องโกหก

รู้สึกเหนื่อยล้าที่ต้องเจอเรื่องแย่ๆ ในชีวิตนับครั้งไม่ถ้วน

“งั้นถ่ายรูปมาฝากแพรวเยอะๆ นะคะ”

“ได้เลยค่ะ” พีทลูบหัวแพรว ดวงตาเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง ผ่านผ้าม่านที่ปลิวเพราะลมฝน



 
05.00 AM

พีทหิ้วกระเป๋าออกมายืนหน้าบ้าน เหลียวมองไปยังหน้าต่างห้องแพรวที่ไฟปิดสนิทเพราะเจ้าตัวยังไม่ตื่น แล้วก็ถอนหายใจออกมา

“เฮ้อ...” ยิ่งมองยิ่งน้ำตารื้น ลมวูบหนึ่งพัดโดนตัวจนพีทต้องยกมือขึ้นลูบแขนตัวเอง
ทำไมแค่ลมเพียงแผ่วเบายังทำให้เหน็บหนาว...

พ่อครับ แม่ครับ ดูแลน้องด้วยนะ...

...แต่ถ้าว่างก็ตามมาดูแลเขาบ้าง ไม่รู้ว่าไอ้พีทคนนี้จะเจออะไรบ้างหลังจากนี้

ภาวนาในใจเสร็จเมอร์ซิเดส เบนซ์สีดำคันเดิมก็มาจอดหน้าบ้าน คนขับรถลงมาช่วยพีทยกกระเป๋าใส่ท้ายรถ ก่อนที่พีทจะเดินไปเปิดประตูรถ แล้วขึ้นไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ

รถออกตัวพร้อมๆ กับที่พีทเหลือบตามองกระจกมองหลัง และมันบังเอิญสบตากับนัยน์ตาสีดำสนิทของคนที่นั่งอยู่เบาะหลังอย่างพอดิบพอดี



 
สนามบินดอนเมือง

พีทที่นั่งสัปหงกอยู่หลายรอบมองแก้วกาแฟร้อนที่ยื่นมาตรงหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือที่ถือแก้วกาแฟนั้น ใบหน้าที่ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ไม่แม้แต่จะมีอาการง่วงแบบที่พีทเป็น แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าร่างสูงนั้นกำลังส่งสายตาทำนองว่าให้เขารับแก้วกาแฟไปซะ

“ขอบคุณ” และแม้ว่าคนตรงหน้าจะเพิ่งเอาน้องสาวของเขามาขู่แกมบังคับเพื่อให้พีทยอมตามมาด้วย แต่เรื่องกาแฟกับเรื่องนั้นมันคนละเรื่องกัน การขอบคุณถือเป็นมารยาทที่ควรทำในทุกกรณี

เว้นซะแต่ไอ้เสี่ยนี่มันจะวางยาใส่กาแฟแก้วนี้อะนะ

พีทยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มพลางเหลือบมองกรที่ทรุดลงนั่งข้างๆ

“คุณจะพาผมไปไหนเหรอ?”

“...พาไปขังไว้บนเกาะ”

“แบบละครจำเลยรักว่างั้น”

“เตรียมตัวเป็นโสรยาได้เลย”

“หึ...” พีทหัวเราะในลำคอพลางส่ายหัว

ไอ้เสี่ยนี่มันก็มีมุมขี้เล่นเหมือนกันนี่หว่า

“ฉันขอเลขที่บัญชีด้วยล่ะ”

“!?”

“จะโอนมัดจำค่าจ้างให้”


และดูท่าทางก็คงไม่ใช่คนเลวแบบที่พีทคิดไว้หรอกมั้ง




.
.
.
เครื่องบินลงจอดที่สนามบินขนาดใหญ่ทางภาคใต้ พีทเดินลากกระเป๋าตามนายจ้างหมาดๆ ของตัวเองไปขึ้นรถที่มามาจอดรอรับอย่างเงียบเชียบ ไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นระหว่างพีทกับเสี่ยกร

“ขึ้นรถสิ” กรบอกพีทที่ยืนเหม่อมองคนขับรถยกกระเป๋าขึ้นรถเบาๆ คนถูกสั่งหันไปสบตา จังหวะเดียวกันนั้นที่ลมแรงจัดพัดเอาผมยาวๆ ของพีทปลิวปิดหน้าปิดตา

“เดี๋ยว...” พีทชะงักมือที่กำลังเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งคนขับ กรหลุบตามองมือของเขาก่อนจะพูดประโยคต่อมา “มานั่งกับฉัน”

“...” เออดีเว้ย... สถานะเทียบเท่าเจ้านายเลย พีทปิดประตูที่เปิดค้างไว้ แล้วเดินไปเข้านั่งที่เบาะหลังแทน


 
“ตกลงว่าคุณพาผมมาที่นี่ทำไม?”

รถออกตัวได้พักใหญ่ และไม่มีทีท่าว่าจะจอดที่ไหน ในที่สุดพีทก็โพล่งถามออกมาเพราะไม่ชอบบรรยากาศของความเงียบ
“ก็บอกไปแล้วว่าพามาอยู่ด้วยกัน...” เสี่ยใหญ่เหลือบมองพีทด้วยหางตาพลางตอบคำถาม

“สรุปว่าจริงจังใช่ไหม?”

“...” อีกฝ่ายเปลี่ยนจากมองแค่หางตาเป็นมองตาขวางใส่เขา อันที่จริงพีทก็ถามโง่ๆ เองเนอะ ถ้าเสี่ยแกไม่จริงจังก็คงไม่สั่งให้เขาเก็บกระเป๋า แถมพาขึ้นเครื่อง จนกระทั่งมานั่งอยู่บนรถแบบคาดเดาชะตากรรมไม่ได้แบบนี้หรอก
เอาวะ จะพาไปเชือดไปฆ่าก็คงหนีไปไหนไม่พ้นแล้ว

 

ในที่สุดรถก็พามาถึงท่าเรือ พีทลงจากรถมองภาพตรงหน้าตาค้าง นึกถึงคำพูดของนายจ้างที่พูดก่อนขึ้นเครื่องที่กรุงเทพฯ

‘...พาไปขังไว้บนเกาะ’

จริงเหรอวะเนี่ย...

พีทกระชับเป้บนหลังแล้วเหลือบตามองร่างสูงข้างๆ ที่เดินไปขึ้นเรือเหมือนได้ยินคำถามในใจเขาและตอบคำถามด้วยการส่งสายตาเรียกขึ้นเรือ

“แม่งเอ๊ย...” สบถเบาๆ กับตัวเองเสร็จ พีทก็ลากกระเป๋าตามเสี่ยกรไปอย่างช่วยไม่ได้



 
สิ้นสุดการเดินทางแบบไม่ได้หยุดหย่อนที่รีสอร์ทหรู บนเกาะกลางทะเลอันดามัน พนักงานออกมารอรับกรประหนึ่งออกมารอรับเจ้าของรีสอร์ท แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อทุกคนต่างยกมือไหว้และเรียกกรว่าเสี่ยกันถ้วนหน้า

พนักงานยกกระเป๋าเขาและเจ้านายใหญ่ของตัวเองไปเก็บที่บ้านพักซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ และแยกตัวเป็นเอกเทศจากบ้านพักอื่นๆ พีทจึงเดาเอานี่คงจะเป็นทั้งที่พักและออฟฟิศของกรเวลาเดินทางมาที่นี่

พอพนักงานจะไปก็ไม่ลืมให้ทิป พีทเหลือบมองธนบัตรสีเทาที่เจ้าตัวส่งให้ ช่างเป็นเสี่ยใหญ่น้ำใจงาม พอคิดได้อย่างนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็จะได้รับค่าจ้างเหมือนกัน เลยรีบเปิดหารูปสมุดบัญชีในโทรศัพท์แล้วยื่นไปตรงหน้ากรแบบดื้อๆ

“เอ้า เสี่ย เลขที่บัญชี”

“...” กรหลุบตามองมันนิดเดียว ก่อนจะเดินเลี่ยงไปจัดของในห้องนอน “ส่งมาในอีเมล์ฉันละกัน”

พีทย่นหัวคิ้วพลางมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินหายเข้าห้องนอนไป



แล้วเขาจะรู้อีเมล์ไอ้เสี่ยนี่ได้ยังไงวะ...






ติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ "นิยายของเห็ดหอม" 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-06-2016 21:10:50 โดย เห็ดหอม:) »

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.2 (15/06/59)
«ตอบ #5 เมื่อ15-06-2016 23:22:43 »

รอออ

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.3 (17/06/59)
«ตอบ #6 เมื่อ17-06-2016 19:30:56 »

Chapter 3


กร พาณิชเจริญกุล

เกิดวันที่ 15 ธ.ค. 25xx (33 ปี)

นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ทายาทบริษัทแสนสุข บริษัทอสังหาริมทรัพย์พันล้าน

ธุรกิจในเครือบริษัทแสนสุข คอนโดฯ บ้านจัดสรร รีสอร์ท ฯลฯ


“โอ้โห นี่กูเพิ่งคุยกับมหาเศรษฐีไปเหรอเนี่ย...”

ข้อมูลร้อยแปดพันเก้าขึ้นมาเป็นพรืดเพียงแค่พีทเสิร์ชกูเกิ้ลด้วยคำว่า ‘เสี่ยกร’ หลากหลายบทสัมภาษณ์ ทั้งแบบเป็นทางการ และแบบที่ลงนิตยสารก็อซซิปทั่วไป

มีพี่น้อง 3 คน เป็นลูกเล็ก

“มิน่า ถึงได้อยากได้อะไรก็ต้องได้”

เคยอกหักไหม : เคยครับ

แล้วสถานะตอนนี้เป็นไง : โสด แต่ไม่พร้อมเปิดรับใคร


อ่านมาถึงบทสัมภาษณ์เรื่องส่วนตัวอย่างเรื่องหัวใจพีทก็ต้องยอมรับว่าเสี่ยกรนี่แมนพอตัว การเป็นคนสาธารณะแล้วกล้าพูดความจริงแบบไม่ปิดบัง... ช่างเป็นคนที่น่านับถือ

สเป็คในฝัน : ชอบคนที่น่าค้นหา อยู่ด้วยแล้วรู้สึกท้าทายตลอดเวลา

งั้นเขาก็ไม่ใช่สเป็คหมอนี่แล้วล่ะ เพราะคนอย่างพีทนั้นโคตรจะธรรมดา ไม่มีนอก ไม่มีใน ไม่มีมิติใดๆ ให้ค้นหาทั้งนั้น เป็นแค่นักดนตรีธรรมดาที่แม้แต่ความฝันเป็นของตัวเองก็ไม่มี

เป้าหมายชีวิตอย่างเดียวตอนนี้ก็คงแค่ส่งแพรวเรียนจบ และเห็นเจ้าตัวประสบความสำเร็จในชีวิต

พีทเหลือบมองประตูหน้าบ้านจากโซฟาที่ตัวเองนั่งอยู่ ไม่มีวี่แววของร่างสูงที่หายออกไปจากบ้านพักทันทีที่เก็บของเสร็จ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางทำให้พีทรู้สึกอยากพักผ่อน ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนที่กรเอาของเขาไปเก็บ แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงคิงไซส์ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ

ง่วงไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวตื่นมาค่อยว่ากันอีกที...

 


08.30 PM

ตื่นมาได้เพราะความหิวเป็นเหตุการณ์ที่พีทเชื่อว่าหลายคนต้องเคยเป็น ชายหนุ่มขุดร่างตัวเองลุกจากเตียง เหลือบมองประตูกระจกที่เชื่อมออกไปสระว่ายน้ำเล็กๆ ข้างนอกก็พบว่าท้องฟ้ามืดแล้ว ไม่ได้คิดอะไรต่อ พีทก็พาตัวเองเดินออกจากห้องนอน
เหลือบไปเห็นประตูห้องทำงานของกรเปิดอยู่ พีทชะโงกหน้าเห็นร่างสูงนั่งอยู่ที่โต๊ะกำลังอ่านกองเอกสารจึงเคาะประตูสองสามทีตามมารยาท ก่อนจะเดินเกาหัวเข้าไปในนั้น

“ผมจดเลขบัญชีไว้ให้ที่โต๊ะหน้าโซฟา คุณเห็นหรือยัง?”

“...อืม” อีกฝ่ายตอบงึมงำในลำคอ พีทพยักหน้าพอใจ ก่อนจะเพ่งสายตาไปยังงานที่กรทำอยู่

“คุณทำอะไรอยู่ ผมเดินเข้าไปดูได้ไหม?” ที่ถามเพราะเผื่อว่าเป็นเอกสารลับทางธุรกิจ แต่เห็นกรเงยหน้ามามองนิ่งๆ ก็ทำเอาเขาไม่อยากรู้เลยทีเดียว

ก็ถามตามมารยาททุกอย่าง ทำไมต้องมองกันแบบนั้นด้วยเล่า

“...ได้” พูดจบก็เอนหลังพิงพนักพิงเก้าอี้แล้วหลับตาลงช้าๆ พีทมองโครงหน้าที่ได้สัดส่วนเหมือนรูปสลัก ก่อนจะเหลือบมองเอกสารที่เจ้าตัวอ่านค้างไว้

ตัวหนังสือยาวพรืด ท่าทางจะเป็นสัญญาอะไรสักอย่าง พีทลอบเบะปากด้วยความพะอืดพะอม พลางยันมือกับที่เท้าแขนของเก้าอี้ตัวที่กรนั่งอยู่

นอกจากโน้ตดนตรีและคอร์ดกีตาร์ เขาก็ไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆ แบบนี้เอาซะเลย

“เหนื่อยไหมคุณ?”

“...” อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่เอนหัวมาพิงแขนเขาทั้งที่ยังหลับตา “ล้ามากกว่า”

“เดินทางเหนื่อยๆ ทำไมไม่พักก่อนล่ะ?”

“ลูกค้าจะมาเซ็นสัญญาพรุ่งนี้”

“อ๋อ...” พีทพยักหน้า แล้วก้มมองคนที่ทิ้งน้ำหนักหัวมาบนแขนเขา “ผมนวดให้ไหม?”

“...” ลืมตามองเขาท่าทางแปลกใจ แต่พีทก็ยังยิ้มให้

“ผมนวดได้จริงๆ นะเว้ย เอาไหม?”

“ตามใจ” พูดเสร็จก็เอนหลังพิงพนักพิงดีๆ พีทเดินอ้อมไปหลังเก้าอี้ มือเรียวสอดผ่านผมสั้นของกรบีบคลึงหนังศีรษะของเจ้าตัว เรื่อยมาถึงขมับ

กรที่หลับตาอยู่ดีๆ ก็จับมือเขาไว้ พีทชะงักด้วยความสงสัย ก่อนที่อีกฝ่ายจะคลายความสงสัยด้วยประโยควิพากษ์วิจารณ์อันน่าเจ็บปวด

“พอเถอะ มือนายมันสาก”

“ก็ผมเล่นกีตาร์นี่คุณ!” พีทขมวดคิ้วใบหน้าหงิกงอ กรไม่มองแถมยังโบกมือไล่

“ถ้าหิวก็เอาโทรศัพท์ในห้องนอนโทร.สั่งอาหารมากินได้เลยนะ ครัวปิด 4 ทุ่ม จะสั่งก็รีบสั่ง”

“...”

เสี่ยกรมันต้องรู้แน่ๆ ว่าเขาตื่นมาเพราะหิว



 
07.00 AM

เสียงฝนตกกระทบหลังคาทำให้พีทตื่น ร่างโปร่งในเสื้อยืดสุดย้วยกับกางเกงบอลตั้งแต่สมัยม.ปลายขยับตัวเล็กน้อย ก่อนที่ชายหนุ่มจะสัมผัสได้ว่าตัวเองขยับมือได้โดนคนข้างๆ

เวรละ เมื่อคืนเขานอนเตียงเดียวกับเจ้านายเหรอเนี่ย

ที่เรียกว่าเจ้านายได้อย่างเต็มปากเต็มคำก็เพราะเมื่อคืนเงินมัดจำค่าจ้างโอนเข้าบัญชีแล้วด้วยจำนวนเงินกว่าครึ่งแสน คราวนี้ให้บุกป่าฝ่าดงพีทก็ปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะ เพราะกลายสภาพเป็นลูกน้องเสี่ยเต็มตัวแล้ว

พีทค่อยๆ ยกแขนออกจากร่างเจ้านายรวมถึงขยับตัวลุกจากที่นอนอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มตัวแล้วเดินตรงไปยังประตูกระจกซึ่งปิดสนิท ก่อนจะยกมือแนบรับความเย็นที่ส่งผ่านมาจากภายนอก

จากตรงที่เขายืนอยู่นี้ยังสัมผัสได้ถึงความเย็น และกลิ่นดินกลิ่นฝนแบบที่เขาชอบเลย คิดแล้วอยากออกไปเดินเล่นข้างนอก แต่รอให้ฝนหยุดตกก่อนก็ได้

ส่วนเวลาแบบนี้ ไม่มีอะไรทำ อากาศก็ดี นอนต่อสิครับ ไม่รอช้า พีทปีนขึ้นเตียงตามเดิม ไม่ลืมเหลือบมองร่างสูงข้างๆ ที่นอนหงายหลับตาอย่างสงบ

คนอะไร Keep look นิ่งได้ ทั้งยามหลับและยามตื่น

พีทนอนตะแคงตัวหันหลังให้กร แขนทั้งสองข้างยกขึ้นกอดอก ก่อนจะค่อยๆ หลับตา...

“!”

แต่เขาก็ต้องลืมตาอีกครั้งเมื่อร่างของตัวเองถูกสวมกอดจากข้างหลัง ไอ้ร่างสูงที่พีทเพิ่งชมในใจว่านอนนิ่ง ไม่หลับท่าประหลาด กลับมาพาดแขนแกร่งบนลำตัวเขาเหมือนคนละเมอกอดหมอนข้าง ลมหายใจร้อนรออยู่ที่หลังคอ ก่อนที่เสียงทุ้มพร่าจะดังขึ้น

“ตื่นทำไมแต่เช้า...” นี่ถามเขาหรือแค่ละเมอ... พีทขมวดคิ้วถามตัวเอง แต่ก็เสี่ยงตอบคำถามอีกฝ่ายไป

“ฝนตก...”

“อือ... พายุมันเข้า” กรตอบกลับมาด้วยใบหน้าแบบไหนก็ไม่อาจทราบได้ “นอนต่อเถอะ”

“...” บอกให้นอนทั้งๆ ที่ถูกพี่แกกอดเนี่ยเหรอ พีทย่นหัวคิ้วก่อนจะหลับตา

เออๆ นอนก็ได้วะ

บ่นในใจสองสามคำพีทก็หลับไปอีกรอบอย่างง่ายดาย

 


10.30 AM

พีทเดินออกจาห้องน้ำไปยังห้องนั่งเล่น ร่างสูงของกรกำลังนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือ พร้อมกับเปิดโทรทัศน์ไปด้วย Business man สุดๆ แต่ก็น่าหมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน

“เสี่ย ผมชงกาแฟมากินบ้างได้ไหม?”

“ตามสบาย” จะตอบกลับก็มองหน้ากันหน่อยก็ไม่ได้ พีทยักไหล่ตัวเองว่า เอาซิ ใครแคร์ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว
 


นักดนตรีหนุ่มเดินกลับออกมาพร้อมด้วยกาแฟดำและขนมปังปิ้งซึ่งทำจากขนมปังที่เขาเจอมันแช่อยู่ในตู้เย็น ตอนที่พีทแอบเปิดดูของในนั้นอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆ เจ้านายตัวเอง

กรเหลือบมองพีทที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ผมยาวของเจ้าตัวถูกขมวดเป็นปมไว้กลางหัว แขนเรียวที่ขึ้นเส้นเลือดไล่จากหลังมือมาจนถึงข้อศอกยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ตามด้วยขนมปังปิ้งที่ทาเนยจนชุ่ม

หมับ!

“!” พีทหันไปมองคนที่แย่งขนมปังไปจากมือตัวเอง เป็นจังหวะเดียวกับที่กรกัดมันเข้าปาก แล้วเคี้ยวอย่างเอื่อยเฉื่อย

“...”

“...”

ไม่เป็นไร เรายังมีอีกแผ่น

หมับ!

“นี่คุณ!” ถ้าพี่แกจะกินเฉยๆ พีทก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่นี่มาแย่งจากมือเขาไปแบบนี้มันจงใจกวนประสาทกันชัดๆ “เอาคืนมา”

“เรียกป๋าก่อน”

“...”

“...”

...คือเสี่ยมันแย่งขนมปังเขาเพื่อแค่เนี้ย!?

“...ป๋า เอาขนมปังคืนมาครับ”

“แทนตัวเองว่าหนูด้วย...”

“...” ป๋าขา เอาขนมปังขึ้นหนูมาเดี๋ยวนี้นะ...พีทลองพูดในใจแล้วก็พบว่าขนลุกสิ้นดี

“เร็วสิ”

“...คุณแดกไปเลยเสี่ย เดี๋ยวผมไปปิ้งใหม่ก็ได้” พีทลุกขึ้น แล้วเดินหนีเข้าไปในครัว ไม่ไหว... สัญชาตญาณความติสท์ในตัวมันอาจจะทำให้พีทพลาดพลั้งไปชกปากไอ้เสี่ยเอาได้

ไอ้ที่เห็นสุขุมนุ่มลึก แท้จริงก็แอบกวนตีนใช่ย่อยนะเสี่ยกร




.
.
.

‘ฉันจะไปพบลูกค้า’

ประโยคก่อนหน้าถูกพูดโดยเสี่ยกรขณะที่พีทเดินไปเห็นเจ้าตัวกำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้ตัวเอง อีกสิบนาทีให้หลัง พีทก็ขึ้นมา
อยู่บนเรือกับกร เพราะประโยคถัดมาที่บอกว่า...

‘เข้าเมืองกัน’

ไม่รู้ว่าเขาเกี่ยวอะไร และก็ไม่ได้อยากจะมาด้วยอะไรขนาดนั้น แต่พีทก็ยังไม่ได้ลองปฏิเสธ รู้ตัวอีกที เขาก็มานั่งเป็นเพื่อนกรอยู่ในร้านกาแฟบรรยากาศชิลๆ เรียบร้อยแล้ว

“เสี่ย ผมถามอะไรหน่อย”

“...” เสี่ยไม่ตอบแต่เลิกคิ้วเป็นเชิงอนุญาตให้ถามได้ พีทซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ กรหันไปมองรอบร้าน ก่อนจะหยุดสายตาที่ใบหน้าด้านข้างของร่างสูง

“ผมจำได้นะว่าวันนี้คุณมีนัดเซ็นสัญญา แต่ที่ผมไม่เข้าใจ...” พีทขมวดคิ้วเพื่อแสดงออกว่ากูไม่เข้าใจจริงๆ “คุณพาผมมาด้วยทำไมวะ?!”

“...เสี่ยก็ต้องไปไหนมาไหนกับซ้อ แปลกตรงไหน?”

“...”

“...”

“ไม่อยากเป็นซ้อ ขอเป็นเด็กเสี่ยอย่างเดิมได้ไหม ขอบ้านได้บ้าน ขอรถได้รถ” ใจก็อยากด่าว่ากวนตีน แต่นี่ก็เจ้านาย เลยทำได้แค่ตบมุกกลับเสียงแข็ง แล้วเบนสายตาไปทางอื่นแทน
 


ครึ่งชั่วโมงที่รอลูกค้ามามันยาวนานเหมือนผ่านไปครึ่งวัน พีทซึ่งนั่งเงียบเฉยๆ ไม่ได้จึงขยับนิ้วบนโต๊ะเป็นจังหวะดีดเปียโนด้วยเพลงที่นึกออกในหัว

“เสี่ย ผมถามอะไรหน่อย” ขยับนิ้วไปก็พูดไป กรเหลือบตามองพีท แล้วหัวเราะในลำคอ

“นายถามหลายอย่างแล้วนะวันนี้”

“ก็เรื่องที่สงสัยมันเยอะ” พีทก็หัวเราะเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพูดประโยคเดิมกับเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้าเด๊ะ “ผมหน้าเหมือนแฟนเก่าคุณขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“...” ไม่ตอบ แถมยังปรายตาใส่เหมือนพีทเป็นเศษขยะไร้ค่า ทำไมมองด้วยสายตารังเกียจกันขนาดนั้น นี่เขาเป็นบุคคลที่หน้าเหมือนคนรักเก่าคนข้างๆ ไม่ใช่เหรอวะ

“งั้นเปลี่ยนคำถามก็ได้ เอาผมมาอยู่ด้วยเนี่ย ผมได้เงินพอเข้าใจ แล้วคุณได้อะไรล่ะคุณกร?” พีทหันหน้าไปมองปฏิกิริยาของฝ่าย
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น กรก็คือกรที่แสดงทุกอย่างผ่านใบหน้าและแววตานิ่งๆ แต่แค่เสี้ยวนาทีเดียวเท่านั้นที่กรหันมาสบตาสีน้ำตาลอ่อนของพีท จ้องลึกลงไป และตอบคำถามของอีกฝ่ายในใจคนเดียว


...เขาก็จะได้รู้ไงว่าถ้าไม่ใช่คนๆ นั้น แต่เป็นใครอีกคนที่คล้ายกัน กรจะรักใครได้อีกไหม?


 

สองร่างที่ส่วนสูงแตกต่างกันไม่เท่าไรเดินทอดน่องคู่กันไปตามฟุตบาท หลังจากขายคอนโดฯ ไปได้ห้องหนึ่งกรกับพีทก็เดินออกจากร้านกาแฟ ลัดเลาะไปตามตึกรามบ้านช่องเพื่อกลับไปขึ้นเรือที่ท่าเรือ ยังดีที่อากาศไม่ร้อนแต่อึมครึม เดินไปก็เสียวไปว่าฝนตกจะก่อนถึงท่าเรือหรือเปล่า

ลมพัดแรงอยู่หลายรอบ พีทเดินต้านลมด้วยความรู้สึกว่าตัวจะปลิว หมดอารมณ์จะทอดสายตามองอาคารสีสดที่ขนาบสองฝั่งถนน เลยเปลี่ยนมาชวนคนข้างๆ คุยแทน

“ทำไมเราไม่นั่งรถกลับเหมือนขามาล่ะเสี่ย?” เพราะขามามีรถรอรับมาส่งที่ร้านกาแฟจากท่าเรือ ขากลับพีทก็เลยไม่เข้าใจว่าจะเดินให้เมื่อยตุ่มทำไม แต่ถึงอย่างนั้นพีทก็ไม่ได้ถามด้วยน้ำเสียงวีนเหวี่ยงอะไรทำนองนั้นหรอกนะ

“ฉันอยากเดิน” เป็นคำตอบที่คนถามไม่รู้จะชวยคุยอะไรต่อเลย พีทยกนิ้วขึ้นเกาหัวนิดๆ พลางชื่นชมความติสท์ของเจ้านายตัวเองที่น่าจะมีมากกว่าศิลปินหนุ่มอย่างเขาซะอีก

“คุณนี่ก็แปลกดีเนอะ”

“...” ไม่ถามแต่ทำเป็นส่งสายตาไม่ต้องการให้เขาบอก พีทยิ้มขำ แต่ก็พูดเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกว่ากรแปลกโดยไม่สนว่าเจ้านายอาจไม่พอใจจนสั่งฆ่าหมกป่าพีทก็เป็นได้

“ก็ผมไม่คิดว่าผู้บริหารระดับสูงอย่างคุณจะลงทุนมาพบลูกค้าเอง ทั้งๆ ที่จะให้ลูกน้องมาหรือจ้างนายหน้าก็ได้” พูดแต่สิ่งที่ดูดี ส่วนเรื่องความพิลึกของเจ้าตัวที่อยู่ๆ ก็จับเขามาแค่เหตุผลที่ว่าหน้าแฟนเก่า... พีทจะเก็บมันไว้ในใจเงียบๆ คนเดียวแล้วกัน

“มันก็แค่บางโอกาสเท่านั้นแหละ”

“ถ่อมตัวหรือเรื่องจริงเนี่ย... เสียเวลาชื่นชมจริงๆ” พีทส่ายหน้า ทางข้างหน้าเริ่มมองเห็นทะเล ดูคุ้นๆ ว่าใกล้จะถึงท่าเรือแล้ว

“...ถ้าเข้าถึงทุกอย่างด้วยตัวเองมันก็ไม่เสี่ยงโดนโกง”

“...” พีทหันไปมองใบหน้าด้านข้างแล้วยิ้ม อดไม่ได้ที่จะเอื้อมแขนไปโอบไหล่ร่างสูงแล้วหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว “คุณก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดเลยนี่นา เป็นคนที่มีความคิดดีนะ”

กรเหลือบมองมือบนไหล่ตัวเองแล้วปรายตามองพีทอย่างเยือกเย็น แต่คงช้าไป เมื่อคนผมยาวผละออกจากตัวเขาไปเอง เพราะถูกดึงดูดด้วยร้านเครื่องประดับไปซะแล้ว
 

ร้านเครื่องประดับตั้งโต๊ะขายข้างถนน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ และอื่นๆ ที่ทำมาจากคริสตัล และเปลือกหอยที่พออยู่รวมกันแล้วมันช่างดึงดูดสายตาของพีทจนต้องหยุดและยืนดู

กรตามมายืนข้างๆ ใบหน้าคมหันมองริมฝีปากที่ยกขึ้นนิดๆ ของพีท พลางเหลือบมองสร้อยข้อมือที่เจ้าตัวหยิบขึ้นมา
ให้คล้ายแค่ไหนก็คนละคนกันอยู่ดี…

“น้องผมโคตรชอบอะไรแบบนี้เลย ใส่ให้มันรุงรังเต็มแขนเนี่ย” พีทพูดออกมากลั้วหัวเราะ แล้วก็ตัดสินใจจ่ายเงินซื้อมันแบบรวดเร็วจนแม่ค้ายิ้มหน้าบาน

“น้องนายอายุเท่าไร?” อยู่ๆ กรก็ถามขึ้นตอนที่เดินใกล้ถึงท่าเรือเต็มที พีทหันหน้ามองคนถามแล้วยิ้มมุมปาก

“ไม่ใช่ว่าคุณสืบรู้หมดแล้วหรือไง”

“...” สายตาของพีทที่มองมาอย่างคนรู้ทัน... สายตาที่คล้ายๆ กันกับแววตาที่ติดอยู่ในความทรงจำ “นายคงมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก”

“ก็นะ...” พีทยิ้มบื้อๆ ออกมา “แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันแย่อะไรขนาดนั้นนะ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่เราพอใจ”

“อืม...”

“...” เกิดความเงียบอีกครั้ง คงเพราะต่างคนต่างอยู่กับความคิดตัวเอง

“แล้วก่อนออกมานายบอกน้องว่าอะไร”

“บอกว่าจะไปทำงานที่อังกฤษ...”

“...” ดูสายตาที่กรมองมาสิ เออ พีทรู้แล้วว่าตัวเองแต่งเรื่องเพ้อฝันแฟนตาซี แถมยังหาเรื่องใส่ตัวอีก เพราะเขายังไม่รู้ว่าจะถ่ายรูปกับซื้อของฝากจากอังกฤษไปให้น้องตัวเองยังไงเลย

คิดแล้วเหลือบมองถุงใส่กำไลในมือ...อังกฤษคงไม่มีกำไลเปลือกหอยแบบนี้ขายหรอกใช่ไหม?


แล้วถ้าพีทเอากำไลอันนี้ไปให้แพรวแล้วเขาจะบอกเจ้าตัวว่าอะไรล่ะเนี่ย...






ติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ "นิยายของเห็ดหอม" 

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.4 (21/06/59)
«ตอบ #7 เมื่อ21-06-2016 19:24:36 »

Chapter 4
   


10.35 PM

พีทนอนเอกเขนกอยู่บนเตียง เสียบหูฟังแล้วเข้าโลกส่วนตัว จนกระทั่งโทรศัพท์สั่นครืดพร้อมๆ กับเสียงแจ้งเตือนว่ามีข้อความไลน์เข้า ชายหนุ่มผงกหัวขึ้นแล้วคว้าโทรศัพท์มาดู

Preaw : พี่พีท เป็นไงมั่ง? *Read*

แค่เห็นข้อความพีทก็เด้งตัวขึ้นนั่งทันที

Peat : สบายดี *Read*
         แต่เจ้านายประหลาดนิดหน่อย *Read*


พิมพ์นินทาไปก็เงยหน้ามองประตูห้องน้ำซึ่งมีร่างสูงของกรอาบน้ำอยู่ไปด้วยความระแวง ข้อความขึ้นว่าถูกอ่าน เพียงไม่นานแพรวก็ตอบกลับ

Preaw : มีคนประหลาดกว่าพี่พีทด้วยเหรอคะ *Read*


พีทหุบยิ้มลง แล้วเปลี่ยนมาเบ้ปากด้วยความน้อยใจ

Preaw :  คืนนี้แพรวค้างอยู่บ้านหมวยนะ *Read*
            มาติวหนังสือ พรุ่งนี้สอบวิชาสุดท้ายแล้ว *Read*


Peat : อืม ดีแล้ว พี่จะได้ไม่ห่วงมาก *Read*
         ถ้ากลับบ้านเมื่อไรก็อย่าลืมล็อคประตูหน้าต่างก่อนนอนให้ดีนะ *Read*
         มีอะไรโทร.หาพี่ไก่ไม่ก็พี่จิม เข้าใจไหม *Read*

Preaw : ค่ะ งั้นแพรวไปอ่านหนังสือแล้วนะ *Read*

โชคดีของพีทที่แพรวเป็นเด็กที่เชื่อฟังและไม่เคยทำให้เขาเป็นต้องเป็นห่วง พีทมองหน้าจอโทรศัพท์แล้วยิ้มบางๆ ก่อนที่ร่างของกรซึ่งเดินออกจากห้องน้ำจะดึงความสนใจพีทไป

“...” อู้ว... พีทร้องในใจเบาๆ พลางไล่สายตามองมัดกล้ามเนื้อแน่นๆ ของกรที่เดินนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินออกมา ตัวพีทก็เคยมีความคิดจะเล่นเวทให้กล้ามขึ้นนะ แต่เขาจัดตารางเวลาให้ตัวเองไม่ได้เลย

แล้วไอ้นักธุรกิจตรงหน้ามันแบ่งเวลายังไงไปเล่นซะจนกล้ามขึ้นชัดได้ขนาดนั้นวะ

พอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนนอนเตียงเดียวกับเสี่ยกรพีทก็จำได้ว่าเขาบอกกับตัวเองว่ายังไงๆ คืนนี้เขาจะต้องย้ายไปนอนที่โซฟาให้จงได้

เขาไม่สบายใจถ้าต้องนอนกับกรที่เป็นเจ้านาย รู้สึกเหมือนตีตัวเสมอท่านยังไงไม่รู้

แต่เอาจริงๆ คือแค่เห็นหุ่นล่ำๆ นั่นพีทก็เกิดป๊อดขึ้นมาซะงั้น

“คุณกร คุณจะออกไปทำอะไรข้างนอกอีกไหม?”

“ทำไม?” เสยผม พลางใช้หางตามองเขา พีทที่นั่งขัดสมาธิอยู่ยกหมอนขึ้นมากอด

“ผมว่าจะขนของไปนอนบนโซฟา เกรงใจคุณ ยังไงผมก็เป็นลูกจ้าง”

“ไม่ต้อง...ฉันไม่ถือ นอนนี่แหละ” กรเดินหายไปในห้องน้ำอีกครั้งพร้อมเสื้อผ้า แววตากึ่งบังคับที่ส่งมาทำให้พีทไม่ได้ขยับไปไหน

คิดแต่ว่าตัวเองไม่ถือ แล้วไม่คิดว่าจะถามหน่อยเหรอว่าเขาถือไหม





10.45 PM

กรออกมาจากห้องน้ำอีกทีก็พบกับพีทที่สวมหูฟัง หลับตาและหัวคิ้วขมวดเข้าหากันเหมือนคนกำลังเคร่งเครียด ในขณะที่มือซ้ายขยับจับคอร์ดในอากาศไปมา ร่างสูงที่สวมกางเกงวอร์มผ้ายืดกับเสื้อยืดสีอ่อนทรุดนั่งลงบนเตียง แล้วดึงหูฟังข้างหนึ่งออกจากหูพีท

“...” พีทลืมตา แล้วมองกรด้วยสายตาสงสัยแทนที่จะโกรธที่โดนก่อกวน กรเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ของพีทก่อนจะเหลือบสายตาขึ้นสบตาคนผมยาว

“ทำอะไร?”

“แกะเพลงกีตาร์”

“...เล่นตามคอร์ดในเน็ตไม่ได้?”

“ผมแกะแล้วออกแบบลายดีดเป็นของตัวเอง ถ้าเล่นแบบทั่วๆ ไป หรือก็อปต้นฉบับเป๊ะๆ มันก็ไม่น่าสนใจน่ะสิ นักร้องโคฟเวอร์ทุกคนก็ทำเหมือนผมทั้งนั้นแหละ”

“นายเริ่มทำงานแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”

“ถ้าเริ่มเลยก็เป็นร้านพ่อของรุ่นพี่ที่โรงเรียน เล่นตั้งแต่ม.5 เขาก็ใจดีให้ผมไปดีดทั้งๆ ที่อายุผมยังเข้าสถานที่แบบนั้นไม่ได้ นั่นแหละจุดเริ่มต้น”

“...”

“แล้วก็ย้ายที่ไปเรื่อยๆ คนนี้เห็นฝีมือเลยไปฝากคนนู้น ฝากกันไปฝากกันมายันผมเข้ามหาลัยนั่นแหละ ถึงได้รู้จักพี่ผู้จัดการร้านที่คุณไปนั่งกินวันนั้น” พีทพูดพลางไถหน้าจอโทรศัพท์ “พอเรียนจบพี่เข้าได้เป็นผู้จัดการเขาเรียกผมไปทำที่นั่น ก็ทำเกือบประจำแล้ว แต่ระหว่างนั้นผมก็รับสอนเด็กๆ เล่นดนตรีไปด้วย จนตอนนี้ผมเปิดโรงเรียนสอนดนตรีด้วยนะ มันก็ภูมิใจน่ะแหละ เพราะเราเริ่มจากศูนย์”

“...” พีทเล่าเหมือนมันเรื่องสนุกๆ ในชีวิต ในขณะที่หากเป็นบางคนคงนึกโทษว่าเป็นเพราะโชคชะตาที่เลวร้ายของตัวเอง
คนสองคนที่มีบรรยากาศคล้ายกัน แล้วยังมีจุดร่วมที่เหมือนกันอีก... กรคิดคนเดียวในใจ... ใจที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

“พีท”

“...ครับเสี่ย” พีทฉีกยิ้มเย็น พลางขานรับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหนด้วยความแค้นใจที่ดูเหมือนว่ากรจะไม่สนใจเรื่องที่ตัวเองเล่าไปก่อนหน้าสักนิด

“พีท...” คราวนี้เสี่ยกรดันเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว พีทสบนัยน์ตาสีดำอีกฝ่ายแล้วปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง

“ครับ ว่าไงคุณกร ผมฟังอยู่ครับ”

“...นายจะทำให้ฉันรักนายได้ไหม?”

“...!?” นี่มันเป็นประโยคแบบไหน คำสั่งจากเจ้านาย หรือคำขอร้องแบบเพื่อนมนุษย์

“ช่วยฉันหน่อยได้ไหม ฉันทรมาน...” แววตาคุณกรกำลังสั่น พีทค่อยๆ โน้มหัวของร่างสูงให้มาซบที่ไหล่บางของตัวเอง

“...”

“ฉันขอเวลาของนายแค่หนึ่งเดือน ถ้าหนึ่งเดือนผ่านไปแล้วมันไม่ได้ผล ฉันจะให้ค่าจ้างส่วนที่เหลือกับนาย...”

“ผมไม่ได้เห็นแก่เงินขนาดนั้นนะเสี่ย” พีทเหลือบตามองเพดานด้วยความลำบากใจ “แต่ผมจะไม่ช่วยคุณเพราะว่าไม่เข้าใจอยู่อย่างนึงเนี่ยแหละ...”

“...?”

“ก็ถ้าผมทำให้คุณรักผมได้ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร...ในเมื่อผมไม่ได้รักคุณ?”

“...” พีทสบตากับกร แววตาของพีทนั้นจริงใจ ไม่ได้เชิญชวนหรือท้าทายแบบที่กรชอบสักนิด

นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่จ้องมาคล้ายกับกำลังทำให้สมองของกรจดจำซ้อนทับนัยน์ตาอีกสีของคนในความทรงจำ...

“ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะฉันก็ทำให้นายรักฉันเหมือนกัน”








พีทเป็นคนที่ถ้าโต้รุ่งก็อยู่ได้เป็นหลายอาทิตย์ แต่ถ้าให้นอนเมื่อไรก็หลับลึก ชนิดที่ว่า นอนเหมือนซ้อมตาย บ่ายแก่ๆ ที่ท้องฟ้าครึ้มฝน แต่ก็แอบมีแดดนิดหน่อย พีทนอนตะแคงหนุนแขนตัวเองหลับสนิท และไม่มีท่าทีว่าจะตื่น

กรตื่นตั้งแต่เช้าและออกไปทำงานได้หลายอย่างแล้ว ร่างสูงที่กลับเข้ามาเห็นพีทซึ่งสภาพเหมือนยังไม่ตื่นเลยสักครั้งตั้งแต่เขาออกไปก็ถึงกับกลอกตาเบาๆ

นอนทับแขนแบบนั้นเดี๋ยวตื่นมาก็แขนชาหรอก

“พีท”

“...Z..zz”

“...พีท” กรวางมือลงบนต้นแขนพีทแล้วบีบเบาๆ

“...Z..z”

“...” มือบนต้นแขนเลื่อนมาวางมือลงบนหัวพีท กรสัมผัสความนุ่มลื่นของเส้นผมสีน้ำตาลเข้มด้วยการลูบเบาๆ ก่อนจะจับกลุ่มผมพวกนั้นทัดหู



“ผมไม่ชอบให้ใครมาเล่นหัวนะ”


“เหรอ? แต่ฉันเล่นไปแล้วด้วยสิ” กรยิ้มมุมปากพลางเลื่อนมือที่ลูบผมลงมาไล้ดั้งของคนที่นอนตะแคงอยู่ตรงหน้าแทน

“ก็บอกไปงั้น...” รอยยิ้มบางแต้มบนใบหน้า ทั้งๆ ที่เจ้าตัวก็แค่ยิ้มออกมาธรรมดา แต่พอประกอบกับเปลือกตาโค้งๆ คู่นั้น มันช่างดูท้าทายให้เขาค้นหาความจริงที่อยู่ในใจของคนตรงหน้าทุกครั้งไป “คุณก็น่าจะรู้จักผมดีประมาณหนึ่งแล้วนี่นา”

“...”

“คุณพิเศษสำหรับผมนะกร อย่าหักหลังกันล่ะ”






มือหนาไล้กรอบหน้าเรียวของพีท ดวงตาของกรแม้จะจ้องอยู่ที่ใบหน้าพีท แต่แววตากลับล่องลอยไปหาสิ่งที่อยู่ไกลแสนไกลในความคิด และไม่มีวันที่เขาจะเอื้อมถึง

เขาทำพลาดไป...

“อือ...” จะเป็นเพราะสัมผัสบนใบหน้า หรือเพราะพีทหลับมานานเกินไปและถึงเวลาที่ควรตื่นซะที ร่างโปร่งจึงตื่นและขยับตัวเล็กน้อยจนดึงความคิดของกรให้กลับมาสู่ปัจจุบัน

“อรุณสวัสดิ์เสี่ย” พีทยิ้มให้กรทันทีที่เห็นหน้าอีกฝ่าย เขามีความเชื่อว่าวันดีๆ ต้องเริ่มด้วยสิ่งดีๆ ดังนั้นทุกครั้งที่พีทตื่น เขาจะพยายามยิ้ม หรืออย่างน้อยที่สุดก็จะไม่ทำหน้าหงิกหงุดหงิดที่ต้องตื่น “ดูเหมือนคุณจะเพิ่งลักหลับผมนะ”

“มันเป็นหนึ่งในวิธีที่จะทำให้นายหลงรักฉัน” รอยยิ้มมุมปาก กับแววตาหลงตัวเองนั้นโคตรจะน่าหมั่นไส้เลยนะจริงๆ “แล้วก็ไม่ต้องอรุณสวัสดิ์ นี่จะบ่ายสามแล้ว”

“งั้นเหรอ... ฮ้าว...” พีทลากเสียงยาวๆ และหาวประชดเหมือนนอนไม่พอทั้งๆ ที่นอนเกินพอ “งั้นผมไปอาบน้ำดีกว่า”

“...” กรมองตามพีทที่เดินหัวฟูลุกจากเตียงไปเปิดตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเข้าห้องน้ำคนผมยาวยังไม่วายหันมาทิ้งท้าย

“เออ บอกอะไรไว้อย่าง สกินชิพไม่ทำให้ผมหลงรักคุณหรอกนะเสี่ย”



กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็บ่ายสามกว่า พีทย้ายร่างตัวเองพร้อมโน้ตบุ๊กมานั่งอยู่หน้าโซฟาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ชายหนุ่มแกะถุงขนมที่กร(น่าจะ)ซื้อมาฝากจากในเมืองกินประทังชีวิต แล้วใช้มือข้างที่ไม่ได้จับเม้าส์หยิบขนมใส่ปาก พลางนึกถึงบทสนทนาเมื่อคืน

“...นายจะทำให้ฉันรักนายได้ไหม?”

ไม่ต้องเป็นหมอดูก็ทำนายได้ หนึ่งเดือนถ้าไม่รัก มันก็ต้องผูกพัน...

“ฉันขอเวลาของนายแค่หนึ่งเดือน ถ้าหนึ่งเดือนผ่านไปแล้วมันไม่ได้ผล ฉันจะให้ค่าจ้างส่วนที่เหลือกับนาย...”

เอาหัวใจของทั้งตัวเองและเขามาเดิมพัน พีทว่ามันไม่ตลกเลยนะ

...เป็นคนรวยก็ดีเนอะ อยากจะได้อะไรก็ซื้อ แม้กระทั่งความรักยังคิดว่าตัวเองจะซื้อได้...

“ทำอะไร?”

“!!!” แทบหลุดสบถ พีทหันกลับไปมองคนที่เพิ่งนินทาในใจไปหยกๆ กำลังหลุบตามองหน้าจอโน้ตบุ๊กของเขา พลางหย่อนก้นนั่งบนโซฟา ก่อนจะตอบคำถามที่กรถาม “เล่นเกม”

“...เกมอะไร?” กรขมวดคิ้วเพ่งมองหน้าจอ พีทหันกลับมาหาโน้ตบุ๊กตามเดิมแล้วจับเม้าส์คลิกๆ พลางตอบคำถาม

“หม่าจองไง ไม่รู้จักเหรอ?”

“...” คับคล้ายคับคลาว่าจะเคยเล่นตอนเด็กๆ กรคิดพลางเหลือบมองพีทที่จับคู่ไพ่พลางเอาขนมเข้าปาก “ทำไมถึงเล่นเกมเด็กเล่นล่ะ”

“เกมเด็กเล่นอะไร นี่เล่นได้ทุกวัยนะคุณ เพลินดีออก”

“...” กรไม่ตอบอะไรกลับ ไล่สายตามองพีทที่ไล่จับคู่ไพ่ไปเรื่อยจนเคลียร์ไพ่ใกล้หมดกระดาน

“เมื่อก่อนผมก็ติดเกมออนไลน์นะ...” อยู่ๆ พีทก็โพล่งขึ้นมา กรมองผมยาวๆ ของพีทที่ถูกมัดรวบด้วยที่รัดผมลูกไม้หวานแหวว ก่อนมือหนาจะจับหางม้าพีทขึ้นมาสะบัดไปมาโดยที่เจ้าของเส้นผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังเล่าเรื่องของตัวเองต่อไปอย่างออกรสออกชาติ “...แต่ตั้งแต่รับงานกลางคืน ก็หาเวลาเล่นไม่ได้เลย พอเพื่อนนัดก็ติดงานตลอด เลยเลิกเล่นแม่ง”

กรนั่งฟังเงียบ สายตาจับจ้องอยู่ที่ผมยาวสีน้ำตาลเข้มของคนที่นั่งอยู่บนพื้น ก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่มือเรียวซึ่งกำลังหยิบขนมส่งเข้าปาก

“นิ้วนายเรียวสวยดีนะ”

“ใครๆ ก็ว่าอย่างนั้นแหละ”

“แต่มันหยาบกร้านไปหน่อย”

“เอ๊า ก็ผมบอกว่าผมเล่นกีตาร์ นิ้วด้านมันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว” พีทอธิบายอย่างใจเย็นพร้อมๆ กับยื่นมือที่ยังถือขนมคาอยู่ไปตรงหน้ากรเป็นการแสดงหลักฐานประกอบคำพูด

“...” กรเหลือบมองเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมา ชั่วพริบตากรก็แย่งขนมมาจากมือพีทแล้วโยนใส่ปากตัวเองเคี้ยวกร้วมๆ ทำเอาคนผมยาวชักสีหน้าอัตโนมัติ

“นิสัย...”


ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!


“!!?”

“...” บทสนทนาของทั้งคู่ถูกขัดด้วยเสียงเคาะประตูบ้านพีทหันไปมองประตู ในขณะที่กรมองต้นคอที่เหลียวไปข้างหลังของพีท

“มีคนมาแหนะเสี่ย”

“อือ...”

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

“...” เสียงเคาะประตูดังอีกรอบ พีทเบนสายตาจากประตูมาสบตากับกร ไอ้เสี่ยทำหน้าตาย ร่างกายไม่ไหวติง นั่นเป็นสัญญาณทางอ้อมที่น่าจะบอกพีทว่า ‘มึงก็ลุกไปเปิดประตูสิ’

ลุกก็ลุกวะ

พีทกดหยุดเกมแล้วยันตัวลุกขึ้นเดินกะเผลกๆ เพราะเหน็บกินไปเปิดประตู


“!!!”


ออฟไลน์ waza

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.4 (21/06/59)
«ตอบ #8 เมื่อ21-06-2016 21:14:31 »

 :ling1: เกิดอะไีรขึ้น อ้ากกกกกกกก ค้าง มาต่อเถอะพลีส

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.5 (28/06/59)
«ตอบ #9 เมื่อ28-06-2016 14:38:55 »

Chapter 5



“!!!” ทันทีที่เปิดประตู ภาพตรงหน้าก็ทำพีทประหลาดใจอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มมองพนักงานร่างเล็กผิวคล้ำตรงหน้าที่กำลังแบกกระเป๋ากีตาร์และยิงยิ้มโชว์ฟันขาวให้เขา

“ของที่คุณกรสั่งครับ”

“...” พีทหันไปมองร่างสูงที่นั่งไขว่ห้างดูโทรทัศน์อย่างวางมาด ก่อนจะรีบรับกีตาร์มาถือเองด้วยความเกรงใจ “ครับๆ ขอบคุณครับ”

พีทปิดประตูแล้วเดินถือกระเป๋ากีตาร์มาวางพิงโซฟา ก่อนจะยืนค้ำหัวกอดอกมองกรยิ้มๆ

“คุณสั่งกีตาร์มาให้ผมเหรอ?” บางทีเขาก็ชอบถามอะไรที่รู้อยู่แล้วเนอะ ก็พีทอยากรู้นี่นาว่าอีกฝ่ายจะตอบมาด้วยคำตอบและสีหน้าแบบไหน

“...” แต่นอกจากเสี่ยจะไม่พูดอะไรยังส่งสายตาแฝงความหมายประมาณว่า ‘มึงหยุดถามคำถามโง่ๆ ซะที’ แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พีทโดนแบบนี้ด้วย ทำไมถึงเจ็บแล้วไม่จำก็ไม่รู้

“ผม.. ผมเอาออกมาดูเลยนะ” นี่เขาเรียกว่าทำใจดีสู้เสือ พีทนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ตรงที่ว่าง ห่างๆ เสี่ย เพราะเว้นรัศมีรอบตัวไว้ให้กีตาร์ มือเรียวจัดการรูดซิปแล้วหยิบกีตาร์ออกมา

ของใหม่เลยเหรอเนี่ย

“...ใช้ได้ไหม?”

“...” พีทละสายตาจากีตาร์ไปมองใบหน้านิ่งๆ ที่มีแววตาอยากรู้อยากเห็นเบาๆ แล้วอมยิ้ม

กีตาร์ที่มีครบ 6 สายมันก็ใช้ได้ทั้งนั้นแหละ จะถามว่าถูกใจไหมก็ถาม มันยากตรงไหน

“ตัวนี้ก็ดีนะ คนเริ่มเล่นใช้รุ่นนี้เหมาะมาก” พีทเริ่มจูนเสียงทีละเส้นอย่างชำนาญ “แต่ผมนึกว่าคุณจะซื้อตัวท็อปๆ มาให้ผมเล่นซะอีก”

“...ฉันจำเป็นต้องลงทุนขนาดนั้น?”

“ก็ภาพลักษณ์คุณดูป๋าออก” พีทว่าพลางขยับมาปรับอีกสายเรียบร้อยแล้ว “ปรับสายแป๊บนึงนะ เดี๋ยวจะจัดให้ฟังสักเพลง”

“...” กรมองดูคนที่นั่งเยื้องออกไปหมุนๆ ดีดๆ กีตาร์อยู่พักใหญ่

พีทเมื่ออยู่กับกีตาร์... ภาพของชายหนุ่มสมบูรณ์เหมือนได้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย ปอยผมยาวที่รวบไม่หมดร่วงมาคลอเคลียกับกีตาร์เสริมให้คนตรงหน้าดูคล้าย...

“ใช้ได้และ”

...นางฟ้าคงไม่เหมาะจะเป็นคำบรรยายผู้ชายเท่าไรหรอกมั้ง

“อยากฟังเพลงไหนเป็นพิเศษไหมเสี่ย?” พีทวอร์มนิ้วด้วยการไล่คอร์ดไปเรื่อยๆ พลางเกาแบบฟิงเกอร์ สไตล์โชว์ความสามารถเทพๆ ที่สั่งสมมาจากประสบการณ์กว่าสิบปี

“ลองเล่นเพลงที่เหมาะกับฉันดู”

“เพลงที่เหมาะกับคุณเหรอ...” ทำหน้านึกอยู่นานก็ยิ้มแฉ่งออกมา ไม่ทันไรพีทก็เริ่มดีดกีตาร์เป็นทำนองส่งเข้าท่อนฮุก

“If I was your boyfriend, I'd never let you go
Keep you on my arm boy, you'd never be alone
I can be a gentleman, anything you want
If I was your boyfriend, I'd never let you go,
I'd never let you go…”

“...” ไม่รู้คนฟังฟังแล้วรู้สึกยังไงเพราะเห็นก็ทำหน้านิ่งเหมือนเดิมถึงตั้งแต่ต้นจนเล่นจบ

“เป็นไง ชอบไหม?”

“ก็ดี มันคือเพลงอะไร”

“คุณไม่รู้จักเพลงนี้เหรอ ออกจะดัง เนื้อเพลงใสๆ วัยรุ่นชอบ”

“...แล้วมันเหมาะกับฉันยังไง?” พอร่างสูงถามจบ พีทก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“มันไม่ได้เหมาะกับคุณหรอกเสี่ย...” พีทเอาคางเกยบนกีตาร์แล้วจ้องมองคนหน้าตายยิ้มๆ “แต่ผมร้องจีบคุณต่างหาก ไม่รู้ตัวเลย
เหรอ?”

“หึ...”

“นั่นๆๆ คุณยิ้มแล้ว” พีทชี้นิ้วไปที่ริมฝีปากของกรด้วยท่าทางดีใจเหมือนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1

“ติ๊งต๊อง...”

“ก็คุณชอบทำหน้านิ่ง ไม่ก็ยิ้มมุมปาก มันน่าหงุดหงิดใจจะตาย” พีทเริ่มไล่คอร์ดกีตาร์เรื่อยเปื่อยอีกครั้ง “แต่เอาจริงๆ นะ ผมเซอร์ไพรส์มากที่คุณไม่รู้จักเพลงที่ผมร้อง ออกจะดัง ทั้งเพลงทั้งกระแสนักร้อง”

“ฉันไม่ค่อยได้ฟังเพลง” ท่าทีของกรผ่อนคลายขึ้นแบบไม่รู้ตัวตามเสียงกีตาร์นุ่มหูที่พีทเกาคลอไประหว่างที่คุยกัน

“แล้วเวลาคุณเครียดๆ ล่ะ คุณทำยังไงถ้าไม่ฟังเพลง”

“ก็ยิงปืน ตีกอล์ฟ ไม่ก็ขี่ม้า หรือถ้าไม่ว่างขนาดนั้นก็ไปเวท” ร่างสูงขยับอิริยาบถเป็นนั่งกอดอกเอนตัวพิงพนักพิงสบายๆ

“ท่าทางจะเครียดบ่อย กล้ามคุณถึงได้ใหญ่ขนาดนั้น” พีทหันมองไปทางหน้าต่างกระจก อากาศที่อึมครึมมาเกือบทั้งวัน ในที่สุดฝนก็ตกลงมาจนได้ “แต่เอาจริงๆ ฟังเพลงมันคลายเครียดได้นะ ลองดู”

“...” ไม่รู้ว่าเพราะฝนมันจะตก หรือเพราะร่างสูงอยากลองทำตามที่พีทว่าดู ฝ่ามือใหญ่ของกรคว้ารีโมทมาปิดโทรทัศน์ แล้วเอนหัวหนุนพนักพิงโซฟา พลางหลับตาฟังเสียงกีตาร์เคล้าเสียงฝนพรำ...
 



08.30 AM

พีทเดินเข้ามาในห้องนอน ชะโงกหน้ามองกรที่ยังนอนหลับแล้วยิ้มกริ่ม ก่อนจะโน้มตัวลงไปจนเห็นใบหน้าของร่างสูงอย่างชัดเจน สายตาที่ใช้มองเจ้านายตัวเองเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยผสมกับมีความสุข

“วันนี้ผมตื่นกันคุณว่ะเสี่ย” พูดจบก็กระตุกยิ้มร้าย เหลือบมองอากาศภายนอกผ่านประตูกระจกก็พบว่าปลอดโปร่งพอสมควรเมื่อเทียบกับวันที่แล้วๆ มา

พีททรุดลงนั่งบนเตียงแรงๆ เพื่อแกล้งก่อกวนให้เจ้านายตัวเองตื่น แต่เจ้าตัวกลับแค่ย่นหัวคิ้วนิดเดียว แล้วใบหน้าก็กลับมานิ่งสนิทเหมือนเดิม

ใครจะไปยอมเล่า พีทชะโงกหน้าไปใกล้กร มองใบหน้าสมบูรณ์แบบอย่างพิจารณาอยู่พักหนึ่งก็จับผมตัวเองขึ้นปอยหนึ่ง

“...” พีทใช้ปลายผมเขี่ยไปมาบนหน้าของกรอย่างแผ่วเบา แล้วก็กลั้นขำ เขารู้ว่านี่มันต้องจักจี้มากแน่ๆ
 

กรลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสเบาๆ บนหน้าตัวเอง นัยน์ตาสีดำสนิทมองใบหน้าเรียวตรงหน้า... เขาต้องตาฝาดไปแน่ๆ ที่เห็นว่ามันคือใบหน้าของคนๆ เดียวที่กรพยายามจะเอาออกไปจากความคิด

“...ตื่นแล้วเหรอ ผมทำกับข้าวไว้ ลุกไปกินก่อนที่มันจะเย็นเถอะ”

ไม่มีทางที่คนๆ นั้นจะยอมลำบากทำอาหารหรอก ตื่นเต็มตาสักทีนะกร

แขนแกร่งถลกผ้าห่มออกจากตัวแล้วลุกไปจากเตียง แล้วเดินจ้ำเข้าไปในห้องน้ำ พีทมองตามไปเงียบๆ

...เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศหงุดหงิดรอบตัวร่างสูง เจ้าตัวคงจะหัวเสียที่โดนพีทแกล้งปลุก... ใช่ไหม?


 

09.05 AM

อาหารมื้อเช้าต้นขึ้น เป็นไข่คนนมสดกับไส้กรอกและแฮม พีทวางจานขนมปังที่ปิ้งทีหลังข้างๆ ถ้วยกาแฟ ก่อนที่ตัวเขาจะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเจ้านาย

“บอกเลยว่าไข่คนอร่อย น้องสาวผมชอบมาก” พีทที่รวบผมเรียบร้อยแล้วเริ่มลงมือกินมื้อเช้าเบาๆ ในขณะที่กรเหมือนยังนั่งนิ่งเหมือนคนหลับใน

“ทำไมวันนี้ตื่นเช้า” มือขวาถือส้อมค้างไว้ สายตาจ้องมองพีทที่ตักไข่คนเข้าปาก คนถูกถามชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะยิ้มบางออกมา

อย่าถามว่าทำไมตื่นเช้าเลย เรียกว่าไม่ได้นอนเลยมากกว่า

เมื่อคืนฝนตกหนักมาก และ... คุณกรหลับไปแล้ว คงจะไม่รู้เรื่อง

“...” พีทเลี่ยงที่จะตอบ และเปลี่ยนเรื่องคุยเอาดื้อๆ “วันนี้มีแดดด้วย ผมออกไปเดินเล่นข้างนอกได้ไหม?”

กรเบนสายตามองลอดผ้าม่านที่ปลิวเบาๆ เพราะแรงลม ท้องฟ้าที่เคยมืดครึ้มวันนี้เปิดโล่งและมีแดดมากกว่าทุกวัน “เอาสิ ฉันไปด้วย”

นี่กะจะตัวติดกันตลอดเลยหรือไงครับเสี่ย พีทไม่รู้ว่าตัวเองเผลอทำหน้าลำบากใจออกไปมากแค่ไหน แต่คนอย่างเสี่ยกรมันคงไม่สนใจอยู่แล้วแหละ “คุณไม่มีงานเหรอ ถ้าคุณไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ ผมไปคนเดียวได้”

“ใจคอจะให้ฉันทำงานทุกวันเลยหรือไง?” กรมองเขาด้วยสายเยือกเย็น แต่มุมปากที่ยกน้อยๆ ทำให้พีทรู้ว่าเจ้าตัวนั้นจงใจกวนประสาท แล้วเขาจะทำอะไรได้นอกจากกลอกตาแล้วคิดในใจ

ไปด้วยกันก็ไปด้วยกันครับเสี่ยกร
 



น้ำทะเลใส หาดทรายขาว ความงดงามที่บ่งบอกว่านี่คือทะเลไม่ได้ถูกทำลายด้วยพายุฝนเลยแม้แต่น้อย ชายหาดที่มีนักท่องเที่ยวกระจายตัวกันดูบางตา คงเป็นเพราะช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูที่เหมาะจะเที่ยวทะเลสักเท่าไร พีทเดินทอดน่องนำกรไปเรื่อยๆ ด้วยอารมณ์สุนทรีขั้นสุด

อีกอย่างที่พีทเพิ่งตระหนักได้ นอกจากรีสอร์ทที่เสี่ยกรเป็นเจ้าของ ดูเหมือนว่าบนเกาะจะมีรีสอร์ท และร้านค้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่ของเสี่ยกรอีกด้วย ทีแรกพีทกคิดว่าเกาะนี้เป็นของกรทั้งหมด แต่ก็นั่นแหละ เขาคงอ่านนิยายของแพรวมากไป

“เมื่อเช้าไปเอาของที่ไหนมาทำกับข้าว?”

“ผมไม่ได้ทำหรอก แค่ไปคีบมาจากของเตรียมไว้ให้แขกน่ะ” พีทตอบกลั้วหัวเราะ ก็เพราะว่าเมื่อเช้าเขาตื่นเช้าเกินไป พอเดินออกไปหาอะไรกิน แล้วพนักงานบางคนดันจำได้ว่าเขามากับกร เลยบอกให้เอามาเผื่อเสี่ยกรได้เต็มที่ พีทก็เลยไม่รอช้า

ส่วนไข่นี่เห็นแช่อยู่ในตู้เย็น ไม่รู้ว่าแช่มานานแค่ไหนแล้ว แต่ตอกออกมาทำไข่คนมันก็ไม่ได้เน่าแฮะ

จากจุดที่เขายืนอยู่ พีทเห็นบาร์เล็กๆ ที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นจนดูโดดเด่นอยู่ริมหาดท่ามกลางรีสอร์ทมากมาย พีทชะลอฝีเท้า แล้วหันไปจับข้อศอกกรที่เดินตามมาเบาๆ

“บาร์นั่นเก๋ดีนะเสี่ย” พีชชี้ไปตรงหน้า กรมองตามนิ้วพีชไป ก่อนจะเบนสายตามามองใบหน้าคนผมยาว “ถ้าผมสมัครไปเล่นสดให้เขา เขาจะรับป่ะวะ...”

หลักๆ คือพูดกับตัวเอง แต่กรก็ยังใจดีต่อบทสนทนาให้

“ถ้านายเล่นให้เขาฟรีเขาอาจจะรับ” พีทหันมาเลิกคิ้วใส่กรด้วยใบหน้ารียบๆ ทั้งที่ในใจร้อนรุ่ม ถ้าเป็นเพื่อนนี่เขาตบหัวทิ่มแล้ว แต่นี่คือเจ้านาย ท่องเอาไว้ แล้วยิ้มรับ

“พูดเหมือนถ้าเขารับแล้วคุณจะยอมให้ผมออกมาเล่นทุกคืน?”

“ก็ลองไปสมัครดูสิ” กรล้วงมือในกระเป๋ากางเกงขาสามส่วนของตัวเอง แล้วยิ้มมุมปาก พีทมองท่าทางเย่อหยิ่งนั้นแล้วเบนหน้าหนี... หมั่นไส้

“งั้นเย็นๆ เดี๋ยวผมออกมาถามเขาดู” พีททำท่าจะเดินต่อ แต่กรคว้าไหล่เขาไว้ไม่ให้ไป

“เข้าไปเลย”

“นี่มันเพิ่งเที่ยงกว่าเอง ร้านเปิดแล้วเหรอ ผู้จัดการร้านมาแล้วหรือไง?”

“เข้าไป” สั่งอีกแล้ว คิดว่ารวยแล้วจะสั่งอะไรก็ได้หรือไง พีทบ่นอุบแต่ก็เปลี่ยนเป้าหมายเป็นบาร์เล็กๆ ข้างหน้า

 

ทั้งสองคนเปิดประตูเข้าไปในร้านอย่างถือวิสาสะ และภายในก็มืดอย่างที่คิดไว้เลย พีทมองเลยบาร์เล็กๆ ที่อยู่ซ้ายมือเกือบติดฟลอร์ไปยังประตูที่น่าจะเชื่อมไปหลังร้าน จ้องจนเหมือนจะใช้มนตร์เรียกพนักงานออกมาถาม

“สวัสดีครับ” เฮ้ย ออกมาจริงว่ะ พีทเหวอน้อยๆ เมื่ออยู่ๆ ก็มีร่างของผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากประตูบานนั้น ชายหนุ่มผู้มีบรรยากาศของคนทำงานกลางคืนมองมายังเขาเล็กน้อย แล้วเบนสายตาไปหาคนข้างๆ ก่อนรูม่านตาของชายคนนั้นจะเบิกกว้าง... พีทสังเกตถึงขั้นนั้น

“สวัสดีครับคุณกร ตกใจหมดเลย มาตั้งแต่เมื่อไรครับ”

อ๋อ รู้จักกับคนในร้านนี่เองถึงคะยั้นคะยอให้เขาเข้ามา

“หลายวันแล้วครับ” กรยิ้มให้คนตรงหน้า แต่เหมือนว่าคู่สนทนาตรงหน้าจะเกรงใจกรอยู่หน่อยๆ นะ “นี่เพื่อนผม”

“ผมพีทครับ” พีทแนะนำตัวแทบไม่ทันเมื่อกรส่งบทสนทนามาให้ต่อแบบกะทันหัน

“ผมแตมครับคุณพีท” คนข้างหน้ายื่นมือมาจับมือพีทเบาๆ พีทยิ้มเกรงใจ

“ไม่ต้องใส่คุณก็ได้ครับคุณแตม ผมเป็นรุ่นน้องเสี่ยเขา”

“รุ่นน้องเหรอครับ งั้นเรียกผมว่าพี่แตมก็ได้” บทสนทนาถูกบันทึกโดยกรที่ตอนนี้กลายเป็นคนนอกไปแล้ว เพื่อไม่ให้ถูกลืม กรโพล่งขึ้นมากลางคัน

“คุณแตม ปกติร้านมีดนตรีสดวันไหน?”

“ก็... ศุกร์กับอาทิตย์ครับ” แตมเบนสายตาไปหาร่างสูงข้างๆ พีท “คุณกรอยากให้ผมเพิ่มวันเหรอครับ”

“ครับ พีทเขาทำงานเล่นดนตรีที่บาร์ที่กรุงเทพฯ วันที่วงไม่ได้มาเล่น ผมให้เขามาเล่นที่นี่ได้ไหม?”

“ไม่ปัญหาเลยครับ มาได้เลย เริ่มคืนนี้เลยดีไหม?” แตมหันไปพูดขำๆ กับพีท คนผมยาวหัวเราะออกมา

“เอาเลยก็ได้นะ”

“ไม่ต้อง พรุ่งนี้ค่อยเริ่ม” กรปรายตามองพีทพร้อมๆ กับประโยคเผด็จการของเจ้าตัว “ขอบคุณครับคุณแตม ไว้ผมจะขึ้นเงินเดือนให้ดีไหมนะ”

อีกฝ่ายพูดทีเล่นทีจริงเขาก็ควรจะรับมุก แตมหัวเราะดังๆ แล้วตบมุกกลับ “มันก็ต้องดีอยู่แล้วสิครับ พูดแล้วห้ามลืมล่ะครับ”

“...” พีทมองคนสองคนคุยกัน ตอนนั้นเองที่ทุกข้อสงสัยมันกระจ่างขึ้นมา

หนึ่งคือ ที่กรเร่งเร้าให้เขาสมัครไม่ใช่เพราะรู้จักกับคุณแตม แต่เพราะเป็นเจ้านายของคุณแตมต่างหาก

สองคือ ที่กรยอมให้เขามาเล่นแบบไม่อิดออด ก็เพราะว่าเสี่ยมันเป็นเจ้าร้านนี้ไง!

แล้วแบบนี้พีทจะหลุดพ้นจากการบงการของเสี่ยกรเมื่อไรกันล่ะเนี่ย...







ขอบคุณทุกคอมเมนท์และคนอ่านทุกคน นี่คือกำลังใจที่ดีที่สุดของนักเขียนค่ะ เจอกันตอนหน้า ด้วยรักจาก เห็ดหอม:)

ติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ "นิยายของเห็ดหอม" 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.5 (28/06/59)
« ตอบ #9 เมื่อ: 28-06-2016 14:38:55 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ waza

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.5 (28/06/59)
«ตอบ #10 เมื่อ28-06-2016 14:50:41 »

รอฉันรอเธออยู่~ มาต่อไวๆโหน่ยยยย มันค้างค่าา เขียนดีเราชอบบ :L2:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.5 (28/06/59)
«ตอบ #11 เมื่อ28-06-2016 19:05:35 »

งื้อออ ชอบบบบ แม้พีทจะสบายอกสบายใจมากไปหน่อย ตอนที่เขาพาตัวมา
แต่เสี่ยน่ารักดี ไม่ใช่โทนsmเหมือนปกติ

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.6 (05/08/59)
«ตอบ #12 เมื่อ05-08-2016 15:50:50 »

Chapter 6




วันแรกของการเริ่มงานที่บาร์

01.25 AM

“อ้าว คุณ...” พีทร้องออกมาเมื่อเห็นร่างสูงนั่งเหยียดขายาวบนโซฟาตัวใหญ่ พลางกอดอกจ้องโทรทัศน์ด้วยท่าทางเหมือนไม่ได้ใส่ใจมันเท่าไร “ยังไม่นอนเหรอ?”

ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองว่ากรอาจจะรอเขา พีทเดาเอาว่าร่างสูงนั้นคงเพิ่งเคลียร์งานเสร็จ หรือไม่ก็มีรายการโทรทัศน์อะไรที่รอดูอยู่

“กลับดึกนะ” กรเหลือบตามองพีทที่ปลดกระเป๋ากีตาร์วางพิงพนักพิงโซฟา ร่างโปร่งเดินเข้าครัวพลางโต้ตอบ

“นิดหน่อยเอง” มือเรียวเปิดตู้เย็นคว้าน้ำเย็นออกมาเทใส่แก้วเตรียมจะกระดกด้วยความกระหาย แต่สัมผัสที่อ้อมรอบเอวทำเอาพีทสะดุ้งจนน้ำแทบกระฉอก

กรใช้แขนแกร่งรวบเอวพีท ใบหน้าคมเอียงเล็กน้อย ก่อนที่จมูกโด่งจะก้มลงเกือบแตะบนไหล่ที่สวมเสื้อยืดคอกว้างเผยกระดูกไหปลาร้าของพีท

“ใจเย็นๆ ครับเสี่ย เดี๋ยวน้ำหก” พีทยกแก้วน้ำขึ้นด้วยความระแวง พลางก้มมองแขนที่โอบรอบเอวตัวเอง

ผีอะไรเข้าสิงเสี่ยกรขึ้นมาล่ะเนี่ย...

“กลิ่นเหล้า…” กรผละออกจากตัวพีททันที พีทยกน้ำขึ้นดื่มพลางหันหลังมาพบกับเสี่ยกรที่ยืนกอดอก แววตาเย็นยะเยือกระดับที่สบตาแล้วอาจถูกแช่แข็งได้

“ธรรมด๊า...” พีทก็ยังคือพีทที่คงคอนเซ็ปท์ทำใจดีสู้เสือ ไม่ว่ากรจะแสดงออกว่าไม่พอใจหรืออะไรก็ช่างที่เขาไม่เข้าใจ สิ่งที่คนอย่างพีทจะตอบกลับอีกฝ่ายไปก็มีแค่ทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ

“นายดื่มมา...” เสียงแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พีทหน้าเสีย รู้สึกเหมือนกำลังถูกตำหนิ แต่ก็ยังโต้ตอบเหมือนไม่รู้สึกอะไร

“ทำงานแบบนี้มันก็ต้องมีบ้างแหละ ลูกค้าเลี้ยงจะปฏิเสธยังไง”

“นายลืมไปหรือเปล่าว่าฉันจ้างนายมาทำอะไร?”

“...” คำว่าจ้างมันให้พีทหงุดหงิด... เผื่อว่ากรจะลืม เขาไม่ได้ขอให้มาจ้างตั้งแต่แรก แต่เป็นตัวเองไม่ใช่เหรอที่บังคับให้พีทต้องมาอยู่

แต่คนที่ผ่านอะไรมาเยอะอย่างเขาเลือกที่จะกดมันให้ลึกที่สุด พีทไม่อยากมีปัญหา

“นายไม่จำเป็นต้องทำให้ใครพอใจหรอก นายสนใจแค่ฉันก็พอ...”

“...” พีทสบนัยน์ตาสีดำสนิทนิ่ง

“ต่อไปนี้ห้ามกลับเกินเที่ยงคืน”

“...” พีทนิ่งไปนิดหนึ่ง แต่สุดท้ายก็พยักหน้าเบาๆ พลางพ่นลมหายใจออกมา

“…เวลาของนายทั้งหมด ช่วยใช้มันทำให้ฉันรักนายที...นะ” คำว่านะสั้นๆ ที่เหมือนจะเป็นทั้งคำขอร้องและออดอ้อนในเวลาเดียวกันฟังแล้วจักจี้พิกล พีทมองมือหนาที่คว้ามือเขาไปจับ

นี่จับได้ว่าเขาไม่พอใจหรือเปล่า ประโยคขอร้องข้างหลังกับมือที่กุมอยู่บนมือเขานี่ถือเป็นการง้อได้ไหม?

“เฮ้อ... ผมจะทำตามที่สั่งครับเสี่ย” พีทจับฝ่ามือกรหงายขึ้นแล้วตีมือตัวเองลงบนมือนั้นเบาๆ “แต่คุณรู้ไว้นะ ผมจะปรับยังไงก็ได้ตามที่คุณต้องการ คุณจะสั่งให้ผมทำอะไร เป็นอย่างไหนก็ได้...”

“...”

“จำไว้อย่างเดียว ถึงตอนนั้นคุณจะบอกว่าคุณรักผม แต่คุณไม่ได้รักที่ผมเป็นผมเลย”
 





07.50 AM

เสียงฝนปลุกให้พีทตื่นอีกแล้ว ชายหนุ่มลุกไปอาบน้ำสระผม แล้วเดินน้ำหยดออกจากห้องน้ำ โดยไม่ได้คาดคิดว่าตัวเองจะทำให้กรตื่น

ร่างสูงซึ่งยังอยู่ในชุดนอนนั่งห้อยขาอยู่บนเตียง พีทมองแผ่นหลังกว้างที่ดูอ้างว้าง และเสี้ยวหน้าที่เหม่อมองสายฝนผ่านประตูกระจก ไม่รู้ว่ากรกำลังคิดอะไร อาจจะเป็นงานที่รัดตัวเสี่ยใหญ่อย่างเจ้าตัว หรือจะกำลัง... คิดถึงคนรักเก่า?

ถึงเขาจะเข้าใจดีว่าการคิดถึงที่ทำได้แค่คิดถึงมันทรมานแค่ไหน เพราะเขาก็เสียพ่อแม่ไปทั้งคู่ แต่พีทไม่เคยดึงมันมาเป็นประเด็นสำคัญในชีวิต เขาไม่ทุกข์ทรมานและจมปลักกับมันขนาดนั้น

แต่ยังไงพีทกับกรก็คนละคนกัน เรื่องที่เรามองว่าไม่สำคัญสำหรับตัวเอง มันอาจจะสำคัญสำหรับคนอื่น เรื่องที่เรามองว่าเล็กน้อยมันอาจจะยิ่งใหญ่มากสำหรับอีกคนก็ได้ ขีดเริ่มต้นความสุข และขีดจำกัดความทุกข์ของแต่ละคนมันมีไม่เท่ากัน

ดังนั้น ถ้ากรจะฝังใจกับคนในความทรงจำขนาดนั้น พีทก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิดเลย

...เพียงแต่เขาจะช่วยอะไรได้ล่ะ นอกจากเห็นใจ

“ทายซิ นี่ใคร” ใครจะไปคิดว่าพีทจะมาเล่นปิดตาแบบที่แพรวชอบทำกับร่างสูงที่มาดอย่างกับมาเฟีย กรนั่งนิ่งเมื่อดวงตาทั้งคู่ถูกปิดด้วยมือเรียวของพีท

“ฉันต้องทายไหมในเมื่อในห้องมีกันอยู่สองคน?”

“คุณต้องทาย ถึงรู้ก็ต้องทาย จิกกัดยังไงก็ได้ให้อีกฝ่ายยอมปล่อยมือออกไปเอง” พีทเอียงคอและแอบหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงตัวเองที่ชอบเอาเรื่องแพรวกินน้ำมูกตอนเด็กมาล้อ

“ปล่อยมือออกได้แล้ว ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่ามือนายมันสาก”

“คุณนี่เรียนรู้ไวชะมัดเลยเสี่ย” พีทสะบัดมือทิ้งแล้วย่นหัวคิ้ว “ผมก็เคยบอกว่าผมเล่นกีตาร์ มือของคนทำงานหนักอะ จะให้มันนุ่มนิ่มเหมือนปุยนุ่นได้ไง”

“หึ...” กรยกมือขึ้นปิดปาก ปฏิเสธไม่ได้ว่าสนุกทุกครั้งที่ได้ล้อเลียนจนทำให้อีกฝ่ายบ่นออกมาได้ “เลิกบ่นแล้วก็เอาผมปียกๆ ของนายออกไปได้แล้ว น้ำมันหยดใส่ตัวฉันจนเปียกชุ่มแล้วเห็นไหม”

“ครับเสี่ย!” หน้าที่งออยู่แล้ว ยิ่งหงิกงอขึ้นไปอีก พีทกระแทกเสียงแล้วเดินเข่าลงจากเตียงพลางเอาผ้าขนหนูผืนน้อยที่พาดอยู่บนบ่ามาเช็ดผม

“มานี่...” กรดึงแขนพีทแรงๆ จนร่างนั้นเซ พีทเกือบหลุดด่า ดีนะห้ามปากทัน

“อะไรครับเสี่ยครับ มีอะไรสั่งจะผมครับ”

“มานั่งตรงนี้ เดี๋ยวเช็ดผมให้”

“...” พีทเหลือบมองพื้นตรงหว่างขาเสี่ย แล้วมองหน้ากรนิดๆ ก่อนจะเดินไปทรุดลงนั่งอย่างว่าง่าย

“ตบหัวแล้วลูบหลังว่ะเสี่ยกร” พอนั่งปุ๊บกรก็คว้าผ้าขนหนูมาจากมือพีท มือหนารวบผมพีทขึ้นมาทั้งหมด แล้วดึงมันมาห่อด้วยผ้าขนหนูในมือตัวเอง

“โอ๊ย เสี่ยเบาๆ หน่อย นี่หัวคนไม่ใช่บังเหียนม้า”

“หึๆ” ได้ฟังพีทบ่นแล้วพึงพอใจ พีทเริ่มระแวงว่าคนข้างหลังเขามันเป็นมาโซคิสซึมหรือเปล่าถึงได้หาเรื่องให้เขาต้องออกปากบ่นอยู่เรื่อย

แต่เขาก็ชอบเวลาที่อีกฝ่ายยิ้มออกมาได้นะ ถึงยังไงซะรอยยิ้มมันก็น่ามองกว่าอยู่แล้ว ไม่ว่าใคร

กรเปลี่นมาเช็ดผมพีทอย่างเบามือ เป็นพีทที่เผลอปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับเสียงฝน และภาพสายฝนตรงหน้า สติของเขาคงหลุดลอยไปไกลถ้าไม่ใช่เพราะเสียงทุ้มของกรบอกว่าตัวพีทยังอยู่ตรงนี้... ตรงหว่างขากร

“ทำไมต้องไว้ผมยาวให้ลำบากตัวเอง”

“มันเข้ากับรูปหน้าผมดีไม่ใช่เหรอ?” พีทยิ้มออกมา แล้วพูดต่อ “ผมไว้ผมยาวแล้วดูหล่อ”

“...หลงตัวเองจังนะ” กรจับหัวพีทโยกเบาๆ จนคนที่นั่งกับพื้นหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆๆ ก็ว่างั้น...” หัวพีทขยับตามแรงเช็ดของกร ในใจของชายหนุ่มนึกเสียใจที่ไม่พกไดร์เป่าผมมาด้วย “อันที่จริงผมไว้เพราะแพรวชอบต่างหาก”

เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ และชอบมาถักเปียบนหัวพี่ชายอย่างเขา โชคดีแค่ไหนที่พีทเลี้ยงแพรวแล้วโตขึ้นมาเป็นกุลสตรี ไม่ดื้อเป็นม้าดีดกะโหลกอย่างที่เขากลัวในตอนแรก

“นายดูรักน้องสาวมากเลยนะ กรหยุดมือที่เช็ดผม เป็นจังหวะเดียวกับที่พีทเงยหน้าขึ้น

“ก็คงไม่ต่างกับที่คุณรักแฟนเก่าคุณแหละมั้ง”

“...” กรสบตาพีท มองรอยยิ้มจากริมฝีปากสีอ่อนนั้น เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ใจกรเต้นผิดจังหวะ

“เสี่ย... นัยน์ตาคุณสีดำสนิทเลยเนอะ” พีทพูดขึ้นทั้งๆ ที่ยังสบตากัน กรค่อยเลื่อนมือไปจับที่ปลายคางของคนที่แหงนหน้า นิ้วชี้และนิ้วกลางลากจากปลายคางลงสู่ลำคอ ผ่านลูกกระเดือกแหลมสู่กระดูกไหปลาร้า

“...อืม”

“มันดูลึกลับดีนะ” พีทพูดพลางค่อยๆ เลิกคิ้ว... ตามระยะห่างระหว่างใบหน้าของตัวเองกับกรที่ลดลงเรื่อยๆ

“อยากลองค้นหาดูไหมล่ะ” เสียงทุ้มค่อยๆ ลดระดับลงจนเหลือความดังแค่กระซิบให้ได้ยินกันสองคน ปลายจมูกที่เกือบแตะกันไม่มีผลทำให้พีทต้องหลบตา หรือขยับหน้าหนี

“ไม่เอาอะ ผมไม่ได้ชอบความท้าทายเหมือนคุณ” พีทยิ้มบางให้กร ท่าทางและคำพูดที่ทำให้ร่างสูงผละออกแล้วหัวเราะขึ้นจมูกออกมาเบาๆ

“หึ...”

“ฮึๆ” พีทหัวเราะออกมาบ้าง พลางยกขาขึ้นกอดเข่า สายฝนยังโปรายปรายอย่างต่อเนื่อง...

...ไม่รู้ว่าเสี่ยกรจะรู้ตัวบ้างไหมว่าช่วงนี้ตัวเองหลุดยิ้มออกมาบ่อยๆ
 




10.15 PM

xxx Bar & Bistro

บรรยากาศในร้านเงียบเหงา เพราะในร้านเหลือลูกค้าอยู่แค่สองคน พีทย้ายมานั่งที่บาร์เมื่อผู้จัดการร้านควบตำแหน่งบาร์เทนเดอร์อย่างคุณแตมเปลี่ยนมาเปิดเพลงแทนการให้พีทเล่นกีตาร์สด

“วันนี้คนน้อยกว่าทุกวันอีกอะพี่”

“ก็แน่ล่ะ ฝนตกทั้งวันเลยนี่” ถูกของพี่แตม ฝนตกๆ หยุดๆ ทั้งวันตั้งแต่เช้า บวกกับฤดูนี้ก็มีนักท่องเที่ยวน้อยอยู่แล้ว พีทเลยมีเวลาว่างอู้งานมานั่งคุยได้แบบไม่น่าเกลียดอย่างนี้ไง

“ก็ดี วันนี้ผมจะได้กลับเร็วๆ เสี่ยแม่งเคอร์ฟิวไม่เกินเที่ยงคืน”

“จริงๆ มึงกลับเลยก็ได้นะพีท” สรรพนามพ่อขุนรามแสดงความสนิทสนมทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่เกิน 3 วัน พีทไม่ถือ แต่มองว่าเป็นเรื่องปกติต่างหาก เพราะมันทำให้รู้สึกสนิทกันมากขึ้น

“ไม่เอาอะ...” ไม่อยากกลับไปเจอหน้าเหมือนคนท้องผูก กับอารมณ์ผีเข้าผีออกของกร “เออพี่แตม ผมถามไรอย่าง ปกติเสี่ยเขามาที่นื่บ่อยป่ะ?”

“ก็มาเดือนละครั้ง ถี่หน่อยก็อาทิตย์เว้นอาทิตย์”

“แล้วเขาเคยพาใคร แบบว่า ท่าทางดูสนิทๆ กันมาด้วยไหม...” หลอกถามจากแตมเพราะไม่คิดว่าแตมจะเอาไปฟ้องเสี่ยในเรื่องที่พีทถามเจ้าตัวไปหรอก น่าๆ คนเรามันก็ต้องมีอยากรู้กันบ้าง รู้แล้วเหยียบไว้ก็ไม่เป็นอะไรหรอก พีทเชื่อว่าตัวเองทำได้...

แต่กลายเป็นว่าแตมดูรู้จักกับกรมากกว่าที่เขาคิด

“พีท... ถามตรงๆ นะ มึงกับคุณกรเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ เหรอ?”

“...?” เลิกคิ้วใส่ทำเหมือนไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่เข้าใจคำถามอย่างกระจ่างแจ้ง

“กูรู้รสนิยมคุณเขาน่า เอามึงมาฝากงานก็ไม่ใช่ธรรมดาแล้ว”

“อือ ผมกับเสี่ยไม่ได้เป็นเพื่อนกันแบบที่เสี่ยมันบอกหรอก แต่เราสองคนเป็น...” พีทยิ้มกริ่มแบบมีเลศนัยยั่วให้แตมอยากรู้

“มึงกับเขาเป็น...?”

“เป็นเจ้านายกับลูกจ้าง...” พีทยักคิ้วแล้วยิ้มกวน แตมส่ายหน้าเอือมระอาให้กับบทสนทนาที่ไม่ได้สาระกับคนตรงหน้า

...ผู้จัดการหนุ่มจะไม่แสดงท่าทางแบบนี้ ถ้ารู้ว่าพีทไม่ใช่ลูกจ้างธรรมดาๆ... แต่เป็นลูกจ้างที่หน้าเหมือนแฟนเก่าเสี่ยใหญ่
 




11.10 PM

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

และพีทก็เลิกงานก่อนเที่ยงคืนตามคำสั่งของเสี่ยกรทุกประการ ร่างโปร่งเคาะประตูบ้านอยู่สองสามทีกลับมีเพียงความเงียบตอบกลับ พีทยืนเกาหัวงงๆ เพราะยังไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่กลับบ้านมาแล้วไม่มีใครอยู่ มือข้างหนึ่งเลยจับลูกบิดหมุนๆ ไปมาและ..

ผลัวะ!

ประตูเปิดออกอย่างง่ายดาย

นี่เสี่ยแกถือว่าถิ่นตัวเองแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ? ไม่คิดจะล็อคประตูซะหน่อยเลยหรือไง?

พีทเดินเข้าบ้าน บนโซฟาตัวใหญ่ไม่มีร่างของกรนั่งอยู่ พีทมองซ้ายมองขวา ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนแล้วปลดกระเป๋ากีตาร์วางพิงกำแพงข้างเตียง เสียงน้ำจากฝักบัวไหลกระทบพื้นที่ได้ยินทำให้พีทรู้เหตุผลที่เคาะประตูแล้วไม่มีคนออกมาเปิดให้

เสี่ยกรอาบน้ำอยู่นี่เอง...

พีทนั่งลงกับเตียงอมยิ้ม แล้วถอดถุงเท้า เสี่ยมันออกมาต้องเซอร์ไพรส์แน่ที่เห็นเขากลับมาเร็วขนาดนี้


Rrrr... Rrr…

เตียงสั่นไปทั้งเตียง พีทหาต้นตอของเสียงสั่นๆ ที่ดังขึ้น โทรศัพท์ยี่ห้อผลไม้นอนสั่นครืดเรียกร้องความสนใจอยู่ไม่ไกลจากเขา หนุ่มนักดนตรีละสายตาจากมันแล้วหันไปมองประตูห้องน้ำ

Rrrr... Rrr…Rrr...

โทรศัพท์สั่นไม่ยอมหยุด ไม่แน่ว่าอาจเป็นสายที่โทร.มาติดต่อธุรกิจกับเสี่ยก็ได้ พีทกระดึ๊บตัวไปคว้ามันมาถือไว้ อย่างน้อยๆ ก็เคาะประตูบอกให้เจ้าตัวออกมารับสักนิดก็ยังดี

เผื่อว่ามันเป็นสายจากลูกค้าจริงๆ อาจทำให้เสี่ยแกเสียเงินเป็นมูลค่าหลายล้านก็ได้ถ้าพลาดรับสายไป

Rrr…

เอ้า ไม่ทัน มันดับไปแล้ว...

พีทก้มมองโทรศัพท์ในมือที่พอสายเรียกเข้าตัดไป มันก็ขึ้นภาพพักหน้าจอเป็นผู้ชายผมหยักศกยาวประบ่ากำลังเหลือบตามองกล้อง และเท้าคางยิ้มอย่างมีนัย

แวบแรกเขาก็คิดว่ามองตัวเองถ้าไม่ติดว่าคนในภาพนั้นมีไฝใต้ดวงตา และพีทผมยาวเลยบ่ามาเป็นคืบ...

“...”

งั้นถ้าให้พีทเดา นี่ก็คงเป็นแฟนเก่าของเสี่ยกร ใช่ไหม?

“อย่ามายุ่งกับของๆ ฉัน”

“!?” พีทเงยหน้าขึ้น พร้อมๆ กับที่เจ้าของโทรศัพท์ในชุดนอนกางเกงวอร์มและเสื้อยืดคว้าโทรศัพท์ไปจากมือเขา


อย่ามายุ่งกับของๆ ฉันงั้นเหรอ?


พีททวนประโยคที่เพิ่งได้ยินซ้ำในใจ พลางมองตามร่างสูงที่เดินออกไปจากห้องโดยไม่ให้โอกาสเขาพูดอะไรสักคำ

“...สรุปว่ากูผิดสินะ?”
 







ขอบคุณทุกคอมเมนท์และคนอ่านทุกคน นี่คือกำลังใจที่ดีที่สุดของนักเขียนค่ะ เจอกันตอนหน้า ด้วยรักจาก เห็ดหอม:)
ติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ "นิยายของเห็ดหอม" 

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.6 (05/08/59)
«ตอบ #13 เมื่อ05-08-2016 16:34:12 »

 :pig4:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.6 (05/08/59)
«ตอบ #14 เมื่อ05-08-2016 18:00:35 »

เสียทำอะไรเนี่ย ตกลงเป็นมายังไง  :ling1:

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.7 (05/08/59)
«ตอบ #15 เมื่อ05-08-2016 22:21:37 »

Chapter 7


00.50 AM

การอาบน้ำช่วยชำระล้างอารมณ์ขุ่นมัวของพีทได้เป็นอย่างดี บวกกับความเป็นคนไม่ค่อยคิดเล็กคิดน้อย พอส่งไลน์ไปถามสารทุกข์สุกดิบแพรวเสร็จพีทก็ย้ายตัวเองมานั่งดูรายการเกมโชว์ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์แบบสบายใจ

...เกือบลืมไปซะสนิทว่าเคยของขึ้นเพราะโดนไอ้เสี่ยจอมบงการนั่นพาลใส่ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นอีกฝ่ายเดินผ่านหน้าจากห้องทำงานไปยังห้องนอน

‘อย่ามายุ่งกับของๆ ฉัน’

แม่งด่าเขาเสือกนี่หว่า... คนอุตส่าห์หวังดี

เอาเป็นว่าคืนนี้พีทจะไม่นอนในห้องนอนละกัน ไม่อยากเผชิญหน้า เพราะไม่รู้ว่าจะโดนด่าอะไรอีกไหม...

“...”

“...” นั่นไง อุตส่าห์บอกว่าไม่อยากเผชิญหน้ายังพาตัวเองมานั่งข้างๆ เขาอีก

“ทำไมทำหน้าเหมือนจะขึ้นเรือหนีออกจากเกาะแบบนั้น?”

แหนะ... ทำมาชวนคุยนี่อารมณ์ดีแล้วสินะ

พีทเหลือบตามองเสี่ยกรพลางกระตุกยิ้มมุมปาก

“ถ้าผมทำจริงคุณจะลากผมมาปล้ำแบบในละครไหมล่ะ?” พีทยิงมุกใส่แบบสบายๆ ไม่มีท่าทีของคนที่งอนให้ต้องง้อเพราะถูกพูดไม่ดีใส่

“ก็ลองทำดูสิ” อีกฝ่ายยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว เหมือนกับโล่งใจที่พีทไม่ได้โกรธอะไร

“ไม่เอาอะ ผมอยู่ให้ครบเดือนเอาค่าจ้างไม่ดีกว่าเหรอ?” พีทหันไปยักคิ้วใส่

“งั้นฉันยืดเวลาออกไปไม่มีกำหนด...” อีกฝ่ายทำหน้าแบบกุมอำนาจเหนือกว่า พีทเกือบจะโวยแล้วว่าไม่สน แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ที่นี่

หลักๆ คือห่วงว่าน้องสาวจะมีอันตราย แต่หลายวันที่รู้จักกัน เสี่ยไม่น่าจะใช่คนแบบนั้น...?

“อะไร?” อยู่ๆ พีทก็นิ่งไป แล้วจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีดำสนิท กรเลิกคิ้วพลางหรี่ตาไม่ให้อีกฝ่ายมาจ้องตาตัวเองได้

ถ้าจะให้พูดก็คือพีทแทบไม่รู้เรื่องส่วนตัวของเสี่ยกรเลย ที่เพิ่งได้เห็นก็รูปแฟนเก่าซึ่งก็ไม่รู้ว่าใช่จริงๆ ไหม แล้วอะไรที่ทำให้เขายังยอมรับทุกข้อตกลงจากร่างสูงข้างๆ

ไม่ใช่เพราะแพรวอย่างเดียวหรอก มันต้องมีอะไร...

“คุณแม่งนิสัยไม่ดี” พีทเอานิ้วจิ้มอกกรแรงๆ แล้วเบะปากใส่ กรจับข้อมือพีทไว้แล้วยิ้มมุมปาก

“ไม่ปฏิเสธ”

“ไม่ต้องมายิ้มมุมปาก ที่โดนคุณว่าผมยังไม่หายโกรธ” พีทแกล้งดึงมือกลับมาจากการเกาะกุม แล้วเบนความสนใจมายังรายการโทรทัศน์

“...” ไม่ได้คาดหวังว่ากรจะหน้าเจื่อนรู้สึกผิด เพราะเจ้าตัวก็ไม่ได้ทำอย่างนั้นจริงๆ ร่างสูงถูมือข้างที่จับมือพีทอยู่หยกๆ กับกางเกงนอน ก่อนจะลุกขึ้นยืนแบบกะทันหัน “พีท”

“หือ?” พอเห็นว่าเรียกเสียงเข้ม จริงจัง พีทเลยขานรับพลางเหลือบตามองร่างสูงที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้า ไม่ทันได้ตระหนักถึงความร้ายกาจของกร “เฮ้ยๆๆ”

เป็นใครจะไม่ร้อง เมื่ออยู่ดีๆ ร่างของพีทก็ลอยคว้างไปพาดบนบ่าหนาของกรด้วยฝีมือของร่างสูงเองนั่นแหละ กรหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ แล้วแบกพีทเข้าห้องนอน


ฟุ่บ!

เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันไย... พีทร้องเป็นทำนองในใจเบาๆ เมื่อตัวเองโดนโยนทิ้งลงบนฟูกอย่างรุนแรง ไร้ความปราณี ยังไม่ทันจะโวย ร่างของกรก็ตามมาคร่อม เข่าของร่างสูงสอดอยู่ตรงหว่างขา  ใบหน้าคมโน้มลงมาชิด

“ทำอะไร?” พีทขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ผลักกรออกจากตัว เพราะคิดว่ายังไงก็สู้แรงคนตัวหนากว่าไม่ไหว

“...ก็กำลังง้อไง” มือของกรขยับมาวางบนมือเรียว พลางสบตาสีอ่อนของพีท คนข้างล่างขมวดคิ้วใส่

“ง้อซะรุนแรง” ถึงจะบ่นแต่ก็ไม่ได้เหวี่ยงวีนอะไร ตรงนี้แหละที่ยิ่งทำให้กรได้ใจ

“ชอบแบบอ่อนโยนเหรอ...” ใบหน้าคมยิ่งโน้มลงมาใกล้จนปลายจมูกชนกัน เห็นมันทุกรูขุมขน เห็นแม้กระทั่งแววตาสนุกสนานของคนที่คร่อมอยู่ข้างบน

“แบบไหนก็ได้ที่สมเหตุสมผลน่ะ” พีทเอียงคอพูดแบบไม่จริงจัง และไม่คิดว่ากรจะต้องเข้าใจตัวเองด้วย
...ว่าพีทกำลังกระแนะกระแหนเจ้าตัวอยู่อะนะ

“...” กรมีแววตาอ่อนลง พีทสังเกตได้ มือที่วางบนมือเรียวของเขาบีบเบาๆ ก่อนที่ใบหน้าของกรจะขยับเลื่อนไปให้ริมฝีปากบางชิดกับใบหูพีทแทน

“ขอโทษ” เสียงกระซิบเบาๆ เป็นคำที่พีทอยากได้ยินแต่ไม่คิดว่าจะได้ยินจริงๆ

“...” กรขยับใบหน้ามาสบตาเขา พีทได้แต่ยิ้มบาง และปล่อยให้มือกรมาไล้กรอบหน้าตัวเองแบบไม่ขัดขืน “รู้ตัวด้วยเหรอว่าผมไม่ได้ยุ่งกับโทรศัพท์ของคุณน่ะ”

“...ผิดไปแล้ว”

“...” พีทได้คำตอบกับตัวเองแล้วว่าทำไมถึงยอมช่วยกรทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้…

ก็เพราะว่าเขาเชื่อสัญชาตญาณตัวเองที่บอกว่าคนๆ นี้ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยน่ะสิ

ร่างสูงที่คร่อมตัวพีทอยู่พลิกตัวลงไปนอนหงายบนเตียง แล้วเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียง โทรศัพท์เจ้าปัญหาเครื่องนั้นแหละ พีทมองตามกรที่จิ้มๆ เขี่ยๆ แล้วก็หันหน้าหนี

ไม่สนใจไว้ก่อนดีที่สุด เดี๋ยวจะโดนว่าให้เสียความรู้สึกอีก

อีกอย่าง... พีทถือคติว่าไม่รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่นจะดีที่สุด ยิ่งรู้มาก ยิ่งยุ่งยาก ยิ่งหาเรื่องใส่ตัวเองได้ง่าย จริงไหม?
ถึงบางทีมันก็เก็บความอยากรู้ไว้ไม่อยู่บ้างก็ตามน่ะนะ

“นี่แฟนเก่าฉัน”

พูดซะขนาดนี้มันก็ต้องหันกลับไปดูอะ รูปเดียวกับที่เป็นภาพพักหน้าจอโทรศัพท์ถูกเปิดให้เขาดู พีทมองรูปแล้วมองหน้ากร

“อืม...” ชั่งใจว่าจะพูดดีไหม สุดท้ายพีทก็พูดออกไป “มองแวบๆ ก็คล้ายผมจริงด้วยนะนั่น”

“...นายไม่ดูดีขนาดนั้นหรอก”

“อ้าว...” พีทผุดลุดขึ้นนั่งขัดสมาธิ แล้วจ้องหน้ากรนิ่งๆ

บางทีเสี่ยกรมันก็กวนตีนได้จังหวะจริงๆ ไอ้ความอ่อนโยนเมื่อกี้นี้ของปลอมสินะ

“...” กรใช้แขนข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์รวบเอวพีท แล้วรั้งให้ร่างนั้นขยับมาใกล้ตัวเอง “งอนเหรอ?”

“...งอนห่าอะไรล่ะเสี่ย” ในที่สุดมันก็อดไม่ได้ที่จะหยาบคายใส่เจ้านาย พีทหยิกมือที่จับอยู่ที่เอว ทั้งๆ ที่ใจอยากจะเอามือจิกผมอีกฝ่ายจะแย่ “แล้วทำไมต้องแตะเนื้อต้องตัวตลอด เนียนไปไหม เห็นไม่บ่นยิ่งได้ใจเนาะ”

“ทำไม... หวั่นไหวเหรอ?” พูดพลางดึงแขนพีทแรงๆ ให้ล้มตัวลงนอนกับเตียง แล้วก็มันก็ล้มจริงๆ ไง เพราะเสี่ยกรมันแรงควาย... “...ทุกวันนี้นายก็เหมือนจะชอบที่ฉันทำแบบนี้นะ”

อ้าว หลอกด่าว่าเขาง่ายป่ะวะ

“ไม่รู้ ไม่เคยมีผู้ชายมาชอบเชิงชู้สาว ผมต้องมีรีแอคชันยังไงล่ะ?” ไหนๆ ก็นอนแล้ว พีทตะแคงตัว หันหน้าไปคุยกับกร “เล่นตัวไหม สะบัดสะบิ้ง?”

“...” กรไม่ตอบ กำลังนึกขำกับน้ำเสียงประชดประชัน

“แล้วแฟนเก่าคุณเขาทำยังไงล่ะ?” พีทชันศอกเท้าหัว คำถามดึงอารมณ์คนฟังให้หล่นวูบ

“...ก็คล้ายๆ นายอยู่นะ” สายตาจ้องลึกมาหาเขา และพีทก็ไม่หลบตากรซะด้วย

“คำตอบไม่ถนอมน้ำใจกันเลย...” พีทเบ้ปากแรงๆ “คล้ายยังไงผมก็ไม่ใช่เขาอยู่ดี”

“น้อยใจเหรอ?” กรกดล็อคโทรศัพท์ แล้วเอื้อมมือมาลูบหัว พีทอยากบอกว่าเขากำลังเตือนสติกรอยู่ต่างหาก แต่เหนื่อยจะพูดและ...

“เบื่อเสี่ยว่ะแม่ง”

“...”

“...”

เกิดบรรยากาศเงียบขึ้นชั่วขณะ พีทมองกรที่พอวางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียงเสร็จก็นอนหงายหลับตานิ่ง “คุณเพิ่งเลิกกันเหรอ?”

“...” กรลืมตาขึ้นข้างหนึ่ง แล้วก็หลับตาลงตามเดิม พีทหน้าเสียหน่อยๆ แต่ก็ทำใจไว้แล้วเหมือนกัน

ก็ดันไปถามจี้จุดเลยนี่เนาะ...

“เลิกกันมา 7-8 ปีแล้วมั้ง”

“เฮ่ย!?”

“หึ” กรหัวเราะออกมากับเสียงประหลาดจากพีท

ก็คนมันตกใจ อะไรมันจะฝังใจขนาดนั้นวะ?!

“ทุกวันนี้ยังติดต่อกันอยู่ไหมอะ?”

“ไม่มีทางแล้ว...” กรยกแขนขึ้นหนุนหัว พลางลืมตาโพลงมองเพดาน พีทมองภาพของคนที่ติดอยู่ในบ่วงรัก และไปไหนไม่ได้ด้วยอารมณ์ที่เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ

เขาก็เคยมีแฟนนะ แต่คบนานสุดก็ปีสองปี เลิกแล้วเลิกเลย เฮิร์ทได้ไม่เคยเกินหนึ่งเดือน... ไม่รู้ว่า 8 ปีของกรมันจะทรมานแค่ไหน

แต่ชีวิตมันต้องก้าวต่อไป ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งนั่นแหละ

“อะ” พีทเอาพาดแขนกอดกรเบาๆ แล้วเงยหน้ายิ้มยิงฟันใส่กร “ส่งผ่านความสุข”

ไม่อยากใช้คำว่าปลอบใจ ไม่ได้รู้สึกว่ากรน่าสงสาร พีทแค่คิดว่าเขาควรทำอะไรก็ได้ให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นก็แค่นั้น...

กรปรายตามอง มองเหมือนรังเกียจ มองแบบจะสะบัดพีทให้หลุดออกจากตัว หรืออันที่จริงกรก็แค่มองนิ่งๆ เพราะสุดท้ายกรก็เอาแขนที่หนุนหัวอยู่ดึงตัวพีทให้ขยับมาชิดกว่าเดิม จนหน้าของคนผมยาวแนบชิดแผ่นอก แล้วใช้มือข้างนั้นโอบไหล่ไว้ ก่อนจะหลับตาลง

กว่าจะรู้ตัวว่าไม่น่าเลย พีทก็มานอนอึดอัดไปทั้งตัวทั้งใจอยู่ในอ้อมกอดของกรซะแล้ว...

ได้ยินเสียงหัวใจชัดขนาดนี้ คิดว่าพีทจะหลับลงได้ยังไงกัน อัดอั้นตันใจโว้ย ไอ้เสี่ยจอมเผด็จการ!



 

07.30 AM

ความที่ไม่ใช่คนนอนดิ้นกันทั้งคู่ทำให้ก่อนนอนอยู่ในโพซิชันไหน ตอนตื่นก็ยังเป็นท่านั้น พีทลืมตาขึ้นอย่างยากลำบากเพราะความง่วง ภาพแรกที่เห็นคือราวนมที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ นั่นทำให้คนผมยาวรู้ตัวว่าตัวเองนอนกอดกับกรทั้งคืน

“...” จากตอนแรกที่ตั้งใจจะหลับต่อ พอเห็นแบบนี้ก็เริ่มลังเล แต่ถ้าขยับตัวตอนนี้กรจะตื่นไหม

ตื่นก็ช่างแม่ง... ความคิดชั่วร้ายเข้าครอบงำ พีทขยับตัวออกจากอ้อมแขนของกร แล้วนั่งขัดสมาธิด้วยท่าทางหมดสภาพเกินบรรยาย

เห็นไหม ไม่ตื่นซะหน่อย แต่เขานี่สิ ลุกขึ้นมาแล้วไปต่อไม่เป็นเลย

ง่วงมันก็ง่วงนะ แต่อีที่ตื่นมามันก็เพราะหิวอะ ตอนนี้ให้หลับต่อมันก็กระไรอยู่

“...” พีทเหลือบมองบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนนอกหน้าต่าง แปลกใจตัวเองว่าหลับลงไปได้ยังไงโดยไม่ห่มผ้าเพราะอากาศในห้องตอนนี้เย็นมาก

พีทยกมือขึ้นสางผมที่ชี้ฟูไปคนละทางให้เข้าที่ แล้วแสยะยิ้มออกมา พลางจับปลายผมตัวเอง แล้วปัดไปมาบนหน้ากรเบาๆ เหมือนที่เคยทำ แต่คราวนี้ไม่ได้หวังผลจะให้กรตื่นหรืออะไร...

“...!?” กลับกลายเป็นกรตื่นขึ้นมาจริงๆ แถมยังจับข้อมือพีทไว้ แล้วใช้ใบหน้าเรียบนิ่งของตัวเองมองเขา

“มันจักจี้นะรู้ไหม?”

“อ้าว ก็นึกคุณเป็นพวกตายด้าน” ดูซิ ตื่นนอนยังไม่มีอาการง่วง นอกจากทำหน้านิ่งกับยิ้มมุมปาก กรควรทำสีหน้ายังอื่นให้บ่อยขึ้นบ้างนะ

“นายกำลังแอบด่าฉันในใจมากกว่าที่พูดหรือเปล่า?” กรจับมือพีทโยกไปมา คนถูกถามทำหน้าตกใจเกินจริงที่ถูกอ่านใจได้

“ก็แค่กำลังคิดว่าหิว เมื่อไรเสี่ยกรจะลุกซะที”

“ก็ไปกินก่อนเลย” กรปล่อยมือพีทให้เป็นอิสระ แล้วทำท่าจะหลับต่อ พีทเท้าศอกกับต้นขา แล้วเอามือเท้าคาง

“เบื่อกับข้าวรีสอร์ทแล้วอะคุณ ผมขอนั่งเรือไปตลาดในเมืองได้ป่ะ”

“...ไม่ได้”

“คุณตั้งใจจะขังผมจริงๆ เหรอคุณกร!?” คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน เมื่อคืนอุตส่าห์คิดว่ากรไม่ใช่คนเลวร้าย ออกจากใจดี มีมุมน่ารักๆ มาวันนี้ดันกลับมาเป็นเสี่ยกรคนเดิม คนที่วางยาเขา แล้วเอาแพรวมาขู่ให้พีทยอมมากับตัวเองแล้วเหรอ?

“...” พีทได้ยินเสียงพ่นลมหายใจออกเบาๆ ของกร พร้อมกันกับที่อีกฝ่ายลืมตา แล้วลุกขึ้นนั่ง...

“!!?” แล้วหิ้วปีกพีทจนตัวลอยมานั่งคร่อมบนตักตัวเอง ก่อนที่ร่างสูงนั้นจะนอนราบลงไป “เสี่ย มึงเป็น เดอะ ฮัก เหรอ?!!”

อารามตกใจที่ถูกอุ้มมานั่งทับบนตัวอย่างง่ายดาย รู้ตัวอีกทีก็ห้ามปากไม่ทันเผลอพูดไอ้สิ่งที่คิดอยู่ในหัวไปหมดแล้ว

พีททำท่าจะลุก แต่โดนมือหนาของกรยึดเอวไว้ ทำเอาร่างโปร่งเสียหลักเกือบล้มทับกร จนต้องเอามือค้ำแผ่นอกแกร่งไว้

อื้อหือ กล้าม...

“เห็นไหมว่าฝนจะตก พายุเข้า ออกเรือไม่ได้” พีทหันไปมองบรรยากาศภายนอก ก็จริงอย่างที่เสี่ยมันว่า... อีกนิดนึงฝนก็น่าจะเทลงมาแล้วแหละ

พีทหันกลับมามองใบหน้ากร สบนัยน์ตาสีดำ แล้วถอนหายใจ “เฮ้อ...”

“ไว้พรุ่งนี้”

“พูดแล้วห้ามคืนคำ” พีทเอานิ้วชี้หน้า กรแสยะยิ้ม

“...แล้วแต่อารมณ์ฉัน”

ตุบ!

พีทใช้ฝ่ามือตบแรงๆ บนกล้ามหน้าท้องกร แล้วแสยะยิ้มได้ใจเมื่อเห็นคนข้างล่างมีสีหน้าเจ็บปวดเบาๆ

“เป็นพวกซาดิสต์หรือไง?” กรรวบมือทั้งสองข้างของพีทมาวางไว้บนอก

“เป็นเฉพาะกับมาโซคิสต์อย่างคุณนั่นแหละ”

“...เดี๋ยววันนี้ไปหาที่บาร์”

“...” พีทกลอกตาอย่างเอือมระอากับอาการนึกอยากเปลี่ยนประเด็นก็เปลี่ยนของกร “ตามที่เสี่ยประสงค์เลยครับ”

“จะได้รับนายกลับมาพร้อมกัน”

“เฮ้อ...” ถอนหายใจขนาดนี้ก็เดาเอาเองละกันว่าพีทรู้สึกยังไง


เอาเลย อยากพูดอยากทำอะไรก็เชิญเลย เขามันลูกจ้างอยู่แล้ว...






ขอบคุณทุกคอมเมนท์และคนอ่านทุกคน นี่คือกำลังใจที่ดีที่สุดของนักเขียนค่ะ เจอกันตอนหน้า ด้วยรักจาก เห็ดหอม:)
ติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ "นิยายของเห็ดหอม" 

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.7 (05/08/59)
«ตอบ #16 เมื่อ05-08-2016 22:55:09 »

สนุกดีค่ะ มาลงชื่อติดตาม :katai5:

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.8 (06/08/59)
«ตอบ #17 เมื่อ06-08-2016 22:59:41 »

Chapter 8



บาร์เล็กบนเกาะวันนี้มีลูกค้าเยอะเป็นเพิเศษ เนื่องจากเมื่อช่วงสายๆ มีนักท่องเที่ยวมาลงหลายกลุ่ม แต่เพราะอากาศที่อึมครึมและฝนที่เทลงมาทำให้เรือทุกลำหยุดการโดยสารเข้าเมือง

...ร้านรวงบนเกาะก็รับทรัพย์ไปโดยปริยาย

วงดนตรีที่เล่นประจำกับบาร์ถูกเรียกมาเป็นกรณีพิเศษเพื่อเอนเตอร์เทนแขก และสร้างความน่าสนใจให้ร้าน ทำให้พีทกับนักดนตรีต้องปรับตัวพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนจะขึ้นเวทีด้วยความที่ไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน แต่ก็นั่นแหละ... พีทคลุกคลีกับวงการนี้มานาน อะไรๆ มันก็เลยง่าย

แตมยืนมองพีทและเหล่านักดนตรีที่เล่นเข้าขากันเป็นยังดี แถมยังหยอกกับลูกค้าเบาๆ อย่างพึงพอใจ วันนี้เด็กเสิร์ฟในร้านก็ดูเหมือนจะได้เดินมากกว่าวันอื่นๆ ส่วนตัวเขาก็ยังไม่ได้หยุดมิกซ์เครื่องดื่มมาสักพักแล้ว

“...อ้าว คุณกร” เพียงแค่เบนสายตากลับมายังบาร์ตรงหน้าก็พบกับร่างสูงของกร ใบหน้าคมพยักหน้าลงเบาๆ ก่อนที่แตมจะจัดการเรื่องเครื่องดื่มเจ้านายอย่างรู้ใจ

“แค่ไวน์พอ” กรปฏิเสธเหล้าดีกรีแรง จังหวะที่แตมพยักหน้าและเก็บแก้วทรงเตี้ยตรงหน้ากรไปบนเวทีก็เริ่มเล่นเพลงใหม่
เริ่มเพลงด้วยการดีดกีตาร์ไฟฟ้า ตามด้วยเสียงกลองที่ไม่หนักมาก และเบสแน่นๆ ที่ดูท่าจะเด่นทั้งเพลง พีทละมือจากกีตาร์โปร่งตัวเองและตั้งมันไว้กับขาตั้งตัว ในขณะที่ตัวของหนุ่มผมยาวนั่งไขว้ห้าง มือข้างหนึ่งจับไมค์ที่ถูกยึดไว้ด้วยขาไมค์

“Say my name, say my name
If no one is around you, say ‘Baby, I love you’
If you ain't runnin'…”

กรหมุนตัวให้หันไปทางเวที ขายกขึ้นไขว้ห้าง มือยกขึ้นลูบปลายคางเบาๆ

สายตาของพีทจ้องมองตรงไปยังโต๊ะตรงกลางร้าน ท่าทางยามที่คนผมยาวได้อยู่กับดนตรีเต็มไปด้วยคาริสม่าที่ใครเห็นก็ถูกดึงดูดได้ง่ายๆ

“...ได้แล้วครับ”

“...” กรเหลือบมองแก้วไวน์เล็กน้อย ก่อนจะเบนสายตาไปยังร่างบนเวทีตามเดิม


 
หลายวันก่อนหน้า

กรปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดบน แล้วพับแขนเสื้อเชิ้ตตัวเอง ลูกค้าที่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเพิ่งขอตัวกลับไป เหลือเพียงกรที่นั่งอยู่มุมร้านในโซนธรรมดาของบาร์ซึ่งเป็นร้านของเพื่อนสนิทตัวเอง

บรรยากาศในร้านก็มืด และมีไฟสลัวๆ ตามปกติของสถานที่แบบนี้แหละ เพียงแต่ร้านตกแต่งแบบไม่เป็นทางการมากด้วยการตกแต่งภายในด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ ให้บรรยากาศยุค 90 ทำให้มีกลุ่มลูกค้าตั้งแต่วัยเรียนกระเป๋าหนัก ไปจนถึงวัยทำงานและผู้บริหารระดับสูงอย่างเขา

แถมร้านยังมีดนตรีสดให้ดูทุกวัน นั่นแหละ ที่ค่อนข้างพิเศษกว่าร้านอื่นๆ ในละแวกนี้

“She know what I think about, what I think about…”

เพลง Alternative Rock จังหวะเบาๆ เข้ากับบรรยากาศร้านเป็นอย่างดี แค่เครื่องดื่มสักแก้ว เคล้ากับบรรยากาศในร้านและเพลงที่เล่นอยู่บนเวที ก็ทำให้กรึ่มได้ง่ายๆ

“…Cause it’s too cold for you here and now…
So let me hold both your hands in the hole of my sweater…”

กรแกว่งแก้ววิสกี้ในมือเบาๆ พลางมองของเหลวสีอำพันวนไปตามแรงแกว่ง คนในโซนธรรมดาเยอะพอตัว และเขาก็ไม่ค่อยชอบนักหรอก ถ้าไม่ติดว่านัดลูกค้าตอนนี้เขาคงไปนั่งโซนวีไอพีชั้นบนไปแล้ว...

“...The hole of my sweater…” เสียงลากยาวๆ ของนักร้อง กับทำนองของดนตรีที่บอกว่าเพลงจบแล้วทำให้กรเงยหน้าขึ้น
ร่างโปร่งในเสื้อเชิ้ตสีอ่อนตัวโคร่ง หรืออาจะเป็นเพราะเจ้าตัวโครงใหญ่ แต่ไม่มีกล้ามเนื้อมากนัก มันทำให้เสื้อดูตัวใหญ่ไปนิดกำลังเท้าแขนกับกีตาร์ ดวงตาที่หรี่ลงน้อยๆ เพื่อกันสายตาจากแสงไฟใช้สายตาค่อยๆ กวาดมองไปรอบๆ ร้าน มุมปากยกยิ้มเบาๆ เหมือนเป็นรอยยิ้มธรรมดา แต่พอประกอบกับแววตาของเจ้าตัวแล้วนั้น...

กรเห็นภาพซ้อนของคนในความทรงจำทาบทับกับคนบนเวที

ความคิดถึงที่กดเก็บไว้มานานมันก็เอ่อทะลักออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ กับทุกความทรงจำที่ไม่ว่าผ่านไปนานเท่าไรก็ลืมไม่ได้สักที

“...” สายตาที่กวาดมองไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็บังเอิญมาสบตากับกรที่นั่งกอดอกอยู่

“...”

แค่ชั่วนาทีที่สบตากรก็รู้ว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง บางอย่างที่รู้ว่าไม่ควร

“ไงมึง”

ตอนนั้นเองที่นักร้องผมยาวบนเวทีเบนสายตาหนีไปแล้ว และเจ้าของร้านตัวดีก็โผล่มานั่งข้างๆ กรและยกแขนพาดบ่าเขา

“ก็รวยเหมือนเดิม”

“สัส แบ่งกูรวยบ้างซิล่ะ” คนเป็นเพื่อนด่าไปหัวเราะไป แล้วยกขาขึ้นไขว้ข้างหนึ่งพลางกระดิกเท้านิดๆ

“เม้ง บนเวทีนั่นใคร?” นัยน์ตาสีดำจับจ้องไปยังบนเวที จ้องมองคนผมยาวที่ตีคอร์ดกีตาร์ทำงานของตัวเองไม่ละสายตา

“พีทน่ะ ก็ประจำร้านกูตั้งนาน มาหลายรอบ จำไม่ได้เลย?”

“กูไม่ได้นั่งข้างล่าง” กรปรายตามองเพื่อนเบาๆ ทำเอาคนถูกมองเบะปาก

“เออ... กูผิดเอง ชื่อพีท เป็นผู้จัดการร้านเขาฝากเข้ามาประจำร้านกูได้หลายปีแล้ว” เม้งมองตามสายตาเพื่อนไปยังร่างบนเวที “ดีนะมึง ลูกค้าติดเพียบ ทั้งหญิงชาย”

“...” กรเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง สายตายังคงไม่ละไปไหน “ร้องเพราะดี กูจ้างไปเล่นโรงแรมกูได้ไหม?”

“เล่นอะไรวะ?”

“ไปร้องที่บาร์ในโรงแรมไง” กรตอบหน้านิ่ง แต่เพื่อนข้างๆ กลับกระตุกยิ้ม

“แค่ร้องเพลงเหรอวะ?”

“...” กรไม่ตอบอะไร... ไม่แม้แต่จะหันไปสบตากับเม้ง

“เออๆ เดี๋ยวกูติดต่อให้ละกัน”


 


“หึ” กรละสายตาจากพีท หลุบตามองตักตัวเอง ก่อนจะคว้าแก้วไวน์มาแกว่งของเหลวสีเข้มในแก้วน้อยๆ แล้วยกมันขึ้นจิบ

ถ้าจะโทษที่เขาเอาแต่ใจ ก็โทษผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างเม้งด้วยละกัน

“Any other day I would call
you would say ‘baby how's your day?’
but today it ain’t the same…”

ยิ่งเพลงเล่นไปเรื่อยๆ สายตาพีทก็เริ่มกวาดมองไปรอบร้าน บุคลิกของศิลปินที่ใส่ใจผู้ชมทำให้เจ้าตัวแทบจะส่งให้ตายให้ลูกค้าครบทุกโต๊ะในร้าน บวกกับร้านที่มีขนาดเล็กกว่าบาร์ปกติที่ตัวเองเคยทำงานไปด้วย... ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะใช้สายตาแทนการพูดคุยกับแขกทุกคน

“…If you took it there first of all let me say…”

กรไม่ได้ละสายตาไปไหน ดังนั้นตอนที่พีทกวาดสายตาไปทั่วร้าน ทั้งคู่จึงสบตากันพอดี

“…I am not the one to sit around and be played…”

ดวงตาของคนผมยาวหรี่ลงนิดหน่อย พร้อมๆ กับริมฝีปากที่กระตุกยิ้มมุมปากให้เขา ...กรรู้สึกเหมือนหยุดหายใจไปตรงนั้น

 



คนที่นั่งเท้าคางปรายตามองเขาน้อยๆ

ใบหน้าเรียวไม่หันมามองเขาตรงๆ แต่ส่งสายตา และรอยยิ้มมุมปากมาให้ ทั้งหมดประกอบกันเป็นท่าทางแฝงความนัยบางอย่าง
กรที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียงมองคนตรงหน้าไม่ละสายตาแล้วยิ้มออกมา

Rrrr… Rrr…

โทรศัพท์บนเตียงสั่นไม่หยุดมาสักพัก นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้เจ้าของรอยยิ้มมุมปากหันมาสบตากับเขา

“ไม่รับซะทีนึงล่ะ?”

“...” กรไม่ตอบแต่เหลือบมองโทรศัพท์เล็กน้อย เป็นจังหวะที่มันเงียบไปพอดี “มันทำลายบรรยากาศเวลาอยู่กับนาย”

“...” เปลือกตาของคนตรงหน้ายังโค้งเหมือนคนยิ้มแม้ว่าจะเจ้าตัวจะไม่ได้ยิ้มแล้วก็ตาม “ผมรู้นะ...ว่าคุณรู้ว่าผมรู้”

“...” กรยิ้มตอบ เป็นรอยยิ้มร้ายที่จริงใจที่สุด

เขารู้ว่าอีกฝ่ายรู้ แล้วเขาก็อยากรู้ว่าถ้าอีกฝ่ายรู้จะเป็นยังไงถึงได้ปล่อยให้รู้

“รับสายไปเถอะ ผมไม่ถือ”

“หืม...” กรลากเสียงในลำคอ มองคนที่ยังไงก็ไม่แสดงความไม่พอใจกับอะไรสักที

“แต่อย่าให้มันซึ่งๆ หน้าละกัน”

“...”

“ผมไม่ใช่คนที่คุณจะมาปั่นหัวกัน”
 







01.05 AM

เลยเวลาเคอร์ฟิวของเสี่ยกรมาเป็นชั่วโมงแล้ว พีทยังเอ้อระเหยอยู่ เขาจำได้ว่าเห็นกรมาหาเขาที่ร้านจริงๆ เพราะฉะนั้นเจ้าตัวก็ต้องรู้แหละว่าวันนี้ลูกค้าเยอะ

ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก เห็นบอกว่าจะรอกลับพร้อมกันด้วยนี่นา ปล่อยให้รอไปละกัน

“อ้าว พี่แตม” พอเห็นผู้จัดการร้านเดินมาหลังร้านพีทก็เกิดอาการงง เพราะตอนนี้พนักงานทุกคนรวมนักดนตรีก็มารวมตัวกันหลังร้านหมดแล้ว แล้วถ้าแตมเดินมาหลังร้านด้วยอีกคน งั้นเสี่ยก็นั่งคนเดียวน่ะสิ “เสี่ยล่ะ!?”

“กลับไปแล้ว”

“ฮะ!?” พีทร้องออกมา

นี่เขายืดยาดจนเสี่ยรอไม่ไหวเลยเหรอวะ จะโดนอะไรอีกไหมเนี่ย...

“อือ กลับไปตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ลูกค้าจีนคนนั้นยังไม่เลี้ยงดริ๊งค์มึงอะ”

...อ๋อ โล่งอกไป ถ้าเสี่ยมันเห็นว่าเขารับเครื่องดื่มจากลูกค้าเดี๋ยวโดนค่อนแคะอีก เผด็จการแล้วยังเยอะแยะ

ไม่สิ ผิดประเด็น พ้อยท์ต้องอยู่ตรงที่เสี่ยกรมันหนีกลับสิ... ไหนบอกจะรอกลับพร้อมกันไง

“พี่พีท แดก” เสียงมือกีตาร์รุ่นน้อง ผู้ร่วมงานจำเป็นวันนี้ ยื่นแก้วเหล้าที่ชงเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วให้เขา พีทหันไปมองคนอื่นๆ ที่ส่งสายตาเชียร์เหมือนเชียร์มวยก็ได้แต่รับแก้วมาถือไว้… สักกรึ๊บนึงก็ได้วะ

“อยู่แดกด้วยกันเปล่า?” แตมถามนักร้องหนุ่ม พีทชะงักมือที่กระดกแก้วเบียร์ แล้วมองหน้าผู้จัดการร้านที่รู้ว่าพีทอยู่ในสถานการณ์ไหนถึงได้ถาม

“...” พีทเงียบลังเลนิดหน่อย แต่ก็ยิ้มรับ “สักหน่อยก็ได้พี่”
 



Pete : แพรว นอนยัง?

พีททักไลน์น้องสาวไปไม่คาดหวังว่าเจ้าตัวจะอ่านหรือตอบกลับมาเพราะตอนนี้ตีหนึ่งกว่าแล้ว แต่ผิดคาด ไลน์ขึ้นว่าอ่านแล้ง ก่อนที่จะมีสายโทร.เข้าในไลน์มาอย่างรวดเร็ว พีทวางแก้วเหล้าในมือ แล้วเดินเลี่ยงจากกลุ่มคนไปนอกร้าน

“ฮัลโหล”

(พี่พีท...) เสียงอ้อนดังมาจากปลายสาย พีทยิ้มกว้างออกมาที่สุดในรอบหลายวัน ก่อนจะกรอกเสียงตอบปลายสายไป

“คิดถึงพี่ล่ะสิ”

(คิดถึงม๊าก... เลิกงานแล้วเหรอคะ?) ทำเสียงสูงซะไม่แน่ใจว่าคิดถึงจริงหรือเปล่า พีทนั่งลงกับม้านั่งไม้ ลมเย็นพัดใบมะพร้าวให้สีกันจนเกิดเสียงประสานกับเสียงคลื่นทะเล

“อื้ม... แล้วแพรวล่ะ ทำไมยังไม่นอน?”

(อ่านนิยายอยู่ค่ะ ซะหน่อย แก้เครียดหลังเกรดออก เฮ้อ...) เสียงปลายสายถอนหายใจ ฟังดูน่าเอ็นดูซะไม่มี (พี่พีทล่ะ เข้าที่หรือยัง กับเจ้านายแล้วก็งานใหม่)

“...” ...ถามว่ากรรับมือยากไหม ก็ยาก แต่พีทได้เก็บมาใส่ใจให้เป็นทุกข์ไหม...

คนอย่างเขาเคยรู้สึกทุกข์ หรือสุขกับอะไรด้วยเหรอ?

“ก็ไม่แย่นะ แพรวล่ะ พี่ไม่อยู่แล้วเหงาไหม?”

(ก็เหงานะ ถ้าวันไหนหมวยกับพรีมไม่ชวนเที่ยวหรือมานอนเล่นที่บ้าน บ้านมันเงียบมากเลย) พีทเข้าใจความรู้สึกแพรวเป็นอย่างดี เพราะเขาต้องเจอมันทุกครั้งที่แพรวไปเรียนและปิดคอร์สสอนดนตรีให้เด็กๆ

“อดทนนะแพรว”

(แพรวสบายมากค่ะ... พี่พีท แพรวได้ยินเสียงคลื่น?)

“...!” พีทช็อคไปนิดหน่อยแต่ก็รีบแก้สถานการณ์ “เสียงทีวีพี่ล่ะมั้ง อย่าสนใจเลย”

(อือ... พี่พีท อย่าทำแต่งานนะคะ พักบ้างเที่ยวบ้างนะ) น้ำเสียงเจือความเป็นห่วง พีทยิ้มกว้างอีกรอบ ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ไม่มีดวงดาวสักดวง

“กลัวพี่ลืมของฝากก็บอก”

(รู้ทัน คิกๆ ไม่กวนพี่พีทและ อาบน้ำกินข้าวพักผ่อนนะคะ แพรวก็ปิดคอมจะนอนแล้วเหมือนกัน)

“อืม ฝันดีค่ะแพรว”

(ฝันดีค่ะ)

ปลายสายตัดไป พีทก้มมองโทรศัพท์ในมือ ก่อนจะเงยหน้าเหม่อมองไปข้างหน้า… ผ่านต้นมะพร้าว เลยไปถึงหาดทราย และชายทะเล

มันก็มีบางทีที่พีทนึกโทษดินฟ้าโชคชะตาทั้งหลายที่ชีวิตเขาเป็นแบบนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยวาง เพราะการคิดแต่แก้ไขอะไรไม่ได้ มันไม่เกิดประโยชน์ที่จะคิด

พีทไม่ชอบชีวิตตัวเองนักหรอก แต่มันก็หนีไปไหนไม่ได้เหมือนกัน ก็ได้แต่ขอบคุณแพรวที่เป็นเหตุผลให้เขามีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้

อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป คนที่จากไปแล้วก็เหลือไว้เป็นความทรงจำ คนที่ยังอยู่ก็ก้าวต่อไป พีทคิดแค่นั้นจริงๆ ถึงได้ไม่ทุกข์ร้อนกับอะไรสักอย่างในชีวิต



...ถ้ากรจะคิดได้เหมือนพีทสักนิดหนึ่งก็คงจะดี?





ช่วงนี้คึก เลยอัพถี่นิดนึงค่ะ 555555 อ้อ ลืมบอก ชื่อเพจ เปลี่ยนแล้วนะคะ ไปกดถูกใจเพื่อติดตามข่าวสารได้ที่
เห็ดหอม Alt+1

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.8 (06/08/59)
«ตอบ #18 เมื่อ07-08-2016 08:58:32 »

ต้องอ้อนให้เสี่ยพาไปเที่ยวอังกฤษแล้วจะได้เนียน

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.8 (06/08/59)
«ตอบ #19 เมื่อ07-08-2016 12:01:41 »

โอ๊ยย หมั่นไส้อิเสี่ย จะเอายังไงก็เอาเหอะ เหมือนเล่นกับความรู้สึกตลอดเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.8 (06/08/59)
« ตอบ #19 เมื่อ: 07-08-2016 12:01:41 »





ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.9 (19/12/59)
«ตอบ #20 เมื่อ19-12-2016 08:45:12 »

Chapter 9

“พีท”

“...”

“พีท” กรเรียกพีทที่นอนตะแคงหนุนแขนของเจ้าตัว ฝ่ามือใหญ่วางทาบลงบนแก้มขาวซีดของพีท

เมื่อคืนเขาไม่ได้ลืมว่าจะรอกลับพร้อมคนตรงหน้า เพียงแต่กรที่นั่งดูพีทร้องเพลงแล้วเห็นภาพซ้อนทับของคนในความทรงจำขึ้นมา มันก็ทนไม่ไหวจนต้องหนีกลับมาที่ห้องคนเดียว

เขารู้ดีว่าเขาเป็นคนไม่ดีเอาซะเลยกับทุกๆ เรื่อง ทั้งเรื่องผิดคำพูด ...และเรื่องที่คิดว่าใครจะแทนที่ใครได้

...ตั้งสติหน่อยเถอะว่านี่คือพีท และไม่มีวันจะเป็นใคร

“ตื่น” กรตบหน้าพีทเบาๆ เพื่อปลุกให้ตื่น และมันเห็นผลชะงัก พีทลืมตาทำหน้าง่วง แล้วยิ้มมึนใส่เขา

“ขออีกแป๊บนึงนะ...” พีทหลับต่อไปทั้งๆ ที่จับมือที่เพิ่งตบหน้าตัวเองแนบไว้กับแก้มตัวเอง นั่นยิ่งทำให้กรได้สติ

...ว่าพีทก็คือพีท คนที่ไม่รู้อะไรเลย และไม่มีท่าทางอยากจะรับรู้อะไรบนโลกใบนี้ที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง

ไม่ได้ใกล้เคียงกับคนๆ นั้นสักนิด คนในความทรงจำที่อยู่กับกรทุกครั้งที่ปล่อยใจให้ว่าง คนที่รู้ทุกอย่างแต่ทำเหมือนไม่รู้อะไรเลย
กรมองพีทนิ่ง แล้วเดินออกจากห้องนอน บางทีเขาคงต้องยอมรับ ...มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก กับการที่เราจะรักใครอีกคนที่แค่ดูคล้ายกัน

 



09.10 AM

พีทอาบน้ำตัวหอมฟุ้งด้วยกลิ่นครีมอาบน้ำเดียวกับที่กรใช้ แล้วเดินออกมาข้างนอก กรนั่งไขว้ห้างตามองโทรทัศน์ เป็นภาพที่เจอทุกวันจนชินชา ร่างในเสื้อยืดกับกางเกงขาสามส่วนสบายๆ ยังให้มาดมาเฟียมาพักร้อน แต่น่าจะเป็นเพราะรูปร่างท่าทางของเจ้าตัวนั่นแหละ ที่ทำให้กรมีลุคแบบนั้น

“...” สองสายตาสบกัน พีทยิ้มบาง ส่วนกรหน้านิ่ง ต่างคนต่างมีคดีติดตัวที่ไม่อยากพูดถึง พีทรู้และจำได้ว่าเมื่อตัวเองเผลอขัดคำสั่งเจ้านายไป เพราะกว่าจะกลับก็ตีสองกว่า ส่วนกรน่ะเหรอ ร่างสูงก็น่าจะรู้ตัวนะ...ว่าผิดคำพูดที่ว่าจะรอกลับพร้อมเขาน่ะ

“หิวไหม?” การที่กรเริ่มชวนคุยเป็นสัญญาณที่บอกว่าเราหายกัน พีทพยักหน้าแรงๆ ทรุดลงนั่งข้างๆ กร

“หิว คุณกินอะไรหรือยัง?”

“ยัง รอพานายเข้าเมือง” กรพูดในขณะที่ตายังจ้องโทรทัศน์ พีทยิ้มกว้างกว่าเดิมเล็กน้อย เหลือบมองฟ้าฝน อากาศเป็นใจ แสดงว่าวันนี้เดินเรือได้

“ไปเลยป่ะเสี่ย รออะไร”

“...” กรปรายตามองพีท สายตาเหมือนอยากบอกว่าทั้งหมดก็รอตัวเองอยู่คนเดียว แต่คนจะได้ออกไปเที่ยวข้างนอกคงดีใจจนไม่สนใจอะไรแล้ว
 




พีทแปลกใจที่คราวนี้กรไม่สั่งให้คนเอารถมารับ แต่พาเขาไปเช่ามอเตอร์ไซค์มาบิดเล่น มอเตอร์ไซค์เครื่อง 125 ธรรมดาๆ ไม่ใช่สี่สูบหรือบิ๊กไบค์แบบที่เหมาะกับมาดมาเฟียอย่างกรถูกขับขี่ไปบนถนนที่สองข้างทางขนาบไปด้วยตึกรามบ้านช่องซึ่งสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส ความสวยงามของอาคาร บวกกับอากาศเย็นชื้น ก็ทำให้คนซ้อนอย่างพีทนั่งลืมหิวไปเลยทีเดียว

พีทนั่งซ้อนท้ายมาเรื่อยเปื่อย ไม่ได้รู้ว่ากรจะพาไปที่ไหนจนในที่สุดกรก็จอดรถสักที ร้านโรตีกว้างขนาดหนึ่งห้องแถว ภายในร้านมีลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนท้องถิ่นนั่งกินมื้อเช้าและสนทนากันอย่างออกรส กรมองหาโต๊ะว่างและเดินพุ่งตัวไปนั่ง ก่อนจะสั่งเมนูอย่างคล่องแคล่วตามประสาลูกค้าประจำ พนักงานรับออเดอร์แล้วจากไป ทิ้งพีทกับกรให้นั่งมองตากันปริบๆ

“คุณเลี้ยงผมใช่ไหม สั่งเยอะขนาดนี้”

“ตั้งแต่มาอยู่กับฉันนายเสียอะไรไปบ้างล่ะ”

“ก็ไม่...” พีทอมยิ้ม นัยน์ตาแพรวพราว “รอเสียตัวอย่างเดียว”

“...” เสียงกรพ่นลมหายใจเบาๆ แต่พีทเห็นนะ มุมปากแอบยิ้มน่ะ จะเก๊กทำไม “ถ้าฉันทำขึ้นมาจริงๆ จะพูดไม่ออก”

“ครางอย่างเดียว หึๆ” พีทพูดติดตลกเล่นมุกเรี่ยราด แต่คนมันไม่คิดอะไรก็คือไม่คิดอะไรอยู่วันยังค่ำ แค่ได้เห็นกรทำหน้าแบบอื่นบ้างก็สนุกพอแล้ว

“รออยู่นี่เดี๋ยวฉันมา” กรส่ายหน้าแล้วลุก จังหวะเดียวกับที่ของมาเสิร์ฟ พีทพยักหน้าส่งๆ เพราะเทความสนใจให้โรตีตรงหน้าไปหมดแล้ว
 




หายไปสิบกว่านาที

เป็นสิบนาทีที่หิวและลุ้นว่าจะโดนชิ่งมาก กรไม่บอกว่าจะไปไหน และก็ไม่กำชับว่ากินก่อนได้เลย ไอ้ครั้นจะลงมือจ้วงเข้าปากก่อนแบบไม่รอใครก็ดูจะเสียมารยาทเกินไป แถมของก็สั่งมาเยอะ เกิดเสี่ยมันนึกผีเข้าหนีกลับเกาะทิ้งให้พีทจ่ายก็มีล้างจานใช้หนี้กันไปข้าง เพราะเขาก็มีเงินสดติดตัวอยู่ไม่กี่บาท

เสี่ยกรมันก็พูดถูก ตั้งแต่มาอยู่นี่ไม่ได้ใช้ตังค์สักสลึง เงินสดติดตัวเลยแทบจะไม่มี

“...” นั่งเคาะโต๊ะเรื่อยเปื่อยเป็นทำนองเพลงที่อยู่ในหัวพีทก็เห็นกรเดินหิ้วถุงใส่กล่องไปรษณีย์เข้ามาร้าน ความรู้สึกตอนนี้ของพีทเหมือนสุนัขเห็นเจ้าของ ทันทีที่กรนั่งลงพีทก็แทบลงไปกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ “มาแล้วเหรอ?”

“อืม ทำไมไม่กินล่ะ?”

อ้าว นี่รอก็ผิด คนอุตส่าห์มีมารยาท พีทแอบมองบนแต่ก็ยิ้ม มาดคนดีต้องมา “ผมรอกินพร้อมคุณ”

กรพยักหน้า หน้าตาไม่ได้ซาบซึ้งกับความดีของพีทเท่าไร เจ้าตัวตักน้ำแกงราดโรตี แล้วก็ละไปยุ่งอยู่กับพัสดุในกล่อง ส่วนพีทนั้นก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ขอกินก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน

โรตีกับน้ำแกงรสชาติเข้ากันดีอย่างไม่น่าเชื่อ รสชาติแกงที่ถึงเครื่อง ต่างกับที่เคยกินในร้านที่กรุงเทพฯ พอกินกับโรตีกรอบนิดๆ แล้วยิ่งฟินลืม

ไม่ได้การและ... เสร็จงานต้องพาแพรวมาเที่ยวบ้าง แต่แน่นอน เขาจะไม่พักรีสอร์ทคนตรงหน้าเด็ดขาด

“พีท”

“อือ?” พีทส่งเสียงในลำคอสั้นๆ พลางเงยหน้ามองคนเรียก กล่องใส่ครีมแพ็กเกจเรียบหรูถูกยื่นมาตรงหน้า คนผมยาวเลิกคิ้ว พลางจับปอยผมที่รวบไม่หมดทัดหู ก่อนจะรับมันมาถือ “อะไรอะ?”

“แฮนด์ ครีม” กรพูดพลางพยักเพยิดหน้า “แกะสิ”

“ฮะ อือๆ” พีททำหน้าเหรอหรา แต่ก็แกะหลอดครีมออกจากกล่อง

“ลองใช้เลย ฉันซื้อให้”

“โห... ขอบคุณนะเสี่ย” ถึงจะไม่เข้าใจว่าเนื่องในโอกาสอะไรแต่พีทเก็ปิดหลอดแล้วบีบครีมมาทาที่มือ “อืม หอมดี”

“งั้นก็ใช้บ่อยๆ มือนายจะไม่ได้หยาบ”

“...เกือบดีแล้วเสี่ย” พีทกลอกตาเอือมระอา พลางยัดครีมลงกล่องตามเดิม

“ส่วนอันนี้ครีมบำรุง...” กรเลื่อนกล่องอีกกล่องมาตรงหน้าพีท แน่นอนว่าเขาก็ต้องงงสิ ได้แฮนด์ครีมแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกเหรอ... “สั่งจากอังกฤษ ให้น้องสาวนาย”

“ไอ้เหี้ย...” พีทอุทานเป็นคำหยาบด้วยความซาบซึ้ง “เสี่ยแม่งละเอียดอ่อน”

เพราะจำได้ว่าพีทโม้กับน้องสาวตัวเองว่ามาทำงานที่อังกฤษ ก็กลัวว่าข้ออ้างจะขาดน้ำหนัก เสี่ยกรเลยมีน้ำใจซื้อครีมที่เมด อิน บริทิช มาให้ พีทสรุปให้ตัวเองอย่างประทับใจ พลางยื่นมือมาคว้ามือกรไปจับบีบแรงๆ แล้วเขย่า

“ขอบคุณนะครับเสี่ยกร” ไม่ต่างกับติดสินบน ตอนนี้ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ชี้กระต่ายเป็นกระรอกตามใจเสี่ยทุกอย่าง พีทยิ้มกว้าง กว้างแบบที่กว้างได้เพราะแพรว แต่คราวนี้เป็นเพราะเสี่ยกร

เพราะความมีน้ำใจซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีของคนเป็นเจ้าคนนายคน ไม่แปลกที่ลูกน้องของเจ้าตัวจะดูเคารพกร แม้ว่ากรจะเป็นเจ้านายอายุน้อยกว่าปกติก็ตาม

“...” กรสบตาพีท มองรอยยิ้มประทับใจของคนผมยาว

“...” พีทสบตากรด้วยแววตาขอบคุณ

ทั้งคู่สบตา และสุดท้ายก็มีรอยยิ้มบางๆ ส่งให้กันอย่างไม่รู้ตัว

ความสัมพันธ์ไม่มีชื่อเรียกระหว่างพีทกับกร ไม่ใช่เจ้านายและลูกน้อง ไม่ใช่คนรักแต่เป็นคนที่หน้าเหมือนคนรักต่อให้พีทจะทำให้กรรักไม่ได้ เขาก็พร้อมจะเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้อง เป็นทุกอย่างที่กรพอใจ
 




ฝนที่ตกลงมากะทันหันทำให้พีทกับกรไปไหนไม่ได้...

ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าร้านโรตี เพราะไม่แน่ใจว่าจะเสี่ยงขับมอเตอร์ไซค์ฝ่าฝนออกไปดีไหม พีทเหลือบมองกรที่ยืนนิ่งอย่างประเมินสถานการณ์ พลางเหลือบมองสายฝนตรงหน้า

“เย็นดีเนอะเสี่ย” พีทแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย สูดอากาศเย็นชื้นเข้าปอด ฝนตกแบบมีแต่น้ำฝนก็ดีแบบนี้ ถ้ามีฟ้าร้องฟ้าผ่าด้วยสิพีทถึงจะไม่ค่อยปลื้ม

“อือ...” กรที่มองตรงไปข้างหน้าเหลือบในที่สุดก็คว้ามือพีทมาจับ “ไปกันเถอะ”

“ไปไหน!?”

“ไปจากตรงนี้”
 



กรดึงมือพีทวิ่งฝ่าฝนข้ามไปยังตึกฝั่งตรงข้าม ก่อนจะปล่อยมือ แล้วเดินนำลัดเลาะไปตามหน้าบ้านและร้านรวงต่างๆ แค่พักเดียวเท่านั้นทั้งสองคนก็มาโผล่อยู่หน้าร้านกาแฟที่กรเคยนัดลูกค้าไว้คราวก่อน

กรผลักประตูเข้าไป ตามด้วยพีทที่ประตูเกือบกระแทกหน้าเพราะคิดว่ากรจะจับไว้ให้ ร่างสูงเดินนำไปสั่งกาแฟ ทั้งๆ ที่เพิ่งกินกาแฟโบราณมาจากร้านโรตี และน่าจะกินกาแฟร้านมาจากบ้านแล้วด้วย ก่อนจะเลือกที่นั่งที่มุมในสุดของร้าน

ความกว้างของร้านที่มีเนื้อที่มากพอจะวางโต๊ะแต่ละโต๊ะให้ห่างกันอย่างเว้นระยะ บวกกับในร้านตอนนี้ไม่ค่อยมีลูกค้า ที่ๆ กรเลือกนั่งจึงเหมือนว่าจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าตัวไปเลย

เครื่องดื่มที่สั่งมาเสิร์ฟ พีทยิ้มขอบคุณคนเสิร์ฟแทนกรที่กำลังวางมาดขรึมอยู่ ก่อนจะเลื่อนมันไปตรงหน้ากร “แล้วเราก็ต้องเดินย้อนกลับไปเอามอเตอร์ไซค์อีกเหรอ?”

“...” เสี่ยกรไม่ตอบแต่มองหน้าเขานิ่งๆ อันที่จริงกรควรจะชินกับคำถามที่ดูโง่ๆ ของพีทได้แล้ว ในขณะเดียวกัน พีทก็ควรจะชินกับสายตาหยามเหยียดของกรที่แสดงมาพร้อมกับมาดเย็นชาด้วยเหมือนกัน

พีทยิ้มบางสู้ แล้วยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ ความขมแผ่ซ่านไปทั่วปาก และมีรสนมนุ่มลึกอยู่ในลำคอ นี่เป็นกาแฟรอบที่สองของวัน และวันนี้วันหยุด พีทไม่ได้ไปเล่นที่บาร์ด้วย...

โดฟเพื่อใคร? ถามตัวเองพลางทรุดนั่งในใจเสร็จสรรพ


Rrrr… Rrr…


เสียงโทรศัพท์ร้องงอแงสู้กับเสียงฝน แน่นอนว่าไม่ใช่ของพีท เพราะนอกจากแพรวซึ่งน่าจะคิดว่าเขานอนหลับอยู่ก็ไม่มีใครติดต่อพีทมาเลย

“ฮัลโหล” เศร้าในชะตากรรมของตัวเองได้แป๊บนึงเสียงทุ้มก็เรียกความสนใจ จะว่าไป พีทบังเอิญไปรู้มาว่ากรใช้โทรศัพท์สองเครื่อง เครื่องหนึ่งเอาไว้ติดต่องาน อีกเครื่องหนึ่งซึ่งเป็นเครื่องเจ้าปัญหานั่นเจ้าตัวเอาไว้คุยกับคนรู้จัก

และเครื่องที่กรถืออยู่ก็คือเครื่องที่ว่า แปลว่าตอนนี้ร่างสูงกำลังคุยกับใคร ไม่คนรู้จักก็คนในครอบครัว...

อันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะเสือกนะ เขาเรียกว่ารู้จักสังเกต

“เปล่า อยู่ร้านกาแฟ ร้านเดิม”

“...” จิบกาแฟพลางทำเป็นไม่สนใจ พีทยกมือขึ้นไล้วนขอบถ้วยกาแฟเบาๆ

“อือ”

ขนาดคุยโทรศัพท์ยังเก็บปากเก็บคำพูด ไม่รู้จะ Keep cool ไปไหน พีทลอบกระแนะกระแหนในใจ ทุกสิ่งที่คิดไม่ดีกับเสี่ยกรอยู่ในใจหมดแล้ว เพราะแฮนด์ครีมหลอดเมื่อเช้าหลอดเดียวเลย

“เดี๋ยวมีคนมา...” นี่ไง ไม่ต้องถามเจ้าตัวก็บอก ต้องให้อย่างนี้ พีทพยักหน้ารับรู้ ก่อนเอนหลังพิงพนักพิงเก้าอี้
ร่างสูงคงอยากให้เขาเตรียมตัว จะได้ไม่อึดอัดใจ แต่คงลืมไปว่าเรื่องรับมือกับคนแปลกหน้าพีทถนัดอยู่แล้ว




 
หลายนาทีผ่านไป ฝนก็ยังไม่หยุดตก…

พีทกลายเป็นบุคคลประเภทสังคมก้มหน้าเพราะความเบื่อ โทรศัพท์ถูกไถไปมา แบบไม่รู้จะทำอะไร เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนติดโทรศัพท์ แต่จะเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างที่ชอบทำบ่อยๆ มันก็ดันเป็นหน้าเสี่ยกร

เสียงคนเดินเข้ามาในร้านเรียกความสนใจ หญิงสาวร่างผอมโปร่งในชุดจั๊มสูทขายาวสีสด กับรองเท้าแตะรัดส้นสบายๆ ผมยาวสลวยทำสีสว่างขมวดเป็นปมหลวมๆ ไว้กลางหัว ใบหน้าเรียวแต่งหน้าจัดสวมแว่นกันแดดอันโต

“ไฮ” เพียงแค่สบตากรสาวเจ้าก็ร้องทักขึ้นมาพลางยกมือให้ ร่างบางเดินไปสั่งเครื่องดื่ม ก่อนที่พีทจะเป็นฝ่ายขยับไปนั่งข้างกรแทน

นั่นคงจะเป็นคนที่กรบอกว่าจะมาหา พีทมองใบหน้าสวยอย่างพิจารณา ก่อนที่เจ้าหล่อนจะถอดแว่นกันแดดออก

“!!!” พีทตกตะลึงแบบสติเตลิดเปิดโปง มันไม่ใช่แค่เพราะว่าคนตรงหน้าสวยครบเครื่อง…

ใครจะไปรู้ว่าคนแปลกหน้าที่จะมาร่วมโต๊ะกับเขาจะเป็นเจ้าแม่โฆษณาและเจ้าแม่งานอีเวนท์ รวมถึงเป็นนักแสดงมากความสามารถตัวท็อปที่กำลังมาแรงในยุคนี้ที่แม้คนที่ไม่ติดละครอย่างพีทยังรู้จัก

คุณพราว!

“อยู่นี่นานแล้วก็ไม่บอก” เสียงที่คุ้นเคยเพราะได้ยินบ่อยตามละคร และโฆษณาถามขึ้น พีทมองใบหน้าสวย สัลบกับใบหน้าคมของกร ก่อนจะก้มมองถ้วยกาแฟ เพราะไม่รู้ว่าควรวางสายตาไว้ตรงไหนดี

“ไม่รู้ว่าเธอจะหนีงานมา”

“ปาก... ฉันว่าง ฉันมาพักผ่อนย่ะ” เธอต่อปากต่อคำฉอดๆ ท่าทางไม่ต่างกับตอนตอบคำถามกับสื่อ ช่างเป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองดีจริงๆ

“มานานหรือยัง?”

“สองสามวัน ทำไม จะชวนฉันไปพักรีสอร์ทนายหรือไง? ไม่ไปหรอกนะ เบื่อแล้ว” ริมฝีปากสีสดกรีดยิ้ม กรยกยิ้มมุมปากก่อนจะเอื้อมมือไปจับปลายคางหญิงสาวแล้วจับมันหันไปมา  “เบาๆ หน่อยค่ะคุณกร ให้เกียรติสุภาพสตรีบ้าง”

“หึ” กรหัวเราะออกมา ก็นับเป็นน้อยครั้งได้ที่พีทจะเห็น ยิ่งได้มองชายหญิงสองคนสลับไปมาเขาก็รู้สึกว่า

เออ... สองคนนี้ก็ดูเหมาะสมกันดีนะ

“แล้วไม่คิดจะแนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักหน่อยหรือไง?” ในที่สุดก็มีตัวตนกับเขาสักที นี่ถ้าคุณพราวไม่ทักพีทคงเป็นแค่ธาตุอากาศนั่งแทรกอยู่ระหว่างนักธุรกิจพันล้านกับดาราดังระดับประเทศสินะ

“นี่พีท” ส่งสายตามาแค่เล็กน้อย แล้วก็ปล่อยให้พีทรับมือเอง แน่นอนว่าคนผมยาวส่งยิ้มให้เธอ

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” พราวมีลุคแบบสาวมั่น เธอสวยดีนะ และก็ดูฉลาดมากๆ

แต่เขาก็ไม่คิดว่าอยากจะรู้จักเธอมากไปกว่านี้อยู่ดีน่ะนะ

“สวัสดีค่ะ ฉันพราว...” ริมฝีปากสีสดส่งยิ้มให้ แถมยังแนะนำตัวอย่างเป็นกันเอง ทั้งๆ ที่ไม่ต้องบอกใครก็น่าจะรู้จักเธอ



“เป็นแฟนเก่ากร”
 







ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.10 (19/12/59)
«ตอบ #21 เมื่อ19-12-2016 08:50:05 »

Chapter 10



“เป็นแฟนเก่ากร”


“!?” ไม่ได้ตั้งใจจะแสดงอาการแปลกใจแต่สีหน้ามันไปเอง พีทจ้องหน้าคุณพราวแล้วเหลือบตามองกรที่ยังนิ่งอยู่
ไม่ใช่ว่าแฟนเก่ากรคือผู้ชายคนนั้นที่เสี่ยแกตั้งเป็นภาพพักหน้าจอหรอกเหรอ!?

“ที่เธอขอฉันเป็นแฟน?”

“ใช่สิ นายควรรู้สึกเป็นเกียรตินะ”

“สามขวบหน้าเธอยังเป็นก้อนยู่ยี่อยู่เลย” ปากร้ายนี่เป็นที่หนึ่ง... งั้นก็หมายความว่ากรกับคุณพราวไม่ได้คบกันจริงๆ แค่เป็นเรื่องตอนเด็ก?

แต่เอาจริงๆ ถ้าคบกันก็ไม่เห็นจะแปลก นอกจากว่าจะเหมาะสมทั้งฐานะ สองคนนี้ยังดูศีลเสมอกัน

“แล้วไม่คิดจะแนะนำพีทให้ฉันรู้จักหน่อยเหรอ?” เธอกรีดยิ้มพองามแล้วเหลือบตามาทางพีท พีทยิ้มค้างไว้บนหน้า สายตาเหลือบมองกรที่ก็กำลังเบนสายตามามองเขาอยู่พอดี คนผมยาวสบตาร่างสูงอย่างลองเชิง

ด้วยความสงสัย... กรจะแนะนำเขาว่าเป็นใคร จะบอกว่าเป็นเพื่อนเหมือนที่บอกพี่แตมแล้วคิดว่าคุณพราวจะเชื่อไหม

“พีท เป็นลูกน้องฉัน”

“...” คุณพราวพยักหน้าเงียบๆ ไม่รู้จะออกความเห็นอะไร แต่ก็ยังส่งยิ้มมาให้เขาอย่างเป็นมิตรตามเดิมแม้ว่าพีทจะเป็นแค่ลูกน้องตามที่กรบอก

สมกับที่เป็นคนของสาธารณะ การวางตัวเป็นเยี่ยม

“...”

ส่วนพีท... เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงเงียบ อาจจะแค่งง... หรือเคือง?

หรือผิดหวัง!?

ผิดหวังอะไร กรไม่ได้พูดผิดสักคำ สถานะตอนนี้เขาก็ลูกน้องจริงๆ รับเงินเดือนแพงด้วย แล้วทำไมพีทถึงต้องหลบตากร

“...”

ฝนค่อยๆ ซาลง พื้นถนนเปียกชื้นไปด้วยน้ำฝนที่ตกก่อนหน้า พีทเลือกที่จะมองทะลุกระจกร้านไปยังถนนด้านนอกแทนการนั่งมองกรและพราวคุยกัน

...พีทต้องทำให้กรต้องหลุมรัก

หรือถ้าไม่รัก เขาจะได้เงินอีกก้อนเป็นค่าเสียเวลา...

แล้วถ้าคนที่ตกหลุมรักเกิดเป็นพีทซะเองล่ะ? ไม่หรอก อย่างดีมันก็เป็นแค่ความผูกพัน...

“...”

เป็นครั้งแรกที่มีบางสิ่งรบกวนจิตใจเขาจนต้องเก็บมาคิดวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น
 




เย็นวันเดียวกัน

เพราะว่าเป็นวันหยุดพีทเลยไม่ต้องโผล่ไปที่บาร์ ถึงจะอยากไปแทบตายเพราะไม่อยากอยู่ว่างๆ แต่ดูท่าทางเจ้านายอย่างเสี่ยกรคงไม่ยอม และพี่แตมคงไม่ต้อนรับ

อากาศเย็นชื้น พีทเปิดประตูออกจากห้องนอนมานั่งตรงระเบียง กีตาร์ที่ถือออกมาด้วยถูกเกาเป็นจังหวะเพลงที่นึกขึ้นได้ไปเรื่อยๆ เสียงกีตาร์ดังในความเงียบเข้ากับความเย็นแบบฤดูฝน

ถึงจะบอกว่าไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของใครถ้าไม่จำเป็น แต่พีทกลับหยุดไม่ได้ที่จะสงสัยเรื่องส่วนตัวของกร

แฟนเก่าของกรเป็นคนแบบไหน ชื่ออะไร ตอนนี้ยังติดต่อกันไหม

เห็นว่าเลิกกันมาแปดปีได้ ก็น่าจะยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน หรือว่าจะตัดขาดกันถาวรไปเลย?

แต่จะเป็นอย่างไหนคนที่ยังรู้สึกก็ทรมานอยู่ดีนี่เนอะ ต่อให้คิดถึงแค่ไหนก็ไม่มีสิทธิ์กลับไปเป็นอย่างเดิมแล้ว ก็น่าเห็นใจเสี่ยเขาเหมือนกัน

แต่บางทีมันก็ไม่ใช่ความรักหรอกที่ทำให้เราคิดถึง แต่เป็นความทรงจำต่างหากที่ตามหลอกหลอน

แล้วพีทจะมานั่งคิดแทนเสี่ยมันทำไมวะ?
“...” พีทซึ่งนั่งยกขาขึ้นมาขัดสมาธิข้างหนึ่งเงยหน้ามองกรที่หย่อนก้นนั่งตรงข้าม ร่างสูงจ้องหน้าเขานิ่งๆ

“...” ช่วงเวลาของความเงียบ ผู้ชายสองคนนั่งจ้องกันไปมาเคล้าเสียงกีตาร์ พีทมองหน้ากรราวกับจะเค้นเอาคำตอบในสิ่งที่ตัวเองสงสัยออกมาได้ กรขยับร่างเขามาประชิดตัวเขา มุมปากเริ่มยกขึ้นนิดๆ

“...” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมองตามมือหนาที่ปัดปอยผมที่คลอเคลียแก้มให้พ้นหน้าไป พลางมือเรียวของพีทก็หยุดดีดกีตาร์
อัตโนมัติ

“หน้านายเหมือนมีอะไรอยากจะถามฉันนะ”

“...” นิ้วของกรยังแตะอยู่บนแก้ม พีทเบะปากก่อนจะ...

งับ!

ใช้ทีเผลอขยับหน้า แล้วงับนิ้วกรแรงๆ

โทษฐานมาวนเวียนอยู่ในความคิดเขานานเกินความจำเป็น

“ถามมา ถ้าตอบได้จะตอบ”

เสี่ยกรมันมีสกิลการอ่านใจได้หรือไงวะ พีทเอาคางเกยกีตาร์ เม้มปากเบาๆ แล้วยิ้มมึนออกมา

“แฟนเก่าคุณชื่ออะไรเหรอ?”

“...”

“ที่ไม่ใช่คุณพราวอะ”

“...” กรยิ้มมุมปาก บางทีพีทก็คิดนะว่าเจ้าตัวเหมือนยิ้มสมเพชตัวเองยังไงยังงั้น “บอส ชื่อบอส”

“อ๋อ...” ไม่รู้จักอยู่ดี ประเทศนี้มีไม่รู้กี่ล้านบอส แล้วพีทจะถามทำไมวะ “แล้ว... คุณกับเขายังคุยกันดีไหม หรือแบบ...”

“ไม่ได้คุยกันแล้ว เขาอยู่อังกฤษ แต่ฉันกลับไทย”

“...อ้าว คุณเคยอยู่อังกฤษเหรอเนี่ย”

“...เราเจอกันที่นั่น”

“...”

“บอสไม่เหมือนใคร”

นั่น ตอบคำถามแบบคนละเรื่องเดียวกันอีก พีทเกาหัว แล้วกลอกตาเบาๆ “มันก็ไม่มีใครเหมือนใครทั้งนั้นแหละเสี่ย”

“...” กรจ้องตาพีท พักหนึ่งก็ยิ้มมุมปากออกมา “ก็จริง ถึงจะคล้ายแค่ไหนนายก็ติ๊งต๊องเกินกว่าจะเหมือนบอสได้อยู่ดี”

‘หลอกด่ากูอีก เดี๋ยวก็ยกกีตาร์ฟาดหน้า’ พีทคิดในใจแล้วกัดฟันยิ้มให้กร ก่อนจะตีคอร์ดกีตาร์แรงๆ ไปทีนึงระบายความแค้น

“คุณยังไม่รู้จักผมดีพอ...” พีทยิ้มร้าย “อยากรู้เรื่องของผมมากกว่านี้ไหมล่ะ?”

“...” กรไล่สายตาขึ้นและลงด้วยแววตาที่คนถูกมองรู้สึกถูกหยามเหยียด แต่เอาจริงๆ กรก็แค่มองธรรมดา “ไม่ล่ะ ฉันคิดว่าเท่าที่ฉันรู้นั่นก็คือทั้งหมดของชีวิตนายแล้ว”

แหม... ผู้ทรงอิทธิพล ผู้ครองโลก เล่นไปสืบมาหมดซะขนาดนั้น อำนาจล้นฟ้าจริงๆ

“ไม่หรอก มีอย่างนึงที่คุณอาจจะยังไม่รู้...” พีทยิ้มมีเลศนัย กรกอดอก เอียงคอมอง แล้วเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

“อะไร?”

“ความจริงแล้ว...” พีทวางกีตาร์ลงข้างตัว แล้วขยับตัวไปใกล้เสี่ยกรอีกนิด พลางลดระดับเสียงพูด “ผมเป็นเกย์”

“...” สีหน้ากรก็ยังเรียบนิ่งเหมือนเดิม แต่พีทสังเกตอย่างคิดไปเองว่าแววตากรมันเปลี่ยนไปนิดนึง

รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของคนผมยาวมันค่อยๆ กว้างขึ้น กว้างขึ้นจนกลั้นหัวเราะไม่ได้

“ฮ่าๆๆ” พีทยกมือขึ้นปิดหน้าหัวเราะจนไหล่สั่นอยู่นาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วสูดอากาศลงปอด “ฮึบ ฮ่าๆๆ ผมล้อเล่น”

“...” คนหน้านิ่งก็ยังนั่งกอดอกหน้านิ่งเหมือนเดิม สายตาเย็นเยียบมองพีทที่ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกด้วยความเหนื่อย

ไม่ปล่อยให้พีทที่เพิ่งหัวเราะจนท้องแข็งได้หายใจ ฝ่ามือหนาประกบใบหน้าเรียว แล้วจับให้หันมาหาตัวเอง ก่อนที่กรจะเอียงหน้า ประกบริมฝีปากตัวเองลงบนริมฝีปากของพีทอย่างรวดเร็ว

“!” ริมฝีปากไม่ใช่แค่กดลงแต่ขยับอย่างรู้จังหวะ พีทตกใจ ไม่รู้ต้องทำตัวยังไง เลยเผลออ้าปากตามจังหวะดูดดึงให้กรแทรกลิ้นเข้ามาได้ เสี่ยกรร้ายกาจ พอเห็นว่าพีทตั้งตัวไม่ทันก็จัดหนัก ไล่รุกในโพรงปากจนพีทควบคุมจังหวะหายใจแทบไม่ได้

“อื้ม!”

พีทตบบ่ากรเป็นสัญญาณว่า ใกล้ตายแล้ว น้ำลายเริ่มไหลซึมตามมุมปาก เพราะอ้าปากรับลิ้นร้อนๆ อยู่นาน กรปล่อยมือที่ประกบใบหน้าพีทออก พร้อมๆ กับผละริมฝีปากพีทให้เป็นอิสระ

“แฮ่ก..” ไอ้เหี้ย... พีทสบถในใจด้วยความโล่งใจที่ไม่ตายเพราะจูบๆ เดียว พลางเหลือบมองร่างสูงที่ลุกเดินตัวปลิวเข้าห้องนอนไปด้วยรอยยิ้มมุมปากเหมือนคนสะใจ

จูบเฉยๆ พีทก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่เสี่ยแม่งกะเอาตายเลยชัดๆ

“ฉวยโอกาส เจ้าคิดเจ้าแค้น ไอ้เสี่ย ไอ้เลว”

พีทบ่นพึมพำเบาๆ พลางแต่มองตามเสี่ยด้วยความคับแค้นใจ

โบราณว่าแกว่งตีนหาเสี้ยน หาเรื่องใส่ตัวแล้วยังจะโทษคนอื่น แกว่งปากได้ปากก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอพีท



 
01.45 AM

ครืน!!!

“!!!” พีทสะดุ้งสุดตัวพลันลืมตาขึ้น เสียงฟ้าร้องปลุกให้คนผมยาวตื่นขึ้นมาเพื่อพบว่าตัวเองนอนจมอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวหนากว่า

ครืน! เปรี้ยง!!!

พีทขยับมือมาจับตรงตำแหน่งของหัวใจที่ค่อยๆ เร่งจังหวะมากขึ้นตามเสียงฟ้าที่ร้องถี่ขึ้น สลับกับแสงฟ้าแลบ เขาอยากลุกจากตรงนี้ แม้สมองตัวเองจะบอกอย่างนั้นแต่ร่างกายก็ไม่ขยับไปไหน

...ไม่อยากให้กรตื่นและไม่อยากให้ใครมารู้เรื่องไม่เป็นเรื่องของตัวเอง

ยังดีที่ไม่มีพายุฝนตกซ้ำให้ต้องสติแตกกันไปข้าง พีทกำหนดลมหายใจเข้าและออกช้าๆ

ครื้น!!!

“!!!” แต่พอฟ้าร้องเขาสะดุ้งอีกครั้งอยู่ดี พีทหลับตาแน่น บังคับร่างกายให้นอนนิ่งๆ ก่อนจะขยับมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง

“...” เจ้าของอ้อมแขนคงรับรู้ได้ถึงอาการขยุกขยิกจึงกระชับอ้อมกอดจนหน้าพีทแทบจะบี้ติดกับแผ่นอก เสียงฟ้าร้องเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงน้ำฝนตกกระทบหลังคา พีทผ่อนลมหายใจออก แต่ยังไม่เอามือออกจากหู

ภาวนาว่าฟ้าฝนอย่าโกรธใครหรืออะไรมาเลย ยิ่งฝนฟ้ากระหน่ำเท่าไรก็ไม่เคยดีกับคนที่แม้จะรักหน้าฝนแค่ไหนก็ไม่เคยอยู่ร่วมกับมันอย่างสงบสุขได้อย่างพีทซะที

พีทลืมตาอีกครั้ง เหลือบมองสันกรามของกรเป็นครั้งสุดท้าย สัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจและลมหายใจที่ต่างก็เป็นจังหวะสม่ำเสมอของร่างสูง ก่อนจะข่มตาให้หลับไป

...การมีคนข้างๆ กันในเวลาแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันนะ


 



06.30 PM

“เสี่ย ไม่ไปดูผมเล่นดนตรีแล้วเหรอ?”

“ไม่ไป” กรพลิกหน้ากระดาษบนแฟ้มหนาไปอีกหน้าพลางอ่านอย่างตั้งใจ พีทหลุบมองแล้วกอดอกพิงขอบโต๊ะทำงานกร

“ไม่อยากอยู่ด้วยกันเยอะๆ เหรอ?”

“...งั้นก็ไม่ต้องไปบาร์” กรเงยหน้าขึ้นพลางบอกเสียงเรียบ พีทย่นหัวคิ้วไม่พอใจ

“ไม่ล่ะ...” นัยน์ตาสีอ่อนฉายแววเจ้าเล่ห์หยอกล้อ “ไม่ไปก็ดีแล้ว เดี๋ยวคุณเห็นภาพบาดตาเวลา...”

เป็นอันรู้กันว่านักดนตรีกับแขกน่ะสานสัมพันธ์กันง่ายๆ

กรยิ้มมุมปากออกมา “...ตามสบาย”

“ไม่แคร์กันเลยเหรอ...” พีทเบะปากแรงๆ เหมือนน้อยใจมาก ถึงแม้มันจะมองดูก็รู้ว่าตั้งใจกวนประสาท

“...”

“ไม่รักกันบ้างก็แล้วไป” กระแทกเสียงเสร็จก็หมุนตัวจนผมยาวปลิวสยายตามแรงสะบัดของหน้า พีทเดินฮัมเพลงออกจากห้องทำงานของกรไปคว้ากีตาร์ที่ได้รับอุปถัมภ์จากเสี่ยกรในห้องนอน ก่อนจะออกไปทำงานของตัวเองบ้าง


 


 
08.24 PM

แตมเปิดเพลงจังหวะเนิบๆ สร้างบรรยากาศไปก่อนแทนการให้พีทขึ้นไปเล่นดนตรีสด เพราะยังหัวค่ำ และลูกค้าน้อย คนผมยาวนั่งอยู่ตรงบาร์ มองพนักงานเสิร์ฟในร้านที่ก่อกวนกันเอง เรียกเสียงหัวเราะให้คนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี

“พี่ต้นแม่งแกล้งผมทำไมวะ!?” ภาษากลางสำเนียงใต้จากพนักงานเด็กสุดในร้านบ่นอุบโดนพนักงานอีกคนในร้านแกล้งพูดหยอก สลับกับจับล็อคแล้วสกินชิพ

“รักหรอกจึงหยอกเล่นเท็น” คนถูกว่ายิ้มพราว มองคนที่ทั้งผอมทั้งตัวเตี้ย

“รักก็ให้แม่มาขอ” เท็นเห็นช่องคิดว่าจะเล่นมุกกลับบ้าง แต่เจ้าตัวคงไม่คิดว่าจะโดนพีทตบมุกสัปดนใส่

“ให้พวกพี่ไปขอแปลว่ายอมเป็นผู้หญิงให้เหรอเท็น”

“ฮ่าๆๆ”

“พี่พีททะลึ่งจังวะ” เท็นบ่นอุบ ก่อนที่ทุกคนจะสลายตัวเมื่อร่างอ้อนแอ้นของหญิงสาวผมยาวก้าวเข้ามาในร้าน
 



“ยินดีต้อนรับครับ” แตมสวัสดีแขกผู้มาใหม่ หญิงสาวส่งยิ้มกลับ แล้วนั่งลงข้างๆ พีท

“เอาเหมือนเดิมค่ะ”

“ยังไม่กลับเหรอครับคุณจอย” แตมทักทายเธออย่างเป็นกันเอง เป็นเพราะเมื่อวานเธอมานั่งที่ร้านอยู่นานสองนานจนได้คุยกันพอสมควร

“...” ชื่อจอยนั้นคุ้นหูพีทเหลือเกิน แต่จอยบนโลกนี้มีเป็นร้อยล้านคน ไม่ใช่แค่คนไทยซะด้วย พีทหันไปมองหญิงสาวข้างๆ ประกอบกับที่เจ้าหล่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย

“ยังค่ะ กลับพรุ่งนี้”

“คุณจอย!?”

พีทไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่ พอๆ กับหญิงสาวที่ก็แปลกใจไม่ต่างกัน

“พีท?”




โลกมันกลมหรือพรหมลิขิตเล่นตลกกันล่ะเนี่ย...




ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.11 (19/12/59)
«ตอบ #22 เมื่อ19-12-2016 08:56:25 »

Chapter 11




“คุณจอย!?” ใบหน้าครบเครื่องของหญิงสาวตรงหน้าชวนให้นึกถึงลูกค้าประจำที่บาร์ซึ่งเคยมีสัมพันธ์กับพีทอยู่พักใหญ่ ชายหนุ่มพิจารณาใบหน้าไปพร้อมๆ กับเรียกชื่อเธอแล้วก็พบว่า ใช่ นี่แหละ คุณจอย ไก่แก่แม่ปลาช่อนที่เกือบทำพีทลุ่มหลงไปด้วยคารมของผู้หญิงอายุมากกว่า

อันที่จริงเขาก็พูดเกินจริงไปหน่อยอะนะ

“พีท?” เธอเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหัวเราะออกมาน้อยๆ ไม่วายยกหลังมือปิดปาก ท่าทางแบบนั้นทำให้ดูเด็กกว่าวัยสามสิบต้นๆ ของเธอจริงๆ “โฮะๆ บังเอิญจัง”

“ครับ” พีทยิ้มรับ สมองกำลังย้อนภาพผู้หญิงตรงหน้าที่หมั่นแวะมาหาเขาที่บาร์ทุกวัน

คุณจอยมีชั้นเชิง คุยสนุก รู้จังหวะ แถมยังทิปหนัก เรียกได้ว่ามีช่วงหนึ่งที่หลังเลิกเล่นที่ร้าน ก็มีไปต่อร้านอื่นกันแทบทุกคืน
เขาชอบเธอเพราะรู้สึกว่าคุยถูกคอกับเธอ เรื่องบางเรื่องที่คุยกับใครไม่ได้ แต่คุณจอยกลับเป็นคนเดียวที่พีทจะเล่าให้เธอฟัง
แต่มันไม่ได้พิศวาสในเชิงชู้สาวหรอก คนแบบพีท ตายด้านเรื่องความรักไปนานแล้ว ถ้านับความสัมพันธ์สั้นๆ ระหว่างพีทกับคุณจอยก็คงเป็น พี่สาวกับน้องชาย?

ที่พูดว่าความสัมพันธ์สั้นๆ ไม่ได้สานต่อไปไหนต่อไหน ทั้งๆ มันก็มีโอกาสไปต่อได้ นั่นก็เพราะ... คุณเธอมีคนรักแล้ว เป็นคนรักขี้หวงซะด้วย พีทจำได้ว่ามีเรื่องชกต่อยแทบทุกคืน เพราะแฟนของเธอหรืออะไรประมาณนั้นส่งคนมาดักตีและข่มขู่ให้พีทเลิกยุ่งคุณจอย

เข็ดขยาด ไม่ใช่แค่กับจอย แต่พีทเลิกยุ่งกับลูกค้าผู้หญิงในบาร์ไปพักใหญ่เลยช่วงนั้น

“มาเที่ยวเหรอครับ?”

“ใช่จ้ะ”

“คนเดียว!?”

“เปล่า...” นัยน์ตาแพรวพราว รอยยิ้มมีเลศนัย “กับสามี”

“เหอะๆๆ” พีทหัวเราะแห้งแล้วยิ้มแหย พลางเหลือบมองซ้ายขวาหาสามีของหญิงสาวข้างๆ เตรียมตัวจะกระเถิบห่างเธอทันทีที่พบเป้าหมาย

“ไม่ต้องหาหรอก เขาไปทำธุระ ดึกๆ ถึงจะมานี่... ตอนนี้พี่โสดนะ” พูดพลางขยิบตา แล้วหัวเราะน้อยๆ ให้ตัวเอง

“โสดไม่จริง ผมกลัวโดนรุมกระทืบน่ะสิ” พีทบอกแล้วว่าเข็ด จอยหัวเราะออกมา เดาว่าเธอก็น่าจะรู้ฤทธิ์สามีตัวเองน่ะแหละว่าหึงโหดแค่ไหน

“พูดกับฉันแบบนี้เสียใจนะ” จอยหันไปหาแตมพลางสั่งเครื่องดื่มให้พีท “แล้วพีทมาทำอะไร เที่ยวเหรอ?”

“ก็... ก็ประมาณนั้น ผมเล่นดนตรีที่นี่” พีทมึนๆ งงๆ กับสถานการณ์ตัวเอง เสี่ยกรได้พาเขามาเที่ยว แต่ก็ไม่ได้ใช้ให้มาทำงานที่นี่เหมือนกัน แล้วสรุปพีทมาทำอะไรวะ งั้นขอกลับบ้านพร้อมคุณจอยเลยได้ไหม

“อ้าว ย้ายที่ทำงานตั้งแต่เมื่อไร...”

“...” บทสนนาน่าจะยาว เพราะเขากับคุณจอยไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว เธอถามสารทุกข์สุกดิบของพีท สลับกับเล่าเรื่องตลกจากประสบการณ์จริงหลังแต่งงาน...



 
10.21 PM

ว่ากันว่ายิ่งคุยกันสนุกเท่าไร เวลาก็ผ่านไปเร็วเท่านั้น

บทสนทนาของพีทกับจอยถูกขัดจังหวะ เพราะโทรศัพท์ของหญิงสาวที่สั่นครืดอยู่บนบาร์ เป็นสามีของเธอโทร.ตามอย่างไม่ต้องสงสัย

หมดเวลาสนุกแล้วสิ... พีทคิดในใจพลางเหลือบมองนาฬิกาในโทรศัพท์ตัวเองบ้าง สี่ทุ่มกว่า ดูเหมือนว่าเขาคงไม่ต้องขึ้นไปเล่นดนตรีอะไรแล้วล่ะ ต้องขอบคุณพี่แตมที่เห็นใจ และปล่อยให้เขานั่งอู้คุยกับลูกค้าหน้าตาเฉย

จอยวางสายโทรศัพท์แล้วหันมาคุยกับพีท “ฉันต้องไปแล้ว เอาเบอร์ไว้ติดต่อไหม?”

“คุณจอยยังใช้เบอร์เดิมไหมครับ”

“ก็เบอร์เดิมนะ” เธอว่าพลางยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าถือใบน้อยของตัวเอง

“งั้นก็ไม่ต้องหรอก ผมไม่เคยลบเบอร์คุณอยู่แล้ว”

“พูดแบบนี้แปลว่ายังมีเยื่อใย...” จอยหรี่ตามอง พลันค่อยขยับตัวเข้าใกล้พีท ก่อนจะโน้มคอชายหนุ่มผมยาวลงมา แล้วประทับริมฝีปากที่ลำคอของพีท

ขอบคุณที่ไม่เอามาแนบแก้ม ไม่งั้นคงเด่นชัดโชว์หรา น่ากลัวว่าถ้าสามีคุณเธอเดินเข้ามาหา พีทคงได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาล

“...”

จอยหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้ากระอักกระอ่วนเหมือนโลกทั้งโลกพังลงของพีท “เนื่องในโอกาสที่เราเจอกัน พีทน้อยของฉัน”

“สามีคุณจอยไม่ได้กำลังมาที่นี่ใช่ไหม?”

“ไม่หรอกน่า ฮ่าๆๆ ฉันไปและ”

พีทมองตามร่างบางที่พอได้ใบเสร็จก็เดินออกจากร้านไป พลางยกมือขึ้นเกาหัวแบบที่ชอบทำเวลาคิดอะไรไม่ออก

นี่คือเหตุผลที่พีทไม่สะบัดสะบิ้งเมื่อต้องถูกเสี่ยกรถึงเนื้อถึงตัว... ก็เพราะเขาโดนลวนลามมาแต่ไหนแต่ไรจนชินแล้วไงล่ะ
เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำไป ทำได้ก็ไม่มีอะไรสึกหรออยู่แล้ว

“...” พอมองตามคุณจอยจนสุดสายตาก็หันกลับมาเจอพี่แตมโหมดหน้านิ่ง ที่คล้ายจะสื่อความหมายโดยนัยแปลได้ว่า ‘กูเห็นและรับรู้ทุกเหตุการณ์นะ’ พีทยิ้มแห้ง พูดเสียงอ่อน “อย่าบอกเสี่ยนะ”

“ไม่บอกหรอก ถ้าคุณกรไม่ถาม”

“...” พีทกะพริบตาปริบๆ เรียกคะแนนความน่าสงสาร พี่แตมไม่พูดอะไรต่อนอกจากโบกมือไล่

“มึงกลับไปได้แล้วไป วันนี้ไม่ต้องเล่นก็ได้”

“พี่ ผมไม่อยากกลับไปเจอหน้าเจ้านายพี่อะ” พีทเบ้ปากแล้วเลื่อนหน้าลงกับบาร์สูงตรงหน้า

“เจ้านายกูก็เจ้านายมึงเหมือนกันนั่นแหละ” พูดเสร็จก็เมินพีททันที พีทโอดครวญในใจ และอิดออดอยู่พักใหญ่


เออ กลับก็ได้วะ




 

11.43 PM

พีทที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จหันซ้ายหันขวามองกรที่ควรจะอยู่บนเตียง พอไม่เห็นร่างสูงก็พอจะเดาได้ว่าเจ้าตัวคงยังเคลียร์งานไม่เสร็จ เป็นผู้บริหารก็ยุ่งยากไปอีกแบบ ขึ้นชื่อว่าทำงาน ไม่มีอาชีพไหนสบายไปกว่ากันเลยจริงๆ ถ้าใจไม่รักก็คงทนทำกันไม่ไหวหรอก...

เหลือบมองกีตาร์ที่วางพิงเตียง พีทก็หัวเราะในลำคอเบาๆ สองวันมานี้แทบไม่ได้แตะกีตาร์เลยนอกจากแบกมันไปทำงานวันนี้ แล้วก็ไม่ได้เล่นอีกจนแล้วจนรอดเพราะคุยเพลิน พีทเดินไปเอากีตาร์ออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะเดินออกจากห้องนอน ผ่านประตูระเบียงไปนั่งข้างนอก

สมกับเป็นห้องของเจ้าของรีสอร์ท ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของบ้านพักก็วิวสวย 360 องศา ระเบียงที่ต่อเป็นชานยื่นออกมาเบื้องหน้าคือหาดทราย และไกลออกไปคือทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา เสียงคลื่นซัดหาดทรายดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทะเลในความมืดทอดมองออกไปเห็นเป็นสีดำ ไม่อาจรู้ได้ว่าน้ำทะเลจริงๆ ใสจนมองเห็นพื้นทรายข้างใต้

“ทำอะไร?”

“!” ไม่ให้รู้หรอกว่าตกใจ พีทเก๊กขรึมแล้วยิ้มมึนใส่กร พลางขยับตัวเองที่นั่งขัดสามาธิมีกีตาร์ตั้งอยู่บนตัก แล้วตบที่ว่างข้างๆ

“นั่งๆ เสี่ยนั่ง”

“...” เสี่ยกรก็ว่าง่าย นั่งลงพลางใช้สายตาเย็นยะเยือกมองต่ำมาที่ตัก

“เดี๋ยวจะเล่นเพลงให้ฟังสักเพลง เข้ากับบรรยากาศอย่างแรง คุณต้องชอบ” พีทพูดจบก็เคาะกีตาร์ให้จังหวะตัวเอง

“...” กรมองดูพีทที่เริ่มเกากีตาร์ช่วงอินโทรของเพลง เสียงใสๆ ของกีตาร์ ดีดเป็นจังหวะฟังสบาย ไม่นานเสียงทุ้มของพีทก็เริ่มร้องท่อนแรก

“ทะเลสีดำ ไม่มีแสงไฟ
มองไม่เห็นทาง เธอกลัวหรือไม่...”

“...” กรยอมรับว่าไม่เคยฟังเพลงนี้ แต่พอพีทร้องเขาก็รู้สึกว่าฟังได้ ไม่ได้น่ารำคาญอะไร แม้ว่าส่วนตัวจะไม่ได้ชอบฟังเพลง

“ได้ยินเสียงเธอ...”

“หึ” กรยิ้มออกมาพลางก้มหน้าปิดปากเมื่ออยู่ๆ พีทก็บีบเสียงเป็นผู้หญิงที่ติดจะเหมือนกระบือปวดท้องคลอดลูก พลางเอียงคอใส่อินเนอร์จัดเต็ม

“...ฉันก็อบอุ่นหัวใจ”

“...” กรไล่สายตาจากมือที่เปลี่ยนจังหวะตีคอร์ด ไปยังใบหน้าเรียว รอยยิ้มบางประดับบนใบหน้า ลมเย็นชื้นพัดเอาปอยผมที่รวบไม่หมดของพีทปลิวปรกหน้าปรกตา

“เธออาจเหน็บหนาวทุกคราวที่เจอะคลื่นลม
ก็ห่มใจฉันด้วยความอบอุ่นของเธอ...”

พีทยังร้องด้วยสองเสียงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ามันจะฟังดูประหลาด แต่ความมั่นใจในฝีมือตัวเองของพีท ก็ทำให้เพลงดำเนินอย่างไหลลื่น

“เธอแน่ใจ...
ฉันแน่ใจ
ทะเลสีดำ
ไม่นานก็เช้า...
ค่ำคืนเหน็บหนาว
จับมือฉันไว้”

“...” กรมองแววตาสีอ่อนที่กระทบแสงจันทร์ในวันที่ท้องฟ้าโปร่ง ไม่มีเมฆฝน เลื่อนมามองมือเรียวที่จับคอร์ดและดีดกีตาร์

“ทะเลสีดำ
ไม่ต้องหวั่นไหว
จะทำเช่นไร
กอดฉันไว้.. เธอ”

“...” เพลงจบแล้วหรืออะไรไม่แน่ใจแต่พีทหยุดร้องและดีดกีตาร์ตัดจบ พลางเงยหน้าขึ้นสบตากรก่อนจะ...

“แค่กๆๆ โอย เจ็บคอ” พีทไอออกมาแล้วบ่นออดแอด พลางวางกีตาร์ลงข้างตัว เขาสัมผัสได้ถึงแววตาสมเพชปนสมน้ำหน้าของกรที่มองมายังตัวเอง แต่พีทไม่สน เขาสนุก และได้เห็นรอยยิ้มของเสี่ยกร แค่นั้นก็คุ้มแล้ว ถึงร่างสูงจะมาเก๊กหน้านิ่งใส่เขาทีหลังก็เถอะนะ

“จบแล้วหรือไง?”

“ก็ยังหรอก แต่เจ็บคอ ตัดจบได้ไหมล่ะ?”

“หึ” แหนะ ทำมาเป็นหัวเราะขึ้นจมูก พีทยิ้มมุมปาก ไม่ทันได้ตั้งตัวมือหนักๆ ของกรก็วางอยู่บนหัวเขาแล้วยีแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้ ก่อนที่มันจะค่อยๆ ผ่อนแรงลง จนเหลือแค่ลูบเบาๆ

“...” พีทเหลือบตาขึ้นมองนัยน์ตาสีดำที่ยิ่งดำสนิทไปอีกในความมืด สายตาของกรไม่ได้สบตาพีทกลับ แต่กำลังจ้องอยู่ที่ไหนสักแห่งบนร่างกายเขา

“...”

“โอะ!” พีทหลุดร้องออกมาเมื่อมือกรที่วางอยู่จับหัวพีทเอียงอย่างแรง ดีเท่าไรที่ไม่หลุดสบถใส่หน้าเสี่ยกรเต็มๆ ทำท่าจะค้อน มือที่วางอยู่บนหัวพีทของกรก็เลื่อนไปวางที่ท้ายทอย

“...” สายตาเหมือนพิจารณาของกรทำให้พีทมองตามสายตาที่จ้องอยู่บนลำคอตัวเองอย่างเสียไม่ได้

“อะ...โอ๊ย!!”

พีทร้องออกมาเมื่อกรก้มลงประทับริมฝีปาก แล้วดูดซอกคอพีทอย่างแรง จนพีทพลั้งมือตบต้นแขนกรแรงด้วยแบบไม่ได้ตั้งใจ นึกเสียใจที่ร่างกายไม่เผลอตบบ้องหู หรือชกหน้าไอ้เสี่ยกร เพราะพอแม่งผละออกจากลำคอเขาก็ทำหน้าตายแบบไร้สำนึกกับการกระทำตัวเอง

“ทำเหี้ยไรครับเสี่ย” พีทตวัดหางตามองตาเขียวปั้ด ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเสี่ยมันเพิ่งทำอะไรกับตัวเอง แต่พีทถามเพราะอยากรู้ว่าทำแบบนี้ทำไมต่างหาก

“ลบรอยลิปสติก” เสี่ยกรยกไหล่แล้วแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วก้มมาสบตากับพีทที่สมองยังประมวลผลไม่เสร็จ

“รอยลิปสติก?” พีททวนคำพูดเบาๆ พลางยกมือขึ้นจับลำคอตรงตำแหน่งที่เพิ่งถูกเสี่ยกรจู่โจม พลันนึกขึ้นได้สักทีว่ามันเป็นตำแหน่งที่จอยทาบริมฝีปากทิ้งรอยลิปสติกไว้

แม่งเอ๊ย สงสัยลืมถูออก คุณจอยเล่นเขาแล้ว

พีทมองตามเสี่ยเดินจากไป ไม่รู้ว่าร่างสูงอยู่ในอารมณ์ไหน แต่ที่รู้ๆ...

เสี่ยครับ ลบรอยลิปสติกด้วยวิธีที่มึงทำมันทิ้งรอยอย่างอื่นไว้แทนโว้ย...
 







เช้าวันอาทิตย์ที่แสนจะสดใส

จริงๆ มันไม่ใช่เช้าหรอก แต่เป็นสายเกือบเที่ยงแล้ว และอากาศก็ไม่ค่อยสดใสเท่าไรด้วย รายการข่าวช่วงเช้าถูกเปิดดูย้อนหลังโดยเสี่ยกรผู้ตื่นสายกว่าปกติเพื่อเช็กสถานการณ์เศรษฐกิจ การเมือง และอีกมากมาย สมกับเป็นนักธุรกิจพันล้าน หรืออันที่จริงเจ้าตัวก็แค่ไม่ชอบรายการวาไรตี้ที่กำลังฉายอยู่เลยเปิดดูข่าวย้อนหลังแทน

พีทไม่สนหรอกว่าโทรทัศน์กำลังฉายรายการอะไร เขาหมกมุ่นกับเกมออนไลน์ที่นานๆ ครั้งจะได้เล่น เหลือบมองช่องแชทที่มีเด็กประถมปลายกับมัธยมต้นหัวเกรียนด่ากันแล้วก็ถอนหายใจ พลางกดซ่อนช่องแชท แล้วคลิกเม้าส์รัวๆ

กรนั่งค้ำหัวพีทอยู่บนโซฟา มันแทบจะเป็นตำแหน่งประจำเวลาพีทกับกรมานั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ด้วยกัน ร่างสูงเหลือบมองพีทจากข้างหลังก็รู้ว่าเจ้าตัวแอบหัวเสียเบาๆ ผมยาวของร่างโปร่งขมวดเก็บเผยให้เห็นลำคอยาว กรเลื่อนสายตายังรอยแดงอมม่วงบนลำคอแล้วยิ้มมุมปาก

“เสี่ยมองไร?”

“ฉันมองเหรอ?” กรกอดอก มุมปากยกทั้งสองข้างพลางเลิกคิ้วขึ้น

“ก็เห็นเงาสะท้อนในจอคอมอยู่ว่ามอง”

“หึ”

ไม่ตอบแล้วยังมาหัวเราะใส่ หัวเราะใส่ยังไม่หัวเราะเต็มเสียง พีทที่เพิ่งเล่นเกมตาย รอตัวละครในเกมเกิดใหม่หันไปมองหน้าเสี่ยกรนิ่งๆ

“มองอะไร?” กรละสายตาจากโทรทัศน์มาสบตาพีทพลางเลิกคิ้ว พีทเบะปากพลางยักไหล่

“ผมมองเหรอ?”

“หึๆๆ” กรหัวเราะขึ้นจมูกเหมือนเดิม แต่ยิ้มกว้างจนเห็นฟัน พีทยิ้มออกมาบ้างอย่างยอมรับในความบ้าบออยากเอาคืนของตัวเอง

“...ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 80 ของพื้นที่เนื่องจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนจากประเทศจีน ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตรและมีลมแรงโดยเฉพาะฝั่งอันดามัน เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งค่ะ...”

“เรือเล็กควรออกจากฝั่งต่างหาก...สงสัยผู้ประกาศไม่เคยฟังพี่ตูน” พีทพึมพำเล่นมุกชื่อเพลงกับตัวเองเบาๆ หันไปมองหน้าเสี่ยกรที่เลิกคิ้วแล้วก็ส่ายหน้าเอือมระอา

ไม่ใช่ผู้ประกาศข่าวแล้วแหละที่ไม่เคยฟังพี่ตูน แต่เป็นเสี่ยกรเนี่ยแหละ เล่นไปเสี่ยมันก็ไม่เก็ต คิดพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
อันที่จริงดูพยากรณ์อากาศตอนนี้เหมือนจะช้าเกินไปด้วยซ้ำเพราะฝนห่าใหญ่เพิ่งหยุดตก และตอนนี้ก็ครึ้มฟ้าครึ้มฝน อยากจะตกลงมาอีกแล้ว

ใครว่าฟ้าหลังฝนย่อมสดใส ฟ้าหลังฝนช่วงพายุเข้าขมุกขมัวอย่าบอกใครเชียวล่ะ
 
 



อัพรัวๆ เลยจ้าาาา เดี๋ยวหลังปีใหม่มาอัพอีกที ขอโทษที่หายไปนาน อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนนะคนอ่านน ฮือออ อย่าลืมไปกดไลค์แฟนเพจนะคะ ขี้เกียจแปะลิ้งก์ ใครใคร่เสิร์ชเสิร์ช เห็ดหอม Alt+1 ในเฟซบุ๊กเน้อ
บายค่าา

ออฟไลน์ tempo_oil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.11 (19/12/59)
«ตอบ #23 เมื่อ26-12-2016 22:18:38 »

มาลงชื่อว่าอ่านอยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้คนแต่ง

เรื่องนี้มีประโยคดีๆที่ทำให้เราต้องโพสลงทวิตเลยทีเดียว

ชอบนิสัยแบบพีท

รอมาต่อนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.11 (19/12/59)
«ตอบ #24 เมื่อ27-12-2016 09:45:11 »

มาลงชื่อว่าอ่านอยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้คนแต่ง

เรื่องนี้มีประโยคดีๆที่ทำให้เราต้องโพสลงทวิตเลยทีเดียว

ชอบนิสัยแบบพีท

รอมาต่อนะคะ  :pig4:


ขอบคุณมากเลยนะคะ ถ้ายังไงอย่าทิ้งกันนะ มาร่วมพูดคุยผ่านแท็ก #ทีมเสี่ยกร #ทีมพีท ในทวิตนะคะ คนเขียนอยากอ่านทุกความเห็นเลย T__T

ออฟไลน์ Pa'veaw

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-1
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.11 (19/12/59)
«ตอบ #25 เมื่อ27-12-2016 14:07:11 »

เพิ่งได้เข้ามาอ่านกำลังอ่านเพลินๆเลยค่ะ หมดซะแล้ว

รอตอนต่อไปนะค่ะ

รอดูเสี่ยกับพีท

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.12(30/12/59)
«ตอบ #26 เมื่อ30-12-2016 09:04:04 »

Chapter 12



00.21 AM


ครืน...


ครืน!!!

เปรี้ยง!!!


“!!?” ร่างสูงสะดุ้ง แล้วลืมตาขึ้นขมวดคิ้วเพราะเสียงฟ้าผ่าที่ดังลั่นและทำเอาบ้านสั่นสะเทือนไปทั้งหลัง ก่อนจะเหลือบมองพีทที่น่าจะตื่นเพราะเสียงฟ้าร้องเหมือนกันแต่...

บนเตียงนั้นว่างเปล่า

กรเลิกผ้าห่ม พลางลุกขึ้นนั่ง ร่างสูงหันซ้ายหันขวา กวาดสายตาไปทั่วเตียง ก็หาพีทไม่เจอ เสียงฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องดังสลับกับเสียงฟ้าร้อง และมีแสงฟ้าแลบ

ไปไหนของเขา...


ครืน!!!

เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้ง แสงฟ้าแลบจากข้างนอกเพียงชั่วพริบตาให้คำตอบในสิ่งที่กรสงสัยทันที

 



เสียงฝนที่เทลงมาเหมือนฟ้ารั่ว ประสานกับฟ้าคะนองทำให้คนผมยาวไม่สามารถนอนอยู่เฉยเหมือนเคย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกตั้งแต่เขามาอยู่ที่นี่...

พีทรู้ว่าเขาจะผ่านมันไปได้เหมือนทุกที แต่ที่ต้องทนเผชิญอยู่ตอนนี้มันก็ทรมานเหลือเกิน

เขาที่นั่งกอดเข่าอยู่ที่มุมห้องไม่อาจควบคุมหัวใจที่เต้นด้วยอัตราเร็วเกินที่ควรจะเป็นกับอาการสั่นไปทั้งร่างกายได้ เสียงฟ้าร้องที่
ยิ่งประสานกับเสียงฝน ประกอบกับแสงฟ้าแลบแปลบๆ ยิ่งทำพีทดำดิ่งสู่ห้วงความทรงจำร้ายๆ ที่ผ่านไปกี่ปีก็ลืมไม่ได้
วันนั้นก็ฝนตกแบบนี้ เขานั่งกอดเข่าทำตัวให้ลีบที่สุด เรียกหาใครก็ไม่เสียงตอบกลับมาเลย

มันมืด... เสียงฟ้าร้องก็ดัง แต่คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าจังหวะที่ฟ้าผ่า ชั่วพริบตาที่มีแสงสาดให้เห็นร่างอาบเลือดของคนที่นั่งอยู่ที่นั่งฝั่งคนขับ

“ฮึก... อื้อ” พีทยกมือขึ้นปิดหู ก้มหน้าชิดเข่า

ไม่รู้กี่ปีที่เขาทนทรมานกับภาพความทรงจำพวกนี้เพียงคนเดียว แม้แต่แพรวก็ไม่เคยต้องรับรู้ความทุกข์ทรมานของเขา และไม่รู้
ว่าเขาต้องทนแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน

เขารักหน้าฝน แต่เขาก็เกลียดหน้าฝนไปในเวลาเดียวกัน ย้อนแย้งในตัวเองดีไหม

“พีท” เสียงใครบางคนเรียกเขาในความมืด พีทไม่แน่ใจ มันคือเสียงในความทรงจำ ความฝัน หรือเสียงอะไร เสียงทุ้มนี้ หรืออาจจะเป็นเสียงของพ่อ?

“ฮือ ทรมาน” เขาทรมาน ชีวิตที่ต้องดิ้นรนมันเหนื่อยยากเหลือเกิน พีทไม่อยากยอมรับตัวเองเลย...

สิ่งที่พีทคิดไม่ใช่ความเสียใจต่อการตายของใคร แต่ความยากเย็นในการใช้ชีวิตหลังจากนั้นทำให้เขาถามตัวเองทุกครั้ง และเขารับความคิดส่วนนั้นของตัวเองไม่ได้


คุณตายทำไม ชีวิตเขาเป็นแบบนี้ทั้งๆ ที่ไม่ได้เลือกเองด้วยซ้ำ


“พีท” กรย่อตัวลงนั่งยองๆ มือหนาค่อยๆ เอื้อมไปจับมือทั้งสองข้างที่ประกบปิดใบหูตัวเองของพีท ก่อนจะบีบมันเบาๆ หวังจะเรียกให้พีทสนใจ “พีทครับ”

“...!?” เหมือนสติจะกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ตอนนี้เขาไม่ได้ทรมานอยู่ในห้องนอนคนเดียวที่บ้าน พีทอยู่บนเกาะ กับคนเห็นแก่ตัวที่ใจร้ายเอาน้องสาวที่เขาอุตส่าห์ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเลี้ยงดูฟูมฟักอย่างทะนุถนอมมาขู่ให้ตามมาอยู่ด้วย ด้วยเหตุผลแค่เขาหน้าเหมือนแฟนเก่าของมัน

“พีท นี่กรเอง”

ไม่ใช่ เสี่ยไม่ใช่คนเลวร้ายแบบนั้น พีทรู้ตัวเองดีว่าที่ตัวเองยอมอยู่และไม่หนีไปไหนเพราะ...

“เงยหน้าขึ้นเร็ว เดี๋ยวหายใจไม่ออกนะ”

“...” กรดึงมือที่ปิดหูพีทมากุมไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ พีทเงยหน้าขึ้นอย่างว่าง่าย แค่เพียงสบตาสีดำสนิทของกรน้ำตาที่อุตส่าห์หยุดไหลมันก็ไหลออกมาอีกระลอก

“ไม่ร้องไห้ครับ” กรยังคงพูดด้วยใบหน้านิ่ง และคำพูดที่ติดจะเหมือนคำสั่งแต่น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นฟังแล้วอุ่นวาบไปทั้งใจ

“...” พีทปล่อยให้น้ำตายังไหลออกมาเงียบๆ แต่ก็เงยหน้าให้กรเช็ดน้ำตาเบาๆ

“ลุกนะ ไปนอนบนเตียงกัน” กรดึงแขนพีทให้ลุกขึ้น แต่พีทกลับขืนตัวไว้

ไม่อยากลุก อยู่ตรงนี้ก็ปลอดภัยดีแล้ว

“ดื้อ” กรพูดสั้นๆ แค่นั้นแล้วก็สอดมือไปใต้รักแร้แล้วหิ้วปีกพีทอย่างง่ายดาย ร่างของพีทถูกย้ายไปนอนบนเตียง ในอ้อมกอดของคนตัวหนากว่าที่ชอบทำท่าทางเย็นชา

“...” ไออุ่นและเสียงหัวใจของกรเตือนพีทว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวแม้ว่าเสียงฝนฟ้าจะดังขนาดไหน ฝ่ามือที่วางอยู่บนหัว และ
โอบอยู่บนแผ่นหลังคล้ายจะบอกว่าไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น เพราะเจ้าตัวจะไม่ไปไหน

“นอนนะ” มือของกรบนหัวเขาค่อยลูบผมพีทเบาๆ พีทรู้สึกดีที่มันไม่มีคำถามใดๆ มาจากกร

แค่อยู่ตรงนี้ด้วยกันก็พอ

“อือ”

พีทเองก็คงไม่ไปไหน...

...อาจเป็นเพราะลึกๆ เขาเองก็ไม่อยากอยู่คนเดียวเหมือนกัน



 



เช้าวันใหม่ที่น่าเขินอาย


พีทไม่ได้อายเรื่องที่มีคนรู้ว่าตัวเองกลัวฟ้าร้องฟ้าผ่า แต่กำลังเขินรอยยิ้มกับใบหน้าล้อเลียนของกร ยามที่รอยยิ้มของร่างสูงส่งมาให้พีททำตัวไม่ถูกว่าต้องทำหน้าแบบไหนตอบกลับ ให้กวนตีนกลับก็ใช่ที่ ให้ด่ากลับก็ใช่เรื่อง เลยได้แต่นั่งหลบตาเขินๆ

ไม่ยอมถามอะไรสักที เอาแต่ส่งยิ้มมาให้

เสี่ยกรมันร้าย มันต้องรู้แน่ๆ ว่าตัวเองมีรอยยิ้มพิฆาตถึงได้ไม่ค่อยยิ้มออกมาบ่อยๆ ซึ่งดีแล้ว เพราะฉะนั้นก็หยุดยิ้มซะที

“พีท”

“หือ?” พีทวางขนมปังชิ้นที่เพิ่งกัดลงบนจาน แล้วเงยหน้ากร ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะหลบตาซะหน่อย

“พีท”

“ครับเสี่ย?”

“หนูพีท” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้ากรอีกแล้ว มันดูล้อเลียนก็จริง แต่รู้อะไรไหม พีทยังไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกันรอยยิ้มพร่ำเพื่อของเสี่ยกรโว้ย

“ขนลุกตัวเองบ้างไหมนั่น” พีททำหน้านิ่ง แต่จักจี้หัวใจพิลึก ทั้งๆ ที่ควรของขึ้น

“มานี่ มาหาเสี่ยเร็ว” พูดพลางเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วตบตักเป็นนัย พีทจิกตาอย่างแรง

“ไม่ใช่เด็กเสี่ย”

“ก็ไหนว่าอยากเป็นเด็กเสี่ย” พีทล่ะสงสัยจริงๆ ว่ากรจำได้ทุกอย่างที่เขาเคยพูดหรือเปล่า เก็บหมดทุกรายละเอียด ใส่ใจขนาดนี้จะไม่หวั่นไหวได้ไหม...

“ผมอัพค่าตัวแล้ว” พีทยักคิ้ว แล้วกัดกระชากขนมปังเท่ๆ เหมือนเสือฉีกเนื้อ

“ถ้ามานั่งตักฉันจะให้บ้านหลังนึง...”

“!?” พีทตาโตอย่างห้ามไม่ได้ เสี่ยกรแม่งพูดจริงทำจริงนะเท่าที่อยู่ด้วยกันมา หรือว่าพีทควรจะ...

“บ้านเลโก้น่ะ”

ไอ้เสี่ย... พีทขอถอนคำพูดที่บอกว่ากลัวจะหวั่นไหวละกัน
 



อากาศเย็นชื้น ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน พีทไม่รู้จะทำอะไรจึงนอนขลุกอยู่บนเตียง พลางเปิดเพลงอกหักเคล้าเสียงฝนให้บรรยากาศตัวเอง

ทักแพรวไปแพรวก็ไม่ตอบ มันน่าเศร้าชะมัด

แกร๊ก!

เสียงปิดประตูห้อง ตามด้วยเสียงฝีเท้า ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเข้ามา เตียงยวบลงตามน้ำหนักตัวของร่างสูง พีทผงกหัวขึ้นมอง แล้วลุกขึ้นนั่งเป็นเพื่อนกร

“ไม่มีงานเหรอ?”

“ไม่เชิง” นัยน์ตาคมจ้องมา กรใช้ใบหน้าพิฆาตเหยื่อแบบซาตานจ้องมองพีทราวกับจะเขมือบจิตวิญญาณ ไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นใบหน้าเดียวกับคนที่ยิ้มล้อเขาเมื่อเช้า

พีทยื่นมือไปข้างหน้า จับแก้มกร แล้วดึงยืดอย่างถือวิสาสะ และไม่กลัวความตาย “หมั่นไส้”

“...” กรหลุบตามองมือที่ดึงแก้มตัวเอง ก่อนจะใช้มือหนาของตัวเองรวบมือทั้งสองข้างมากุมไว้ แล้วสบตาพีทหน้าตาย

“...คุณอยากรู้เรื่องของผมไหม?”

“...” เชื่อว่าต่อให้เขาไม่บอก เสี่ยกรก็จะไม่ถามอะไรเซ้าซี้ แต่พีทรู้สึกว่ามันไม่แฟร์ ในเมื่อกรยอมบอกเรื่องของตัวเองเกือบทุกอย่างที่เขาสงสัย ทำไมเขาจะเล่าเรื่องของตัวเองให้ร่างสูงฟังบ้างไม่ได้

“พ่อผมรถคว่ำตายวันที่ฝนตกหนัก ผมเลยกลัวฝนตก” เล่าสั้นๆ คร่าวๆ ก็พอ เสี่ยกรเป็นคนฉลาด เดี๋ยวก็เข้าใจได้เอง “นี่เป็นความลับสุดยอดเลยนะ แม้แต่น้องสาวผมก็ไม่รู้”

“แล้วเรื่องที่นายเป็นเกย์?” กรยิ้มมุมปาก บีบมือเรียวของพีทที่เริ่มเนียนนุ่มตั้งแต่เจ้าตัวใช้แฮนด์ครีมที่เขาซื้อให้อย่างต่อเนื่อง แล้วปล่อยให้มันเป็นอิสระ

“อันนั้นมันมุกครับเสี่ย” พีททำหน้าหงิก ก่อนจะถูกเสี่ยกรใช้กำลังผลักให้นอนราบไปกับเตียง แล้วขยับตัวขึ้นคร่อม “รุนแรงอีกและ เห็นผมเป็นโสรยาจริงๆ หรือไง”

“...” หน้าของกรขยับเข้ามาใกล้ ใกล้จนพีทเห็นเงาของตัวเองสะท้อนอยู่ในนัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้น และปลายจมูกสัมผัสกันเบาๆ
ริมฝีปากของกรเลื่อนมาแตะเบาๆ บนหน้าผาก ตามฝ่ามือหน้าที่เกลี่ยเส้นผมข้างใบหู “นอนซะ เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอนไม่ใช่เหรอ”

“...” พีทมองตามมือที่จับผมทัดหู ก่อนจะยิ้มบางออกมา “คุณทำแบบนี้กับทุกคนเป็นปกติเหรอเสี่ย?”

เหมือนกับเขาที่ยอมให้ใครเข้าถึงตัวได้ง่ายๆ กรอาจเป็นพวกที่ใจดีกับชาวบ้านไปทั่วก็ได้

“ไม่รู้สิ” กรยิ้มตอบ พีทไม่รู้จะหลบตาไปไหน เลยต้องมองรอยยิ้มนั้นอย่างเสียไม่ได้ “แต่ฉันไม่เคยทำกับแฟนเก่านะ”

จะบอกว่าไม่เคยอ่อนโยนหรือลวนลามแฟนเก่างั้นเหรอ เชื่อได้ตายล่ะ...

“แหวะ” ถึงจะปากแหวะแต่ไม่รู้ทำไมคันแก้มยุกยิก หน้าเน่อเห่อร้อนไปหมดแล้ว พีทพลิกตัวนอนตะแคง จังหวะเดียวกับที่กรผละตัวออก

“ไม่ต้องไปบาร์นะวันนี้”

“ถ้าฝนตกน่ะนะ”

ถึงเสี่ยกรจะจอมบงการแต่เรื่องที่จะห้ามไม่ให้พีทไปบาร์นี่เขาค้านสุดใจขาดดิ้น

จะให้อยู่กับเสี่ยกรทั้งวันทั้งคืน... อันตรายกับหัวใจจะตายไป
 





01.05 AM

นักดนตรีหนุ่ม กับลูกค้าอีกสองสามคนนั่งคุยกันอย่างออกรสออกชาติ พีทและสองลูกค้ารุ่นน้องคุยกันถูกคอเป็นพิเศษว่าด้วยเรื่องดนตรีและชีวิต

คนหนึ่งเพิ่งเรียนจบทำงานเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ ชอบออกเที่ยวแล้วถ่ายรูปไปตามสถานที่ต่างๆ มีงานจ้างบ้างแต่ก็ไม่มาก เป็นคนที่ดูใช้ชีวิตคุ้มดี พีทชื่นชมแบบนั้นแม้ว่าเจ้าตัวช่างภาพจะเป็นรุ่นน้องเขาอยู่หลายปี

ส่วนอีกคน ทนกับงานออฟฟิศไม่ไหว เลยลาออกมาตามฝัน แบ่งเงินก้อนหนึ่งมาตามหาจุดหมายของชีวิตที่ทะเล ก็เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นดี แต่อินดี้ไปหน่อยนะพีทว่า...

แต่ไอ้ที่คุยกันยาวไม่ใช่แค่ถูกคอเพราะรสนิยมทางดนตรีเข้ากันได้หรอก แต่เป็นเพราะพวกเขาติดฝนห่าใหญ่ที่เทลงมาไม่ได้ตั้งตัวร่วมชั่วโมงกว่าแล้ว

“พี่พีท” เท็นเดินมาสะกิดพีทน้อยๆ ทันทีที่ร่างสูงของเจ้านายเดินมาทางนักดนตรีหนุ่ม พีทตกใจอยู่ไม่น้อย พลางเหลือบมองนาฬิกาในร้าน

เชี่ย ตีหนึ่งครึ่งแล้ว เลยเคอร์ฟิวมาชั่วโมงกว่าเลยเหรอเนี่ย

“เสี่ย...” พีทยิ้มแหย รีบปลีกตัวออกมาทักทายเสี่ยกรก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาที่โต๊ะ “มาทำไมเหรอ?”

“มารับนายกลับ” ปากบอกว่ามารับกลับ แต่แววตาเสี่ยเหมือนอ่านได้ว่า ‘ทำไมมึงยังไม่กลับ’ มากกว่าอีกนะนั่น

“มารับทำไม เดี๋ยวก็กลับแล้ว เนี่ย ติดฝน ฝนซาก็ว่าจะกลับเลย” พีทยิ้มเหงือกแห้ง แก้ตัวเต็มที่ จะให้เสี่ยรู้ไม่ได้ว่าคุยเพลินจนลืมดูเวลา

“...ฝนตกไม่ใช่หรือไง มารับกลับก็ถูกแล้ว”

“คุณ... คุณไม่น่าลำบากเลย เดี๋ยวยืมร่มพี่แตมก็ได้...” พูดพลางหันไปสบตากับน้องๆ ลูกค้าที่มองมาทางเขาเป็นพัก

“กลับ”

“...”

“...” จ้องตากันเหมือนเล่นสงครามประสาท พีทถอนหายใจ ดีที่เสียงฝนตกมันดังกลบหมด ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปที่โต๊ะ

กรเดินตามไป คงกะว่าถ้าร่างโปร่งไม่กลับก็จะฉุดกระชากลากถูให้รู้แล้วรู้รอดอะไรประมาณนั้น แต่โชคดีไปที่พีทเป็นคนที่ประเมินสถานการณ์เก่ง คนผมยาวทันทีที่ถึงโต๊ะก็บอกลาสองลูกค้าหนุ่มเรียบๆ

“พี่กลับก่อนนะ”

“เอ้า กลับแล้วเหรอ งั้นผมขอเบอร์พี่ไว้ได้ไหม”

“...”  กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มากดเบอร์ให้ แต่เผอิญหางตาเหลือบไปเห็นสายตาแช่แข็งของเสี่ยกรซะก่อน คงจะไม่พอใจที่เขากลับช้า แล้วยังจะให้ต้องมารอ คาดว่าถ้าให้รอนานกว่านี้คงพากันแข็งตายไปทั้งร้าน คิดได้อย่างนั้นพีทก็โบกมือปฏิเสธ “ไว้พรุ่งนี้ได้ไหม จะกลับกันแล้วเหรอ?”

“ผมอะยัง แต่ไอ้ต่อ...”

“งั้นพี่เอานามบัตรผมไปละกัน” หนุ่มช่างภาพส่งนามบัตรให้ พีทรีบรับมา ก่อนจะหันไปหากร

“อะ เสร็จแล้ว กลับกันเสี่ย”

“...” เสี่ยไม่ตอบแต่จับข้อมือพีทแล้วดึงให้เดินตามตัวเองไป


ไม่รู้ทำไม สองลูกค้าหนุ่มกำลังจ้องตากันด้วยความสงสัย เพราะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของผัวหึงเมียเด็กจนอยากกกไว้แต่ในบ้าน
 





ทุกคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้คนเขียนมากๆ เลยนะคะ ช่วยกันคอมเมนท์หน่อยน้า

ถ้าใครเล่นทวิตเตอร์ มาร่วมพูดคุยผ่านแท็ก #ทีมเสี่ยกร #ทีมพีท #เสี่ยกรพีท #DILLYE(ย่อมาจาก Do I look like your ex เน้อ) ในทวิตนะคะ แท็กไหนก็ได้ คนเขียนอยากอ่านทุกความเห็นเลย T__T


ออฟไลน์ tempo_oil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.12 (30/12/59)
«ตอบ #27 เมื่อ30-12-2016 09:39:42 »

กำลังไถโทรศัพท์อ่านๆเพลินๆ อ้าวววว จบตอนเฉยยยย

ว่าแล้วว่าหนูพีทต้องมีปมเรื่องครอบครัว

ส่วนเสี่ยกรนี่หึงหนูพีทอะดิ   :hao3:

เราไม่อยากให้เสี่ยมองว่าพีทเป็นตัวแทนใครเลย  หวังว่าความสัมพันธ์จะพัฒนามากขึ้น

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ รอตอนต่อไปค่ะ :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2016 09:44:03 โดย tempo_oil »

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.12 (30/12/59)
«ตอบ #28 เมื่อ30-12-2016 11:43:18 »

เสี่ยนิ่งไปอ่ะ

ออฟไลน์ เห็ดหอม:)

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
    • นิยายของเห็ดหอม
Re: Do I look like your ex? [Yaoi] UP CH.13 (31/12/59)
«ตอบ #29 เมื่อ31-12-2016 11:54:12 »

Chapter 13




ครืน!

ฝนตกเป็นสายอย่างต่อเนื่อง และหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด พีทที่กำลังเดินออกจากร้านสะดุ้งเบาๆ กับแสงฟ้าแลบและเสียงฟ้าผ่า ยังดีที่กรจับมือเขา แต่พอร่างสูงปล่อยมือไปกางร่ม พีทก็ใจแป้วขึ้นมาดื้อๆ

อยู่ในร้านไม่รู้เลยว่าฟ้าฝนจะแรงขนาดนี้ ก็แหงล่ะ พายุเข้า พีทน่าจะเชื่อที่กรบอกว่าไม่ต้องมาทำงานที่บาร์ ลำบากตัวเองต้องมาหวาดกลัวกับเสียงฟ้าร้องไปอีก

กรกางร่มและสะกิดให้คนผมยาวเดินตามลงบันไดร้าน ร่างสูงพาพีทเดินกลับไปตามทาง ในความมืด กับลมฝนที่พัดกระหน่ำ
สองร่างภายใต้ร่มคันเดียวกันท่ามกลางสายฝน มองแค่แผ่นหลังก็เห็นความแตกต่าง แผ่นหลังของกรให้ความรู้สึกของความแข็งแกร่งและพึ่งพาได้ แต่แผ่นหลังของพีท นอกจากจะมีผมหยักศกที่ไม่ได้มัดปล่อยยาวถึงกลางหลัง มันก็ดูบอบบางจนน่ากลัวว่าลมฝนจะพัดเอาตัวของชายหนุ่มหักเป็นสองท่อนได้

ครืน!!

พีทสะดุ้งเพราะเสียงฟ้าร้องอีกครั้ง พร้อมๆ กับที่กรโอบพีทไว้ในอ้อมแขนอัตโนมัติ ฝนตกแรงมากจนร่มก็กันน้ำฝนไม่ได้หมด ละอองฝนสาดกระเซ็นมาโดนพีท นั่นทำให้กรโอบพีทแน่นขึ้นไปอีกเพื่อให้ร่มคันเดียวกันคนสองคนจากน้ำฝนได้

ครืน...

ครืน!!!

พีทไม่มีเวลามาสนใจหรอกว่าตัวเองจะเปียกไหม เพราะหัวใจที่เต้นแรงกำลังเร่งจังหวะตามเสียงฟ้าร้องที่ดังถี่ขึ้น เขาเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว พีทต้องการที่ๆ ปลอดภัย เขาอยากนั่งลงกอดเข่า รู้สึกเหมือนจะเดินต่อไปไม่ได้แล้ว

เปรี้ยง!!!

“อื้อ!” แค่ฟ้าร้องดังกว่าปกติ กับแสงที่แลบลงมาเป็นสาย ก็ทำให้พีทสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของกร ทรุดลงนั่งยองๆ กับพื้น แล้วยกมือปิดหู พลางหลับตาแน่น

ไม่ไหว เขาเดินต่อไปไม่ไหว ถ้าฟ้ามันจะผ่าโดนพีทตรงนี้ก็ให้มันผ่าเขาตายไปเลย

กรไม่ได้ตั้งตัวว่าพีทจะสะบัดตัวหนีเลยเผลอเดินถือร่มห่างไปสองสามก้าว ฝนเทลงมาเปียกตัวพีทเต็มๆ ร่างสูงรีบหมุนตัวกลับไปหาพีท ก่อนจะนั่งลงระดับเดียวกับร่างโปร่ง แล้วจับแขนที่ยกขึ้นปิดหูของพีท

“พีท!?”

ครืน!!!

“อื้อ!”

“พีทครับ” กรดึงแขนพีทออก พร้อมๆ กับที่พีทผวาโอบคอกรแล้วซุกหน้าลงกับไหล่กว้าง “ลุกนะ อีกนิดเดียวก็ถึงบ้านแล้ว”

“...” พีทไม่ตอบ และก็ไม่ขยับด้วย ฝ่ามือจิกแน่นที่หลังคอของกร ใบหน้าฝังลงกับไหล่กรแน่นไปอีก

“พีท?” กรลูบผมนุ่มที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน แหงนมองฟ้าฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด... นั่นแปลว่าจะนั่งแบบนี้รอจนฝนหยุดคงเป็นไปไม่ได้ กรตัดสินใจหุบร่มแล้วกระซิบข้างหูพีท เผื่อว่าพูดธรรมดาแล้วจะโดนเสียงฝนกลบหมด “ปล่อยก่อนนะ เดี๋ยวขี่หลังกรนะครับ”

“...” พีทไม่ปล่อยทันที แต่คลายแรงที่โอบคอกรลง

เขารับรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นภาระของกร แต่พีทไม่เคยรู้เลยว่าการเป็นภาระให้คนอื่นดูแลมันรู้สึกดีขนาดนี้

กรหมุนตัวหันหลังให้พีท ก่อนจะจับแขนทั้งสองข้างวาดพาดบนไหล่ สอดมือไปใต้ขาพับ แล้วยกพีทขึ้นไปอยู่บนหลังอย่างง่ายดาย

พีทแนบหน้าลงก็ไหล่กว้าง น้ำตารื้นอย่างควบคุมไม่ได้ ฝนยังเทลงมา และฟ้าก็ร้องดังจนเขาไม่แน่ใจว่ากรจะได้ยินสิ่งที่พีทพูดไหม

“ขอบคุณ”


 

02.02 AM

พีทเปียกไปทั้งตัว ยืนนิ่งราวโดนพายุฝนพัดพาสติลอยหายไปแล้ว กรหยิบผ้าเช็ดตัวจากตู้เสื้อผ้า ก่อนจะออกแรงจูงมือพีทให้เดินตามตัวเองเข้าห้องน้ำ

พีทมองตามมือตัวเองเข้ามายืนนิ่งในห้องน้ำต่อ เสื้อเชิ้ตเปียกๆ แนบลู่ไปกับลำตัวเขา เสี่ยกรวางผ้าเช็ดตัวบนหัวพีทแล้วขยี้เบาๆ

“เช็ดซะ”

“...” แน่นอนว่าพีททำตามอย่างว่าง่าย มันเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวที่ยอมคนง่ายๆ ถ้ามันไม่ได้ทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อน หรือเพราะว่าสติเขายังไม่เข้าที่ พีทก็ไม่แน่ใจ

หรือมันอาจจะเป็นเพราะกร พีทถึงยอมไปซะหมด?

ร่างสูงละสายตาจากมือที่เช็ดผมของพีทมามองร่างกายที่ได้สัดส่วน เสื้อที่เปียกชุ่มและแนบลำตัวเผยให้เห็นส่วนโค้งของผู้ชายตัวสูงสมส่วน ขาดแต่มัดกล้ามเนื้อเท่านั้นที่จะทำให้คนตรงหน้ามีสภาพไม่ต่างกับกร

พีทเตี้ยกว่ากรนิดหน่อย ส่วนสูงของร่างโปร่งสิ้นสุดที่ปลายจมูก กรไล่สายตาลงมาถึงไหปลาร้าที่โผล่พ้นคอเสื้อเชิ้ตที่ไม่ติดกระดุมเม็ดบน น้ำหนักของน้ำที่เปียกตัวเสื้อรั้งคอเสื้อให้เปิดเห็นไหล่ข้างหนึ่ง

“...” กรสัมผัสไหล่ขาวอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมือมาปลดกระดุมเสื้อให้พีท “ถอดเสื้อนะ เดี๋ยวจะเป็นหวัด”

“...” พีทชะงักมือที่เช็ดผม นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมองตามมือกรที่ไล่ปลดกระดุมทีละเม็ด

ทุกๆ เม็ดกระดุมที่ถูกปลดออกมันช่างดูเชื่องช้าในสายตาเขา ใจของพีทเต้นตึกตักอย่างหาสาเหตุไม่ได้

...ยิ่งตอนที่กระดุมเม็ดสุดท้ายหลุดออก...

“!?” กรเงยหน้าสบตากับพีท มือหนาที่กำลังจะปลดกระดุมกางเกงยีนของพีทชะงักไปเพราะมือเรียวของเจ้าของกางเกงจับบนมือกรได้ทันท่วงที

“คุณก็ตัวเปียกไม่ใช่เหรอ?” พีทหลุบตามองมือที่ยังไม่ละจากขอบกางเกงแล้วสบตากับกร “จัดการตัวเองก่อนดีไหม ที่เหลือผมทำเอง”

“...”

กรสบตาพีทนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะยอมผละออกจากร่างกายพีท แล้วเดินออกจากห้องน้ำไป
 



กรเดินเข้ามาในห้องน้ำอีกครั้งพร้อมผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืนกับร่างที่เปลือยท่อนบนของตัวเอง ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยที่เห็นพีทกำลังหันหลังถอดกางเกงออกทีเดียวพร้อมกัน ทั้งยีนและบ็อกเซอร์

“เสี่ย?” ออกปากเรียกแต่ไม่หันมามองเขา พีทที่เปลือยไปทั้งร่างเดินตรงไปหาอ่างอาบน้ำตรงหน้า แผ่นหลังขาวถูกเผยให้เห็นเต็มตาทันทีที่มือเรียวรวบผมไปข้างหน้า

ขาเรียวก้าวขึ้นข้างหนึ่งเตรียมจะลงอ่าง ทุกท่วงท่าดึงดูดสายตาให้กรมองอย่างละสายตาไม่ได้ ใบหน้าเรียวหันกลับมามองเขาเล็กน้อย ริมฝีปากที่หยักยิ้ม พร้อมๆ กับดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อยให้ภาพของเทพเจ้าที่อยากเล่นสนุกกับมนุษย์โลก

“อาบด้วยกันไหม?”

“...” กรกลืนน้ำลาย นัยน์ตาสีดำจ้องร่างเปลือยเปล่าราวกับจะกลืนกินร่างทั้งร่าง “รู้ตัวไหมว่ากำลังอ่อย”

“ฮะๆ” พีทหัวเราะประชดในขณะที่พาตัวเองลงไปนอนในอ่างอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว คนผมยาวใช้หางตามองกรเล็กน้อย “ก็คุณบอกให้ผมทำให้คุณหลงรักผมไม่ใช่เหรอ”

พีทก็พูดเล่น ไม่ได้คิดว่าจริงจังว่าไอ้ทำอยู่มันจะไปมีผลกระทบกับหัวใจของเสี่ยมันหรอก

แต่เสี่ยกรนี่สิ... พักหลังมองพีทเป็นพีท ไม่มีมุมไหนทับซ้อนกับคนในความทรงจำได้เหมือนเคยเลย


 


08.55 AM

มันช่างน่าหัวร่อให้ฟันร่วงเสียจริง เมื่อคนที่กลัวว่าเขาจะเป็นหวัดดันเป็นไข้ซะเอง พีทเดินถือถ้วยข้าวต้มที่รีสอร์ททำไว้ให้แขกกินเป็นอาหารเช้าเข้ามาในห้องนอน ก่อนจะทรุดลงนั่งบนเตียง มองใบหน้าที่ขมวดคิ้วแน่นเพราะพิษไข้ของเสี่ยกร

ตัวก็ใหญ่ โดนฝนนิดเดียวไม่สบายซะแล้ว เสี่ยหนอเสี่ย

“เสี่ย”

“...”

“เสี่ยกร” พีทเรียกซ้ำพลางตบหน้ากรเบาๆ ให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว

“...”

“คุณกร”

“...” ดูท่าทางเปลือกตามันหนักจนทำได้แค่หยีตามองเขา แถมน่าจะเมาพิษไข้ด้วย “บอส?”

“...” พีทนิ่งไป ก่อนจะพูดติดตลก “ผมไม่ใช่เจ้านายคุณนะ ไม่ต้องเรียกผมว่าบอสก็ได้”

แต่ใช่ว่าพีทจะจำไม่ได้ซะหน่อยว่าบอสน่ะชื่อใคร เพราะอย่างงั้นถึงได้หน้าเจื่อนอย่างห้ามไม่ได้นี่ไง

“ลุกกินข้าวสักนิดเถอะเสี่ย จะได้กินยา”

“...” กรลุกขึ้นมานั่งพิงหัวกับเตียง เหลือบมองพีทที่ยกถ้วยข้าวต้มส่งให้ตัวเอง

“กินได้เลย มันไม่ร้อนหรอก แค่อุ่นๆ” พีทพูดเสียงเรียบ ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไปเอาน้ำกับยามาให้

นั่งมองจนกรกินยาเรียบร้อย พีทก็จัดแจงห่มผ้าให้ร่างสูงพลางส่งยิ้มบางให้ กรค่อยๆ หลับตาลง พร้อมๆ กับภาพของพีทที่เก็บถ้วยชามเดินออกจากห้องนอนเป็นภาพสุดท้าย
 



ตกเย็นฝนตกพรำๆ

กรฟื้นตัวจากไข้สมกับเป็นเสี่ยกรผู้ยิ่งใหญ่ที่จะไม่ยอมนอนซมเพราะพิษไข้ อะไรที่ทำให้พีทรู้ว่ากรอาการดีขึ้นแล้ว นั่นก็เพราะว่าเจ้าตัวดันนึกครึ้มลุกมานั่งมองสายฝนโปรยปรายเป็นพระเอกเอ็มวีเพลงอกหักน่ะสิ

“อะแฮ่ม” พีทที่ยืนพิงกรอบประตูมองอยู่นานสองนานส่งเสียงกระแอม ซึ่งนั่นก็เรียกความสนใจของกรได้แค่แป๊บเดียว เพราะพอหันมามองพีทได้แวบเดียว เสี่ยกรก็หันหน้ากลับไปยังประตูกระจกข้างหน้า

พีทเบ้ปาก ก่อนจะเดินอ้อมมาข้างหน้ากรอย่างจงใจบังภาพตรงหน้า ให้อีกฝ่ายมองเห็นแต่ตัวเอง มือเรียวที่กอดอกคลายลง “ไข้ลดแล้วเหรอ?”

กรมองตามมือที่วางทาบบนหน้าผากตัวเอง ก่อนจะเหลือบมองพีทที่ก้มมองตัวเองพอดี นั่นทำให้กรสบตากับพีทเข้าอย่างจัง

“!?” พีทตกใจเมื่อจู่ๆ กรก็ดึงเขาอย่างแรงให้ทรุดนั่งลงบนต้นขาแกร่ง พลางใช้แขนข้างหนึ่งรวบเอวไว้

กรยิ้มมุมปาก นัยน์ตาร้ายกาจตามเคย มือหนากดท้ายทอยพีทให้ก้มหน้าลงมามากขึ้น ก่อนร่างสูงจะขยับหน้าผากตัวเองไปแตะหน้าผากพีท “วัดไข้เขาวัดกันอย่างนี้ต่างหาก”

 พีทรู้ว่ากรยิ้มมีเสน่ห์มากๆ แต่เขาก็เกลียดเวลามันส่งมาพร้อมสายตาชวนใจวูบของเจ้าตัวจริงๆ มืออุ่นๆ ที่กดอยู่ตรงท้ายทอยค่อยๆ ผ่อนแรงลง พร้อมกันกับนัยน์ตาสีดำที่อ่อนแสงลงจนอย่างน่าใจหาย

“พีท...” ไม่ใช่แค่แววตาอ่อนลง แต่น้ำเสียงก็อ่อนโยนไปด้วย “ขอโทษ”

“...” พีทย่นคอมองกรจนเหนียงออก ก่อนจะขมวดคิ้ว พลางเอียงคอ “ขอโทษ? เรื่องอะไร?”

“เรื่องเมื่อเช้า ที่ฉันเผลอ...”

“อ๋อ... ผมไม่ถือสาหรอกน่า” พีทยกมือขึ้นตบแก้มกรเบาๆ ก่อนจะก้มลงใช้ทีเผลอแกะมือที่โอบอยู่ที่เอว “คุณจะเรียกชื่อใครก็ได้ แค่ไม่คิดใช้ผมไปแทนที่ใครก็พอ”

“ฉัน... ลืมไม่ได้”

“...” พีทเงยหน้า และไม่อาจละสายตาไปจากนัยน์ตาสีดำสนิทที่สั่นระริกของกรได้

ว่ากันว่าคนที่เงียบที่สุด ตอนร้องไห้จะน่าสงสารที่สุด…

พีทไม่อยากเห็นตอนนั้นที่กรเสียน้ำตาหรอก

มือที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะแกะเอามือหนาของกรออกจากเอวยกขึ้นประกบใบหน้าคมอย่างแผ่วเบา ตัวกรยังอุ่นๆ อยู่เลย พีทยิ้มบาง

“ลืมไม่ได้ก็ไม่ต้องลืมสิ คุณอย่าคิดว่าคุณจะลืม แค่ปล่อยมันไป เดี๋ยวมันก็หายไปเองแหละ”

“...”

“ไม่ได้หมายถึงความทรงจำของคุณกับเขาจะหายไปนะ แต่ความรู้สึกต่างหากที่หายไป”

“...”

“จะว่าไปมันก็ผ่านมานานแล้วนี่นา แล้วความรู้สึกที่ยังอยู่หรือความทรงจำล่ะที่ทำให้คุณทรมาน?” พีทแกว่งขาแรงๆ ในเมื่อกรไม่ปล่อยเขาลงจากตักสักทีก็ขอก่อกวนด้วยการแกว่งส้นเท้าเตะน่องแข็งๆ ของเสี่ยมันละกัน

“...” กรไม่ตอบ พีทเลยไม่รู้ว่ากรได้เก็บสิ่งที่เขาพูดไปคิดไหม แต่เอาเถอะ มันก็แค่ปรัชญาความรักจากคนที่ไม่เคยจริงจังกับความรัก ไม่ต้องไปสนใจมันมากก็ได้

และก็จริงที่ว่ากรไม่ได้สนใจมันเลย ร่างสูงเอาแต่จ้องริมฝีปากของพีททั้งยามที่ขยับพูด และยามที่มันอมยิ้ม

“!?” พีทตกใจที่อยู่ๆ กรก็ทิ้งหัวลงบนไหล่เขา หน้าผากของกรอุ่นๆ เดาว่าไข้คงกลับหรือว่าอะไร? แต่ก็ไม่ได้ถาม พีทยกมือขึ้นลูบหัวกรเบาๆ และแอบหัวเราะให้ลำคอเพราะความแอบงอแงของร่างสูง


“...” ภายใต้ใบหน้าที่ฝังอยู่บนไหล่บาง กรลอบยิ้มกว้างอย่างควบคุมไม่ได้

พีททำเหมือนกรเป็นเด็ก ทั้งๆ ที่ตัวเองมีมุมน่าทะนุถนอมและน่าหมั่นเขี้ยวเต็มไปหมด แต่กรจะไม่มีทางให้พีทรู้หรอกว่าพักหลังมานี้เขาชอบที่ได้เห็นพีทหลากหลายมุมแค่ไหน

ในหัวกรนี่ก็บ้าเหลือเกิน แค่นึกถึงพีทมันก็มีแต่คำๆ เดียววนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด



‘น่ารักเป็นบ้า’
 




อัพนิยาย ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันค่ะ เย่ๆๆ

ทุกคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้คนเขียนมากๆ เลยนะคะ ช่วยกันคอมเมนท์หน่อยน้า

ถ้าใครเล่นทวิตเตอร์ มาร่วมพูดคุยผ่านแท็ก #ทีมเสี่ยกร #ทีมพีท #DILLYE(ย่อมาจาก Do I look like your ex เน้อ) ในทวิตนะคะ คนเขียนอยากอ่านทุกความเห็นเลย T__T

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด