C h a p t e r 1 5หนังสือพิมพ์บันเทิงวันอาทิตย์พาดหัวข้อข่าวธาม อู๋ คู่จิ้นหน้าใหม่เดินช็อปปิ้งจตุจักรหรา มีปาปารัซซี่จับภาพตอนสองคนนั้นเดินคู่กัน ชี้นกชี้ไม้โดยที่ติดหน้าผมมาด้วยเพียงเศษเสี้ยว คอลัมน์กอซซิปแต่งเรื่องราวใหญ่โตว่ามาด้วยกันสองคน มีคนตั้งข้อสงสัยว่าจะไม่ใช่ชวนมโนกันแค่ในจอ ผมบังเอิญเห็นที่ร้านหนังสือ หงุดหงิดในอกแต่พูดอะไรออกมาไม่ได้ อาจเป็นเรื่องนี้ที่นิธานขอให้ผมอดทน แน่ล่ะ ผมคลุกคลีกับวงการบันเทิงพอตัว เห็นข่าวจริงข่าวเท็จใส่สีกันเละเทะ เอาสนุกบ้าง โปรโมทบ้าง เหยียบย่ำฝั่งตรงข้ามบ้าง เป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่ไม่มีตัวเองหรือคนที่สนิทเข้าไปเกี่ยวข้องเราก็มักมองผ่านไปเหมือนเรื่องๆ หนึ่งที่บังเอิญผ่านเข้ามาและผ่านออกไปในชีวิต ไม่มีผลกระทบ ไม่มีความสำคัญ ไม่ต้องไปใส่ใจ
ผมวางหนังสือพิมพ์ลงอย่างไม่ใยดี เมื่อเดินออกมานอกร้านในห้างสรรพสินค้า ก็พบโฆษณายี่ห้อดังมีนิธานเป็นแบรนด์เอมบลาสเตอร์ระรานตา ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมเคยชิน นิตยสารหรือโฆษณา แผ่นป้ายไวนิล สกรีนตามกระจกเป็นภาพของนิธาน แต่เมื่อเปลี่ยนเดือนใหม่ ผลงานตัวใหม่ของธามลงจอ สาวน้อยสาวใหญ่ ไม่รวมถึงหนุ่มๆ บางคนก็ล้วนแต่แห่แหนกันอุดหนุนเรียกร้องกระแสอู๋ธาม ให้นายทุนจับคู่คนรักของผมกับไอ้พระเอกนั่นที่ไม่เคยดูสักทีว่ามันเป็นนายเอกหรือนางเอกในจอกันแน่ให้ชวนอึดอัด โฆษณาตัวใหม่ของนิธาน ลิปสติกของสาวๆ ที่ต้องทำทีเป็นว่าจับได้ว่าพี่อู๋ไปกิ๊กสาวเพราะสีลิปที่ติดข้างแก้มนั่นโดดเด่นเกินใคร เสื้อผ้าผู้ชายที่ใส่คู่กัน น้ำอัดลมที่ส่งต่อโดยตาจ้องตากันพราวระยับ
บ้าชะมัด ทำไมผมต้องอยู่วงล้อมกับสื่อพวกนี้ด้วยวะ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมหยิบออกมาดูเป็นเบอร์พี่หม่อน ให้ตายสิ ทำไมชอบโทรมาหาตอนผมกำลังนอยด์แบบนี้เสียทุกที
“ครับ”
“ไง ข่าวอู๋ธามเต็มหน้าเฟสเลยว่ะ”
“โห พี่ อย่าเยาะเย้ย ผมขอร้อง เห็นในรูปไหม มีผมด้วยนะเว้ย ทำไมนักข่าวเล่นแต่คู่นี้วะ”
“พี่นิดวิ่งน่ะสิ ได้ยินมาว่าตอนแรกมีรูปธามจับมือกับชายนิรนาม เสียไปเยอะเหมือนกันนะ จะปิดข่าวน่ะ”
“เออ คงงั้น แต่ผมไม่ได้หาเรื่องให้พี่ธามนะ ออกตัวก่อนเลย” คนคว้ามือไปน่ะนิธานคนเดียว ผมแค่คล้อยตามเฉยๆ “ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“รู้หรือเปล่าว่าวันมะรืนวันเกิดธามมัน”
“รู้ดิพี่” ถึงได้มาอยู่ที่นี่ตอนนี้ไง เรื่องวันเดือนปีเกิดขึ้นแสดงเป็นข้อมูลพื้นฐานหน้าเฟสอยู่แล้ว พี่ธามไม่ได้ทวง แต่ผมตั้งใจว่าจะอัดรูปใส่กรอบให้ นี่ก็มาเลือกกรอบสวยๆ แต่ยังไม่มีที่ถูกใจสักที เมื่อวานที่ไปจตุจักรว่าจะไปหาส่องหาด้วย แต่ไม่มีโอกาสได้เดินแวบไปแถวที่ขายกรอบรูปเลย “พี่หม่อนรู้จักร้านกรอบรูปเก๋ๆ ปะวะ ผมถ่ายอย่างเดียว ไม่ค่อยได้ล้างลงกรอบ”
“เข้าไปดูตามไอจีหรือยัง”
“ดูแล้ว เยอะเกิน ไม่เห็นของจริงด้วย”
“มันมีงานเป็นของแฮนด์เมดขายที่ลานหน้าสยามวัน วันนี้วันสุดท้าย ลองไปดูไหมล่ะ”
“โอเค ดีเลย วันนี้ผมว่างพอดี”
“นัดธามไปไหนหรือยัง”
“ก็ว่าจะหาอะไรกินกันมั้งพี่ วันนั้นตารางงานพี่ธามเลิกตั้งแต่บ่ายสาม พรุ่งนี้ดิ ยันสว่าง”
“รู้ตารางงานด้วยนะเดี๋ยวนี้ พัฒนาไปถึงไหนไม่มีบอก”
“ขอเรียกว่าเป็นความสบายใจของกันและกันดีกว่าครับ” ผมหัวเราะ ตอบตามสไตล์ดาราๆ พี่หม่อนสบถ แต่น้ำเสียงยินดีไปด้วย
“สรุปธามไม่ได้มีเสี่ยเลี้ยงใช่ไหม ถ้าคบกันมาได้ขนาดนี้”
“ไม่มีหรอกพี่” ผมตอบให้อีกฝ่ายหายระแวง แม้ลึกๆ แล้วก็ไม่อาจให้คำตอบที่แท้จริงได้ ยังมีหลายเรื่องที่ไม่เข้าใจ คาใจ และคิดว่านิธานคงไม่ยอมเฉลยง่ายๆ แต่ผมจะไม่คาดคั้น ถ้าได้ชื่อว่าเป็นความสบายใจของนิธานก็จะให้มันเป็นแบบนั้นต่อไป “พี่หม่อนจะมากินเลี้ยงด้วยกันไหม”
“ไม่ล่ะ มีบินไปดูงานที่สิงคโปร์พรุ่งนี้เช้า วันนี้อุตส่าห์นัดมัน”
“มีถ่ายแบบจนถึงสองทุ่มเลยครับ”
“หลังสองทุ่มก็ต้องไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนกับธาราธรณ์อีก” เสียงนั้นพูดคล้ายยั่วยุ ผมคำรามในลำคอ เรื่องนี้พี่ธามไม่ได้บอกให้รู้ “เอาน่า ธุรกิจก็คือธุรกิจ ช่วงนี้กระแสกำลังมา ต้องปั้นสักหน่อย อย่าไปคิดอะไรมาก”
“พี่หม่อนกวนผมว่ะ”
“แค่นี้ทำเป็นบ่น ตอนคบกับธามไม่เห็นเล่าให้ฟังสักแอะ”
“ก็มันยังไม่ชัดเจน” ผมพูดตามจริง แต่สำทับอีกประโยคให้เมธัสวางใจ “แต่พี่ธามไม่มีใครหรอกครับ ไม่อย่างนั้นคงไปไหนมาไหนกับผมเปิดเผยขนาดนี้ไม่ได้”
“ให้มันจริง”
auutharatorn: HBD @nithan_t na krub. Wishing you love and happiness 
nithan_t: @auutharatorn thanks
เหอะ
ผมนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หลังจากกลับมาจากสตูเมื่อไม่กี่นาทีก่อน เซฟไฟล์รูปลงคอม เปิดเฟสบุ๊กส่องงานตากล้องคนอื่นๆ ในกรุ๊ปรวมไปเรื่อย หัวข้อข่าวคู่จิ้นคู่ฟินที่โคตรขัดหูขัดตาก็เด้งขึ้นมาบนสุด ราวกับว่าไม่อยากเห็นก็ต้องโผล่มาให้เห็น กดเข้าไปอ่านเป็นภาพจากอินสตาแกรมของธาราธรณ์ที่ถ่ายบนโต๊ะอาหาร ข้างๆ มีกล่องของขวัญ เล็กรี ถ้าให้เดาคงเป็นปากการาคาแพงวางอยู่ สร้างภาพล่ะที่หนึ่ง ถึงพี่อู๋จะไม่ได้คิดอะไรกับพี่ธามก็เถอะ แต่เห็นแบบนี้แล้วก็หงุดหงิดอยู่ดี
“วันนี้วันเกิดธามไม่ใช่เหรอแซค เห็นไปเดทกับอู๋ สวีทเชียว”
“หยุดพูดน่าหวาน แค่สร้างข่าว”
“เฮ้ย หวานว่าคู่นั้นก็น่ารักดี” พูดกลั้วหัวเราะแบบนี้จงใจกวนประสาทกันชัดๆ ผมไม่ตอบโต้ ปิดหน้าเว็บไซต์ลง ทำไมต้องมาหงุดหงิดกับเรื่องแบบนี้ด้วยวะ “ได้ดูละครหรือเปล่า เมื่อคืนถึงฉากจูบแล้ว ดีมากเลยอะ เสียดาย สั้นไปหน่อย”
“หวานเอางานของเมื่อวานไปแล้วใช่ไหม จัดคอนเทนท์เสร็จแล้วเรอะ”
“แหม ชวนคุยนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้เชียว แต่ถ้าเจอพี่ธามฝากบอกด้วยนะว่าจูบได้เผ็ดมาก”
“เลิกพูดเหอะน่า!”
“แซวเล่น” เจ้าของเสียงหวานยังทำเป็นสนุก แต่ผมไม่สนุก ไม่ขำด้วยเลยสักนิด “หงุดหงิดอะไร วันนี้ไม่ได้นัดเดทไว้เหรอ”
“นัด กว่าจะเลิกงาน”
“ไปที่ไหนล่ะ”
“ไปไหนได้วะ” ผมสบถในลำคอ แม่ง ถ้าเป็นคนธรรมดารับรองเลยว่าผมจะพาไปร้านที่ดีที่สุด หรูที่สุด อาหารอร่อยที่สุดไม่ให้น้อยหน้าไอ้พี่อู๋แน่ ถึงรู้ว่าผู้จัดการทั้งสองฝ่ายไปนั่งด้วยก็เถอะ แต่ว่าให้คนอื่นพาแฟนตัวเองไปเดทในที่ดีๆ ขณะที่ผมทำได้แค่อาหารง่ายๆ อยู่บ้านกินกันสองคน แม่งโคตรน่าหงุดหงิดเลยว่ะ
“นี่ ไม่ต้องอารมณ์เสียหรอกน่า ถ้าได้ไปกับคนที่รักนะ ต่อให้เป็นข้าวข้างทางก็อร่อย”
“ไม่อร่อยก็คือไม่อร่อยว่ะหวาน ไม่ต้องมาโลกสวย”
“หงุดหงิดจริงว่ะเฮ้ย” ไอ้เดี่ยวตะโกนมาจากโต๊ะของมัน คงฟังมาพักใหญ่ๆ “ไม่เคยเห็นพี่แซคเป็นแบบนี้ อย่างกับกินรังแตน ใครพูดอะไรก็ไม่ฟัง”
“เสือก”
“เห็นมะ”
ผมหงุดหงิด ลุกขึ้นมาสูบบุหรี่ จะลุกขึ้นมาสูบบุหรี่แต่ข้อความเข้าก็ดังขึ้นมาก่อน
Tham: เดี๋ยวเย็นนี้ไปรับที่ทำงาน เลิกห้าครึ่งใช่ไหม
Zac: ครับ มาเลยเหรอ ผมไปหาที่คอนโดก็ได้ เดี๋ยวผมแวะซื้อของเข้าไปทำอะไรกินกัน
Tham: จองห้องอาหารในโรงแรมไว้ตอนหกโมง
Zac: พูดจริง?
Zac: ให้ผมเลี้ยงนะ
Tham: เตรียมเงินไว้เลย
อ่านข้อความจบก็ผุดยิ้มที่มุมปาก หวานยืนอยู่ข้างๆ กระทุ้งข้อศอกใส่ “ไบโพลาร์หรือไง เมื่อกี้ยังหงุดหงิดใส่เดี่ยว ตอนนี้มายิ้มร่า”
“คนมีความรักน่ะหวาน”
“ไปซื้อเค้กเซอร์ไพรส์หน่อยไหม มีร้านขายเค้กโลวแฟตถัดไปอีกสองซอย หวานไปเจอเมื่อวันก่อน ร้านเล็กๆ วันนี้พี่จิ๊บไม่เข้า แวบได้”
“เออๆ พาไปหน่อยดิ”
ไอ้เดี่ยวหัวเราะกับท่าทางผีเข้าผีออกของผม "โห เค้กยังไม่เตรียม ของขวัญวันเกิดเขาจะมีไหมวะเนี่ย"
"เฮ้ย! อยู่บ้าน!"
"แซคคคคค"
"ฝากซื้อเค้กหน่อยดิหวาน ขอขี่มอ'ไซค์กลับไปบ้านแป๊บ"
"ให้ไวเลย!"
อันที่จริง นับเป็นวันเกิดที่ทุลักทุเลนิดหน่อย ห้าโมงครึ่ง เลิกงานเป๊ะผมก็ปิดคอมพิวเตอร์ หอบเค้กก้อนพอดีสำหรับสองคนกับกล่องของขวัญพร้อมช่อดอกไม้เล็กๆลงมาที่ลานจอด นิธานติดเครื่องไว้ นั่งอยู่ข้างใน เมื่อเห็นผมมุดหัวเข้าไปข้างในแล้วก็อมยิ้มที่มุมปาก เขาสวมเสื้อเชิ้ตขาว พับแขนถึงศอก กับกางเกงยีนส์ฟอกสี ส่วนผมเป็นเสื้อโปโลของบริษัทกับกางเกงยีนส์เหมือนกัน นี่เหรอวะคนที่จะไปดินเนอร์โรงแรมหรู
"พี่ธามไม่บอกผมว่าจะไปกินข้าวโรงแรม ดูดิ ผมแต่งตัวกากเลย"
"ไร้สาระน่า ที่ไปเพราะมันส่วนตัวต่างหาก ไม่เกี่ยวกับแต่งตัวดีอะไรเลย"
"เสื้อเชิ้ตก็ยังดี"
"หน้างอ" ไม่ล้อเปล่า หยิกแก้มผมอีกที "ไหน เอาอะไรมาให้เยอะแยะ"
"ของขวัญวันเกิดไง ไม่แพงเหมือนของพี่อู๋หรอกนะ"
"งั้นเหรอ มีประชดประชันด้วย"
"พี่ธามมม" ผมไม่ชอบเลยที่อีกฝ่ายไล่ต้อนผมให้จนมุมแบบนี้ตลอดเวลา แต่ก็อย่างว่า ถึงเสือแค่ไหนพออยู่กับพี่ธามก็กลายเป็นลูกแมวเสียทุกที "สุขสันต์วันเกิดครับ"
"อืม" เจ้าของวันเกิดครางรับ จับมือผมไว่ขณะที่เคลื่อนรถออกจากลานจอด "ขอบใจ"
แค่นี้ก็พอแล้วที่ทำให้หัวใจพองโต
โรงแรมที่พี่ธามจองไว้มีห้องอาหารอยู่บนตึกสูงระฟ้า สั่งเมนูแนะนำมาเต็มโต๊ะ ไม่นึกเสียดายที่พกกล้องมาด้วยสักนิด ภาพบนมอนิเตอร์มีทั้งวิว อาหาร และเจ้าของวันเกิด พี่ธามทานอาหารอย่างสุภาพ มีรสนิยม ไวน์แดงนั่นเป็นของนายแบบหนุ่ม ขณะที่ผมรับเพียงน้ำเปล่า หั่นเนื้อไป มองหน้าธามไป รสชุ่มลิ้นของสเต๊กชั้นดีไม่ชวนพิศวาสเท่ารอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้า เขาเป็นคนเงียบๆ แต่มีความเจ้าเล่ห์ซ่อนในแววตา หยิ่ง แต่ก็ขี้เล่นในบางครั้ง ที่สำคัญคือเขาทำให้ผมสูญเสียความเป็นตัวเอง แต่กลับชอบเวลาได้อยู่เงียบๆ กับนิธานโดยไม่ต้องใช้คำพูดมากมายให้พร่ำเพรื่อ
"ผมอยากจูบพี่จัง"
คนที่ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบชะงักมือชั่วขณะ ก่อนจะยกดื่มต่อ ผมเท้าคาง มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกลุ่มหลง
"คืนนี้ผมไปค้างที่คอนโดได้หรือเปล่า"
"พรุ่งนี้สายๆ ฉันมีงาน" เขาตอบเสียงเรียบ แต่หลุดยิ้ม "ตอนเช้าจะไปส่งที่บริษัทก่อนแล้วกัน"
"วันเกิดปีนี้ดีหรือเปล่า"
"คิดว่าไง"
"ชอบของขวัญที่ผมให้ไหม"
"ชอบ"
"แล้วชอบคนให้ด้วยปะ"
เสียงเชลโล่จากวงดนตรีของโรงแรมบรรเลงเนิบช้า บริกรรินไวน์จากขวด คู่สนทนาควงแก้วหมุนในมือ ใช้จมูกดมกลิ่นก่อนยกขึ้นจิบ เขาหลับตาลง ซึมซาบกลิ่นหอมหวานครู่หนึ่งก่อนกลืนลงไป
"ชอบ"
วลีนั้นไม่ได้บอกว่าหมายถึงบรรยากาศ เพลงสุดโรแมนติก ความเป็นส่วนตัวที่มีแค่เราตอนนี้ แต่ผมก็มั่นใจ
พี่ธามชอบผมเหมือนกัน
เวลาจวนเจียนเข้าวันใหม่ กว่าผมกับนายแบบหนุ่มจะพากันกลับมาถึงคอนโด สองแขนพะรุงพะรัง ข้างหนึ่งหอบหิ้วของขวัญวันเกิด อีกข้างช่วยตะครองคนเมาให้เดินตรงตามทาง พี่ธามโงนเงน ไม่มีสติ ไวน์หนึ่งขวด ซัดไปคนเดียวจนหมด ห้ามไปก็ไม่ฟัง สุดท้ายก็เป็นสภาพนี้
ผมดันหลังนิธานให้ยืนพิงกำแพง ขณะที่อีกฝ่ายยื่นกระเป๋าสตางค์มาให้หาคีย์การ์ดเข้าห้อง ตาคมหวานเชื่อมจ้องผม ก่อกวนด้วยการลูบที่แก้มลงมาถึงลำคอ
"รู้ไหม ฉันไม่เคยดีใจเลยที่ตัวเองเกิดมา จนได้เจอนาย"
"ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ"
"เพราะฉันมันเป็นตัวอัปยศน่ะสิ" เขาพูด หลับตาลง ผมจ้องใบหน้าอีกฝ่าย ไม่เคยเห็นนิธานในสภาพแบบนี้ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจ เริ่มรู้สึกว่าเมาหลังจากผมลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมาใหม่ นิธานเอนตัว หลับตานิ่งกับพนักพิง น้ำตาไหลออกมาโดยปราศจากเสียงสะอื้นทำให้ผมมั่นใจว่าแม่งเมา เมาแน่นอน1000%
"ฉันเกลียดวันเกิดตัวเอง เกลียดที่สุด"
"พี่ธาม"
"ขอบใจที่วันนี้อยู่ด้วยกัน...เด็กดี"
ผมคว้าเอวเขาไว้ โอบกอดเมื่ออีกฝ่ายใกล้จะร่วงหล่น “ยืนนิ่งๆ สิธาม”
"ฉันไม่ให้นายหายไป ไม่มีทาง"
"ผมก็ไม่ได้จะหายไปไหนนี่ครับ"
"ฉันจะผูกมัดนายเอาไว้ทุกทาง"
"พี่ไม่ผูกผมก็ไปไม่รอดแล้ว เมามากกว่าที่คิดเยอะเลยนะเนี่ย"
เขาไม่ตอบ แต่คำรามในลำคออย่างคนถูกขัดใจ "เงยหน้ามาสิวะ มัวแต่หาอะไรอยู่ได้!"
"หาคีย์การ์ดพี่ไงล่ะ จะได้เข้- อื้อ พี่ธาม! อย่าเพิ่งกวนผมสิ"
ถูกจับคางให้เงยขึ้น ก่อนบดริมฝีปากลงมา ผมรู้ว่าเขาเปราะบาง แต่ไม่คิดว่าจะบางขนาดนี้ นิธานดึงผมเข้าไปกอด กัดลงบนต้นคอ บ้าชะมัด ถ้ารอให้เข้าไปในห้องก่อนจะไม่บ่นสักคำ
"ทำไมไม่ให้จูบครับ เด็กดีของพี่"
"ไม่ใช่ไม่ให้ แต่ตรงนี้ไม่ได้ ผมเจอคีย์การ์ดแล้ว"
"ฉันอยากให้นายอยู่กับฉันนะแซค"
"ผมรู้"
"ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าฉันจะเป็นใคร อย่าทิ้งฉันไปได้"
ยังไม่ทันตอบผมก็สามารถดันประตูห้องให้เปิดออก เงียบงันเมื่อไฟด้านในสว่างจ้าตั้งแต่แรก ชายวัยกลางคนนั่งจิบเบียร์อยู่บนโซฟา ปรายตามองมาทางผม ขณะที่นิธานแน่นิ่งไปชั่วขณะ
ผมกลืนน้ำลายหัวใจที่ฟูฟ่องเมื่อครู่ฟีบแบน ปรายหางตากลับมามองเจ้าของห้องโดยอัตโนมัติ
"มาทำไม"
"วันนี้วันเกิดเธอ ฉันอยากเอาของมาให้"
"แค่โอนเงินเข้าบัญชีเหมือนทุกๆ ปีก็ได้"
"เพราะไม่ได้เจอกันนานใช่ไหมธาม ถึงได้ดื้อขนาดนี้ แล้วหมอนี่ใคร"
"เรื่องของผม ไม่ต้องมายุ่ง แซค กลับ...ไปก่อน"
ขณะที่พี่ธามบอกให้ผมอยู่ด้วยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่ ผ่านไปไม่ถึงนาทีเขากลับผลักไส เพียงเพราะมีใครบางคนอยู่ตรงหน้า ผมดึงข้อศอกเจ้าของห้องไว้ รั้งให้เข้าหาตัว
"ผมไม่กลับ นี่มันอะไร"
“แซค”
“ตอบผมสิธาม นี่มันอะไร!”
"หึ คู่ขาคนใหม่หรือไง เล่นสนุกมากเกินไปหรือเปล่าตาหนู เรียกร้องความสนใจด้วยวิธีนี้ไม่น่ารักเลยนะ"
"ไม่ต้องมายุ่งกับผม! แล้วก็ไม่ต้องยุ่งกับเพื่อนผมด้วย!"
"มาให้ป๋ากอดแล้วบอกมาซิว่าช่วงนี้กำลังทำอะไร"
"คุณจะไปไหนก็ไป! คุณเมธี"
"อย่าดื้อนะธาม!"
"ผมไม่ต้องการคุณ!"
"นิธาน"
คุณเมธีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง หลังจากความอัดอั้นทั้งหมดทั้งมวลพี่ธามก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ชายคนดังกล่าวเพียงกางแขนอ้าเขาก็เดินเข้าสู่อ้อมแขนนั้นด้วยความยินยอมอย่างง่ายดาย ผมชาไปทั้งหน้า ก่อนสองขาสั่งให้เอาของขวัญไปวางบนโต๊ะโดยอัตโนมัติ นาทีนี้เหมือนหัวใจถูกมีดปักลงกลางอกแล้วคว้านมันซ้ำๆ เหยียบด้วยฝ่าเท้า ขณะเดียวกันก็กลับแน่นิ่งอย่างเหลือเชื่อ หางตาเหลือบไปเห็นคุณเมธีจูบเบาๆ ที่ศีรษะอีกฝ่าย พี่ธามก็สะอื้นไห้เหมือนเด็กๆ เป็นเหตุให้ผมหลุบตาลงต่ำ
"ป๋ามาหาแล้วนี่ไง"
"ไม่ต้องมาพูด"
"เมาแล้วใช่ไหม พูดจาไม่น่ารักเลย"
"ผมไม่รู้" เขาสะอื้น กอดพ่อของเพื่อนไว้แนบแน่น "ผมไม่รู้"
คล้ายกับที่ตรงนี้ไม่จำเป็นสำหรับผมอีกต่อไป ขยับขาหมุนตัวกลับ เมื่อความชาในทีแรกหายไปก็ปวดร้าวจนแทบแตกสลาย ไม่คิดว่าภาพของนิธานที่เป็นลูกแมวเชื่องในฝ่ามือคนอื่นจะทำผมเจ็บเจียนตายได้ขนาดนี้ ฟันเรียงขบแน่นจนสั่นไปทั้งหน้า ถ้าพี่ธามเลือกแล้ว หน้าที่ของผมคงต้องเป็นการยอมรับความพ่ายแพ้นี้และเดินจากไป
หลอกตัวเองมามากเท่าไหร่ สุดท้ายความจริงก็คือสิ่งที่ปิดบังไม่มิดอยู่ดี
"เดี๋ยว! จะไปไหน"
"พี่ธามเมาแล้ว ให้เขาพักผ่อนเถอะ"
"เขาได้พักแน่ แต่นายต้องรออยู่คุยกับฉันก่อน"
ผมหันหน้า สบตากับเขา กำหมัดทั้งสองไว้ข้างกาย ต้องอาศัยความเข้มแข็งมากแค่ไหนกันเพื่อจะเห็นภาพคนของตัวเองในอ้อมกอดชายอื่น
“ธาม เดี๋ยวฉันพาไปนอน”
“แซค”
เขาเรียกคล้ายกับละมือ คนโอบกอดไว้ชะงักงัน มองหน้าผมแล้วขบฟันแน่นไม่ต่างกัน
“แซค อย่าไป”
“เมื่อกี้พี่เพิ่งไล่ให้ผมไปแล้วก็ไปกอดกับคนอื่นต่อหน้าผมเนี่ยนะ!”
“ไม่...” เขาเริ่มสะอื้นอีกครั้ง นิธานเมา แน่ล่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างหลังกำแพงถูกแสดงออกมาหมด เปลือยเปล่าไร้เกราะกำบัง เขาคว้ามือควานหา ก่อนจะถูกรวบกลับไปในอ้อมกอดนั้นอีกครั้ง “ไม่เอา แซค นายบอกกับฉันแล้วว่าจะไม่ไป!”
“ใจร้ายมากนิธาน”
“หยุดทะเลาะกันเสียที ไม่เห็นหรือไงว่าเขาเมา!” คุณเมธีกล่าวอย่างเหลืออด เขาชี้หน้าผม ตามด้วยชี้ไปที่โซฟาเชิงสั่งให้รอ น่าแปลกที่ผมกลับรอ ขณะที่ใครอีกคนกำลังเดินเคียงคู่กันไปถึงเตียงนอน
ประสานมือไว้ตรงหว่างขา ทิ้งเรียวแรงทั้งหมดลงบนศอกที่วางเหนือหัวเข่าอีกที
นี่มันเรื่องอะไร และผม...กำลังทำบ้าอะไรอยู่ที่นี่กัน
TBCหลังจากหน่วงๆ อึนๆ มาหลายตอน มาแล้วจ้าาาา ใครมีตะเกียบใช้ตะเกียบ ใครมีส้อมใช้ส้อม โซ้ยมาม่าตามสะดวก แฮร่
แต่เป็นระเบิดบู้ม ที่ตอนหน้ามาเปิดอกคุยกันแล้วนะ ไม่เศร้าโศกขนาดคุณอุบลมาเอง มีขึ้นๆ ลงๆ เหมือนชีวิตทั่วไปค่ะ จะเทแล้วเชียว แต่แบบบบบบบบบบบบบบบบบบ ไม่เอาไม่สปอยล์
/บีบนวดแซค
สู้นะแซคสู้ๆ
กอดรัดฟัดเหวี่ยงคนอ่านหนึ่งที
มีคนเดาพล็อตเราออกด้วยแหละ ใบ้ไว้เลย ฮาาา