ตอนที่ 10: STALKER ไม่ชอบแวนโก๊ะผมยืนนิ่งอยู่หลังเสาต้นใหญ่ พยายามคิดว่าตัวเองหูฝาดไป
ผมกำลังจะเดินไปเอาของที่รถไอ้เจ้า แต่บังเอิญเห็นพี่ต่อเลยคิดจะเดินเข้าไปทัก
พี่ต่อกำลังคุยโทรศัพท์ ประโยคแรกที่ผมได้ยินทำให้ขาผมหยุดนิ่งไม่กล้าขยับไปไหน
ได้แต่ยืนแอบฟังเหมือนคนเสียมารยาทอยู่ตรงนี้
“กูเจอเด็กมึงด้วยเหนือ วันนี้โครตน่ารัก”
“ทำไมกูพูดว่าน่ารักไม่ได้ มึงหวงเหรอ”
“เปล่ากูไม่ได้ทัก แค่เดินผ่าน แต่ออร่าความสดใสเปล่งประกายมาก”
“ใช่ อยู่กับพวกเพื่อนๆ กูรู้แล้วว่าทำไมมึงถึงชอบ”
“ กลบเกลื่นนะมึง อย่าทำเขิน เดี๋ยวกูเดินไปบอกน้องเขาดีไหม น้องแวนโก๊ะครับพี่เหนือแอบชอบ”
“ฮ่าๆๆ เออๆ ไม่แซวแล้ว เข้าเรื่องกูจะโทรมายืม........”
“โอเค”
พี่ต่อเดินไปถึงไหนต่อไหนแล้วแต่ผมยังยืนอยู่ที่เดิม ใจร่วงตุ๊บไปกองอยู่ที่พื้น หมดแรงจนไม่อยากก้าวขา
แต่สุดท้ายก็ลากสังขารกลับไปที่กลุ่มจนได้
“อ้าวไหนชีทล่ะโต๊ะ เดี๋ยวต้องขึ้นเรียนแล้ว” ผมได้ยินเสียงเจ้าแว่วๆ แต่มันไม่เข้าหัว
“หือ?”
“ชีท โต๊ะไปเอาชีทที่รถเราไม่ใช่เหรอ”
“อ๋อชีท ไม่ได้ไปหยิบเจอพี่ต่อซะก่อน”
“กรี๊ดสามีมา อยู่ไหนค่ะมึง” ภรรยาร่วมส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่
“กลับไปแล้ว กูถึงเดินกลับมานี่ไง”
“มึงไม่ไลน์ตามกูเลยแมวอุตส่าห์มาหาถึงถิ่น” ส้มบ่นผมที่ไม่ยอมส่งข่าว
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งด่ากู กูกำลังช็อค”
“เป็นอะไรโต๊ะ” เจ้าเข้ามานั่งข้างๆ ผม
“คณะเรามีคนชื่อแวนโก๊ะหรือเปล่าวะ”
“ไม่คุ้นเลยนะ แต่อาจจะมีก็ได้ เจ้าจำไม่ได้ทุกคน”
“กูก็ไม่คุ้น” “มึงถามทำไมวะ”
“กูได้ยินพี่ต่อคุยโทรศัพท์กับพี่เหนือ” แล้วผมก็เล่าทั้งหมดที่ได้ยินให้เพื่อนๆ ฟัง
“อาจเป็นชื่อเล่นหรือชื่อตั้งกันเองเหมือนชื่อกูก็ได้นะ” เดซี่ออกความคิดเห็น เพราะปีหนึ่งมันก็ชื่อเดย์
พอเข้าปีสองก็ออกลายเป็นเดซี่ทันที
“เอออันนี้เป็นไปได้สูง” ส้มสนับสนุนความคิดนี้อีกเสียง
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเราช่วยกันสืบหา ไม่ต้องเสียใจไปมึง เมื่อก่อนพี่มันก็มีสาวออกเยอะ ไม่เห็นมึงเป็นอะไร”
“ก็ตอนนั้นกูยังไม่ได้คุยกับพี่เหนือ อีกอย่างกูก็ไม่เคยได้ยินว่าพี่มันชอบใครก็มีแค่ครั้งนี้แหล่ะที่ได้ยินกับหู”
“ต้องน่ารักมากแน่เลยมึง ถึงเอาชนะใจพี่เหนือได้” เดซี่วิเคราะห์ตามที่ได้ยิน
“มึงอย่าพูดสิวะ ทำร้ายจิตใจกู” ผมหันไปด่าเพื่อน เจ็บอยู่แล้วดันกระทืบซ้ำลงมาได้
"กูเกลียดแวนโก๊ะ” ผมประกาศตัวเป็นอริอย่างชัดเจน
“เออๆ เดี๋ยวกูเกลียดเป็นเพื่อน แต่ตอนนี้ขึ้นเรียนก่อนอย่าเพิ่งหงอย ตอนเย็นค่อยว่ากัน”
“นั่นสิ อย่าเพิ่งคิดมาก เดี๋ยวเจ้าจะลองหลอกถามข้อมูลจากคนอื่นให้”
“คนอื่นไหนคะน้องเจ้า คนอื่นที่ชื่อสกายหรือเปล่าคะ ได้ข่าวว่าครบอาทิตย์แล้ว ทำไมยังติดต่อกันอยู่ล่ะคะ”
“ยุ่ง” เจ้ารีบลากผมลุก ผมก็ลุกตามแต่โดยดี
ตอนนี้คิดไปก็ป่วยการ ไปเรียนให้คุ้มเงินพ่อแม่ก่อน เวลาเศร้ายังมีอีกเยอะ
“ป่ะมึง เดี๋ยววันนี้เดซี่สุดสวยจะพาไปเมา”
“ไม่เป็นไร กูจะไปชมรม ไม่ได้โผล่หัวไปตั้งนาน ไปหาอะไรที่มีประโยชน์ทำให้ลืมๆ ดีกว่า
กูไม่ได้คิดอะไรมากแล้ว มันก็เหมือนเดิมๆ แค่เศร้านิดหน่อย เดี๋ยวกูก็หาย”
“คิดได้อย่างนั้นก็ดีมึง” ส้มตบบ่าผมเป็นการปลอบใจ
“งั้นอันนี้ดีกว่า ตอนแรกเจ้าไม่ได้สนใจ แต่ลองสมัครกันดูไหม จะได้หาอะไรให้โต๊ะทำด้วย”
เจ้าดึงโปสเตอร์ที่ม้วนไว้ออกมาจากกระเป๋า เป็นโปสเตอร์ของร้านหนังสือ&แกลอรี่แห่งหนึ่ง ที่จัดให้มีการประกวดภาพถ่าย
ในหัวข้อ “ดั่งดาว”
“ลองดูกันไหม” ผมหยิบมาอ่าน กติกาเหมือนการประกวดอื่นๆ ทั่วไป ซึ่งพวกผมอยู่ในเกณฑ์ทั้งหมดสามารถเข้าร่วม
ประกวดได้
“น้องนิตาให้เจ้ามาเมื่อกี้ แต่มีเวลาแค่อาทิตย์เดียว เพราะเปิดให้ส่งภาพมาสักพักแล้ว ว่าไงสนใจกันไหม”
ผมหันไปมองส้มกับเดซี่
“เอาสิคะ จะได้ฝึกฝีมือด้วย” เดซี่เห็นด้วยหนึ่งเสียง
“ไปต่างจังหวัดกันไหม หาสถานที่ถ่ายกัน จะได้พาโต๊ะมันไปพักใจ” ส้มออกความคิดเห็นซึ่งผมคิดว่าเข้าท่าดี
“งั้นก็เอาตามนี้ ออกสักวันศุกร์บ่ายกลับวันอาทิตย์เย็น แต่ไปไหนดี”
“ไปเสม็ดไหม” อยู่ๆ ผมก็นึกอยากไป
“อยากไปเสร็จกับใครคะคุณโต๊ะ ดิฉันไม่เอาด้วยนะคะ ไม่อยากฟ้าผ่า” เดซี่ทำท่าสยองใส่ผม
อย่างกับผมอยากผ่าด้วยนักนี่
“จะไปไม่ไป” ผมทำเป็นแกล้งถามเสียงเข้ม
“ไปค่ะ”
“เจ้าล่ะว่าไง หรือต้องถามว่าที่แฟนก่อน” คนมันกำลังช้ำรักกัดใครได้ต้องกัดครับ แม้แต่เพื่อนรักตัวเองก็ไม่เว้น
“หยุดเลยโต๊ะ” เจ้ายกมือขึ้นชี้หน้าผม
“งั้นตกลงตามนี้”
“อ้าว แล้วไม่ถามกูเหรอโต๊ะ” ส้มชี้หน้าตัวเองงงๆ
“สามต่อหนึ่งเสียง มึงกล้าปฏิเสธเหรอส้ม ไหนว่าจะพากูไปพักใจ”
“เออ กูก็ไปแหล่ะ แต่ถามกูบ้างเป็นมารยาทก็ได้”
“ไปไหม”
“ไป” ดูความเรื่องมากของส้มมันครับ
หลังจากตกลงกันเรียยร้อย พวกผมก็ช่วยกันหาที่พัก ได้บังกะโลน่ารักๆ ริมหาดมาสองหลัง
จองเสร็จ โอนเงินมัดจำเสร็จ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปหาไอเดีย คิดคอนเซ็ปต์ของตัวเอง
ผมเคยส่งภาพเข้าประกวดแค่ครั้งเดียวเป็นรูปที่ส่งผลกับผมมาจนถึงทุกวันนี้
มาคราวนี้เพราะหัวข้อ “ดั่งดาว” มันทำให้ผมอดคิดถึงพี่เหนือไม่ได้
ผมอยากถ่ายดาวเหนือ ดาวที่ไม่ใช่ดาวบนท้องฟ้า
พี่เหนือเป็นเหมือนดาวสำหรับผม ไม่ใช่เพราะความโดดเด่นเป็นที่รู้จัก ไม่ใช่เพราะความหล่อรวยหรือเรียนดี
แต่เพราะเป็นสิ่งที่อยู่ไกลเสมอกัน
ทั้งดาวบนฟ้า ทั้งพี่เหนือ ต่างอยู่ไกลเกินมือของคนอย่างผมจะเอื้อมถึง
ดั่งดาว
ดาวเหนือของแวนโก๊ะ
ดาว..ที่ไม่ใช่ของผม
Northnimman: อยู่ไหน?
Tablelikeart: ร้านกาแฟครับ
Northnimman: แถวไหน?
Tablelikeart: พี่เหนือมีอะไรหรือเปล่าครับ
Northnimman: ตอบหรือยัง?
Tablelikeart: อยู่ในห้างครับ
Northnimman: เอาชัดๆ
Tablelikeart: XXXXX
Northnimman: อยู่กับใคร
Tablelikeart: คนเดียวครับ
Northnimman: รอตรงนั้นแหล่ะ เดี๋ยวพี่แวะไปหา
ผมปิดหน้าแชทลง ลังเลว่าอยากเจอหรือไม่อยากเจอ
อยากเจอ เพราะอยากเจอมาก
ไม่อยากเจอ เพราะไม่อยากแสดงท่าทางแปลกๆ ออกไป กลัวจะหลุดปากถาม กลัวอยากรู้จนไม่ยั้งคิด
กลัวทำพี่เหนืออึดอัด กลัวทำตลกแบบที่พี่มันชอบไม่ออก
เหตุผลที่ไม่อยากเจอมีมากมาย ยาวเป็นหางว่าว แต่สุดท้ายกลับแพ้เหตุผลเพียงสั้นๆ
ผมอยากเจอพี่เหนือมาก ไม่ว่ายังไงก็อยากเจอ“รอนานไหม รถติดกว่าที่พี่คิด” พี่เหนือนั่งลง ผมเห็นเหงื่อตามไรผม อย่าบอกว่าวิ่งมาจากลานจอดรถนะ
“ไม่นานครับ ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลิน”
“คิดอะไร” ผมไม่แน่ใจว่าพี่เหนืออยากรู้จริงๆ หรือถามเพราะบทสนทนาพาไป
“เรื่องถ่ายภาพครับ”
“โต๊ะมาเดินนานหรือยัง” พี่เหนือคว้าแก้วผมยกขึ้นดื่ม หลอดเดียวกัน ถ้าไม่ใช่วันนี้ผมคงตาลุกวาว ฟินตัวแตก
แต่ตอนนี้ได้แค่มองนิ่งๆ ความรู้สึกอยากหยิบฉวยไม่รู้หายไปไหน
“สองชั่วโมงแล้วครับ ถ้าพี่เหนือไม่ทักมาผมกำลังจะกลับพอดี”
“อย่าเพิ่งเลย ทานอะไรเป็นเพื่อนพี่ก่อน พี่ชักหิว” ผมก็หิวครับ แต่อยากรู้มากกว่าว่าพี่เหนือมาหาผมทำไม
“พี่เหนือมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ ตอนคุยไลน์ถามก็ไม่ยอมตอบ”
“ไม่มีอะไร พี่เบื่อๆ ยังไม่อยากกลับบ้าน ไอ้พวกนั้นไม่มีใครว่างสักคน นึกถึงเราเลยลองทักดู”
ถึงจะอยู่หลังเพื่อนแต่ผมก็ดีใจที่พี่เหนือนึกถึงชื่อผมขึ้นมา ผมไม่ใช่คนที่ไม่มีตัวตนสำหรับพี่เหนืออีกแล้ว
แล้ว..
แล้วคนนั้นไม่ว่างด้วยหรือเปล่า พี่เหนือถึงนึกถึงผม
“เอาอะไรเพิ่มไหมโต๊ะ”
“พอแล้วครับ” ผมมองอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ มากันสองคนแต่พี่เหนือสั่งเสียเต็มโต๊ะคงจะหิวมาก
“นี่เพื่อนไปไหนกันหมด ทำไมมาเดินคนเดียว”
“แยกย้ายกันครับ ผมแวะมาร้านหนังสือมาดูพวกหนังสือต่างประเทศ หาไอเดียสำหรับถ่ายภาพส่งเข้าประกวด”
“จะประกวดอีกแล้วเหรอกับชมรมเหมือนเดิมหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ครับ” ผมเล่ารายละเอียดให้พี่เหนือฟังคร่าวๆ
“ดั่งดาว หัวข้อน่าสนใจดีนะ โต๊ะคิดจะถ่ายอะไร”
“ยังไม่แน่ใจครับ ได้แต่คิดไอเดียไว้คร่าวๆ ไปถึงโน้นคงต้องดูอีกที “
“ไปถึงโน้น? จะไปไหน” พี่เหนือขมวดคิ้ว หรี่ตามองผม
“พวกผมจะไปเสม็ดกันครับ กะจะไปหาถ่ายกันที่โน้น เปลี่ยนบรรยากาศบ้างเผื่อจะได้ภาพดีๆ”
“ไปเมื่อไหร่”
“ไปวันศุกร์นี้ช่วงบ่ายๆ กลับวันอาทิตย์เย็นครับ”
“อืม” พี่เหนือพยักหน้ารับ ตักอาหารเข้าปากแล้วเงียบไป ผมก็เลยก้มหน้ากินบ้าง
“พี่ไปด้วยสิ”
“อะไรนะครับ!!” ผมได้ยินชัดแต่ตกใจไม่เชื่อหูตัวเองจนต้องถามออกไป
“พี่บอกว่า ไป..ด้วย..คน..สิ” พี่เหนือพูดเน้นทีละคำ
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็บอกอยู่ว่าพักนี้พี่เบื่อๆ ไปเปลี่ยนบรรยากาศอย่างโต๊ะบ้างก็ดี ตกลงพี่ไปด้วยได้ไหม”
“พวกผมไปถ่ายรูปกัน พี่เหนือไปด้วยจะเบื่อน่ะสิครับ” ผมใจเต้นโครมครามแต่ต้องพูด ถ้าไปแล้วพี่มันทำหน้าเบื่อผมคงเสียใจ
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ชวนสกายมันไปด้วย ลองถามเพื่อนๆ ดู ว่าอนุญาตให้พี่กับสกายไปด้วยหรือเปล่า”
“ผมขอถามเพื่อนแป๊บนึงนะครับ” ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมากดไลน์กลุ่มมือไม้สั่น เก๊กถามไปอย่างนั้นแหล่ะ
ใครไม่ให้พี่เหนือไปตัดเพื่อน
“ได้ครับพี่เหนือ เพื่อนๆ ผมตกลง แต่ฝากถามว่าพี่เหนือจะพักหลังเดียวกันหรือสองหลังครับ เดี๋ยวส้มมันจะจองห้องให้
เพราะพวกผมจองไปเรียบร้อยแล้ว”
“เอาหลังเดียวก็พอ พี่กับสกายสองคน” ผมก้มหน้าพิมพ์ข้อความไปบอกส้ม
“เท่าไหร่โต๊ะ เดี๋ยวพี่ฝากเงินไปให้ส้มด้วย”
ผมบอกจำนวนเงิน พี่เหนือเปิดกระเป๋าตังค์ก่อนส่งเงินมาให้ผมตามจำนวน
“วันศุกร์ไประยองกันยังไง”
“ไปรถส้มครับ นั่งกันสี่คนพอดี”
“ไปรถพี่ดีกว่า เอาไปสองคันพี่กับสกาย แยกนั่งกันไปคันละสามคน ดีไหมจะได้นั่งกันสบายๆ
คนข้างหลังง่วงจะได้นอนยาวได้เลย”
“ก็น่าจะโอเคนะครับ เดี๋ยวผมถามก่อน” ผมส่งไอเดียพี่เหนือไปถามแกมบังคับเหมือนเดิม
แน่นอนว่าคำตอบคือได้อยู่แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นวันศุกร์พี่ไปรับโต๊ะที่หอ ให้เพื่อนโต๊ะมารอที่นั่นสะดวกไหม”
“ที่มหา’ลัยดีกว่าครับ ผมมีเรียนช่วงเช้ากัน กะจะเอากระเป๋าไปด้วยอยู่แล้ว”
“ตกลง โต๊ะทานต่อเถอะ เดี๋ยวไปเดินย่อยกัน”
“ครับ”
“ชอบเหรอ” พี่เหนือเข้ามายืนซ้อนหลังผม ที่ยืนเอาเสื้อทาบตัวอยู่หน้ากระจก
“สวยไหมครับ” ผมหันไปขอความคิดเห็น
“ไม่สวย..แต่หล่อดี”
“โห พี่เหนือไม่ต้องโกหกผมเลย อย่างผมห่างไกลกับคำว่าหล่อเยอะ” เด๋ออย่างผมหล่อ คนคงหล่อกันค่อนประเทศครับ
“หล่อ ไม่เชื่อดูสิ” พี่เหนือเอื้อมมือมาจับคางผมให้หันหน้าตรงเข้าหากระจก หลังผมสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่ทาบเข้ามาใกล้
“มีสาวมาจีบบ้างไหมเรา” เสียงพี่เหนือถามเรียบๆ ผมเลยเดาไม่ได้ว่าคิดอะไรอยู่
“ไม่มีครับ ใครจะชอบเนิร์ดๆ อย่างผม อย่างพี่เหนือก็ว่าไปอย่าง”
“ไม่มีหรือไม่บอก” พี่เหนือหยิบเสื้อจากมือผมไป ก่อนส่งเสื้ออีกตัวให้ลองทาบดู
“ไม่มีจริงๆ ครับ มีแต่ไปชอบเขา”
“เขา?” พี่เหนือสะดุดคำพูดผม ผมที่กำลังยกเสื้อขึ้นทาบตัวก็พลอยสะดุ้งไปด้วย
“เอ่อ..เขาที่หมายถึงคนอื่นครับ”
“ใคร สวยไหม พี่รู้จักหรือเปล่า” ผมมองในกระจกเห็นพี่เหนือชะโงกตัวเข้ามาใกล้ หน้าเกือบเกยอยู่บนไหล่ผม
“ตัวนี้สวยกว่า” อ๋อ พี่เหนือดูผมในกระจกแค่นั้นเอง ตกใจหมด
“พี่เหนือรู้จักครับ แต่ผมขอไม่บอกว่าใคร”
“พูดให้อยากรู้ จะบอกไม่บอก” ท่าเฮดล็อคนี่คงเป็นท่าประจำของพี่เหนือ ไอ้ผมโดนทีไรก็ใจเต้นทุกที
ก็มันเหมือนผมตกอยู่ในวงแขนของพี่เหนือนี่ครับ
“พี่เหนือไม่เล่นดิครับ ผมอาย” ผมบ่นอุบแต่หน้าดันแดงก่ำ ขอให้พี่มันคิดว่าแดงเพราะล็อคคอผมแน่นไปทีเถอะ
“อายทำไม” พี่เหนือปล่อยคอผมเปลี่ยนมากอดไหล่แทน หน้ายิ้มระรื่นขึ้นมาเชียว สนุกพี่เขาล่ะได้แกล้งผม
พอผมบอกว่าอายเข้าหน่อยก็เอาใหญ่
หน้าพี่เหนือตอนนี้ต่างกับตอนมาถึงมาก ตอนมาถึงดูเหนื่อยๆ เพลียๆ ตอนนี้จะร่าเริงไปไหน อารมณ์ดีเหลือเกิน
ได้แกล้งผมเนี่ย
แต่ก็ดีครับ จะได้ลืมๆ เรื่องที่ถามผมไป จะให้ผมตอบได้ยังไงล่ะ ว่าชอบคุณนั่นแหล่ะครับ คุณนิมมาน
“อะไรครับ” ผมมองถุงกระดาษที่พี่เหนือยื่นให้
“ของเรา”
“ของผม?” ผมหยิบถุงกระดาษมาเปิดออกดู เป็นเสื้อตัวที่พี่เหนือเอามาให้ผมลอง
“ตัวนี้มันแพงครับ ผมไม่เอาหรอก”
เมื่อสักครู่ผมซื้อเสื้อตัวที่ผมเลือกเองเพราะมันลด 50% อยู่ ตัวที่พี่เหนือเลือกมาให้เป็นของเข้าใหม่
ถึงจะสวยกว่าก็ตัดใจซื้อไม่ลง ส่วนพี่เหนือผมเห็นซื้อสองตัว แล้วตัวนี้มายังไง
“เอาไปพี่ซื้อให้” พี่เหนือพยายามยัดใส่มือผม
“ไม่เอาครับ พี่เหนือเอาไว้ใส่เถอะผมเกรงใจ” ผมก็อยากได้นะครับเสื้อที่พี่เหนือซื้อให้ แต่มันแพงไปจริงๆ
“โต๊ะอย่าดื้อ”
“พี่เหนืออย่าดื้อ”
พี่เหนือถอนหายใจ ดึงเสื้อออกจากถุงกางให้ผมดู
“พี่ใส่ได้ที่ไหน ตัวเราผอมขนาดนี้ ขืนพี่ยัดตะเข็บได้ปริ”
“เดี๋ยวผมเอาไปเปลี่ยนให้ครับ” ผมเอื้อมมือจะคว้าเสื้อจากมือพี่เหนือ แต่พี่มันเร็วกว่ารีบยัดเสื้อกลับไปในถุง
“ไปกลับกันเดี๋ยวพี่ไปส่งหอ” มือหนึ่งรวบถุงไปถือไว้ทั้งหมด อีกมือโอบไหล่ผมเดิน เป็นการบังคับไปในที
ผมพยายามติดเบรกแล้วแต่สู้แรงพี่เหนือไม่ได้
“พี่ให้เป็นของขอบคุณที่วันนี้อยู่เป็นเพื่อนพี่ รับไปเถอะ พี่อยากให้”
“งั้นก็ขอบคุณครับ เดี๋ยววันหลังผมซื้อให้พี่เหนือบ้าง”
“ไม่ต้อง แค่อยู่เป็นเพื่อนพี่ก็พอ”
“เอ๋ นี่ผมทำไซด์ไลน์เป็นเพื่อนเที่ยวอยู่เหรอครับ” ผมแกล้งทำตาโต ยกมือปิดปาก หันหน้าไปมองพี่เหนือ
“ไอ้เด็กบ๊อง” มือที่โอบไหล่อยู่ยกขึ้นผลักหัวผม พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ
“ไม่ใช่เพื่อนเที่ยว เขาเรียกว่าคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ”
“พี่เหนือชอบอยู่กับผมเหรอครับ” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมใจกล้าถาม อาจเป็นเพราะอารมณ์มันพาไป
“อืม”
“ชอบ”“ผมก็ชอบครับ” ผมส่งยิ้มจนตาหยีไปให้ พี่เหนือเลยยกมือขึ้นยีหัวผมเป็นการตอบแทน
จะว่าไปวันนี้มันก็ไม่ได้แย่นัก มีทั้งเรื่องเสียใจและดีใจ ผมจะแกล้งลืมเรื่องเสียใจไปก่อน ในเมื่อพี่เหนือไม่ได้เป็นคนบอกผม
และเขายังไม่ได้คบกันให้เห็น ตราบใดที่ผมไม่ได้ทำผิดต่อใคร ผมเชื่อว่าผมก็มีสิทธิ์ที่จะมีความสุข
ผมไม่ได้กำลังหลอกตัวเอง ผมรู้ว่าพี่เหนือมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ผมแค่ต้องการจะใช้เวลาที่ได้รับ(เช่นตอนนี้)ให้ดีที่สุด
เวลาเป็นของมีค่า ความสุขก็เหมือนกัน
.....................................................................................
“กูเจอเด็กมึงด้วยเหนือ วันนี้โครตน่ารัก”
“แวนโก๊ะมันเป็นผู้ชายอย่าไปใช้คำว่าน่ารัก”
“ทำไมกูพูดว่าน่ารักไม่ได้ มึงหวงเหรอ”
“หวงอะไรของมึง แล้วได้ทักน้องมันหรือเปล่า”
“เปล่ากูไม่ได้ทัก แค่เดินผ่าน แต่ออร่าความสดใสเปล่งประกายมาก”
“เล่นตลกโชว์อีกล่ะสิ”“ใช่ อยู่กับพวกเพื่อนๆ กูรู้แล้วว่าทำไมมึงถึงชอบ”
“เออ เด็กบ้าอะไรโคตรตลก”
“ กลบเกลื่นนะมึง อย่าทำเขิน เดี๋ยวกูเดินไปบอกน้องเขาดีไหม น้องแวนโก๊ะครับพี่เหนือแอบชอบ”
“เล่นใหญ่ไปแล้วมึง เดี๋ยวน้องมันคิดมาก”““ฮ่าๆๆ เออๆ ไม่แซวแล้ว เข้าเรื่องกูจะโทรมายืม......”
“ได้ กูอยู่คณะมึงวนกลับมาเอา”
“โอเค”
“เดี๋ยวเจอกัน”>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
**ตอนนี้งดขำ ไปรอฟินตอนหน้า ^^
Darin ♥ FANPAGE