ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 18
' ทนไม่ไหว '
' คืนนี้เวลาเที่ยงคืนครึ่ง ถึงตีสามครึ่งจะมีรังสีจักรวาล ( COSMO ) จากดาวอังคารส่งมายังโลก ฉะนั้นคืนนี้ให้ปิดโทรศัพท์มือถืออย่าเก็บไว้กับตัว ตอนหลับก็เอาไปไว้ไกลๆเพราะมันเป็นรังสีที่อันตรายมากๆ ( ข่าวจาก NASA BBC ) โปรดส่งต่อข่าวนี้ไปให้คนที่คุณรักทุกคน ถ้าไม่เชื่อเช็คจาก Google ' ผมกดส่งข้อความนี้ไปหาฟาน นี่ก็เข้าวันที่สี่แล้วที่เค้าไม่ติดต่อมา แล้วก็ไม่มีการกลับมาของเค้าที่คอนโดหรือกลับมาให้ผมเห็นหน้าใดๆทั้งสิ้น ส่วนตัวผมก็ได้แต่หาข้อความลูกโซ่พวกนั้นส่งไปหาอีกคน แม้แต่ภาพที่เขียนว่า สวัสดีวันพฤหัส ก็เคยส่งไปให้แล้ว
“ คุณคีย์ เชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอครับ " อีกคนที่ส่งข้อความตอบกลับมา
“ ไม่อะ ก็มือมันเผลอไปโดน แค่จะแคปไปให้ลิปขำๆเท่านั้นอะ "
“ คุณใช้มุกนี้ตั้งแต่ส่งภาพ สวัสดีวันพฤหัสมาให้ผมแล้วนะ สงสัยไลน์ของผมกับไลน์ของคุณลิปคงจะอยู่ใกล้กันมาก " ส่วนนายก็คงลบไลน์ของฉันออกไปแล้วใช่มั้ย ถึงไม่ได้ติดต่อมาเลยแบบนั้น ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่ปิดหน้าจอมือถือของตัวเองลงแล้วก็ตั้งไว้ข้างๆ ' ทำไมเราต้องคิดถึงคนที่ไม่คิดแม้จะส่งข้อความมาหาเราด้วยวะ ' ผมถามตัวเองแบบนั้นก่อนจะหลับตาลงแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำ วันนี้ต้องไปทำงาน พรุ่งนี้ก็วันหยุดแล้วจะซื้อขนมมาตุนไว้แล้วก็นั่งดูหนังทั้งวันทั้งคืนไปจนถึงวันอาทิตย์เลย แล้วนายจะไม่ได้เห็นข้อความของฉันอีก ไอ้ฟาน
เปิดคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงานตอนที่หย่อนตัวลงนั่ง ลิปที่มาก่อนก็ทักก่อนจะยิ้มให้ " นี่ยังไม่หายหงุดหงิด เรื่องฟานที่ไม่ติดต่อมาอีกเหรอ "
“ ฉันไม่ได้สนใจไอ้ลูกหมานั่นสักหน่อย " ผมบอกอีกคนที่ก็พยักหน้ารับแต่กลับแสดงสีหน้าที่ไม่เชื่อออกมาเสียแบบนั้น
“ นายก็ส่งข้อความไปหาเค้าก่อนสิ อย่างที่ฉันบอกไง ฟานจ๋า คิดถึงนะ "
“ ฉันก็ส่งไปแล้ว " ผมบอก
“ ด้วยข้อความที่ฉันพูดอะนะ "
“ ก็เปล่าหรอก " แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ทักไปก่อนรึเปล่าวะ " แต่ตั้งแต่วันนี้ฉันจะไม่ส่งข้อความไปหาไอ้ลูกหมานั่นอีกแล้ว พอกันที "
“ งอนอะไรเค้าอีกละ "
“ ส่งเหี้ยอะไรไป ก็ไม่เห็นมันจะเข้าใจสักอย่าง ส่งข้อความมาหาก่อนบ้างก็ไม่มี ต้องรอให้ฉันส่งไปก่อนเรื่อยเลย พอกันที ไม่ส่งแล้ว จะติดต่อเมื่อไหร่ก็ติดต่อมาละกัน จะกลับมาเมื่อไหร่ก็เรื่องของมันแล้วละ ฉันไม่สนแล้ว "
“ โกรธจริงๆนะเนี้ยนาย "
“ แล้วมันน่าโมโหมั้ยวะ " ผมหันไปเถียงอีกคน ก่อนจะถอนหายใจออกมา " เค้าไม่คิดถึงฉันเลยเหรอ ถึงไม่ส่งข้อความมาเลย เฟสทามก็มีจะอยากเห็นหน้ากันสักหน่อยไม่ได้เหรอ สติกเกอร์ไลน์สักอัน หรือแม้แต่ข้อความ ถ้าเขินฉัน ส่งข้อความลูกโซ่มาหาก็ได้นะ แต่นี่ เค้าเงียบไปเลย "
“ ก็อาจจะมีเหตุผลของเค้า "
“ เหตุผลอะไร เหตุผลที่ว่าไม่คิดถึงฉันนะเหรอ " ผมหันไปถามอีกคนที่เงียบลง ลิปส่ายหน้า
“ ก็ลองไปถามเค้าสิ "
“ ฉันจะไม่ติดต่อไอ้หมอนั่นไปก่อนอีกแล้ว พอกันที "
“ การที่นายบอกว่า ติดต่อเค้าไปก่อน ด้วยการส่งสติกเกอร์ไลน์ ข้อความลูกโซ่ หรือแม้แต่รูปภาพสวัสดีวันพฤหัสที่ขอไปจากฉันตอนที่แม่ส่งมาให้ฉันเนี้ย ไม่ได้เรียกว่าการติดต่อไปก่อนหรอกนะคีย์ "
“ ก็..” แต่นั่นก็ถือว่าเราทักเค้าไปก่อนรึเปล่าวะ
“ การยอมรับใจตัวเองว่านายคิดถึงเค้า มันยากมากขนาดนั้นเลยเหรอ " ลิปที่เอ่ยถามผม " แค่บอกว่า ฟานฉันคิดถึงนาย คำพูดตรงๆแค่นี้ มันพูดยากมากเลยเหรอ ฉันคิดว่าคนอย่างฟานถ้ารู้ว่านายคิดถึงก็คงทำอะไรสักอย่างแน่ๆ นายรออยู่แบบนี้ รอให้เค้าติดต่อมา ระวังเถอะ ตัวเองจะอกแตกตายเพราะความคิดถึงไปซะก่อน "
“ คนอย่างฉัน ไม่เป็นอะไรแบบนั้นหรอก " คำพูดที่ดูเชื่อมั่นแต่ใจจริงกลับไม่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังพูดเลยสักนิด ไม่มั่นใจเลย ว่าตัวผมจะทนคิดถึงเค้าได้
กลับมาถึงคอนโดตัวเองในช่วงดึก เป็นอีกวันที่ต้องทำงานเสียจนดึกดื่นโดยที่ไม่รู้ว่าเป้าหมายของตัวเองคืออะไร เพียงเพราะว่าไม่อยากจะคิดถึงใครคนนั้นก็เลยจมตัวเองไปกับงานทำให้ทุกอย่างยุ่ง แต่ทว่าดูเหมือนว่าพอถึงเวลากลับบ้านเราเองก็ต้องกลับ แล้วโลกความจริงที่พยายามลืมมันก็หวนกลับมาอีกครั้ง คือ ' คิดถึงเค้า '
มือของผมไม่หยิบโทรศัพท์ออกมาดูอีกแล้ว เพราะรู้ว่าเค้าคงไม่ติดต่อมา เดินไปที่ตู้เย็นของตัวเองผมหยิบเบียร์ขึ้นมากินก่อนจะกลับไปนั่งที่โซฟาตัวเดิม อยากจะรู้นักเหตุผลอะไรที่ทำให้เค้าไม่ติดต่อมา งานยุ่งมากเหรอ แต่มันยุ่งถึงขนาดที่ว่าแค่จับมือถือแล้วส่ง สติกเกอร์ไลน์สักตัวมาให้ผมก็ไม่ได้เหรอ ไม่มีเวลาพักเลยเหรอ ทำอะไรทำไมถึงยุ่งขนาดนั้น ความรู้สึกที่เหมือนกับคนวอแว ผมเบือนหน้าไปมองกองหนังสือบนชั้นที่ตั้งไว้แบบเป็นระเบียบ มันคือหนังสือของฟาน แถมยังมีทั้งสมุดแล้วก็อะไรมากมายที่อีกคนเอามาไว้ที่นี่ ผมลุกขึ้นเดินไปมองมัน ก่อนจะเขี่ยมันให้ตกลงบนพื้นหลายๆเล่ม คว้ามือถือตัวเองออกมาถ่ายภาพกองหนังสือพวกนั้น แล้วในที่สุด ผมก็ส่งภาพนั้นไปให้เค้าเหมือนพวกคนที่พ่ายแพ้ต่อความรู้สึกภายในจิตใจ
“ หนังสือนายหล่นลงมาจากชั้น มาเก็บด้วย " ผมส่งข้อความไป ฟานที่อ่านก็ส่งข้อความตอบกลับมา
“ มันหล่นลงมาได้ไงน่ะครับ " เค้าถาม
“ ฉันจะไปรู้รึไง มาเก็บด้วยละกัน "
“ ตอนนี้ผมยังไม่ว่างน่ะครับ คุณคีย์ช่วยหยิบมากองไว้บนโต๊ะก่อนก็ได้ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมกลับไปเก็บเอง "
“ เรื่องของฉันรึไง " ผมตอบกลับไป " ของของนาย นายก็มาเก็บเองสิ "
“ งั้นก็กองไว้ตรงนั้นก่อนก็แล้วกันครับ "
“ รก "
“ ขอโทษด้วยนะครับ ไว้คุยกันนะ " ข้อความที่เหมือนถูกตัดไป คงรำคาญที่จะตอบเค้าแล้วละมั้ง จะพูดอะไรตรงๆก็ไม่ได้ ต้องหาเรื่องนู้นนี่นั่นมาคอยพูดคอยถามอยู่แบบนั้น
ผมปิดมือถือตอนที่ล้มตัวลงนอนยาวบนโซฟา ทั้งๆที่มันควรเป็นเสาร์อาทิตย์ที่ใฝ่ฝันว่าจะได้อยู่คนเดียวแบบไม่มีคนมาวุ่นวายแท้ๆ แต่ทำไมถึงไม่ดีใจที่ได้อยู่คนเดียวเลยสักนิด ยังมัวคิดถึงใครคนนั้นอยู่ได้
' แค่บอกว่าคิดถึง มันพูดยากขนาดนั้นเลยเหรอ ' คำพูดของเพื่อนที่แล่นเข้ามาในหัว ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นจากโซฟาตัวที่นอนอยู่ คว้าเอากระเป๋าตังค์กับมือถือแล้วออกไปนอกห้องในวินาทีต่อมา
ผมเป็นคนพูดความจริงจากใจไม่เก่ง แล้วก็ยังไม่กล้าพูดออกไปตรงๆด้วย แต่สิ่งที่ผมรู้สึกคือ ถ้าแววตาของผมสามารถบอกอะไรเค้าได้ก็คงจะดี แววตาที่บอกว่า กำลังคิดถึง แล้วก็กำลังคิดถึงมากแค่ไหน มันอาจจะดูงี่เง่า ทั้งๆที่ถ้าพูดออกไปก็คงไม่ต้องทำอะไรแบบนั้น แต่คำพูดถ้าพูดออกไปมันคงจบ แต่ความคิดถึงก็คงไม่ได้จบไปกับคำพูด ความคิดถึงที่ยังคงอยู่แล้วแบบนั้นจะพูดทำไม พูดไปก็ยิ่งคิดถึง สู้ไปหา แล้วทำให้หายคิดถึงไม่ดีกว่าเหรอ
การเดินทางที่ค่อนข้างไกลผมถอนหายใจตอนที่รู้ตัวอีกที มือก็เผลอเรียกแท็กซี่แล้วให้เค้าขับออกไปยังมหาวิทยาลัยของอีกคน ฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนักในช่วงเวลานั้น ผมมองดูนอกหน้าต่างที่ที่มีผู้คนกำลังเดินกางร่มหลากหลายสีอยู่ในขณะนั้น ก่อนที่รถจะจอดลงที่หน้ามหาลัยใหญ่ ผมยื่นเงินจ่ายให้กับคนขับ สายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักผมเดินออกจากรถก่อนจะวิ่งฝ่าฝนไปที่ป้ายรอรถเมล์ที่อยู่ใกล้ที่สุด คว้าโทรศัพท์มือถืออกมาผมกดส่งขอโทษไปหาเค้า
“ ฟาน ฉันอยู่ที่ป้ายรถเมล์ที่หน้ามหาลัยนาย ออกมาหาหน่อยได้มั้ย " ผมกดส่งข้อความไปหาเค้า ตัวเองที่ยืนอยู่ตรงนั้น สายฝนที่สาดเข้ามา ผมพยายามหลบไปยืนด้านในแต่ความแรงของมันที่สาดลงมาเหมือนพายุก็เหมือนจะไม่สามารถที่จะเป็นกำบังฝนที่ตกลงมาตอนนี้ได้เลย
เสื้อเขิ้ตสีขาวที่เปียกปอนของผม เปียกไปจนถึงด้านในแล้ว มือที่กำมือถือเอาไว้รอให้เค้าตอบกลับ แต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาเลยสักนิด ผมจ้องอยู่ที่หน้าจอ โกรธที่บอกว่าจะไม่เก็บหนังสือให้รึเปล่า หรือคิดว่าฉันเป็นคนวอแวจนไม่อยากจะคุยด้วยแล้ว ผมถอนหายใจออกมา ตอนที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นโทรออกไปหาเค้า เสียงย่ำน้ำที่วิ่งเข้ามาใกล้ก็ชวนให้เงยหน้าขึ้นมาเสียก่อน ร่างสูงที่กำลังคิดถึงวิ่งเข้ามาพร้อมกับร่มคันใหญ่ที่ยื่นมันปกให้ผมทันทีทั้งๆที่ตัวเค้าในตอนนี้ก็เปียกไม่แพ้กัน
“ คุณคีย์ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ครับ แล้วทำไมเปียกแบบนี้ " เสียงหอบหายใจของเค้า มือหนายกขึ้นเช็ดน้ำฝนที่หยดลงบนหน้าของผม คำพูดที่อยากจะพูดกลืนหายไปแล้วตอนที่เห็นหน้าเค้า ผมเม้มริมฝีปากของตัวเองแน่นอยากจะพูดทุกคำแต่กลับพูดไม่ออกสักคำ คิดถึงใบหน้าแบบนี้ คิดถึงคนนี้ คิดถึงที่สุด " ไปกันครับไปที่ห้องผม " ฟานดึงให้ผมเดินตามเค้า มือหนากอดไหล่ผมดึงเข้าไปใกล้เพื่อให้ผมถูกฝนน้อยที่สุด
เราที่เบียดกันอยู่ในร่มคันนั้นผมสูดดมกลิ่นที่กำลังคิดถึงเข้าไปเต็มปอด ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี ทุกอย่างมันอัดแน่นไปหมดแล้วในตอนนี้ ทั้งๆที่มีคำพูดมากมายที่จะพูดแท้ๆ แต่พอเห็นหน้าทุกอย่างกลับถูกกลืนไปหมด ' ฉันแค่ผ่านมา ' ความตั้งใจที่จะพูดกับเค้าตอนที่นั่งรถมาคือคำพูดนั้น ' มากินข้าวกับเพื่อนที่ทำงานแล้วก็แค่ผ่านมาเลยแวะมาหา เพราะเพื่อนเมาเลยไม่กล้ากลับด้วย ทางมันไกลก็เท่านั้น ไม่ได้คิดถึงนายเลยสักนิดอย่าเข้าใจผิด ' ข้ออ้างทั้งหมดที่ถูกคิดไว้ถูกกลืนหายลงไป พูดไม่ออกแล้ว
หอพักที่เป็นตึกสูงที่อีกคนพาผมมา เราเข้ามาในห้องแต่ผมกลับยืนนิ่งอยู่ที่ประตูหน้าตรงนั้น ในขณะที่ฟานกลับวิ่งเข้าไปในห้องแล้วก็หาผ้าขนหนูผืนหนาๆมาห่มตัวผมไว้ก่อนจะหยิบผ้าอีกผืนขึ้นมาเช็ดเส้นผมที่กำลังเปียกให้ เค้าที่ก้มลงมาถาม " หนาวมั้ยครับ แล้วทำไมถึงมาที่นี่ละครับ "
" ฉัน.. " สบสายตาคมที่กำลังมองจ้องมาข้ออ้างที่เตรียมไว้ได้เวลาพูดออกไปแล้ว แต่ทว่าริมฝีปากนั้นกลับสั่น แววตานั่นก็กำลังสั่นพร้อมด้วยหยาดน้ำตาที่คลอหน่วยตาเต็มไปหมด น้ำตาที่กำลังไหลออกมาในตอนที่ผมมองแววตาของฟานที่กำลังมองผมอยู่ในตอนนั้นมันมีความรู้สึกนึงที่ล้นเอ่อออกมาจนผมต้องคว้าคอเค้าเข้ามาแล้วกอดไว้แน่น " ฟาน ฉัน..คิดถึงนาย "
“ คุณคีย์ "
“ ฉันคิดถึงนาย " ผมย้ำความรู้สึกนั้นกับเค้า ทนไม่ไหวอีกแล้วแค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าตัวเองกำลังคิดถึงเค้ามากแค่ไหน คิดถึงกลิ่น คิดถึงใบหน้าหล่อเหลานั่น คิดถึงเสียง คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเค้า คิดถึงจนทนไม่ไหวอีกแล้ว น้ำตาของผมไหลออกมาตอนที่ซบเค้าไว้แบบนั้นฟานก็กอดรัดผมไว้แน่นเช่นกัน
“ ผมเองก็คิดถึงคุณ " ฟานบอกก่อนจะผละตัวออกจากผม
ใบหน้าคมที่ก้มลงมาใกล้เค้าจูบริมฝีปากหลับตาลงช้าๆรับรู้ความรู้สึกอบอุ่นที่คิดถึงแล้วกอดรัดกันและกันไว้แน่น เผยอปากรับลิ้นชื้นที่แทรกตัวเข้ามา จูบดูดดื่มที่เพิ่มอุณหภูมิความต้องการให้มากขึ้นเรื่อยๆ เสื้อเปียกปอนของผมถูกร่อนขึ้นช้าๆ ฝ่ามือหนาสอดมือเข้าไปสัมผัสรอบเอวเค้าลูบมันอยู่แบบนั้นก่อนจะปล่อยมือแล้วย้ายมาปลดกระดุมเสื้อทำงานร่อนลงจากไหล่ก่อนที่ฟานจะดันให้ลำตัวของผมชิดติดกำแพงแล้วก้มลงจูบลำคอขาวพลางไล่ลงมาต่ำถึงยอดอก
เสียงจูบดูดดื่มที่กำลังขบเม้นยอดอกของผม เม้มริมฝีปากตัวเองแน่นตอนที่บิดเร้าไปตามความรู้สึกที่อีกคนมอบให้ ผมแอ่นหน้าอกของตัวเอง รับลิ้นที่กำลังไล่เลียอยู่ตรงนั้น เสื้อของผมถูกดึงออกก่อนจะปล่อยให้กองอยู่บนพื้น เค้าเปลี่ยนมาถอดเข็มขัดก่อนที่กางเกงจะลงไปกองที่ข้อขาเช่นกัน " คุณคีย์ " เสียงที่เอ่ยเรียก ร่างของผมถูกอุ้มมานอนบนเตียงกว้าง ขยับตัวนิดหน่อยตอนที่ก้มลงมาจูบอีกครั้ง มือผมก็เอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อของอีกคนจนหมด ฟานคว้ามือของผมไว้เค้าจับให้ยึดอยู่เหนือหัว ก่อนจูบริมฝีปากของผมอีกครั้งพลางไล่ลงต่ำมาเรื่อยๆ จากแก้ม ลงมาเป็นคอ ไล่ลงมาต่ำเรื่อยๆจนถึงหน้าท้องและส่วนที่น่าอาย
“ ฟาน " เสียงเบาๆที่เอ่ยเรียกเค้า ผมส่ายหน้าไปมาเพราะความเสียวซ่านที่อีกฝ่ายมอบให้ด้วยริมฝีปาก ที่จูบไปทั้งเรืยนกาย ขาของผมด้านนึงถูกยกขึ้นฟาดบ่าของเค้า นิ้วเรียวสอดเข้าไปในร่างของผม เค้ากดมันจนจมลึก ผมที่อ้าปากครางออกมา ร้องเรียกชื่อเค้าอย่างไม่เป็นภาษา " อะ อ้าา ฟะ ฟาน อื้ออ " ยามที่นิ้วขยับไปเข้าออก ผมได้แต่ผ่อนลมหายใจแรงๆหลับตาแน่นกับความเสียวซ่านที่สอดเข้าออกตรงจุดนั้นพอดี เค้าที่ย้ำถี่ๆลงมา ผมเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะเอ่ยบอกเค้าด้วยเสียงหอบเบาๆ " พอแล้ว อ๊าา พอแล้ว ไม่ไหว พอแล้วฟาน พอ ฉัน.. อ๊ะ ตรงนั้นอย่านะ "
“ พอแล้วเหรอครับ " เค้าก้มลงมากระซิบแต่ก็ดัดนิ้วของตัวเองให้จมลึกลงไปที่จุดกระสันนั้นอีกครั้ง ผมอ้าปากค้างก่อนจะบรือขึ้นมองคนตรงหน้าที่ยิ้มกริ่มด้วยความพอใจสำหรับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความต้องการของผม กัดลงบนเนื้อแก้มของเค้าเบาๆ เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ฟานดึงนิ้วของตัวเองออก ก่อนจะสอดส่วนกลางที่สวยถุงยางอนามัยแล้วสอดเข้าไปในร่างของผมจนมิดด้าม ผ่อนลมหายใจอยู่เพียงครู่ๆอยู่ๆร่างก็ถูกดึงขึ้นมาให้อยู่ยนตัวเค้า ฟานที่เงยหน้ามองผมที่อยู่สูงกว่า " โยกให้ผมดูหน่อยสิ "
“ นายนี่มัน..”
“ คุณคีย์เคยบอกผม ว่าคุณคีย์เก่ง "
“ ฉันไปบอกนายเมื่อไหร่ อ๊ะ " แค่ขยับส่วนกลางที่สอดในร่างก็เหมือนจะแตะลงจุดกระสันนั้นพอดี ผมเม้มริมฝีปากแบบจำยอมแต่ปากก็ยังเถียงออกไปอย่างไม่ยอมแพ้ " ไม่เคยบอกอะไรแบบนั้นสักหน่อย แค่บอกว่ายังโยกไหว "
“ งั้นก็โยกให้ดูหน่อยสิครับ " เสียงทุ้มที่กระซิบลงข้างหู ผมขยับตัวเองช้าๆ มือที่จับไหล่หนาของอีกคนไว้ ฟานใช้มือสองข้างสอดเข้าไปใต้ขาของผมก่อนจะยกตัวผมขึ้นลงเร่งจังหวะรักให้รุนแรงมากขึ้น ความลึกที่สอดลงจนมิดด้ามเร่งความรู้สึกต้องการให้มากขึ้นเป็นเท่าตัวมากกว่าท่าไหนๆ
“ อ๊าาาา อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ฟาน อื้ออ " พยายามปิดเสียงร้องของตัวเองเอาไว้ ไม่เคยต้องร้องครางออกมาเสียงดังขนาดนี้เลย แต่ท่านี้ ความเสียวซ่านแบบนี้ มันมากเกินไปแล้ว มากเกินจนทนไหวแล้ว มันลึก ลึกเกินไป " อ๊ะ อ๊ะ อื้อ อ๊ะ อ๊ะ ฟาน ฟานลึก ลึกเกินไปแล้วนะ อ๊า " เสียงครางยาวๆของผม เผลอกัดปากตัวเองแน่นตอนที่เค้าเพิ่มความเสียวด้วยการจูบที่ยอดอกที่แข็งชันของผม ก่อนที่ลำตัวที่เด้งขึ้นลงจะยิ่งเร็วขึ้นและถี่ขึ้น " นี่ แรง แรงเกินไปแล้วนะ อ๊าา ฟาน " ในที่สุดก็ทนทานความรู้สึกทุกอย่างไม่ไหว ผมปลดปล่อยความต้องการนั้นออกมาพร้อมกับเค้าจนเลอะหน้าท้องไปหมด " ฟาน..” เอ่ยเรียกชื่อเค้าผ่อนลมหายใจหอบออกมา เค้าวางผมนอนราบกับเตียงอีกครั้ง ฟานดึงส่วนกลางออก ก่อนจะเปลี่ยนถุงยางแล้วสอดเข้ามาใหม่อีกครั้ง " อื้ออ " แรงขยับเบาๆเค้าก้มลงมาจูบ
“ คิดถึงคุณคีย์จังเลยครับ "
“ แล้วทำไมไม่โทรหากันบ้างละ " ผมเอ่ยถามเค้า ตอนที่เรากำลังมองหน้ากันพร้อมด้วยจังหวะสอดใส่ที่เชื่องช้าของเค้า " ที่บอกว่าคิดถึงกัน มันจริงเหรอ ถ้าคิดถึงกันทำไมนายต้องรอฉันติดต่อไปก่อน ทำไมนายไม่ติดต่อมาหาฉันบ้าง จะบอกว่าไม่มีเรื่องคุยงั้นเหรอ แค่ถามว่า วันนี้เป็นยังไงบ้าง กินข้าวรึยัง ก็ไม่ได้เหรอ "
“ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ " เค้าที่พูดออกมาก่อนจะก้มลงมากอดผมไว้ ใบหน้าคมจูบอยู่ตรงซอกคอไม่ยอมผละออกไปไหน " แต่ผมเองก็ถามคุณแล้ว คุณก็บอกว่าคุณอยู่ได้ถ้าไม่มีผม "
“ ฉันบอกนายเมื่อไหร่ "
“ ตอนเดียวกันกับตอนที่ผมบอกคุณว่าผมจะไม่กลับไปที่คอนโดคุณสองอาทิตย์นั่นแหละครับ " เค้าบอกผมก็คิด จำไม่ได้แล้วว่าพูดประโยคทำร้ายจิตใจอีกคนไปแบบนั้น จำไม่ได้เลยว่าพูดอะไรแบบนั้นออกไป ผมถอนหายใจออกมาไม่รู้จะตอบอีกคนด้วยคำพูดไหนดี ฟานคงรู้สึกไม่ดีกับคำพูดที่ออกจากปากพล่อยๆของผมอีกแน่ๆ
“ นายงอนเหรอ "
“ นิดหน่อยครับ " เค้าบอก " แต่เพราะคุณส่งข้อความมาหาผมทุกวันเลยคิดว่า ไม่จริงอย่างที่พูดออกมาหรอก คุณคงคิดถึงผม ถึงได้เอานู้นเอานี่ส่งมาหากันอยู่เรื่อย "
“ แล้วถ้ารู้แบบนั้นทำไมไม่ส่งมาก่อนบ้างละ "
“ เพราะผมคิดถึงคุณครับ " สายตาคมที่เงยขึ้นมาสบตาผม " อยากจะโทรไปหา แต่ถ้าได้ยินเสียงต้องคิดถึงมากกว่าเก่าแน่ๆ อยากจะเห็นหน้า แต่ถ้าเฟสทามไปก็ต้องคิดถึงมากกว่าเก่าอีก แล้วถ้าส่งข้อความไปก็ต้องอยากคุยกันต่อจนไม่อยากจะทำอะไร เพราะแบบนั้นเลยไม่โทรไปครับ อยากจะทำงานให้เสร็จแล้วค่อยกลับไปกอดคุณทีเดียว ผมต้องรับผิดชอบงานที่ได้รับ คุณคีย์บอกว่าคนที่เป็นผู้ใหญ่เค้าจะมีความรับผิดชอบงานของตัวเองมาก่อนเสมอ แล้วคุณคีย์ก็บอกว่า คุณคีย์ชอบคนแบบนั้น ผมเลยอยากเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ " คนแบบที่เราชอบอีกแล้ว ผมเบือนหน้าหนีเค้าตอนที่อีกคนให้เหตุผลออกมาแบบนั้น ไม่ใช่ว่าไม่คิดถึง แต่คิดถึงมากตังหากก็เคยไม่ติดต่อไป
" ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้นะ " ผมที่เผลอพูดออกมา อีกคนก็เอียงหน้ามามอง
“ คุณคีย์ว่าอะไรนะครับ "
“ ทำไมนายถึงเป็นคนแบบนี้กันนะ " หันหน้ามาสบตาเค้าก่อนจะถอนหายใจออกมา " ทำไมถึงต้องคิดถึงแต่เรื่องของฉันด้วยก็ไม่รู้ ทำไมต้องเป็นคนที่ฉันชอบ บอกกี่ทีแล้วว่าให้เป็นตัวเอง ฉันจะชอบนายที่สุดก็ตอนที่นายเป็นตัวเอง นายมีความรับผิดชอบในงานนั่นก็ดีอยู่หรอก แต่ว่า ถ้าคิดถึงฉันสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง สักชั่วโมงนึงให้เราได้คุยกันฉันว่าถึงมันจะทำให้เราคิดถึงกันมากขึ้น แต่มันก็ดีกว่าการที่เราไม่พูดกันเลยนะ เพราะการที่เราคิดถึงกันแต่เราไม่ได้พูดกันเลย มันไม่ใช่แค่ความคิดถึงหรอก แต่มันคือทรมานตังหาก แล้วฉันก็ทรมานมากเลย แล้วนายละ นายทรมานมั้ย ทรมานเหมือนกันกับฉันรึเปล่า "
" คุณคีย์ "
" แล้วถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมเราต้องทนทรมานด้วยละ ถ้าคิดถึงฉันก็โทรมาบ้างสิ ฉันน่ะ รอสายฟานทุกวันเลยนะ "
“ คุณที่พูดออกมาตรงๆแบบนั้น น่ารักจังเลยนะครับ รู้มั้ย " เสียงทุ้มที่กระซิบลงมาข้างหู ผมเม้มริมฝีปากแน่นอีกคนก็ยิ้ม
“ อย่าบอกใครเรื่องนี้ละ เพราะฉันจะพูดแบบนี้กับนายคนเดียว " ใบหน้าคมที่ยิ้มกว้างเค้าที่กอดผมไว้แน่นก่อนจะจูบลงที่ข้างแก้ม
“ คุณน่ารักจัง ผมต้องรักคุณมากขึ้นอีกแล้ว " เสียงบ่นๆของอีกคน ผมเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นเพราะความเขินดีจังนะ ที่นายพูดออกมาแบบนั้น เพราะฉันเองก็อยากจะให้มันเป็นแบบนั้นเหมือน คำพูดที่บอกว่า รักฉันมากขึ้นน่ะ ขอให้มากขึ้นนะว่านี้อีกนะ เพราะฉันก็จะชอบนายมากขึ้นเหมือนกัน
..........................................
ลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าอีกวันที่ร่างกายรู้สึกเมื่อยล้า เตียงนอนสีดำที่ไม่ใช่แบบเตียงนอนในห้องผม ตอนที่ลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบๆก็เพิ่งนึกได้ว่า เมื่อคืนเรามาหาฟานที่นี่เพราะทนทานความคิดถึงอีกคนไม่ไหว แล้วสุดท้ายก็เหมือนว่าเราจะจบลงที่เตียงเป็นการพูดคุยกันให้หัวข้อที่เรียกว่า ' คิดถึง ' ได้ดีที่สุดแล้ว
“ ไปไหนของเค้าตั้งแต่เช้า " ผมบ่นออกมาตอนมองไปรอบๆ จะว่าไปเมื่อคืนไม่ได้สังเกตุเลยว่าห้องหมอนี่เรียบร้อยกว่าที่คิดไว้ตั้งแต่ทีแรกเสียอีก ห้องพักที่มีหันซ้ายก็เจอระเบียง หันขวาก็เป็นห้องน้ำแล้วก็ประตู ส่วนของใช้ที่จำเป็นก็กองอยู่ข้างหน้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า หรือว่าโต๊ะเขียนหนังสือที่ดูเหมือนว่าตรงนั้นจะเป็นส่วนที่รกที่สุดในห้องแล้ว ถอนหายใจออกมาก่อนจะล้มลงนอนบนเตียงอีกครั้ง มองหามือถือของตัวเองก่อนจะพบว่ามันตั้งอยู่บนหัวเตียงแล้วก็มีโพสอิสสีส้มติดไว้อยู่
' ตื่นนอนแล้วเหรอครับ ? วันนี้ผมมีงานโอเพ่นเฮ้าส์ที่มหาวิทยาลัยเลยต้องไปตั้งแต่เช้า ถ้าคุณคีย์ตื่นแล้ว อยากจะอาบน้ำเสื้อผ้าแขวนอยู่ในตู้เลือกได้เลยครับ ส่วนเสื้อผ้าของคุณ ผมแขวนไว้ที่ระเบียงหลังห้องแต่คิดว่าคงยังไม่แห้งหรอก ถ้าเกิดคุณหิวเดินเข้ามาให้มหาลัยนะครับ แล้วโทรมาหาผม ผมจะไปหาคุณเองครับ '
“ สั่งเป็นพ่อเลยเว้ย " ผมบ่นออกมาก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ความคิดถึงที่มีเหมือนจะจางหายไปแล้ว น่าแปลกทั้งๆที่ทนทรมานอยู่ตั้งหลายวันแต่พอได้เจอ ก็เหมือนทุกอย่างที่ผ่านมานั้นเป็นแค่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ราวกับว่ามันเป็นแค่ความรู้สึกชั่ววูบ ณ ขณะนึงก็เท่านั้น
ผมลุกขึ้นจากเตียงอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืดที่หาได้จากในตู้แม้มันจะดูตัวใหญ่ไปหน่อยก็เถอะ มองหากางเกงในส่วนถัดไปแต่ก็พบว่าไม่มีกางเกงตัวไหนที่ผมใส่ได้เลยสักตัว ตัดสินใจเดินออกไปนอกระเบียง เสื้อที่แขวนเอาไว้แห้งแล้ว กางเกงก็ด้วย " งั้นใส่กางเกงซ้ำก็แล้วกัน เสื้อเหม็น คงใส่ไม่ไหวแล้วละ " คว้ากางเกงของตัวเองมาใส่ผมหยิบของที่จำเป็นก่อนจะเดินลงมาด้านล่างหอพักของอีกคน
เด็กมหาลัยในชุดมหาลัยและชุดอยู่บ้าน เดินขวักไขว่กันหน้าละอ่อนในซอยที่เหมือนว่า ทั้งซอยนี้จะมีแค่หอพักนักศึกษาและร้านค้าที่เปิดขึ้นเพื่อนักศึกษาก็เท่านั้น ผมเดินออกจากซอยไม่ไกลเท่าไหร่ก็เข้าสู่เขตมหาลัยที่วันนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ ป้ายใหญ่ๆของคณะต่างๆที่ถูกทำขึ้นตอนรับ ผมเดินเข้าไปเรื่อยๆแบบไม่มีจุดหมายอะไร ก่อนจะหยุดแล้วยกโทรศัพท์มือถือมาโทรหาอีกคนเพราะคิดว่ายิ่งเดินไกลแล้วคาดหวังว่าอยู่ๆจะเดินไปเจอฟานได้ด้วยตัวเองในสภาวะที่คนเยอะแบบนี้นั้น เป็นเรื่องยาก
“ คุณคีย์ ตื่นแล้วเหรอครับ "
“ ฉันอยู่ในมหาลัยนาย นายอยู่ไหนละ "
“ ผมอยู่ที่คณะครับ " เค้าตอบ " คุณอยู่ตรงไหนครับ ผมจะเดินไปรับ "
“ นายว่างรึไง "
“ ก็พอปลีกตัวได้สักสิบนาที "
“ อยู่ตึกแรกที่เดินเข้ามาน่ะ ตึกๆเก่าๆอ๋อ อื้มม " ผมพยายามมองหาสัญลักษณ์ที่เด่นชัดของมัน อ้อ อาคารหนึ่ง มันเขียนว่าอย่างงั้น "
“ งั้นเดี๋ยวผมเดินไปนะ รอผมแปปนะครับ " สายที่วางไปผมเก็บมือถือไว้ในกระเป๋าก่อนจะมองดูเหล่านักศึกษาที่กำลังเดินไปมา บ้างก็กำลังชวนน้องทำกิจกรรม น้องๆที่อยู่ในช่วงมัธยมผมยิ้มน้อยๆเพราะรู้สึกว่าการมายืนอยู่ในที่ตรงนี้ บ่งบอกความรู้สึกลึกๆของผมเลยว่า ตัวเรานั้นผ่านช่วงเวลานั้นมานานแค่ไหน
" ไอ้แก่เอ้ย "
“ คุณคีย์ " หันไปหาเสียงเรียก ฟานที่กำลังหอบเดินมาหยุดอยู่ข้างๆผม ก่อนจะถอนหายใจออกมา " รอนานมั้ยครับ "
“ ก็ไม่นานหรอก "
“ ใส่เสื้อของผมด้วย " อีกคนที่ทัก ก่อนจะก้มลงมองเสื้อสีขาวที่ตัวเองกำลังใส่ ใบหน้าคมที่แต้มสีแดงเขินๆตรงแก้ม
“ ทำไม ใส่ไม่ได้เหรอ "
“ ก็เปล่าหรอก แต่รู้สึกว่าเวลาคุณใส่เสื้อของผมเหมือนตัวผมกอดคุณไว้ตลอดเวลาเลย "
“ ไร้สาระ " ผมบอกปัดก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น ไอ้เด็กบ้าตอนแรกที่ใส่ก็ไม่คิดอะไรหรอก แต่พอหมอนี่พูดออกมาทำไมดันไปคิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่เรานอนกอดกันซะได้วะ " ฟาน หิวแล้ว พาไปกินอะไรอร่อยๆหน่อย "
“ อยากจะกินอะไรละครับ "
“ อะไรก็ได้ที่มันอร่อยน่ะ "
“ ข้าวหมูทอดที่นี่อร่อยครับ " ผมพยักหน้ารับ ท่าทางก็คงไม่เลวหรอกถ้าฟานบอกว่าอร่อยมันก็คงอร่อยจริงๆนั่นแหละ ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้เค้าที่คว้ามือผมไปจับไว้ แต่ผมที่สะบัดออกรวดเร็วอีกคนก็มองหน้า
“ เอ่อ..นี่มันมหาลัยนะนาย ให้เกียรติสถานที่ด้วยสิ "
“ แค่จับมือเองครับ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย "
“ ก็ไม่ได้ " ผมบอกปัดแต่เค้าก็ยังดึงดันจะคว้ามือผมไปจับอยู่ดี ทั้งๆที่ว่าในความเป็นจริงเค้าน่าจะได้จับมือคนที่คู่ควรกับเค้ามากกว่านี้ อาจจะเป็นคนอายุเท่ากันหรือว่าสาวสวยสักคนในมหาลัย ก็การเดินจับมือกันแบบนี้ในมหาลัยมันเหมือนการเดินโชว์แฟนกลายๆไม่ใช่เหรอ แล้วการที่ฟานมาจับมือเค้าแบบนี้
“ อายเหรอครับ ที่ต้องจับมือกับผม "
“ ทางนี้มากกว่าที่ต้องถามคำถามนั้นน่ะ "
“ คุณคีย์สวยขนาดนี้ ผมไม่อายหรอกดูสิมีแต่คนมอง " มองว่านายไปเอาไอ้แก่ที่ไหนมาควงรึเปล่า ผมถอนหายใจออกมาแต่ก็ช่างเค้าเถอะ ยังไงก็แค่จับมือละนะ ไม่ได้ทำอะไรเสียหายอย่างที่อีกคนว่าจริงๆนั่นแหละ
ก็คิดว่า ลูกหลานมันให้จับเพราะขาแข้งไม่ค่อยดีก็แล้วกัน เผลอแอบยิ้มออกมาตอนที่ถอนหายใจแล้วคิดแค่ว่า อย่างน้อยก็ควรดีใจ ที่มีใครคนนึง มั่นใจที่จะเดินจับมือกับผมไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ก็ตาม
.........................................................
ในที่สุด...
ก็ต้องมีใครสักคนที่ทนไม่ไหว แล้วระเบิดความจริงออกมา
โกรธน้องฟานได้แต่อย่าแรง
อิจฉาพี่คีย์ได้แต่อย่าแรง เช่นกัน
เคยสงสัยมั้ย.. แสนดีขนาดนี้ น่ารักขนาดนี้ โกรธ จะแล้วเป็นไงวะ
ไม่รู้เหมือนกัน ติตดามต่อไปดีกว่า
เดินเข้ามหาลัยแล้วจะเป็นยังไงต่อไป
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านแล้วคอมเม้นท์จ้า
