บทที่ 12
ในเมื่อฟังต้องการหยุดเพียงเท่านี้จะให้เราทำอะไรมากไปกว่านี้ได้ จะให้อ้อนวอนก็ดูจะน่าอายเกินไปที่จะอ้อนวอนเพื่อให้อีกคนกอด ตัดสินใจลุกขึ้นออกจากตัวของฟังเดินไปอาบน้ำไปทำความสะอาดร่างกายตัวเอง อาศัยช่วงที่ฟังเข้าไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยใช้เวลาช่วงนั้นรีบลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าที่สามารถออกไปข้างนอกได้พร้อมกับเตรียมตัวจะออกไปจากบ้านของฟัง แต่ไม่รู้ว่าฟังเขาจัดการตัวเองอย่างรวดเร็วหรือเราเองที่แต่งตัวช้า เพราะลงมาได้แค่ห้องรับแขกของฟัง ฟังก็สามารถเดินมาจับตัวเราเอาไว้ได้แล้ว
“((จะไปไหน?))”
“กลับบ้าน ปล่อย”
“((กลับทำไม?))”
“จะกลับ”
“((แป้ง))”
“ปล่อยจะกลับ อย่ามายุ่งรังเกียจนักไม่ใช่เหรอ? ใช้งานเสร็จแล้วนิพอใจรึยัง? แต่ขอโทษนะที่ทำให้มีความสุขมากกว่านี้ไม่ได้ มันไม่น่าดูใช่ไหมละในร่างกายเรานะ ไปหาเอาใหม่ที่มีร่างกายน่าดูแล้วกันนะ”
“((แป้งๆ เดี๋ยวๆ หยุด))”
“ปล่อยเถอะนะ เรา ปล่อยเรากลับบ้านเถอะนะ”
“((แป้ง หยุดร้องเกิดอะไรขึ้น งง แป้งหยุด))” ในเมื่อฟังไม่ยอมปล่อยสิ่งที่เราทำได้คือยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น ฟังพาเดินกลับขึ้นไปที่ห้องนอนนั่งกอดเราเอาไว้ไม่ปล่อยมือออกจากเราเลย หลังจากได้ร้องไห้แล้วได้อยู่ในอ้อมกอดของฟัง มันยังทำให้เราสัมผัสได้ว่านี่คือฟังที่ยังเป็นของเราอยู่ ฟังยังไม่ได้ไปไหนและยังไม่ได้เป็นของคนอื่นอารมณ์ที่พุ่งขึ้นด้วยความโกรธก็ปรับอารมณ์ให้อยู่ในโหมดปกติได้
“((พร้อมจะพูดรึยัง ว่าเกิดอะไรขึ้น?))” ผ่านไปสักพักฟังก็เป็นคนเริ่มการพูดจาขึ้นมาก่อน ครั้งนี้ฟังใช้ภาษามือในการสื่อสารเพราะว่าเรานั่งเอาตัวพิงตัวของฟังอยู่เลยไม่สามารถมองที่หน้าของฟังได้
“อื้ม”
“((เป็นอะไรครับ? ทำไมอยู่ดีๆ พูดอะไรแบบนั้น?))”
“ก็”
“((เล่ามาเถอะ เราตกใจอยู่ๆ แป้งเป็นแบบนั้น บอกกันได้ไหม?))”
“เห็นมีคนบอกว่าในมหาลัยฟังมีเพื่อนเยอะแล้วก็สนิทกับลูกตาลมากจนคนเขาแซวแล้วว่าสองคนเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อน”
“((แล้ว))”
“ที่ฟังหยุดไม่สานต่อไปจนถึงแบบ เอ่อ นั้นแหละ เราอยากรู้ว่าเพราะว่าฟังทำไม่ลงใช่ไหม? เราไม่ใช่แบบที่ฟังต้องการรึเปล่า?”
“.......”
“แล้วฟังก็กำลังจะมีเพื่อนใหม่อีกเยอะ ฟังเลยอายใช่ไหมถ้าจะเป็นเรา?”
“((ไม่เข้าใจ))”
“ ฟังเลยไม่เคยสนความรู้สึกของเราแค่เอาเรามาเป็นที่ระบายอารมณ์ใช่ไหม?”
“ แล้วฟังก็อยากได้คนอื่นๆ เป็นแฟนใช่ไหม ฟังเลยไม่ขอเราเป็นแฟนสักที? ฟังอยากคู่กับลูกตาลแบบที่ทุกคนมองกันใช่ไหม?”
ณ ตอนนี้เราได้พูดเรื่องในหัวของเราไปหมดแล้ว ฟังไม่ตอบอะไรได้แต่กำมือตัวเขาเองเอาไว้แน่น จากที่คิดว่าจะไม่ร้องไห้แล้วเพราะอ้อมกอดนี้ตอนนี้เป็นของเราแล้ว พอฟังไม่ตอบทำให้เรารู้สึกว่าแม้อ้อมกอดนี้จะอบอุ่นแต่มันอาจจะไม่ใช่อ้อมกอดของเราแค่คนเดียว
“((เลิกร้องแล้วดูปากฟังนะ))” ตอนนี้ฟังไม่ได้กอดเราเอาไว้แล้ว ฟังจับหน้าของเราหันไปดูปากของเขาแทน
“((เรื่องแรก เรื่องของลูกตาล เราเคยคุยกันแล้วนิน่าว่าลูกตาลนั้นเพื่อนของฟัง มันไม่มีอะไรที่มากกว่านั้นทำไมเรื่องนี้แป้งยังกังวลอีก?))”
“.............”
“((เรื่องต่อมาเรื่องเพื่อนเยอะ มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรที่ฟังจะมีเพื่อนกี่คน เพราะยังไงแป้งยังคงเป็นคนพิเศษของฟังเสมอ))”
“((ส่วนเรื่องมีอะไรกัน ทำไมแป้งถึงคิดว่าฟังรังเกียจครับ ฟังดูไม่มีอารมณ์ร่วมเลยเหรอ?))”
“เปล่า แต่ฟังหยุดตลอด”
“((แป้ง เราเป็นห่วงแป้งนะเราถึงหยุด))”
“ห่วงทำไม? เราไม่เจ็บหรอก เรารู้ว่าต้องทำยังไงเราก็มีศึกษามาบ้างเหมือนกัน”
“((มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้น แป้งไม่เหมือนคนอื่น))”
“ไม่เหมือนยังไง?”
“((อยากรู้ใช่ไหม?))”
“ใช่” ฟังเลิกใช้คำพูดเป็นตัวอธิบาย แต่ฟังเริ่มใหม่ทุกอย่างตั้งแต่ตอน จูบ สัมผัส ลูบไล้ครั้งนี้เรารู้สึกได้ว่าฟังใส่ใจในการสัมผัสเรามากขนาดไหนในแต่ละส่วนที่ฟังสัมผัสเหมือนฟังจะทิ้งความใส่ใจเอาไว้ในทุกที่
“((ลืมตา))” ฟังหยุดทำให้เราลืมตามามองหน้าฟังแล้วฟังก็บอกให้เราลืมตาแล้วมองแต่หน้าของฟังแม้จะอายแต่เราก็ทำตาม เห็นหมดตั้งแต่ตอนที่ฟังเตรียมตัวให้เรา มันก็รู้สึกแปลกๆบ้างที่เห็นอะไรแบบนี้ เห็นตอนที่ฟังเตรียมตัวให้ตัวเอง รู้สึกตื่นเต้นเพราะเป็นมุมที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน หลังจากที่ฟังเตรียมทุกอย่างให้พร้อมทั้งเขาและเรา ฟังก็ก้มลงมาจูบมาตามข้อต่อต่างๆของเราไม่ว่าจะเป็น มือ หัวเข่า สะโพก
“((ฟังขอนะขอเข้าไปในตัวของแป้งนะ))”
“อื้ม”
“((ถ้าเจ็บตรงไหนบอกนะ))”
“อื้ม” ฟังค่อยๆ เอาตัวเข้ามา มันไม่เจ็บแค่รู้สึกอึดอัดเพราะฟังอ่อนโยนมากกว่าจะมาถึงขั้นตอนนี้ ฟังเอาใจเราทุกอย่างจนลืมความเจ็บนี้ไปเลยมันเป็นความสุขเสียมากกว่าความเจ็บ
“((จะขยับแล้วนะ))” ไม่เข้าใจว่าฟังจะบอกทำไมแล้วแถมยังไม่ยอมให้เราหลับตาลงอีก ช่วงที่ฟังขยับตัวกำลังมอบความสุขให้เราพร้อมทั้งเติมความสุขให้ตัวฟังเองนั้น ใจของเรามีแต่คำว่าเติมเต็มในที่สุดเราก็รู้แล้วว่าฟังไม่ได้รังเกียจที่จะมีอะไรกับเรา ตลอดเวลาฟังพยายามเอามือจับลองเอาไว้ที่หัวเข่ากับสะโพกของเราตลอด ฟังเหมือนพยายามข่มใจไม่เร่งจังหวะให้เร็วเกินไปหรือไม่โถมน้ำหนักมาทีเดียวอาจจะเป็นเพราะว่าฟังเห็นว่าเป็นครั้งแรก ความอ่อนโยนนี้ที่ได้รับทำให้เราดีใจมากที่สุด มากกว่าการที่ฟังยอมกอดเรา
“((ร้องไห้ทำไม เจ็บเหรอ อยากให้หยุดไหม?))” เอามือมาดึงแขนของฟังไว้เอาข้างนึง อีกข้างที่เหลือเอื้อมมาจับตรงสะโพกของฟังเอาไว้เพื่อให้รู้ว่าเราไม่อยากให้ฟังหยุด
“ต่อให้ จบ นะ” ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนรู้แค่ว่าคืนนี้มีความสุขมากเหลือเกิน
“ฟัง” ความรู้สึกแรกที่ตื่นขึ้นมาคือ เจ็บและปวดและหน่วงเบาๆ ในบางจุด แอบเจ็บตรงนั้นนิดหน่อยแต่ปวดเอว สะโพกและช่วงหัวเข่ามากเป็นพิเศษ ลืมตาขึ้นมาก็เห็นฟังกำลังรื้ออะไรไม่รู้แถวกล่องยา
“ฟัง” เรียกซ้ำอีกครั้งเพราะเรียกไปครั้งแรกฟังยังไม่ยอมเดินมาหากัน ครั้งนี้ได้ผลฟังหันหน้ากลับมามองกันแต่ทำไมแววตาของฟังถึงดูเหมือนกำลังรู้สึกผิด ฟังรู้สึกผิดที่มีอะไรกับเราเหรอ?
“เป็นอะไร? ทำไมทำหน้าแบบนั้นละ?”
“((เจ็บมากไหม?))”
“นิดหน่อยเอง” อ่อที่แท้ก็เรื่องนี้
“อยากไปเข้าห้องน้ำอะ พยายามจะยืดตัวแล้วทำไม่ได้ฟังช่วยหน่อย” ฟังรีบละมือจากกล่องยารีบถลาเข้ามาประคองเราลงจากเตียง แปลกที่รู้สึกเหมือนจะเดินเองไม่ได้ ไม่ได้ปวดหัวเข่าแบบนี้มานานมากแล้ว เข้าห้องน้ำเสร็จฟังก็พามานั่งที่เตียงแล้วก็ออกไปนอกห้อง ฟังกลับเข้ามาก็ได้กลิ่นยานวดพร้อมทั้งกลิ่นของผ้าประคบ
“((มานี่))”
“โห กินข้าวก่อนไม่ได้เหรอ แล้วจะนวดทำไมปวดนิดเดียวเอง”
“((อย่าโกหก))” แล้วฟังก็เปิดเสื้อนอน เปิดผ้าห่มดึงกางเกงนอนลง
“จะต่อเหรอ? ยังเจ็บๆอยู่เลยนะ”
“((นอนลง))” ผิดคลาดเพราะสิ่งที่ฟังทำคือเอายามานวดที่สะโพกสะดุ้งเล็กน้อย
“((เจ็บมากไหม))” หน้าฟังจะร้องไห้อยู่แล้วเจ็บนะยิ่งพอฟังเอามือไปแตะทำให้รู้ว่าเจ็บจริงๆ แต่จะให้พูดไปได้ยังไงในเมื่อคนนวดยาให้น้ำตาจะหยดอยู่แล้ว
“ไม่เจ็บเลย”
“((อย่าโกหกนะ))” ปล่อยให้ฟังเอายามานวดแล้วก็ประคบที่ช่วงข้อต่อ เพิ่งมาสังเกตุตัวเองจริงๆ จังๆ ตอนที่มองตามมือของฟังตรงสะโพกของเรามีรอยช้ำสีเขียวขึ้นนิดๆ ตรงหัวเขามีการบวมขึ้นมานิดหน่อย แล้วก็ตรงเหนือสะโพกมีรอยแดงเป็นเส้นๆ มิน่าทำไมมันถึงเจ็บเหมือนจะเดินไม่ได้เอา หลังจากฟังทายาประคบให้เสร็จฟังก็ดึงเราเข้าไปกอด เราก็เลยต้องลูบหลังปลอบใจฟัง เริ่มพอจะรู้แล้วว่าเมื่อเช้าฟังทำหน้ารู้สึกผิดทำไม
“แค่นี้เองไม่เจ็บเลยจริงๆนะ มันแค่เขียวเองแต่เราไม่เจ็บ”
“((แต่ตอนเด็กๆ แป้งร้องไห้มากเลยนะตอนที่มันเขียวแบบนี้))”
“แต่ตอนนี้โตแล้วไม่เจ็บแล้วจริง”
“((ขอโทษนะ))” ลูบหัวปลอบใจฟังให้เขาใจเย็นลง
“((ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่ไม่เคยอยากทำต่อให้เสร็จจนถึงขั้นเมื่อคืนเพราะเรารู้อยู่แล้วว่าผลมันต้องออกมาเป็นแบบนี้ เราไม่อยากให้แป้งเจ็บ))”
“ห๊ะ?”
“((แป้งมีปัญหาเรื่องกระดูกเราก็รู้ว่าถ้ามีอะไรกัน แป้งต้องเป็นแบบนี้เพราะมันเป็นแรงกดจากตัวเรา เรา..))” ฟังพยายามพูดต่อแต่เราโน้มหน้าเข้าไปหาฟังหอมแก้มฟัง ฟังเลยหยุดพูด
“ไม่เป็นไรเลยฟัง แป้งมีความสุขที่เป็นแบบนี้ แป้งอยากมีความรู้สึกแบบนี้กับฟัง อยากให้ฟังสัมผัสอยากเป็นคนนี้ ไม่เจ็บหรอก เทียบกับเรื่องกระดูกเพื่อแลกกับความรู้สึกแบบนี้เรายอม”
“((แป้ง))”
“จริงๆนะเรารู้สึกดีจริงๆ ฟังไม่ต้องรู้สึกผิด”
“((ขอบคุณนะ))”
“หิว”
“((ปะๆ ไปกินข้าวกัน เรามีอาหารเหลือเมื่อวานกินได้ไหม? หรืออยากกินของใหม่จะได้ออกไปซื้อให้))”
“หิวแล้วอุ่นของเก่ากินเถอะ ไม่อยากรอแล้ว”
“((โอเคครับ มาๆ อุ้มไหม เดินไหวเปล่า))”
“เว่อร์ๆ เดินได้นะ”
วันนี้ฟังเอาใจตามติดเรา ฟังแปลงร่างเป็นคนดูแลที่ดี ไม่ว่าเราจะแค่ขยับตัวไปทางไหนฟังจะต้องเดินตามตลอด อยากกินอะไรก็แค่บอกฟังรีบออกไปซื้อมาให้กิน มื้อเย็นเราอยากอยู่กับบ้านเพราะไอ้ที่ช้ำมันเริ่มออกฤทธิ์แต่ฟังอยากออกไปข้างนอกมากบอกว่ามีร้านที่อยากพาไป พอเห็นหน้าว่าอยากพาเราไปจะให้บอกว่าปวดหลังก็ไม่อยากให้ฟังรู้สึกผิดและอีกใจก็กลัวว่าฟังจะไม่ยอมมีครั้งต่อไปกับเราอีกถ้าเราแสดงความเจ็บปวดใส่ฟัง ก็เลยตกลงใจออกจากบ้านไปที่ร้านที่ฟังบอก ร้านที่ฟังพามาเป็นร้านริมน้ำบรรยากาศดี ฟังพามาที่โต๊ะแล้วก็ขอตัวเดินไปเข้าห้องน้ำ
“((สั่งเลยนะ เอาที่แป้งอยากกิน))”
“อ้าว ก็ไหนบอกว่าร้านนี้อร่อยฟังรู้ฟังก็สั่งสิเราไม่รู้ว่าอะไรอร่อย”
“((อยากให้เลือกอะ))” โอเคตกลงกันไว้ว่าจะเลือกกันคนละอย่าง พออิ่มของคาวฟังก็เป็นคนเลือกของหวานมาแทนครั้งนี้ฟังไม่ได้ให้เราเลือก ของหวานที่ฟังสั่งเป็นเค้ก แอบแปลกใจนิดหน่อยที่ฟังสั่งมาเป็นเค้กปอนเลยกำลังคิดว่าจะหมดไหมเนี่ยเตรียมขอกล่องเพื่อขอกลับบ้าน กำลังจะตัดแบ่งกินก็เลยอ่านหน้าเค้กที่แต่งไว้ “เป็นแฟนกันนะ” เพียงหน้าเค้กกับตัวอักษรง่ายๆแค่เท่านี้ ก็ต้องวางมีดที่อยู่ในมือลงหมดแรงที่จะตัดเค้ก
“ฟัง” เงยหน้าขึ้นมามองหน้าคนตรงข้าม
“((ขอโทษนะที่ไม่ได้ขอเป็นแฟนกันก่อนหน้านี้ ดันมีอะไรกันก่อนจะมาขอเป็นแฟน))” เพิ่งเห็นหน้าตาของฟังที่เขิลจนหูแดงแก้มแดงไปหมดก็คราวนี้
“ทำไมเพิ่งมาขอกันละ?”
“((ก็คือก่อนหน้านี้กะไว้ว่าจะขอตอนเรียนจบ ก็เหมือนอย่างที่เคยบอก ว่าอยากจริงๆ อยากบอกความรู้สึกตอนที่เรียนจบมหาลัยแล้ว เพราะอยากไปขอกับน้าปิ่นเลยอยากบอกที่บ้านด้วย ถ้ามาขอตอนเรียนน้าปิ่นกับแม่อาจไม่ให้คบกัน แล้วอาจให้เราเลิกคบกันแต่ถ้าทำงานแล้วมันยังดูดื้อได้ไง))”
“ก็เลยไม่ขอเป็นแฟน?”
“((อื้อ แต่เมื่อวานแป้งพูดเหมือนแป้งกำลังเข้าใจเราผิดไปหมด อีกอย่างทุกอย่างที่เป็นในตอนนี้มันก็สมควรใช้คำว่าแฟนได้แล้วละ เลยมาขอกับแป้งก่อน เดี๋ยวค่อยไปขอกับน้าปิ่นอีกที))”
“เอ๋ รับเป็นแฟนดีไหมน่า?”
“((อ้าว จะยอมเจ็บตัวฟรีเหรอ?))”
“ฮ่าๆๆ ปาก เออ จริง เจ็บแล้วก็ต้องหาคนรับผิดชอบ งั้นตกลง”
“((งั้นต่อไปนี้เราก็เป็นแฟนกันแล้วนะ))”
“อื้ม แล้วถ้าใครมาถามเรา เราก็บอกว่าเราเป็นแฟนฟังได้แล้วใช่ไหม?”
“((แน่นอน ต่อไปเราก็จะบอกกับทุกคนเหมือนกันว่าเรามีแฟนแล้ว กินสิ))” หันกลับมามองที่เค้ก
“ไม่อยากตัดกินเลยอะ เสียดาย” แชะ ฟังยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป
“((ถ่ายไว้แล้วกินได้))” แต่ก่อนจะตัดเค้ก ยังได้ถ่ายรูปกันอีกหลายรูป รูปที่เลือกเอามาขึ้นจอคือรูปคู่ที่ถ่ายด้วยกันแล้วก็มีเค้กอยู่ตรงกลางหน้าของเราสองคน
คืนนั้นแม่โทรมาถามว่าจะกลับบ้านไหม แต่ใครจะอยากกลับไปนอนบ้านก็ต้องนอนบ้านแฟนหมาดๆของเราจริงไหม เลยบอกแม่ไปว่าจะอยู่บ้านเป็นเพื่อนฟังเพราะน้าหน่อยไม่อยู่ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร นอนฉลองการเป็นแฟนโดยการนอนจับมือกันแล้วก็ต่างคนต่างหลับไปเพราะฟังบอกว่าถ้ามีอะไรกันอีกสะโพกเราต้องพังแน่ๆ ก่อนนอนหลับไปได้แต่อธิษฐานเอาไว้ว่า วันนี้มีความสุขมากขอให้ความสุขนี้อยู่กับเราไปนานๆเถอะ
เปิดเทอมปี 2 แล้ว ปีนี้ตัดสินใจกับวิทว่าจะลงเรียนอัดให้เยอะกว่าเดิมเพราะวิทบอกว่าจะได้ไม่ต้องกังวลตอนปี 4 ถ้าเกิดสอบตกตกยังเหลือตอนปี 3 ว่างๆเอาไว้ให้เก็บซ่อมได้ ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นคำเชิญชวนที่ดีเท่าไหร่นักแต่ก็ทำตามเพราะกลัวว่าเดี๋ยวไม่มีคนลงเรียนเป็นเพื่อน แต่เห็นตารางเรียนแล้วก็รู้สึกเหนื่อยตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเรียนเลย เรียนอัดติดกันตั้งแต่ 9.00 โมงเช้าไปจนถึง 5 โมงเย็น แถมเรียนแบบนี้ 4 วันติด
“ปีนี้ต้องตายแน่ๆเลยไม่น่าลงตามวิทเลยอะจะต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อมาเรียนไหมเนี่ย?”
“เอาน่าไม่เคยได้ยินเหรอลำบากวันนี้สบายวันหน้า”
“กลัวจะลำบากวันนี้แล้วก็ไปลำบากเพิ่มในวันหน้าด้วยนะสิ”
“ตลกแล้วตลกแล้ว” แล้วผมที่มีการหวีมาจากบ้านก็ถูกวิทขยี้จนไม่เป็นทรง
“ช่วงนี้อะไรๆ ดีขึ้นแล้วใช่ไหม?”
“หื้ม? อะไรที่ดีขึ้นแล้วอะไรไม่ดีเหรอ?”
“ก็เมื่อตอนปิดเทอม ช่วงนั้นดูไม่โอเค”
“อ่อ ดีขึ้นแล้วละ ขอบใจนะที่วิทคอยอยู่ข้างๆ”
“ก็เพื่อนกัน” ดีใจที่มีเพื่อนดีๆเพิ่มขึ้นมาอีก 1 คน จากที่ชีวิตเพื่อนตอนมัธยมเราไม่เคยมีเพื่อนสนิทคนอื่นเลยนอกจากฟัง
แม้จะโตขึ้นเปิดเทอมขึ้นปี 2 เรากับฟังก็ยังคงเหมือนเดิม ยังเจอกันช่วงวันหยุดเหมือนเดิมแต่ลดลงจาก ศุกร์ ถึง อาทิตย์เหลือแค่เสาร์อาทิตย์เพราะว่าฟังมีตารางเรียนที่เป็นวันศุกร์เพิ่มขึ้นมาด้วย ช่วงนี้ตั้งแต่ใช้คำว่าเป็นแฟนกันเรากับฟังก็ดูเหมือนจะมีเรื่องที่ทะเลาะกันน้อยลง แม้ว่าในความเป็นจริงในทางปฎิบัติมันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราทั้งสองไม่ได้ป่าวประกาศให้ใครรู้ แต่ที่เปลี่ยนแปลงก็มีแค่จิตใจของเราที่รู้สึกมั่นใจกันละกันมากขึ้น สามารถตอบความสงสัยในใจให้ตัวเองได้แล้วว่าว่าคนนี้คือแฟนของเรา เลิกกังวลเรื่องที่ฟังจะมีเพื่อนใหม่หรือสนิทกับลูกตาลเพราะยังซะ เราก็ได้ชื่อว่าแฟน
ผ่านการเปิดเรียนปีสองมาได้เพียงเดือนเดียวเรากับวิทสภาพร่างกายย่ำแย่กันมาเรียนทุกวันจนเพื่อนๆในกลุ่มเริ่มทักว่าเหมือนผีเดินมาเรียนได้ ทำไงได้เด็กบ้านไกลแต่ใจรักเรียนจนเพื่อนๆในกลุ่มเริ่มทนสภาพของเราสองคนไม่ไหว ต่างก็ก็แนะนำให้เราลองหาหอดู อยู่หอน่าจะดีกว่าไปกลับ
“แป้งว่าไงเรื่องหอ เราว่ามันก็ดีนะมันใกล้อะ เดี๋ยวพอมีรายงานก็ต้องอยู่ดึก ตีรถกลับบ้านมาเรียนตอนเช้าตอนนั้นน่าจะตายกว่าตอนนี้”
“เอ่อ เราก็เห็นด้วยนะ น่าคิดด้วยเหมือนกันแต่เรื่องนี้คงต้องถามแม่ก่อน”
“เออ เราด้วย งั้นเดี๋ยวแม่ว่าไงจะมาบอก ไปกลับไม่ไหวว๊ะแค่คิดก็เหนื่อยล่วงหน้าละ”
“เออๆ”
เอาเรื่องหอไปคุยกับแม่ แม่ก็บอกว่าตามใจเราถ้าไม่ไหวก็ไปดูหอก็ได้เพราะว่ามหาลัยก็ไกลกับบ้านจริงๆ แล้วแม่เองก็ห่วงไม่อยากให้กลับบ้านตอนดึกๆ พอคุยตกลงเรื่องนี้กับแม่เสร็จตอนที่เมสเสจคุยกับฟังก็เลยเอาเรื่องนี้บอกฟังด้วยว่าปีนี้เราอาจจะย้ายไปอยู่หอแล้ว
ติ้ง
แป้ง “ฟังเราว่าเราจะย้ายไปอยู่หอแถวมหาลัย ไปกลับไม่ไหวแล้วเหนื่อย”
ฟัง “แล้วจะไปอยู่ยังไงอยู่คนเดียวได้เหรอ?”
แป้ง “น่าจะไปอยู่กับวิทนะ เพราะว่าวิทก็จะไปอยู่หอด้วย”
ฟัง “คิดใหม่ไหม? แป้งไม่เคยไม่อยู่บ้านนะไม่ดีหรอก”
แป้ง “แต่มันเหนื่อยอะ ไปๆกลับๆ จะไปเรียนไม่ทันเอาด้วย”
ฟัง “คิดถึงจังครับ”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ได้คุยกับฟังเกี่ยวกับเรื่องที่จะย้ายไปอยู่หอ ฟังเองก็เปลี่ยนเรื่องไปเรื่องอื่นไม่ได้ตอบหรือออกความคิดเห็นเพิ่มในเรื่องนี้กลับมา เรื่องหอเราตกลงกับวิทไว้ว่าจะไปดูหอกับวิทช่วงอาทิตย์หน้าเลยกำลังคิดว่าจะหาห้องที่กว้างสักหน่อยเพราะอยู่ได้กันตั้งสองคน ห้องแคบๆอาจจะไม่สะดวกอีกอย่างยังไงค่าเช่าค่าน้ำค่าไฟก็หารสองอยู่แล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร มันก็น่าจะถูกกว่าที่จะต้องมาจ่ายเอง
.....โปรดติดตามตอนต่อไป.....
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
ถึง
คุณ naya-devil ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ ปล ไม่ดราม่าค่ะๆ เรื่องนี้ เรื่อยๆๆๆค่ะ กลัวจะเรื่อยจนเอื่อย...ฮาา