บทที่ 41
หลังจากเจอผู้ชายคนนั้นแล้วเมฆาก็กลับมาคิดเรื่องนี้อยู่วัน เขามั่นใจว่าผู้ชายคนนั้นรู้จักราตรีอย่างแน่นอน และความสัมพันธ์ของสองคนนี้คงไม่ธรรมดาเช่นกัน
เมฆาคิดไม่ตก เรื่องที่ราตรีท้องตอนนี้มันอาจจะยังไม่สร้างผลกระทบอะไร แต่ในอนาคตต้องมีแน่ๆ อย่างน้อยคนที่โดนหางเลขไปด้วยคงไม่พ้นคนรักของเขา
หลายวันมานี้เขาเจอเพียงดินแค่ตอนที่เพียงดินมาหาในเมืองเท่านั้นไม่ได้ไปที่ไร่แต่อย่างใดเพราะติดงานและไม่ค่อยว่าง แต่พ่อเลี้ยงใหญ่ก็ตามเขาแจไม่ยอมห่าง นานเข้าๆเมฆาก็เริ่มรำคาญ บอกให้กลับไปทำงานบ้างอีกคนก็เอาแต่ทำหน้างอเป็นเด็กอนุบาล เขามีแฟนหรือมีลูกกันแน่
เรื่องพะพายเมฆารู้ว่าเจ้าตัวยังให้ท่าเพียงดินอยู่เนืองๆ แต่ดูแล้วเพียงดินก็ไม่ได้สนใจอะไร นั่นทำให้เมฆาพอใจและมาโฟกัสเรื่องของราตรีมากกว่า
ทำไมผู้หญิงของเพียงดินทั้งหลายแหล่ถึงได้ชอบสร้างเรื่องกันนะ แต่เขาต้องมาตามล้างตามเช็ดอย่างนี้น่ะเหรอ เหอะ คิดจะจริงจังกับใครแต่ยังเคลียร์คนเก่าไม่ได้ นึกแล้วแอบเซ็งเพียงดินเหมือนกัน
“พรุ่งนี้ไปไร่มั้ย วันหยุดไม่ใช่เหรอ” เพียงดินเข้ามาสวมกอดเมฆาจากด้านหลัง พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเมฆา เพียงดินรู้ตารางงานของเขาทั้งหมด เพราะฉะนั้นนายเหนือแห่งไร่น้ำรินเลยจัดตารางชีวิตของเขาให้ทีเดียวเลย
“นี่จะไม่ให้ฉันได้อยู่บ้านพักผ่อนเลยรึไง” เมฆาหันมามองอีกคน เขาว่างทีไรเพียงดินลากไปนู่นไปนี่ตลอด
“ของไร่เพียงระพีไง บ้านก็บ้านนายนะเตี้ย”
“เหรอ บ้านฉันเหรอ นึกไม่ออกว่าพูดตอนไหนว่าจะไปอยู่ด้วย” เมฆายิ้มกวนๆให้ เพียงดินทำหน้ายู่ลงแล้วคว้าเอาร่างของเมฆาไปนอนลงกับโซฟาแล้วตัวเองก็ตามไปคร่อม
“สงสัยต้องฟัดให้ท้องก่อนมั้ง แล้วเปิดการ์ดขอรับผิดชอบ จะได้มาอยู่ด้วยกันเลยไง” เพียงดินว่าแล้วซุกจมูกลงกับซอกคอของเมฆา
“ไอ้บ้า หนวดไม่โกน มันจั๊กจี้” มือเล็กนั้นผลักอีกคนออกแล้วทำตาเขียวปั๊ด
“ตกลงไปมั้ยพรุ่งนี้ เดี๋ยวพาไปขี่ม้าเลย” เพียงดินถามอีกรอบ
“ปฏิเสธได้ด้วยเหรอ” คำตอบค่อนข้างจะเป็นที่น่าพอใจ เพียงดินยิ้มกริ่มแล้วก้มลงหอมแก้มเมฆาฟอดใหญ่
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ถือว่ากำลังไปได้สวยเลยทีเดียว ถ้าไม่นับเรื่องสาวๆทั้งหลายของเพียงดิน แต่แน่นอนว่าเมฆาไม่ใช่คนหึงพร่ำเพรื่อ เขามีวิธีจัดการในแบบของเขา และมีกลยุทธ์เล็กๆน้อยๆในการเอาเพียงดินอยู่หมัด เพื่อที่อีกคนจะได้ไม่ต้องเบื่อ แหม่ มาถึงขั้นนี้แล้วจะยอมปล่อยเพียงดินไปก็กระไรอยู่ เสียทั้งตัวเสียทั้งหัวใจให้ พี่แมครู้มีหวังมาถล่มเพียงดินถึงบ้าน สิ่งที่เพียงดินจะต้องทำในตอนนี้มีอย่างเดียวคือหาวิธีสลัดราตรีและพะพายออกไป ถึงตอนนั้นเมฆาจะพิจารณาเรื่องคุยกับที่บ้านให้ เขามั่นใจว่าแมคยังไม่ได้บอกทุกคน
เอาเข้าจริงๆเมฆาก็ไม่รู้ว่ามันจะออกหัวหรือก้อยเหมือนกัน เขาไม่มั่นใจว่าพ่อและแม่ของเขาจะรับเรื่องนี้ได้รึเปล่า คิดไปคิดมาแล้วเรื่องที่บ้านของเขาน่าเป็นห่วงมากกว่าอีก อยากจะบ้าตาย
และแล้วเมฆาก็มานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้พ่อเลี้ยงเพียงดินที่ลงทุนเอารถคันโตไปรับถึงในตัวเมืองเพื่อมาที่ไร่ อากาศยามเช้าของไร่เพียงระพีชั่งเป็นอะไรที่ดีเหลือเกิน เมื่อวานเย็นเพียงดินรบเร้าให้ไปนอนด้วยที่ไร่เลยแต่เมฆาไม่ยอม เพียงดินเลยมารับแต่เช้าแทน
ผลไม้เมืองหนาวหลายๆอย่างเริ่มออกดอกออกผลกันเยอะแล้วเมื่อใกล้เข้าสู่หน้าหนาวอย่างเต็มรูปแบบ การเร่งการผลิตทำให้ผลไม้หลายๆอย่างเติบโตจนเก็บเกี่ยวได้บ้างแล้ว เพียงดินพอใจอยู่ไม่น้อย และงานที่ร่วมทำกับตะวันและรัชพลก็เริ่มลงตัว เขาเลยมีเวลาว่างมากพอไปตามเมียต้อยๆถึงในตัวเมือง
“ดิน” เมื่อเท้าก้าวลงจากรถก็ต้องเจอสิ่งที่เพียงดินเจอเกือบทุกวัน นั่นก็คือการที่ราตรีเข้ามาวุ่นวายกับเพียงดินมากขึ้น เพียงดินรู้เจตนาของเธอ เขาพยายามสลัดเธอแล้วแต่ก็ทำไม่ได้
“เธอมาทำไมอีก ราตรีฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้มาที่นี่” เพียงดินบอกอย่างไม่สบอารมณ์ วันดีๆของเขาจะต้องมาพังเพราะราตรีอีกแล้วหรือยังไง ให้ตายเถอะ
“ก็ราตรีคิดถึงดินน่ะสิคะ เห็นว่าสตรอว์เบอร์รี่ออกแล้ว ดินพาราตรีไปเก็บเหมือนเมื่อก่อนได้มั้ยคะ” ราตรียิ้มหวานแล้วเดินเข้ามาหา เมฆาตวัดสายตามองเพียงดิน
แหม มีไปเก็บสตรอว์เบอร์รงเบอร์รี่ ทีเขานั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์งอกไปเองยังไปตามกลับทันควัน เหอะ
เมฆาเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน เขาเริ่มคุ้นชินกับคนที่นี่และทุกคนก็รู้ว่าเขามาบ่อยๆในฐานะอะไร ตอนแรกก็ยังงงๆและแปลกใจอยู่เพราะไม่คิดว่าเพียงดินจะพาผู้ชายเข้าบ้าน และยังเป็นผู้ชายอย่างเมฆาอีก แต่สุดท้ายก็เริ่มชินและเอาใจเมฆายิ่งกว่าอะไร เพราะงอกกับเม้งไปคุยโวทั้งไร่ว่าเพียงดินหลงเมฆานักหนา ถ้าทำให้เมฆาขัดใจมีหวังตายเพราะเพียงดินแน่นอน
เมฆาทิ้งเพียงดินให้รับมือกับราตรีข้างนอกแล้วเขาก็หนีเข้ามาในบ้าน กองละครของพะพายอีกแค่อาทิตย์เดียวก็จะกลับออกไปแล้ว แต่เขามั่นใจว่าพะพายยังไม่หยุดแน่นอน ละครของเธอต้องถ่ายที่จังหวัดนี้อีกหลายเดือน ซึ่งแน่นอนว่าเธอต้องแวะมาที่นี่บ่อยๆไม่แพ้กัน
“คุณหมอ มาแต่เช้าเลย กินข้าวมารึยังคะ” เนียนถามเมื่อเห็นเมฆาเดินเข้ามา
“ยังเลยครับ ว่าจะมาฝากท้องกับป้าเนียนนี่แหละครับ” เมฆายิ้มให้ เขานั่งลงบนโซฟา มองไปที่ประตูก็เจอเพียงดินเดินหัวเสียเข้ามา พร้อมด้วยราตรีที่เดินตามมา และยังไม่พอ ยังมีพะพายอีกด้วย
เหอะ... รู้อยู่แล้วว่ามาที่นี่คงไม่พ้นที่จะต้องเจอเธอ แต่ไม่คิดว่าจะมาเช้าอย่างนี้
“มากันเยอะอย่างนี้ จะให้จัดอาหารเช้ากี่ที่คะ” เนียนถามอย่างงงๆ เมื่อเห็นแขกที่มาเพิ่มอีกสองคน
“สี่เลยก็ได้” เพียงดินตอบไป ราตรียืนยันว่าจะกินมื้อเช้าที่นี่และวันนี้เธอเองก็อยากเดินดูไร่ ส่วนพะพายเขาเพิ่งเจอเธอที่หน้าบ้านเมื่อกี้ เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่พะพายจะมาหาเขาทุกครั้งที่เธอว่าง ตอนแรกเพียงดินก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เหมือนพะพายเริ่มจะล้ำเส้นเขามากเข้าไปทุกวัน
“คนเรานี่ก็แปลกนะ เจ้าของบ้านไม่ต้อนรับยังจะมาอยู่อย่างนั้น” เป็นการเริ่มมือเช้าที่เหมือนการก่อสงครามก็ไม่ปาน
ทั้งสี่คนนั่งล้อมวงทานข้าวกันโดยมีเพียงดินนั่งอยู่หัวโต๊ะ เมฆาและราตรีนั่งอยู่ฝั่งเดียวกันและพะพายนั่งอีกฝั่ง พอเริ่มลงมือทานมื้อเช้าเสียงพะพายก็ดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวานหยดอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ
“ว่าตัวเองเหรอ” ราตรีมองตอบ พะพายประกาศสงครามแน่แล้ว เมฆาถอนหายใจแล้วมองสองคนสลับไปมาอย่างหน่ายใจ แล้วหันไปมองเพียงดินเป็นเชิงตำหนิ เป็นยังไงล่ะ ผลงานตัวเองทั้งนั้น
“ทำไมคุณราตรีพูดอย่างนั้นล่ะคะ” พะพายที่เหมือนจะเรียบร้อยตอนนี้เริ่มจะทนไม่ไหว เพียงดินใจแข็งเกินไป เธอใช้ไม้เดิมไม่ได้อีกต่อไป
“ทำไม เธอเองก็เลิกกับดินไปตั้งนานแล้วจะกลับมาอีกทำไม” ราตรีเริ่มขึ้นเสียง เธอเกลียดพะพายที่สุด ผู้หญิงที่ครั้งนึงเธอเคยถูกเอาไปเป็นตัวแทนและเธอก็ยังเชื่อว่าเพียงดินยังรักพะพายอยู่ พะพายนี่แหละคนที่เธอจะต้องตัดออกจาชีวิตของเพียงดินคนแรก
“พายกับดินเป็นเพื่อนกัน และอีกอย่างพายก็มีงานที่นี่ แต่คนที่เหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับที่นี่ต่างหาก มาได้ทุกวัน” ความอดทนของพะพายเริ่มจะหมดลง ราตรีทำตัวเป็นเงาตามเพียงดินแบบนี้มันน่ารำคาญ แค่เมฆาคนเดียวเธอกำจัดยากอยู่แล้ว
“เหอะ ที่แท้ก็อยากจะกลับมาคบดินเหมือนกันล่ะสิ ฉันมองเธอออกตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ต้องมาตีหน้าใสซื่อ เลิกเสแสร้งได้แล้ว” ราตรีฟิวส์ขาด
เพียงดินเบือนหน้าแล้วถอนหายใจอย่างรู้สึกไม่สบอารมณ์กับเหตุการณ์ตรงหน้า วันนี้มันควรจะเป็นวันดีดีของเขากับเมฆา แต่ต้องมานั่งฟังสองคนทะเลาะกันอย่างนี้เหรอ
“เสแสร้งก็ไม่ได้ไล่จับผู้ชายที่เขาไม่สนใจหรอก”
ซ่า!
จบคำพูดของพะพายน้ำส้มแก้วใหญ่ก็สาดเข้าเต็มๆที่หน้าของพะพายด้วยน้ำมือของราตรี เท่านั้นแหละลุกกันทั้งโต๊ะ เป็นเพียงดินที่เข้ามาจับราตรีไว้เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะคว้าเอาอะไรแถวนั้นสาดใส่พะพายอีกรอบ
“ราตรี!” เสียงนั้นดังก้อง ราตรีชะงักลง
“นี่เธอทำบ้าอะไรเนี่ย” พะพายโวยลั่น ตอนนี้สภาพของเธอนั้นมันเปียกไปทั้งตัว แถมยังเหนียวตัวอีก
“ฉันยังเห็นแก่หน้าพ่อเธอนะถึงไม่ได้ทำอะไรเธอไปมากกว่านี้ ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้วว่าเราจบกันไปแล้ว และเธอเองก็ไม่ควรเข้ามาวุ่นวายกับฉัน ครั้งนี้ขอเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะเจอกัน เพราะถ้ามีครั้งต่อไปฉันไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้นแหละ” พูดจบเพียงดินก็สะบัดมือของราตรีออก แรงสะบัดทำให้ราตรีเซไม่น้อย เธอชนเข้าจังๆกับเก้าอี้ก่อนที่จะล้มลง เพียงดินทำได้แค่มองแต่ก็ไม่ได้ไปช่วยอะไร
“ดินคะ พายเปียกหมดแล้ว” พะพายเม้มปากแน่นอย่างไม่พอใจ เพียงดินหันมามองแล้วถอนหายใจ
“พาย คุณกลับไปก่อนได้มั้ย” เพียงดินบอก เขาเสยผมขึ้นอย่างไม่พอใจพะพายเช่นกัน พะพายยิ่งทำหน้างอที่ถูกไล่ไม่ต่างจากราตรี
“ก็ได้ค่ะ แต่ดินต้องไปส่งพายนะคะ” เธอต่อรอง
“โอเคๆ ผมจะไปส่ง โอเคนะครับ” เพียงดินตอบอย่างจำยอม เขาไม่อยากให้มันยืดเยื้อ รีบไปส่งและรีบกลับ
เพียงดินหันไปมองเมฆาที่ยืนมองด้วยสายตานิ่งๆ เมฆาตอนนี้คาดเดาอะไรไม่ได้เลย แต่ที่แน่ๆเพียงดินว่าคนตัวเล็กไม่พอใจแน่นอนที่เขาจะไปส่งพะพาย
“คุณก็กลับไปได้แล้วเหมือนกันนะราตรี” เพียงดินพูดแค่นั้นก่อนจะเดินไปค้นหากุญแจรถ
พะพายลูกขึ้นแล้วมองไปที่เมฆากับราตรี เธอยิ้มเล็กน้อยเป็นเชิงว่างานนี้เธอชนะ เพราะเพียงดินยังแคร์เธอถึงได้จะไปส่งที่กองถ่าย เมฆาเบือนสาตาจากใบหน้าหวานที่ยิ้มเสแสร้งนั้น
“เมฆ เดี๋ยวฉันรีบกลับมา บอกเนียนมาจัดการด้วยนะ” เพียงดินเดินมาหาเมฆาแล้วก้มลงจูบหน้าผากอย่างรวดเร็ว พะพายไม่ทันเห็นเพราะเธอมองไปอีกทาง
“เรามีเรื่องต้องคุยกันนะดิน” เมฆาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“แล้วฉันจะรีบกลับ” เพียงดินว่าแล้วเดินนำพะพายออกไปข้างนอก เมฆาถอนหายใจตามหลัง เบื่อเพียงดินที่สุดท้ายแล้วก็ยังคงแคร์และตามใจพะพายอยู่เรื่อย
“อะ... โอ้ย” เสียงของราตรีดังขึ้นพร้อมกับแรงกระตุกของเสื้อเมฆา คุณหมอตัวเล็กหันไปมองเธอก็ต้องเจอกับราตรีที่นั่งกุมท้องอยู่ที่พื้น
“คุณราตรี คุณเป็นอะไร” เมฆาตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นสภาพของราตรี
“ฉันเจ็บท้อง ช่วยด้วย” ราตรีว่าเสียงแผ่ว เธอน้ำตาไหลออกมา เมฆายิ่งตกใจ อย่างที่รู้ว่าราตรีเธอท้อง และอาการแบบนี้มันก็มีไม่กี่อย่าง
“เจ็บยังไงครับ คุณค่อยๆลุกนะครับ คุณโอเคมั้ย” เมฆาช่วยพยุงราตรีให้ขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้อีกรอบ ราตรีไม่มีอาการตกเลือดแต่อย่างใด แต่อาการเธอก็ดุน่าเป็นห่วงมากตอนนี้
“ไม่ไหวแล้ว ฮือ... ฉันเจ็บ” ราตรีกุมท้องตัวเองแน่นแล้วร้องไห้โฮ
“ป้าเนียนครับป้าเนียน” เมฆาตะโกนเรียกเมื่อเห็นว่าอาการของราตรีเริ่มแย่ลง
“มีอะไรคะคุณหมอ” ป้าเนียนออกมาจากห้องครัวด้วยใบหน้าตื่นๆ
“ช่วยไปบอกคนงานแถวนี้ให้ขับรถไปส่งผมกับคุณราตรีที่โรงพยาบาลหน่อยได้มั้ยครับ เร็วๆเลยนะครับ” เมฆาสั่ง เนียนหันมามองราตรีเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ
เมฆามองราตรีที่ตัวงอและซบหน้าลงไปกับโต๊ะ เขาช่วยพยุงเธอขึ้นอย่างระมัดระวัง แต่ด้วยร่างที่อ่อนปวกเปียกของหญิงสาวทำให้เมฆาตัดสินใจอุ้มเธอขึ้น ราตรีเป็นคนตัวเล็กไม่ต่างจากพะพายมากเท่าไหร่ ทำให้ง่ายต่อการอุ้ม แม้เมฆาไม่ใช่คนตัวใหญ่อะไร แต่เขาก็แข็งแรงพอที่จะอุ้มเธอขึ้น แม้จะทุลักทุเลไม่น้อย
“ขอโทษนะครับคุณราตรี” เมฆาพูดเมื่อเขาถือวิสาสะอุ้มเธอขึ้น
เมื่อมาถึงหน้าบ้านก็เจอรถของไร่เพียงระพีจอดรออยู่แล้ว เมฆาพาราตรีเข้าไปนั่งข้างหลังแล้วเขาก็เข้าไปนั่งตามอย่างรวดเร็ว
“ป้าเนียนช่วยบอกดินว่าผมพาราตรีไปโรงพยาบาลนะครับ แล้วจะรีบกลับมา” เมฆาสั่งเนียนไว้ เขาไม่มีเวลาพอที่จะโทรหาเพียงดินตอนนี้
เนียนรับคำอย่างว่าง่าย และรถของไร่เพียงระพีก็แล่นออกไปจากไร่ เมฆาคอยถามอาการของราตรีเป็นระยะๆ เธอมีอาการไม่ค่อยดีอย่างเห็นได้ชัด
ต้องเป็นตอนที่เพียงดินสะบัดเธออกแน่นอน ราตรีกำลังท้องอ่อนๆแน่นอว่าง่ายต่อการแท้ง ถึงจะรู้ว่าเธอเป็นคนยังไง แต่แบบนี้มันก็โหดร้ายกับเธอไม่น้อยเหมือนกันนะ
ราตรีน้ำตาไหลเรื่อยๆ เธอเจ็บไปหมด ร่างบางเอนตัวลงกับเบาะรถ
เอี๊ยด!
มาได้ครึ่งทางรถก็หยุดชะงักจนเมฆาต้องไปคว้าตัวราตรีไว้ไม่ให้เธอกระเด็นไปทางอื่น เขาขมวดคิ้วแล้วหันไปมองคนงานของไร่เพียงระพี
“มีอะไรเหรอครับ” เมฆาถาม
“เฮ้ย!” ไม่ทันได้คำตอบเสียงเคาะประตูรถก็ดังขึ้นพร้อมกับชายฉกรรจ์อีกสองสามคนที่ถือปืนอยู่
“อย่าเปิดประตูนะพี่” เมฆาเห็นท่าไม่ดีเลยสั่งไม่ให้คนงานเปิดประตูรถ
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้ มึงจะเปิดไม่เปิด!” เสียงตะคอกดังจากนอกรถพร้อมกับปืนที่ถูกจ่อเข้ามา เมฆาใจหล่นวูบ เกิดมาเพิ่งจะเคยเจอปืนจ่อแบบนี้
“เอายังไงดีครับคุณหมอ” คนงานลนลานถาม
“โอเคๆ เดี๋ยวฉันคุยเอง” เมฆาทำใจดีสู้เสือ เขาบอกให้คนงานเปิดประตูแล้วลงไปนอกรถ
ร่างเล็กใจสั่นระรัวเมื่อเห็นปืนกระบอกโต นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย
“มีอะไรรึเปล่า” เมฆาเงยหน้าถามผู้ชายร่างยักษ์ตรงหน้า
“มึงไม่เกี่ยว กูต้องการตัวเมียไอ้พงศ์” ร่างของเมฆาถูกผลักออกก่อนที่ชายคนนั้นจะกระชากประตูออกแล้วดึงราตรีออกมา ราตรีล้มลงจนเมฆาต้องถลาเข้าไปช่วย
“เธอกำลังแย่ ผมต้องพาเธอไปโรงพยาบาลเดี่ยวนี้ คุณมีเรื่องอะไรก็ไปคุยกันหลังจากนี้” ด้วยความเป็นห่วงคนไข้มากกว่าทำให้เมฆาโพล่งออกไปแบบนั้น สายตาเหี้ยมนั้นตวัดมามองอย่างรวดเร็ว
“มึงอย่าเสือก กูจะเอาอินี่ไป พ่อมันมีเงินเยอะนี่ คงจะใช้หนี้แทนลูกเขยเหี้ยๆที่หนีไปได้” คนร้ายเข้ามากระชากราตรีออกมาจากเมหาอีกรอบ
“แต่ถ้าไม่พาเธอไปโรงพยาบาลตอนนี้เธอต้องแย่แน่ และหมออย่างผมก็ไม่ปล่อยให้คุณพาคนไข้ของผมไปแน่นอน” เมฆาว่าอย่างไม่กลัวลูกปืน คนงานของไร่น้ำรินมองแล้วตัวสั่นงก
“เป็นหมอใช่มั้ยมึงน่ะ” ปืนกระบอกยาวชี้มาตรงหน้าเมฆา เมฆาแอบสั่นเล็กน้อย
“ชะ...ใช่” เขาตอบอย่างหวาดๆ
“อินี่มันจะตายใช่มั้ย งั้นมึงก็มากับมัน เพราะยังไงกูก็ต้องเอาตัวมันไปอยู่ดี เฮ้ย! มึง มาลากตัวไอ้หมอนี่ไปดิ” ประโยคหลังหันไปสั่งลูกน้อง
เมฆาหน้าซีดเมื่อเขาถูกล๊อคโดยชายตัวใหญ่อีกคน
“พวกคุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ บ้านเมืองมีขื่อมีแปจะมาข่มขู่และพาตัวคนอื่นไปแบบนี้ไม่ได้” เมฆาดิ้น
“ปากมากนะมึง ถ้าไม่อยากตายก็หุบปาก พามันไปขึ้นรถ เอาอินี่ไปด้วย” หัวหน้าของพวกมันผลักราตรีให้ลูกน้องอีกคนก่อนจะตวัดปืนเป็นเชิงให้พาขึ้นรถ
เมฆาพยายามขัดขืนเต็มที่แต่ก็ต้องหยุดเมื่อสัมผัสถึงปลายกระบอกปืนที่ข้างเอว เขามองไปที่คนงานของไร่น้ำริน เป็นเชิงว่าให้รีบหนีไปแล้วไปบอกคนให้มาช่วย
“มึงไปบอกพ่ออิราตรีด้วย ถ้าอยากได้ลูกสาวคืน ให้เอาเงินมาให้กูสามล้าน” ชายร่างใหญ่หันไปพูดกับคนงานของไร่น้ำรินก่อนที่จะตามลูกน้องตัวเองไป
คนงานไร่น้ำรินตัวสั่นงก รีบเข้าไปข้างในรถอย่างรวดเร็วก่อนจะถอยรถกลับไปทางเดิม
ตอนนี้มายาวกว่าปกติ เรื่องกำลังเริ่มแล้ววววววววววว แว้กกกกกกกกกกกก