ตอนที่ 23 : STALKER กับถ้ำกระบอก“กูเป็นคนเดียวหรือเปล่าที่ยังปกติดี” ส้มจับพวกผมนั่งประจันหน้าสามต่อหนึ่ง
“เมื่อวานโต๊ะไม่มาเรียนซึ่งกูคาดการณ์ไว้แล้ว เพราะฉะนั้นมึงผ่าน ย้ายมานั่งฝั่งนี้” ส้มดึงแขนผมให้ย้ายมานั่งข้างเดียวกัน
“แต่ไม่ใช่กูจะปล่อยมึงนะโต๊ะ เดี๋ยวมึงต้องเล่าอยู่ดี แต่เอาไว้ทีหลัง”
“ส่วนเจ้า ตั้งแต่เมื่อวานมึงเงียบๆ เหมือนมีเรื่องคิดหนัก เดซี่มึงหวีดผู้ชายแบบไม่จริงใจมาจะครบสองวันแล้ว กูข้องใจมาก
พวกมึงจะเล่ามาดีๆ หรือจะให้กูทรมานก่อน”
“ว่างมากเหรอคะน้องส้ม ถึงมานั่งจับผิดพวกกูเนี่ย” เดซี่ค้อนขวับๆ ผมรู้เลยว่ากำลังพยายามเลี่ยงประเด็นอยู่
“ยุ่ง” เจ้ายิ่งชัดครับ ผมบอกแล้วว่าถ้าเจ้าพูดว่ายุ่งเมื่อไหร่แปลว่าจริงเมื่อนั้น ผมไม่มามหาลัยแค่วันเดียวเกิดอะไรขึ้นหว่า
“กูไม่ได้ว่างมาก และกูก็ไม่ได้นั่งจับผิดพวกมึงด้วย เพราะงั้นมันเลยยิ่งน่าสงสัย ขนาดไม่จับกูยังรู้สึกได้ มึงก็คิดเอาแล้วกัน”
“บอกมาเลย เดี๋ยวนี้มีความลับกับเพื่อนเหรอ” ผมเมื่อถูกย้ายข้างแล้ว ต้องรีบทำตัวเนียนๆ เป็นผู้สอบสวนเหมือนส้ม
“เหี้ยโต๊ะ กล้านะมึง”
“มึงไม่ต้องทำเป็นเล่นงานโต๊ะมัน ตอบมาเลย ถ้ามึงไม่ตอบกูจะเรียกมึงเดย์ทั้งวันเลยเอาสิ”
“ถ้าเจ้าพูดกูก็จะพูด” เดซี่ดอกสวยเริ่มใช้วิธีโบ้ยไปให้เพื่อนเป็นผู้นำก่อน
“ว่าไงเจ้า มีอะไรก็พูดมา อยากรู้อยากเห็นก็เรื่องนึง เป็นห่วงก็เรื่องนึง มึงเข้าใจกูใช่ไหม”
“อื้อ เจ้าเข้าใจ” เจ้าพยักหน้า เห็นชัดว่ากำลังต่อสู้กันเองภายในใจ ท่าทางครุ่นคิดจนผมกลัวว่าคิ้วจะขมวดมาชนกัน
“คือ..” ผมนี่ลุ้นตามจนลืมหายใจเอาอากาศเข้าไปแล้ว ปากอ้า เอ๋อใส่เพื่อนเหมือนเวลานั่งฟังครูเล่านิทานตอนเด็กๆ
“คืนก่อนตอนพี่สกายไปส่ง” แล้วเจ้าก็เงียบ
“ไอ้เจ้า ถ้ามึงเป็นโต๊ะกูถีบตกไปแล้ว ท่ามากฉิบหาย เล่าๆ หยุดๆ กูเกร็งจนตะคริวแดกแล้วเนี่ย”
อ้าวส้ม มึงมันลำเอียง ชัดเลยว่าถีบแต่กู
“พี่สกายบอกว่าขอโอกาส”
คราวนี้ไม่ใช่ผมคนเดียวที่เอ๋อครับ เอ๋อแดกกันทั้งกลุ่ม คือมันเหลือเชื่อมาก เหลือเชื่อว่า....
“ไอ้เจ้า กูนึกว่าเรื่องอะไร พี่มันประกาศกลางร้านขนาดนั้นว่าจริงจังสารพัดอย่างกับมึง ใครไม่รู้ว่าขอโอกาสมึงอยู่ก็โง่แล้ว”
เห็นไหมครับ เหลือเชื่อมากว่าไอ้เจ้าจะพูดเรื่องนี้ออกมา ทำเอาลุ้นเก้อกันทั้งกลุ่ม
“แค่เรื่องนี้จริงๆ เหรอเจ้า ที่ทำท่าคิดหนักมาสองวันอย่างที่ส้มมันว่า” ผมถามเพื่อนสนิท
“อื้อ”
“เหี้ยเจ้า กูขอด่ามึงสักวันเถอะค่ะ เรื่องแค่นี้กลุ้มทำไมคะ เป็นกูโดดใส่ตั้งแต่คืนนั้นแล้ว จบๆ ไป”
“เหรอ!! แล้วมึงล่ะ หวีดผู้ชายหลอกๆ มาสองวันล่ะ มีอะไรจะแก้ตัว”
“เขาว่าถ้ามีคนที่สนใจอยู่แล้ว ก็ไม่อยากมองคนอื่นอีก” อืม เจ้าพูดมีเหตุผลครับ
“มึงมีแล้วใช่ไหม” ส้มก็คงเห็นด้วยกับเจ้า คุกคามเอาคำตอบจากเดซี่มันใหญ่
“กูไม่มี”
“เดซี่” ผมลงเสียงหนักๆ ตอนนี้สามรุมหนึ่งแล้วครับ
“เพื่อให้มึงตอบชัดขึ้น กูจะเพิ่มรายละเอียดในคำถาม มึงสนใจพี่ทัชเหรอ”
“พี่ทัช?!!” เป็นผมเองที่หันไปทำหน้างงใส่ส้ม ช่วงก่อนผมมัวแต่ยุ่งเรื่องตัวเองกับเรื่องของเจ้าไม่ได้สนใจพี่ทัชเลย
อะไร ยังไง ผมตกข่าวขนาดนี้เลยเหรอ
“เปล่า”
“เปล่าแล้วมึงหน้าแดงทำไม หลบตากูด้วย”
“กู...กูเฉยๆ จริงๆ นะ กูก็หวีดพี่มันไปอย่างนั้นแหล่ะ พวกมึงก็รู้”
“แล้ว? กูรู้ว่ามึงมีต่อ อย่ากั๊ก” เพื่อนกันจริงต้องรู้ไต๋กันแบบนี้ครับ
“แล้ว..หลังๆ กูว่าพี่ทัชแม่งอ่อยกูอะ พูดอะไรก็ไม่รู้ชอบทำให้กูไปไม่ถูก”
“พูดอะไรก็ไม่รู้ หรือมึงไม่อยากเล่า” ผมอารมณ์เสีย จุดเด็ดๆ กั๊กกันจริง เดี๋ยวผมจะกั๊กมั้งคอยดู
“ก็พูดอ่อยกูนั่นแหละ พวกมึงไม่ต้องอยากรู้หรอก”
“งั้นกูสรุป ไอ้เจ้าแม่งกำลังเป๋เพราะพี่สกายรุกหนัก ไม่กล้าตอบรับใจตัวเอง ส่วนเดซี่มึงกำลังถูกอ่อยแล้วก็อ่อยขึ้นด้วย
เลยหวีดผู้ชายคนอื่นไม่ลง กูสรุปถูกไหม”
“ถูก” ผมเป็นคนตอบเองครับ ไม่ต้องให้พวกมันตอบหรอก
“เอาเถอะ ถ้าเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง พวกมึงก็ตัดสินใจกันเอาเองแล้วกัน เรื่องความรักกูไม่อยากยุ่ง”
“แต่กูอยาก” ผมสวนกระแสของส้มทันที เป็นห่วงไอ้เจ้ามันครับ
“กูขอพูดนิดเดียว เจ้ามึงอย่าคิดอะไรเยอะเลย เหมือน 1+1=2 มึงรู้ว่าผมลัพท์มันออกมาเป็นแบบนี้ก็พอ มึงไม่จำเป็นต้อง
ไปควานหาทฤษฎีมาอ้างอิงว่าเพราะอะไรทำไมมันถึงบวกกันได้เท่านี้ มันควรเป็นคำตอบนี้จริงไหมหรือไม่ใช่
ไม่จำเป็นเลยสักนิด มึงเข้าใจที่กูพูดไหม”
“ไม่เข้าใจ!!” แหม ประสานเสียงกันดีจริงๆ ครับ
“มึงไม่ต้องฟังโต๊ะ มึงฟังกูนี่ค่ะ มึงชอบพี่สกาย พี่สกายชอบมึง จบ”
“นั่นไง 1+1=2 ของกู”
“เหี้ยโต๊ะ กูรู้แล้วว่ามึงเนิร์ด ไม่ต้องพยายามพรีเซ้นท์ตัวเองค่ะ”
“ไม่ต้องเถียงกัน ขอเจ้าคิดดูอีกหน่อยแล้วจะมาให้คำตอบ”
“เจ้าเอ๊ย นั่นแหละที่กูกลัวค่ะ กลัวมึงคิดนี่แหล่ะ ช่วยไม่คิดได้ไหม”
“ใช่” คราวนี้ความคิดเห็นสามเสียงตรงกันเป๊ะ
“นะ กูขอสักครั้งเจ้า หยุดคิดเหอะ ไปทีละขั้น ไม่งั้นเขาจะมีคำว่าศึกษาดูใจกันทำไมวะ ถ้าใช่ก็โชคดี ถ้าไม่ใช่ก็ถือว่าได้ลองแล้ว”
ผมปลาบปลื้มกับประโยคนี้ของตัวเองมาก เสียดายที่ไม่มีใครหวีดให้
“พูดดีมาก ถ้าอย่างนั้นก็ตามึงแล้ว เล่ามาซะดีๆ ว่าโดนไปเท่าไหร่ถึงกับต้องหยุดรักษาตัวเนี่ย”
ส้มแว้งหาผมจนได้ นึกว่าจะลืมไปแล้ว
“พี่เหนืองานดีไหมมึง กูว่าต้องดีสุดๆ อะ” เดซี่ทำตาเพ้อๆ ราวกับจินตนการอะไรบางอย่างอยู่
“อย่ามาลวนลามพี่กู”
“เหี้ยโต๊ะ แค่กูคิดก็หวงนะมึง”
“เออ สามีกู กูหวง”
“สามี!!!"
“ฮ่าๆๆๆ” ผมไม่ได้เล่นตลกให้ดูสักหน่อย เอาแต่หัวเรากันใหญ่ ส้มถึงกับตัวงอน้ำตาเล็ด
“ในที่สุดมึงก็ฉลาดเสียที รู้ตัวแล้วสิว่ามึงควรอยู่ตำแหน่งไหน” ส้มพูดไปก็ยังปาดน้ำตาไป
“กูก็พูดกับพวกมึงนี่แหละ กับคนอื่นกูไม่กล้าหรอก” ผมตอบหน้ามุ่ย ไม่อยากจะยอมรับว่าพวกมันพูดถูก
“อ้าว แล้วมึงจะเรียกพี่เหนือว่าอะไรวะ” เออนั่นสิ ผมก็ไม่ทันคิด
“กูจะเรียกว่า ที่รัก” ผมภูมิใจในความแมนของตัวเองมากครับ ต้องคำนี้ถึงจะคู่ควร
“เหี้ยโต๊ะ กูขุดหลุมดักมึงเล่นไปงั้นแหละ มึงก็เรียกว่าพี่เหนือสิวะ จะหาคำอื่นมาเรียกทำไม”
ผมสตั๊นท์ไปสามวิ เออ ก็เรียกว่าพี่เหนือก็จบนี่หว่า ก็คนมันเอาแต่คิดเรื่องผัวๆ เมียๆ สถานะมันเปลี่ยนไปแล้ว
เด็กพวกนี้ไม่รู้อะไร ตอนนี้ผมข่มได้เพราะผมโตสุด มีประสบการณ์มากสุด รู้สึกภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก
“กูมีเรื่องจะถาม ห้ามโกหกนะ” ส้มทำหน้าซีเรียสใส่ผม ผมเดาไม่ถูกแหะว่ามันจะถามอะไร
“ว่ามาสิ”
“มึงเอาอะไรติดมือมาเป็นของที่ระลึกคืนแรกหรือเปล่า”
“เปล่า”
“ไม่โกหก”
“เออ กูไม่ได้โกหก”
“โอ๊ย กูดีใจฉิบหาย มึงทำได้แล้วโต๊ะ มึงเลิกได้แล้ว” ส้มดูดีใจออกนอกหน้านอกตามาก
“พี่มันไม่ได้ใส่ถุงยาง กูเลยไม่มีอะไรให้เก็บ กะว่าคราวหน้าจะขอให้ใส่”
“แหวะ” “อี๋” “กูอยากอาเจียนไม่ไหวแล้ว”
“กูล้อเล่น ไม่เก็บอะไรน่าเกลียดแบบนั้นหรอก แต่กูก็ยังไม่ได้เลิก สารภาพตามตรงว่ะ แต่ไม่มีแรงเก็บ ตื่นมาปวดเนื้อ
ปวดตัวลุกไม่ขึ้นไปครึ่งวัน ถึงไม่ได้มาเรียนไง”
“ มึงนี่ก็เล่าไม่อายปาก”
“โต๊ะต้องเลิกแล้วนะ หรือไม่ก็เก็บอะไรแบบที่คนอื่นเก็บกัน”
“แบบไหนล่ะ” ผมหันไปถามเจ้า แล้วทำไมมันต้องหน้าแดงขึ้นมาวะ
“ก็แบบเก็บตั๋วหนัง ตั๋วสวนสนุก ดอกไม้แห้ง หรืออะไรที่เป็นตัวแทนของเหตุการณ์พิเศษๆ ไม่ใช่หลอดดูด แก้วน้ำ ปากกา
ผมพี่เหนือ หรือสารพัดของแปลกที่โต๊ะเก็บมา”
“พวกหลอดดูด แก้ว โต๊ะไม่เก็บแล้ว แต่อย่างอื่นมันยังอดไม่ได้”
“เอางี้ กูจะช่วยมึงเลิกเองค่ะ” เดซี่กระแอกระไอให้รู้ว่ากำลังเข้าเรื่องสำคัญ
“ต่อไปกูจะตั้งกฎ ไม่ว่าเมื่อไหร่ เหตุการณ์ไหน มึงจะหยิบได้แค่ครั้งละหนึ่งชิ้นเท่านั้น พออีกหน่อยกูจะเปลี่ยนเป็นให้หยิบ
ได้วันละหนึ่งชิ้น ต่อไปก็อาทิตย์ละหนึ่งชิ้น เดือนละหนึ่งชิ้น แล้วก็เลิกหยิบไปเลย โอเคไหม”
“แหมมึง พูดอย่างกับกูเป็นโรคต้องรักษา ไม่ขนาดนั้นหรือเปล่าวะ” ผมประท้วง ทำอย่างกับผมต้องเข้าถ้ำกระบอกอย่างนั้นแหละ
“ใครเห็นด้วยกับกูยกมือขึ้น”
พรึบ ไม่ต้องยกผมก็รู้ครับว่ามันครบแน่นอน ไอ้โต๊ะหนอไอ้โต๊ะ น่าน้อยใจไม่มีเพื่อนเข้าใจมึงเลย
“เออ หนึ่งชิ้นใช่ไหม กูเข้าใจแล้ว เดี๋ยวกูจะทำให้ดู” ผมจะทำให้ทุกคนแปลกใจเลยครับ ว่าผมไม่ได้เป็นมากอย่างที่คิด
“กูจะรอดู” “พยายามเข้าโต๊ะเจ้าเอาใจช่วย” “เริ่มวันนี้เลยนะคะมึง”
“ตกลง” ผมพยักหน้าให้ทุกคนดั่งคำสัญญา ไอ้โต๊ะทำได้อยู่แล้ว
“ว่าไงครับ” พี่เหนือถามเมื่อเห็นผมเอาแต่นั่งจ้องหน้าหลังจากขึ้นรถมาได้สักพัก
“พี่เหนือ”
“ครับ”
“เราจะไปกินข้าว เดินเล่น ดูหนัง กลับคอนโดด้วยกันใช่ไหมครับ”
“ครับ”
“พี่เหนือนับเป็นเหตุการณ์เดียว หรือสามเหตุการณ์ครับ”
“หือ?” พี่เหนือดูงงกับคำถามผม จนผมต้องจิ๊ปาก
“ก็ทั้งหมดที่พูดเมื่อกี้ เรานับรวมเป็นเรื่องเดียวกัน หรือเรานับมันแยกกันครับ” คือผมน่ะนับแยกแต่ก็ไม่แน่ใจ
ไม่อยากผิดคำสัญญาไงครับ เลยหาคนคอนเฟิร์มเสียหน่อยว่าผมนับถูกไหม แล้วนี่อยู่กันแค่สองคนจะให้ผมถามใครล่ะ
“นับเป็นเดทเดียวครับ”
เดทเดียว ก็ได้ชิ้นเดียวนะสิ
“ไม่ดีใจเหรอที่เราไปเดทกัน” เสียงคนพูดติดงอนนิดหน่อย เมื่อเห็นผมยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่สนใจในสิ่งที่ตัวเองพูด
“ดีใจสิครับ” ผมรีบเอื้อมมือไปแตะมือที่วางอยู่บนเกียร์ ลูบเบาๆ เป็นเชิงเอาใจ
“ลูบอย่างนี้กลับบ้านเลยดีไหม”
“พี่เหนืออ่า ผมยังไม่หายช้ำเลยนะครับ เพิ่งสองวันเอง” ผมรีบประท้วง เมื่อพี่เหนือส่งสายตาวาววับมาให้
“ก็มีเสาร์อาทิตย์ให้พักอีกสองวัน รับรองหายสนิททันไปเรียนแน่นอน”
แหม พูดอย่างนี้จะเอาให้ได้ใช่ไหมครับ แต่ผมก็ไม่ขัดหรอก นอกจากปวดตรงนั้นนิดหน่อย ผมก็แฮปปี้มีความสุขดี
“ไปเดทก่อนครับ เดี๋ยวค่อยว่ากัน” ผมหลอกล่อกลัวโดนพากลับบ้านตั้งแต่ตอนนี้
“สัญญาแล้วนะ”
“ครับ” ทำไมพักนี้มีแต่คนให้ผมสัญญา ไอ้ผมก็ใจง่ายสัญญามั่วไปหมด
“ถ้าอย่างนั้นทานข้าว ดูหนังเสร็จ กลับเลย ของค่อยเอาไว้เดินดูกันวันหลัง เดี๋ยวพี่พาไปใหม่”
พี่ผมไม่หื่นเท่าไหร่เลยครับ ต้องทำใจแล้วล่ะ
“เหนือ” เสียงเรียกทำให้ผมกับพี่เหนือต้องหยุดเดิน สาวสวย(เน้นว่าสวย) เดินเร็วๆ เข้ามาหา ส่งยิ้มมาให้แต่ไกล
“อยู่มหาลัยแทบไม่เจอ มาเจอข้างนอก”
“อืม”
“มาดูหนังเหรอ” อยู่ชั้นโรงหนังก็มาดูหนังสิครับ อันนี้ผมพาล
“ใช่”
“ฝ้ายก็มาดูหนังเหมือนกัน เหนือซื้อตั๋วหรือยัง”
“ยัง”
“งั้นดูด้วยกันนะ ฝ้ายมากับเพื่อนคนนึงเหมือนกัน จะได้ดูด้วยกันสี่คน มาฝ้ายไปจองให้ เหนือจะดูเรื่องอะไร
ฝ้ายแล้วแต่เหนือเลย” พูดเองเออเองเสร็จสรรพ ผมกับพี่เหนือยังไม่ได้อ้าปากสักคำ
“ไม่เป็นไรฝ้าย เดี๋ยวผมจัดการของผมเอง ฝ้ายดูกับเพื่อนเถอะ”
“ดูด้วยกันเถอะ เหนือก็มาแค่สองคนกับเพื่อนไม่ใช่เหรอ กระต่ายทางนี้”
แม่เจ้าโว้ย ผมมองผู้หญิงที่เดินเข้ามาใหม่ ตัวเล็กๆ แต่อย่างอื่นไม่เล็กตาม ตูดเป็นตูด นมเป็นฟาร์ม
ผมนี่กลืนน้ำลายดังเอื๊อก เสื้อแม่เจ้าประคุณก็เตรียมมาโชว์ของดีโดยเฉพาะ อกร่องยังอาย
“นี่กระต่ายเพื่อนฝ้ายค่ะ เรียนคณะเดียวกัน”
“กระต่ายนี่เหนือ เดือนวิศวะปีเดียวกับที่เราเป็นดาวไง” สรรพคุณข้างหลังจำเป็นต้องพูดไหม แต่เอาเป็นว่าผมรับรู้แล้วว่า
คนชื่อฝ้ายเป็นดาวคณะ
“แล้วนี่ใครคะ เหนือจะไม่แนะนำหน่อยเหรอ หน้าไม่คุ้นเลย ไม่เคยเห็นในกลุ่มเหนือ”
“อยู่ปีสอง เป็น..”
“เป็นเพื่อนรุ่นน้องครับ” ผมชิงพูดเสียก่อน คือมันยังขัดๆ เขินๆ อีกอย่างผมก็สงสารพี่เหนือด้วย
เราไม่ได้จำเป็นต้องให้คนนอกรู้เสียหน่อย แค่เพื่อนๆ รู้ พี่เหนือไม่ได้ปิดที่คณะผมก็พอใจแล้ว
ไม่จำเป็นต้องประกาศให้โลกรู้
“โต๊ะ” พี่เหนือทำเสียงดุผม สีหน้าติดจะโกรธนิดๆ
“ชื่อผมครับ” ผมหันไปบอกสองสาว ถือเสียว่าเป็นการแนะนำตัว
“ไปเถอะเดี๋ยวไม่ทัน” พี่เหนือจับข้อมือผมไว้แน่น
“ไปก่อนนะฝ้าย”
“อ้าว ดูด้วยกันสิเหนือ” สมัยนี้อยากได้ต้องรุกสินะ พี่ฝ้ายกับเพื่อนยังเดินตามติดพวกผมจนเข้ามายืนต่อแถวซื้อตั๋ว
“ฝ้ายก่อนเลย” พี่เหนือดึงผมให้ย้ายมาอยู่ข้างหลังสองสาว
“ซื้อพร้อมกันเลยไหม” นี่เขาเรียกตื้อเท่านั้นจะครองโลก
“ไม่รบกวนดีกว่า ฝ้ายซื้อเถอะ”
“ไม่ได้มากับแฟนเสียหน่อย ดูด้วยกันก็ได้นี่คะเหนือ” ผมเห็นพี่ฝ้ายสบตากับพี่กระต่าย ก่อนแอบส่งสัญญาณมาที่ผม
“น้องโต๊ะดูกับพี่นะ” พี่กระต่ายเข้ามากอดแขนผม ฟาร์มโคนมเบียดชิดแขน เล่นเอาขนลุกซู่
ผมไม่ได้หื่นนะครับ แต่ใครลองโดนแบบผมบ้างก็ยากจะทำใจ แล้วยิ่งผมสูงกว่ามอง มองลงไปนี่แทบจะเห็นทั้งฟาร์ม
“ว่าไงคะ ดูกับพี่ไหม”
“ผม..ผม..” พระเจ้าสายตาผมละจากโคนมไม่ได้จริงๆ ขาวเด้งๆ จะเบียดไปถึงไหน
“โทษนะฝ้าย ผมไม่ดูแล้ว ฝ้ายกับเพื่อนตามสบายเลย”
“อ้าว!!”
“โต๊ะ กลับ” เสียงพี่เหนือเพิ่มดีกรีความห้วน แถมตาก็ดุของโคตรดุ
“หะ? ไม่ดูแล้วเหรอครับ”
“ไม่ทัน กลับกันเถอะ” เห็นสายตาที่มองมา ผมก็ไม่กล้าถามครั้งที่สองแล้วล่ะครับ กลับก็กลับ
“ผมกลับก่อนนะครับ” สาบานว่าผมพยายามดึงมือออกจากงูที่รัดอยู่จริงๆ
ตาก็ไม่ได้ตั้งใจมองซ้ำที่เก่า แต่มันต้องดึงมือออกไง ตามันก็ต้องตกลงไปตรงนั้นอยู่แล้ว
“เสียดายจัง งั้นวันหลังดูด้วยกันนะ” ท่าสะบัดแขนผมทิ้ง ดูก็รู้ครับว่าไม่ได้อยากเจอผมหรอก คงทำเพราะอยากให้พี่เหนือ
ดูหนังด้วยเท่านั้น
“ครับๆ ได้ครับ เอาไว้เจอกันวันหลัง” ผมก็พูดของผมไปตามมารยาท
“ไป” พี่เหนือกระชากแขนผมเดินลิ่วไปที่ลิฟท์ คนหน้าตาดีทำไมไม่มีมารยาท ไม่ลาเพื่อนตัวเองสักคำ
“พี่เหนือ” ผมสะกิดแขนเรียกเบาๆ
“กลับห้องค่อยคุยกัน”
เฮ้อ เห็นท่าทางแล้วก็ตามใจพี่ท่านครับ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย จะโกรธทำไมเนี่ย เพื่อนก็เพื่อนตัวเอง
ผมอดดูหนังเรื่องที่อยากดู ยังไม่บ่นสักคำ
“โต๊ะ”
“ครับ” ผมเพิ่งวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ข้างเตียง ก็โดนคนที่เรียกเข้ามาสวมกอด
ปากที่ประกบลงมาบดเบียดรุนแรงกว่าทุกครั้ง กัดย้ำๆ ดูดดึงริมฝีปากผมจนรู้สึกได้ว่ามันบวมเจ่อ
“อื้อ พี่เหนือ อาบน้ำก่อนครับ”
“ไม่”
เสื้อนักศึกษาผมปลิวหวือ ได้ยินเสียงขาดดังผึงของกระดุมเสื้อบางเม็ด
“ชอบนักใช่ไหมหน้าอกนั่น”
“โอ๊ย.” ตุ่มไตบนหน้าอกผมโดนดูดเข้าปาก แถมกัดลงมาเบาๆ ทำเอาผมเต้องร้องออกมา
“เจ็บครับ” ที่จริงมันไม่ได้เจ็บมากหรอกครับ มันปนๆ กันไปหมด ผมก็บอกไม่ถูก รู้แต่ว่าขาโต๊ะผมถึงกับกระเด้งขึ้นมา
“ดี จะได้รู้ว่าตัวเองเป็นแฟนใคร โต๊ะมีแฟนแล้วจำเอาไว้”
“ครับ ครับ” ผมยื่นมือออกไปโอบคอคนกำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยง ลูบผมให้เบาๆ เผื่อจะใจเย็นลงบ้าง
“อย่ามองคนอื่นแบบนั้นอีก”
“ครับ”
“รักพี่ไหม” พี่เหนือเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม ก่อนคลอเคลียอยู่ที่ปาก
“รักครับ” ผมโน้มคอพี่เหนือลงมา จูบปากนั้นบ้างเพื่อยืนยันความรู้สึกออกไป
“อืม..เด็กดี”
หลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ค่อยได้แล้วล่ะครับ พี่เหนือเก่งมาก แอ๊ดวานซ์มาก ผมนี่ครางจนแสบคอไปหมด
กว่าพี่เหนือจะยอมปล่อยให้ผมหลับได้แทบสลบไปก่อน น้ำท่าก็ไม่ได้อาบ
“รักนะครับ”
ผมขยับตัวเข้าซุกอกอุ่น ฟังคำบอกรักที่กระซิบอยู่ข้างหู ตามด้วยจูบเบาๆ ที่กระหม่อม
ง่วงชะมัด ผมยังไม่ลืมภารกิจของตัวเอง แต่พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน
ผมตื่นขึ้นมาพี่เหนือไม่อยู่บนเตียงแล้ว ได้ยินเสียงน้ำดังออกมา ผมรีบตะกายลงไปเอากระเป๋าเป้ขึ้นมาวางบนเตียง
หยิบของข้างในออกมา
บิลจากร้านอาหาร หลอดดูดน้ำจูบทางอ้อมของเราสองคน เสื้อพี่เหนือที่คลุมให้ในรถ
ผมตัดสินใจไม่ตกว่าจะเอาอะไรกลับ อะไรทิ้ง ได้แค่ชิ้นเดียวเสียด้วย ต้องรีบคิดรีบทำลายหลักฐานก่อนพี่เหนือจะออกมา
จากห้องน้ำ
มันยากจริงๆ ผมตัดสินใจไม่ได้ เลยลงจากเตียงทั้งเดี้ยงๆ มากวาดเก็บสิ่งที่กระจายไปทั่วพื้นจากผลพวงของเมื่อคืน
ผมหยิบกระดุมเสื้อที่ตกอยู่ขึ้นมาวางบนโต๊ะ เก็บเสื้อผ้าพับวางให้เรียบร้อยทั้งของผมและของพี่เหนือ
ก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดโปรแกรมเข้าไลน์แชทเพื่อส่งการบ้านครูเดซี่
Tablelikeart: (ส่งรูป)
Tablelikeart: วันศุกร์ที่ xx/xx/xx เลือกเก็บความหึงพี่เหนือกลับบ้าน
Beautiful daisy: กรี๊ดดด กระดุมเสื้อ อย่างที่กูคิดใช่ม้ายยย
orangemikan: พี่เหนือซาดิสม์
kaojao: เลือกเก่ง ^^
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
ใครรอตอนพิเศษพี่ทัชเดซี่ รออีกสักนิดนะคะ เนื่องจากไม่ได้เตรียมพล็อตไว้ล่วงหน้า ถ้าเอาอีกหลายตอน
ขอคนเขียนคิดนิดนึง ^^
Darin ♥ FANPAGE