ตอนที่ 30 ♥ ครึ่งหลัง : คนร้าย? [ข้าวเจ้า ♥ สกาย]“เจ้า T เป็นใคร”
“ไม่รู้ แล้วเป็นอะไรกัน เมื่อกี้ยังยิ้มชอบใจหัวเราะกันสนุก ตอนนี้มาทำหน้าเครียดใส่”
ไอ้เจ้ามองหน้าพวกผมงงๆ ที่เปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังตีน
“ต่อมรับรู้มันช้าไง เพิ่งรู้สึก”
“เดซี่เขามีแต่ต่อมรับรส มีด้วยเหรอต่อมรับรู้”
“เอาน่า ลองนึกสิ มีใครแปลกๆ เข้ามาหาหรือเปล่า”
“ก็อยู่ด้วยกันตลอด ใครมาหาก็ต้องเห็น”
“หงุดหงิดว่ะ มันคาใจ ใครวะ T” ส้มเริ่มบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ซึ่งผมก็เป็นครับอยากรู้ใจจะขาดว่าใครกัน
“จะสนใจทำไม เจ้ายังไม่สนเลย แล้วดอกไม้ไปไหนล่ะส้ม” ไอ้เจ้าสังเกตเพื่อนที่เดินมาตัวเปล่ามีแค่กระเป๋าถือใบเล็ก
ที่สะพายอยู่
“ทิ้งไปแล้ว”
“อ้าว!!”
“อ้าวทำไม ต่อมรับรู้กูช้าพอๆ กับเดซี่เลยเพิ่งนึกได้ว่าไม่ควรเก็บของผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่พี่สกายไว้”
“แปลกกันใหญ่แล้ว เมื่อกี้เห็นอยากได้แทบตายแล้วนี่อะไร แล้วทำไมต้องยกโขยงกันไปคณะวิศวะ”
“โต๊ะไปรอพี่เหนือ” ผมเอาตัวรอดก่อนเลย มีคนให้อ้างชื่อได้
“กูจะไปอ่อยผู้ชายวิศวะ”
“มึงจะไปอ่อยพี่ทัชก็บอก”
“กู..จะ..ไป..อ่อย..ผู้ชาย..วิศวะ มึงฟังชัดไหม”
“เออ มึงจะไปอ่อยพี่ทัชวิศวะ กูฟังโคตรชัด”
“อย่านอกเรื่อง แล้วส้มจะไปทำไม” ไอ้เจ้าจ้องคนสุดท้ายที่ยังไม่ยอมตอบ ซวยไปนะส้ม
“กูจะตามไปคุมเมียให้อยู่ในระเบียบเรียบร้อย มีอะไรไหม”
“จะไปดูผู้ชายกับเดซี่มากกว่ามั้ง” เจ้าทำหน้าล้อเลียนส้มให้รู้ว่ารู้ทัน ทุกทีอาจใช่ครับแต่คราวนี้ผมว่าส้มมันพูดจริงทุกคำ
“ส้ม” ผมดึงส้มให้เดินช้าลง แอบส่งซิกให้เดซี่ชวนเจ้าคุยไปเรื่อยๆ
“ที่จริงแบบนี้ก็ดีหรือเปล่าวะ มีคนมาจีบไอ้เจ้าก็ยังถือว่าเป็นไปตามแผนเรา” ผมพยายามกระซิบให้เบาที่สุด
กลัวความหูดีของข้าวเจ้า
“ไม่ดี”
“ตรงไหนวะ”
“ตรงที่เป็นแผนที่เราควบคุมไม่ได้ จำไว้เลยนะมึง อะไรที่เราควบคุมไม่ได้ให้หยุด อย่าเข้าไปเสี่ยง
ผลลัพท์ที่ควบคุมไม่ได้ไม่คุ้มค่ากับการลอง สู้อยู่เฉยๆ ยังดีกว่า”
“แต่มึงก็รู้นิสัยข้าวเจ้ามันนี่ส้ม มันไม่หวั่นไหวหรอก”
“กูรู้จักนิสัยเจ้า แต่กูไม่รู้จักนิสัยไอ้ T อะไรนั่น ดังนั้นขอบาย ของดีมีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องมองหาใหม่เว้ย”
“เออจริง”
“ยกเลิกแผนเราก่อน มาตามหาตัว Mr.Tกัน กูอยากรู้ว่าเป็นใคร”
“กูก็อยากรู้ แต่คิดว่าเดี๋ยวก็โผล่มา ดอกไม้มันแพงคงไม่ลงทุนแล้วไม่ออกตัว เออ ว่าแต่มึงทิ้งดอกไม้ไปแล้ว
จริงๆ เหรอวะส้ม”
“เปล่า”
“อ้าว แล้วอยู่ไหน มึงเอาไปเก็บที่รถแล้วเหรอ เดี๋ยวก็เหี่ยวพอดี”
“เปล่า”
“เฉลยมากูขี้เกียจเดา วันนี้กูใช้สมองไปเยอะ ไม่อยากคิดแล้ว”
“กูฝากน้องเอาไปให้พี่ต่อที่คณะ บอกว่ากูฝากมาให้”
“เหี้ยส้ม มึงนี่คิดได้ พี่เหนือพี่สกายได้ขำกันตาย”
“ดีกว่าเสียของ”
“โต๊ะ ส้ม เดินเร็วๆ หน่อย” เจ้าหันมากวักมือเรียก
“เออ ไปเดี๋ยวนี้” ผมกับส้มเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เพื่อจับกลุ่มเดินสี่คนอีกครั้ง
ไม่รู้เหมือนกันว่างานนี้จะจบลงยังไง แล้วMr.Tเป็นใคร เรื่องของตัวเองผมยังไม่ปวดหัวเท่ากับเรื่องของไอ้เจ้าเลย
......................................................................................
-Sky-
“อะไร?” ผมถามเมื่อมาถึงโรงอาหาร แล้วเห็นว่าบนเก้าอี้ข้างตัวคนรักมีตุ๊กตาหมีวางอยู่
“ตุ๊กตาหมีครับ”
“พี่รู้น่า หมายถึงมายังไง”
“อ้าว แล้วก็ไม่ถามตรงๆครับ ผมจะได้ตอบ” ผมรู้ว่าข้าวเจ้าแซวอยากให้ผมอารมณ์ดี แต่ใครทำได้ก็แปลกแล้ว
ผมกะว่าจะไม่ยุ่งแต่มันชักจะเหลืออดในเมื่อข้าวเจ้ายังได้รับของเพิ่มนอกจากดอกไม้ที่ส่งมา
“ให้อะไรเป็นเด็ก” ผมหยิบตุ๊กตาหมีออกโยนไปให้ต่อก่อนนั่งลงแทนที่
“ใครให้ของแบบนี้ผู้ชายวะ”
“กูก็ไม่อยากขัดมึงนะ แต่ได้ข่าวว่ามึงซื้อตุ๊กตาหมีให้น้องชายกูตอนวันเกิด” ต่อเดาะตุ๊กตาหมีเล่นเป็นลูกวอลเล่ย์
ผมว่าน่าจะเอามาทำเป็นลูกบอลเตะเล่นมากกว่า
“กูซื้อให้เพราะน้องมึงชอบ รสนิยมกูไม่ได้เพี้ยน”
“ผมก็ชอบตุ๊กตาหมี”
“ข้าวเจ้า” พูดได้ไม่อายปากว่าแค่ข้าวเจ้าบอกว่าชอบตุ๊กตาหมี ถึงไม่ได้หมายถึงตัวที่ต่อกำลังเล่นอยู่
ผมก็รู้สึกเกลียดไอ้ตุ๊กตาเวรนี้ขึ้นมาอีกเป็นสิบเท่า
“มึงยอมรับเถอะว่ารสนิยมเรื่องตุ๊กตาไม่ได้ห่วย มึงแค่หึงมากไปหน่อย”
“เออ กูรับ กูหึงแฟนผิดตรงไหน”
“โอ๊ย!!”
“ข้าวเจ้าทำไมพักนี้ทำร้ายร่างกายพี่เรื่อยเลย” ผมลูบแขนป้อยๆ รอยตีเริ่มขึ้นเป็นสีแดง
“อยากพูดเรื่อยเปื่อยทำไมล่ะครับ”
“กูพูดว่าหึงแฟน เรื่อยเปื่อยตรงไหนวะ” ผมหันไปหาแนวร่วม มีแค่เหนือที่พยักหน้าให้ คนหัวอกเดียวกันย่อมเข้าใจกัน
“ว่าแต่นอกจากการ์ดแล้ว ไม่แสดงตัวเลยเหรอ” ต่อวางตุ๊กตาลงข้างหน้า ตั้งใจให้หันมาทางผม ดูเหมือนกำลังสนุกกับการ
ได้แหย่คนกำลังหงุดหงิด
“ไม่เลยครับ”
“T มีเป็นล้าน ส้มไม่รู้จะสงสัยใคร ตุ๊กตานี่ก็ฝากรุ่นน้องเอามาให้ ถามก็บอกว่าไม่รู้จัก บอกแต่ว่าขาวๆ สูงๆ หน้าตาหล่อ”
“คู่แข่งมึงใช่ย่อยเปย์ซะด้วย”
“เหมือนเล่นสงครามประสาทเลยว่ะ ถ้าไม่โผล่มาง่ายๆ มึงเอาไงวะ”
“กูจะเริ่มจากการกระทืบเจ้าของเพจแอนตี้ก่อน”
“พี่สกาย!!” มือป้อมๆ ฟาดลงมาอีกครั้ง ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในโรงอาหารจะจับขึ้นมาจูบให้ตีต่อไม่ได้
“เสือกเอารูปเจ้าไปลง คนก็ดันแห่มาให้ความสนใจ แชร์กันมั่วไปหมด ทีนี้ใครต่อใครพากันรู้จักแฟนกู”
“กระทืบตอนนี้ไม่ทันแล้วมึง เพจก็ลบไปแล้ว ใจเย็นน่า”
“จะกินกันไหมข้าว กูหิว”
“ครับพี่เหนือ กินเลยครับ กูขอโทษที่ขัดความสำราญ”
เห็นท่าทางเพื่อนแล้วพาลหมั่นไส้ เห็นแบบนี้ผมกล้าการันตีว่าถ้าเป็นโต๊ะบ้าง ไอ้เหนือคงตามกระทืบทุกคนที่มีอักษรย่อT
ลักษณะขาว สูง หล่อ มันคงตามไปถามถึงที่โดยไม่ต้องรอให้ปรากฎตัว
“ข้าวเจ้า”
“ครับ” คนตอบไม่ยอมหันมามอง ตาจ้องอยู่กับหนังที่เปิดดู
“เลิกดูเถอะมาคุยกัน”
“กำลังสนุกเลยครับ”
“ไม่เห็นสนุกมาคุยกับพี่ดีกว่า” ผมรั้งเอวคนที่นั่งอยู่กับพื้นหลังพิงโซฟาให้ขึ้นมานั่งข้างบนด้วยกัน
“ปิดของผมทำไม” ตาวาวๆ ปากยื่นออกนิดๆ ขัดใจที่ผมกดรีโมทปิดทีวี
“ไม่อยากให้สนใจอย่างอื่น” ผมจับข้าวเจ้านั่งชิดพนักพิงก่อนเอนตัวลงนอนหนุนตักนิ่ม จับมืออีกฝ่ายมาวางไว้บนอก
ลูบไปมาเบาๆ
“รู้สึกยังไงบ้าง”
“อะไรครับ”
“ที่มีคนส่งดอกไม้ ส่งของขวัญมาให้ ชอบหรือเปล่า”
“ไม่ได้ชอบครับ แต่รู้สึกดี”
“หมายความว่ายังไง”
“ผมชอบคิดว่าผมไม่น่าสนใจ ไม่น่ามอง มันเลยทำให้รู้สึกดีกับตัวเอง แต่ไม่ได้ชอบของพวกนั้นน่ะครับ”
“พี่ชมว่าน่ารักไม่พอเหรอครับ ทำไมถึงอยากให้คนอื่นชม” ผมดึงมือที่จับอยู่ขึ้นมาชิดปาก กดจูบลงไปหนักๆ
“มันไม่เหมือนกันนะครับ”
“ไม่เหมือนยังไง ไหนอธิบายให้พี่ฟังสิครับ”
“คือ....”
“ข้าวเจ้าครับ” ผมเรียกซ้ำเมื่อเจ้าตัวเอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมตอบคำถาม
“ก็เพราะพี่สกายดูดีเกินไป ผมเลยไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง พอมีคนมาทำแบบนี้ถึงรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้แย่นัก”
“โธ่เอ๊ย เด็กน้อย” ผมลุกขึ้นนั่ง ดึงคนคิดมากเข้ามากอดไว้แน่น
“เมื่อไหร่จะเลิกกังวลครับ จำไว้นะข้าวเจ้าดีที่สุดสำหรับพี่แล้ว”
“เกินไปครับ”
“เดี๋ยวสาธิตซะเลยนี่” ผมจับคางคนที่อยู่ในอ้อมกอดให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา
“ใครว่ามีแต่ข้าวเจ้าที่ต้องการความมั่นใจ พี่ก็ต้องการเหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่ากลัวเด็กจะตื่นปล้ำไปแล้ว”
“พี่สกาย!!”
“เห็นไหมแค่นี้ก็ทำหน้าตาตื่น ไอ้เราเลยต้องห้ามตัวเองให้ได้”
“ผม..ผมกลับดีกว่าครับ ดึกแล้ว”
“ไม่เอา” ผมดึงข้าวเจ้าขึ้นมานั่งบนตัก ปล่อยให้คนขี้ตกใจดิ้นขลุกขลักจะลงให้ได้
“พี่ไม่ทำอะไรหรอกน่า” ผมกดคางไว้บนไหล่กลม แอบกดจมูกลงไปเบาๆ
ทำไมจะไม่รู้ว่าข้าวเจ้ากังวลเรื่องนี้ มาคอนโดผมหลายครั้งไม่เคยเฉียดใกล้ห้องนอน ผมเข้าใกล้ทีไรสะดุ้งตกใจทุกที
เรื่องอย่างว่าใช่ว่าผมไม่คิด แต่ผมอยากให้ข้าวเจ้าค่อยๆ ชินกับการสัมผัสของผม ตอนนี้ได้ตอดนิดตอดหน่อยก็ถือเป็น
ความสุขแล้ว ที่เหลือคงต้องช่วยเหลือตัวเองไปก่อน
“แต่ขอจูบได้ไหมครับ”
“ไม่ได้” คนห้ามหน้าแดง แต่ไม่ได้หันหน้าหนี ผมเกลี่ยนิ้วไปบนแก้มนุ่ม
ค่อยๆ แนบริมฝีปากทาบทับลงบนเรียวปากอิ่ม แตะไล้ไปเรื่อยๆ ก่อนจะเริ่มใช้ริมฝีปากบดเบียด เพิ่มความหนักหน่วง
กระตุ้นให้อีกฝ่ายเผยอริมฝีปากออก
"อ๊ะ"
ปลายลิ้นร้อนถูกส่งเข้าไปกวาดต้อนตอดรัดลิ้นเล็ก ดูดชิมความหวานราวกับน้ำผึ้ง
“อื้อ”
มือนุ่มผลักอก แต่ผมไม่อาจถอนปากออกได้ ยังคงวนเวียนเคลียคลอกับปากนุ่ม ราวกับติดสิ่งเสพติด
อยากจูบ อยากแนบชิดมากกว่านี้
“อื้อ”
แรงทุบถี่ๆ ทำให้เริ่มรู้สึกตัว ยอมถอยให้อย่างเสียดาย ข้าวเจ้าหายใจหอบ พยายามสูดอากาศเข้าปอด
เด็กน้อยของผมจูบไม่เป็น ความคิดนั้นทำให้เผลอยิ้มกว้างออกมา
“ยิ้มอะไรครับ” เสียงงอนๆ มาพร้อมกับหน้าง้ำๆ เมื่อเจ้าตัวเริ่มกลับมาหายใจปกติ
“ยิ้มให้คนน่ารัก เด็กไร้เดียงสาของพี่”
“ไม่ใช่นะ ผม..ผม..”
“ฮ่าๆ ทำไมล่ะครับ แบบนี้น่ารักจะตาย มันทำให้พี่รู้สึกเป็นผู้ชายที่น่าอิจฉามากรู้ไหม”
“ผมจะกลับแล้ว” เมื่อไม่รู้จะเอาอะไรมาเถียงผม ข้าวเจ้าก็คว้ากระเป๋า เดินลิ่วไปรอหน้าประตูห้อง
“พี่ง่วง”
“งั้นผมกลับเอง”
“ค้างด้วยนกันเถอะ” ผมส่งสายตาไปอ้อน อยากนอนกอดคนตัวนิ่ม
“ไปนะครับ” ข้าวเจ้าเปิดประตู ไม่ฟังเสียงร้องห้าม จนผมต้องรีบกระโจนตามไป
“โอเคครับ รอพี่แป๊บขอหยิบกุญแจรถก่อน พี่ไปส่ง”
“ก็แค่นี้แหละ”
kaojao: (ส่งรูป)
sudkobfah: ทิ้งให้พี่ได้ไหมครับ
kaojao: เจอตัวแล้ว เอามาให้เอง
kaojao: โหลๆ หายไปไหนครับ
sudkobfah: สงบสติอารมณ์อยู่ครับ ก่อนจะโดดวิชาสุดโหดออกไปเดี๋ยวนี้
kaojao: งั้นไม่กวนครับ
sudkobfah: เดี๋ยว เป็นใคร ชื่ออะไร คณะไหน
kaojao: ไม่ยอมบอกครับ ผมไม่อยากเซ้าซี้มากเดี๋ยวคิดว่าสนใจ
sudkobfah: หน้าตา?
kaojao: ผมดำ ไถข้างนิดๆ สูงเกือบๆ เท่าพี่สกายมั้งครับ หุ่นนักกีฬา อ๋อ หน้าโหดๆ แต่ดันมีลักยิ้มเล็กๆ
sudkobfah: ข้าวเจ้า
kaojao: ครับ
sudkobfah: ชอบมันหรือเปล่า
"........"
kaojao: คุณสกายครับ
sudkobfah: ครับ?
kaojao: คุณน่ะหล่อสุดแล้ว
kaojao: แล้วก็..
kaojao: รักที่สุดแล้วครับ ^^
sudkobfah: เจ้า read
sudkobfah: ข้าวเจ้าครับ read
sudkobfah: ที่รักครับ read
ผมปิดโปรแกรมแชทลง เมื่อเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังอายม้วน ถึงไม่ยอมตอบกลับมาอีกเลย
พยายามใจเย็นตั้งใจฟังวิชาโหดหินที่กำลังเรียนอยู่ อยากให้หมดเวลาเร็วๆ ผมมีอะไรบางอย่างต้องจัดการ
จะได้ไปกอดคุณแฟนให้สมกับความน่ารักนี้
“ทิว” ผมเรียกคนที่นั่งอยู่ เพื่อนเก่าสมัยผมยังแข่งรถที่เลิกคบหากันไปนานแล้ว
“มาไวดีนี่”
“อย่าให้กูเห็นว่ามึงเข้าใกล้เจ้าอีก หรือแม้แต่ส่งของไปให้”
“เจอเพื่อนเก่าจะไม่ทักทายกันหน่อยเหรอ"
“เพราะเห็นเป็นเพื่อนเก่า กูถึงมาเตือนมึงดีๆ แต่ไม่มีครั้งต่อไป มึงยุ่งกับคนของกูเมื่อไหร่ มึงเตรียมเลิกแข่งรถได้เลย”
“ของเล่นใหม่ยังไม่เบื่อสินะ นี่ถ้ากูไม่เห็นมึงในเพจนั่น กูคงไม่เชื่อว่ามึงจะเปลี่ยนรสนิยมขนาดนี้ จากผู้หญิงมาเป็นผู้ชายเลย
เหรอวะ”
“ไม่ใช่เรื่องที่มึงต้องยุ่ง แค่จำเอาไว้ว่ากูเอาจริง มึงรู้จักกูดี หรือถ้ามึงอยากลองก็ตามใจ”
“ได้ กูถอย กูรอให้มึงเบื่อก่อนได้ไม่มีปัญหา สักเท่าไหร่ดี เดือน สองเดือน"
“ถ้ามึงพูดถึงเจ้าในทางเสียหายอีก มึงได้เลิกแข่งรถวันนี้”
“ไม่เอาน่าเพื่อน หรือมึงยังโกรธกูเรื่องน้องพลอย กูรู้น่าว่ามึงไม่ได้รัก แล้วเด็กมันก็สมยอมกูเอง”
“เรื่องพลอยกูไม่เคยสนใจ มึงจะไปทำระยำอะไรกันก็เรื่องของมึง แต่ถ้ามึงแตะข้าวเจ้าเมื่อไหร่ มึงจะเสียใจที่อยากเป็น
เพื่อนกับกู”
“เดี๋ยวสกาย” ทิวเรียกไว้เมื่อผมหมุนตัวกลับเพราะหมดเรื่องที่ต้องการพูดแล้ว
“กูอาจเข้าไปยุ่งกับข้าวเจ้าเพราะต้องการแหย่มึง แต่ตอนนี้กูชอบน้องมันจริงๆ กูสู้มึงไม่ได้ แต่ถ้ามึงเบื่อเมื่อไหร่กูขอ”
ผลั้ว!! ผลั้ว!!
“อ๊ากกกก ขา..ขากู”
“กูบอกมึงแล้วว่าอย่าพูดถึงข้าวเจ้าแบบนั้น” ผมบดเท้าลงไปบนขาของทิว
“มึงจะตามเหยียบเงากูกี่คนกูไม่เคยสน ที่กูเลิกคบมึงไม่ใช่เพราะผู้หญิงแต่เพราะกูเบื่อ ดังนั้นเมื่อกูพูดว่าอย่ายุ่งมึงควรรู้ตัว
นี่เป็นแค่การเตือน กูจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายอย่าเข้าใกล้ข้าวเจ้าอีก ถ้ากูยังเห็นมึงไปป้วนเปี้ยน มึงจบอนาคตนักแข่งรถแน่”
“อ๊ากกกก”
.....................................................................
-ข้าวเจ้า-
“ไอ้เจ้า ดอกไม้มึงมาอีกแล้ว ดับเบิ้ลใหญ่เป็นสองเท่า” เดซี่วิ่งโร่มาพร้อมดอกไม้ช่อใหญ่ จนแทบจะบังตัวมิด
“มาเองหรือเปล่า”
“เปล่า ฝากน้องผู้ชายคณะเราเอามาให้
“กูก็อยากให้ทิ้งนะ แต่ช่อนี้แม่งสวยเกิน” ส้มมองมาตาปรอย ผู้หญิงก็ยังเป็นผู้หญิงวันยังค่ำ
“เอาไปสิส้ม แค่เจ้าไม่เก็บไว้ก็พอ ไม่ต้องทิ้ง พี่สกายไม่ว่าหรอก”
“งั้นเอามาเลย” ส้มรีบแย่งดอกไม้ออกไปจากมือ ดมกลิ่นกุหลาบดอกโตยกใหญ่
“มีการ์ด” ส้มวางดอกไม้ลงบนโต๊ะ หยิบการ์ดออกมาอ่าน
“เหี้ย!!”
“อะไร?”
“มึงเอาไปเลยกูไม่อยากโดนแช่ง” ส้มคว้าช่อกุหลาบยัดกลับใส่มือผม
“อะไร!!”
“ก็นี่ไง ในการ์ดเขียนว่า ให้คนที่รักพี่ที่สุด จากคนที่หล่อที่สุด”
ส้มอ่านการ์ดก่อนหันมาให้ผมดูตัวหนังสือหวัดๆ ที่จำได้ติดตาว่าเป็นของใคร
“อึก อึก กูไม่ไหวแล้ว”
“เป็นอะไรเดซี่”
“กูจะอ้วก เสียดายข้าว”
“เจ้า”
“ว่าไงโต๊ะ” ผมแทบจะมุดหน้าลงกับดอกไม้ ตอนนี้เรียกได้ว่ามองพิจารณาทีละดอก เพราะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตาเพื่อนๆ
“โต๊ะสงสัย”
“สงสัยอะไร”
“ไหนว่ายังไม่เคยบอกรักไง ไปสารภาพกันตอนไหน”
“สารภาพรักเหรอ” ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับโต๊ะ
“ก็นี่ไง คนที่รักพี่ที่สุด เจ้าพูดไปแล้วเหรอ”
เดี๋ยวนะ เท่ากับผมสารภาพรักออกไปแล้วใช่ไหม ผม..ผมต้องบอกว่าชอบสิ ชอบไม่ใช่รัก
“เจ้า?”
“ย..ยุ่ง!!”
“อื้อ พอแล้ว”
“ดอกไม้พี่แพง"
“งั้นเอาคืนไปเลย!!”
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
Darin ♥ FANPAGE