ตอนที่ 5
"ฟารอส ท่านว่าท่อนนี้ถ้าเปลี่ยนเป็นแบบนี้จะเพราะไหม"
ลัวร์เงยหน้าขึ้นจากกระดาษหลังจากที่ร้องเพลงท่อนที่ว่าให้แม่ทัพหนุ่มฟังเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่เข้าใจเกี่ยวกับที่ตัวเองเขียนแน่ๆ กับแม่ทัพหนุ่มที่วันๆ เอาแต่ใช้กำลังจะเอาเวลา่ไหนไปศึกษาเรื่องดนตรี
และใบหน้าน่ามองของเงือกหนุ่มก็กลายเป็นเหม็นเบื่อทันที เมื่อฟารอสไม่ตอบเพียงแค่เหลือบมองแล้วก้มหน้าก้มตาขัดดาบของตัวเองต่อ
"ฟารอส ท่านอย่างี่เง่าสิ ถ้าท่านอยากได้เพลงเดี๋ยวข้าแต่งให้ท่านด้วยก็ได้"
เพราะแม่ทัพหนุ่มเป็นคนสนิทของเจ้าวันเกิด ลัวร์จึงอยากได้ความเห็นแต่อีกฝ่ายก็เล่นตัวซะเหลือเกิน ถึงเขาจะเขียนเพลงจนจบไปแล้วแต่ก็อยากปรับให้มันดีขึ้นไปอีก ตอบแทนที่มอบแม่ทัพ.. ไม่สิ เจ้านายคนใหม่ที่เพียบพร้อมไปซะทุกอย่างให้กับเขา
ใช่ ข้ายังยืนยันว่าตัวเองมาสมัครเป็นนักดนตรี...
ฟารอสขู่แง่งตาขวาง "เอาตามเดิมนั่นแหละ กับราชานั่นไม่ต้องใส่ใจมันมากหรอก น่ารำคาญจะตายชัก"
สำหรับฟารอสแล้ว ราชาคือสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญที่สุดเพราะใช้เขาตั้งแต่สักกะเบือยันเรือรบ ใช้ทุกอย่างที่จะคิดออกส่วนองค์รักษ์ข้างๆ ตัวไม่ใช้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นบ้าอะไรถึงไม่ใช้
พอนักแต่งเพลงหน้างอฟารอสก็มีสีหน้าอ่อนลง
"อืม ก็เพราะดีแต่ข้าชอบแบบเก่ามากกว่า"
ลัวร์ถึงได้ยิ้มพอใจแล้วลงมือเขียนเนื้อเพลงที่ใกล้จะเสร็จแล้วต่อซึ่งอีกไม่กี่บรรทัดก็จะเป็นอันเสร็จสมบูรณ์สามารถนำไปให้พวกนักดนตรีเอาไปเล่นกันได้ เพราะได้ทำในสิ่งที่ชอบลัวร์จึงตกลงในภวังก์ของเสียงเพลงไม่รู้ตัว
ปากก็พึมพำร้องเสียงแผ่ว นิ้วก็เคาะโต๊ะตามจังหวะที่ดังก้องในหัว ร่างของเงือกหนุ่มโคลงไปมาเล็กๆ ด้วยรอยยิ้มระรื่นเต็มใบหน้า
ลัวร์กำลังมีความสุขเพราะมันเป็นไม่กี่ครั้งที่สามารถแต่งเพลงได้เต็มที่โดยไม่มีคนคอยเอารัดเอาเปรียบ ยิ่งพอฟารอสชมว่ามันเพราะ เงือกหนุ่มแทบจะตัวลอยไปแล้วด้วยซ้ำแต่ก็ยังคงสำรวมท่าทีได้เป็นปกติ
"ลัวร์"
"หืม?"
รอยยิ้มยังคงแตะเติมใบหน้าของลัวร์ในขณะที่ขานรับแม่ทัพเลือดร้อนในลำคอ
"..ข้า"
"..ข้า?"
ลัวร์ทวนคำแต่ไม่ได้ใส่ใจ ยังคงมีสมาธิกับสิ่งที่ตัวเองทำ
หมับ!
ข้อมือขาวที่จับดินสอถูกคว้าออกมาจูบหนักๆ เงือกหนุ่มหน้าเหวออย่างตื่นตระหนก
"อะ อะไร"
ฟารอสหัวเราะกับสีหน้าตกใจจนน่าสงสารของลัวร์เลยแกล้งกดจูบลงบนหลังมือลัวร์
"ข้าอยากจูบเจ้า"
สีหน้ามีความสุขเมื่อกี้ของลัวร์ทำเอาฟารอสเผลอจ้องอย่างหลงใหลและในชั่วขณะหนึ่งความหึงหวงก็เข้าครอบงำจึงอยากดึงลัวร์กลับมาสนใจตัวเองอีกครั้ง
ลัวร์หน้าแดงก่ำ
"ฟารอส.. ข้ายังทำงานไม่เสร็จ"
แม่ทัพหนุ่มแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินไล่จูบจากข้อมือขึ้นไปบนต้นแขนขึ้นเรื่อยๆ
"ฟารอส! ข้าจะ จะลาออกนะ ถ้าขืนท่านไม่ยอมปล่อยข้า!"
ลัวร์พูดอย่างตื่นตระหนกเมื่อรู้ตัวอีกทีจูบนั่นก็ถึงปลายคางตัวเองแล้ว
"แค่จูบเอง เจ้าไม่ได้บุบสลายสักหน่อย" ฟารอสยิ้มพรายและก้มลงจูบหนักๆ พยายามส่งลิ้นไปเข้าข้างในแต่เงือกหนุ่มก็ขัดขืนปิดปากแน่นและพยายามมือผลักแม่ทัพบัดซบออก
พอนานเข้าฟารอสก็ขมวดคิ้วตัดสินใจเอื้อมมืออ้อมไปลูบสะโพกลัวร์ซึ่งมันก็ได้ผล ลัวร์เบิกตากว้างเผลออุทานออกมาและมันก็เป็นโอกาสของแม่ทัพหนุ่มเลือดร้อน
"อืออออ"
ลัวร์คำรามในลำคอกำคอเสื้อฟารอสแน่นหวังว่ามันจะรัดๆ คอให้แม่ทัพลามกนี่ตายๆ ไปได้ซะก็ดี ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรในหัววันๆ ที่มีแต่เรื่องที่จับเงือกกิน ทำไมไม่คิดถึงเรื่องการตั้งใจทำงานบ้าง
นินทาในใจได้ไม่นาน ฟารอสก็เหมือนจะรู้เลยแกล้งขยำสะโพกไปครั้ง ลัวร์สะดุ้งเฮือกและใช้แรงทั้งหมดในการผลักฟารอสออกซึ่งก็เป็นโชคดีของลัวร์ ที่คราวนี้แม่ทัพให้ความร่วมมือ ยอมผละริมฝีปากออกแต่ก็ไม่วายแกล้งขยำสะโพกไปอีกรอบ
"ฟารอส!!" ลัวร์ถลึงตามองและใช้หลังมือเช็ดปาก "ข้าไม่ใช่ภรรยาท่านนะ!"
นี่มันข้ามขั้น ข้ามไปมากๆ !!
ฟารอสมองลัวร์เซ็งๆ แล้วถอนหายใจ
"งั้นเอาอย่างนี้ ข้าเลิกรับสมัครตำแหน่งนักแต่งเพลงแล้วเหลือแต่ตำแหน่งภรรยาซึ่งเจ้าก็ได้ตำแหน่งนั้น"
"...!?"
ฟารอสพยายามเก๊กขรึมได้ไม่นานก็หลุดหัวเราะกับสีหน้าเหวอๆ งุนงงของลัวร์ที่ดูน่าเอ็นดูจนอยากกินไปทั้งตัว แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือมันตลกมาก แม่ทัพหัวเราะจนท้องแข็งก็ยังไม่หยุดหัวเราะ
"ขำอะไรของท่าน" ลัวร์ลูบหน้าตัวเองที่ยังเหวออยู่แต่ก็เผลอหน้าแดงกับคำพูดไร้สาระของฟารอส "ทำไมท่านถึงต้องยัดเยียดตำแหน่งภรรยาให้ข้าด้วย"
"ก็ไม่มีใครเคยสมัครเลยและเจ้าก็สมัครเป็นคนแรก"
ลัวร์ถอนหายใจหนักๆ อย่างระอาแล้วสะบัดตัวเองเรียกสติกลับมาเขียนเนื้อเพลงให้ราชาต่อ
ปลายดินสอลากบนกระดาษเป็นตัวโน๊ตของพวกมนุษย์อย่างบรรจงและอ่านง่าย ช่วงแรกที่มาอยู่ที่เมืองมนุษย์ลัวร์ใช้ความพยายามอย่างมากในการศึกษาเรื่องพวกนี่จนคล่องเพราะภาษาของเงือกและมนุษย์ไม่เหมือนกัน
เงือกหนุ่มตกอยู่ในภวังก์อีกครั้งแต่ฟารอสก็ไม่ได้ขัดขวางอะไรอีก
ทำเพียงลูบหัวเบาๆ แล้วกระซิบข้างหูเสียงพร่า "ข้าคงจะกลับมาดึกๆ ระหว่างนี้เจ้าก็ทำงานไปแล้วกัน" ฟารอสหัวเราะในลำคอเมื่อหูขาวๆ กลายเป็นหูแดงก่ำ
"อืม" ลัวร์รับคำงึมงำง่วนอยู่กับการลบเขียนตัวโน๊ตตัวนึงซ้ำๆ เพราะประหม่าจนเขียนต่อไม่ได้
"ห้ามออกไปไหนล่ะ"
ลัวร์พยักหน้าหงึกๆ
ไปซะทีสิ!
"ถ้าเจ้าหิวก็สั่งคนรับใช้ข้างนอกได้"
"อืม"
ลัวร์เม้มปากรำคาญตัวเองที่เขียนไม่ถูกสักที
"แต่ถ้าเจ้าคิดถึงข้า.."
"ไปสักที! ข้าไม่คิดถึงท่านหรอก"
สุดท้ายก็ทนไม่ไหวลัวร์สบถใส่ฟารอสอย่างดุร้าย
ฟารอสยิ้มขำเริ่มรู้สึกไม่อยากไปแต่ช่วงเย็นราชางี่เง่านั่นต้องออกไปข้างนอกขืนเขาไม่ไปตามอารักขา ไม่แน่ราชานั่นคงจะกลายเป็นซากอะไรสักอย่างอยู่ข้างทางได้
"แล้วข้าจะรีบกลับมาแล้วกัน"
ครั้งนี้ไปจริง แม่ทัพร่างใหญ่ก้าวอาดๆ ออกจากห้องพร้อมดาบคู่ใจ
ลัวร์ลอบมองจนกระทั่งปิดประตูก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะถอนหายใจ
"นี่ข้าคิดถูกจริงๆ ใช่ไหม? ที่มาสมัครงานที่นี่"
แต่สิ่งที่ขัดแย้งกับคำพูดของเงือกหนุ่มก็คือกระดาษที่สอดไว้ใต้แผ่นเพลงที่จะให้ราชา
ลัวร์หน้าแดงนิดๆ เมื่อเลือกที่จะดึงเอาแผ่นล่างขึ้นมาแต่งต่อแทนเพลงที่ใช้เป็นข้ออ้างในการเอาตัวรอดจากแม่ทัพหื่นบัดซบ พอไม่มีสิ่งกวนใจมือก็เขียนเนื้อเพลงต่ออย่างคล่องแคล่วหากแต่เต็มไปด้วยสีหน้าประหม่าและเขินอาย
เพราะมันเป็นเพลงที่แต่งให้กับฟารอส..
"เสร็จแล้วเหรอดีๆ งั้นเจ้าก็ฟังพร้อมข้าเลยแล้วกัน"
ลัวร์ยิ้มอย่างประหม่าเมื่อยื่นบทเพลงไปให้คนเป็นราชาพิจารณาซึ่งอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะอ่านยื่นให้องค์รักษ์ข้างๆ ให้นำมันไปให้กับคณะนักดนตรีที่จัดวงกันอยู่ข้างห้อง ลัวร์กำมือแน่นรู้สึกเครียดนิดๆ กลัวว่าเพลงของตัวเองจะไม่เป็นที่ถูกใจและถูกตำหนิเอาได้
แน่นอนว่าฟารอสเห็นท่าทีกังวลของลัวร์จึงดึงตัวอีกฝ่ายมายืนข้างตัวเองโน้มหัวกระซิบ
"ไม่ต้องกลัว ข้าชอบเพลงเจ้า เจ้าราชาโง่นี่ก็ต้องชอบ"
"เป็นงั้นก็ดีสิ" ลัวร์ตอบเสียงงึมงำขณะที่จดจ้องนักดนตรีคนนึงที่ยืนขึ้นมาพร้อมเครื่องดนตรีในมือ มนุษย์คนนั้นเป็นผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งนางหันมายิ้มนิดๆ ให้ลัวร์ก่อนที่จะถวายความเคารพให้ราชาและเริ่มเล่นเพลง
เสียงดนตรีครวญแผ่วหากแต่ให้ความรู้สึกมีความสุข นางเล่นมันอย่างละมุนละไมอย่างที่ลัวร์ต้องการ ลัวร์เริ่มยิ้มออกเมื่อนางสามารถเข้าใจถึงสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อในเพลงได้อย่างแจ่มแจ้ง จังหวะของดนตรีค่อยๆ เร็วขึ้นเรื่อยๆ และนางก็เริ่มร้องเพลงคลอออกมาด้วยเสียงกระจ่างใส นางหยุดเล่นดนตรีในบางช่วงเพื่อให้คำร้องนั้นโดดเด่นกว่า ซึ่งคำร้องในดนตรีของลัวร์นั้นแฝงไปด้วยความเอาใจใส่เพราะส่วนใหญ่นั้นกล่าวถึงวัยเด็กอันสดใส วัยรุ่นอันเร่าร้อน และวัยผู้ใหญ่อันเคร่งขรึม ภาระมากมายที่อยู่บนบ่านั้นถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ทำให้ประชาชนมีความสุข
ลัวร์เผลอระบายยิ้มเต็มหน้าและฮัมเพลงในลำคอตาม
นางทำได้ดีกว่าที่ลัวร์คิดมาก.. มากเกินไปด้วยซ้ำ
หากแต่เมื่อเพลงจบความเครียดก็กลับมา ฟารอสจึงรวบมือลัวร์ไปจับและบีบเบาๆ เชิงให้กำลังใจ ลัวร์มองราชาที่นั่งนิ่งงันเหมือนตกอยู่ในภวังก์อะไรสักอย่างซึ่งมันก็นานมากพอที่จะให้ลัวร์จินตนาการความเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นในหัว
'นี่มันเพลงบ้าอะไร! ไม่เพราะเลยสักนิด'
'ฟารอส นักแต่งเพลงเจ้านี่ไล่ออกได้เลยนะ แต่งเพลงได้บัดซบสิ้นดี'
ลัวร์หน้าซีดเผือดเขยิบตัวเข้าชิดกับฟารอสตัวสั่นเทา
ฟารอสลูบหัวเงือกหนุ่มอย่างอ่อนโยนแล้วหันไปแยกเขี้ยวใส่เจ้านายตัวเอง "เหม่อบ้าอะไรของเจ้า! อย่าทำให้คนอื่นประสาทกินเพราะเจ้าได้ไหม แค่ข้าคนเดียวก็เบื่อแล้ว"
ราชาหนุ่มสะดุ้งเฮือกเกือบตกเก้าอี้ซึ่งองค์รักษ์ข้างๆ ก็พุ่งตัวเข้าไปประคองแทบจะทันทีจนกลับมานั่งได้เหมือนเดิม คนเป็นราชาจึงสามารถถลึงตามองฟารอสได้บ้าง
"หุบปากน่า ฟารอส" แล้วหันไปยิ้มให้ลัวร์ "เพลงเจ้าเพราะมาก ลัวร์ ถึงข้าจะไม่ได้ยินเสียงตอนที่เจ้าร้องแต่ข้าคิดว่ามันต้องเพราะมากแน่ๆ "
ลัวร์ชะงักไปสักพักและยิ้มจนตาหยี
ถึงแม้จะอยากพูดอะไรมากมายแต่ความจริงที่ว่าคนอื่นไม่ได้ยินเสียงเขาก็ยังคงอยู่ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องใส่ใจเพราะยังไงเขาก็ได้เจอคนที่ได้ยินเสียงของเขาแล้ว
ฟารอส..
"อย่าไปยิ้มให้ราชางี่เง่านี่เยอะ" ฟารอสพึมพำและดึงตัวลัวร์ไปยืนข้างหลังตัวเอง
ราชาหนุ่มกลอกตาเบื่อๆ
"เอาเถอะ ข้าเลือกเพลงเจ้าแล้วกันลัวร์ อ้อ แล้วจะรางวัลตอนนี้เลยไหม พอดีข้าให้คนไปจับเหยี่ยวหิมะมาแล้ว ส่วนเรื่องเงินก็" นัยน์ตาสีทองกลอกไปมองฟารอสข้างๆ "แค่เงินเดือนแม่ทัพก็คงสามารถเลี้ยงดูเจ้าได้อีกสิบคน"
ไม่วายเหน็บกับฟารอสเพื่อความสะใจส่วนตัว
ลัวร์ส่ายหน้าหวือ
"ข้าไม่เอาเหยี่ยว พวกเหยี่ยวไม่ค่อยชอบเงือกเท่าไหร่"
ไม่ใช่ไม่ชอบแต่ชอบไล่จิกพยายามกินต่างหาก.. พวกมันคงจะคิดว่าเงือกคือปลาที่ตัวใหญ่มากๆ ตัวนึง
"แล้วเจ้าล่ะ ฟารอส จะเอาเหยี่ยวไหม"
ฟารอสหันไปยิ้มให้ลัวร์แล้วตอบอย่างหนักแน่น
"ไม่"
"ก็ดี ข้าจะเอาไปเลี้ยงเอง" ราชาหนุ่มไหวไหล่ไม่ใส่ใจแล้วหวาดหวอด "ถือว่าวันนี้เจ้าทำดี ข้าจะให้เจ้าหยุดงานก่อนเวลาแล้วจะพาเงือกของเจ้าไปฉลองต่อทีไหนก็เชิญ ข้าไม่ยุ่ง"
"มันก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้ว" ฟารอสแค่นเสียงหัวเราะ
ต่อให้ไม่หยุดให้เขาก็หยุดเองอยู่ดี โอกาสดีๆ แบบนี้ใช่ว่าจะมีบ่อยๆ
ราชาหนุ่มเดาะลิ้นหมั่นไส้เลยแกล้งมองลัวร์ "ลัวร์ถ้าเจ้าไม่เอาเหยี่ยว งั้นสนใจตำแหน่งนักแต่งเพลงประจำวังไหม"
ลัวร์ยังไม่ทันได้ให้ความเห็นอะไรก็โดนแม่ทัพหนุ่มอุ้มและก้าวจ้ำๆ ออกไปทันที ฟารอสหน้าบูดใส่ลัวร์ที่มีสีหน้าสนอกสนใจตำแหน่งที่ว่า
"ถ้าเจ้าไปสมัคร ข้าจะเผาปราสาทนั่นทิ้ง" ฟารอสขู่แง่งไม่จริงจัง
เงือกหนุ่มหัวเราะและหลับตาลงในหัวทบทวนเพลงที่แต่งจบอย่างรวดเร็วเมื่อเช้า "ไม่เอาหรอก ข้าไม่อยากพูดคนเดียว"
ฟารอสเลียริมฝีปาก "ดี" นัยน์ตาสีเพลิงฉายแววหยอกเย้า "แปลว่าเจ้าชอบตำแหน่งภรรยาข้ามากกว่าสินะ"
"... ไม่"
ลัวร์ตอบเสียงเบาหวิวเมื่อฟารอสยิ้มพอใจเอามากๆ จนพูดอะไรไม่ออก
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ารู้ว่าเขาแต่งเพลงให้ แม่ทัพงี่เง่านี่จะเป็นถึงขนาดไหนกัน
และมันก็เป็นอย่างที่ลัวร์คิด พอกลับถึงห้องและเขาบอกว่ามีอะไรจะให้ ฟารอสก็มีสีหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด นั่งรอฟังบนเก้าอี้อย่างสงบเสงี่ยมด้วยรอยยิ้มมุมปาก
"ข้าดีใจนะ ที่เจ้าชอบข้าขึ้นมาบ้าง" ฟารอสยิ้ม
มีไม่กี่คนหรอกที่สามารถทนความเลือดร้อนและเอาแต่ใจของเขาได้ ช่วยไม่ได้สายเลือดแห่งไฟก็พาให้อะไรๆ ในร่างกายนั้นร้อนไปหมดทั้งอารมณ์และจิตใจที่ฉุนเฉียว
"เงียบน่า" ลัวร์ตัดบทหน้าแดงๆ
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกประหม่าขนาดนี้ ถ้าเทียบกับตอนที่อยู่ต่อหน้าราชาแล้วนี่ถือว่าหนักกว่ามาก เพลงที่อยู่ในหัวตีกันไปหมดจนแทบจำเนื้อไม่ได้
"ฟารอส ท่านหันหลังได้ไหม"
ขืนยังมองด้วยแววตาหวานเชื่อมแบบนั้น ข้าคงได้ละลายติดเก้าอี้แน่ๆ
ฟารอสยิ้มแล้วทำตามอย่างว่าง่ายไม่อิดออด
พอไม่มีสายตาจับจ้องลัวร์ก็รู้สึกดีขึ้นถึงจะประหม่าอยู่แต่ก็สามารถร้องได้ปกติ สูดหายใจลึกอยู่สองสามครั้งก็ร้องเพลงนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงกระจ่างใสของตัวเอง
ลัวร์หลับตาร้องพยายามใส่ใจกับเสียงและเนื้อหาของเพลงที่ตัวเองแต่งให้มากที่สุด
สิ่งที่ลัวร์กำลังทำในตอนนี้หากเรียกตามพวกเงือกก็คงเป็นเพลงขับกล่อมเงือก พวกเงือกมีพรสวรรค์ในการร้องเพลงก็จริงแต่ก็มีทักษะบางอย่างซ่อนในน้ำเสียงให้มนุษย์นั้นหลงใหลมากขึ้นไปอีก ปกติเสียงแบบนี้มักจะใช้ล่อลวงมนุษย์แต่กับลัวร์ที่ไม่เคยมีใครได้ยินเสียงจึงไม่เคยใช้กับใครมาก่อน
และนี่ก็เป็นครั้งแรกของเจ้าตัว
จากเสียงที่กระจ่างใสอยู่แล้วนั้นยิ่งกระจ่างใสมากขึ้นไปอีก เสียงของลัวร์นั้นทุ้มนุ่มนวลแต่ไม่ได้แฝงความบังคับกดดันเพื่อบงการอย่างที่เงือกตัวอื่นนั้นทำ สิ่งที่ลัวร์ต้องการคือทำให้เพลงที่เขาร้องนั้นเพราะมากขึ้นเท่านั้น
ลัวร์ไม่เคยมีความรัก ตอนที่อยู่ที่นั่นเงือกส่วนใหญ่ก็ไม่ถูกกับเขาเท่าไหร่ ยิ่งกับพวกมนุษย์ยิ่งแล้วใหญ่ ลัวร์พยายามไม่สุงสิงกับใครเพื่อปกป้องตัวเอง แต่ฟารอสคงจะนับเป็นคนแรกก็ได้ที่สามารถเข้าใกล้ลัวร์ได้ถึงขนาดนี้
หมับ
"..!" ลัวร์สะดุ้งเฮือกเมื่อถูกรวบไปกอดอีกทั้งยังถูกจูบจนร้องต่อไม่ได้ด้วย
แต่น่าแปลกที่จูบครั้งนี้มันกลับเต็มไปด้วยความละมุนละไมและเอาใจใส่
ลัวร์ครางแผ่วเบารู้สึกแทบจะล่องลอยไปกับจูบของแม่ทัพเลือดร้อน
"ขอบคุณ.. ข้าชอบเพลงเจ้ามาก" ฟารอสกระซิบเสียงแหบพร่าและกัดเบาๆ ที่ต้นคอลัวร์ "เจ้ากำลังทำให้ข้าหลงใหลเสียงของเจ้าแทบคลั่งแล้ว.. รู้ตัวไหม"
ลัวร์ยิ้มแล้วหัวเราะ "รู้สิ"
ถึงเวลายอมรับความจริงแล้วสินะว่าเขายอมรับตำแหน่งบ้าๆ นั่นแล้ว
END
------------
จบแล้ว ๕๕๕๕
เดิมทีนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นส่งประกวด พลอตเรื่องเลยไม่ค่อยมีอะไรแตกประเด็นสักเท่าไหร่
นอกจากมุ้งมิ้งมิ้งมุ้งไปวันๆ @-@ แต่ก็น่าร้ากดี
ใครหวังฉากกินเงือก ไม่รู้สิ อาจจะมีหรือไม่มีก็ไม่รู้ว (?)
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ
ตอนหน้าไม่รู้จะมีไหม