ตอนที่ 32 :สองเด้ง [ เด้งที่ 1 ]“ส..สวยไหมครับ” ผมกำลังทำใจดีสู้เสือ ด้วยหน้าที่(พยายาม)ร่าเริงอย่างหนัก
“........”
เขาว่าความเงียบทำให้เกิดจินตนาการท่าจะจริงครับ ตอนนี้หัวผมจินตนาการไปล้านแปด
พี่มันกำลังโกรธ พี่มันกำลังปลื้ม พี่มันดีใจ หรือกำลังหาทางหนีจากห้องผมอยู่วะ
เวลาเต่าคลานเดินไปอีกประมาณ 10 วินาที ก่อนพี่เหนือจะเลิกจ้องหน้าผม หันไปให้ความสนใจกับ
งานศิลปะบนฝาผนัง
“กว่าผมจะหารูปมาได้ขนาดนี้ไม่ใช่ง่ายนะครับ ต้องให้เพื่อนๆ ช่วยกัน” ผมไม่ได้โกหกนะครับ ผมเสาะแสวงหา
กว่าจะถ่ายได้แต่ละใบไม่ใช่ง่ายๆ
“พี่เหนือปีสามแล้วยังฮอตไม่เลิก พวกเพจต่างๆ มีรูปพี่เพียบเลย”
“แต่ฝีมือผมก็เยอะนะครับ”
ผมไม่ได้พูดต่อกัน ผมพูดทีละประโยค มีการหยุดหายใจนานคั่นกลาง เห็นไหมครับเขาไม่ได้เรียกว่าโกหก เขาเรียกว่าการ
ชี้นำต่างหาก
เป็นโชคดีที่ผมไม่ได้ติดรูปเช็ตเดียวกัน ผมเลือกที่ดีที่สุดมาอย่างละใบ หรือครั้งไหนถ่ายมาแล้วไม่ถูกใจก็ไม่ได้อัดออกมา
เลยเหมือนรูปคละกันไปหมด ผม เสื้อผ้า หน้าตา มีจุดแตกต่างนิดๆ หน่อยๆ อีกอย่างพี่เหนือเคยบอกอยู่แล้วว่า
ก่อนหน้านี้เคยเห็นผมถ่ายรูปพี่เหนือบ่อยๆ ยังคิดว่าผมคงแอบปลื้มเหมือนปลื้มดารา ดังนั้นการที่ตัวผมจะมีรูปพี่เหนือ
เยอะก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าจะแปลกก็ตรงมาติดไว้เสียเต็มพื้นที่จนกลายเป็นงานศิลปะชิ้นโบว์แดงนี่แหล่ะ
แต่ไอ้โต๊ะซะอย่าง ผมคิดว่าคำแก้ตัวที่สมองน้อยๆ ของผมคิดขึ้นมาได้ในเวลาอันน้อยนิด ฟังไฮโซโก้หรูใช้ได้เลยทีเดียว
“ชอบไหมครับ เสียดายผมยังทำไม่เสร็จดี พี่เหนือดันมาเห็นซะก่อน อดเซอร์ไพรส์เลย”
เมื่อเลือกลงเรือลำนี้แล้วก็ต้องพายกันต่อไปครับ ถึงจะเห็นว่ากำลังพายทวนน้ำอยู่ นาทีนี้ก็ต้องจ้ำสู้ลูกเดียว
“........”
“สวย”
เยส!! ไอ้โต๊ะรอดแล้วโว้ย
“แต่พี่ไม่ชอบ” เสียงเรียบมากครับ เรียบนิ่งราวกับเสียงเดินทางผ่านเตารีดมา
“ท..ทำไมล่ะครับ”
“เลือกรูปได้สวย จัดสวย แต่ใครจะชอบมองหน้าตัวเองเยอะขนาดนี้ ถ้าอยากให้พี่ชอบ โต๊ะต้องจัดเป็นรูปตัวเอง
ไปจัดที่คอนโดพี่ก็ได้นะ รับรองว่าพี่มองได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ”
“พี่เหนือ” ผมทำหน้าเขินบิดตัวไปมา แต่แอบลอบถอนใจ เกือบตายแล้วไหมล่ะกู ถ้าความแตกว่าเป็น STALKER
ต้องถูกทิ้งวันนี้แน่
“ขอบคุณครับผม” พี่เหนือดึงผมเข้าไปจุ๊บกลางกระหม่อม ผมไม่แน่ใจว่าพี่เหนือเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม
แต่จับไม่มั่นคั้นไม่ตายก็ไม่จำเป็นต้องยอมรับ แถมพี่เหนือก็พูดเหมือนยอมจบเรื่องนี้แล้ว ไอ้โต๊ะก็รอดสิครับ
“ว่าแต่?”
“ครับ?” ผมใจหายแว้บ เมื่อพี่เหนือทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ตกใจจนเผลอถอยหลังไปสองสามก้าว
“พี่เห็นแล้วจะทำต่อหรือเปล่า”
“อ๋อ..เอ่อ..ทำ...”
ก๊อก ก๊อก จู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ทำเอาผมสะดุ้งรอบสอง คือคนกำลังใจไม่ดีอะไรนิดอะไรหน่อยก็เผลอสะดุ้ง
“โต๊ะอยู่หรือเปล่า โต๊ะ” เสียงข้าวเจ้าดังอยู่หน้าห้อง
“โต๊ะ”
“อยู่ๆ รอแป๊บ”
ผมหมุนตัวเตรียมจะเดินไปเปิดประตูให้ไอ้เจ้า แต่อนิจจาโต๊ะตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมาแต่ยังหาที่วางเหมาะๆ ไม่ได้
เลยตั้งส่งๆ ไปก่อน อยู่ในตำแหน่งที่ผมไม่คุ้นชิน ด้วยความตกใจผมเลยวาดแขนหมายจะคว้ากล่องที่วางอยู่บนโต๊ะ
เป็นที่พึ่งในการทรงตัว แต่สิ่งที่ได้คือกวาดสิ่งของบนโต๊ะหล่นลงไปบนพื้นแทน
ตัวผมไม่ได้หล่นตามลงไปด้วยเพราะมีมือวิเศษเข้ามาจับยึดแขนไว้ให้ แต่ข้าวของที่หล่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้นตอนนี้
ทำเอาผมอยากร่วงตามไปด้วยจะได้เอาหัวน็อคพื้นให้มันจบๆ ไป
“พี่เหนือลืมที่โรงอาหาร xx/xx/xx” พี่เหนือหยิบปากกาที่กลิ้งไปตกใกล้เท้า ขึ้นมาอ่านโพสอิทที่ผมแปะไว้
“พี่..พี่เหนือ..คือ”
“โต๊ะ เกิดอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงร้อนรนกับเสียงเคาะประตูถี่ๆ ทำให้ผมละล้าละลัง
“ไปเปิดประตูให้เพื่อน” พี่เหนือสั่งผมเสียงเรียบ
“พี่เหนือ” ผมหน้าซีด ขาสั่น ได้ยินที่พี่เหนือบอกแต่ขามันก้าวไม่ออก
พี่เหนือถอนใจเบาๆ วางปากกาไว้บนโต๊ะ เป็นฝ่ายเดินไปเปิดประตูให้เสียเอง
“อ้าว พี่เหนือ” “ไงเหนือ” เสียงทักของข้าวเจ้าและพี่สกายดังเข้ามาพร้อมกัน
“อ่า..ขอโทษทีครับ ผมเห็นไฟห้องโต๊ะเปิด เลยนึกว่ากลับมานอนห้อง จะชวนไปทานข....”
ข้าวเจ้าพูดประโยคสุดท้ายไม่จบ เมื่อเดินเข้ามาแล้วเห็นของที่กระจายอยู่เต็มพื้น
ตอนนี้หน้าของเราสองคนซีดเผือดไม่ต่างกัน ข้าวเจ้าทำได้แค่อ้าปากค้าง ไม่สามารถพูดต่อได้
“ไปทานกันเถอะ พี่กับโต๊ะมีเรื่องต้องคุยกัน”
“เอ่อ..” ดูเหมือนข้าวเจ้าจะไม่อยากทิ้งผมเอาไว้ สายตาข้าวเจ้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่สายตาของผมเต็มไป
ด้วยความกังวลและหวาดกลัว
“ไปกันเถอะครับ” พี่สกายเข้ามาแตะแขนข้าวเจ้า
“แต่..”
“เชื่อพี่ ไปกันเถอะ”
“ไปเถอะข้าวเจ้า โต๊ะ...โต๊ะมีเรื่องต้องคุยกับพี่เหนือก่อน” ผมตัดสินใจได้ในที่สุด ในเมื่อไม่มีอะไรให้ปกปิดอีกแล้ว
ก็มีแต่ต้องเดินหน้าชนเท่านั้น
“เจ้าจะอยู่ที่ห้องนะโต๊ะ ไม่ไปกินแล้วมีอะไรไปหา”
“อื้อ ขอบใจ” ข้าวเจ้าพุ่งเข้ามากอดผมแน่นๆ หนึ่งที ก่อนจะยอมเดินตามพี่สกายออกไป
“พี่เหนือครับ คือผม..”
พี่เหนือยกนิ้วขึ้นห้ามเป็นเชิงบอกให้ผมเงียบ ก่อนนั่งคุกเข่าลงกับพื้น หยิบของต่างๆ ขึ้นมาดูทีละชิ้น
อ่านทุกข้อความที่แปะอยู่ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ความรู้สึกมวนในท้องยิ่งเพิ่มมากขึ้น ความคาดหวังถูกแทนที่
ด้วยความหมดหวัง ไม่เหลือความเชื่อแม้แต่น้อยว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี
พี่เหนือวางของชิ้นสุดท้ายลง ผมที่ยังยืนอยู่ตำแหน่งเดิมท่าเดิมตั้งแต่พี่เหนือหยิบของชิ้นแรก ไม่กล้าเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน
“นานหรือยัง”
โชคดีที่คำถามแรกยังอยู่ในหมวดง่าย ให้พอมีเวลาคลำหาทางไป
“ถ้าก่อนรู้จักพี่เหนือก็เกือบปีครับ”
“ตกลงว่ารูปบนผนัง?”
“ผมถ่ายเองทั้งหมดครับ”
“ทำทำไม” มาแล้วคำถามสุดหิน คำตอบมีแน่แต่ตอบยังไงให้ดูดี ภาวะเสี่ยงต่ออาการหัวใจล้มเหลวของผมมีสูงมาก
“พี่เหนือครับ”
“พูดมา”
“ผมจะตอบ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนครับ” ผมใจกล้าหน้าด้านพูดออกไป พี่เหนือดูแปลกใจไม่น้อย
“พูดสิ”
“ผมจะตอบทุกคำถาม ไม่ปิดบัง ไม่โกหก จะพูดความจริงทุกอย่าง ขออย่างเดียวถ้าพี่เหนือจะเลิกกับผม..”
ผมพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ คำว่าเลิกกันปกติผมชอบหลุดปากตลอด แต่วันนี้พอพูดออกไปเหมือนใจมันจะขาด
“ผมขอเก็บของทั้งหมดไว้ได้ไหมครับ สัญญาว่าจะไม่ทำอีก จะไม่กวนพี่เหนืออีก”
พี่เหนือมองหน้าผมเหมือนกำลังชั่งใจอะไรบางอย่างอยู่ สุดท้ายก็พยักหน้า
“ตกลง”
“พี่เหนือถามใหม่สิครับ” ผมนั่งลงกับพื้น พยายามไม่เข้าใกล้พี่เหนือมาก ให้มีระยะห่างพอให้พี่เหนือไม่อึดอัด
“ทำทำไม”
ผมเดินไปหยิบภาพพี่เหนือที่ใส่กรอบวางไว้หัวเตียง ก่อนยื่นส่งให้”
“ตอนพี่เหนือถามถึงเหตุผลที่ผมส่งภาพนี้เข้าประกวด ผมตอบจริงทุกอย่าง แต่หลังจากวันนั้น
ผมก็หยุดสายตาตัวเองให้มองหาพี่เหนือไม่ได้ มันคงเป็นเพราะรูปร่างหน้าตา เพราะบุคลิกที่โดดเด่นของพี่เหนือ”
“ชอบพี่ที่หน้าตา”
“ครับ ผมเริ่มชอบพี่เหนือที่หน้าตา” ผมพยักหน้าไม่คิดจะปฏิเสธ
“ถ้าพี่เหนือไม่หล่อผมอาจจะไม่ชอบ หรืออาจจะชอบเพราะสาเหตุอื่นก็ได้ใครจะรู้ แต่นี้พี่เหนือดันหล่อดันน่ามอง
มันก็ต้องสนใจที่รูปร่างหน้าตาก่อนอยู่แล้ว” ผมอธิบายคำตอบให้ยาวขึ้น
“พี่เหนือโดดเด่น จนผมเหมือนถูกดึงดูดเข้าไปหา ไม่ว่าคนจะเยอะ สถานที่จะกว้างแค่ไหน ผมก็มองหาพี่เหนือได้ไม่ยาก
ไม่อยากเชื่อนะครับว่าคนๆ นึง จะแผ่ออร่าออกมาได้มากขนาดนั้น” ผมพยามหัวเราะให้ฟังดูขำแต่มันดูฝืดเต็มทน
“หลังจากนั้นมันก็เป็นอย่างที่เห็น” ผมชี้ไปทางข้าวของที่กองอยู่
“เป็นยังไง” เมื่ออีกคนคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ละเอียด ผมก็จะพูดออกไปให้หมด จะได้ไม่มีอะไรคาใจอีก
“ผมไปที่คณะพี่เหนือบ่อยๆ ไปทานข้าว ไปถ่ายรูป ไปให้ได้เห็นหน้า ตามไปดูแข่งบาส งานบอล ตามไปเที่ยวที่เดียวกัน
ถ้ารู้ว่าพี่เหนือจะไปไหน ดักอยู่ลานจอดรถบ้าง ร้านกาแฟที่พี่เหนือชอบไปซื้อทุกวันตอนเช้าบ้าง แล้วแต่โอกาสจะอำนวย
ผมถึงมีรูปพี่เหนือเยอะแยะอย่างที่เห็น”
“ส่วนข้าวของพวกนี้ ผมเก็บเพราะมันทำให้นึกถึงพี่เหนือ ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เข้าใกล้ ได้ทำความรู้จักพี่เหนือ
คิดว่าคงได้แต่แอบชอบอยู่ห่างๆ ผมก็เลยเริ่มเก็บ อันนี้พี่เหนือเคยใช้ อันนี้พี่เหนือเคยถือ ดอกไม้อันนี้พี่เหนือหยิบมาดม
มันมาเรื่อยๆ เห็นอะไรก็เสียดายอยากได้ไปหมด”
“เคยทำแบบนี้มาก่อนไหม”
“ไม่!! ไม่เคยครับ ผมไม่ใช่โรคจิตนะ...” ผมพูดเองชะงักเอง
“อ่า..ใช่สินะครับ อย่างผมคงเรียกว่าโรคจิต เป็นSTALKER เต็มขั้น” ผมไหล่ห่อคอตก รู้สึกตัวเองดูน่ารังเกียจ
“เคยคิดจะทำแบบนี้กับใครไหม”
ผมรีบสั่นหน้า สั่นแรงจนผมยุ่ง
“ไม่เคยเลยครับ พี่เหนือคนแรกและคนเดียว สงสัยผมจะหลงเสน่ห์จนถอนตัวไม่ขึ้น หะ หะ”
ผมหัวเราะเสียงแห้งๆ อยากตบปากตัวเองไม่รู้จะหัวเราะออกไปทำไม ตอนนี้เหมือนคนคุมสติตัวเองไม่อยู่
“แต่..แต่ผมไม่ได้เอามาทำอะไรวิปริตนะครับ” ผมต้องรีบบอกก่อนเดี๋ยวพี่เหนือนึกว่าผมเอามาทำอย่างว่า
“วิปริตยังไง” โอ๊ยจะถามอะไรกันนักกันหนา คิดเองไม่เป็นเหรอครับพี่เหนือ แต่สถานการณ์แบบนี้ไม่กล้ากวนตีนครับ
ยังไงก็ต้องตอบ
“แบบพวกเอามา..เอ่อ..เอามาช่วยตัวเองอะไรแบบนั้นน่ะครับ”
“ไม่ได้ทำ”
“ไม่มีครับ ไม่เคย” ผมปฏิเสธเสียงหลง แค่นี้ก็ดูแย่เต็มทนแล้ว ขืนเคยทำแบบนั้นพี่เหนือคงกระทืบผมแน่ๆ
“อ่ะ..แต่..” ผมขยับตัวไปหยิบของบางอย่าง
“อันนี้ผมเคยเอามาหอมครับ สารภาพก็ได้” ผมคลี่ปลอกหมอนที่ได้จากเสม็ดที่หยิบขึ้นมาให้พี่เหนือดู
“แต่หอมดีๆ นะครับ” ผมรีบก้มหน้าลงหอม สาธิตให้พี่เหนือดู
“ไม่ใช่แบบโรคจิตหื่นๆ ทำ”
“มานั่งข้างๆ นี่” หลังจากผมเปิดแถลงการณ์จนจบ และตามด้วยความเงียบหลายวินาที พี่เหนือก็ตบลงข้างตัว
“จุ๊บจุ๊บ” พี่เหนือหยิบหลอดกาแฟขึ้นมา และอ่านข้อความที่เขียนกำกับ
โธ่!! เอาจริงเหรอครับ กะจะซักผมทีละอันเลยเหรอ ตัดสินประหารมาเลยก็ได้นะครับ ผมเกร็งจนเยี่ยวจะแตกแล้ว
ผมเอื้อมมือไปหยิบหลอดมาจากมือพี่เหนือ มองวันที่ พยายามนึกให้ออก
“อันนี้น่าจะเป็นอันแรกๆ ครับ ผมเขียนแบบนี้เพราะเห็นแล้วคิดถึงริมฝีปากของพี่เหนือ แต่..ผมเก็บไม่ได้เอาออกมาใช้นะครับ”
“โต๊ะ”
“ครับ”
“อ๊ะ!!” ผมร้องออกมาด้วยความตกใจ
“อันนี้ทิ้งไปเถอะ” พี่เหนือหยิบกล่องมาวางข้างๆ ก่อนโยนหยอดที่ผมเก็บสะสมไว้อย่างดีทิ้งลงไป
“คิดถึงมันเมื่อไหร่มาแตะมันได้ตลอด”
ผมจากหน้าซีดตอนนี้หน้าแดงแป๊ด ก็พี่เหนือสิครับทำเป็นเข้มอยู่ดีๆ เมื่อกี้กลับคว้าคอผมเข้าไปจูบ แถมดูดเสียปากล่าง
เจ่อออกมา
“นี่ก็ไม่จำเป็น” พี่เหนือหยิบแก้วพลาสติกโยนทิ้งไป
“แบบนี้แทนกันได้ไหม”
“อื้อ” ผมครางรับแบบเบลอๆ คุณชายเล่นจู่โจมแลกลิ้นจนน้ำลายเยิ้มติดริมฝีปาก
“ทานแก้วเดียวกันก็เหมือนน้ำลายโดนกัน ดังนั้นไม่ต้องเก็บ”
“ส่วนอันนี้..”
“เดี๋ยวๆ ครับพี่เหนือ” ผมรีบเบรกการคัดเลือกข้าวของ ก่อนที่สมองจะคิดอะไรไม่ออกไปมากกว่านี้
“ขัดจังหวะคนทำงาน มีอะไรว่ามา” นั่น มีทำหน้าดุผมด้วยครับ
“คือ..ไม่โกรธผมเหรอครับ”
“ไม่..เอ่อ..ไม่รังเกียจเหรอครับ”
“อืมมม..”
จะอืมทำไมล่ะครับพ่อ ท่ามากอยู่นั่นแหละ ตอบๆ มาเถอะ คือตอนนี้ใจผมมีความหวังไป 80% แล้วไง แต่อยากได้ยินกับหูให้มั่นใจ
“แปลกดี”
แปลกดีแล้วยังไงต่อ
“แต่..”
“แต่..” ผมทวนคำพี่เหนือ ใจเต้นตึกตึก ตึกตึก
“แต่..โต๊ะก็แปลกอยู่แล้วนี่ พี่เลยไม่ประหลาดใจ”เพล้งงงงง เสียงหน้าผมแตก
ไหนหวานๆ ไหนประโยคที่มโนเองในหัว ว่าพี่เหนือคงพูดว่าพี่ดีใจที่สุดที่โต๊ะรักพี่ขนาดนี้
หมดกัน แหกขนาดนี้หมอที่ไหนก็คงไม่กล้ารับเย็บ
“ไม่..ไม่มีอย่างอื่นแล้วเหรอครับ” ผมเป็นพิธีกรที่ดีครับ เวลาสัมภาษณ์ต้องปูทางไว้ให้ เอาแบบพรมแดงอย่างดีให้เลย
“ไม่มี..อ้อมีอย่างนึง....”
มาแล้วๆ
“ไม่โกรธ ขอโทษที่ลืมตอบคำถาม”
ผมกะพริบตาปริบๆ สีหน้าคงได้อารมณ์มาก พี่เหนือถึงกับต้องถาม
“พี่ไม่โกรธผิดหวังขนาดนั้นเลยเหรอโต๊ะ หรืออยากให้โกรธ ก็ได้นะ”
“ไม่..ไม่..ไม่ครับ ไม่โกรธดีแล้ว ดีมากๆ เลย” คนได้คืบจะเอาศอกเพิ่งสำนึกได้ว่าตัวเองเพิ่งรอดตายมาหวุดหวิด
เขาจูบเข้าหน่อยเคลิ้มจะเอาคำหวานขึ้นมาเชียว ไอ้โต๊ะเอ๊ย ที่ละขั้นสิวะ
“ฮ่าๆ มานี่เลยเด็กเอ๋อ” พี่เหนือจับผมขึ้นมานั่งบนตัก หลังพิงขอบเตียงไว้
“พี่ดีใจ ขอบคุณครับที่รักกันขนาดนี้ รักจนขนลุกเลย”
“พี่เหนือ!!” ฟาดครับ ต้องฟาดเบาๆ บทพ่อแง่แม่งอนต้องมา เขาเรียกรู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ก็คุณชายเหนือ
ชอบให้อ้อนจะตาย
“ผมไม่ใช่โรคจิตจริงๆ นะครับ ก็เหมือนคนซื้อของที่ระลึกของดารานักร้องไง ผมดีกว่าอีกแทบไม่ต้องไม่เสียเงินสักบาท
แถมไอดอลผมแตะแล้วทุกชิ้นด้วย”
“ฮ่าๆ เหมือนก็เหมือน ถามจริงถ้าต้องเสียเงินจะเก็บไหม”
“โธ่อย่ามาดูถูก ปลอกหมอนนี้ผมซื้อมาตั้งหลายร้อย บอกโรงแรมว่าทำเปื้อนซักไม่ออก”
“อืม มีการลงทุน ต้องให้รางวัล”
จัดมาครับ ชั่วโมงนี้ไม่ปฏิเสธ อะไรที่แสดงว่ายังรักกัน ผมอยากได้หมด
“พี่ไม่โกรธสบายใจได้” พี่เหนือเริ่มชวนคุยอีกครั้ง หลังจากให้รางวัลมาชุดใหญ่
“โต๊ะไม่ได้ทำให้พี่รู้สึกอึดอัดหรือถูกกคุกคาม ถ้าเป็นแบบนั้นพี่คงรู้ตัวไปตั้งนานแล้วว่าถูกตามอยู่
ที่ทำนี้ต้องเรียกว่าน่ารัก เก็บแต่ละอย่างจะน่ารักไปไหน ทำให้พี่ภูมิใจว่าแฟนรักแฟนหลง”
บอกเลยครับว่า....
พี่เหนือพูดไม่จริงครับ นี่เพราะรักผมเหอะถึงเห็นอะไรน่ารักไปหมด ถ้าเป็นคนอื่น จับได้แบบนี้ผมว่าพี่เหนือกระทืบตับแตกไปแล้วผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะครับ ฟังแค่นี้เห็นแค่นี้ก็รู้แล้ว พี่เหนือภูมิใจว่าแฟนรักแฟนหลง ผมไม่อยากบอกเลยว่า
ผมก็ภูมิใจเหมือนกัน ที่แฟนรักแฟนหลง
โถ เห็น STALKER น่ารัก ไม่รักไม่หลงเห็นแบบนี้ไม่ได้นะครับ
“แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยได้เก็บแล้ว เว้นแต่เป็นของที่สำคัญสำหรับเราสองคน แบบตั๋วหนังที่ไปดูด้วยกัน แล้วก็...”
ผมอุบไว้ ไม่บอกหรอกว่าผมเก็บกระดุมแห่งความหึงหวงไว้ด้วย
“แล้วก็อะไร”
“แล้วก็อะไรที่เราทำด้วยกันพวกนั้นครับ”
“ทำด้วยกัน ถุงยางเหรอ ไม่มีพี่ไม่เคยใส่”
“พี่เหนือ!!” อยู่ด้วยกันสองคนเทีไร พาเข้าโซนอันตรายตลอด
“ฮ่าๆ มาพี่ช่วยเลือกของให้ เก็บแต่ที่สมควรจะเก็บจริงๆ ก็พอ”
“ไม่บังคับให้ทิ้งเหรอครับ”
“ไม่ครับ ไม่ใช่ของแปลกๆ หรืออันตรายนี่เก็บได้ แต่บางอย่างมัน..นะไม่ต้องไปเก็บหรอก เยอะไป”
“แหะๆ” ตาผมหัวเราะให้กับความงกของ ของตัวเองบ้าง
“อะ!! พี่เหนือ เดี๋ยวครับ รอผมแป๊บหนึ่ง”
ผมรีบลุกขึ้นไปจัดการบางอย่างที่นึกได้
“พี่เหนือ”
“ครับ”
“แท่นแท้น” ผมทำเสียงประกอบให้ดูน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น
“มีนี่ด้วย เรามาช่วยกันเลือกต่อเถอะครับ” ผมมองกล่องอีกสองใบที่ยกลงมาจากหลังตู้เสื้อผ้า
หึหึ กล่องนี้เกี่ยวกับปากทั้งนั้น ของที่ระลึกเต็มไปหมด งานนี้ปากเจ่อแน่กู
“โต๊ะ!!” พี่เหนือทำหน้าตะลึงมองดูของในกล่อง
“ครับ” ผมเผลอแลบลิ้นออกมาเลียปาก นี่ไม่ได้ตั้งใจสื่อถึงอะไรเลยนะครับ
“ฮ่าๆ”
“ไหนบอกผนังห้องมันบาง”
“เอ่อ..ผมว่านิดๆ หน่อยๆ ก็ได้อยู่ครับ”
“งั้นก็....” พี่เหนือเขยิบหน้าเข้ามาใกล้
ก๊อก ก๊อก“พี่เหนือครับ โต๊ะ เปิดประตูให้หน่อย ผมขอคุยด้วยแป๊บเดียว”
“พี่เหนือ ข้าวเจ้า” ผมต้องรีบร้องบอกเมื่ออีกคนทำท่าไม่สนใจจะกินปากผมให้ได้ท่าเดียว
“เฮ้อ” พี่เหนือยอมถอย ลุกไปเปิดประตูให้ไอ้เจ้ากับพี่สกายแต่โดยดี
“ขอบใจนะเจ้า” พี่เหนือพูดทิ้งท้ายก่อนปิดประตู
ข้าวเจ้าพยายามจะพูดให้พี่เหนือเห็นว่าผมไม่ได้เป็นโรคจิต มาถึงก็พูดยาวเป็นรถไฟ กว่าจะหาจังหวะบอกได้ว่า
ทุกอย่างเรียบร้อยดีไม่มีอะไรกับพูดคุยกันอีกนิดหน่อยก็ใช้เวลาไปพักใหญ่
ผมรีบเข้าประจำการหน้ากล่อง เมื่อพี่เหนือเดินกลับมา
“กลับคอนโดกันเถอะ”
“อ้าว” ผมมองกล่องสองใบที่เพิ่งขนออกมา
“แล้วนี่ล่ะครับ”
“เอาไว้ค่อยมาทำวันหลัง” ผมมองสองกล่องอย่างเสียดาย คือรู้ว่ากลับไปก็โดนจูบอยู่ดี แต่แบบนี้มันตื่นเต้นกว่า
โรแมนติกกว่านี่นา
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น” สงสัยหน้าเสียดายผมจะออกชัดมากครับ พี่เหนือถึงกับถาม
“ก็..มัน..” เหอะไม่บอกหรอกเสียเชิง
“เอาน่า พี่เบื่อที่นี่ คนขัดจังหวะเยอะ” อืม มันก็จริงครับ กลับก็กลับ
ผมลุกขึ้นยืน ยกกล่องขึ้นจะเอาไปเก็บไว้อย่างเดิม
“อีกอย่าง..จะได้เหลืออะไรไว้ให้เล่นสนุกกันอีก”ตุ๊บ!!
เสียงหื่นๆ นั่น ทำเอาผมมือไม้สั่น ทำกล่องหล่นลงพื้น ดีว่าไม่กระจายออกมา
“พี่เหนือครับ”
ผมก้มลงยกกล่องขึ้นมาอีกครั้ง หันไปเผชิญหน้ากับเสือหิว
“งั้นเราเอากลับไปที่คอนโดกันเถอะ...
“เล่นที่นี่ผนังมันบาง” ^^ เป็นไงล่ะ
เพื่อนๆ ผม มีแต่บอกให้ทิ้งให้เลิก ไม่รู้เสียแล้วว่าของที่ผมเก็บไว้ มันมีคุณค่าและประโยชน์มหาศาลขนาดไหน
หึหึ เล่นได้อีกนานเลยกู
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
Darin ♥ FANPAGE