L&P 6 : พึ่งพา“ตกลงนายมาหาแฟนหรือมาหาฉัน” ผมมองเพื่อนสนิทที่มาถึงเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนแต่นอกจากโผล่หน้าเข้ามาให้เห็น
แวบหนึ่งแล้วก็หายไปจนกระทั่งโผล่มานั่งยิ้มกริ่มเอาตอนนี้
“มาหานายสิแต่ของอย่างนี้มันต้องรายงานตัวกับผู้บังคับบัญชาให้เรียบร้อยก่อนถึงจะเริ่มงานได้”
“ได้ข่าวว่าเป็นแฟนยังไม่ใช่เมีย”
“เฮ้ยนายนี่ไม่รู้อะไรใครเขามีเมียกัน มันต้องเลื่อนจากแฟนแล้วเป็นแม่เลย”
“หึหึ ปากดีนะเอ็งระวังฝ้ายจะเดินเข้ามาพอดี”
“มาก็ไม่กลัว” ปืนเพื่อนสนิทผมทำวางท่า ทุกวันนี้ทำตัวยิ่งกว่าพ่อบ้านใจกล้าหงอจนเพื่อนพากันอ่อนใจ
“ตอนไม่อยู่ต่อหน้าทำเป็นเก่งอยากให้เรียกฝ้ายเข้ามาไหม”
“เรียกเข้ามาเลยต่อหน้าก็กล้าพูด” ผมหรี่ตามอง ไม่มีความเชื่อนั้นอยู่ในหัวแม้แต่น้อย มั่นใจว่านี่คือมุกร้อยเปอร์เซ็นต์
“มุกไหนของเอ็งวะ”
“ไม่ได้มุกแต่ไม่กลัวเพราะฝ้ายบอกเองว่าจะเป็นแม่คนที่สองว่ะ คนอื่นเขาได้โปรโมชั่นได้เมียแถมแม่ ของฉันได้แม่แถมหิ้งบูชา
มาด้วย” ถึงปากจะพูดไปแบบนั้นแต่ทุกคนรู้ดีว่าปืนทั้งรักทั้งหวงแฟนแค่ไหน
“ว่าแต่คุณลมเถอะได้ข่าวว่ามี่น้องชายคนใหม่เหรอขอรับ”
“อืม” ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเพื่อนรักผมทราบข่าวมาจากไหน
“แฟนกระผมพูดถึงเด็กนี่วันเว้นวันพูดถึงทีหน้านี้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ชักไม่อยากไว้ใจ กลัวคุณเธออยากเลี้ยงต้อยขึ้นมา”
“คุณปืนขอรับเอ็งก็คิดอกุศลกับเด็กมันได้นะ ไปเช็คสมองหน่อยไหมท่าจะอาการหนัก เด็กมันสิบเจ็ดเองฝ้ายยี่สิบสี่
ไม่ใช่เหรอ”
“เอ็งไม่รู้อะไรคุณลมเขาถึงบัญญัติศัพท์คำว่าเลี้ยงต้อยไง เด็กสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน นี่ก็น้องเปาอย่างโน้นน้องเปาอย่างนี้
ซื้อนี่ไปเก็บไว้ดีกว่าน้องเปาน่าจะชอบกิน” น้ำเสียงดัดเลียนแบบแฟนสาวของปืนทำได้น่าชังมากกว่าน่ารักจนนึกอยาก
จะเตะเพื่อนสนิทสักป๊าบ
“พอๆ เลิกเล่นเข้าเรื่องงานเถอะ ฝ้ายแค่เอ็นดูเปี๊ยกเด็กมันน่ารักไว้นายเจอก็รู้เอง”
“อยากเจออยู่เย็นนี้เป็นไงจะได้ทำความรู้จักกันไว้ น้องแฟนเจ้าวินไม่ใช่เหรอคนกันเองทังนั้น”
“เอาไว้ก่อนเย็นนี้ฉันนัดเมย์ไว้นายก็ไปด้วยกันสิ”
“ได้ ว่าแต่ชาติโทรหานายแล้วใช่ไหมเรื่องที่อยากเปิดบริษัท นายคิดยังไงจะเอาด้วยไหม”
“คิดอยู่ เอนเอียงไปทางสนใจเพราะไอเดียชาติใช่ได้น่าจะต่อยอดไปได้อีกไกล แต่ฉันติดอยู่บางเรื่องเลยยังไม่ตัดสินใจ”
“ว่ามา”
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“ลม” ผมกอดตอบสาวสวยที่เดินยิ้มเข้ามาหาแต่ไกล เมย์เป็นคู่ควงที่ผมถูกใจมากเป็นพิเศษเพราะรู้จักการวางตัว
และไม่ยุ่มย่ามกับชีวิตของผมจนเกินไป เราคบหาแต่ไม่ได้ดูใจกันมาสักพักหนึ่ง
“สวัสดีครับคุณเมย์”
“สวัสดีค่ะคุณปืนคุณฝ้าย มากันนานหรือยังคะเมย์ช้าไปหรือเปล่า” เมย์นั่งลงข้างผมหลังจากกอดและหอมแก้มผมเหมือน
ทุกครั้งที่เจอกัน
“ไม่ช้าค่ะ พวกเราเพิ่งมาถึงเมื่อสักครู่นี้เอง” ฝ้ายกับเมย์รู้จักกันระดับหนึ่งเพราะเมย์แวะมาหาผมที่บริษัทบ้างเป็นบางครั้ง
“ทานอะไรดีครับ ผมสั่งของที่เมย์ชอบไว้ให้สองสามอย่างเผื่อเมย์หิว มาถึงจะได้ทานเลย ที่เหลือรอคุณมาสั่งเอง”
“ขอบคุณนะคะ ลมน่ารักแบบนี้กับเมย์เสมอ” เมย์ยกมือขึ้นแตะแก้มผม ใช้ปลายนิ้วไล้เบาๆ
“เฮ้อ คุณเมย์ครับอย่าหวานกันมากครับสงสารผมบ้างเถอะ” ปืนทำเสียงโอดครวญประท้วงมาจากที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“แหมอย่าแซวเมย์เลยค่ะ นานๆ ลมจะว่างออกมาเจอเมย์เสียที สู้ความหวานของคุณปืนกับคุณฝ้ายไม่ได้หรอก”
“ไม่มีหรอกค่ะคุณเมย์มีแต่จะฆ่ากันตายวันละหลายๆ รอบ”
“เห็นไหมครับดุอย่างกับเสือ โอ๊ย!” ปืนลูกแขนป้อยๆ เมื่อถูกแฟนสายโหดฟาดเข้าเต็มๆ
“ก็ยังน่าอิจฉาอยู่ดีค่ะ จริงสิลมคะเมย์จะไปฮ่องกงปลายอาทิตย์หน้าลมไปด้วยกันไหมคะ เมย์จะไปไหว้พระกับช็อปปิ้ง
นิดหน่อยอยากได้คนใจดีไปช่วยถือของให้”
“ไปแค่ถือของให้หรือครับถ้าอย่างนั้นผมไม่ไป” ผมตอบด้วยนัยความหมายที่รู้กันดี
“อยากรู้ว่าแค่ไหนก็ต้องไปด้วยกันสิคะ เมย์ไม่บอกก่อนหรอก”
“ผมชอบเรื่องตื่นเต้นเสียด้วยสิถ้าอย่างนั้นตกลงครับ ผมไปด้วย”
“ลมตกลงแล้วนะคะคุณปืนกับคุณฝ้ายเป็นพยานให้เมย์ด้วยนะ ห้ามเบี้ยวเมย์เป็นอันขาด”
“หึหึ ครับผม”
Rrrrrrr
“สักครู่นะครับ” ผมบอกเป็นเชิงขออนุญาตเมย์ โทรศัพท์สายนี้ทำให้ผมแปลกใจเพราะตั้งแต่รู้จักกันมาลิงเปี๊ยกไม่เคยโทร
หาผมก่อนเลย
“ฮัลโหล”
“ลุง” เสียงลิงเปี๊ยกแปลกจนผมเผลอขมวดคิ้ว
“มีอะไรหรือเปล่าเปี๊ยก”
“ลุงยุ่งอยู่หรือเปล่า ผมกวนลุงหรือเปล่า”
“เปล่าคุยได้มีอะไร”
“ผม..ผมขี่มอเตอร์ไซด์จะมาหากังฟูที่บ้าน แต่ไม่ทันระวังให้ดีเลยชนเข้ากับท้ายรถเก๋งเขาจะเอาเรื่อง ผมโทรหาพี่นิวไม่ติด
ไม่เปิดเครื่อง ผมไม่อยากให้หลวงลุงรู้ นึกถึงใครไม่ออกผมเลยโทรหาลุง” เสียงลิงเปี๊ยกเหมือนจะร้องไห้จนผมพลอยร้อนใจ
ไปด้วย
“นายบาดเจ็บหรือเปล่า”
“เปล่า แต่รถบุบเป็นรอยเลยลุง ผมรบกวนลุงมาหาผมได้ไหมครับ”
“ได้สิ ขอฉันคุยกับคู่กรณีนายหน่อย” ลิงเปี๊ยกส่งสายให้เจ้าของรถที่ขี่มอเตอร์ไซด์ไปชน ผมแจ้งให้รอก่อนจะรีบเดินทางไป
จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้ไม่ต้องเรียกตำรวจ
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณลม” ฝ้ายเลขาของผมถามด้วยความเป็นห่วงทันทีที่ผมวางสายหลังจากสอบถามสถานที่เรียบร้อยแล้ว
“เปาขี่มอเตอร์ไซด์ไปชนท้ายรถยนต์ เจ้าของรถจะเอาเรื่องเลยโทรมาหาเพราะติดต่อนิวไม่ได้”
“ตายจริง” ฝ้ายอุทานด้วยความตกใจ คงเป็นห่วงลิงเปี๊ยกอยู่ไม่น้อย
“เปาเป็นน้องชายผมโทรมาขอให้ไปช่วย” ผมหันไปอธิบายให้เมย์ฟัง
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถอะค่ะลม อย่าเพิ่งคุยเลยไปดูน้องก่อนเผื่อเป็นอะไรมาก ให้เมย์ไปเป็นเพื่อนไหมคะ”
“ไม่เป็นไรครับ รถจอดอยู่ข้างทางไปด้วยคุณจะลำบากเปล่าๆ กว่าจะเคลียร์เรื่องเสร็จผมไม่รู้ว่าจะนานไหม จัดการเสร็จ
แล้วผมจะพาน้องไปส่งบ้านเลย” ผมละคำว่าวัดไว้เสียเพราะไม่มีเวลาอธิบาย
“ได้ค่ะเรียบร้อยแล้วโทรหาเมย์ด้วยนะคะจะได้ไม่เป็นห่วง”
“ครับแล้วผมโทรหานะ” ผมหอมแก้มเมย์ ก่อนจะหันไปหาปืน
“ ไปก่อนนะปืนฝากเมย์ด้วย”
“เออ รีบไปเถอะเด็กคงกำลังตกใจทางนี้เดี๋ยวจัดการให้เอง”
“ขอบใจ” ผมหยิบกุญแจรถที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาถือ ส่งยิ้มให้เมย์เป็นการขอบคุณและขอโทษอีกครั้งก่อนเดินออกจากร้าน
ด้วยความรวดเร็ว
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“ลุง” เสียงลิงเปี๊ยกดีใจจนเห็นได้ชัดสีหน้าโล่งใจ หน้าเล็กๆ ซีดแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
“คุณมาก็ดีแล้วผมนึกว่าจะโดนเบี้ยว”
“ผมขับรถมาเสียเวลานิดหน่อย ผมบอกว่าจะมาก็คือมา” ผมพูดเสียงเรียบเมื่อเห็นท่าทางหงุดหงิดและดูคุกคามของ
คู่กรณี มิน่าล่ะลิงเปี๊ยกถึงหน้าซีดเผือดขนาดนั้น
“งั้นก็มาจัดการให้มันเรียบร้อย น้องคุณชนท้ายรถผมคุณจะจ่ายผมยังไง”
“เปาเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงชนกันได้” ผมหันไปถามลิงเปี๊ยกเพื่อทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ผมขี่มอเตอร์ไซด์ตามหลังรถเก๋งครับ แล้วพี่เขาเบรกกะทันหันผมเลยชนเข้าไปเต็มๆ”
“ถึงผมจะเบรกกะทันหันแต่น้องคุณผิด กฎหมายบอกให้รถคันหลังต้องขับโดยทิ้งระยะห่างเพียงพอที่จะหยุดรถได้ทันที
ผมรู้กฎหมายไม่อย่างนั้นก็โทรตามตำรวจมา”
“ผมไม่ได้บอกว่าน้องผมถูกหรือคุณผิดผมแค่ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คุณอย่าเพิ่งโวยวายจะดีกว่าครับ”
“คุณก็รู้แล้วนี่จะเอายังไงก็ว่ามา”
“ผมจะรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด คุณไปซ่อมมาค่าซ่อมเท่าไหร่บอกผมผมจะจ่ายเงินคืนให้”
“พูดง่ายน่ะคุณใครมันจะไปเชื่อ ถึงจะขับรถหรูหราคนสมัยนี้ก็เชื่อถือไม่ได้เกิดแยกย้ายกันแล้วคุณหนีไม่รับผิดชอบ
จะทำยังไง”
“ถ้าอย่างนั้นก็เรียกช่างมาตีราคาตอนนี้แล้วผมจะจ่ายเงินให้คุณเลย หรือถ้าไม่อยากเสียเวลาคุณก็รับนี่ไป”
ผมหยิบนามบัตรของตนเองออกจากกระเป๋ายื่นให้คู่กรณีพร้อมส่งบัตรประชาชนให้ดูด้วยเพื่อยืนยันชื่อนามสกุลที่ตรงกัน
“วายุ วิรุฬห์ปารวี บริษัทวิรุฬห์กิจ ผมรู้จักคุณนี่ผมเคยได้ยินชื่อ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ คุณติดต่อไปตามนามบัตรที่ผมให้ ซ่อมกับศูนย์ไหนอู่ไหนก็ว่ามาผมจะให้คนไปจัดการเรื่องเงินให้”
ผมรับบัตรประชาชนคืนมาเก็บใส่กระเป๋า ดูเหมือนทุกอย่างจะง่ายขึ้นเมื่อคู่กรณีรู้จักผม
“ได้เลยครับ ถ้ารู้ว่าเป็นน้องเป็นหลานของคุณวายุผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“ถ้าได้รับบาดเจ็บหรือเกิดอาการอะไรขึ้นจากการชนก็ไปพบแพทย์แล้วเอาค่าใช้จ่ายมาเบิกได้” ผมบอกไปให้ครบไม่อยาก
ให้มาโวยวายเอาเรื่องเปี๊ยกทีหลังว่าไม่รับผิดชอบ
“ครับๆ แล้วผมจะติดต่อไป”
“ขอตัวครับ ไปเถอะเปา” ผมดึงไหล่ลิงเปี๊ยกแต่เจ้าตัวขืนไว้
“รถมอเตอร์ไซด์ผม” ลิงเปี๊ยกชี้ให้ดูรถมอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่ไม่ไกล ไฟหน้ารถแตก กระจกแตก บังโคลนหน้าแตก สภาพรถ
ดูแล้วรู้ทันทีว่าคงล้มแรงมาก ผมมองรถแล้วหันกลับมาสำรวจคน ถ้าล้มขนาดนี้ลิงเปี๊ยกไม่น่าปกติ
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“เปล่าครับ”
“เปี๊ยก” ผมทำเสียงดุ ลิงเปี๊ยกก้มหน้าก่อนเหลือบตาไปมองท้ายรถของคู่กรณีที่ค่อยๆ แล่นออกไป
“ผมต้องเอารถกลับวัดแม่รู้โดนด่าแน่เลย ขอบคุณลุงนะครับเรื่องเงินผมจะพยายามหามาใช้ให้ ถ้าลุงมีงานใช้ผมก็หักได้เลย”
“มันใช่เวลามาพูดเรื่องเงินไหม มานี่” ผมดึงลิงเปี๊ยกไปที่รถเปิดประตูหลังจับให้นั่งลงกับเบาะห้อยเท้าออกมานอกรถ
“ขาเป็นยังไงบ้างเจ็บหรือเปล่า” เพราะไฟถนนไม่สว่างนักเนื่องจากอยู่ในซอยเล็กผมจึงมองลิงเปี๊ยกไม่ถนัด พอมาสำรวจดู
ดีๆ ถึงเห็นว่ากางเกงยีนส์มีรอยขาด
“นี่อะไร”
“โอ้ย” ลิงเปี๊ยกร้องลั่นเมื่อผมจับลงไปบนขาบริเวณที่กางเกงขาด พอแหวกกางเกงออกถึงเห็นแผลถลอกเป็นทางยาว
ตามรอยขาดของกางเกงมีเลือดไหลซึมออกมา
“ล้มไปกับรถใช่ไหม” ลิงเปี๊ยกพยักหน้ากัดฟันแน่น
“ไปโรงพยาบาลกัน”
“ไม่เอา” ลิงเปี๊ยกดึงมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย
“ผมต้องเอารถกลับวัด”
“จะห่วงรถอะไรนักหนาห่วงตัวเองก่อนดีไหม” ผมหันซ้ายหันขวา เห็นบ้านหลังหนึ่งมีคนนั่งอยู่บริเวณหน้าบ้าน จึงตัดสินใจ
เดินเข้าไปหา ผมขอความช่วยเหลือจากคุณป้าเจ้าของบ้าน ขอฝากรถไว้ก่อนแจ้งว่าต้องพาน้องชายไปโรงพยาบาลเพราะ
ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งคุณป้าก็ใจดีช่วยรับฝากไว้ให้ ผมจัดการเข็นรถไปจอดในรั้วบ้านกล่าวขอบคุณเป็นที่เรียบร้อยจึงกลับมาที่รถ
“ไปนั่งหน้าเปี๊ยก ไม่ไปโรงพยาบาลก็ไปคลีนิกแถวนี้ให้หมอดูแผลให้”
“ครับ” เปี๊ยกเดินกะเผลกอย่างเห็นได้ชัดเจ็บขนาดนี้ก็ยังดื้อ ผ่านมาเกือบห้าสิบนาทีแล้วตั้งแต่รถชนไม่รู้ว่าจะปวดขนาดไหน
“เจ็บแผลมากไหม” ผมถามเมื่อขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
ลิงเปี๊ยกส่ายหน้าแรงๆ แต่ไม่ยอมพูดออกมา ดูหน้าซีดๆ นั่นจะให้เชื่อได้อย่างไร
“แถวนี้มีคลินิกตรงไหนบ้าง” ผมถามเผื่อลิงเปี๊ยกจะทราบเพราะเป็นทางไปบ้านเพื่อนน่าจะเคยผ่านบ่อยๆ
“ขับออกถนนใหญ่เลี้ยวซ้ายไปไม่ไกลครับ มีคลินิกหมอเป็นตึกแถวสองชั้นแต่ผมจำชื่อไม่ได้”
“อืม” ผมออกรถช้าๆ พยายามขับไม่ให้รถกระเทือนมาก ลิงเปี๊ยกนั่งซึมมาตลอดทางคงตกใจบวกกับปวดแผล
เมื่อถึงคลินิก หมอตัดขากางเกงของเปี๊ยกออก ปรากฏว่านอกจากแผลถลอกแล้วยังมีอาการขาบวมช้ำและข้อเท้าแพลง
ไม่รู้เจ้าตัวทนอยู่ได้อย่างไรไม่ร้องสักคำ
“กลับวัดไหวไหม”
“ลุงผมไม่อยากกลับวัดเลยกลัวหลวงลุงเห็น ท่านห้ามแล้วห้ามอีกไม่ให้ขี่มอเตอร์ไซด์” ลิงเปี๊ยกมีสีหน้าวิตกกังวล
“ถ้าอย่างนั้นจะเอายังไง”
“ลุงไปส่งผมที่บ้านกังฟูได้ไหมครับผมไปอาศัยอยู่ที่นั่นก่อนก็ได้ หลวงตารู้จักกังฟูไม่ว่าหรอกครับ ผมจะบอกว่าไปทำรายงาน”
“โกหกพระเจ้าไม่บาปเหรอ”
“บาปครับแต่ผมไม่กล้าบอกหรอก” ลิงเปี๊ยกดูจ๋อยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปนอนบ้านฉัน เราเคยบอกไม่ใช่เหรอว่ากังฟูอยู่กับพ่อแม่กับน้องไปรบกวนเขาหลายวันจะลำบากเปล่าๆ”
“แต่ผมไม่อยากรบกวนลุงที่โทรหาก็เกรงใจจะแย่แล้ว ผมขอโทษนะ” ลิงเปี๊ยกยกมือขึ้นไหว้สีหน้ารู้สึกผิด
“ผมนึกถึงใครไม่ออกจริงๆ”
“นายทำถูกแล้วที่โทรหาฉัน แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจบ้านฉันมีแม่บ้านมีคนช่วยดูแลเผื่อมีไข้ไม่สบายขึ้นมาจะได้มีคนช่วยดู
หมอเขาก็บอกไม่ใช่เหรอว่าอาจจะมีไข้ได้”
“แต่..”
“อย่าดื้อผู้ใหญ่บอกอะไรให้ฟัง อย่าเถียง”
“ครับ”
“เรื่องรถพรุ่งนี้ฉันจะให้คนไปรับให้จะเอาเข้าซ่อมอย่างดี แล้วอย่าเพิ่งมาพูดเรื่องเงินเอาไว้นายหายแล้วค่อยว่ากัน”
“ครับ”
“เหนื่อยก็นอนไปเลยไม่ต้องฝืน”
“ครับ” ลิงเปี๊ยกพูดน้อยลงทุกที ยาที่หมอฉีดให้คงเริ่มออกฤทธิ์ ท่าทางเจ้าตัวจะยังไม่หายช็อคจึงยิ่งดูอ่อนล้ากว่าปกติ
“ลุง”
“หือ?”
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไรอย่าคิดมาก นายนอนเถอะ”
ผมเอื้อมมือไปปรับเบาะของลิงเปี๊ยกให้เอนลงไปจนสุดก่อนหันไปทางเบาะหลังหยิบเสื้อแจ็คเก็ตที่วางทิ้งไว้มาห่มคลุมให้
ปกติผมคิดว่าลิงเปี๊ยกตัวเล็กอยู่แล้ว พอเห็นนอนคุดคู้แบบนี้ยิ่งรู้สึกว่าตัวเล็กเข้าไปใหญ่ เปี๊ยงคงไม่รู้จะพึ่งพาใครถึงโทรมา
หาผม ผมไม่เคยคิดถึงในแง่มุมนี้มาก่อนเลย ไอ้ตัวเล็กมาเรียนในกรุงเทพฯ คนเดียว มีแค่หลวงลุงซึ่งเปรียบเสมือน
ผู้ปกครองคอยดูแล ชีวิตจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากแค่ไหนนะ ผมเคยเจอแต่ลิงเปี๊ยกยิ้มแย้มแจ่มใส่ กวนประสาทผม
ไปวันๆ จึงไม่เคยฉุกใจคิดเลย ต่อไปคงต้องดูแลมันให้ดีกว่านี้
“ฉันจะดูแลนายเอง” ผมลูบหัวเล็กๆ ของลิงเปี๊ยกที่ซบอยู่กับเบาะ เจ้าตัวเงียบเสียงคงหลับไปแล้ว ผมดูอีกครั้งให้แน่ใจว่า
แอร์ในรถไม่เย็นเกินไปก่อนสตาร์ทรถขับออกจากหน้าคลินิกเพื่อพาลิงเปี๊ยกกลับบ้านด้วยกัน
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
เรื่องนี้คนเขียนออกตัวก่อนว่าตั้งใจให้รู้สึกชอบกันเร็วนะคะเพราะมีเนื้อหาบางอย่างที่อยากเน้นมากกว่า
ps.ความกัดความกวนไม่ได้หายไปไหน เดี๋ยวก็กลับมา^^
Darin ♥ FANPAGE