ตอนที่ 27 : new style“มหามึงพูดจริงใช่ไหมไม่ได้โกหกกูนะ” คุณพู่หรี่ตามองผมแววตาคาดคั้น
“โธ่ผมเคยโกหกหรือปิดบังคุณพู่หรือครับ ถามอะไรมาตอบได้ผมตอบหมด” ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมการรวมตัว
หลังทานอาหารกลางวันเพื่อนัดดูรูปจากทริปไปเที่ยวถึงกลายเป็นการนั่งซักฟอกผมแบบเอาจริงเอาจังแทนได้
“ก็ที่มหาพูดมันไม่น่าเชื่อถือ มันเป็นไปไม่ได้หรอก” พี่โอ้ตเป็นอีกคนหนึ่งที่ออกตัวชัดว่าอยู่คนละข้างกับผม
“ข้าวใหม่ปลามันมันก็ต้องทุกวันสิวะ” พี่ตุลย์เคลือบแคลงสงสัย
“อันนั้นเกินไปอีพี่ตุลย์อย่าเอานิสัยตัวเองมาตัดสิน แต่อย่างน้อยมันก็ต้องบ่อยกว่านี้สิ” คุณพู่ทำหน้าตาจริงจัง วิเคราะห์
ราวกับเป็นประเด็นสำคัญ ผมเป็นคนเดียวหรือเปล่าที่คิดว่าไม่ควรเอามาพูดในที่สาธารณะ โชคดีที่วันนี้เท็นไม่ได้มารวม
กลุ่มด้วยเพราะไม่มีเรียน ไม่อย่างนั้นผมคงกระอักกระอ่วนที่ต้องพูดต่อหน้าน้อง
“เราเปลี่ยนเรื่องคุยกันเถอะครับ” ผมพยายามชักชวนแต่เหมือนเป็นแค่เสียงลมพัดผ่านไม่มีใครสนใจฟัง
“หมอวินไม่เรียกร้องบ้างเหรอวะกูถามจริง” คุณพู่ยังคงมุ่งมั่นในการซักฟอกหาข้อมูลจากผม
“ไม่นี่ครับ ก็อยู่กันเหมือนเดิม นานๆ ที...” ผมหน้าแดงก่ำไม่อยากพูดออกมา แต่ดูสายตาทุกคู่ที่จ้องมองอย่างตั้งใจ
ก็รู้ว่าต้องพูดให้จบ
“คือนานๆ ที ส่วนใหญ่ก็เป็นช่วงวันหยุด”
“มหามึงต้องทำอะไรสักอย่างนะเชื่อกู ปล่อยไว้แบบนี้อีกหน่อยคุณชายหมอจะเบื่อมึง”
“เบื่อหรือครับคุณพู่” ผมยอมรับว่าเริ่มกังวล หรือผมไม่เหมือนผู้ชายคนอื่น มันต้องบ่อยขนาดนั้นจริงๆ หรือ
“กูพูดตรงๆ แบบไม่อายปากเลยนะมึง กิตติศัพท์หมอวินเรื่องนั้นมีใบรับประกันว่าไม่เป็นสองรองใคร ศึกไหนก็ชนะหมด
ไม่มีพักไม่มีหมดแรง ไม่เคยมีใครบ่นมีแต่คนติดใจ แล้วกับมึงคืออะไร นานๆ ทีเหรอ รอบสองรอบพอเหรอ คือกูก็ไม่ใช่
ผู้ชายนะแต่ก็ยังอยากบ่อยกว่านั้นหรือเปล่าวะ”
“คุณพู่! พี่ตุลย์พี่โอ้ตก็อยู่นะครับ” ผมอ่อนใจกับความตรงของคุณพู่ ไม่ได้สนใจเลยว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม
“พี่ชินหูแล้วมหา ตามสบายเลยพู่” พี่โอ้ตเชียร์ให้คุณพู่ออกหน้าพูดเต็มที่
“หมอวินอาจเกรงใจมึง มึงไม่อยากเขาก็ไม่กวน แต่คนเรามันไม่ใช่พระอิฐพระปูนมันทนได้ไม่นานหรอก ถ้ามึงไม่ทำอะไร
ซะบ้างระวังหมอวินจะเปลี่ยนใจ” คุณพู่ขู่ผมซึ่งมันได้ผล
“พี่คิดเหมือนพู่ว่ะมหา คุณชายหมอเขาไม่เคยต้องง้อใครเลยไม่เคยเอ่ยปากเองหรือเปล่า พอมหาไม่ทำเขาก็ไม่ทำ
แต่ใช่ว่าจะไม่ต้องการ” พี่ตุลย์ย้ำอีกเสียง ทำให้ผมเริ่มคิดมากกลัวว่าทุกคนจะพูดถูก
การสนทนาของเราเริ่มมาจากหลังดูรูปเสร็จ คุณพู่แซวผมว่าห่างหายไปสี่วันกลับมาคงโดนจัดหนัก แล้วเซ้าซี้ให้ผมเล่าว่า
เป็นอย่างไรบ้าง ผมปฏิเสธไม่ได้จึงบอกแค่ว่าตั้งแต่กลับมาก็หนเดียวโดยไม่ได้ลงรายละเอียด จึงเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา
“แล้วผมต้องทำยังไงครับ”
“มึงต้องยั่ว”
“ยั่ว?!!” ผมอ้าปากค้าง ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเฉียดใกล้คำนี้แล้วจู่ๆ จะให้ผมทำมันจะเป็นไปได้อย่างไร
“ใช่ มึงได้ยินถูกแล้วมึงต้องยั่ว ต้องทำตัวให้มีเสน่ห์เข้าไว้ หมอวินเขาหลงมึงอยู่แล้วจะได้หลงมากขึ้น”
“เอาให้โงหัวไม่ขึ้นเลยยิ่งดี” พี่โอ้ตขยายความต่อจากคุณพู่
“ง่ายๆ คือลืมความเป็นมหาซะเก็บใส่กล่องไว้ คิดเสียว่าทำเพื่อให้ความรักยืนยงมั่นคง อ่อยได้ก็อ่อย ยั่วได้ก็ยั่ว มันไม่ยากหรอก”
พี่ตุลย์เห็นผมทำหน้างงๆ จึงสรุปให้เสียเอง พี่ตุลย์บอกว่าง่ายแต่มันยากสำหรับผมนี่นา
“พวกกูก็บอกได้แค่นี้ทำไม่ทำก็แล้วแต่มึง คิดดูดีๆ อย่าลืมว่าหมอวินเขามีใบเซอร์ติฟิเคท เรื่องจริงไม่ได้อิงนิยาย เขาจะ
เปลี่ยนง่ายๆ เชียวหรือ”
ผมกลุ้มใจหนัก ถ้ามันจริงอย่างที่คุณพู่พูดถ้าผมทำให้ความสุขเรื่องนั้นของหมอวินลดลงหรือหายไป ผมควรจะทำอย่างไรดี
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
-คุณชายหมอ-ผมออกแบบห้องในคอนโดให้ส่วนโถงกลางเปิดเป็นพื้นที่โล่งไม่มีผนังกั้น ผมจึงมองเห็นนิวที่ยืนเช็ดจานอยู่ในครัวจาก
ตรงที่นั่งอยู่ ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาตัวใหญ่ที่แยกเป็นพื้นที่ส่วนรับแขก นิวดูเหม่อลอยเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ
กระทั่งไม่รู้ตัวว่าถูกมอง
“หมอวินครับ” จู่ๆ นิวก็เงยหน้าขึ้นมาเรียกผมหลังจากเหม่ออยู่นาน
“อื้อ” ผมขานรับ
“ผมทำความสะอาดเสร็จแล้ว หมอวินเมื่อยไหมครับผมนวดให้”
“ไม่ล่ะ ถ้าเสร็จแล้วนายไปอาบน้ำเถอะ” ผมเห็นนิวกัดปากสีหน้าครุ่นคิดยิ่งทำให้ผมแน่ใจว่านิวกำลังมีเรื่องอยู่ในใจ
“หมอวินครับผมนั่งด้วยคนสิครับ” นิวเดินออกจากครัวมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเก้าอี้ที่ผมนั่ง
“นั่งสิ แปลกดีวันนี้ทำไมถึงถาม” ผมลองถามอ้อมๆ แต่นิวไม่ตอบอะไรเอาแต่ส่งยิ้มมาให้
“นั่งล่ะนะครับ” นิวนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับผม เป็นโซฟายาวสำหรับนั่งได้สามคนสบายๆ แต่นิวนั่งห่างออกไปพอสมควร
ผมกำลังจะทักนิวก็ล้มตัวลงนอนบนตักผมเสียก่อน แถมยังจับมือผมข้างที่ไม่ได้ถือหนังสือไปวางไว้บนอก
“เป็นอะไร” ผมหัวเราะเบาๆ เลื่อนมือจากอกไปวางบนศีรษะ สอดนิ้วเข้าไปสางผมนุ่มเล่น
“เปล่าครับ ผมคิดถึง”
“มาแปลกแฮะ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า” นิวสั่นหน้าปฏิเสธ ยกมือขึ้นจับมือผมไปกุมไว้บนอกอย่างเดิม
“หมอวินต้องรีบอ่านหนังสือหรือเปล่าครับ”
“ไม่รีบ” ผมเอื้อมมือไปวางหนังสือลงบนโต๊ะข้างโซฟา ก่อนหันกลับมาให้ความสนใจนิวแบบจริงจัง
“หมาหงอย” ผมลูบหัวนิวเบาๆ ด้วยมือข้างที่ว่างอยู่
“ไม่ได้หงอยครับ” นิวช้อนสายตาขึ้นมองผม แววตาออดอ้อนแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน
“ใครจะเชื่อฮึหมาน้อย ไหนไปเล่นซนที่ไหนมา หรือมีใครพูดอะไรเข้าหูนาย” ผมนิ่วหน้าเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าหรือมีใครเอา
คำพูดไร้สาระมาพูดให้นิวไม่สบายใจอีก
“เปล่าครับ เปล่า” นิวส่ายหน้าแรงๆ จนผมที่อยู่บนตักผมกระจาย
“มานี่มา” ผมดึงตัวนิวขึ้นก่อนอุ้มมานั่งบนตัก จับหลังนิวให้พิงอกสอดแขนเข้าไปกอดรอบเอว
“ฉันอยู่นี่ทั้งคน มีอะไรก็บอกอย่าเก็บไว้คนเดียว” ผมโยกตัวช้าๆ ต้องการปลอบขวัญหมาน้อยที่ดูหงอยจนน่าสงสาร
“ขอบคุณครับ ถ้าอย่างนั้นวันนี้พักเร็วหน่อยได้ไหมครับ” นิวเอียงหน้าขึ้นถามผม
“ได้สิ” ปกติผมจะอ่านหนังสืออยู่จนดึกกว่าจะเข้านอนทำให้นิวพลอยไม่ได้พักไปด้วย เจ้าตัวยืนกรานจะเข้านอนพร้อมผม
บอกว่าอยู่เป็นเพื่อนกัน
“หมอวินอาบน้ำก่อนนะครับเดี๋ยวผมค่อยอาบ”
“นายอาบก่อนไหมจะได้พักเลย” ผมเห็นท่าทางนิวแล้วอยากให้เจ้าตัวได้พักก่อน
“ผมอาบทีหลังดีกว่าครับ” นิวลุกขึ้นยืนก่อนดึงมือผมให้ลุกตาม มือน้อยจูงมือผมเดินเข้าไปในห้องนอนผมก้าวตามแต่โดยดี
ไม่อยากขัดใจนิวในเวลาแบบนื้
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
ผมออกมาจากห้องน้ำเห็นนิวนั่งอยู่บนเตียงเรียบร้อยมีผ้าห่มคลุมอยู่ถึงเอว เสื้อที่สวมอยู่เป็นเสื้อยืดของผมซึ่งดูตัวใหญ่
มากเมื่ออยู่บนร่างกายของนิว
“อาบน้ำแล้วเหรอ” ผมทักขึ้นเมื่อเห็นดังนั้น
“ครับ ผมออกไปอาบข้างนอกจะได้ไม่ต้องรอ”
“อืม” ผมจัดการเป่าผมให้แห้งตาก็เหลือบมองนิวไปด้วย เวลาหมาของผมใส่เสื้อตัวใหญ่แบบนี้ดูราวกับเด็กน้อยน่ารักน่า
สงสาร ยิ่งดูเหมือนหมาหงอยเข้าไปใหญ่
ผมเดินไปที่เตียงเมื่อผมแห้งดีแล้ว เลิกผ้าห่มออกเพื่อสอดตัวเข้าไปบ้าง ถึงเห็นว่านิวไม่ได้ใส่กางเกงใส่แต่เสื้อยืดของผม
ตัวเดียว ผมรีบสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มก่อนดึงขึ้นมาคลุมให้ถึงเอวของนิวเหมือนเดิม ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนจะได้เห็นโดย
ไม่รู้สึกอะไร
“ผมยืมเสื้อหมอวินมาใส่” นิวจับเสื้อที่ใส่อยู่พูดเป็นเชิงขออนุญาต
“ใส่ไปเถอะอยากใส่ตัวไหนก็หยิบแต่มันไม่ใหญ่ไปหน่อยเหรอ” ผมชอบซื้อเสื้อนอนใหญ่กว่าตัว พอนิวเอาไปใส่จึงหลวมจน
คอเสื้อด้านหนึ่งหลุดลงไปอยู่ที่บ่า
“ใหญ่เหรอครับ” นิวขยับตัวขึ้นนั่งคุกเข่าทำให้ผ้าห่มหลุดออก มองเห็นต้นขาขาวๆ โผล่พ้นเสื้อออกมา
“ผมว่ามันใส่สบายดี” นิวก้มลงมองเสื้อที่ใส่อยู่มือดึงคอเสื้อขึ้นดู ทำให้ชายเสื้อยิ่งเลิกขึ้นสูงจนผมต้องรีบตะครุบมือ
นิวไว้
“สบายก็ใส่เถอะ” ผมปล่อยคอเสื้อนิวลงตามเดิม พยายามมองเฉพาะครึ่งตัวบน
“ตั้งแต่โดนคุณพู่หลอกผมชักชอบใส่แบบนี้ขึ้นมาจริงๆ มันไม่อึดอัดดี” นิวชี้นิ้วลงไปที่ต้นขาให้รู้ว่าหมายถึงใส่แบบไหน
ตาเจ้ากรรมก็ช่างกระไรพอมีคนชี้ดันมองตามโดยอัตโนมัติ เห็นขาขาวๆ ที่มีเสื้อปิดอยู่หมิ่นเหม่ ผมถึงกับมวนท้อง
ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องโดยเร็ว
“จะบอกได้หรือยังว่าวันนี้เป็นอะไรทำไมถึงหงอย”
“ทำไมหมอวินคิดว่าผมหงอยครับ”
“ไม่ได้คิดเห็นกับตา” ปกตินิวจะยิ้มกว้างให้ผมเสมอ ดวงตาสดใสเหมือนท้องฟ้าตอนกลางวัน แต่วันนี้แววตานิวดูอ่อน
เหมือนลูกหมาตัวเล็กๆ ที่ต้องการการปกป้อง
"ผมไม่ได้หงอย” นิวทำหน้าขัดใจ แล้วจู่ๆ ก็อึกอักไป ใบหน้าขึ้นสีแดงเรื่ออย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ได้หงอยแล้วเป็นอะไร” คนไม่หงอยกลับมานั่งข้างผม เอียงหน้ามาซบกับไหล่ถูหน้าไปมาเบาๆ แล้วแบบนี้ยังไม่ยอมรับ
ว่าหงอยอีกปากแข็งจริงๆ
“ไม่อยากเล่าก็ตามใจ สบายใจเมื่อไหร่ค่อยบอก” ผมรู้สึกผิดอยู่ในใจ หมาน้อยของผมกำลังหงอยแต่ทำไมผมถึงคิดว่า
มันช่างน่ารักเหลือเกิน
“อยากให้ฉันอ่านหนังสือให้ฟังไหม” บางคืนหากผมอ่านหนังสือที่นิวสนใจ นิวมักขอให้ผมอ่านออกเสียงจะได้ฟังไปด้วย
นิวส่ายหน้าแรงๆ ปากนุ่มกดลงบนไหล่ผม เห็นนิวอ้อนแบบนี้ผมยิ่งอยากเอาใจอยากให้หายเศร้า ผมปรับท่านั่งก่อนดึงนิว
ให้เอนมาซบทั้งตัว มือกอดไว้แนบชิด กดริมฝีปากลงบนกระหม่อม
“เพี้ยง หาย” ผมไม่รู้ว่าเขาปลอบกันยังไงเลยทำแบบที่พอนึกได้ ปลอบเด็กน้อยเขาทำกันแบบนี้ไม่ใช่หรือ
“หมอวิน” นิวลากเสียงเหมือนกำลังอ่อนใจเต็มที
“ผมน่ะ..ผม..” นิวผละหน้าออกเหมือนต้องการพูดบางอย่างที่สำคัญก่อนจะเงียบไปอีกครั้ง
“นิวทำไมครับ” ไม่บ่อยครั้งที่ผมจะพูดหวาน ๆ แต่เห็นนิวเป็นแบบนี้ผมทำให้ได้อยู่แล้ว
"ผมไม่ได้หงอยสักหน่อย” นิวกัดมุมปากก่อนจะโพล่งออกมา
“ผม..ผมยั่วหมอวินอยู่ต่างหาก"
"อะไรนะ" ผมเกือบหลุดขำออกมาดีว่าใช้ความหน้าตายปิดบังไว้ได้ทัน สรุปคือหมาน้อยกำลังยั่วผมอยู่อย่างนั้นเหรอ มิน่า
ถึงได้น่ารักน่าชักขนาดนี้
"ไม่พูดแล้ว" นิวทำปากยื่นทำเอาผมหลุดยิ้มเอ็นดูออกมาจนได้ นานๆ จะเห็นหมาน้อยของผมงอนเกับเขาเสียที
"นายยั่วฉันอยู่เหรอ" ผมถามซ้ำแต่นิวไม่ยอมสบตา มองไปทุกที่ที่ไม่มีหน้าผมอยู่ ปากน้อยๆ ยังยื่นบ่งบอกว่าเจ้าตัว
ยังงอนไม่หาย
"นึกยังไงถึงอยากยั่วฉัน" ถ้าเป็นคนอื่นผมคงไม่ถามแต่นี่มันผิดกับนิสัยของนิวหน้ามือเป็นหลังมือ ใครบ้างจะไม่สงสัย
"ผมไม่บอกหรอก" นิวแอบเหลือบตามองผมก่อนตวัดสายตาไปทางอื่นเหมือนเดิม
"บอกหน่อยน่าทำไมวันนี้ถึงใจดี" ผมไม่พูดคำว่ายั่วซ้ำเพราะกลัวว่าจากงอนจะกลายเป็นโกรธ นิวหลุบตาลงต่ำบีบมือตัวเอง
ไปมาก่อนตัดสินใจพูด
"คุณพู่บอกผมว่าหมอวินชอบทำเรื่องอย่างว่า ถ้าผมไม่ทำอีกหน่อยหมอวินจะเบื่อ"
"หือ? คุยเรื่องนี้กันด้วยเหรอ"
"ไม่ใช่นะครับผมไม่ได้เอาหมอวินไปพูดหลับหลังนะครับ" นิวรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน ดูตกใจจนหน้าเสียคงกลัวผมโกรธ
"คุณพู่แค่แซวแต่พอรู้ว่าผมไม่ค่อยได้ทำ คุณพู่เลยทักด้วยความเป็นห่วงเท่านั้นเองครับ" นิวเสียงอ่อยดูยังกลัวว่าผมจะ
เข้าใจผิด
"แล้วชมพู่ไปรู้มาจากไหนถึงคิดว่าฉันชอบ"
"คุณพู่บอกว่าสาวๆ เขารับประกันกันมาครับว่าหมอวินเก่งแล้วก็...เอ่อ..ก็นั่นแหล่ะครับคำชมทั้งนั้นอย่าฟังเลย" นิวเขินเกิน
กว่าจะเล่าต่อได้แค่นี้เจ้าตัวก็หน้าแดงมากแล้ว
"เฮ้อ ก็พูดกันไป ฉันไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก"
"หมอวินเก่ง!" นิวแทรกขึ้นมาแล้วทำหน้าตกใจตัวเองรีบยกมือขึ้นปิดปาก ท่าทางของนิวตอนนี้น่ารักน่าชังสำหรับผมมาก
"ดีใจที่นายชอบ" ผมเกลี่ยนิ้วบนแก้มนุ่ม นึกอยากจูบปากได้รูปนั้นแต่ต้องอดใจไว้ก่อน
"ฉันไม่อยากพูดแบบนี้เท่าไหร่แต่เห็นนายไม่สบายใจฉันจะพูด" ผมกอดนิวเอาไว้ในวงแขน ปรับท่าทางให้ผ่อนคลายมากขึ้น
"บอกไว้ก่อนว่าฉันไม่ใช่คนดีอะไร ในเมื่อฉันชัดเจนว่าไม่ได้ชอบไม่ต้องการคบ ผู้หญิงรับได้ฉันก็ไม่ปฏิเสธ เดี๋ยว..อย่าเพิ่ง
ทำหน้าแบบนั้นฉันไม่ได้มั่วมันก็ต้องพิจารณากันระดับนึงอยู่แล้ว" ผมรีบแก้ตัวเมื่อเห็นหมาน้อยมองมาด้วยหางตา
"ผมรู้หรอก อย่างหมอวินมีแต่สาวๆ สวยๆ เข้าหา" ผมใช้ความเร็วฉกปากจูบปากเชิดๆ นั้นไปหนึ่งที ว่าจะไม่ทำแต่เห็นแบบ
นี้ใครจะอดใจได้
"ฉันขอบเวลานายงอนเพราะหึง"
"ผมไม่ได้.." นิวเหมือนจะปฏิเสธแต่ก็หยุดไป
"นิดเดียว หึงนิดเดียวเองครับ ผมเข้าใจดีหมอวินเป็นผู้ชายที่ใครๆ ก็อยากเข้าใกล้" แฟนผมโกหกไม่ค่อยเป็น แม้แต่เรื่อง
แบบนี้ก็รับออกมา จะหาใครน่ารักได้เท่านี้อีกไหม
"หึงเยอะๆ สิสำหรับนายฉันอนุญาต" ผมรำคาญผู้หญิงขี้หึงแต่กลับมีความสุขทุกครั้งที่นิวหึง
"ไม่เอาหรอก แล้วตกลงหมอวินชอบหรือไม่ชอบครับ" นิวย้อนกลับมาถามเรื่องที่คุยค้างกันอยู่แปลว่ากังวลอยู่ไม่ใช่น้อย
"ตอบยากนะรายละเอียดปลีกย่อยมันเยอะ ถ้าถามโต้งๆ ว่าชอบไหมมันก็ต้องชอบอยู่แล้วแต่พอตอบแบบนั้นก็ดูเป็นพวก
ติดเซ็กส์เกินไป เอาเป็นว่าฉันก็ชอบเหมือนคนอื่นทั่วไป บางคนบอกเซ็กส์ไม่ใช่ความรัก บางคนบอกว่าเซ็กส์กับความรัก
แยกกันไม่ออก สำหรับฉันมันต่างกันนิดหน่อยซึ่งฉันเองก็เพิ่งรู้เมื่อได้เจอนาย"
"ยังไงเหรอครับ" นิวถามด้วยความสนใจเมื่อผมเอ่ยถึง
"เมื่อไม่มีความรักมันก็เป็นเรื่องของเซ็กส์ล้วนๆ เน้นความพอใจอย่างเดียว แต่พอมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอนว่าเรา
อยากมีเซ็กส์กับคนที่เรารักแต่เราจะใส่ใจมากขึ้นคิดมากขึ้น เช่นเรื่องที่นายกำลังกังวลอยู่ใครบอกว่าฉันไม่อยาก เห็นนาย
แค่นี้ใจก็สั่นไปถึงไหนๆ เพียงแต่ฉันรอนายได้ ฉันดูออกว่านายยังกลัวๆ ยังไม่ชินและทุกครั้งมันก็เจ็บใช่ไหม ฉันถึงอยากให้
มันค่อยเป็นค่อยไป ให้เวลานายได้พักบ้าง ไม่อยากให้นายเกลียดฉันหรือพาลไม่ชอบเรื่องแบบนั้น ฉันถึงต้องอดใจเอาไว้
ควบคุมตัวเองให้ได้อย่างที่เป็นอยู่นี่ไง "
"หมอวินใจดี" นิวทำท่าเหมือนจะร้องไห้จนผมต้องกอดให้แน่นขึ้น
"ที่นี้ก็เลิกกังวลได้หรือยังไม่ต้องคิดมาก ถ้าฉันมั่นใจว่านายพร้อมเมื่อไหร่รับรองจะกวนไม่เลิกเอง"
"หมอวิน!" นิวเขินหน้าแดงเมื่อเจอบทสรุปของผมเข้าไป มุดหน้าลงกับอกซ่อนสายตาไม่ยอมให้ผมเห็น
"ถ้าอย่างนั้น" นิวพูดขึ้นมาเบาๆ แต่ก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา
"ถ้าอย่างนั้นอะไร"
"ถ้าอย่างนั้นไม่หมอวินจะทำไหมครับ ผม..ผมชอบที่หมอวินพูดนะครับเราค่อยเป็นค่อยไปก็ได้" นิวช้อนตาขึ้นมองผม
รอคอยคำตอบ
"ไม่ทำก็ได้ แต่นายพยายามถึงขนาดนี้ฉันเป็นแฟนที่ดีจะไม่ใส่ใจได้ยังไง"
"ไม่ครับไม่เป็นไร" นิวปฏิเสธเสียงหลงรีบจนลน ผมแอบอมยิ้มตีหน้านิ่งๆ เข้าไว้
"ไม่ได้หรอก ยั่วได้น่ารักขนาดนี้ฉันก็ต้องตอบแทนความดีบ้าง"
"อื้อ" นิวพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่ผมไม่อยากฟังแล้วจึงเลือกที่จะปิดปากคู่นั้นเสีย แสดงออกให้นิวเห็นไปเลย
ว่าผมต้องการนิวมากแค่ไหน แบบนี้ดีกว่ากันเยอะ หมาน้อยของผมจะได้เลิกคิดมากเสียที
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
-มหานิว-“ไหนหมอวินบอกว่าไม่เหมือนที่คุณพู่พูดไงครับ โกหกผมนี่นา”
“เรื่องอย่างนี้ใครเขาอวดกัน ฉันก็ต้องถ่อมตัวไว้ก่อนเป็นธรรมดา”
ผมค้อนหมอวินจนตาคว่ำ แบบนี้แถวบ้านผมไม่เรียกถ่อมตัวหรอกครับเขาเรียกว่าหลอกลวงกันชัดๆ เลย
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
** ขออนุญาตงด NC นะคะ ส่วนตัวคิดว่าช่วงนี้ไม่เหมาะสมและไม่อยากเขียนค่ะ
Darin ♥ FANPAGE