I'm sorry ที่รักครับกูขอโทษ! ตอนที่28 : : เนปคิม // [27/01/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: I'm sorry ที่รักครับกูขอโทษ! ตอนที่28 : : เนปคิม // [27/01/61]  (อ่าน 19411 ครั้ง)

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 

ตอนที่13 เนปจูน


 
ร่างสูงยืนสูบบุหรี่พิงกำแพงมองคนของตนกำลังสั่งสอนคนที่มาก่อความวุ่นวายในที่ของเขาด้วยสายตานิ่งเรียบ เหมือนเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา เขาดูดบุหรี่หมดมวน ก่อนที่จะเดินเข้าไปนั่งย่อตัวจับผมอีกฝ่ายกระชากให้เงยขึ้น

 

 “สันดานแบบมึงควรจะไปทำที่อื่น อย่ามาก่อความวุ่นวายในที่ของกู นี่แค่สั่งสอนเท่านั้น ถ้ากูเห็นมึงปวนเปียนแถวนี้อีก กูจะให้มึงไปลงนรกจริงๆแน่”

 

เนปจูน พาร์ท

 
 “สันดานแบบมึงควรจะไปทำที่อื่น อย่ามาก่อความวุ่นวายในที่ของกู นี่แค่สั่งสอนเท่านั้น ถ้ากูเห็นมึงปวนเปียนแถวนี้อีก กูจะให้มึงไปลงนรกจริงๆแน่”

 
ตอนนี้ผมกำลังสั่งสอนไอ้พวกที่ก่อกวนสนามแข่งรถของเฮียทิตย์ พี่ชายผมเอง ผมได้รับคำสั่งจากเฮียให้เข้ามาดูแลที่นี้แทนในวันนี้(ผมรับทำงานพาทไทม์เฮียแกครับ เงินดี หึๆ)

 
“จัดการให้เรียบร้อย” ผมหันไปสั่งลูกน้อง

 
“ครับ”

 
สวัสดีครับ(พนมมือก้มกราบ)  แนะนำตัวกันซักนิดซักหน่อยนะครับ  นานๆที่อิไรต์มันจะมอบพาร์ทนี้ให้ผมทั้งหมด(รู้สึกปลื้มปิติยินดียิ่งหนัก #ทำหน้าดีใจ) ครับเข้าเรื่อง...ผมมีนามว่า นายรัฐภัทร  เสมานิกุล   ชื่อเล่นเนปจูน  เรียกสั้นๆเนป นั่นละครับ ตอนนี้ผมเรียนบริหาร ปี1 ม.ดังในประเทศไทย  เหตุผลที่เรียนจะได้สืบทอดกิจการจากครอบครัวของผมครับ   ผมเป็นลูกที่ดีของพ่อกับแม่ใช่ไหมละ ฮ่าๆๆ  ขออนุญาตเล่าย้อนไปซักนิดนะครับ  ผมย้ายมาอยู่นี่กับไอ้เตี้ย(คงรู้ใช่ไหมว่าใคร  มีเตี้ยอยู่คนเดียว)  ผมแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศอยากเรียนรู้อะไรที่นี่บ้าง  จึงฉุดกระชากลากมันมาด้วย  จริงๆก็อ้อนมันอยู่นานกว่าจะยอมกลับมาเรียนที่นี่ด้วยกันได้  ผมก็แค่เบื่อที่นั้นแล้ว  ผมอยู่ที่นั้นตั้งแต่ยังจำความได้เลยครับ มาเที่ยวที่ไทยก็นานๆที  เลยอยากจะลองมาอยู่นานๆๆซึมซับความเป็นไทยให้สมกับมีสัญชาติไทยหน่อยก็ดี(ผมเป็นคนไทยนะครับถึงจะมีเชื้อจีนมาบ้าง)  เอ้า  เข้าเรื่องกันต่อดีกว่าครับ  #ตัดภาพมายังปัจจุบัน

 
ผมสั่งลูกน้องเสร็จก็เดินมายังด้านหน้าของสแตนที่เป็นโซนของผู้เข้าชม  ซึ่งโซนนี้จะมีคนดูไม่มาก เรียกได้ว่าไม่น่ามีเพราะส่วนตรงนี้จะเป็นสนามที่ใช้ในการแข่งรถมอ’ไซค์  ส่วนสนามที่กำลังมีเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ้มอยู่อีกฝากของสนาม  ซึ่งส่วนใหญ่สนามเฮียมันจะเปิดเป็นแข่งรถยนต์ซะมากกว่า  เพราะได้เงินดี  จากพวกลูกคนหนูที่รักในการแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจ สนามเฮียถือว่าดีในระดับหนึ่ง มีครบเกือบจะทุกอย่าง  สนามแข่งรถของเฮียจะมีกฎไม่มาก  แต่ก็ไม่เห็นจะมีคนทำได้เลย  ทำให้เฮียต้องจ้างผมมาช่วยดูแลจัดการพวกที่ทำผิดกฎเนี้ยละ  เอาจริงผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ชอบแหกกฎนะครับ จุ๊ๆ อย่าบอกเฮียละไม่งั้นผมตายแน่ ฮ่าๆ  เงินที่เฮียมันจ้างคือเยอะครับส่วนใหญ่ก็เอาไปเลี้ยงลูกที่นอนเฝ้าคอนโดนั่นละครับ  หลังจากที่ผมได้รับสายจากเฮียผมก็บึ่งรถมาที่นี่ทันที  ยังไม่ทันจะได้ไปง้างปากไอ้เตี้ยที่มันหนีเข้าห้องหลังจากที่ว่าผมเสร็จเลย  ผมยังคงคาใจกับเรื่องของวันนี้อยู่  ถึงเตี้ยมันจะไม่บอกแต่ผมต้องรู้ให้ได้  คงต้องใช้ไม้แข็งง้างปากมันซะแล้วละ

 
หลังจากที่ผมเตรียมข้าวไว้ให้ก็เขียนโพสอิทแปะทิ้งไว้ให้มัน  ผมไม่อยากกวนตอนมันหลับอยู่อยากให้มันพักผ่อนมากกว่า ผมก็ออกจากห้องมาทันที  ผมเดินเข้ามาในสำนักงานที่เป็นที่พักของผม  เดินขึ้นชั้นสองจะไปพักผ่อนซักหน่อยรู้สึกล้าไงไม่รุ้ครับ  คงเพราะวันนี้ไปมีเรื่องมาด้วยแถมยังต้องมาจัดการงานที่เฮียมันสั่งอีก  ขอผมพักซักหน่อยนะครับ  ส่วนเรื่องการดูแลสนามนั้นไม่ต้องห่วงครับผมได้สั่งเด็กในโอวาทเนี้ยละให้ส่อดส่องดูแลให้ตอนผมพักผ่อนก่อน  หากเกิดปัญหาอะไรให้จัดการไปเลยไม่ต้องรอคำสั่งจากผม  คือผมมอบสิทธิให้มันในตอนนี้  แต่คงจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วละ


ก็อกๆๆ

เสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้นทำให้ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์

 
“จะอะไรหนักหนาว่ะคนจะนอน...เข้ามา!” ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของลูกน้อง

 
“มึงรู้ไหมว่ากำลังกวนเวลากูพักผ่อน” ผมพูดเสียงแข็งใส่มัน

 
“รู้ครับ  แต่ข้างนอกกำลังเกิดเรื่อง”

 

“แล้วพวกมึงจัดการไม่เป็นรึไงว่ะ!” ผมกระแทกเสียงใส่  ปัญหาแค่นี้มันยังแก้ไม่ได้แล้วชาตินี้แม่งจะทำไรแดกว่ะ  ปวดหัวชิบหายเลยกู

 
“....”


“เออๆๆต้องให้กูออกโรงทุกที  ไอพวกเหี้ยนี่ก็สร้างปัญหาไม่เว้นแต่ละวันจริงๆ” ผมเดินลงจากสำนักงานเดินตรงไปยังสนามที่อยู่ไม่ไกลมากหนัก  ที่ตอนนี้มีเสียงฮือฮาทั้งสนาม  มีกลุ่มวงใหญ่กำลังล้อมรอบอยู่บริเวณนั้น  ผมเดินเข้าไปผลักคนที่เกะกะขวางทางออกให้พ้นๆทาง  คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ถูกปลุกตอนกำลังนอนเป็นเรื่องใหญ่  พวกคุณเข้าใจผมป่ะเวลานอนหลับสบายๆแล้วมีมารมาผจญเนี้ย เฮ้อ


“มึงเล่นสกปรกไงไอ้เวร!”

 
“มึงมีหลักฐานหรอไอสัส”


“ไอเหี้ย!!”

 
หลังจากนั้นก็มีเสียงตะลุ่มบอนกันไม่รู้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน  ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากลุ่มที่กำลังฟัดกันมันส์เลย  ผมพยักหน้าให้ลูกน้องที่อยู่บริเวณนั้นเข้าแยกกลุ่มที่กำลังฟัดกันอย่างกับหมาออก

 
“มีเรื่องอะไรกัน” ผมมองกราดทุกตัวที่อยู่ตรงนี้แบบไม่กลัวว่าพวกมันจะรุม  ใครจะกล้าทำร้ายเจ้าของสนามละครับจริงไหม(หรือเปล่า)

 
“...”

 
“ใครเป็นคนเริ่ม...” ผมกำลังจะหมดความอดทน  เมื่อกี้ปากพวกมึงยังมีอยู่ไม่ใช่รึไง  ไอเวรเอ้ยกูพูดด้วยไม่มีคนพูดกับกู  เสือกมาเป็นใบ้ไรตอนนี้ว่ะ


“...”


“อยากมีปัญหากับกูใช่ไหมไอพวกเด็กเวร!!!”ผมตะคอกใส่พวกมันที่ยังคงนิ่งเงียบอยู่  ที่ผมด่าเด็กเวรนี่ไม่ต้องสงสัยไปพวกมันอายุน้อยกว่าผมอีกครับ  ริเป็นแค่เด็กบังอาจมาแข่งรถแล้วเสือกมาสร้างปัญหาอีก  ผมควรจะจัดการไอเด็กพวนี่มันยังไงดีนะ

 
“อะ..คะ คือ”

 
“จะคือหาพ่อมึงหรอ  รีบบอกมาว่ามีเรื่องเชี้ยไรกัน  ก่อนที่กูจะลากพวกมึงไปกระทืบ”

 
“เอ่อ..คือ” ไอคนเดิมมันยังคงพูด เอ่อๆ คือๆ รำคาญจริงเว้ย


“ไอ้นี่มันเล่นสกปรกครับพี่เนป”
 

“...” จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมา  เป็นอีกฝ่ายของไอ้เด็ก เอ่อๆ คือๆนั่นละ ผมก็แค่นิ่งฟังทำหน้าให้ขรึมเข้าไว้เด็กจะได้กลัว

 
“มึงหาหลักฐานมาสิว่ะ  คิดว่ากูเล่นสกปรกไหนละหลักฐานของมึง  อย่ามาปรักปรำกัน”

 
“ถ้ามึงไม่เล่นนอกกติกาที่เราตั้งไว้  เพื่อนกูจะบาดเจ็บไหมห้ะ ไอสัส!”

 
“เพื่อนมึงมันทำตัวเองต่างหาก  อ่อนแล้วยังเสือกจะแข่งกับกู เหอะ”

 
“มึงว่าไงนะ  ใครอ่อน! มึงว่าใครอ่อนห้ะ ไอ้ขี้โกง!”

 
“มึงว่าใครโกงห้ะไอ้เหี้ย  แพ้แล้วอย่าพาล”

 
“มึงสิเหี้ย โกงแล้วยังคิดว่าตัวเองชนะ เหอะๆ ไอขี้โกง!”

 
ผมยืนกอดอกมองทั้งสองฝ่ายนิ่งๆไม่อยากสอดให้พวกแม่งทะเลาะกันให้พอ  แล้วผมคอยจัดทีเดียวไปเลย ดูท่าพวกมันจะตีกันอีกรอบแล้วซิ  กะอิแค่เรื่องเล็กน้อยแม่งจะเอากันให้ได้เลยใช่ไหม  ได้เดี๋ยวกูจัดให้..

 
“สั่งสอนเด็กพวกนี้  เอาแค่เบาะๆพอ” ผมสั่งงานลูกน้องเสร็จก็เดินออกมาจากกลุ่มนั้น  ตอนนี้ลูกน้องผมกำลังจัดการกระทืบเด็กเวรพวกนั้นตามคำสั่งของผม ผมไม่สนว่าจะเป็นลูกคนใหญ่คนโตอะไรหรือไม่  แต่ในเมื่อมาอยู่ในที่ของผม  ผมจะสามารถทำอะไรใครก็ได้  เอาสิว่ะ  กูไม่กลัวหรอก หึๆ ผมเดินมาขึ้นรถที่จอดอยู่บริเวณสำนักงาน แล้วขับออกไปจากที่นี่ รู้สึกวันนี้จะเป็นวันซวยอะไรของผมก็ไม่รู้สิ  เมื่อตอนกลางวันก็มีเรื่อง  ตอนนี้ก็มีเรื่อง  จะมีอะไรรอคอยกูอยู่อีกไหมว่ะ ผมขับรถเข้ามาในย่านธุรกิจ  ย่านนี้จะเป็นสถานบันเทิง  บางซอยจะเป็นตลาดกลางคืนก็มีแต่จะอยู่อีกโซนของย่านที่ผมกำลังอยู่  สถานบันเทิงมากมาย ผมจอดหน้าผับที่คุ้นเคยกันดี  เป็นผับเฮียทิตย์กับเพื่อนครับ ผมไม่ปที่อื่นหรอก สู้มาแดกฟรีที่นี่ดีกว่า ประหยัด ฮ่ะๆ  ผมโยนกุญแจรถให้คนที่รอนำรถไปจอดยังบริเวณของแขกวีไอพีของที่นี่  ผมมาบ่อยครับตั้งแต่ย้ายมานี่แทบจะสถิตที่นี่มากกว่าคอนโดเลย  หนีไอเตี้ยเที่ยวบ่อยครับ  กิจกรรมทางมหา’ลัยเลิกผมกับเพื่อนก็แวะมาตลอด

 
“ชักช้าจริ๊งนะมึงงง”  ผมเดินขึ้นมาโซนวีไอพีด้านบนชั้นสองของผับก็ได้ยินเสียงผีห่าร้องโหยหวนขอส่วนบุญจากผม

 
“มึงรู้ได้ไงว่ากูชักช้า ไปอยู่กับกูรึไงถึงรู้” ผมกวนมันหลังจากนั่งลง

 
“ไอ้ห่า  ไอ้ลามกจกเปรต”

 
“ไอ้สัส” ผมด่ามันพรางยื่นมือรับแก้วเหล้าจากเพื่อนอีกคนที่ชงมาให้ขึ้นดื่ม

 
“แล้วไม่พาเมียมึงมาด้วยว่ะ”

 
“ใครเมียกูไอ้นิค” ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถามจากเพื่อน  กูไปมีเมียตอนไหนว่ะ

 
“อ่าแหนะๆ  อย่ามาปิดบังพวกกูไอเชี้ยเนป  พวกกูรู้หมดแล้วใช่ไหมไอ้เอก”

 
“กูไม่รู้” ไอ้เอกส่ายหน้าพัลวัน


“ไอ้ฟายอย่ามาทำไก๋มึงเป็นคนเห็นตอนที่มึงไปรับกิ๊กมึงไอ้เอก”

 
“กิ๊กพ่องสิ  พี่กูเว้ยสัส”
 

“อ้าวหรอ โทษๆกูไม่รู้ หุหุ”

 
“...”  ไอ้พวกนี้มันพูดเรื่องไรกันว่ะ  ผม งง
 

“อย่ามาเงียบไอ้เนป ...เช้าส่ง เย็นรับแทบทุกวัน ไม่เมียจะเป็นอะไรพี่แบบไอเอกหรือไงว่ะ  อย่ามาแหลกู หึๆ”

 
“มึงพูดเรื่องเชี้ยไรของมึง  กูไม่มีเมียเว้ย” ผมโวยมัน


“ต้องให้กูงัดหลักฐานมาไหมครับคุณเพื่อน...”มันพูดลากเสียง  ผมชักหมั่นไส้มันละสิ

 
“ถ้ามึงมีก็เอามาหลักฐานมึงนะ”

 
“ได้ๆไอเอกจัดมา” ผมหันไปพูดกับไอเอกที่ทำหน้ามึนใส่

 
“อะไร ? กูไม่มี”

 
“ว๊ายย  กูลืมไป เอานี่ๆๆ” มันทำเสียงดัตจริตแล้วยื่นโทรศัพท์เครื่องหรูของมันมาให้ผม  ผมจ้องภาพถ่ายแล้วก็ต้องหัวเราะลั่น  ก็ไอภาพถ่ายนี่มันเป็นไอเตี้ยนิ  จะยังไงละ  เฮ้ย! จะให้ผมเอาไอ้เตี้ยทำเมียเนี้ยนะ ไม่เอาอ่ะ ลูกผมต้องเกิดมาสูง  ถ้าได้มันมาเป็นแม่พันธุ์นะมึงหวังลูกผมก็หลักกิโลดีๆนี่เอง

 
“ขำไรของมึงไอเนป อย่ามาขำกลบเกลื้อนไอสัส  มีเมียซุกไว้ไม่บอกเพื่อน”


“เมียพ่องดิ  นั่นมันลูกพี่ลูกน้องกูเว้ย” ผมบอกตามความจริง

 
“กูไม่เชื่อ  ข้ออ้างฟังไม่ขึ้น” มันยกนิ้วชี้ส่ายไปมาตรงหน้า

 
“เอาจริงมึงเมาป่ะเนี้ย  กูพูดเรื่องจริงเว้ย”

 
“กูไม่ได้เมาเว้ย  กูคอแข็ง แข็งเหมือนนี่เลย”แล้วมันก็ชี้ไปด้านล่างกลางลำตัวของตัวเอง  ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับความคิดมัน

 
“ไอคนในรูปนี้อ่ะญาติกูเอง  ลูกชายพี่สาวม๊ากูเอง ก็ลูกพี่ลูกน้องเนี้ยละ”

 
“แล้วทำไมมึงไปรับไปส่งทุกวันด้วยละ ไม่เป็นเมียแล้วจะอะไร คนเจ้าชู้อย่างมึงไม่มีวันไปเทคแคร์อะไรขนาดที่จะไม่ใช่คู่เดทป่าวว่ะ” มันยังคงถามต่อ

 
“ทำไงได้ก็อยู่คอนโดห้องเดียวกัน  จะไม่ให้มาเรียนพร้อมกันแล้วกูจะให้มันไปยังไง”

 
“มาเองก็ได้นี่หว่า  อีกอย่างมอก็ใกล้ๆเอง” ไอ้เอกถามเสริม  ทำไมผมรู้สึกเหมือนโดนสอบสวนความผิดว่ะ

 
“สรุปไม่เชื่อ?”

 
“เออ!!” สองเสียงประสานกันตอบ  กูพูดเรื่องจริงไม่เชื่อกันนะ สงสัยต้องลากไอเตี้ยมายืนยันเองซะละ  ถูกเข้าใจผิดจนได้ ถึงผมกับมันจะชอบเล่นกันอย่างกับแฟนกันก็เถอะ  แต่เราก้รู้ว่าไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้น  แล้วถ้าหากเรามีความสัมพันธ์แบบนั้นกันจริงๆละก็คิดดูซิ ครอบครัวผมกับมันจะเป็นไง  ไม่ได้ๆ มันจะไม่มีวันเกิดขึ้น สงสัยผมต้องหาแฟนตัวจริงซะละมั้งเนี้ย

 
“..แล้วแต่จะคิด เฮ้ออ”

 
“น้องเนปจูนใช่ไหมค่ะ”  นั่งกันมาซักพักก็มีเสียงหวานของผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาทัก  ทำให้ผมหันไปมอง

 
“ครับ”

 

“ขอนั่งด้วยได้มั้ยค่ะ”

 

“เชิญครับ” เธอส่งยิ้มหวานมาให้แล้วนั่งลงข้างๆผม  ผมหันมามองเพื่อนตัวเองส่งซิกผ่านสายตาให้กันเหมือนรู้ความคิดกัน หึๆ  เสือผู้หญิงอย่างผมมีหรือจะพลาดในเมื่อมีเหยื่อมาลอยอยู่ตรงหน้า

 

“รู้จักผมด้วยหรอครับคนสวย”

 

“ทำไมจะไม่รู้จักละค่ะ  ว่าที่เดือนคณะบริหาร” มือบางลูบอกผมช้าๆเหมือนยั่วยวน

 

“ว่าแต่พี่สาวคนสวยชื่ออะไรครับ” ไอ้นิคที่นั่งตรงข้ามเอ่ยถาม  เธอจึงหันไปตอบ

 

“พี่ชื่อ เอม ค่ะ แล้วน้องสองคนชื่ออะไรกันหรอ” เธอถามเพื่อนผมต่อ แต่ตัวเธอดันเอนมาซบผมซะนี่  ได้โอกาสนะสิ ผมจึงโอบเอวบางของเธอแล้วลูบเล่น  ดูเธอเองก็คงจะชอบเห็นเบียดกายเข้าหาผมจนจะสิงกันอยู่แล้ว  เป็นผีหรือไงว่ะ

 

“ผมนิคครับ ส่วนไอขี้เหร่นี่ชื่อเอกครับ”  แหมมกล้าพูดว่าคนอื่นขี้เหร่  มันคิดว่าตัวเองหล่อมากมั้งนั่น หึ

 

“ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ”

 

“เช่นกันครับ” ไอนิคส่งยิ้มให้เธอแล้วหันมาขยิบตาให้ผม  ไหนๆยังซะคืนนี้ผมก็ไม่กลับห้องอยู่แล้ว  อีกอย่างแปะโพทอิทบอกไอ้เตี้ยไปแล้วด้วย  คงไม่เป็นไร

 

“ขอบคุณค่ะ...พี่ของเรียกเนปเฉยๆได้ไหมค่ะ  จะได้ดูสนิทกัน”เธอหันไปบอกขอบคุณไอเอกที่ชงเหล้าส่งให้เธอ ก่อนจะหันมาถามผม

 

“ตามใจครับคนสวย”  เอาจริงๆชื่อที่เธอบอกผมเมื่อกี้ผมลืมไปละ  ต้องใช้ศัพทืที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เขาชอบให้ชมกันนี่ละ  ง่ายดี

.

.

.

.

 

นั่งดื่มกันซักพักเธอก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ  ผมจึงทำเป็นสุภาพบุรุษเดินประคองร่างบางที่โอนเอนเพราะไอ้นิคกับไอเอกมันหมอมเธอให้เมา  ผมก็ไม่ได้ห้ามอะไรในเมื่อผู้หญิงอยากกินมันเข้าไปเอง  ผมให้เธอเข้าไปทำธุระส่วนตัวของตัวเอง

 

“รออยู่ตรงนี้นะค่ะที่รักเดี๋ยวเอมจะรีบออกมา  หรือว่าจะเข้าไปด้วยกันดี” เธอกอดคอผมแล้วลูบอกผมช้าๆ ช้อนตาหวานเชื่อมมองมา ผมมองคนที่เมาแทบจะไม่ได้สติตรงหน้า  ผมเป็นจำพวกไม่เอาในที่สาธารณะว่ะ  มันโจ้งแจ้งเกินไป  ยิ่งเป็นผับเฮียไม่เอาหรอก  ถ้าเฮียรู้ผมถูกบ่นจนหูชาแน่

 

“ไม่เป็นไรดีกว่า  ผมก็จะไปทำธุระขอผมเหมือนกัน”ผมดันร่างบางให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ  เมื่อร่างบางของหญิงสาวเดินเข้าไปจะทำธุระส่วนตัวของตัวเองบ้างแต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขัดขึ้นมาก่อน

 

“ครับเฮีย”

 

(งานที่ให้ไปทำจัดการเรียบร้อยยังว่ะ)

 

“ระดับผมละเหอะ  เรียบร้อยอยู่แล้ว”

 

(เอออดี  เดี๋ยวกูโอนเงินเข้าให้)

 

“ขอสองเท่านะเว้ยเฮีย”

 

(ไอ้น้องชั่ว  แค่เงินที่มึงใช้แต่ละเดือนก็เหลือเฟือยละเหอะ  ไม่ใช่ที่หมดไปเพราะผู้หญิงนะ อย่าให้รู้กูจะตัดเงินมึงทันที)

 

“โถ่เฮียยยย  ที่หมดอ่ะกะไอเตี้ยน้องรักเฮียเหอะ  ผลาญเงินผมจนต้องวิ่งมาทำงานกับเฮียเนี้ย”

 

(ให้มันจริง  เออๆๆแค่นี้แหละ  ว่างๆก็บอกให้โยมาหากูบ้าง กูคิดถึง)

 

“ได้ครับเฮียเดี๋ยวหล่อบอกให้”

 

(เออไอ้หล่อ)

 

ติ๊ด  เสียงตัดสายจากปลายสายเงียบไปแล้ว  ผมจึงเข้าไปทำธุระส่วนตัวจริงๆ ก้าวเท้าเข้ามาในห้องน้ำก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายด้านใน  ผมมองภายในห้องน้ำก็ไม่มีใคร  สงสัยจะดื่มจนหลอนหู  ผมรีบทำธุระตัวเองให้เสร็จ กำลังล้างมืออยู่ตรงอ่างน้ำก็ได้ยินเสียง โครม เหมือนมีอะไรไปกระแทกประตู  ผมจึงเดินไปยังห้องสุดท้ายที่มีประตูปิดอยู่  ยิ่งเข้าใกล้เสียงยิ่งชัดเจน

 


ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
“ไอ้เหี้ยปล่อยกู!”

 

“อยู่นิ่งๆซิว่ะ”เสียงเหมือนคนคุยกันเล็ดออกมา

 

“ไอ้ชาติชั่ว ปล่อย!!”

 

“กูหมายมึงไว้นานละ  ปล่อยให้โง่ดิว่ะ หึๆ”

 

“อ๊ะ..ออกไป”เสียงครางหวานดังลอดมาให้ได้ยิน

 

“กว่ายาจะออกฤทธิ์แม่งเล่นเอาเหนื่อย”

 

“ไอ้เหี้ยนี่มึง อ่ะ วะ วางยากูหรอ ห้ะ!”

 

“รู้ตัวก็สายไปแล้วครับน้องคิม หึ”

 

“อ๊ะ อื้มม  ช่วยด้วย  ฮึก”

 

“ร้องไปเถอะ  ไม่มีคนช่วยน้องคิมได้หรอก  เป็นเมียพี่ดีๆเถอะ”

 

“อะ ไอ้เหี้ย  ใครก็ได้ อึก ชะ ช่วยด้วย”เสียงหวานดังแผ่วๆผมที่ยืนฟังอยู่นาน (มึงมีอารมณ์ฟังอีกหรอว่ะ ช่วยเขาสิว่ะ) เออผมต้องช่วยใช่ๆต้องช่วย  เถียงกับความคิดตัวเองซักพักจะช่วยหรือไม่ช่วยดี  อาจจะเป็นเรื่องของผัวเมีย  แต่ถ้าถูกบังคับละจะเป็นไง  แต่ด้านดีของผมมันสั่งการทำให้ผมยกตีนขึ้นถีบประตูห้องน้ำดัง ปังๆ  ทำให้คนในห้องชะงัก

 

“ไอ้เหี้ย!!ใครว่ะ ถีบหาพ่อมึงรึไง” ไอ้คนที่อยู่ในห้องน้ำตะโกนออกมา

 

“ชะ ช่วยด้วย”เสียงเบาหวิวนั่นยังคงเปล่งออกมาเหมือนมีความหวัง

 

“จะทำอะไร  อยู่นิ่งๆซิว่ะ!”

 

“ไอ้เหี้ย อึก..” ตุบ  เสียงเหมือนคนด้านในกำลังโดนผลักจนล้ม

 

ปัง ปัง ปัง

 

“เปิดประตูนะไอ้เวร  มึงทำเหี้ยอะไรห้ะ !!” ผมตะโกนให้คนข้างในเปิดประตู

 

“เรื่องผัวเมียมึงยุ่งอะไรห้ะไอห่า”

 

“ไม่ใช่! ช่วยด้วย”

 

“ผัวเมียเหี้ยไรกันว่ะ  เมียมึงจริงคงไม่บอกให้ช่วยหรอกเว้ย!” ผมยังคงไม่ยอมแพ้ถีบประตูบานนั่นแบบไม่ออมแรง

 

พลั่ก! ตุบ

 

“เฮ้ย!!”

ผมแทบล้มเมื่อจู่ๆร่างด้านในก็ถลาเข้ามาผมที่กำลังยืนถีบประตู  ผมรับร่างนั้นแทบจะไม่ทัน

 

“ชะ ช่วยด้วย” คนในอ้อมแขนผมเอ่ยเสียงเบาหวิว  ผมมองสำรวจร่างบางที่สั่นเทาตรงหน้า ทั้งหน้าทั้งตัวขึ้นสีแดงน่ากลัว คงเพราะโดนยา  ตาที่หวานเชื่อมมองมายังเขา  ริมฝีปากที่กัดจนห่อเลือดจนน่ากลัวเหมือนอดกลั่นอารมณ์เอาไว้

 

“มึงจะเอาเมียกูไปไหน!” ร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขนของผมถูกกระชากกลับด้วยไอสารเลวนั้น

 

“อึก..”

 

“นี่เขาไม่เรียกว่าเมียแล้วเว้ย  มึงแม่งชั่วว่ะ  จะขืนใจคนที่ไม่เต็มใจ เหอะๆ ไอ้หน้าด้าน!” ผมยกเท้าถีบมันแล้วกระชากร่างบาางกลับมาหาตัวเองอีกครั้ง ผมจับร่างบางของอีกคนให้ไปยืนอยู่ด้านหลัง ก่อนจะเข้าไปกระทืบไอ้เดนนรกนั้นที่ถูกผมถีบในตอนแรก

 

“อัก !”

 

“คนอย่างมึงนี่มันรกโลกจริงๆนะ”

 

“อะ ไอ้ หะ เหี้ย” เสียงลมหายใจมันขาดห้วง

 

“หึ”

 

“อัก อึก” ผมเตะเข้าสีข้างของมันอีกรอบมั่นใจได้ว่ามันไม่มีทางลุกขึ้นมาทำร้ายผมได้แน่

 

“กระจอกว่ะ”

 

ผมทิ้งท้ายคำให้มันแล้วหันมาสนใจอีกคนที่อยู่ด้านหลังผม  ผมพาร่างบางออกไปจากห้องน้ำเดินตรงไปยังรถที่จอดอยู่โซนวีไอพีหลังจากรับกุญแจจากเด็กจอดรถมา  ผมยัดร่างบางอีกคนขึ้นรถแล้วขับออกมา  ร่างบางข้างๆกายในตอนนี้เองก็เหมือนจะไม่ไหว

 

“จะเอาไงต่อดีละทีนี่” ผมสบถออกมาไม่รู้ว่าจะทำไงต่อไปดี  ผมได้แต่ขับรถตรงมาเรื่อยๆโดยไม่รู้จะไปที่ไหน  คอนโดตัวเองก็ไม่ได้ ไอเตี้ยมันอยู่  ม่านรูด เหอะ ไม่เอาอ่ะ  ไม่ใช่สไตล์ว่ะ  ตอนนี้คนข้างๆก็ไม่ไหวอยู่แล้วด้วย  ให้ตายกูจะทำไงดีว่ะ

 

“อึก มะ ไม่ วะ ไหวแล้ว อื้ออ” เสียงครางกระเส่ารมณ์มากมึงเดี๋ยวกูก้ขึ้นหรอก  อย่าหันมามองกุครับ เห็นไหมกูขับรถอยู่ มึงอยากตายคู่เรอะ  ผมได้แต่ประท้วงในใจ

 

“เฮ้ย!อย่านะเว้ย  กูขับรถอยู่” ผมใช้มือดันร่างบางไว้ข้างหนึ่ง  จู่ๆก็พุ่งมากอดคอผมที่กำลังขับรถ  เวรเอ้ย! อดทนหน่อยไม่ได้รึไงว่ะ

 

Rrrrrrrrrr

 

เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น เอาไงดีว่ะเนี้ยมือหนึ่งก้ต้องจับพวงมาลัยรถ อีกมือก็ต้องดันคนที่จะทำมิดีมิร้ายผม  เอางี้ละกัน  จอดรถก่อน  ผมตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าข้างทาง  มือก็ดันคนข้างๆไว้ก่อนจะกดรับสายที่โทรเข้ามา

 

“เออ” ผมกรอกเสียงลงไปเมื่อรู้ว่าใคร

 

(เหี้ยเนปมึงอยู่ไหนตอนนี้)

 

“ข้างนอก”

 

(เชี้ย มึงรู้ไหมว่าผู้หญิงของมึงตามหานะห้ะ)

 

“หรอ..เออไอนิคกูขอยืมคอนโดมึงหน่อยสิวันนี้” ผมบอกมันเมื่อนึกขึ้นได้

 

(เอาไปไม  ฮั่นแน่เจอสาวแจ่มกว่าเจ้นั่นอ่ะดิ เออๆๆ ไปขอคีย์การ์ดสำรองเอาเดี๋ยวกูโทรบอกเขาให้ละกัน รหัสเปิด9183  ดูแลห้องกูดีๆละ  อย่าเสือกทำไรพิสดาร ติ๊ด) ผมกดวางสายขี้เกียจฟังมันพูดมาก  เมื่อรู้จุดหมายที่จะไปแล้วผมก็กระชากตัวรถออกไปยังเส้นทางที่จะไป  รู้สึกร่างข้างๆจะเงียบแล้วแฮะ ผมหันไปมอง ปรากฏว่านิ่งครับ  หลับซะงั้น  ผมจอดรถบริเวณใต้คอนโดไอนิค  ผมเดินมาเปิดประตูฝั่งที่มีคนหลับอยู่ อุ้มท่าเจ้าสาว(?)พาเดินเข้าไปในตัวตึก  พร้อมกับรับคีย์การ์ดสำรองที่ไอนิคคงโทรมาบอกแล้ว  รอลิฟท์ไม่นานก็ได้ขึ้น  ผมกดเลขชั้นที่ต้องการ มองคนที่นอนหลับในอ้อมแขน  มีเวลาได้พิจารณาหน้าตาชัดๆใกล้ๆก็คราวนี้แฮะ  น่าตาค่อนไปทางหวานหน่อยคล้ายไอเตี้ยเลย  หน้าหวานเหมือนผู้หญิง  แต่ไอเตี้ยหวานกว่า  ไหนจะเอวคอดนี่อีก  ตัวก็บาง  ถ้าไม่ตัดผมสั้น แต่งตัวเป็นผู้ชายนะ  คงสวยน่าดู  ลิฟท์เปิดยังชั้นที่ต้องการผมเสียบคีย์การ์ดพร้อมกดรหัสห้องเปิดประตูนำร่างบางอีกคนไปวางไว้บนเตียงอย่างเบามือกลัวอีกคนจะตื่นขึ้นมา  แต่ตอนนั้นเอง...

 

“อื้มม..”ผมถูกดึงคอกดลงไปแนบชิดกับริมฝีปากของคนใต้ร่าง  คนที่คิดว่าหลับบดจูบแลบลิ้นเลียริมฝีปากผมที่เม้มแน่นไม่ยอมเปิดปากให้ลิ้นเล็กสอดเข้ามา

 

“ไม่ได้ๆ กูจะทำอะไรคนที่ไม่มีสติ  อีกอย่างกูไม่รู้จักมันด้วย” ผมผลักร่างบางออกก่อนจะรีบลุกขึ้นมองร่างบางที่ดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียง

 

“ระ ร้อน อื้อ ร้อน ช่วย ดะ ด้วย”

 

“...”

 

“ร้อน  ฮึก  ฮืออ คะ ใครก็ได้ ชะ อ่ะ” ผมอุ้มร่างอีกคนเดินไปยังห้องน้ำจับวางลงในอ่างอาบน้ำเปิดน้ำที่ตั้งอุญหภูมิติดลบให้น้ำเย้นที่สุด  ทำยังไงก้ได้ให้คนต่อหน้าผมหยุดทรมาน  แต่เหมือนร่างบางจะไม่ยอมปล่อยแขนผมกลับกระชากผมเข้าหาตัวแล้วก็ไซร้ลงตรงคอผม  จนทำให้ผมต้องดันแล้วก็กดลงไปในน้ำ

 

“อยู่เฉยๆ”ผมบอกเสียงนิ่งจ้องคนตรงหน้าที่มองมาตาเชื่อม  เมื่อเห็นร่างบางนิ่งแล้วผมจึงผละออกมา

 

“...”

 

“แช่อยู่ในนี้นะ” ผมบอกจบก็เดินออกมาทั้งปิดประตูพร้อม  เกือบแล้วไหมละ    ผมออกมาสงบจิตสงบใจไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้  ยิ่งเสื้อสีขาวที่เปียกน้ำจนเห็นไปถึงข้างในขาวๆนั้น  ยิ่งจะเตลิด  ผมบอกแล้วไงว่าจะไม่ทำอะไรถ้าอีกฝ่ายไม่รู้สึกตัว  แต่ถ้าโดนแบบเมื่อกี้อีกนะ ผมคงไม่ไหวแล้วเหมือนกัน  ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะที่จะทนสิ่งยั่วยวนรัญจวนใจโดนยั่วมากๆผมก็ไปได้นะครับ

 

“ยุบหนอ  พองหนอ”

 

“อ๊ะ..อ๊า..”เสียงครางหวานในห้องน้ำดังลอดออกมาจากห้องน้ำให้ได้ยิน

 

“ยุบหนอ  พองหนอ”

 

“อ่ะ อื้มม อ๊า”

 

“ยะ ยุบ เหอะหนอ”

 

“อ๊า  ซี๊ดด”

 

“พะ พอง แล้วหนออ”  พองแล้ว  พองแล้วครับ  ส่วนกลางลำตัวผมมันพองแล้วครับ มึงจะครางหวานไปไหนห้ะของกูขึ้นเลย  ผมข่มตาลงกลั้นอารมณืดิบที่กำลังจะแผลงฤทธิ์ออกมา

 

“อ๊า..”  แล้วเสียงครางในห้องน้ำก็เงียบไป  สงสัยจะเสร็จแล้ว  ให้เดาผมว่ามันคงช่วยตัวเองอยู่นั่นละ  ผมเปิดประตูเข้าไปดูคนด้านใน  แช่นานไม่ได้เดี๋ยวจะไม่สบายมาซวยผมอีก  แค่ตอนนี้ก็วุ่นวายละ  วันนี้มันวันซวยของกูแน่ๆ สงสัยต้องไปทำบุญทำทานเอาความซวยออกจากตัวให้หมด   ผมเห้นร่างบางที่แช่น้ำกำลังหลับตาอยู่มือก็กำส่วนตรงนั้นของตัวเองไว้   เฮ้ยอย่ามองผมแบบนั้น ผมไม่ได้ตั้งใจมองนะเว้ย  ก็มันแบบ..เห็นเอง  ผมจึงเดินไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัวและเสื้อครุ้มที่อยู่ในตู้ในห้องน้ำมาให้อีกคน

 

“แช่น้ำพอแล้ว  ลุกขึ้นเดี๋ยวไม่สบาย” ร่างบางเงยหน้าขึ้นมามองสบตากับผมที่ยืนค้ำหัวอยู่นิ่ง  ไม่ได้เอ่ยตอบผมมา

 

“...”

 

“ลุกขึ้น” ผมสั่งอีกครั้ง  ร่างบางนั้นค่อยๆลุกขึ้นก่อนที่จะโถมตัวเข้ามาหาผมล้มตึงลงไปกับพื้นห้องน้ำเต็มๆ เจ็บและจุกบอกได้เท่านี้

 

“ช่วยกูหน่อย ขอนะ”เสียงหวานเอ่ยจบประโยคก็บดจูบลงมาที่ริมฝีปากของผม  ลิ้นเล็กพยายามจะแทรกเข้ามาในปากผม ดันลิ้นเลียปากผมอยู่อย่างนั้น  ผมเองก็เผลอเปิดปากรับลิ้นเกี่ยวตวัดกับลิ้นผม  บอกแล้วไงไม่ใช่อิฐ ไม่ใช่ปูน โดนยั่วมากๆก็ไปแล้วครับ ผมลูบเอวของคนตรงหน้า  เสื้อที่เปียกแนบไปกับร่างกายมันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร  ผมเบียดปากแนบแล้วกดหนักๆ เสียงครางหวานของร่างบางเหมือนพึงงพอใจที่ผมตอบสนองความต้องการ

 

“อื้มม..อ่ะ”

 

“กูไม่ทนแล้วนะ  ตื่นมาอย่าโวยวายแล้วกัน หึ” ผมจับร่างบางพลิก ผมต้องเหนือกว่าสิจะให้ใครมาอยู่บนผมไม่ได้  พูดจบผมก็จูบอีกฝ่าย  จูบไม่หวานแต่มันก็เร่าร้อนเหมือนไฟแผดเผาเราสองคน  ร่างบางที่ร้อนอยู่แล้วยิ่งร้อนหนักไปอีก  มือบางเลื่อนไปลูบส่วนกลางลำตัวของผมแล้วลูบมัน  ผมซุกซอกคอของอีกคนมือก็ทำหน้าที่ลูบเรือนร่างบางไปเรื่อยๆ  ผมไซร้และกดจูบ ดูดหนักๆตามคอจนเกิดรอยจางแดง  ลากลิ้นเลียจากซอกคอต้ำลงมาที่หน้าอกแบนราบของคนที่ครางใต้ร่างผม

 

“อ๊ะ ตะ ตรงนั้น อย่า” ห้ามไปผมก็ไม่ฟังแล้วว่ะ  ผมเลียเม็ดตุ้มไตที่ขึ้นนูน

 

“อืมม”

 

“อ๊ะ..จะ เจ็บ  อย่ากัดนะ”

 

“มึงยั่วกูเองหลังจากนี้จะเป้นยังไงก็รับผลที่จะตามมาเองแล้วกันนะ” ผมกระซิบข้างหูอีกคนแล้วเม้มติ่งหู  ปลุกอารมณ์ของคนตรงหน้าให้มากขึ้นกว่าเดิม

 

“อ๊า  อื้ออ”

 

“อ๊า”

 

เสียงครางทุ้มต่ำ เสียงครางหวานที่แว่วดังเล็ดลอดให้ได้ยินเป็นระยะๆ บ่งบอกถึงกิจกรรมที่ไม่มีวันจบสิ้นในคืนนี้จนกว่าฤทธิ์ยาหรือฤทธิ์อารมณ์ของทั้งคู่จะหมดไป  (เอ้าๆๆไรท์จะไม่เสริมต่อว่ามันสองตัวจะยังไงกันต่อ  เราจะขอแพนกล้องไปที่ชักโครกนะจ้ะ ฮ่ะๆ)





Tobecon....

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ตัดจบอย่างโหดร้าย

ออฟไลน์ Anong2013

  • พ่อค้าขนหวาน Versions 1
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • www.thaiboyslove.com
มาเร็วๆนะ

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
เนปนี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันน๊าาาา คราวนี้เนปก็จะได้มีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้ววว นี่ถ้าตื่นมาจะเป็นไงเนี่ยะ5555

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

ตอนที่14 : ข้อความ/ความรู้สึก

-เนปจูน-
RRRRRRRRRRR
ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ดังแว่วเข้าโสตประสาทรบกวนเวลาพักผ่อนของผม  กว่าที่ผมจะได้นอนก็เกือบสว่าง ผมกดรับสายรำคาญเสียงรบกวน
“โหล..”
(อยู่ไหน?)
“ห้องเพื่อน”
(เมื่อไรกลับ)
“ไม่รู้”
(เออๆ)
บทสนทนาสั้นๆ  ที่ไม่มีอะไรมากมาย   ปลายสายตัดไปแล้ว  ผมไม่รู้ว่าผมคุยกับใครผมแค่รับแล้วก็กรอกเสียงไปเท่านั้น  มันง่วงนี่ครับ  เพลียด้วย  กิจกรรมที่ทำเมื่อคืนก็สาหัดเอาการ ผมวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม เอื้อมมือไปกะจะคว้าร่างบางที่อยู่ข้างกายแต่กลับว่างเปล่า
“หืม..” ผมลืมตาตื่นมองพื้นที่ข้างๆที่คิดว่าน่าจะมีคนอยู่  ผมลูบพื้นที่เตียงที่ยังอุ่นๆอยู่  คงเพิ่งลุกออกไปได้ไม่นาน  ผมค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงกวาดสายตามองรอบห้องตามพื้นกระจัดกระจายไปด้วยสิ่งของต่างๆ 
“หนีไปแล้วซินะ”  ผมขยี้หัวตัวเองลุกจากเตียงเปิดตู้หยิบผ้าขนหนู(คิดซะว่าเป็นห้องตัวเอง)เดินเข้าห้องน้ำเหมือนเป็นปกติจากที่ทำกิจกรรมเหล่านี้ 

-คิม-


“อื้อ..” ผมตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของอีกวัน  ทำไมผมรู้สึกหนักๆบนตัวจัง  ผมมองแขนของใครบางคนที่กอดเอวผมอยู่ ใบหน้าซบลงตรงซอกคอผม  ลมหายใจสม่ำเสมอ  ผมค่อยๆจับแขนเขาออกช้าๆกลัวอีกคนจะตื่น  เขาเพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อยแล้วนิ่งไป  ผมค่อยๆพยุงร่างกายที่บอบช้ำจากกิจกรรมอันเร่าร้อนเมื่อคืน  จริงๆผมควรตื่นมาแล้วต้องตกใจใช่ไหม  จู่ๆก็ต้องมานอนกับคนที่ไม่รู้จักกันเลย  แต่ก็เพราะไอสารเลวตัวนั้นที่กล้าวางยาใส่ในแก้วเหล้าผม  คิดแล้วก็แค้นไม่หาย   ถ้าหมอนี่ไม่มาช่วยผมไว้  ผมคงตกเป็นเมียมันไปแล้ว  ผมมองเสี้ยวหน้าของคนที่นอนคว้ำหน้ากับหมอน  ใบหน้าขาวเนียน ดูสะอาดตา  จมูกโด่งรับกับใบหน้า ริมฝีปากที่ผมสัมผัสเมื่อคืนหลายต่อหลายครั้ง  ร่างกายแค่ได้มองก็รู้ว่าอีกคนดูแลตัวเองขนาดไหน มันใช่เวลาที่ผมจะมานั่งมองใครก็ไม่รู้  ผมค่อยๆลุกจากเตียงแต่ก็ต้องล้มลงกับพื้นเพราะร่างกายไม่เอื้ออำนวยจริงๆ  ก้นก็เจ็บ  ยิ่งล้มลงกับพื้นอีกยิ่งปวดหนักเข้าไปใหญ่   ผมยันตัวลุกขึ้นอีกรอบรู้สึกเหมือนมีน้ำไหลอออกมาจากหว่างขา
“สัส  เยอะชิบ” ผมได้แต่สบถเมื่อเห็นน้ำใคร่ที่ไหลออกมาเป็นจำนวนมาก  นึกถึงเวลาเอาออกสิครับ  สงสารคนที่ต้องเอาออกบ้าง  เพราะแบบนี้ไงเวลามีอะไรกับใครผมมักจะให้คนนั้นใส่ถุงยาง ป้องกันการติดโรคด้วย แต่ครั้งนี้คงไม่ทัน  หมอนี้เป็นคนแรกที่ได้ปล่อยในโดยไม่สวมถุงยางเลย   ผมไม่ใช่คนไร้เดียงสาที่จะไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลย  ผมก็เป็นผู้ชายที่มีความรู้สึกอยากเหมือนกับคนอื่นๆ   แต่ผมก็ไม่ได้มั่วขนาดที่จะเอากับใครก็ได้หรอกนะ  ผมพาตัวเองเข้าห้องน้ำเขาไปล้างคราบใครที่ยังฝังอยู่ในตัวออกให้หมด  หยิบเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งไว้บนพื้นในห้องน้ำมาใส่  ยังชื้นๆอยู่เลยแต่ก็ต้องใส่  ผมไม่อยากอยู่ที่นี่นานนัก  เพราะมีงานที่ต้องไปทำกับกลุ่มเพื่อนให้ทันส่งพรุ่งนี้  ผมมองสภาพตัวเองในกระจกก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่  เซ็กส์ครั้งนี้มันรุนแรงและเร่าร้อนกว่าครั้งไหนๆ  รอยแดงบนคอ หน้าอก เต็มไปหมด  หน้าซีด  เหมือนยังกะโดนรุมโทรมอย่างนั้นแหละ  ผมเดินออกมาจากห้องน้ำมองร่างของอีกคนที่ยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง
“คงไม่ได้เจอกันอีกนะ..” 
ผมเดินออกจากห้อง  ลงลิฟท์  เรียกรถแท็กซี่กลับหอพัก  ถึงหอผมก็แทบจะสลบกลางห้อง  ผมนอนราบลงไปกับโซฟาตาก็จะปิดอยู่ร่อมร่อ  ถ้าไม่มีเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น  ผมต้องลากสังขารไปเปิดประตูให้กับแขกที่ยืนออกันหน้าประตู
ก๊อก ก๊อก !
“เฮ้ย เร็วๆดิว่ะ  กูเมื่อยเว้ย!!” เสียงโวยวายหน้าห้องตะโกนสั่งผม 
“เอออแปบเว้ย” ผมเปิดประตูให้กับไอผู้ชายหน้าเหี้ยสี่ตัวที่หอบของมาทำงานที่ห้องผมให้เข้ามา
“สภาพโดนเอามาละสิ” ไอ้เดฟผู้ชายปากหมาของกลุ่ม
“มึงก็รู้ๆอยู่ว่าอีคิมมันแรด” ไอ้โบ๊ทผู้ชายปากสุนัขรองจากไอ้เดฟ
“อย่าว่าเพื่อนสิมึง  มันไม่แรดเว้ยมันแค่ร่าน”  ไอ้เวรเอ ผู้ชายปากส้นตีน
“...”  ไอ้อัลสุดหล่อของกลุ่ม  ถึงหล่อแต่สันดานมันเหี้ยไม่ต่างจากไอ้สามตัวนี้เลย  นั่งเงียบไม่พูดแซวผม  ผมสังเกตเห็นหน้ามันที่มีรอยช้ำอยู่บนหน้า  ทำให้เกิดอาการอยากสอดขึ้นมาทันใด
“ไอ้อัล หน้าไปโดนใครต่อยมาว่ะ”
“เสือก”
“กูไม่น่าถาม...”
“เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังว่าเกิดไร” ไอ้เดฟเสนอหน้าอยากจะเล่า  ไอ้อัลแค่หันไปมองจิกว่ามึงอย่าเสือกช่วยอยู่เงียบๆ  แต่ไอ้เดฟอ่ะนะ  มันรู้โลกรู้  เรื่องชาวบ้านละรู้ไปหมด
“...”
“...”
“...”
“...”
ผม ไอ้เอ ไอ้โบ๊ท ไอ้อัล นั่งรอฟังมันเล่า
“คืองี้นะ ...  ไอ้อัลอ่ะมันไปยุ่งกับคนมีเจ้าของเว้ย  แล้วผัวเขามาเห็นเข้ามันเลยโดนซัดมา  ฮ่าๆๆๆ  สะใจกูจริงๆ  โอ๊ยยย ไอ้เหี้ยถีบกูทำไม” ไอ้เดฟโวยเมื่อไอ้อัลถีบมันจนล้มตึงไปกับพื้นห้อง
“ไม่รู้อะไรก็อย่าเสือกพูดไอ้เดฟ   แล้วไอ้คนที่ต่อยกูไม่ใช่ชู้เมียมึงหรือไง”
“ไม่ใช่โว้ยยย!!”
“ฮ่าๆๆ”  เสียงระเบิดหัวเราะของไอ้เอกับไอ้โบ๊ทเหมือนกับสะใจที่ไอ้อัลมัเล่นไอ้เดฟคืนได้  ผมมองพวกมันที่เถียงกันไม่จบไม่สิ้น  คนที่พวกมันพูดถึงบ่อยๆ  ผมเองก็ยังไม่เคยเห็นหน้าคนที่มันว่าเป็นชู้เมียไอ้เดฟซักที  แถมยังมีไอ้อัลอีกที่ไปยุ่งด้วย  หาสาระอะไรไม่ได้ซักอย่าง  แล้วงานจะได้เริ่มทำไหมละเนี้ย
“กูไปอาบน้ำก่อนละกัน  อย่ามัวแต่เห่าใส่กันทำงานด้วยละพวกหมา”
“ให้พี่ช่วยพยุงไหมจ้ะน้องคิม  เห็นท่าเดินมึงแล้วกูสงสาร ฮ่าๆๆ”
“หุบปากไปเลยไอ้เดฟ” ผมหยิบของที่ใกล้มือปาใส่มัน  คนอะไรว่ะพูดมากปากเสียจริง  หมาในปากก็เยอะ  สงสัยต้องบอกกับเมียมันให้พาไปเอาออกบ้างละ 
.
.
.
ผมอาบน้ำชำระร่างกาย  แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็ออกมาดูพวกหมาๆมันว่าทำงานกันหรือยัง  ปรากฏว่า...มีทำงานอยู่คนเดียวคือไอ้อัล  ส่วนไอ้สามตัวนั้นก็กกขวดเบียร์ซะแล้ว   สว่างๆมันยังแดกได้นะครับ  แล้วงานจะเสร็จมั้ยยยยยยย?????
“แดกได้แต่หัววันนะพวกมึง” ผมถีบหลังไอ้เอที่กำลังกรอกเบียร์เข้าปากจนมันสำลัก  สมน้ำหน้า
“แค่กๆ อะ ไอ้ห่าคิม ถ้ากูตายทำไง”
“ก็เผาไง” ผมบอกเสียงนิ่ง
“ฮึก ! โบ๊ทต๋า  อีคิมมันว่าเค้า”
“โอ๋ๆไม่เป็นไรนะเตง เดี่ยวเค้าจัดการให้”  พอมันทำอะไรผมไม่ได้ก็หันไปกระซิกกับไอ้โบ๊ท  เห็นแล้วขนลุกชิบหาย  ผมเลิกสนใจมันหันมาช่วยงานไอ้อัลที่นั่งทำเงียบๆคนเดียว  ปกติจะไม่ค่อยเห็นมาดขยันมันเท่าไร วันนี้มาแปลก  นั่งเงียบทำงาน  ไม่บ่นก่นด่าใครซะด้วย  มันกินยาผิดแผงแน่เลย


-อัลฟา-
ผมนั่งทำงานเงียบๆคนเดียว  ไม่อยากไปรวมกลุ่มกับไอ้สามตัวที่แอบหอบเบียร์ขึ้นมาด้วย   ถ้าผมร่วมด้วยเกรงว่างานจะไม่เสร็จ  ผมอยากจะทำให้เสร็จๆไป  ผมจะได้รีบกลับคอนโดตัวเอง  จริงๆผมอยากให้ทำที่คอนโดของผมมากกว่า  เพราะจะได้สอดส่องห้องที่อยู่ตรงข้ามกันไปด้วย  แต่พวกนี้ไม่ยอม  บอกจะมาทำที่นี่  ผมเองก็ขัดไม่ได้เลยเออออตามมา   ไอ้เดฟตัวการเลยครับ  ไม่คิดช่วยงานยังเสือกแดกเหล้าแต่วัน... 
“มีไรให้กูช่วยไหมมึง” ไอ้คิมมันถาม
“มี  มึงทำส่วนตรงนี้แล้วกัน”
“โอเค” ผมแบ่งงานให้มันช่วยทำ  จะทำคนเดียวก็คงไม่เสร็จอีกอย่างนี้งานกลุ่มครับ กลุ่ม....แต่ทำกันแค่สอง
“ไอ้เดฟ ไอ้เอ ไอ้โบ๊ท”
“...”
“...”
“...” พวกมันหันมาเกือบจะพร้อมกันเมื่อผมเอ่ยชื่อมันนิ่งๆ
“ถ้าใครไม่มาช่วยทำงานกูตัดชื่อออกจากกลุ่ม” 
“ไรว้า.. ใจร้ายสัส” ไอ้เอบ่นแต่ก็ยอมลุก 
“เออแม่งกูแค่ขอพักแป๊บบเดี๊ยวว” ไอ้โบ๊ทลุกตามมา  ผมมองไอ้เดฟที่ยังคงนั่งแดกเบียร์สบายอารมณ์แบบไม่ทุกข์ร้อนต่อคำพูดผม
“ไอ้เดฟ!”
“เออรู้ๆแล้วๆ หงุดหงิดไรว่ะ  เมนมาไงมึง”
“นั่นปาก”
“แหะๆ มึงก็..”
“ทำงาน!”  พอทุกอย่างลงตัวผมก็แบ่งงานให้แต่ละคนทำ  ถ้าใครทำส่วนของตัวเองเสร็จก็ให้เอามารวมกัน  ทำแบบนี้จะเร็วกว่ามานั่งทำชิ้นเดียวหลายคน  ผมสั่งงานพวกมันเสร็จก็นั่งทำส่วนของตัวเองต่อ


“เสร็จแล้วโว๊ยยยย” งานของพวกผมเสร็จแล้ว  ตอนนี้ก็ดึกแล้วด้วย  ผมหยิบโทรศัพท์เช็คข้อความ สายไม่ได้รับ ต่างๆอีกมากมาย  ผมเปิดเข้าโปรแกรมไลน์ กดเข้าข้อความไลน์ของคนที่ผมคิดถึงอยู่ในตอนนี้





“คุยกับใครว่ะ” ไอ้เอมันเสือกตัวเข้ามานั่งข้างๆผม  มันสอดหัวมามองหน้าจอโทรศัพท์ที่เป็นข้อความที่ผมเปิดเอาไว้
“ไม่เสือกซักเรื่องได้ไหม”  ผมลุกเดินไปยังระเบียง  ท้องฟ้ามืดมิดแต่กลับมองหมู่ดาวไม่เห็นซักดวง  เห็นเพียงไฟริบหรี่จากท้องถนน  อาคารบ้านเรือนที่ยังคงไม่หลับใหลทั้งๆที่ดึกมากแล้ว   สายลมเย็นๆพัดมากระทบตัวผมทำให้รู้สึกดีแต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกเหงา  ... ทั้งวันผมนั่งคิดทบทวนกับความรู้สึกตัวเอง  ทบทวนสิ่งที่เคยผ่านมา





ผมมองข้อความที่ผมส่งไปหลายข้อความ  อ่านแล้ว ทุกข้อความแต่อีกคนก็ไม่มีวี่แววว่าจะตอบกลับมาเลย  ผมบอกความรู้สึกของผมที่มันมีอยู่ตอนนี้ให้อีกคนได้รับรู้...  ไม่ต้องสงสัยไปนะครับทำไมอยู่ๆผมถึงส่งข้อความที่แสดงความรู้สึกออกไป  ผมไม่ได้เมาเพราะผมยังไม่ดื่ม  ผมไม่ได้เมางานที่ทำพึ่งเสร็จไป  ผมไม่ได้อยากจะแกล้งมัน  ทั้งหมดที่ผมพิมพ์ส่งไปคือความรู้สึกล้วนๆ  ผมมานั่งคิดดูแล้ว  ผมรู้ว่ามันอาจจะสายเกินไปกว่าที่จะแก้ไขมัน  ผมพึ่งมานึกขึ้นได้เมื่อไม่มีมันอยู่ข้างๆ ผมทำลายชีวิตมันไปแล้ว  ไม่แปลกที่มันจะไม่ยอมยกโทษให้ผม  ผมแค่อยากได้โอกาสอีกครั้ง...ผมอยากเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างมัน  แต่ก็คงสายไปเพราะมันมีใครอีกคนมาแทนที่...





-โยชิ-

ตื้อ ดึ้ง !

เสียงข้อความไลน์ดังขึ้น ผมละจากกิจกรรมที่ทำอยู่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู...





ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นบ้าอะไรถึงส่งข้อความแบบนี้มาให้ผม  ผมทำเพียงแค่เปิดอ่านมันเท่านั้น  ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากผมกันแน่? รู้สึกผิดที่ทำผมเจ็บตัวงั้นหรอ?  ขอโอกาสงั้นหรอ? ทำไมอยู่ๆถึงบอกความรู้สึกอะไรทำนองนี้ออกมา  ผมไม่เข้าใจเจตนาของเขาเลย  ผมเปิดลิงค์เพลงที่เขาส่งมาให้…
“น้ำอะไร?” ผมพึมพร่ำกับตัวเอง  ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง 
“น้ำตา..”  ทำไมผมต้องรู้สึก...  ผมสับสนว่าตอนนี้ผมกำลังเป็นอะไร แล้วทำไมผมต้องร้องไห้แค่เพราะเพลงที่เขาส่งมาให้  ทำไมผมต้อง..คิดถึงเขา

ใช่มันควรพอ  พอเถอะ...กับความรู้สึกนี้  ทำไมผมถึงต้องแพ้ให้กับผู้ชายคนนี้  เขาควรพอที่เล่นสนุกกับความรู้สึกผม !!!


“บ้า ! มึงมันบ้า ฮึก!” ใช่มันบ้ามาก  ข้อความสุดท้ายนี้มันอะไรกัน   รัก? รักผมงั้นหรอ  ผมจะเชื่อเขาได้งั้นหรอ  ผมปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาตามความรู้สึก  หัวใจผมเต้นไม่เป็นส่ำ  มันเต้นแรงจนแทบระเบิดออกมา  ผมแพ้  แพ้เขาจนได้  แพ้ราบคาบ  ผมแพ้ให้กับผู้ชายคนนี้ทุกทางไม่ว่าจะตอนนั้นหรือแม้แต่ตอนนี้  ผมเพียงแค่อ่านข้อความไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆออกไป   ผมอ่านมันซ้ำๆ  ประโยคเดิม  ประโยคเดียว  ประโยค...รัก


Tobecon...


 :z2:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ไม่พอเนปรู้ว่าคิมมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำร้ายโยชิแล้วเนปจะแก้แค้นนะกลัวจัง

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ถ้าเนปรู้ว่าคนที่มีไรด้วยคือคิมจะทำไงต่อ??อัลฟา นายจะไม่ทำโยเสียใจอีกใช่มั๊ย?? ถ้านายจริงจังก็สู้ๆล่ะ เดินหน้าลุยเลย // ไม่แปลกหรอกที่โยจะใจแข็ง ลองใครโดนขนาดอาจจะเกลียดจนมองหน้าไม่ติเลยก็ได้ // เอาใจช่วยทุกคนทุกคู่รวมทั้งไรท์ด้วย

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนที่15 : อ้อนวอน 

มหาลัย..

 

-โยชิ-

 

คณะวิศวะ

 

“เฮ้ออ”  ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียนเมื่อมาถึงห้องเรียน

 

“เป็นไร  ถอนหายใจซะ”

 

“เปล่า..”

 

“แน่?” ไอ้พาสเลิกคิ้วถาม

 

“อืม  ง่วง” ผมหลับตาลงบอกมันว่าง่วง  เมื่อคืนก็นอนไม่หลับได้แต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย  ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหนเหมือนกัน  ตื่นอีกทีก็เช้าวันใหม่แล้ว

 

“เอองั้นนอนไปเดี๋ยวอาจารย์มากูปลุก”  ไอ้พาสมันลูบหัวผมเหมือนกล่อมให้หลับ

 

 

-พาสต้า-

 

ผมนั่งลูบหัวโยชิที่ฟุบหน้านอนหลับกับโต๊ะเรียนกล่อมให้มันหลับเหมือนกับผู้ใหญ่กล่อมเด็กน้อย ฮ่ะๆ  ผมมาเรียนเช้ากว่าไอ้โยเพราะวันนี้ไอ้เดฟมันมีพรีเซ็นงานตอนเช้ามันเลยต้องมาเตรียมตัวอะไรของมันก็ไม่รู้  นานๆจะเห็นมันกระตือรือร้น  ผมก็ถามมันนะวันนี้แปลก มันบอกว่าถ้าไม่ตั้งใจไอ้เหี้ยอัลฟามันจะฆ่าทิ้ง  ถ้าทำงานพัง  ก็นั่นแหละครับเหตุผลควายๆของมัน   

 

“ไอ้โย  อาจารย์มาแล้ว” ผมเขย่าตัวมันเบาๆให้รู้สึกตัว  มันค่อยๆดันตัวเองลุกนั่งในท่านั่งตรง  ยกมือขยี้ตาตัวเองทำให้ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าตามันบวมมาก 

 

“มีอะไร  กูนอนน้ำลายไหลหรอ?” มันหันมาถามผมเอามือเช็ดปากตัวเอง 

 

“...” ผมส่ายหน้า

 

“อ้าวหรือมีไรติดหน้ากู”

 

“ไม่มี”

 

“อ้าว  แล้วมองหน้ากูทำไม” มันขมวดคิ้วมุน

 

“ตามึงบวมนะโยชิ”  ผมเอานิ้วจิ้มตาที่บวมของมัน 

 

“...” มันเงียบ

 

“มีไรจะบอกกูป่ะ”

 

“เรียนเถอะ  อาจารย์สอนแล้ว”  มันชี้ไปทางอาจารย์ที่กำลังเริ่มเข้าสู่บทเรียน  วันนี้เป็นวิชาเรียนร่วมทำให้ในห้องเรียนเต็มไปด้วยนักศึกษาคณะต่างๆ

 

“อืม” ผมพยักหน้ามองภาพโปรเจคเตอร์ที่ฉายสไลค์เนื้อหาของวิชาเรียน  พักคอยถามมันแล้วกัน  ถ้ามัวแต่สนใจคงไม่เป็นอันเรียน

 

 

 

“กว่าจะปล่อย  วันนี้กินอะไรดีว่ะ”  ตอนนี้เราเลิกคลาสแล้วครับ  อาจารย์ปล่อยช้ากว่าเวลาเรียนไปเกือบชั่วโมงแน่ะ  ไม่รู้จะสอนอะไรกันเยอะแยะ  แค่นี้สมองผมก็ไม่รับแล้วครับ  มันไปตั้งแต่สไลค์แรกแล้ว  แฮ่ๆ  ไม่ควรเอาแบบอย่างผมนะครับ  ผมหันไปถามไอ้คนที่เดินข้างๆ

 

“ไม่รู้” มันส่ายหน้า  ผมมองอาการมันที่วันนี้เงียบๆ  ไม่บ่นเรื่องไอ้เนปจูนให้ผมฟัง  ถ้าปกตินี่จะมาแบบเหวี่ยงใส่ว่า ไอ้เนปมันวางเสื้อผ้าไม่เป็นที่  ชอบคุยโทรศัพท์เสียงดังจนมันนอนไม่หลับ  ตื่นสายไม่ยอมมาส่งมัน และอีกบลาๆๆ   

 

“ไอ้โยระวัง!!”

 

“อ่ะ ! ตุ๊บ!”

 

“เฮ้ออ”  ถอนหายใจกันเลยทีเดียว  ทางมีไม่ดู  คิดไรหนักหนาว่ะ  ผมควรจะสมน้ำหน้ามันดีไหมเนี้ย

 

“จะ..เจ็บ” มันเบะปากจะร้องไห้เอามือลูบหน้าผากตัวเองไปพรางหันมามองหน้าผม

 

“โง่  เอ้าลุก!” ผมเข้าไปช่วยพยุงมันที่เดินชนผนังตึกที่มันเยื่องออกมาก่อนถึงทางออก   

 

“ฮึก !”

 

“เซอซ่าน่ารำคาญจริงมึง”  ดูทำหน้าอย่างกะเจ็บจะตาย  ผมเห็นน้ำตามันคลอเบ้าตาด้วยสงสัยจะเจ็บจริง

 

“เจ็บ..”

 

“เออรู้เร็ว  คนอะไรว่ะโง่ผนังมันอยู่ดีๆเสือกเดินชน...แล้วหัวมึงเนี้ยคิดไรหนักหนาห้ะ  กูอยากจะรู้หนัก  มีเรื่องอะไรไม่สบายใจแล้วไม่บอกกู  ยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่ป่ะ  เครียดเชี้ยไร  ถึงขั้นเหม่อเดินไม่ดูทางขนาดนี้  สมองขี้เลื่อยแบบมึงมีไรให้ต้องคิดมากน่ะห้ะ  แล้วไม่ต้องมาบ่นว่าเจ็บๆ  บุญเท่าไรแล้วกูไม่สมน้ำหน้าตอกย้ำมึงเนี้ย  ไอ้อาการซึมๆ อึนๆ มึนๆ สติสตังไม่อยู่กับตัวแบบนี้เนี้ยเลิกซะ  แล้วบอกกูมาว่าเป็นอะไร”

 

“...” เงียบ..จ้องหน้ากูอีกครับ  เอ้าจ้องกลับสิ

 

“อย่าเงียบ”ผมว่าเสียงนิ่งจ้องหน้ามัน

 

“เฮ้ออ..พาสต้า”  เรียกแบบนี้เริ่มจริงจังแล้วครับ  ชื่อมาเต็มขนาดนี้

 

“อืมว่า?”

 

“คือ..กูบะ.”

 

Rrrrrrrrr

 

“...” ไอ้สัสใครโทรมาตอนนี้ว่ะ  ผมกดรับสายที่โทรเข้ามา

 

“เออ!” ผมกระแทกเสียงใส่ปลายสาย

 

(ทำไมต้องกระแทกเสียงใส่ผัวด้วยละเมียจ๋า)

 

“มึงขัดจังหวะกู”

 

(นี่มึงอยู่กับใครพาสต้า  มึงแอบนอกใจกูใช่มั้ย!!!)  มันตะโกนใส่โทรศัพท์จนผมต้องเอาออกห่างจากหู  ไม่งั้นมีหนวก

ครับงานนี้

 

“คิดงั้น? ก็แล้วแต่นะ”

 

(มึงอยู่ไหนบอกกูมาเดี๋ยวนี้ กูจะไปฆ่าชู้มึงงงง) เออเอาเข้าไป แม่งมีผัวไม่เต็มเว้ยคิดผิดที่คบมันจริงๆ งี่เง่าซะ  ผมหันไปมองไอ้โยที่เงียบฟังผมคุยโทรศัพท์  แต่คงอีกนานเพราะไอ้คนทางนั้นมันยังไม่วางแถมยังโวยวายอะไรไม่รู้ คิดได้ว่ากูไปมีชู้  แค่เวลาเรียนกูก็หนักละเหอะ  ขนาดพึ่งเข้าปีหนึ่งแท้ๆ

 

“กูไปรอข้างนอกนะ” ไอ้โยมันพูดกระซิบแล้วชี้ไปข้างนอก ผมพยักหน้าเข้าใจ  มันถึงเดินออกไป

 

“มามึงมา   ตอนนี้กูเอากับมันอยู่มึงมาเลย  ใต้ตึกคณะเนี้ยมา”

 

(นี่มึงเล่นกันโจ้งแจ้งเลยหรอห้ะ   ไอ้พาสมึงต้องถูกทำโทษ!)   ผมกรอกตาไปมา  คิดได้? โอ๊ยย  ทำไมกูมีผัวควายแบบนี้ 

 

“ควาย..มึงมันควายจริงๆไอ้เดฟ”  ผมกดตัดสาย  ขี้เกียจฟังมันจ้อ  ปากก็ปีจอ  พูดอะไรก็ไม่ฟัง  คิดแต่อะไรไร้สาระ  ผมละเหนื่อย  แต่คบไอ้เดฟมันดีอยู่อย่างครับ  อยากรู้ละสิ หึๆ  จะบอกให้แล้วกัน  ... เพราะมันเป็นตัวที่ใช้รองมือรองตีนผมเวลาอารมณ์เสียดีๆนี่แหละครับ  ต่อให้มันบ่นยังไง มันก็ไม่กล้าทำผมกลับหรอก  หึๆ  ผมเดินออกไปจากตึกเห็นโยชิกำลังคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้  เห็นมันตอบแค่ครับๆๆ แค่นั้น

 

“ครับเฮีย..ไม่ครับ  ไม่มีเรียนแล้ว”

 

“...” ผมเดินเข้าไปหามัน  มันแค่หันมามองเล็กน้อย

 

“ครับ.. ได้ครับเฮีย  งั้นรอไปกินพร้อมกันดีกว่า...เฮียบอกมันแล้วหรอ ...”

 

“ใคร?” ผมไม่รู้ว่าปลายสายที่มันคุยด้วยคือใคร แล้วเฮียที่มันเรียกนี่ใครวะ  โรคสอดมันเกิด

 

“เอ่อ..เฮียแปบนะ”

 

“...”

 

“พี่ชายกู” มันบอกแค่นั้นก็คุยต่อ

 

“อือๆ งั้นโยนั่งรอมันตรงตึกแล้วกัน  ครับๆ..เจอกันครับ”

 

“แล้วจะไปกินข้าวกับกูอยู่ไหม?” ผมถามเมื่อเห็นมันวางสายไปแล้ว

 

“คงไม่แล้วว่ะ  โทษมึง”

 

“ไม่เป็นไร  แล้วที่บอกว่าพี่ชายคือ?”

 

“อ่อ เฮียอาทิตย์พี่ชายไอ้สูงอ่ะ” มันตอบ

 

“อ่า  พี่ไอ้เนป” ผมพยักหน้า

 

“จะไปด้วยกันไหมละ  เฮียใจดีพาใครไปก็ได้ มึงเป็นเพื่อนกูเฮียไม่ว่าหรอก” มันบอกยิ้มๆ  หายอมทุกข์แล้วสิมึง  เกือบ

ลืมเลยไหมละ  ยังไม่รู้เรื่องที่มันจะบอกเลย

 

“ไม่เป็นไรว่ะ  เดี๋ยวไอ้เชี้ยเดฟก็แจ้นมาละ เออว่าแต่เมื่อกี้ยังคุยกันไม่จบนะเว้ย  บอกมามีไรปิดกูอยู่” โอกาสมาแล้วไม่มีมารมาขวางกูแล้ว  ต้องรู้ให้ได้

 

“เอ่อ..”มันทำหน้าเลิกลั่ก  คิดว่ากูจะลืมหรอ หึๆ ไม่ครับ กูต้องรู้เรื่องให้ได้

 

“ไม่องไม่เอ่ออครับมึง บอกมา!”

 

“เฮ้ออ จะรู้ให้ได้เลยใช่ไหม”

 

“ใช่!!” มันมองผมอย่างชั่งใจ

 

“ก็ได้ คืองะ...”

 

“เมีย!!!!!”  ไอ้โยชะงักไปเมื่อมีเสียงผีเปรตมาตะโกนลั่นคณะให้ได้ยิน ไม่ต้องหันไปก็รู้แล้วว่าใคร มีควายอยู่ตัวเดียว  มองบนเลยกู  มารมาตัวเป็นๆเลยไง

 

“มึงจะแหกปากอะไรหนักหนาว่ะ  กลัวชาวบ้านเขาไม่รู้รึไงว่ากูเป็นเมียมึงนะห้ะ!!” ผมแว๊ดใส่มันเมื่อมันวิ่งมาหยุดใกล้ๆ

 

“ไหน  มันอยู่ไหน  ชู้มึงอยู่ไหน!!!” มันสอดส่ายสายตามองซ้าย ขวา ไปมา แล้วหันมาเขย่าตัวผมแรงๆ

 

“แล้วมึงเห็นใครยืนอยู่กับกูบ้าง” ผมมองมันนิ่งๆ มันหันไปเห็นไอ้โย  ไอ้โยมันยิ้มบางให้

 

“น้องโยชิ” มันกระพริบตามองผมก่อนตอบ

 

“อืม..ชู้กูคงเป็นไอ้โย”

 

“เอ่ออคือ..” ไอ้โยมันทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกไอ้เดฟจ้องมัน ดูมันสิครับ ถ้าคิดว่าไอ้โยกับผมเป็นชู้กันได้อีกนะ  กูจะกระทืบให้ตายเป็นข่าวหน้าหนึ่งตรงนี้เลย

 

“ไอ้เดฟ!” เสียงนิ่งๆของบุคคลที่สี่เดินเข้ามาร่วมในกลุ่มผมตอนนี้  จะใครซะอีกละถ้ามีควายก็ต้องมีเหี้ย  แล้วก็มีมาเพิ่มอีกสาม  คือพวกมึงจะยกพวกกันมาทำไมเยอะแยะ  ผมหันไปมองไอ้โยที่ตอนนี้เงียบกว่าเดิมเข้าไปอีก

 

“ไอ้เดฟไหนละชู้เมียมึง...เด็กคนนี้หรอ?” ไอ้คนที่ชื่อโบ๊ทมันชี้ไปที่ไอ้โย

 

“ไม่เอานะเว้ย  ใครจะกล้าทำน้องคนน่ารักคนนี้ได้ กูทำไม่ลง”  ไอ้เอมันเดินเข้าไปโอบไหล่ไอ้โย

 

“ปล่อยมัน” นั่น..เสียงเย็นๆเฉียบขาดดังขึ้น  ทุกคนหันไปมองไอ้อัลที่จ้องไอ้เอปานจะฆ่าให้ตายทางสายตา ไอ้เอเบะปากใส่แล้วยอมปล่อยให้ไอ้โยเป็นอิสระ

 

“สมน้ำหน้า” เสียงไอ้คิม ผู้ชายหน้าหวานพูดใส่ไอ้เอที่เดินไปหามันพอดี

 

“ไปไหนก็ไป พวกมึงกูรำคาญ..ไปไอ้โยไปที่อื่นกัน” ผมลากไอ้โยออกจากลุ่มไปหาที่อื่นนั่งดีกว่า

 

“เดี๋ยวเมีย มึงจะไปไหนห้ะ!!” ไอ้เดฟเดินตามมา  จะตามหลอกหลอนกูรึไงว่ะ มันมาขวางทางเดินผมไว้

 

“หลบดิ กูจะเดิน” ผมใช้ตีนถีบๆมันให้หลบทาง

 

“เมียอ่ะ..” มันยู่ปากใส่ผมแบบ งอนๆ

 

“เอ่อ.. ไอ้พาสมึงไปกับพี่เดฟเถอะ กูอยู่รอไอ้สูงคนเดียวได้” ไอ้โยมันพูดขึ้น

 

“เดี๋ยวกูรอไอ้เนปเป็นเพื่อนมึงดีกว่า”ผมว่า

 

“นี่มึงนัดชู้มึงไว้ใช่ไหม?” ไอ้นี่ก็จริงๆเลย  เหนื่อยจะพูดจริงๆ

 

“แล้วแต่จะคิด”ผมบอกมัน  มันทำท่าฮึดฮัด ผมเตรียมลากไอ้โยไปนั่งตรงม้านั่งใต้ต้นไม้หน้าคณะที่มีไว้สำหรับนักศึกษาแต่พอจะลากมันไปกับติด

 

“โยชิ..ขอคุยด้วยหน่อย”

 

 

 

-อัลฟา-


 

“โยชิ..ขอคุยด้วยหน่อย”  ผมจับแขนอีกคนลากเดินออกมาจะไปคุยที่อื่น  แต่อีกคนกลับสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของผม  ผมหันมามองคนที่ผมต้องการจะคุยด้วย

 

“ไม่มีอะไรต้องคุยนิ” มันว่าแล้วเดินหนีไปอีกทาง ผมไม่ยอมให้หนีหรอก ยังไงก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง  ผมอยากคุยกับมัน  แต่มันไม่อยากคุยกับผม  ถ้าเป็นแบบนี้คงต้องใช้วิธีรุนแรงหน่อยแล้ว  ผมกระชากอีกคนเข้าหาตัวแล้วกอดมันไว้

 

“เอาสิ  ไม่คุยก็ไม่คุย”

 

“ไม่คุยก็ปล่อย” มันพูดเสียงแข็ง ดิ้นให้ผมปล่อย

 

“ไม่ปล่อย”

 

“ปล่อย!”

 

“ไม่!”ผมกระชับกอดแน่นขึ้น  ใครจะมองยังไงก็ไม่ปล่อยหรอก  ผมสังเกตเห็นเพื่อนผมมันจับไอ้พาสต้าเอาไว้

 

“ไอ้เหี้ยปล่อยเพื่อนกูเลยนะไอ้เวร  ปล่อยมัน!!!”

 

“ปล่อย!”มันยังคงดิ้นอยู่แบบนั้น  ดิ้นให้เหนื่อยผมก็ไม่ปล่อยหรอก

 

“หึหึ” ผมเหยียดยิ้มอย่างเหนือกว่า

 

“...” มันหยุดดิ้นแล้วครับ  เหนื่อยแล้วละซิ  ผมก้มมองคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนผม

 

“จะคุยกันดีๆได้ยังตัวเล็ก หืม?” ผมกระซิบข้างหูพร้อมกับเม้มติ่งหูหยอกเย้าไปด้วย

 

“...” มันเอียงหน้าหนี

 

“หือ  จะคุยกันดีๆยังครับ  ถ้ายังพี่ไม่ปล่อยเรานะ”

 

“เออ! งั้นก็ปล่อยกูสิ!” มันหันมาจ้องหน้าผมเขม็ง

 

“หึ..” ผมส่ายหน้า

 

“อะไร! ก็จะคุยดีๆแล้วนี่ไงปล่อยสิว่ะ” ผมจ้องคนที่ยังคงจ้องเขม็งผมไม่วางตา

 

“พูดกับพี่ไม่เพราะ..แบบนี้จะให้ปล่อยได้ไงละ หือ”

 

“ให้พูดเพราะๆกับคนแบบมึงกูยอมตายดีกว่า  ปล่อย!” มันดิ้นอีกรอบ

 

“เห.. ไม่น่ารักเลย แบบนี้พี่ควรทำยังไงกับเราดีนะ” ผมแสยะยิ้มมองคนตรงหน้าที่ทำหน้าตาตื่น  ตลกดี

 

“...”

 

“เอ้? ทำไงดีนะ อืม..แบบนี้ดีมั้ย.. ฟอด” ผมหอมแก้มเนียนใสของอีกคน

 

“...”มันกัดปากตัวเองมองหน้าผม  แก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ  น่ารัก...อยากจะจับมาฟัดแรงๆให้หายอยาก

 

“ไอ้ชั่วมึงทำไรเพื่อนกู  กูจะฆ่ามึง!!ปล่อยกูไอ้เดฟ!” เสียงไอ้พาสดังขึ้นมาผมละสายตาจากคนตรงหน้าไปมองมัน

 

“มายเมียไม่เอาไม่เสือกเรื่องชาวบ้านเนอะ  มาคุยเรื่องเราดีกว่า”

 

“พ่องมึงไอ้เหี้ยเดฟ”ผมเลิกสนใจคู่ผัวเมียที่กำลังทะเลาะกันมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง

 

“จะเอาอีกมั้ย?” ผมทำท่าจะหอมแก้มอีกข้างแต่อีกคนเอียงหลบ

 

“โอเคๆยอมแล้ว  ปล่อยด้วย”

 

“งั้นก็พูดเพราะๆก่อน”  มันเบ้ปากใส่ผมอย่างหมั่นไส้  น่าจับมาดูดเล่นซะให้เข็ด  ไม่ได้ๆตรงนี้คนเยอะ หน้าคณะเลยนะ

เว้ยทำไปมีเป็นข่าวดังเลย

 

“คุณพี่รหัสครับ  กรุณาปล่อยตัวกู..”

 

“หืม?”

 

“เอ่อ..ผมด้วยครับ”  ผมปล่อยอีกคนแต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้เป็นอิสระทั้งหมด  ผมยังคงกอดเอวเอาไว้หลวมๆ

 

“J”

 

“นี่!!!”

 

“ครับ?”

 

“จะคุยดีๆแล้วไง ปล่อย”

 

“ก็ปล่อยแล้วไง”

 

“ปล่อยบ้าอะไรยังกอดอยู่เนี้ย”มันจ้องตาผมอย่างเอาเรื่อง

 

“คุยแบบนี้ไม่ได้หรือไง”

 

“ไม่ได้!”

 

“ก็ได้ๆๆ” ผมยอมปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระจริงๆ  ถ้ามัวแต่แกล้งคงไม่มีทางได้คุยเป็นแน่

 

“มีอะไรก็ว่ามา” มันพูดเสียงห้วน

 

“ก็แค่อยากคุยด้วย”

 

“คุย ? แค่นั้น อย่ามากวนประสาทได้ป่ะ”

 

“เมื่อคืน..” ผมดึงมือมันมาจับไว้แล้วจ้องเข้าไปในตาอีกคนอย่างสื่อความหมาย

 

“...” มันหลบตาผมพร้อมกับดึงมือตัวเองออกจากการกุมของผมแต่ผมก็ดึงมันมาจับอีกรอบ

 

“โยชิ..รู้ใช่ไหมว่ากูรู้สึกยังไงกับมึง” ผมบีบมือบางเบาๆส่งความรู้สึกที่มีไปให้รับรู้

 

“ไม่!”

 

“มึงรู้”

 

“กูไม่รู้อะไรทั้งนั้น ปล่อยนะ!”

 

“กูรู้ว่ามึงยังโกรธกูที่กูเคยทำไม่ดีกับมึง  กูขะ..”

 

“บอกให้ปล่อยไง!!!!” มันตะโกนเสียงดัง  คนที่อยู่บริเวณใกล้ๆต่างหันมาสนใจเราสองคน

 

“...”

 

“จะอะไรกับกูหนักหนา  แค่นี้มึงยังทำลายกูไม่พอหรอ  ทำไมถึงต้องมายุ่งกับกูอยู่ได้”

 

“...”

 

“ทำไมมึงจะตายตาไม่หลับใช่ไหม ถ้าไม่ได้ทำลายชีวิตกูอ่ะไอ้เหี้ย!!” มันกัดฟันพูดสายตาแข็งกร้าวจ้องผมอย่างเคียดแค้น

 

“เรื่องในตอนนั้นกูยอมรับว่ากูผิด  กูไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น..”

 

“หรอ? พูดมาได้นะ  ไม่ได้ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่  แล้วที่มึงเอาคลิปเหี้ยๆนั่นไปโพสลงเว็บของโรงเรียน อึก .. มึงคิดว่ามันไม่ใหญ่หรอห้ะ!!  มึงคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆใช่ไหม!!”

 

“โยชิ” ผมมองนัยน์ตามันที่สั่นไหว  น้ำตาเอ่อคลออกมาเมื่อพูดถึงเรื่องอดีต

 

“มึงไม่เป็นกูมึงไม่รู้หรอกว่าเป็นไง  กูต้องโดนไล่ออกจากโรงเรียน  กูต้องโดนใครต่อใครด่าว่าสารพัด  กูต้องย้ายไปที่อื่นเพื่อหนีปัญหาที่มึงก่อไว้  มึงไม่รู้หรอกว่ากูเจ็บแค่ไหน  มึงไม่ได้เสียหายอะไรนิ  แต่กู…ฮึก  กูอ่ะ ฮือ กู...เกือบจะฆ่าตัวตายนะ ฮืออ” ประโยคสุดท้ายเบามากจนเกือบจะไม่ได้ยิ่ง  แต่ผมกลับได้ยินชัดเจน  มันทรุดตัวลงไปนั่งร้องไห้กับพื้นอย่างหนัก

 

“อึก...” ก้อนสะอึกดันขึ้นที่คอผม  ผมพูดไม่ออกเมื่อได้รับรู้สิ่งที่อีกคนพูดบอก  ประโยคสุดท้ายที่ทำให้ผมรู้สึก  การที่คนคิดจะฆ่าตัวตายมันเป็นเรื่องยากมากถ้าไม่เจอเรื่องที่หนักหนาจนทนรับมันไม่ได้จริงๆ  ผมทำให้มันคิดฆ่าตัวตาย  ทำไมผมถึงไม่รู้เรื่องนี้เลย  ทำไมผมถึงได้ทำร้ายมันรุนแรงขนาดนั้นกันนะ  ผมย่อตัวลงเสมออีกคนดึงมันมากอดไว้

 

“กูขอโทษ  โยชิกูขอโทษ” ผมได้แต่เอ่ยขอโทษซ้ำๆแบบนั้น

 

“ฮือออ..”

 

“ขอโทษนะ” ผมกอดอีกคนแน่นขึ้น จูบข้างขมับของอีกคน

 

“ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้หรอ” น้ำเสียงสั่นเครือกระซิบพูดอยู่แนบอกผม  ผมส่ายหน้ากอดอีกคนแน่นกว่าเดิม

 

“กูขอโทษ กูไม่ขออะไรมากมาย แต่ขอให้มึงยกโทษให้กูได้ไหม?”

 

“พอเถอะนะ ฮึก  เรื่องมันผ่านมานานแล้ว..ขอเถอะอย่ามายุ่งกับกู!!!” มันผลักผมออกห่างจากตัว แล้วลุกขึ้นเดินหนีไป

 

“โย...”

 

 

 

“มึงทำอะไรไอ้เตี้ยห้ะไอ้เวร!!!” ผลั๊ว !

 

“อ่ะ..” ผมกำลังจะตามอีกคนไป แต่ก็โดนใครไม่รู้ชกหน้าจนล้มตึงไปกับพื้น  หันมาอีกทีก็โดนคล่อมร่างหมัดหนักๆอีกหลายหมัดถูกส่งกระหน้ำใส่ผมอย่างไม่ยั้ง

 

“มึงอีกแล้วนะ  คราวนี้กูเล่นมึงตายแน่!!” มันพูดเสียงเหี้ยม 

 

“หึ  มึงหรือกูใครจะตายก่อนกันแน่”  ผมยกแขนบังหมัดที่จะพุ่งใส่หน้าผมอีกรอบ ผม่ใช่จังหวะที่มันพลาดผลักร่างมันออกแล้วขึ้นไปคล่อมแทน  ชกหน้ามันกลับไปอย่างที่มันทำกับผม  ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม

 

“เฮ้ยๆๆ หยุดนะเว้ย” พวกไอ้เดฟมันตรงเข้ามาดึงผมกับไอ้เวรนี่ออกจากกัน

 

“ปล่อยกู!” ผมสั่งเพื่อนให้ปล่อย  มันไม่ปล่อยยังคงจับไว้แน่น

 

“ใจเย็นๆดิว่ะ  ค่อยๆคุยกัน”ไอ้เอว่า

 

“กูไม่มีวันคุยดีกับคนแบบมันหรอก  มึงทำอะไรไอ้เตี้ยห้ะ!” มันถุยน้ำลายที่มีเลือดผสมอยู่ออก จ้องหน้าผม  ตอนนี้คนที่

จับมันไว้คือไอ้โบ๊ทกับไอ้พาสต้า ส่วนผมไอ้เอกับไอ้เดฟจับไว้  โยชิเดินเข้ามาในวงอีกครั้ง

 

“กูจะทำอะไรมันก็เรื่องของกู  คนนอกอย่างมึงไม่เกี่ยว”

 

“หยุดเถียงกันได้แล้ว!!” โยชิพูดจ้องผมกับไอ้เวรนั่นสลับกันไป

 

“แต่เตี้ย  มึงร้องไห้นะ มันทำร้ายมึงใช่ไหม” ไอ้นั่นมันสลัดตัวออกจนไอ้โบ๊ทต้องยอมปล่อย มันเดินจับร่างบางพลิกไปมา

 

“...” ผมได้แต่ยืนมองนิ่งๆ

 

“พอได้แล้วกูไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น...ไปจากที่นี่กันเถอะ” มันจับไอ้นั่นจะพาไปที่อื่น แต่ผมมันไวต่อความรู้สึกจับกระชากตัวมัน  ผมไม่ให้มันไปหรอก

 

“กูไม่ให้ไป”

 

“ปล่อย!” 

 

“อย่าไป..กูไม่ให้มึงไปไหนทั้งนั้น” ผมกอดหลังมันไว้ซบหน้าลงบนแผ่นหลังบาง

 

“ปล่อยนะ  เลิกยุ่งกับกูซักทีเถอะ”มันดิ้นอยู่ในอ้อมกอดผม

 

“ปล่อยไอ้เตี้ยเดี๋ยวนี้นะ เอ้ย ปล่อยกู ไอ้เหี้ยปล่อยจับกูทำไมว่ะ  ปล่อยโวยย!!”

 

 “เมียมึงหยุด  ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องชาวบ้าน  ปล่อยให้มันเคลียร์กันเอง”ไอ้เดฟ ไอ้เอ ไอ้โบ๊ท ช่วยกันจับไอ้สองตัวที่พยายามเข้ามาจะช่วยเพื่อนตัวเองที่ถูกผมรัดไว้อยู่

 

“อย่าไปกูขอร้อง...อย่าไปกับมันนะโย”

 

“...” มันพยายามแกะมือผมที่กอดเอวไว้ออก

 

“กูขอโทษที่ทำมึงเสียใจ  แต่ขอร้องละกลับมาหากูได้มั้ย  ให้โอกาสกูแก้ตัวอีกครั้งนะ”

 

“ปล่อย!”

 

“ไม่!”

 

พลั่ก! เสียงคนถูกผลักล้มลงไปกองกับพื้น  ผมหันไปมองทางเสียงเห็นพวกไอ้โบ๊ทล้มลง

 

“ไอ้นรก!” ไอ้เวรนั่นมันกระชากโยชิออกไปแล้วถีบที่ตัวผม ผมเซถอยหลังไปหลายก้าวแต่ก็ยังพอพยุงตัวเองไม่ให้ล้ม

 

“สูงพอ  ไปจากที่นี่กันเถอะนะ..นะ”  ผมไม่ยอมให้ไปหรอก  ถ้ามันไปผมอาจจะไม่มีโอกาสแน่ๆ  ผมจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้เด็ดขาด

 

“โยชิ อย่าไปนะ”ผมจับมือมันไว้อีกครั้งกำมันไว้แน่น

 

“..พอแค่นี้ได้มั้ย  กูเหนื่อยแล้วนะ”

 

“กูขอโอกาสแก้ตัวได้ไหม”

 

“ไม่มีโอกาสนั่นหรอกนะ  ปล่อยกูไปเถอะ...นะ” เป็นเหมือนคำอ้อนวอนให้ผมปล่อย  แต่ผมไม่ปล่อยหรอก

 

ฟุบ !

 

“ไอ้อัล!/เชี้ยอัล!/มึง!/…/…”

 

“…”

 

“ตัวเล็ก..”

 

 

-เนปจูน-

 

 ฟุบ !

 

“ไอ้อัล!/เชี้ยอัล!/มึง!/…/…”

 

“…”

 

 “ตัวเล็ก..”

 

ทุกคนที่อยู่ในที่นี่ตะโกนชื่อมันเสียงดังเหมือนตกใจ  ผมสังเกตเห็นไอ้เตี้ยมันชะงักเหมือนกัน  ผมไม่คิดว่าผู้ชายคนนั้นจะยอมคุกเข่าอ้อนวอนขนาดนั้น  เกิดความเงียบเข้าปกคลุมบริเวณนั้นมีเพียงแค่ผู้ชายคนนั้นที่ยังอยู่...

 

“พี่ยอมเราทุกอย่างแล้ว  ขอโอกาสพี่ได้มั้ยครับ” น้ำเสียงสั่นเหมือนกำลังกลั้นเก็บสิ่งที่กำลังจะเอ่อออกมา

 

“...”

 

“พี่สัญญาว่าจะไม่ทำเราเสียใจ...กลับมาหาพี่นะ”

 

“...” ผมมองการกระทำของผู้ชายคนนั้นและมองไอ้เตี้ยที่ยืนเงียบ  ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา  ไร้เสียงสะอื้น  ถึงผมจะยังไม่รู้ว่าสองคนนี้เคยเป็นอะไรกันมาก่อน  แต่มั่นใจได้แล้วว่า...สองคนนี้เคยรักกัน

 

 

ผมพาไอ้เตี้ยมาขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าตึกคณะวิศวะ  ก่อนถึงรถผมสังเกตเห็นร่างคนที่ผมคุ้นเคยยืนอยู่ไม่ห่างจากที่พวกผมมีเรื่องกัน  เราสบตากัน  เป็นผมเองที่ละสายตามาก่อนเพราะต้องพาไอ้เตี้ยไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด  ผมพามันขับรถออกมาจากมหาลัยได้ซักพักเพราะต้องไปหาเฮียที่นัดเอาไว้    ผมเหล่มองคนข้างๆที่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างไม่พูดไม่จา  อยู่กับความคิดของตัวเองมาตั้งแต่ออกมาจากมหาลัย  ผมตีไฟเลี้ยวจอดรถข้างทาง

 

“เตี้ย” ผมเรียกมันที่ยังนิ่งอยู่

 

“...”

 

“เตี้ย..อยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะ  อย่าเป็นแบบนี้  มึงจะอึดอัดเอานะ”

 

“...”ผมจับตัวมันหันมา ผมจ้องหน้ามันนิ่ง  เอ่ยบอกความคิดผมบอกมันไป  ดวงตากลมสั่นไหว  น้ำตารื้อขอบตามัน มันกัดปากจ้องหน้าผมไม่หนีไปไหน

 

“ปล่อยให้มันไหลมาเถอะถ้ามันจะทำให้มึงสบายใจขึ้น” ผมดึงมันเข้ามากอดลูบหัว ลูบหลัง ปลอบประโลบ

 

“ฮืออ สูง ฮึก”มันกอดผมไว้แน่น  ปล่อยน้ำตาเปื้อนเสื้อผม

 

“กูไม่รู้ว่ามึงกับมันเคยเป็นอะไรกันมาก่อน  มันเคยทำอะไรมึงไว้  แต่กูไม่อยากเห็นมึงเป็นแบบนี้  โยชิฟังนะ  ไม่ว่ามึงจะเป็นยังไงกูก็อยู่ข้างมึงเสมอ  อย่าเก็บอะไรไว้คนเดียว”

 

“..อืม ฮึก” มันพยักหน้ากอดผมแน่นขึ้น

 

“ที่มึงเคยถามกู...ถ้ามึงเจอคนรักเก่าแล้วเขาเคยทำร้ายเราอย่างแสนสาหัดจนทำให้เราต้องหนีไปอยู่ที่ที่ไกล…แต่พอกลับมาเขากลับมาวนเวียนในชีวิตมึงจนทำให้สับสน  ทั้งๆที่เราเกลียดเขาไปแล้ว...แต่บางครั้งก็รู้สึกหวั่นไหว  มันไม่ใช่เรื่องสมมุตแต่มันเป็นเรื่องจริง  แล้วคนๆนั้นคือมัน”

 

“...”

 

“มึงยังรักมันใช่ไหม  มึงไม่ได้เกลียดมัน...”

 

“เนปจูน   กูเจ็บ ฮึก! ฮืออ  กูไม่ไหวจริงๆ ฮืออ  กูควรทำยังไงดี  ...กูลืมเขาไม่ได้..”มันส่ายหน้าร้องไห้บอกผม

 

 

“...” ผมไม่รู้ว่าในอดีตมันเคยเจออะไรมาบ้าง  ผมไม่เคยถามมัน  ไม่เคยรู้เหตุผลที่มันย้ายไปอยู่อเมริกาในครั้งนั้น  แต่แค่นี้ผมก็รู้เหตุผลมันทุกอย่างแล้วถึงจะไม่ทั้งหมดก็ตาม  ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดคงจาก...ผู้ชายคนนั้น

 

 

                 

 

To be con..

**********

ไม่รู้ว่าเขาจะแต่งแสดงถึงความรู้สึกของตัวละครดีหรือเปล่าอ่ะ

ถ้าไม่ดีก็ขออภัยนะค่ะ  พยายามแล้ว

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ทำตามที่ใจต้องการเถอะโย // ส่วนเนปก็ต้องไปเคลียร์กับคนของนายเองด้วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aommama

  • เป็ดมึน คนเซอร์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-5
 :katai1: บางทีคำว่าขอโทษมันก็สายเกินไปนะ สำหรับอัล

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ขอโทษมันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลยนะแกทำชั่วไว้ขนาดนั้น.....ไปตายเหอะมันเหมาะที่สุดแล้ว

ออฟไลน์ heangsure

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
สวัสดีค่ะน้องผู้แต่ง #อนุมานว่าเป็นน้องแล้วกันเนอะ

พี่อ่านนิยายขอคอมเมนท์ในด้านความสมจริงของเนื้อเรื่องแล้วกันนะคะ คือ ถ้าปรับได้ก็ปรับเนอะ
1. เรื่องการโพสคลิปอนาจาร....ผิดกฏหมายนะคะ เรื่องจะไม่มีทางจบแค่ คนโพสลบคลิปนั้นออกจากดาต้าเบส.... และเมื่อไหร่ก็ตามที่เผยแพร่ไปแล้ว คนสามารถแคปไปเผยแพร่ต่อได้อีก....."ไม่มีที่สิ้นสุด"
     เคสที่โยชิเจอ จะไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งเล่นๆ แต่มันเป็นcyberbullying อย่างเต็มรูปแบบ

2. การจัดการปัญหาของอาจารย์ฝ่ายปกครอง  มันหน่อมแน้มไปหน่อยไหม..ไม่สมจริงอย่างแรง.โทษโยชิคนเดียว ทั้งๆที่ควรมีการตรวจสอบไอพีคนโพสว่าใครปล่อยคลิป เพราะในที่นี้ โยชิคือผู้เสียหาย แล้วคนที่ไม่ได้โพสจะไปลบคลิปได้ยังไง ตรงจุดนี้ผิดตรรกะอย่างแรงค่ะ
   ปฏิกริยาของอาจารย์ปกครองควรจะเป็น
    - สั่งแอดมินลบคลิปออก(กรณีเป็นเว็บบอร์ดภายในโรงเรียน) แล้วตรวจสอบยูสเซอร์ที่อัพคลิปว่าเป็นใครและเอาผิดได้ทั้งวินัย และแจ้งความทางอาญา
    - แจ้งผู้ปกครองของเด็กที่ปรากฏในคลิปโดยตรง ไม่ใช่แจ้งผ่านเด็กแบบนี้
3. การเข้าร้านเหล้าดั่งเข้าร้านนม ทั้งที่ยังเป็นเด็ก ม.ปลาย ม.5-6 .......เอิ่ม อายุต่ำกว่า 18 ห้ามเข้าไม่ใช่หรือคะ หรือว่าเปลี่ยนกฏหมายแล้ว หรือว่าเด็กๆทำบัตรประชาชนปลอม หรือเป็นร้านเหล้าเถื่อนคะ
4. เรื่องการย้ายโรงเรียนไปต่างประเทศ....คืองงที่ว่าใช้เวลาย้ายโรงเรียนแค่สามวันเท่านั่น ทั้งที่การย้ายโรงเรียนกลางเทอมเป็นอะไรที่ยุ่งยาก ต้องทำเอกสารวุ่นวาย ยิ่งไปต่างประเทศ ยิ่งต้องมีเรื่องความต่างของระบบการเรียนที่ต่าง การเทียบวิชา และส่วนมาก นักเรียนที่ย้ายระหว่างนั้นจะจบช้ากว่าเด็กอื่นประมาณ 1 ปี

5. วีซ่า ไม่แน่ใจว่าโยชิไปประเทศไหน แต่ไปเรียนต่อ ต้องขอวีซ่านักเรียนนะเออ จะที่ไหนก็ตามก็ต้องทำวีซ่า ญี่ปุ่นไปเที่ยวไม่ต้องขอวีซ่า แต่ไปเรียนต้องขอนะคะ #ที่อื่นๆก็เช่นกัน  แต่พี่มีทางออกให้ว่าโยชิมีสองสัญชาติไรงี้แทนละกัน

6. เวลาที่พระเอก(?) ไปตามโยชิที่สนามบิน อ่านบทสนทนาแล้วปวดตับอ่ะ คือ บินระหว่างประเทศต้องเช็คอินก่อนเครื่องออกสองชั่วโมง เมื่อเช็คอินรับบอร์ดดิ้งพาส ต้องเข้าไปยังประตูผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ซึ่งตรงจุดนี้คนที่ไม่มีบอร์ดดิ้งพาส+พาสปอร์ตห้ามผ่าน) จากนั้น ทำเรื่องผ่านแสกน(ใช้เวลาอย่างน้อย10นาทียามไม่มีคนต่อคิว) แล้วเข้าคิวผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง (เวลาอย่างน้อย5 นาทีสำหรับพาสปอร์ตไทยโดยไม่มีคน) และขึ้นเครื่องก่อนเวลาบินจริงประมาณ 30-45นาที แล้วแต่ไฟลท์ด้วย

   ไอ้ที่เจ้าเพื่อนพระเอกมันบอกว่าบินเจ็ดโมง...ตอนนี้6โมงไปสนามบินยังทันคืออะไร บ้า สนามบินนะ ไม่ใช่คิวรถ บขส. คือ ถ้าเวลานั้นตีสี่ แล้วเจ้าพระเอกพลิกนาฬิกาว่าไปทันโยชิเข้าเกท ยังเมคเซนส์กว่านะน้อง  ปล.อย่าลืมด้วยนะว่า โยชิบินสายการบินอะไร บินออกพอร์ตไหนก็ไม่รู้ แล้วจะตามถูกที่มั้ย

7. เรื่องภาษา คำหยาบเป็นที่เข้าใจได้นะ ว่าเพื่อนๆคุยกันอะไรกัน แต่นิยายสามารถสนุกได้โดยไม่ต้องเน้นคำหยาบเป็นจุดขายได้ค่ะ  คำสะกด โดยรวมใช้ได้ แต่อาจมีผิดพลาดเล็กน้อย ให้ตรวจทานแก้ไขได้ ไม่หนักหนาอะไร

8. เรื่องข่มขืน ที่เพื่อนพระเอกมาข่มขืนเพื่อนโยชิ ถ้าเป็นไปได้ ปรับแก้ให้สมยอมจะดีกว่าค่ะ ทุกวันนี้ข่าวข่มขืนมีมากพอแล้ว เจอข่มขืนในนิยาย ไม่ได้ชวนฟินมากนัก และยังปลูกฝังค่านิยมผิดๆให้ผู้อ่านอีกค่ะ

9. ปฏิกริยาพ่อแม่โยชิ แปลกๆ คือ ลูกมีปัญหานะเว้ย บอกจะย้ายคือย้ายให้ ถามแบบไม่จริงจัง คือมันผิดปกติป่ะ เหมือนรักแบบสปอยล์ ตรงจุดนี้ก็ยังแหม่งๆ ยิ่งถ้าลูกเสียท่าแถมโดนปล่อยคลิปว่อนโรงเรียน พ่อแม่ไม่รู้นี่คือโง่ไปละป่ะ #คือเสียทีที่เป็นนักธุรกิจใหญ่มีลูกน้องมากมาย  แต่ลูกมีปัญหาดันไม่สืบสวนย้อนกลับไปที่โรงเรียน มันผิดปกติมาก

สรุปค่ะ อาจจะดูว่าพี่ต่อว่าอย่างเดียว หลายคนอาจมองว่าก็แค่นิยาย ไม่ต้องสมจริงอะไรมากมาย แต่ความไม่สมจริงและปล่อยหยวนไป ก็เหมือนกับการสร้างค่านิยมที่ผิดพลาด ให้ความรู้ที่ผิดพลาดกับผู้อ่าน เหมือนเคสคนชักให้เอาอะไรยัดปากกันกัดลิ้น ที่ปัจจุบันในละครก็ยังทำอยู่ และคนก็ตายเพราะท่อหายใจอุดตันมาหลายคนแล้วเช่นกัน

คำถามที่อยากให้ถามตัวเองคือ อยากพัฒนาความสามารถในการเขียนของเราหรือไม่ ถ้าใช่ ความสมจริงคือเสน่ห์ในงานเขียนของน้องนักเขียน เพราะงานเขียนของน้องจะถ่ายทอดตัวตนและความรู้ของน้องออกมา และคนอ่านก็ได้รู้ในสิ่งที่น้องสื่อออกมาด้วย

พี่หวังว่าความเห็นนี้จะเป็นแรงกระตุ้นให้น้องลองมองเนื้อหาและปรับแก้ตามความเหมาะสม และมีความสมเหตุสมผล เนื้อหาจะสนุกกว่านี้และน่าติดตามยิ่งขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ angelnan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
ถ้านายเอกยอมง่ายๆๆ คือควายมากๆๆอะ โดนทำขนาดนี้ ขอเถอะ อย่ามาแนวซ้ำซากเลยนะ เบื่อเต็มทนแล้ว ที่พระเอกทำเลวฉิบหายวายวอด แต่อีนายเอกผู้แสนดี ก้อใจอ่อนอย่างง่ายดาย นึกถึงความเป็นจริงบ้างนิยายก้อจิง ถ้าโดนปล่อยคลิปขนาดนี้ หน้ายังไม่มองกันเลย นี่อะไร มาคุยมาวนเวียนใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ อย่าให้มันน้ำเน่านักเลย ขอเถอะ จบไม่แฮบปี้ ยังดูดีสวยดูดีกว่านะ ถ้าจบแบบ สมหวังนี่ อ้วกเลย มันแถบจะเป็นไปไม่ได้เลย

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
สวัสดีค่ะน้องผู้แต่ง #อนุมานว่าเป็นน้องแล้วกันเนอะ

พี่อ่านนิยายขอคอมเมนท์ในด้านความสมจริงของเนื้อเรื่องแล้วกันนะคะ คือ ถ้าปรับได้ก็ปรับเนอะ
1. เรื่องการโพสคลิปอนาจาร....ผิดกฏหมายนะคะ เรื่องจะไม่มีทางจบแค่ คนโพสลบคลิปนั้นออกจากดาต้าเบส.... และเมื่อไหร่ก็ตามที่เผยแพร่ไปแล้ว คนสามารถแคปไปเผยแพร่ต่อได้อีก....."ไม่มีที่สิ้นสุด"
     เคสที่โยชิเจอ จะไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งเล่นๆ แต่มันเป็นcyberbullying อย่างเต็มรูปแบบ

2. การจัดการปัญหาของอาจารย์ฝ่ายปกครอง  มันหน่อมแน้มไปหน่อยไหม..ไม่สมจริงอย่างแรง.โทษโยชิคนเดียว ทั้งๆที่ควรมีการตรวจสอบไอพีคนโพสว่าใครปล่อยคลิป เพราะในที่นี้ โยชิคือผู้เสียหาย แล้วคนที่ไม่ได้โพสจะไปลบคลิปได้ยังไง ตรงจุดนี้ผิดตรรกะอย่างแรงค่ะ
   ปฏิกริยาของอาจารย์ปกครองควรจะเป็น
    - สั่งแอดมินลบคลิปออก(กรณีเป็นเว็บบอร์ดภายในโรงเรียน) แล้วตรวจสอบยูสเซอร์ที่อัพคลิปว่าเป็นใครและเอาผิดได้ทั้งวินัย และแจ้งความทางอาญา
    - แจ้งผู้ปกครองของเด็กที่ปรากฏในคลิปโดยตรง ไม่ใช่แจ้งผ่านเด็กแบบนี้
3. การเข้าร้านเหล้าดั่งเข้าร้านนม ทั้งที่ยังเป็นเด็ก ม.ปลาย ม.5-6 .......เอิ่ม อายุต่ำกว่า 18 ห้ามเข้าไม่ใช่หรือคะ หรือว่าเปลี่ยนกฏหมายแล้ว หรือว่าเด็กๆทำบัตรประชาชนปลอม หรือเป็นร้านเหล้าเถื่อนคะ
4. เรื่องการย้ายโรงเรียนไปต่างประเทศ....คืองงที่ว่าใช้เวลาย้ายโรงเรียนแค่สามวันเท่านั่น ทั้งที่การย้ายโรงเรียนกลางเทอมเป็นอะไรที่ยุ่งยาก ต้องทำเอกสารวุ่นวาย ยิ่งไปต่างประเทศ ยิ่งต้องมีเรื่องความต่างของระบบการเรียนที่ต่าง การเทียบวิชา และส่วนมาก นักเรียนที่ย้ายระหว่างนั้นจะจบช้ากว่าเด็กอื่นประมาณ 1 ปี

5. วีซ่า ไม่แน่ใจว่าโยชิไปประเทศไหน แต่ไปเรียนต่อ ต้องขอวีซ่านักเรียนนะเออ จะที่ไหนก็ตามก็ต้องทำวีซ่า ญี่ปุ่นไปเที่ยวไม่ต้องขอวีซ่า แต่ไปเรียนต้องขอนะคะ #ที่อื่นๆก็เช่นกัน  แต่พี่มีทางออกให้ว่าโยชิมีสองสัญชาติไรงี้แทนละกัน

6. เวลาที่พระเอก(?) ไปตามโยชิที่สนามบิน อ่านบทสนทนาแล้วปวดตับอ่ะ คือ บินระหว่างประเทศต้องเช็คอินก่อนเครื่องออกสองชั่วโมง เมื่อเช็คอินรับบอร์ดดิ้งพาส ต้องเข้าไปยังประตูผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ซึ่งตรงจุดนี้คนที่ไม่มีบอร์ดดิ้งพาส+พาสปอร์ตห้ามผ่าน) จากนั้น ทำเรื่องผ่านแสกน(ใช้เวลาอย่างน้อย10นาทียามไม่มีคนต่อคิว) แล้วเข้าคิวผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง (เวลาอย่างน้อย5 นาทีสำหรับพาสปอร์ตไทยโดยไม่มีคน) และขึ้นเครื่องก่อนเวลาบินจริงประมาณ 30-45นาที แล้วแต่ไฟลท์ด้วย

   ไอ้ที่เจ้าเพื่อนพระเอกมันบอกว่าบินเจ็ดโมง...ตอนนี้6โมงไปสนามบินยังทันคืออะไร บ้า สนามบินนะ ไม่ใช่คิวรถ บขส. คือ ถ้าเวลานั้นตีสี่ แล้วเจ้าพระเอกพลิกนาฬิกาว่าไปทันโยชิเข้าเกท ยังเมคเซนส์กว่านะน้อง  ปล.อย่าลืมด้วยนะว่า โยชิบินสายการบินอะไร บินออกพอร์ตไหนก็ไม่รู้ แล้วจะตามถูกที่มั้ย

7. เรื่องภาษา คำหยาบเป็นที่เข้าใจได้นะ ว่าเพื่อนๆคุยกันอะไรกัน แต่นิยายสามารถสนุกได้โดยไม่ต้องเน้นคำหยาบเป็นจุดขายได้ค่ะ  คำสะกด โดยรวมใช้ได้ แต่อาจมีผิดพลาดเล็กน้อย ให้ตรวจทานแก้ไขได้ ไม่หนักหนาอะไร

8. เรื่องข่มขืน ที่เพื่อนพระเอกมาข่มขืนเพื่อนโยชิ ถ้าเป็นไปได้ ปรับแก้ให้สมยอมจะดีกว่าค่ะ ทุกวันนี้ข่าวข่มขืนมีมากพอแล้ว เจอข่มขืนในนิยาย ไม่ได้ชวนฟินมากนัก และยังปลูกฝังค่านิยมผิดๆให้ผู้อ่านอีกค่ะ

9. ปฏิกริยาพ่อแม่โยชิ แปลกๆ คือ ลูกมีปัญหานะเว้ย บอกจะย้ายคือย้ายให้ ถามแบบไม่จริงจัง คือมันผิดปกติป่ะ เหมือนรักแบบสปอยล์ ตรงจุดนี้ก็ยังแหม่งๆ ยิ่งถ้าลูกเสียท่าแถมโดนปล่อยคลิปว่อนโรงเรียน พ่อแม่ไม่รู้นี่คือโง่ไปละป่ะ #คือเสียทีที่เป็นนักธุรกิจใหญ่มีลูกน้องมากมาย  แต่ลูกมีปัญหาดันไม่สืบสวนย้อนกลับไปที่โรงเรียน มันผิดปกติมาก

สรุปค่ะ อาจจะดูว่าพี่ต่อว่าอย่างเดียว หลายคนอาจมองว่าก็แค่นิยาย ไม่ต้องสมจริงอะไรมากมาย แต่ความไม่สมจริงและปล่อยหยวนไป ก็เหมือนกับการสร้างค่านิยมที่ผิดพลาด ให้ความรู้ที่ผิดพลาดกับผู้อ่าน เหมือนเคสคนชักให้เอาอะไรยัดปากกันกัดลิ้น ที่ปัจจุบันในละครก็ยังทำอยู่ และคนก็ตายเพราะท่อหายใจอุดตันมาหลายคนแล้วเช่นกัน

คำถามที่อยากให้ถามตัวเองคือ อยากพัฒนาความสามารถในการเขียนของเราหรือไม่ ถ้าใช่ ความสมจริงคือเสน่ห์ในงานเขียนของน้องนักเขียน เพราะงานเขียนของน้องจะถ่ายทอดตัวตนและความรู้ของน้องออกมา และคนอ่านก็ได้รู้ในสิ่งที่น้องสื่อออกมาด้วย

พี่หวังว่าความเห็นนี้จะเป็นแรงกระตุ้นให้น้องลองมองเนื้อหาและปรับแก้ตามความเหมาะสม และมีความสมเหตุสมผล เนื้อหาจะสนุกกว่านี้และน่าติดตามยิ่งขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ




เห็นด้วยค่ะ

ออฟไลน์ Anong2013

  • พ่อค้าขนหวาน Versions 1
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • www.thaiboyslove.com
เห็นด้วยค่ะพี่ ... ชอบที่พี่ comment นี้แหละ ไม่ใช่ว่านิยายแล้วเราจะจินตนาการแบบไม่สมกลับชิวิดจริง

ชอบพี่comment ทุกข้อ โดยเฉพาะเรื่องไปสนามบิน .. ในชีวิตจริงการไปสนามบิน ก่อนจะไป check in เพื่อรอเข้า gate อย่างน้อยก็ต้องไปถึงสนามบินก่อน 1-2 ชั่วโมง.. เผื่อว่ารถติดอะไรงี้...  ถ้านั่งรถส่วนตัวไปสนามบิน suvannaphom Airport อย่างน้อยก็ใช้เวลาหนื่งชั่วโมงกว่าจะถึง .. ถ้าไม่เดีนทางด้วยรถไฟฟ้า BTS หรือ  Airport link นะค่ะ.

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

ขอบคุณที่ติในส่วนที่พลาดไปนะคะ  จะว่าไปก็พลาดไปเยอะเลย  ขอบคุณมากคะ  เดี๋ยวจะนำสิ่งนี้ไปปรับปรุงแก้ไขมันให้ดียิ่งขึ้นนะคะ  ....   :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


สวัสดีค่ะน้องผู้แต่ง #อนุมานว่าเป็นน้องแล้วกันเนอะ

พี่อ่านนิยายขอคอมเมนท์ในด้านความสมจริงของเนื้อเรื่องแล้วกันนะคะ คือ ถ้าปรับได้ก็ปรับเนอะ
1. เรื่องการโพสคลิปอนาจาร....ผิดกฏหมายนะคะ เรื่องจะไม่มีทางจบแค่ คนโพสลบคลิปนั้นออกจากดาต้าเบส.... และเมื่อไหร่ก็ตามที่เผยแพร่ไปแล้ว คนสามารถแคปไปเผยแพร่ต่อได้อีก....."ไม่มีที่สิ้นสุด"
     เคสที่โยชิเจอ จะไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งเล่นๆ แต่มันเป็นcyberbullying อย่างเต็มรูปแบบ

2. การจัดการปัญหาของอาจารย์ฝ่ายปกครอง  มันหน่อมแน้มไปหน่อยไหม..ไม่สมจริงอย่างแรง.โทษโยชิคนเดียว ทั้งๆที่ควรมีการตรวจสอบไอพีคนโพสว่าใครปล่อยคลิป เพราะในที่นี้ โยชิคือผู้เสียหาย แล้วคนที่ไม่ได้โพสจะไปลบคลิปได้ยังไง ตรงจุดนี้ผิดตรรกะอย่างแรงค่ะ
   ปฏิกริยาของอาจารย์ปกครองควรจะเป็น
    - สั่งแอดมินลบคลิปออก(กรณีเป็นเว็บบอร์ดภายในโรงเรียน) แล้วตรวจสอบยูสเซอร์ที่อัพคลิปว่าเป็นใครและเอาผิดได้ทั้งวินัย และแจ้งความทางอาญา
    - แจ้งผู้ปกครองของเด็กที่ปรากฏในคลิปโดยตรง ไม่ใช่แจ้งผ่านเด็กแบบนี้
3. การเข้าร้านเหล้าดั่งเข้าร้านนม ทั้งที่ยังเป็นเด็ก ม.ปลาย ม.5-6 .......เอิ่ม อายุต่ำกว่า 18 ห้ามเข้าไม่ใช่หรือคะ หรือว่าเปลี่ยนกฏหมายแล้ว หรือว่าเด็กๆทำบัตรประชาชนปลอม หรือเป็นร้านเหล้าเถื่อนคะ
4. เรื่องการย้ายโรงเรียนไปต่างประเทศ....คืองงที่ว่าใช้เวลาย้ายโรงเรียนแค่สามวันเท่านั่น ทั้งที่การย้ายโรงเรียนกลางเทอมเป็นอะไรที่ยุ่งยาก ต้องทำเอกสารวุ่นวาย ยิ่งไปต่างประเทศ ยิ่งต้องมีเรื่องความต่างของระบบการเรียนที่ต่าง การเทียบวิชา และส่วนมาก นักเรียนที่ย้ายระหว่างนั้นจะจบช้ากว่าเด็กอื่นประมาณ 1 ปี

5. วีซ่า ไม่แน่ใจว่าโยชิไปประเทศไหน แต่ไปเรียนต่อ ต้องขอวีซ่านักเรียนนะเออ จะที่ไหนก็ตามก็ต้องทำวีซ่า ญี่ปุ่นไปเที่ยวไม่ต้องขอวีซ่า แต่ไปเรียนต้องขอนะคะ #ที่อื่นๆก็เช่นกัน  แต่พี่มีทางออกให้ว่าโยชิมีสองสัญชาติไรงี้แทนละกัน

6. เวลาที่พระเอก(?) ไปตามโยชิที่สนามบิน อ่านบทสนทนาแล้วปวดตับอ่ะ คือ บินระหว่างประเทศต้องเช็คอินก่อนเครื่องออกสองชั่วโมง เมื่อเช็คอินรับบอร์ดดิ้งพาส ต้องเข้าไปยังประตูผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ซึ่งตรงจุดนี้คนที่ไม่มีบอร์ดดิ้งพาส+พาสปอร์ตห้ามผ่าน) จากนั้น ทำเรื่องผ่านแสกน(ใช้เวลาอย่างน้อย10นาทียามไม่มีคนต่อคิว) แล้วเข้าคิวผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง (เวลาอย่างน้อย5 นาทีสำหรับพาสปอร์ตไทยโดยไม่มีคน) และขึ้นเครื่องก่อนเวลาบินจริงประมาณ 30-45นาที แล้วแต่ไฟลท์ด้วย

   ไอ้ที่เจ้าเพื่อนพระเอกมันบอกว่าบินเจ็ดโมง...ตอนนี้6โมงไปสนามบินยังทันคืออะไร บ้า สนามบินนะ ไม่ใช่คิวรถ บขส. คือ ถ้าเวลานั้นตีสี่ แล้วเจ้าพระเอกพลิกนาฬิกาว่าไปทันโยชิเข้าเกท ยังเมคเซนส์กว่านะน้อง  ปล.อย่าลืมด้วยนะว่า โยชิบินสายการบินอะไร บินออกพอร์ตไหนก็ไม่รู้ แล้วจะตามถูกที่มั้ย

7. เรื่องภาษา คำหยาบเป็นที่เข้าใจได้นะ ว่าเพื่อนๆคุยกันอะไรกัน แต่นิยายสามารถสนุกได้โดยไม่ต้องเน้นคำหยาบเป็นจุดขายได้ค่ะ  คำสะกด โดยรวมใช้ได้ แต่อาจมีผิดพลาดเล็กน้อย ให้ตรวจทานแก้ไขได้ ไม่หนักหนาอะไร

8. เรื่องข่มขืน ที่เพื่อนพระเอกมาข่มขืนเพื่อนโยชิ ถ้าเป็นไปได้ ปรับแก้ให้สมยอมจะดีกว่าค่ะ ทุกวันนี้ข่าวข่มขืนมีมากพอแล้ว เจอข่มขืนในนิยาย ไม่ได้ชวนฟินมากนัก และยังปลูกฝังค่านิยมผิดๆให้ผู้อ่านอีกค่ะ

9. ปฏิกริยาพ่อแม่โยชิ แปลกๆ คือ ลูกมีปัญหานะเว้ย บอกจะย้ายคือย้ายให้ ถามแบบไม่จริงจัง คือมันผิดปกติป่ะ เหมือนรักแบบสปอยล์ ตรงจุดนี้ก็ยังแหม่งๆ ยิ่งถ้าลูกเสียท่าแถมโดนปล่อยคลิปว่อนโรงเรียน พ่อแม่ไม่รู้นี่คือโง่ไปละป่ะ #คือเสียทีที่เป็นนักธุรกิจใหญ่มีลูกน้องมากมาย  แต่ลูกมีปัญหาดันไม่สืบสวนย้อนกลับไปที่โรงเรียน มันผิดปกติมาก

สรุปค่ะ อาจจะดูว่าพี่ต่อว่าอย่างเดียว หลายคนอาจมองว่าก็แค่นิยาย ไม่ต้องสมจริงอะไรมากมาย แต่ความไม่สมจริงและปล่อยหยวนไป ก็เหมือนกับการสร้างค่านิยมที่ผิดพลาด ให้ความรู้ที่ผิดพลาดกับผู้อ่าน เหมือนเคสคนชักให้เอาอะไรยัดปากกันกัดลิ้น ที่ปัจจุบันในละครก็ยังทำอยู่ และคนก็ตายเพราะท่อหายใจอุดตันมาหลายคนแล้วเช่นกัน

คำถามที่อยากให้ถามตัวเองคือ อยากพัฒนาความสามารถในการเขียนของเราหรือไม่ ถ้าใช่ ความสมจริงคือเสน่ห์ในงานเขียนของน้องนักเขียน เพราะงานเขียนของน้องจะถ่ายทอดตัวตนและความรู้ของน้องออกมา และคนอ่านก็ได้รู้ในสิ่งที่น้องสื่อออกมาด้วย

พี่หวังว่าความเห็นนี้จะเป็นแรงกระตุ้นให้น้องลองมองเนื้อหาและปรับแก้ตามความเหมาะสม และมีความสมเหตุสมผล เนื้อหาจะสนุกกว่านี้และน่าติดตามยิ่งขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนที่16 :  ความจริง


-เดฟ-

 
“มึงจะแดกอะไรหนักหนาว่ะไอ้อัล  เพลาๆบ้างเหอะ” ผมมองสภาพเพื่อนตัวเองที่นั่งดื่มเบียร์เงียบๆคนเดียวมานานสามวันแล้ว   มันไม่ยอมลุกไปไหนเลยนอกจากนั่งอยู่ที่เดิมในห้องของผม  ครับไม่ผิดหรอกมันอยู่ที่ห้องผมมาสามวันแล้ว  มหาลัยก็ไม่ได้ไป  วิชาหลักก็ไม่ไป  ผมก็ได้แต่เลกเชอร์  ชีทงาน  อะไรต่างๆมาให้มัน  ไม่งั้นมีติดเอฟเป็นแน่ถ้าไม่มีงานส่ง  ผมมองสภาพมันที่ต่างจากเมื่อสามวันก่อนมาก  ผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด  ตาดำคล้ำ  เสื้อผ้ายังเป็นชุดนักศึกษาชุดเดิมเลยครับ  เรียกได้ว่าศพจริงๆ

 

“...”

 

“ไอ้อัลกูรู้ว่ามึงรักน้องมัน  แต่ช่วยดูแลสภาพตัวเองตอนนี้บ้างเถอะ” ผมได้แต่ส่ายหัว  มันไม่ได้ฟังที่ผมพูดเลย  ยกเบียร์ขึ้นดื่มต่อ  พอหมดกระป๋องมันก็หยิบกระป๋องใหม่ขึ้นมาเปิด  ก้นบุหรี่จำนวนมากถูกบี้ทิ้งกับที่เขี่ยบุหรี่

 

“...”

 

“ฟังกูพูดบ้างไหมวะ”

 

“เฮ้อออ” มันทิ้งตัวลงนอนกับโซฟา  ยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก  ผมเท้าเอวมองมัน

 

“มึงทำตัวแบบนี้คิดหรอว่าน้องมันจะสนใจมึง หันคิดซะบ้างดิวะ”

 

“กูรู้  กูรู้ว่ามันไม่สนใจกูหรอก กูจะเป็นอะไรมันก็ไม่สนใจ  ต่อให้กูตายมันก็ไม่มีทางสนใจกูอยู่แล้ว  อาจจะดีซะอีกที่กูตายๆไปซะ  จะได้ไม่ต้องเจอกัน” มันพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

 

“...” ผมได้แต่รับฟังมันพูดเงียบๆ ผมอยากให้มันระบายให้ผมทำ  ไม่อยากให้มันเอาแต่นั่งเงียบตลอดสามวันที่ผ่านมา  ข้าวปลาก็ไม่กิน  กินแต่เบียร์จนตอนนี้มันเริ่มโทรม

 

“ไอ้เดฟ”

 

“เออว่า?”

 

“มึงรู้ไหม..”

 

“...”

 

“กูทำกับมันร้ายแรงมากเลยนะ  กูเกลียดตัวเองวะ  มิน่าละมันถึงเกลียดกูขนาดนี้  กูยังมีความเป็นคนอยู่ไหมวะ  กูทำให้มันเสียใจ  กูทำให้เกือบฆ่าตัวตาย”

 

“มึงว่าไงนะ!!” ผมช็อกกับประโยคที่ได้ยิน  ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าเด็กคนนั้นจะเกือบฆ่าตัวตาย

 

“กูไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ากูจะทำให้เด็กผู้ชายที่บริสุทธิ์อย่างโยชิคิดสั้นได้  เพียงแค่ความสนุกของตัวกูเอง” มันยังคงพูดออกมาเรื่อยๆ

 

“...”

 

“ไอ้เดฟ  กูควรทำไงดีวะ  กูไม่รู้ว่ากูต้องเริ่มยังไงแล้ววะ  แค่กูเห็นน้ำตามันตอนที่พูดเรื่องอดีต กูก็ไปไม่เป็นแล้ววะมึง”

 

“ไอ้อัล..”

 

“กูควรทำยังไง”  ผมมองน้ำตาลูกผู้ชายกำลังหลั่งรินออกมา  มันไม่เช็ดมันปล่อยให้ไหลลงมาเรื่อยๆ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นน้ำตาของมัน  มันไม่เคยร้องไห้ง่ายขนาดนี้  มันคงจะรักโยชิจากใจจริง   ผมเองก็ไม่รู้จะปลอบใจมันยังไง  มันหลับตาลง  ไม่มีเสียงสะอื้นออกมาให้ได้ยิน  มีเพียงความเงียบปกคลุมรอบตัวมัน

 

“เรื่องตอนนั้นกูเองก็มีส่วนผิด  กูเป็นคนอัดและปล่อยคลิปนั้น”

 

“ไม่หรอก  ถ้ากูห้ามมึงมันก็คงไม่เกิด”

 

“มึงอย่าโทษตัวเองว่าเป็นความผิดมึงคนเดียวสิว่ะ  เดี๋ยวกูจะไปพูดกับน้องมันเองว่ากูเป็นคนทำ” ผมบอกมัน  มันลุกขึ้นนั่งยกแขนเช็ดน้ำตาแล้วจ้องหน้าผม

 

“มันไม่มีประโยชน์หรอก  ปล่อยให้มันเข้าใจแบบนี้ดีแล้ว  อีกอย่างมึงอยากจะเป็นแบบกูตอนนี้หรอวะ”

 

“...”

 

“สภาพดูไม่ได้แบบนี้  มึงอยากเป็นหรอ  มึงก็รักกันกับเมียมึงก็ดีอยู่แล้ว  เรื่องนี้ปล่อยให้กูจัดการเองดีกว่า”

 

“แต่กู...”

 

“มึงไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกน่า กูไม่เป็นไร อย่ามาทำหน้าจะตายน่าไอ้เดฟ  น่ารำคาญว่ะ”

 

“ฮึก ไอ้อัลลลล”ผมลากเสียงยาว  กระโจนไปกอดมัน

 

“ไอ้เหี้ย  ปล่อยกูขนลุก” มันทำหน้าสยอง

 

“ฮือออ กูขอโทษที่กูช่วยไรมึงไม่ได้เลย  กูรักมึงนะเพื่อน”  ผมกอดมันแน่น ซบหน้ากับไหล่ร้องไห้ ฮือๆ ให้มัน  ผมสงสารเพื่อน  ผมไม่สามารถช่วยอะไรมันได้เลย

 

“...”

 

“กูเป็นเพื่อนที่ไม่ได้เรื่องเลยวะไอ้อัล   กูเสียใจ  กูอยากเจ็บแทนมึงจริงๆ ฮืออออ”

 

“งั้นมึงก็ไปบอกเลิกเมียมึงสิ  จะได้เจ็บ”มันว่าเสียงนิ่ง  ผลักหัวผมออกห่างๆมัน  ผมซูดน้ำมูกที่ไหลออกมาเช็ดน้ำตาออกจากหน้าจ้องมัน

 

“ไอ้ห่า  กูจริงจัง  แต่ถ้าให้กูเลิกกับไอ้พาสกูยอมตายดีกว่า”  ใครจะไปบ้าบอกเลิกเมียตัวเองวะ  คนเขาอุสาเป็นห่วงมาพูดงี้  มีเคืองครับมีเคือง

 

“งั้นก็อย่ามาบอกว่าจะเจ็บแทนกู  ไปไหนก็ไป  กูยากอยู่คนเดียว” มันไล่ผมครับ

 

“แต่นี่ห้องกูมึงจะให้กูไปไหนห้ะ”

 

“ไปไหนก็ไป  ไปหาเมียมึงซะ  กูรำคาญมึงเต็มทนแล้ว”  มันว่าแล้วลุกเดินออกไป  ผมมองตามหลังมันที่เปิดประตูระเบียง  ผมไม่ได้ลุกตาม  ผมแค่คิดว่าปล่อยให้มันอยู่คนเดียวดีกว่า อย่างน้อยๆมันก็พูดระบายออกมาให้ผมได้รับรู้มันหมดแล้ว  ผมต้องช่วยมัน อย่างน้อยๆก็ไถ่โทษที่ทำให้มันต้องเป็นแบบนี้ละวะ  ไม่ใช่ให้มันเป็นคนรับผิดชอบอยู่คนเดียว    ผมอยากให้เพื่อมีความสุข  ผมต้องบอกเรื่องนี้กับโยชิให้ได้รับรู้

 

 

-อัลฟา-

 

ผมหยิบบุหรี่ขึ้นจุดสูบ พรางคิดหาวิธีจะทำยังไงให้ไอ้ตัวเล็กมันหายโกรธผมและยอมยกโทษให้  ผมอยากได้รับโอกาสแก้ตัวอีกครั้ง   แต่คงเป็นการยากเมื่อมันยังจำสิ่งที่ผมเคยทำกับมันไว้อยู่ ผมถอนหายใจรอบแล้วรอบเล่าก็ยังคิดไม่ออก  ผมเป่าควันสีขาวออกจากปากและจมูก  วันหนึ่งผมสูบไม่เกินสามมวนหรอกครับถ้าไม่เครียดจริง  แต่ครั้งนี้ผมอัดสารนิโคตินเข้าปอดเต็มๆหลายมวน ผ่อนคลายความเครียดที่ฝังแน่นในอกให้จางหายไป  แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรเลย  ผมหยิบโทรศัพท์กดเข้าโปรแกรมไลน์ที่ผมชอบคุยกับมันกดส่งข้อความไปหาทุกวันตั้งแต่วันที่ผมคุกเข่าขอร้องมันหน้าคณะ  แต่ข้อความเหล่านั้นกลับไม่ถูกเปิดอ่านมันเลย  แต่ผมก็ยังไม่ลดละที่จะส่งมันไปเรื่อยๆ  ผมตัดสิ้นใจโทรออกไปหามัน  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะโทรหามัน ผมรอสายอยู่ซักพักก็ได้ยินเสียงของคที่ผมอยากได้ยิน..

 

(สวัสดีครับ..) เสียงปลายสายพูดทักทายขึ้น  แต่ผมกลับพูดไม่ออก

 

“...”

 

(ฮัลโหล  ได้ยินไหมครับ) ปลายสายยังคงถามกลับมา

 

“...”

 

(สัญญาณไม่ดีมั้ง) ติ๊ด แล้วสายก็ถูกตัดไป ผมมองกรอบสี่เหลี่ยมที่หน้าจอมืดดับไป  ผมท้าวแขนกับราวระเบียง  คิดอะไรเรื่อยเปื่อย  อย่างน้อยแค่ผมได้ยินเสียงมันผมก็มีกำลังใจที่จะทำยังไงต่อไปแล้ว  ผมจะไม่ยอมแพ้กับเรื่องแค่นี้เด็ดขาด  อย่างน้อยแค่ผมได้พยายามมันอย่างเต็มที่  แค่นั้นก็ดีมากแล้ว  ส่วนผลลัพธ์จะเป็นยังไงก็คงต้องว่ากันอีกที

 

 

-โยชิ-

 

Rrrrrrrr Rrrrrrrr

 

“สวัสดีครับ..” ผมกดรับสายเมื่อมีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นซักพัก

 

(............)

 

“ฮัลโหล  ได้ยินไหมครับ” มีเพียงความเงียบที่เป็นคำตอบให้ผม  ผมมองเบอร์ที่โทรเข้ามาก็ต้องขมวดคิ้ว  เบอร์ใคร?

 

(............)

 

“สัญญาณไม่ดีมั้ง” ผมคิดแบบนั้นเพราะปลายสายที่ดทรเข้ามาไม่พูดจาตอบกลับมาเลย  ผมจึงตัดสายทิ้งไป  ถ้าเข้ามีธุระจริงๆคงกดโทรมาอีกรอบเองแหละ 

 

“อาบน้ำดีกว่า  จะได้มาทำงานที่ค้างไว้ เหนื่อยเป็นบ้า” ผมหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำให้สดชื่นแล้วลุยงานที่ทำค้างอยู่ให้เสร็จก่อนกำหนดจะได้พักผ่อน  ไม่ต้องเร่งทำงานก่อนเดตไลน์เหมือนไอ้พาสมันชอบทำ

 

“เตี้ย!!”

 

“อืม!”ผมคานรับจากในห้องน้ำเมื่อไอ้สูงมันเรียก

 

“กูออกไปข้างนอกนะ”

 

“ไปไหนว่ะ”  ผมถามมันกลับ  ไอ้นี่ก็ไปเที่ยวได้ทุกวันจริงๆ

 

“สนามแข่งรถ  เฮียให้ไปดูแลให้อ่ะ”

 

“เออๆๆ”

 

“อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”  คำถามนี่ผมได้ยินปล่อยมากจากมัน  มันมักจะถามผมเสมอเวลามันต้องออกไปทำงานให้เฮีย  หรือ มันออกไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมกับคณะดึกๆ

 

“อยู่ได้ไม่ต้องห่วง”  และผมก็มักจะให้คำตอบเดิมกับมัน

 

“แน่นะ”

 

“อืมรีบไปเถอะ”

 

“ใครมาเคาะก็ไม่ต้องเปิดนะเว้ย”

 

“เออ!!”

 

เป็นห่วงเกินเหตุแล้ว  มันเป็นแบบนี้มาสามวันแล้วครับ  มันอยู่กับผมเวลามันว่าง  มันไม่ปล่อยให้ผมได้อยู่คนเดียว  หากแต่ว่ามันมีงานก็ไปทำ  ตอนนั้นแหละครับผมถึงจะได้อยู่คนเดียว  ผมออกมาจากห้องน้ำ  สวมชุดนอน  เดินเช็ดหัวที่พึ่งสระให้แห้ง   นั่งดูทีวีที่ไอ้สูงมันเปิดไว้  ส่วนกองหนังสือ สมุด ชีท โน๊ตบุ๊คก็ตั้งอยู่ตรงหน้าผมเนี้ยแหละครับ  วางระเกะระกะหาอะไรเป็นอะไรไม่เจอ  ก็เหมือนทุกครั้งเวลาที่ผมได้อยุ่คนเดียวมักจะมีเรื่องให้คิดเสมอ...  การที่ผมทำตัวเข้มแข็งต่อหน้าไอ้สูงนั้นมันอาจจะยากแต่ผมก็ไม่อยากให้มันมาเป็นห่วงจนเกินไป  แค่ตอนนี้มันก็แทบจะไม่ห่างผมแล้ว  ยิ่งเมื่อผมเล่าเรื่องอดีตที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้มันฟัง  ทั้งเรื่องคลิป  เรื่องที่ผมคิดสั้นฆ่าตัวตาย  มันก็อยากจะไปฆ่าผู้ชายคนนั้นให้ตาย

 

 

 

“ไอ้โยงานมึงเสร็จยังวะ” ไอ้พาสมันเดินหัวยุ่งหน้ามุ้ยมาหาผม

 

“เสร็จตั้งนานละ  แล้วมึงละ” ผมถาม

 

“เพิ่งเสร็จเมื่อตอนตีสี่  ง่วงชิบ” มันว่าแล้วฟุบหน้านอนกับโต๊ะไม้หินอ่อน  วันนี้เป็นวันส่งงานครับ  ผมเคยบอกใช่ไหมว่าไอ้พาสมันชอบทำงานก่อนวันเดตไลน์  ขาประจำครับ  มัธยมเป็นยังไงมหาลัยก็ยังคงเป็นเช่นเดิม

 

“มึงจะมานอนตรงนี้ได้ไงวะ  อีกครึ่งชั่วโมงก็ต้องขึ้นเรียนแล้วนะ”

 

“อื้อๆๆกูของีบแปบเดียว”

 

“เฮ้อ ทีหลังก็อย่าดองงานสิ” ผมบ่น

 

“บ่นจังวะ  เป็นแม่กูอีกคนรึไง”

 

“กูกำลังเป็นห่วงมึงนะเว้ย”

 

“มึงเป็นห่วงกูก็ต้องปล่อยให้กูนอนครับ” แล้วมันก็หลับต่อ  ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย   เหลือเวลาอีกสิบนาทีผมจึงปลุกมันขึ้นห้องเรียน  วิชานี้เช็คชื่อตรงเวลาสายนิดเดียวคือขาด  อ.โหดครับ  เพิ่งจะขึ้นบันไดได้แค่ขั้นเดียวก็มีคนเรียกชื่อไอ้พาส  เจ้าของชื่อทำหน้าหงุดหงิดเมื่อเห็นใคร

 

“พาสต้า!”

 

“สวัสดีครับพี่คิม” ผมยกมือไหว้รุ่นพี่

 

“สวัสดีครับนน้องโยชิ” พี่มันหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองไอ้พาสที่มองเขาอยู่

 

“มีไรไอ้คิม?”

 

“ไม่มีอะไรกูเรียกมึงไม่ได้หรือไง”

 

“อย่ามากวนตีนกู มีไรว่ามากูมีเรียน”

 

“กูเอานี่มาให้”

 

“อะไร?” ผมมองกระดาษที่พี่คิมยื่นมาให้ไอ้พาสกวาดสายตามองดูรายละเอียด  เหมือนจะเป็นทริปอะไรซักอย่าง

 

“กิจกรรมคณะ  ฝากมึงไปแจ้งเพื่อนในห้องด้วย”

 

“แล้วทำไมต้องเป็นกูวะ” มันทำตาขวางใส่พี่คิม  ผมจึงหยิบกระดาษมาอ่านรายละเอียดใหม่ให้ชัดๆอีกรอบ

 

“ประจวบ?” ผมพูดขึ้นแล้วมองหน้าพี่คิม  ไปทำไหมวะ

 

“ไปทำไมประจวบ” ไอ้พาสถาม

 

“ไปเที่ยวๆ”

 

“ดีเนอะ  ใจดีพาน้องไปเที่ยวด้วย  งบเยอะมากหรือไงวะ”

 

 “...” ผมได้แต่ทำตาปริบๆ  ฟังมันคุยกับพี่คิม

 

“แน่ใจว่าพวกมึงไม่ได้คิดทำอะไรพิเลนๆ” ไอ้พาสหรี่ตามองพี่คิม

 

“มึงก็กังวลไป  มึงเห็นพวกกูเป็นคนยังไงกัน”

 

“เหี้ย ชั่ว สารเลว” มันพูดออกมาแบบไม่ต้องคิดเล่นเอาพี่คิมอ้าปากหวอๆเลย

 

“...”

 

“มีแค่นี้ใช่ไหม  กูจะได้ไปเรียนสักที เสียเวลา”  มันเสียเวลาตรงมึงนอนมากกว่านะเพื่อน  มันว่าจบก็ขึ้นบันไดไปก่อน ผมจึงหันมาลาพี่คิม

 

“ผมไปก่อนนะครับ  สวัสดี” ผมไหว้สวัสดีพี่คิมแล้วหมุนตัวกำลังจะตามไอ้พาสไป  ไอ้นี่ก็ไม่คิดรอเพื่อนเลย

 

“เดี๋ยวสิโยชิ”

 

“ครับ?” ผมหันไปมองพี่คิมที่เรียกผมไว้

 

“โยชิกับเพื่อนพี่เป็นอะไรกัน”

 

“...” ผมเงียบไม่ได้ตอบคำถามพี่คิม

 

“พี่ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้มาก่อนตั้งแต่คบกันมา  บอกได้ไหมว่าโยชิกับไอ้อัลเป็น...”

 

“ไม่ได้เป็นอะไรครับ  ผมขอตัวก่อนนะ” ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถาม

 

“เดี๋ยวสิ!”

 

“มีอะไรอีกครับ”ผมถาม  พี่มันทำหน้าอึกอักเหมือนว่าจะถามหรือไม่ถามดี

 

“เอ่อ..”

 

“ครับ? ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะครับ ผมเข้าสายวิชานี้ไม่ได้”

 

“อ่า..ผู้ชายที่มารับโยชิเมื่อวันนั้นเป็นอะไรกันหรอ” ผมเลิ้กคิ้วมองพี่คิม  พี่มันหลบตาผม  อยากรู้ไปทำไมว่ะ

 

“ไอ้สูง เอ่อเนปจูนหรอครับ”

 

“ชื่อเนปจูนหรอ...”พี่มันพึมพำกับตัวเอง

 

“ครับ?”

 

“เปล่าๆ”พี่มันเกาแก้ม ยิ้มแห้งๆ

 

“เป็นแค่ละ..”

 

“ไอ้โย!! จะขึ้นห้องไหมห้ะ  สายแล้วนะ  เช็คชื่อไม่ทันอย่ามาร้องนะเว้ย” ไอ้พาสตะโกนขัดขึ้นมาก่อน  ทำให้ผมยกมือดูนาฬิกาข้อมือ  บอกว่าเหลือไม่กี่นาทีจะเข้าคลาสแล้ว  ผมหันไปมองหน้าพี่คิมอย่างชั่งใจ  กูสายไม่ได้เว้ย

 

“...”

 

“ผมต้องไปแล้ว  ขอตัวครับ”

 

“ไอ้โยโว้ยย  เร็วๆๆ”

 

“เออกำลังไปแล้วว” ผมตะโกนตอบกลับไอ้พาสไป  ผมยังไม่ได้ตอบคำถามล่าสุดของพี่คิม  แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ ทำไมพี่เขาถึงอยากจะรู้นักละว่าผมเป็นอะไรกับใคร  ทั้งเพื่อนเขาและไอ้สูง

 

 

 

“แล้วนี่มึงจะกลับยังไง  รอไอ้เนปมารับหรอ” ผมเลิกคลาสแล้วครับ  ตอนนี้ผมกับไอ้พาสเดินออกมานอกตึก

 

“คงกลับเองวะ  สูงมันเตรียมตัวประกวดเดือนอ่ะ เห้นช่วงนี้กลับดึกบ่อยด้วย”

 

“หรอ  งั้นไปหาร้านนั่งชิลกับดีกว่าวะกูเห็นมีร้านขนมเปิดใหม่อยู่” ผมได้ยินก็หูพึงเลยครับ  ผมชอบขนมหวาน ไอ้ติม  จำพวกนี้  มันอร่อยดีครับ  กินแล้วละมุนลิ้นดี แฮ่ๆ

 

“ไปดิๆ” ผมตอบได้ในทันที   

 

“เค  แต่แปบนะ”  มันบอกผม  แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายเมื่อมีสายเข้า

 

“อืม”

 

“โหล..”

 

“...” ยืนฟังเฉยๆ

 

“อยู่กับชู้”

 

“...” ให้ผมเดาไหมครับว่าใคร  ผัวมันไง  พี่เดฟคนหล่อนั่นเอง

 

“ไม่ต้องมา  อย่ามางี่เง่าไอ้เดฟ ... กูแค่โกหกมึง มึงก็เชื่อนะ  มึงมันควาย  ไอ้ควาย”

 

“...”ผมยืนเป็นอากาศรอมันคุยกับพี่เดฟให้เสร็จ  แล้วชาตินี้จะได้ไปกินไหมขนมหวานอ่ะ  เค้กอ่ะ  ไอติมอ่ะ  อยากกินนนนนนน....ประท้วงในใจครับเดี๋ยวมันหันมาด่า

 

“อะไร  เลิกแล้วจะไปหาไรแดกกับไอ้โย...เอออยู่กับมันจะคุยมั้ยละ”  หือ  เกี่ยวไรกับกูวะ  คุยกันเองไปสิอย่าเอากูไปเอียว

 

“...” เริ่มตบยุง  ยุงเยอะจริงกลางวันแบบนี้ยังมากัดเนอะ น่านัก

 

“ทำไรของมึงไอ้โย”

 

“เปล่า  ตบยุงเล่นเฉยๆ”

 

“ประหลาด” นั่น..กูโดนว่า?  มึงจะคุยกันอีกนานไหม  กูอยากกินเค้กก  ผมทำหน้ามุ้ย  มันแค่เหล่มามองก่อนที่จะบอกลาปลายสาย

 

“เออร้านหน้ามอนี่แหละ  เออๆ  แค่นี้  ลูกกูจะงอแงละ” ไหน ?  ใครลูกมันแล้วใครงอแง อะโด่ววว เดี๋ยวปั๊ดโดดถีบยอดคอ

 

“คุยเสร็จแล้วหรอ”

 

“ยังมั้ง  แหกตาดูสิครับวากุวางสายยัง” กวนตีน..

 

“งั้นไปกันเถอะกูอยากกินแล้ว” ผมทำท่าระริกระรี้จนมันผลักหัวผม

 

ร้านขนม

 

“กินไรดีๆๆ” ผมมองตู้โชว์ที่โชว์ขนมเค้กหลากหลายรส น่ากินๆทั้งนั้น  ผมหันไปถามความเห็นกับคนที่พามา

 

“แดกไรก็แดกไปเถะ  กินได้หมดทั้งนั้นแหละ” ดูปากมันครับ  ผมจึงสั่งเค้กชาเขียว เค้กช็อกโกแลต  เค้กนมสด  และก็โกโก้ปั้นไปแก้วหนึ่ง  ผมเป็นคนกินน้อยครับ  จริงๆนะ แหะๆ  ส่วนไอ้พาสนั่นสั่งแค่คาปูชิโนอย่างเดียว  เราสองคนเดินไปหาโต๊ะว่างๆนั่งรอของที่สั่ง..

 

“สั่งอะไรเยอะแยะ  แดกให้หมดนะมึง  มีแต่ของเลี่ยนๆทั้งนั้น”มันทำหน้าสยองเมื่อเห็นสิ่งที่ผมสั่งไปมาเสริฟ

 

“อร่อยออกมึง  หวานๆดี กูชอบ” ผมทำหนาฟินๆเมื่อพูดถึงของหวาน

 

“ทำตัวยังกะผู้หญิง”

 

“กูได้ยินนะ” ผมกำลังละเลียดละไมเค้กรสชาเขียวหอมๆเข้าปากอย่างช้าๆ ฮ่าๆๆ  อร่อยดีครับ  สงสัยต้องซื้อกลับไปกินที่ห้องซะแล้ว

 

 

กรุ้ง กริ้ง

เสียงประตูร้านดังขึ้น  ผู้ชายร่างสูงเสื้อช็อบวิศวะเด่นมาแต่ไกล  รู้ๆกันครับว่าใคร พี่เดฟนั่นเองเดินแจกยิ้มทั่วร้านแล้วเดินตรงมาทางที่เรานั่งอยู่  ไอ้พาสทำหน้าเอือมแบบไม่ปิดอะไรเลย  ผมยกมือสวัสดีพี่เขาตามมารยาทของรุ่นน้อง

 

“สวัสดีครับพี่เดฟ”

 

“หวัดดีครับน้องโย...ไงเมียรัก คิดถึงผัวไหม” พี่เดฟทรุดตัวลงนั่งข้างๆไอ้พาสกอดคอมันดึงเข้าหา  มันกรอกตาไปมา

 

“ปล่อยเลยไอ้เหี้ย อึดอัด”

 

“...” ผมนั่งดูดน้ำโกโก้ปั่นเสมองทางอื่นไม่อยากดูภาพสวีทหวานของเพื่อน

 

“แล้วใครให้มึงโผล่หัวมาห้ะ”

 

“ใจมันเรียยกหา  พี่ก็เลยมาหาเมียรักไงจ้ะ” แทบอ้วก...

 

“ถุย ไอ้กระล่อน”  ถุยอ่ะระวังน้ำลายลงเค้กกูครับ  อยากจะประท้วงจริงๆเลย

 

“โยชิชอบกินขนมเค้กหรอครับ” จู่ๆพี่เดฟก็หันมาสนใจผมแทน  เล่นไปไม่ถูกเลย

 

“อ่า ครับ” ผมพยักหน้า

 

“งั้นจะสั่งเพิ่มก็ได้นะพี่เลี้ยงเอง” พี่มันบอกยิ้มๆ

 

“บ้านรวย สปอร์ตเลี้ยงเด็กว่างั้น” ไอ้พาสแขวะ

 

“เออรวย  ไปบอกแม่มึงนะจะเรียกสินสอดเท่าไรกูพร้อมจ่ายไม่อั้น”  พี่มันเสยคางไอ้พาสให้หันหน้าไปมองพร้อมยิ้มหวานให้

 

“เก็บไว้ทำศพมึงเถอะ” มันว่าแล้วยกแก้วคาปูชิโนดุดหันหน้าไปทางอื่น  ผมเห็นมันเขินด้วยแหละ แก้มมันไม่ค่อยแดงแต่หูอ่ะแดงจนเห็นชัด ฮ่าๆๆ  ครั้งแรกเลยวุ้ย

 

“^^”

 

“ยิ้มอะไรไอ้โย” ใคร ไหน ใครยิ้ม? ผมหุบยิ้มทันที เมื่อไอ้พาสหันมาทำตาขวางใส่  เขินแล้วพาลจริงๆเพื่อนกู

 

“ใครยิ้ม ไอ้บ้า  อย่ามาเขินแล้วพาล หึๆ”

 

“ไอ้เตี้ย!” มันเรียกผมตามไอ้สูง ฮ่าๆๆ ไม่เจ็บครับ  เตี้ยเปรียบเสมือนอีกชื่อของผมไปแล้ว ผมทำไม่รู้ไม่ชี้  มันลุกขึ้นจากโต๊ะหน้าบึ้งเดินออกไปจากโต๊ะ

 

“ไปไหนเมีย” พี่เดฟตะโกนถาม มันหันมาแยกเขี้ยวใส่ก่อนตอบ

 

“ไปที่ชอบที่ชอบเว้ย” นั่นแหละครับคำตอบมัน  ทำให้ที่โต๊ะตอนนี้มีแค่ผมกับพี่เดฟ  ตอนมีอ้พาสอยู่ก็โอเคอยู่หรอก  แต่พออยู่กันแค่สองคนบรรยากาศมันเปลี่ยนเป็นคนละแบบเลยอ่ะ

 

“กินมั้ยครับ” ผมยื่นเค้กนมสดไปทางพี่มัน  พี่มันแค่มองแล้วยิ้มบางให้  ผมก็อึดอัดสิครับ ไม่รู้จะชวนคุยอะไร  สนิทไหมก็ไม่  แค่รุ่นพี่กับรุ่นน้องกันเท่านั้น  ผมจึงแค่นั่งกินไปเงียบๆรอไอ้พาสมันกลับมา

 

“น้องโยครับ” เงียบกันสักพักจู่ๆพี่มันก็เรียกชื่อผม

 

“คะ ครับ” ผมเงยหน้าจากเค้กมองหน้าพี่มัน

 

“คือว่า..” พี่มันอึกอัก ผมมองอย่าง งงๆ ว่าพี่มันมีอะไรแล้วไอ้ท่าทางแบบนั้นมันอะไร

 

“พี่มีอะไรก็พูดมาเถอะ  แค่นี้ผมก็อึดอัดพอแล้ว” ผมบอกตามจริง  ไม่ค่อยชอบเวลาแบบนี้จริงๆครับ

 

“เรื่องตอนนั้นอ่ะ”

 

“ตอนไหนครับ?” ผมขมวดคิ้ว  ตอนนั้นอะตอนไหนวะ

 

“เรื่องคลิปฉาวครั้งนั้น”  ผมมองพี่มันนิ่งๆ คลิป? คงจะมีแค่เรื่องเดียวที่ผมคิดได้ในตอนนี้ คลิปฉาวผมเอง

 

“...”

 

“จริงๆเรื่องคลิปนั้นเป็นพี่เองที่ผิด  ไอ้อัลมันไม่ผิดหรอก” พี่เดฟพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด  สายตาที่มองจ้องตาผมบอกถึงความจริงจัง

 

“ครับ?” ผม งง  กับสิ่งที่พี่เดฟกำลังสื่อ

 

“พี่เป็นคนอัดคลิปและเป็นคนปล่อยคลิปนั้นลงในเว็บโรงเรียนเอง”

 

“แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามพี่นิครับ”  ถ้าเขาห้ามเรื่องคงไม่เป็นแบบนี้  ถ้าเป็นความจริงอย่างที่พี่เดฟบอกมันคงจะไม่เป็นแบบนี้เพียงแค่เขาห้าม  แต่นี่ไม่ใช่  เขาตั้งใจทำมัน

 

“พี่ขอโทษ...แต่เรื่องนี้ไอ้อัลมันไม่ผิดจริงๆนะโย  พี่เป็นคนทำมันทั้งหมดเอง  ให้อภัยมันเถอะนะ” พี่เดฟจับมือผมไปกุมไว้  มองตาผมอย่างอ้อนวอนให้ให้อภัยเพื่อนของเขา

 

“...”

 

“โยชิ  ให้โอกาสมันได้แก้ตัวหน่อยนะ  นะครับ”

 

“แล้วเรื่องพนัน? พี่ว่าเขาไม่ผิดหรอครับ...พอเถอะนะพี่เดฟ  ผมเหนื่อยกับเรื่องนี้มามากพอแล้ว” ผมดึงมือตัวเองกลับมาพูดเสียงจริงจัง

 

“เรื่องนั้น..พี่ยอมรับว่าพวกพี่ผิดที่พนันอะไรแบบนั้นออกไป พวกพี่ยังเด็กและคิดว่ามันเป็นเรื่องสนุก  แต่เรื่องคลิปนั้นพี่เป็นคนทำจริงๆนะ  เชื่อพี่เถอะ”

 

“หรอครับ  แล้วเด็กที่พวกพี่ทำร้ายเขาละ  เขาสนุกกับพวกพี่หรือเปล่า” ผมถามกลับนิ่งๆ

 

“พี่ขอโทษ...”

 

“...”

 

“น้องโยพี่ไม่อยากเห็นเพื่อนพี่มันเป็นแบบนี้อีกแล้ว  มันรักน้องโยจริงๆนะ  ตอนที่โยจะไปนอกมันก็ตามไปแต่ไม่ทัน  โยขึ้นเครื่องไปก่อน  อีกอย่างมันเป็นคนบอกให้พี่ลบคลิปนั้นออกด้วย”

 

“...”

 

“โยลองให้โอกาสมันได้พิสูจน์ตัวเองอีกสักครั้งนะ  พี่มั่นใจว่าครั้งนี้มันจะไม่ทำให้โยผิดหวังหรือเสียใจ”

 

 

“พี่เดฟ..” ผมเอ่ยเสียงแผ่วเบา  ผมเจอกับเรื่องร้ายๆมาเยอะจะให้ผมยกโทษให้เขามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ  ต่อให้ใจผมจะยังไม่ลืมเขา  แต่กับสิ่งที่ผมเจอมันไม่ง่ายที่จะยอมให้อภัยเขาได้ง่ายๆจริงๆ  ถ้าผมยอมให้โอกาสเขา ผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าผมจะไม่เจอเรื่องแบบเดิมซ้ำอีก  ถ้าผมยอม...มันจะเป็นยังไงนะ

 
TBC.......

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
อีพี่เดฟนี่น่าโดนด้วยนะมันก็เลวเหมือนกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ลองเปิดโอกาส เปิดใจกันสักตั้งไหม ถ้ามันไม่ดีหรือไม่ไหวจริงๆแล้วค่อยถอยมา

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนที่17 : ทริปประจวบ1
[/b]


-โยชิ-


คณะวิศวะ ยามเย็น

“น้องๆทุกคนมากันครบยังครับ  ถ้าครบแล้วพี่จะได้พูดทีเดียว”   ตอนนี้พวกผมปี1 วิศวะ  ได้มารวมตัวกันตามคำสั่งของรุ่นพี่  เห็นบอกจะคุยเรื่องทริปประจวบที่ใกล้จะถึงนี้

“ถ้าครบแล้วพี่จะพูดถึงกำหนดการนะครับ  เราจะไปกันทั้งหมด3วัน2คืน  ที่จังหวัดประจวบ โดยรถบัสของทางมหาวิทยาลัยที่พี่ได้ติดต่อไว้แล้ว    ส่วนสถานที่ที่เราจะไปในวันแรกจะเป็นที่สบายๆ  ให้น้องๆทุกคนได้พักผ่อนกันให้เต็มที่  เที่ยว เล่น หรือต้องการซื้อของอะไร  ก็ตามสะดวกของน้องๆเลยครับ  คืนแรกนั้นเราจะพักกันที่รีสอร์ท...นะครับ  เป็นรีสอร์ทในเครือบ้านพี่โบ๊ท  งานฟรีเราก็มาเอ้า เฮ กันหน่อยเร็ววว”

“เฮ!!!”  พวกผมต่างพากันเฮที่นอนฟรีนิครับ  ของฟรีใครๆก็ชอบ  ฮ่าๆๆ

“ส่วนวันที่สองนั้นเราจะพาไปทดสอบความอึดกันนะครับ  เตรียมตัวให้ดีนะครับ  และคืนที่สองเราจะพักที่...  เป็นบ้านพักจะเฉลี่ยพักกันหลังละ9คน  แบ่งกลุ่มกันเองได้นะครับ  คืนที่สองนี่เสียตังไม่ต้องพากันเฮนะ ฮ่าๆๆ”

“เฮ!!”  เอ้านี่ก็เฮ  เสียตังเห้ย ไม่ใช่ฟรี  เฮทำไม เฮดังสุดนี่ไอ้พาสเลย เหอๆ

“บอกอย่าเฮไง  จริงๆเลย  เอ้าๆ  ส่วนวันที่สามเราเดินทางกลับนะครับ  จะแวะซื้อของฝาก  ใครจะซื้ออะไรก็ตามสบายเน้อ อ้อ  มีทะเลด้วยนะ  เตรียมเสื้อผ้าไปเล่นน้ำด้วย  ส่วนกิจกรรมยามดึกนั่น  สังสรรค์มีแน่นอน  เหล้าเบียร์พี่จะขอจำกัดนะครับ  ดื่มแต่พองาม  ดื่มแล้วห้ามทะเลาะวิวาทกัน  ขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย เพราะเราไปทำกิจกรรมกันนอกสถานที่   เข้าใจไหมครับ”

“ครับ/ค่ะ”

“โอเคครับ  เราจะมาเจอกันวันเสาร์นี้  รถจะออกเจ็ดโมงนะครับ  มาเจอกันหน้าตึกคณะ  แล้วเจอกันครับ วันนี้พอแค่นี้ครับ”

“รุ่นน้องปี1ทำความเคราพรุ่นพี่”

“ขอบคุณครับ/ค่ะ”

พอเราทำความเคารพรุ่นพี่เสร็จก็ต่างพากันแยกย้าย  แต่แปลกแหะวันนี้ไม่เจอเขา  มีเพียงพี่เดฟ พี่เอ พี่โบ๊ทและพี่คิมเท่านั้น  อาทิตย์หนึ่งแล้วที่ผมไม่เจอเขา  จากที่ผมได้คุยกับพี่เดฟในวันนั้น  ผมก็เอากลับไปคิดว่าจะให้โอกาสหรือไม่ดี   ผมคิดไม่ตกจริงๆกับเรื่องนี้  เขาเคยทำไม่ดีกับผมไว้  ถึงจะพอมารู้เหตุผลเรื่องคลิปว่าจริงๆแล้วเขาไม่ได้เป็นคนอัพมันก็ตาม  แต่ในตอนนั้นเขาไม่ได้ปฏิเสธมัน  เขายอมรับมัน  แต่เรื่องที่เขาพนันกันนั้นก็อีกเหตุผลหนึ่ง  เขาเล่นกับความรู้สึกของผม  เขาเห็นความรู้สึกของผมเป็นของเล่น  เอาความรักที่ผมมีให้ไปพนันกัน    ใครๆต่างก็บอกว่าลองให้โอกาสคนอีกครั้ง  บางครั้งเขาอาจจะกลับตัวเป็นคนดีแล้วก็ได้  แต่ในสถานการณ์แบบผม  การให้โอกาสใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  ไม่ใช่ว่าไม่ดีแต่ผมไม่มั่นใจว่าโอกาสที่ผมจะให้นั้นมันจะไม่กลับมาทำร้ายผมอีก  ...  ถ้าเขาสามารถทำให้ผมมั่นใจในตัวเขาและสามารถทำให้ผมมอบโอกาสนั้นแก่เขาได้  ผมจะยอมรับมัน

“เตี้ย!” ผมหันไปยังเสียงที่เรียก  ไอ้สูงเลิกเรียนแล้วสินะ  ถึงมารับผมได้  มันยืนพิงหลังกับรถโบกมือให้ผม

“เลิกเรียนเร็วหรอวันนี้” ผมถามเมื่อเดินมาถึงมัน

“อืม  พอดีอาจารย์มีประชุมเลยเลิกเร็ว...ไงที่รัก  คิดถึงไหนมากอด”ไอ้สูงมันคุยกับผมแล้วก็หันไปทักทายไอ้พาส

“กอดกับตีนกูรึไงไอ้เนป” ไอ้พาสนี่ก็ตีนไวพอปาก

“น้อยใจว่ะ  มีผัวใหม่แล้วลืมผัวเก่านะมึง”

“มึงหรือเปล่าผัวใหม่ไอ้สูง” ผมว่า   มึงมาหลังเขามึงควรเป็นใหม่นะ   ไม่ใช่เก่า  ไอ้นี่ก็ท่าจะเพี้ยน

“เมียน้อยแบบมึงเงียบไปเลย”

“เห็นแบบนี้กูเลือกวะสูง” ผมไหวไหล่แบบไม่แคร์

“ชิ”

“แล้วนี่มึงไม่เตรียมตัวประกวดเดือนหรอวะไอ้เนป”  ไอ้พาสมันถาม

“วันนี้ไม่วะ  กูต้องพาไอ้เตี้ยไปหาเฮียอ่ะ  คราวก่อนไม่ได้ไปเพราะมีเรื่อง”  ตามที่ไอ้สูงบอก  คราวนั้นที่เราะไปหาเฮียเป็นอันต้องยกเลิกไปเพราะผมร้องไห้หนักมาก  จนไอ้สูงมันต้องโทรไปเลื่อนนัดกับเฮียเป็นวันอื่น  นั้นก็คือวันนี้นี่เอง

“เมีย!!”  พี่เดฟเดินหน้าบึ้งตรงมาที่พวกผมยืนอยู่  ไอ้พาสถอนหายใจก่อนหันไปมอง

“เออ**!**”

“จะกลับไหมบ้านอ่ะ ห้ะ!” พี่เดฟขึ้นเสียงใส่  จนผมสะดุ้ง ผมหันไปมองไอ้พาสเห็นมันกรอกตาไปมา

“ขึ้นเสียงใส่กู?” ไอ้พาสถามเสียงน่ากลัว

“เปล่าจ้ะ เมียจ๋า”  เออพี่มันแม่งก็เปลี่ยนอารมณ์ไวจริงง

“หึ” ไอ้สูงมันขำ

“ขำเชี่ยไรของมึง”  พี่เดฟ

“ขำคนกลัวเมีย” ไอ้สูงตอบกลับกวนๆ

“ใครกลัว  กูไม่ได้กลัวเว้ย”

“หรอ  แต่ที่กูเห็นมันไม่ใช่นิ  สงสัยจะเป็นหมา”

“มึงว่าใครหมาห้ะ!!” พี่เดฟจ้องเขม็งไอ้สูงไม่วางตา  ไอ้สูงเองก็เหมือนกัน

“ไอ้เดฟถ้าจะมามีเรื่องก็กลับไปก่อน” ไอ้พาสว่า

“เมียนี่มึงเข้าข้างมันหรอห้ะ!”

“เออ!” เห้ยๆ อย่ามาทะเลาะกันนะเว้ย

“ขอโทษพี่เขาเลยมึง  หาเรื่องให้แฟนเขาทะเลาะกันทำไม”ผมว่ามัน มันไหวไหล่

“กูเปล่า..” เปล่ามากที่กูเห็นมึงไปกวนประสาทพี่เขานะไอ้เวร  ต้องด่ามันครับ  ด่าในใจ แหะๆ

“...” ผมได้แต่ส่ายหัวมองคู่รักทะเลาะกันอย่างออกรสชาติ

“ไอ้โยกูกลับละ  เบื่อควายมันร้อง!” มันพูดกับผมประโยคแรก  แต่ประโยคหลังนั้นหันไปหาพี่เดฟ  แล้วมันก็เดินออกไปผมได้แต่โบกมือลามัน

“มึงอย่ามาหนี  คุยกันให้รู้เรื่องก่อนนะเมีย”

“ไม่คุยเว้ย!!” เสียงไอ้พาสตะโกนมา

“พี่เดฟรีบไปคุยกันเถอะครับ  ขอโทษแทนไอ้นี่มันด้วย” ผมบอกขอโทษพี่มัน พี่มันแค่พยักหน้ารับ แล้วจ้องหน้าไอ้สูงแวบเดียวก็วิ่งไปยังทางที่ไอ้พาสพึ่งเดินไป

“ไปขอโทษมันทำไม  คนอย่างมันไม่สมควรให้มึงไปขอโทษเลยซักนิด” มันกอดอกมองหน้าผม

“แล้วมึงไปว่าพี่เขาทำไมละ  ถ้ามึงไม่ขอโทษกูก็ต้องขอโทษแทนดิ”

“เหอะ  มึงก็เป็นซะแบบนี้” อ้าวกูเป็นแบบนี้ นี่แบบไหนวะ

“ไปยังเดี๋ยวเฮียรอนาน”

“อืม” มันตอบกลับเซ็งๆแล้วก็ไปประจำที่คนขับ  ผมเปิดประตูฝั่งผม  แต่สายตาก็ไปสะดุดกับร่างบางหน้าหวานของพี่คิม  พี่เขามองมา  แต่พอสบตากันเป็นพี่คิมที่หลบสายตาไปก่อน

“ไอ้เวรนั้นได้มายุ่งกับมึงอีกป่ะ”  พอขับรถออกจากมหาลัยมาได้ซักพักไอ้สูงก็ถามขึ้นมา  ผมละสายตาจากข้างทางไปมองมัน

“ก็ไม่  ตั้งแต่วันนั้น” ผมตอบ

“ดีแล้ว  ถ้ามันมายุ่งวุ่นวายกับมึงอีกรีบบอกกูนะ  กูจะรีบไปหามึงทันที” ผมยิ้ม  จะมีใครละเป็นห่วงผมได้เท่ามัน  มีแค่มันที่คอยอยู่ข้างผมตลอดเวลา

“อืม” ผมพยักหน้า  มันหันมายิ้มแล้วยีหัวผมเล่น

“พอแล้ว  ผมยุ่งหมด  ขับรถไปเลย” ผมปัดมือมันออก

“ครับๆเจ้านาย”

“เฮียยยยยยย” ผมลากเสียงยาวเรียกบุคคลที่ผมนับถือคนหนึ่ง เฮียอาทิตย์นั่นเอง

“ไง หืมหายหน้าหายตาไปเลยนะเรา” ผมเดินเข้าไปกอดเฮีย  เฮียเพียงแค่ลูบหัวผมอย่างเอ็นดู

“เปล่าสักหน่อย  ไม่ได้หายนี่ก็มาให้เห็นแล้วไง” ผมว่า

“ถ้าเฮียไม่อยากเจอคงไม่มาละสิ  แบบนี้ต้องงอนซะแล้ว” แล้วเฮียแกก็ทำท่างอน  แก้มพองลม  เชิดหน้ากอดอก ฮ่าๆๆ  นึกสภาพตามนะครับ  ผู้ชายตัวโตๆทำท่าทาง  หน้าตาแบบนี้จะเป็นยังไง  ถึงเฮียจะหล่อก็เถอะ  แต่ไอ้ท่าทางน่ารักๆงอนเป็นผู้หญิงแบบนี้ไม่เข้ากับเฮียเลยว่ะ

“ดูทำเข้า  อายน้องอายนุ้งบ้างเหอะ  แก่แล้วยังทำเป็นเด็กๆ” จะใครซะอีกละ  น้องชายของเฮียผมไง   ไอ้สูงมันแขวะพี่ชายตัวเองเว้ย

“ใครทำให้มึงดู”

“มีกันอยู่แค่นี้คงทำให้ จิ้งจก ตุ๊กแกดูมั้งเฮีย”

“กวนตีนกูนักนะไอ้เนป เดี๋ยวกูยันตีน”

“ชอบทำร้ายน้อง  รักจริ๊งไอ้เตี้ยเนี้ย ” เฮียได้แต่ส่ายหัวให้กับความคิดเด็กๆของมัน

“มันไปเอานิสัยขี้ประชดมาจากไหนวะ”

“ผมก็ไม่รู้” ผมส่ายหน้าไปมา  ผมไม่รู้  ติดจากผมหรอก็ไม่ใช่

“สงสัยติดจากผู้หญิงที่มันคั่ว”

“หิวแล้วจะรำพึงรำพันกันอีกนานป่ะ หิวเว้ย”

“เมื่อกี้มันยังดีๆอยู่เลยนะเฮีย” ผมว่า

“สงสัยมันจะโมโหหิวมั้ง”  แล้วเฮียก็เดินโอบผมพาเข้าไปในร้านอาหารที่ไอ้สูงมันเดินนำไปก่อนแล้ว  ผมบอกหรือยังว่าตอนนี้ผมอยู่ที่แห่งหนใด  ตอนนี้ผมอยู่ที่ร้านอาหารไทยชื่อดังแห่งหนึ่ง  ที่นี่ต้องสั่งจองก่อนนะครับ  เพราะลูกค้าเยอะ  คิวนี่กว่าจะได้ต้องจองกันหลายเดือนเลย  เฮียแอบกระซิบบอกมานะครับ  ถึงโต๊ะเราก็สั่งอาหารที่ขึ้นชื่อและเป็นเมนูที่ทางร้านแนะนำด้วย  ไม่นานอาหารมากมายก็มาเสริฟ  ผมไม่รีรอรีบกระซวกเข้ากระเพาะ  เอ่อ รับประทาน  แต่คนที่กระซวกจริงๆคือไอ้สูง สงสัยจะหิวมาก ฮ่าๆๆ

“แล้วเรียนเป็นไงบ้างละ”

“อืมก็ดีครับ  เรื่อยๆแหละ” ผมตอบ

“อืมๆ  เฮียเชื่อว่าเราเก่งอยู่แล้ว” ผมยิ้ม

“เฮียโอ๋แต่มันอ่ะ”

“มึงอย่ามาทำเป็นเด็กขาดความอบอุ่นนะไอ้เนป”

“พอพามันมาละลืมน้องชายแท้ๆ  พอใช้งานนี่จิกหัวใช้จัง”

“อย่ามาพาลไอ้สูง”

“เงียบเลยเตี้ย  กูทำงานหาตังเลี้ยงมึงนะสำนึกบุญคุณด้วย”  ผมยู่ปากใส่มัน

“เฮียดูมันดิ”ผมหันไปออเซาะเฮีย  ฮ่าๆๆๆ  เฮียรักผมจะตาย  แต่ไม่ใช่ว่าไม่รักไอ้สูงนะ  เฮียรักมันมากกว่าผมซะอีกแต่จะให้แสดงความรักออกมาแบบโจ้งแจ้งมันก็แปลกๆอ่ะเนอะ

“ฮ่าๆๆ  จริงๆเลย  อยู่ด้วยกันทุกวันเป็นแบบนี้ประจำหรือเปล่า หืม” เฮียถาม

“ก็ไม่นะเฮีย  แต่ไอ้สูงมันชอบวางข้าวของระเกะระกะ  เสื้อผ้าที่ใส่แล้วก็ไม่ยอมเอาลงตะกร้าซัก ...” ผมฟ้อง   ได้ทีต้องเอาซะหน่อย

“ไอ้เตี้ยขี้ฟ้องวะ  เฮียฟังมันบ่นหงุงงิ้งไม่รำคาญหูบ้างหรอวะ”

“ก็ไม่เสียหายอะไรนิใช่ไหมโย” ผมพยักหน้าเห็นด้วยรัวๆ  ฮ่าๆๆ  เฮียเข้าข้างผมเสมอเมื่อเราอยู่สามคนพี่น้อง  ถึงจะคนละพ่อแม่ก็เถอะ  ถ้าผมไม่ไปนอกในตอนนั้นก็คงจะไม่สนิทกับไอ้สูงและเฮียแน่  คุยเล่นกันอยู่นาน  จู่ๆไอ้สูงก็โพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เฮียมีเรื่องให้ช่วยวะ...”

วันเสาร์ เวลา 06:30



-อัลฟา-



ตอนนี้พวกเราเหล่ารุ่นพี่ปีสองกำลังขนของขึ้นรถกัน  ผมเองก็เช่นกัน  ผมต้องมาก่อนเวลาที่รุ่นน้องปีหนึ่งจะขึ้นรถ  คือต้องมาช่วยพวกเพื่อนๆขนของ  ตอนนี้ก็ใกล้เวลาที่รถจะออกแล้ว  พวกเราจึงเรียกปีหนึ่งรวมโดยมีแกนนำคือไอ้คิมที่ทำงานในส่วนนี้

“ทุกคนเช็คเพื่อนด้วยนะครับว่ามากันครบหรือยัง  ถ้าครบแล้วขึ้นรถเตรียมเดินทางกันได้แล้วครับ  ส่วนสัมภาระนั้นไปฝากกับรุ่นพี่ตรงนั้นนะครับ  พี่เขาจะจัดเก็บไว้ให้  ตอนนี้ไปขึ้นรถได้แล้วครับจะได้ออกเดินทางจะได้ไม่เสียเวลา” ไอ้คิมบอกกับรุ่นน้องทุกคน  ตอนนี้รุ่นน้องกำลังทยอยกันขึ้นรถ  ผมยังไม่เห็นร่างเล็กที่ผมคุ้นเคยเลย  ไม่ได้ไปหรอว่ะ  เห็นเพียงแค่พาสต้าที่ยืนอยู่กับเพื่อนผมเท่านั้น  หนึ่งอาทิตย์เต็มๆที่ผมไม่ได้ไปกวนใจอะไรมันเลย  ผมแค่กำลังหาวิธีทำยังไงมันถึงจะยอมยกโทษและให้โอกาสผม

“โหลไอ้โยเมื่อไรมา  รถจะออกแล้วนะ...เออเร็วๆ”

“ไอ้พาส!” โยชิวิ่งหน้าตั้งมาหยุดอยู่หน้าพวกผม หอบหายใจหนักๆ  พยายามเอาอากาศเข้าปอด

“ชักช้าจริงมึง”ไอ้พาสต้าว่า

“ก็ไอ้สูงมันตื่นสายกว่าจะปลุกให้ตื่นได้ต้องใช้เวลา”

“เออๆไปได้ละ” ไอ้พาสต้ามันว่าจบก็ลากโยชิไปขึ้นรถเลย  กระเป๋าหรอนู้นโยนให้ผัวมันเป็นคนจัดการให้ทั้งของมันของโยชิ  ไอ้เดฟจึงต้องรับไปเก็บให้  โยชิไม่มองหน้าผม  ไม่แม้แต่จะเลือบมองเลยสักนิด  ทำเหมือนผมเป็นอากาศธาตุ  ผมควรทำไงดีว่ะ  ตลอดทั้งทริปนี้ผมจะต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว

“เอาละครบกันแล้วนะครับ  งั้นไปประจวบกันเลย”

“เย้!!!” ทั้งรถพากันเฮ  รุ่นพี่จะเฉลี่ยแบ่งนั่งไปแต่ละคัน  กลุ่มผมนั่งคันเดียวกันทั้งหมด  และได้ดูแลกลุ่มของโยชิ  ไอ้คิมก็ยังคงพูดนู้นนี่นั่นไปเรื่อยๆ  รุ่นน้องก็ตั้งใจฟังบ้างไม่ตั้งใจบ้าง  ทริปครั้งนี้ไม่ใช่ทริปการเรียนรู้อะไรมากมายหรอกครับ  ที่จัดไปนี่ก็ใช่ว่าจะไปศึกษาอะไร  แค่อยากพาน้องไปเที่ยวเฉยๆ  โดยมีไอ้เอ(ลูกเจ้าของมหาลัย)เป็นแกนนำคิด  มันใช้อำนาจในการเป็นลูกเจ้าของจัดทริปนี้ขึ้น  เป็นลูกที่ดีไหมละ พวกผมนั้นก็แค่ผลพลอยได้จากที่เป็นเพื่อนมันนั่นละ หึๆ

“ไอ้อัลกูไปช่วยพูดกับน้องมันแล้วนะเว้ย”  ไอ้เดฟมันนั่งข้างผมมันเอ่ย  บอกแล้วงั้นสิ  ผมก็บอกมันแล้วว่าเรื่องนี้ผมจะจัดการเอง

“แล้วมันว่าไงบ้าง”ผมถาม

“กูว่าน้องมันยังไม่ยอมวะ  กูช่วยมึงได้เท่านี้จริงๆ  ขอโทษนะเว้ย”

“เออไม่เป็นไรหรอก  เดี๋ยวกูหาวิธีจัดการเอง  ขอบใจ”

เราใช้เวลาในการเดินทางมาประจวบไม่นานก็มาถึง  สถานที่แรกที่เราพาน้องๆมาเป็นวัดครับ  วัดห้วยมงคล  เราพาน้องๆมาไหว้ศักการะหลวงพ่อทวด  ขอโชค  ขอลาภ และขอให้การเดินทางของพวกเราในครั้งนี้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุหรือสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ   ไอ้คิมก็ยังคงอธิบายถึงสถานที่แห่งนี้ว่ามีความเป็นมาอย่างไรให้น้องๆได้ทราบกัน  ส่วนผม ไอ้เดฟ ไอ้เอ ไอ้โบ๊ท นะหรอ  อยู่เฉยๆครับ  หน้าที่จริงๆคือช่วงเย็นนั่นละ  ยกของลง...

“ไอ้เดฟ” ผมเรียกไอ้เดฟที่ยกกล้องถ่ายภาพตัวเองกับสถานที่

“เออ”

“ช่วยไรกูหน่อยดิ”

“ช่วยไร?” มันเลิกสนใจถ่ายภาพแล้วหันมาสนใจผม

“กันเมียมึงออกจากโยชิ  ทำได้ไหม” ผมถามมัน  มันแสยะยิ้มก่อนตอบ

“เรื่องแค่นี้สบายมาก  มีแผนแล้วหรอ”

“ก็ยัง  แต่กันออกไปก่อน  เรื่องนั้นคอยคิดที่หลังก็ได้” ผมว่า มันพยักหน้าโอเค  เอาละ  ทั้งทริปนี้ผมจะตามติดตัวมันทุกฝีก้าวเลยคอยดูสิ

“เช็คเพื่อนข้างๆมาครบกันยัง  มาครบแล้วพี่จะได้ออกรถไปยังสถานที่ต่อไป  สถานที่ต่อไปนั้นเป็นตลาดน้ำนะครับ  ตลาดน้ำสามพันนาม  เราจะไปพักทานอาหารที่นั้น  ใครจะทานอะไรก็หากินเองนะครับ  มีร้านอาหารขาย  และมีของฝากมากมายใครจะซื้อไปฝากเพื่อนตั้งแต่วันแรกก็ตามสบายนะครับ  มีโชว์การแสดงด้วยนะ   พี่บอกเลยว่าทริปเราชิวๆสบายๆ” ไอ้คิมก็ยังพูดไม่หยุดตั้งแต่มา  มันไม่เหนื่อยบ้างหรือไงว่ะ  ผมสะกิดไอ้เดฟให้ไปกันเมียมันออกจากโยชิ  มันก็จัดการให้ทำให้ผมได้มีโอกาสซักที  ผมนั่งลงข้างกันกับโยชิ  ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เมื่อเห็นอีกฝ่ายหันมามอง  มันชักสีหน้าใส่ผมด้วย  ไม่สน  นาทีนี้ผมต้องด้านครับ เห็นไอ้พาสต้ามันโวยวายทุบตีไอ้เดฟด้วยครับ

“ไอ้ควาย  มึงทำเชี้ยไรของมึงห้ะ  กูไม่นั่งกับมึง!!”

“เมียเงียบๆหน่อย  โอ๊ยยผัวเจ็บ”

“แล้วมึงทำบ้าอะไรห้ะ!”

“ก็อยากนั่งกับเมียตัวเองผิดด้วยหรอ”

“แต่กูไม่อยากนั่งกับมึง  แล้วก็ไปลากไอ้เหี้ยเพื่อนมึงออกจากเพื่อนกูด้วย”  ไอ้พาสต้ายังคงโวยวายไม่เลิก  ขณะ ที่รถกำลังแล่นออกไปยังสถานที่ต่อไปเรื่อยๆ

“โอ๊ยๆ เมียอย่าดึงหัวกู”

.

.

.

“หิวยัง?” ผมถามคนข้างกายที่เงียบตลอดทาง  เอาแต่มองนอกหน้าต่างรถ  อยากจะรู้นักมีไรให้มองนัก

“...”  ได้เพียงแต่ความเงียบ  นี่ผมต้องเล่นสงครามประสาทกับมันใช่ไหม  แต่ก็เอาเถอะอย่างน้อยก็ได้นั่งใกล้มัน และวันนี้ก็ไม่มีมารมาผจญด้วย

“เฮ้ออ  ง่วงเนอะ”  ผมพูดขึ้นลอยๆแล้วเอนหัวไปซบกับไหล่เล็กๆของอีกคน  เห็นมันสะดุ้งเล็กน้อย  ผมยิ้มหลับตาลง

“นี่! ไปนอนที่อื่นได้ไหมห้ะ” มันดันหัวผมออกจากไหล่

“ไม่  ขอพักสายตาหน่อยนา  ตื่นเช้ามาขนของ” ผมบอก

“ใครสน  ถอยออกไปเลย”

“ไม่”  ผมยังคงยืนยันคำเดิม

“ไม่ใช่ไหม  ได้”  อยู่ๆหัวผมก็โดนกระชากอย่างแรง

“โอ๊ยๆๆเจ็บๆๆ”  ผมมองหน้าคนทำร้ายผม  มันเหยียดยิ้มแล้วดึงไปมาๆจนหัวผมสั่นคลอน

“หึ”แล้วมันก็ผลักหัวผมออก  ผมลูบหัวตัวเอง  บอกตรงๆครับโคตรเจ็บ

-โยชิ-

“มาเจอที่รถในเวลาบ่ายโมงครึ่งนะครับน้องๆ”  พี่คิมประกาศบอกให้มาพบกันในช่วงบ่าย ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว คงต้องรีบแล้วละ  ผมหิวจะแย่  ข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน  จะหาอะไรกินรองท้องไว้ก็ไม่ทันเพราะติดปลุกไอ้สูงที่หลับไม่ตื่น

“ไปหาอะไรกินกันเถอะ” แล้วนี่ก็อะไร  กวนอยู่ได้  ตั้งแต่ออกมาจากวัดเขากวนผมตลอดทางที่มาที่นี่

“ไปคนเดียวดิ”

“ไปด้วยกัน  อย่าดื้อ” ผมถลึงตาใส่คนที่ว่าผมดื้อ  ใครกันแน่ที่ดื้อ  บอกไม่ฟัง

“เดี๋ยวตาก็หลุดออกมาหรอก”

“เรื่องของกู” ผมว่าแล้วเดินหนีให้พ้นๆเขา

“ไอ้โยเร็วๆกูหิวแล้ว”  ไอ้พาสมันกวักมือเรียกผม  ผมจึงรีบเดินไปหามัน  อย่างน้อยอยู่กับไอ้พาสก็ดีกว่าอยู่กับเขาสองคน

“เออๆๆ”

“กินไรดีวะ” พอเข้าในตลาดน้ำได้ไอ้พาสก็ถามหาของกินเลย  บรรยากาศที่นี่ดีมากครับ  ร้านค้ามากมายเปิดเรียงกัน  มีเสื้อผ้า ของฝากชิ้นเล็กๆน่าซื้อเก็บมากครับ   ผมเดินดูของไปเรื่อยๆ  ส่วนไอ้พาสก็บ่นหิวๆตลอดทางที่เดิน  เราไม่ได้เดินกันแค่สองคนนะครับ  มีเขาและเพื่อนเขาเดินตามพวกผมด้วย  หนีไม่พ้นจริงๆ

“ไอ้เดฟเอาอะไรก็ได้ไปอุดปากเมียมึงทีดิ  กูรำคาญวะ” พี่เอที่เดินอยู่ด้านหลังพูดขึ้น  ไอ้พาสหันขวับไปมองพร้อมชี้หน้าด่า

“ถ้ารำคาญนักมึงก็เอามืออุดหูมึงไปสิ  อีกอย่างกูไม่ได้พูดให้หมาแบบมึงฟัง  แล้วพวกมึงจะเดินตามพวกกูหาพระแสงวิมานเชี้ยไรวะ  ไปไกลๆไป  ที่เดินมีเยอะแยะไม่ไป  มาตามเป็นสัมภเวสีขอส่วนบุญอยู่ได้ ไป ชิ้วๆ” ไอ้พาสทำท่าไล่

“ไอ้เดฟเมียมึงนี่ปากดีจริงๆ”  พี่โบ๊ทเสริม

“ปากแบบนี้สินะถึงทำให้ไอ้เดฟยอมสิโรราบแทบกราบตีน”พี่คิมเสริมต่อ

“ไอ้เดฟมันกลัวเมีย”

“ไอ้อัลหุบปาก  กูไม่ได้กลัวเว้ย”

“หรอ!!”เสียงประสานกันดังขึ้นเมื่อพี่เดฟพูดจบ  ไอ้พาสได้แต่ขำหึ อย่างถูกใจ  แล้วเราก็เดินไปเรื่อยๆก็จะเห็นร้านขายอาหาร   เราเลือกกินก๋วยเตี๋ยวกัน  เป็นก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่ครับ ราคาถูกมาก  ของที่นี่ก็ถูกครับ  สบายกระเป๋าดี  มีการแสดงโชว์จากนักเรียนนักศึกษาด้วยครับ  จะแสดงเป็นเรื่องราวไป  นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะมากเท่าไร  มันจึงไม่แออัด  หลังจากกินข้าวเที่ยงเรียบร้อยดูเวลายังคงเหลืออยู่ ผมจึงเดินเลือกซื้อของต่อ  ผมได้เสื้อหัวหินมาสองตัวแน่ะ  แหะๆ แล้วก็พวงกุญแจเล็กๆ  เห็นมันน่ารักดีก็อดใจไม่ไหวต้องซื้อติดมือหน่อย

“ช่วยถือ” จู่ๆก็มีมือมาคว้าเอาของจากมือผมไปถือ   ผมมองเขานิ่ง  จะคว้ากลับมาถือเองเขาก็เบี่ยงตัวหลบ

“ถือเองได้  เอามา”

“ไม่เป็นไรเต็มใจ” แล้วเขาก็เดินผิวปากนำไป    กวนประสาทชะมัด  เมื่อไรจะหลุดพ้นกับคนๆนี้ซักที

“ช่างแม่ง  อยากถือปล่อยให้มันถือไปเหอะวะ” ไอ้พาสมันเดินมาตบไหล่ผม แล้วพาเดินต่อ

“เฮ้อออ” ผมทำเพียงแค่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

บ่ายโมงครึ่งเราก็ต้องเดินทางต่อซึ่งก็คือจะไปที่พักรีสอร์ทบ้านของพี่โบ๊ท  วันนี้สนุกดีครับ  ผมซื้อของติดมือเยอะเลย  ได้ทั้งไหว้พระขอพร  ได้ถ่ายรูปกับสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ  ถึงวันนี้เราจะไปกันแค่นิดเดียวแต่ผมก็สนุกนะผมไม่ค่อยได้ออกต่างจังหวัดเท่าไรนัก นานๆที  นี่อาจจะเป็นครั้งแรกเลยก็ได้มั้งที่ได้ออกมาเที่ยวแบบนี้กับเพื่อนเยอะขนาดนี้

“มองไร” ผมหันไปมองคนที่จ้องผมอยู่

“มองวิวข้างทาง  เห็นไหมๆๆ  ไม่ได้มองน้องเลย”  หรอๆที่มึงมองอ่ะหน้ากูชัดๆ  วิวคงปรากฏบนหน้ากูมั้ง    ไม่อยากจะเสวนาด้วยต่อผมหยิบหูฟังเสียบหูเปิดฟังเพลง หลับตาลงซะจะได้ไม่เห็นว่าคนข้างกายมองอยู่

“ตัวเล็ก ตื่นถึงแล้ว”

“อื้ออ”  รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกระซิบอยู่ข้างๆหู  ผมค่อยๆลืมตา  กระพริบตาปรับสายตาให้ปกติ  หน้าอก? อุ่นดีแหะ  เดี๋ยวนะ  อก ? ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ก้มหน้ามองผมอยู่แล้ว  เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ส่งยิ้มมุมปากมาให้ผม

“ตื่นแล้วหรอ?”

“...” ผมไม่ตอบเอาแต่หลบสายตาอีกคนแล้วลุกนั่งตัวตรง

“หึ”  เกลียด  เกลียดไอ้การที่ผมต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้  ไอ้บ้าเอ้ย   ทำไมกูถึงได้หลับไปในท่านั้นวะ  ผมเอาแต่ทุบหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด  ใจบ้าเต้นทำไม

“...”

“จะลงไหม  หรือจะนอนบนนี้” ฮึ่ย  ทำไรไม่ได้เลย  เพื่อนๆก็ต่างพากันทยอยลงจากรถไป  ผมจึงลุกจากที่นั่งเดินตามเขาลงไปข้างล่างที่มีไอ้พาสมันยืนรออยู่

“ชักช้าตลอดนะมึงนะ  เอ้ากระเป๋า” มันยื่นกระเป๋าเสื้อผ้าผมมาให้  ผมรับแล้วมองบรรยายกาศรอบๆ  สวยครับ  บริเวณรอบๆมีต้นไม้เขียวๆเต็มไปหมด  มองแล้วสบายตาดี  เบื้องหน้าก็เป็นทะเลพื้นกว้างที่สุดลูกหูลูกตานู้นน

“เอาละน้องๆเมื่อจับกลุ่มที่พักกันได้แล้วมาเอากุญแจกับพี่นะครับ...” พี่คิมกับพี่โบ๊ทกำลังยืนแจกกุญแจให้กับทุกกลุ่มที่แบ่งกันนอน  ผมกับไอ้พาสนอนด้วยกันครับ   มันจะไปนอนกับพี่เดฟแฟนมันก็ได้แต่มันบอกว่าจะให้ผมนอนคนเดียวไม่ได้มีเหี้ยคอยฉวยโอกาสอยู่ตลอด  ผมก็เข้าใจทันทีว่ามันหมายถึงใคร

“เอาของไปเก็บเถอะแล้วไปเล่นน้ำกัน” ไอ้พาสมันลากแขนผมให้เดินตามมันไปทันที  รู้สึกมันจะกระตือรือร้นจริงๆ  หลังจากที่เราเอาของไปเก็บแล้ว  เราก็เปลี่ยนชุดเตรียมลงน้ำทะเลกัน

“ไอ้พาสรอกูด้วย!!” ผมตะโกนไล่หลังไอ้พาสที่ตอนนี้วิ่งลงทะเลนำโด่งไปแล้ว

“นอกจากเตี้ยแล้วขายังสั้นอีกนะมึง”  เออครับไอ้คนสูงลิ่ว

“มึงจะรีบไปไหนทะเลมันไม่หายไปไหนหรอกเว้ย”

“ก็กูอยากเล่น  เร็วๆไอ้โย”  พอผมเดินไปถึงมัน  ไอ้พาสมันก็ลากผมเดินลงทะเลต่อไปเรื่อยๆ  จนน้ำทะเลเท่ากับอกผมแล้ว  ขากูสั้นกว่ามึงนะเว้ย  ไปลึกกว่านี้กูจมแน่ๆๆครับ

“ไอ้พาสมึงจะไปลึกขนาดไหนว่ะ  พอแล้วกูไปต่อมีหวังน้ำมิดหัวกู”

“เกิดมาขาสั้นนี่ลำบากจริงๆ  เออๆๆงั้นเล่นตรงนี้ก็ได้”

“มึงมั่นใจว่าจะเล่นตรงนี้”  มันพยักหน้า

“เออไปไกลกว่านี้ได้ไหมละ”  แล้วจากนั้นมันก็จับผมกดลงน้ำทะเล  ผมดิ้นเลยครับ  ไอ้เพื่อนชั่ว

“แค่กกๆๆ อะ ไอ้เหี้ย มึงจะฆ่า คะ แค่กๆกูหรอ”  ผมสำลักน้ำทะเล  ไอออกมา  กลืนน้ำทะเลไปหลายอึกเลยเมื่อกี้ เค็มก็เค็ม รู้สึกเจ็บคอเลย  ไอ้เพื่อนนรก

“ฮ่าๆๆๆ”  ยังมีหน้ามาขำอีก

“มึงเล่นแบบนี้ใช่ไหมไอ้พาส”  ได้ๆ  ผมเลยจัดการกระโดดเกาะหลังมัน  มันดิ้นเขย่าๆตัวให้ผมหลุด  จ้างให้ก็ไม่หลุดหรอกเว้ย  ผมเกาะมันแน่นขึ้น  รัดที่คอมันด้วย ฮ่าๆๆ

“ไอ้เตี้ย ไอ้เหี้ย อะ ไอ้โย กูหายใจไม่ออกเว้ย!!!”

“ไม่สนเว้ย  มึงเกือบฆ่ากู  กูต้องเอาคืน ฮ่าๆๆๆ”

ตูม !!! หงายหลังกันลงน้ำทั้งคู่เลยไงคราวนี้  ไอ้พาสมันสลัดผมไม่หลุดจึงต้องเอนหลังเอาผมลงไปก่อนจากนั้นตัวมันก็ตามมา  ดื่มน้ำทะเลกันไปตามระเบียบอีกตามเคย  เริ่มแสบตาแล้วสิ  น้ำเข้าตาผมTT’ ผมจึงขยี้ตาตัวเอง

“แสบตา  ไอ้พาสกูแสบตา”  ผมกระพริบตาและขยี้ตาตัวเอง

“อย่าขยี้ตาสิ”  เสียงนิ่งๆดุผมขึ้นมา  แล้วจับมือผมที่กำลังขยี้ตาตัวเองออก  เขามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหน  แล้วไอ้พาสละ**?**

“ปล่อย” ผมสลัดมืออีกคนออก

“อย่าดื้อ  ไหนจะดูตาให้” แล้วเขาก็จับผมเงยหน้าขึ้น  ผมหันหน้าหนีเมื่อมีลมเบาๆเป่าตรงตาผม

“อือ”

“เฉยๆ”

“...”ผมปล่อยให้เขาดูตาผม  ผมหรี่ตาลงข้างหนึ่งเมื่อแสงจากดวงอาทิตย์ส่องมากระทบ แต่ไม่นานแสงนั้นก็หายไปเพราะเขาเอาร่างตัวเองบังแสงให้ผม  ผมมองร่างสูงที่เปลือยท่อนบน  แผงอกแกร่งที่อยู่ต่อหน้าผมตอนนี้  ทำให้ผมลอบกลืนน้ำลายตัวเอง  เอ่อผมไม่ได้โรคจิตนะเว้ย แต่แบบเขาหุ่นดีกว่าผมป่ะ  มีแพคด้วย  ทำไมผมไม่มี  ทำไมผมถึงเกิดมาแห้งวะ  กินเท่าไรก็ไม่โตซักที  ฮึ่ย  ! หงุดหงิด

“ไม่เจอกับกูตั้งอาทิตย์หนึ่ง  คิดถึงกูไหม” ผมเงยหน้ามองสบตากับอีกคน  กล้าถามนะประโยคนี้

“ทำไมกูต้องคิดถึงมึงด้วย”

“ก็เผื่อจะคิดถึงเลยถาม”

“เหอะ!” ผมผลักเขาออกให้ห่างจากผมด้วยความหมั่นไส้

“โยชิ..”

“อะไร?” ผมมองเขาที่ทำหน้าจริงจัง

“ขอโอกาสให้กูอีกครั้งไม่ได้หรอ”

“...”

“สัญญาจะทำมันให้ดี  จะไม่ทำมึงเสียใจ”

“...”

“นะ..ตัวเล็ก” แล้วเขาก็ดึงผมเข้าไปกอด  ผมแค่ยืนเฉยๆปล่อยให้เขากอดผมแบบนั้น  ผมมองทะเลพื้นกว้างใหญ่นี้แล้วคิดว่าจะทำยังไง  จะลองเสี่ยงกับโอกาสครั้งนี้ดูไหม  หรือ จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้เรื่อยๆ  ผมรู้ว่าเขาไม่มีวันยอมแพ้มันหรอก  คนอย่างเขาถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้

“พิสูจน์ตัวเองสิ” ผมเอ่ยบอกเสียงนิ่ง

“พิสูจน์?” เขาดันตัวผมออกแล้วหันมาสบสายตากับผม

“อืม พิสูจน์” ผมยังคงพูดต่อ

“จะให้พิสูจน์ยังไง  บอกมาสิ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ

“ถ้าแค่นี้ยังคิดไม่ได้ก็อย่ามาขอโอกาสกับกู” ผมหันหลังเดินขึ้นฝั่งเมื่อพูดสิ่งที่ผมต้องพูดออกไปแล้ว  ที่เหลือก็ขึ้นอยู่ที่เขาแล้วละจะพิสูจน์ตัวเองยังไงให้ผมมั่นใจที่จะมอบโอกาสครั้งนี้ให้กับเขา





TBC.

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนที่17 : ทริปประจวบ2

-อัลฟา-


ตั้งแต่ที่ได้คุยกันเมื่อวาน  ผมก็เอาแต่คิดหาวิธีว่าจะพิสูจน์ตัวเองให้โยชิได้เห็นและยอมมอบโอกาสให้กับผมยังไง

“เป็นไรวะมึง  กูเห็นมึงนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดนานละ” ไอ้คิมถาม

“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยวะ” ผมตอบ

“เรื่องไรวะ?”  ไอ้นี่ก็ชอบเสือกเรื่องกูจริง

“...” ผมไม่ได้ตอบแต่มันคงเดาถูกละนะ

“เรื่องโยชิ?” ก็มีอยู่เรื่องเดียวนี่แหละที่ผมคิด  เพื่อนผมก็รู้จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น
 
“อืม” ผมขานรับ

“มึงยังไม่หยุดยุ่งกับน้องมันอีกหรอวะ”

“ทำไมกูต้องเลิก” ผมมองหน้ามัน

“แต่น้องมันมีแฟนแล้วนะ  วันนั้นก็มีเรื่องกันไม่ใช่รึไง” มันว่าต่อ

“แล้วยังไง?”

“หน้ามึงโบกด้วยอะไรวะทำไมด้านได้ขนาดนี้”

“เยอะและห่า  ไปไกลๆไป  ถ้าไม่คิดช่วยก็อยู่เฉยๆ”

“กูหวังดีเว้ย”

“เฮ้ออ” ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

“ไอ้คิมมึงกวนไรเชี้ยอัลมัน” พวกไอ้เอเดินเข้ามาสมทบ  ผมมองไอ้เดฟที่ทำหน้าบูดบึ้ง

“กูแค่มาเตือนเพื่อนไม่ให้ทำอะไรในทางที่ผิด  แต่มันหน้าหนาเกินไป  ไม่ฟังที่กูพูดเลย” ไอ้คิมมันเบะปากมองบ่นคล้ายรำคาญ

“แล้วไอ้เดฟเป็นไรของมึง  เมียไม่ให้เอา?” มันหันมาจ้องเขม็งผม

“ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นเว้ย”

“แล้วอะไร?” ผมเลิกคิ้วถาม

“เมียกูมันไม่ยอมใส่เสื้อคู่กับกูอ่ะ”

“มึงเลยงอนมันว่างั้น”

“เออดิ  ไม่มาง้อกูด้วย  กูเสียใจ...” มันลากเสียงยาวโหยหวนเรื่องแค่นี้เอง  ผมก็คิดว่าเรื่องอะไรซะอีก

“เด็กวะไอ้เดฟ หึ”

“หุบปากไปเลยมึง” ผมเพียงไหวไหล่เท่านั้น  จากนั้นเราทั้งหมดก็พากันไปรับประทานอาหารเช้ากันก่อนที่จะออกเดินทางไปยังสถานที่ต่อไปของวันนี้

“ครบนะครับ...งั้นเราออกเดินทางกันได้เลย” ไอ้คิมยังคงทำหน้าที่ต่อไป  ส่วนผมก็นั่งข้างคนที่คุณก็รู้ว่าใคร  ครั้งนี้มันไม่บ่นไม่ว่าไม่อะไรผมเลย  ผมเองก็แปลกใจกับอาการของมันในวันนี้   เข้าวันที่สองของทริปประจวบในวันนี้ สถานที่เราไปคือถ้ำพระยานครครับ  เป็นเขาสองลูกที่เราต้องข้ามไป   พอมาถึงสถานที่พี่ๆน้องก็ทยอยลงจากรถมารวมตัวกันอยู่ทางด้านล่าง  นับจำนวนคนว่ามีทั้งหมดเท่าไรและเช็คว่าใครมีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า  หากมีจะไม่ให้ขึ้นไปเด็ดขาด  เพราะพี่สามารถดูแลน้องๆได้ไม่ครบทุกคน  อีกอย่างเดินเขามันลำบากครับ  พอเรียบร้อยไอ้เอกับไอ้เดฟและเพื่อนอีกหลายๆกลุ่มก็แยกกันไปประสานงานกับเจ้าหน้าที่  จ่ายเงิน  อ่อมีบริการนั่งเรือด้วยนะครับ  โดยที่จะนั่งข้ามเขาลูกเล็กไปหนึ่งลูกเพื่อที่จะไปขึ้นเขาอีกลูก  แต่ราคาจะตกอยู่ที่8คน 300-400บาท  แต่ก่อนที่เราจะเริ่มขึ้นเขาสองลูกนั่นเราจะต้องพกเสบี่ยงไปซักหน่อย  คือ น้ำครับ  แม่ค้าแถวนั้นเขาทักมาว่าก่อนขึ้นซื้อน้ำไปก่อน  พวกผมจึงแห่กันซื้อเต็มร้าน  ผมซื้อไปสองขวดครับน้ำเปล่าและน้ำเกลือแร่  เผื่อเหนื่อยหนัก  ฮ่าๆๆ  ทุกอย่างพร้อมก็พากันเริ่มเดินเรียงแถวกันไป

“เราจะเดินกันข้ามเขากันสองลูกนะครับ  ใครที่ไม่ไหวก็บอกพี่ๆที่อยู่ใกล้ๆได้  อย่าฝืน โอเคไหมครับ  ถ้าไม่ไหวก็นั่งพักไปเลย  แต่ถ้าใครอยากชมพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ สวยๆนั้นต้องอดทนเอานะครับ  เหนื่อยหน่อยแต่ถ้าได้เห็นจะคุ้มค่าจริงๆ” ไอ้คิมเป็นฝ่ายเดินนำขึ้นไปก่อนพูดขึ้น  ผมเดินรั้งท้ายเพราะต้องช่วยดูน้องที่เดินอยู่หลังๆเราจะข้ามเขาทั้งหมดสองลูก  ไปกลับคือสี่รอบ  สำหรับพวกอึดนะครับ  แต่ถ้าใครไม่ไหวจริงๆตอนกลับอนุญาตให้ขึ้นเรือข้ามเขามาได้

“ร้อนขนาดนี้ทำไมไม่ใส่หมวก” ผมถอดหมวกแก๊ปของตัวเองใส่ให้อีกคน  มันหันมามองเฉยๆแล้วก็เดินต่อไป  ขอบคงขอบคุณไม่มีซักคำแต่ก็เอาเถอะอย่างน้อยมันก็ไม่โยนหรือเขวี้ยงหมวกผมทิ้งละนะ  เขาลูกแรกจะมีราวเหล็กและปูนที่ทำเป็นเหมือนที่นั่งพักยาวเรียงไป  ผมที่เดินกับทางเดินที่เป็นบันไดหิน พื้นก็ไม่สม่ำเสมอกัน ขรุขระเดินยากจึงขึ้นไปเดินบนปูนนั้น  เดินสบายกว่าเดินหินอีก  อีกอย่างหินที่เดินมันลื่นมากครับ  ถ้าไม่ระวังจะลื่นล้มได้

“ขึ้นมาเดินบนนี้ดีกว่ามา” ผมหยุดเดินแล้วจับแขนอีกคนขึ้นมาบนปูนที่มีราวเหล็กให้จับ

“ไม่จะเดินข้างล่าง”มันทำท่าจะลงแต่ผมจับมันไว้  ผมกันมาจ้องเขม็ง

“เดินบนนี้ไม่ลื่นหิน”

“ไม่เอาเดินบนนี้มันน่ากลัวกว่าอีก” มันสะบัดแขนจนหลุดแล้วก็ลงไปเดินตามทางเดินหินนั้นเหมือนเดิม  ผมก็เดินมองร่างเล็กนั้นเรื่อยๆ  จริงๆตอนแรกก็เห็นมันอยู่แถวโซนกลางๆแถวนะครับ  แต่ไหงมาโผล่ท้ายแถวได้  เดินยังไม่ถึงครึ่งทางผมก็เห็นมันนั่งหอบหายใจ  พักดื่มน้ำอยู่คนเดียว  แล้วเพื่อนมันไปไหน?

“ทำไมมานั่งหอบอยู่คนเดียว เพื่อนมึงไปไหน”  เมื่อกี้ยังเห็นไอ้พาสต้ามันอยู่เลย  โยชิมันชี้บอก  เห็นไอ้พาสต้ามันเดินลิ่วไปกับพวกไอ้เดฟไอ้เอแล้ว  ผมหันมาสนใจคนตรงหน้าที่ยังหอบหายใจเหนื่อยอยู่

“นู้นมันเดินไปนั้นละ  เห็นแข่งกันใครเดินไปถึงเขาลูกที่สองก่อนจะสั่งอะไรก็ได้”

“แล้วนี่ไหวไหม  พึ่งเดินได้แปบเดียวเองพักซะละ  ถอยกลับยังทันนะ” ผมแกล้งแหย่มัน

“ไหว!”มันเชิดหน้าพูดเสียงดัง  ผมยิ้มให้กับความดื้อรั้นของอีกคน

“ถ้าไหวกูลุกดิ  นั่งทำไม”

“เออ!!” มันกระแทกเสียงใส่แล้วเดินต่อ

“มึงนี่ก็ชอบแกล้งน้องมันจริง”ไอ้โบ๊ทที่เดินรั้งท้ายแถวอยู่กับผมพูดขึ้น

“ก็มันน่าแกล้ง  น่ารักดี” ผมตอบ

“หึ  ครับน่ารัก  ก็ตอนนี้ผัวน้องมันไม่อยู่นิ  มึงเลยมีโอกาส” ผมเหล่มองมันที่ยิ้มเยาะผม  เออสิ  ถ้าไอ้เวรนั้นอยู่กูคงไม่ได้คุยกับมันแบบนี้หรอก พูดถึงมันแล้วขึ้น  เหอะ!

“เงียบปากมึงไปเลย”

“กูพูดเรื่องจริง  ทำไมรับไม่ได้  ยุ่งกับคนที่มีเจ้าของแล้วมันผิดนะครับคุณเคมี” ผมกรอกตาไปมารำคาญมันจริง

“เรื่องของกู”

“กูถามจริงๆตอบตรงๆด้วย  อ่ออีกอย่างมึงลงมานี่เลย  อยากรู้นานละ  ลงมา  กูจะเสือกให้รู้จนได้” ไอ้โบ๊ทมันดึงแขนผมให้ลงจากพื้นปูนที่ผมกำลังเดินอยู่  ผมจำยอมต้องลงไปเดินกับมัน

“อะไร”  มันทำเพียงกอดคอผมเดินไป  ร้อนก็ร้อนเดินก็ยากยังจะมากอดคอเดินอีก คิดว่าทางมันสบายหรือไงวะ

“กูก็ไม่รู้อะไรละเอียดหรอกนะ  จากที่กูเฝ้าสังเกตดูแล้ว”

“เอาเนื้อๆเลย” ผมว่า

“โอเค  พวกมึงก็ไม่เคยจะบอกอะไรกูเลยทำให้กูต้องสังเกตเองจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น”

“อืมแล้ว?” ผมเลิกคิ้วถาม

“มึงกับน้องมันเคยรู้จักกันอันนี้เดาได้ไม่ยาก  แต่ที่กูสงสัยคือมึงเป็นอะไรกับน้องมัน  และกูก็อยากรู้ไอ้ท่าทีที่น้องมันทำกับมึงอย่างเกลียดชังแบบนั้น”

“...”ผมได้แต่ฟังมันถามคำถามยาว....เงียบๆ

“มึงเคยไปทำอะไรน้องมันไว้หรือเปล่า  มันถึงไม่แลมึงเลย  อีกอย่างน้องมันก็มีแฟนแล้วมึงคิดจะทำอะไรของมึงกันแน่ไอ้อัล  กูถามจริงๆนะ  ตอบมาตรงๆด้วย  ไม่อยากตามเสือกเงียบๆละ  เอาตรงๆเลย”

“อยากรู้จริง?”

“เออดิวะ  ตามเสือกเองจนเหนื่อยละ” มันพูดกลั้วหัวเราะ  เรื่องชาวบ้านละเร็วจริงเพื่อนกู

“ตอนมัธยมตอนนั้นกูอยู่ประมาณม.6” ผมเริ่มเล่าให้มันฟัง  ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  เผื่อมันจะมีวิธีช่วยผมด้วย

“อ่าห้ะ แล้ว?"

“กูกับเพื่อนพนันกัน  มันเป็นเรื่องปกติที่พวกกูทำกันบ่อยครั้งในช่วงนั้น  กูคบใครได้ไม่ยากแปบเดียวก็เสร็จ  แต่กับโยชิกูคบกับมันนานเป็นเดือน  นานกว่าใครที่พนันไว้  สุดท้ายมันก็เสร็จกู...และก็ตัดขาดมันเพราะเกมส์พวกกูที่ตั้งไว้จบแล้ว” ผมยังคงเล่าต่อไปอย่างต่อเนื่อง

“อืมๆ”

“หลังจากนั้น..”

“อะไร?”  ไอ้โบ๊ทมันถามด้วยความอยากรู้

“คลิป”

“คลิปอะไร?” มันถามระคายสงสัย  ผมหยุดเดินแล้วมองหน้ามัน

“คลิปที่กูกับน้องมันมีอะไรกันก็ถูกอัพโหลดลงเว็บโรงเรียน”

“ห้ะ!!”มันตาโตเมื่อได้ยิน

“เป็นพวกกูเองที่อัพมันลง” ผมพูดเสียงอ่อนลงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

“ไอ้เหี้ย  พวกมึงทำไมชั่วแบบนี้วะ เฮ้ยๆๆเป็นเรื่องจริง?” มันถามด้วยความไม่มั่นใจ จริงๆที่ผมกับมันคบกันเป็นเพื่อนได้อาจจะเพราะนิสัยเหมือนๆกัน  แต่มันคงไม่คิดว่าผมจะเคยทำเรื่องที่มันแรงขนาดนั้นมาก่อน  มันถึงอึ้งและทำตัวไม่ถูก

“เออจริง”  ผมตอบมันแล้วเริ่มเดินต่อ  เราสองคนเดินห่างจากกลุ่มที่เดินนำไปก่อนแล้ว  สายตาผมจับจ้องกับร่างเล็กที่เดินอยู่ด้านหน้าที่ห่างไกลจากส่วนที่ผมอยู่

“ไอ้เลว  กูไม่รู้จะหาคำไหนมาด่ามึงดี  เรื่องนี้ไอ้เดฟรู้ด้วยใช่ไหม” มันเสยผมขึ้นอย่างคิดไม่ตก

“อืมรู้” ผมตอบเสียงนิ่ง

“ละ แล้วไงต่อวะ  กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมน้องมันถึงเกลียดชังมึง”

“หลังจากนั้นมันก็ย้ายออกจากโรงเรียน  และไปเรียนต่างประเทศ”

“...”

“แต่มึงรู้ไหม  กูพึ่งมารู้เมื่อไม่นานว่ามันคิดสั้นฆ่าตัวตาย”

“เชี้ย!”

“อืมเชี้ย  กูทำให้เด็กบริสุทธิ์คิดฆ่าตัวตายเพราะความสนุกของพวกกู”

“พวกมึงแม่ง..”

“เหี้ย  เลว ทราม” ผมตอบกลับมัน  มันพยักหน้า

“แล้วมึงยังกล้าหน้าด้านไปขอโอกาสน้องมันหรอวะ”

“เฮ้อออออ” ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ทำไมมึงไม่ปล่อยให้น้องมันเริ่มต้นใหม่ไป   มึงจะไปยุ่งกับน้องมันทำไมวะ ไอ้อัลน้องมันก็มีคนข้างกายแล้วนะเว้ย  ถ้ามึงไม่คิดจริงจังกูปล่อยน้องมันไปซะ”

“ใครว่ากูไม่จริงจัง  กูรักมัน  มันยากที่มึงจะเชื่อ  แต่เชื่อเถอะกูรักมันจริงๆ  และกูจะไม่ยอมปล่อยมันไปอีกแล้ว  ตอนนั้นกูไม่รู้ใจตัวเอง  กูคิดแค่ว่ากูไม่เคยรักใคร  ไม่แคร์ใคร  แต่สุดท้ายกูก็แพ้เด็กอย่างมัน  มันสายไปที่กูเพิ่งจะคิดได้”

“เฮ้ออ  จะด่ามึงก็ด่าได้ไม่เต็มปาก  จะสงสารก็กระไรอยู่  พอรู้แบบนี้กูก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน  ทำไมกูถึงมีเพื่อนได้เหี้ยมโหดชั่วช้าสามาน โคตรเลวแบบนี้วะ ฮ่ะๆ”

“...” มันตบบ่าผมเหมือนกับให้กำลังใจ  หรือ ตบเพราะรู้ความจริงกันแน่ แรงชิบ!

“แล้วมึงจะเดินหน้าตื้อน้องมันต่อแบบนี้หรอ”มันถาม

“กูขอโอกาสมันอีกครั้ง  มันบอกให้กูพิสูจน์ตัวเองให้มันดู” ผมตอบไอ้โบ๊ทแต่สายตายังจ้องกับร่างเล็กไม่คลาดสายตา

“แล้วมึงจะพิสูจน์ยังไง”  ผมส่ายหน้า  ผมไม่รู้ว่าจะพิสูจน์ตัวเองยังไงให้มันเชื่อใจผม

“กูไม่รู้ว่ากูจะพิสูจน์ตัวเองยังไง  แต่กูคิดแค่ว่าจะทำมันออกมาจากความรู้สึกจริงๆเท่านั้น  มันจะเชื่อหรือไม่คงอยู่ที่การตัดสินใจของมันแล้ววะ” ใช่  ผมคิดได้แค่นี้  ผมควรทำมันไปตามความรู้สึกจริงๆ  ดีกว่ามานั่งคิดหาวิธีที่จะพิสูจน์ยังไงให้เห็น

“เออไงกูจะเอาใจช่วยแล้วกัน” มันตบบ่าผมสองสามทีแล้วเดินนำหน้าไป



 

-โยชิ-

“แฮกๆๆ” ผมทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นเมื่อเดินข้ามเขามาได้แล้วหนึ่งลูก ใช่ครับพึ่งผ่านมาได้เพียงลูกเดียว  เหนื่อยเป็นบ้าเลย  ผมหยิบน้ำขึ้นดื่ม

“ห้ะ  หมดแล้ว?”  ผมเขย่าขวดเคาะๆน้ำอันน้อยนิดใส่ปาก  ทำไมหมดเร็วจังว่ะ  นี่เพิ่งจะข้ามมาได้ลูกแรกเอง  ไม่คิดว่ามันจะทรหดอะไรขนาดนี้  ทางเดินก็ยาก  ไหงน้ำมาหมดอีก  ฮืออ  นั่งร้องไห้ได้ไหมครับ  ผมจะตายเพราะขาดน้ำหรอ  จะมาตายแบบนี้ไม่ได้  ผมพึ่งจะปีหนึ่งเองนะเว้ย  ฟ้าช่างโหดร้าย....

“อ่ะ”  ผมมองขวดน้ำที่อยู่ตรงหน้าก่อนที่จะหันไปตามแขนแกร่งนั่น

“...”

“น้ำ  จะกินไหม” เขาทรุดตัวนั่งลงข้างๆผม  ผมมองเขานิ่ง

“...”

“ไม่กินงั้นเก็บนะ” เขาทำท่าจะเก็บน้ำเข้ากระเป๋า  แต่ผมกลับฉุดเอาไว้ก่อน  เอาวะประทังชีวิตไปก่อน

“กินก็ได้” แล้วผมก็ดื่มน้ำไปหลายอึกจนอิ่มท้อง  กักไว้เยอะๆจะได้มีแรงเดินต่อไป  แต่รู้สึกปวดขาแหะ  T^T 

“ลุกไหวหรือเปล่า  ถ้าไม่ไหวก็พักต่อก็ได้แต่จะตามไม่ทันเพื่อนนะ” ใช่ครับ  ถ้าผมพักนานกว่านี้จะตามไม่ทันเพื่อนที่เดินนำลิ่วไปแล้ว  ยิ่งไอ้พาสนะหายหัวเลย  ทิ้งผมให้เดินคนเดียว  ถึงจะมีเพื่อนร่วมคณะด้วยก็เถอะ  บางคนผมก็ไม่เคยพูดคุยด้วยซ้ำ

“ไหว” ผมบอกเสียงแผ่ว  ลุกขึ้นแล้วเดินต่อไป  ทางเดินไปเขาอีกลูกหนึ่งจะเป็นทรายครับ  ข้างหน้าผมนี่เป็นทะเล  ผมเดินตามเพื่อนที่เดินนำไปเรื่อยๆโดยมีเขาเดินตามมาข้างหลังเงียบๆ

 .

.

.

“ฮึบ!” เมื่อเดินมาถึงเขาอีกลูกผมก็แทบทรุดนักเข้าไปใหญ่  เขาลูกนั้นยังพอเป็นขั้นบันได้มีราวเหล็กมีพื้นปูนให้นั่งพัก  แต่ลูกนี่บอกเลยครับหินล้วนๆ

“ซ้ายย่างหนอ  ขวาย่างหนอ”  เริ่มเข้าทางธรรมละไง  ผมค่อยๆก้าวเท้าซ้าย เท้าขวา  ลงน้ำหนักให้คงที่ ไม่งั้นผมได้ล้มแน่ๆ  หินที่นี้ก็ลื่นจริงๆ  คนที่เดินสวนทางเดินลงมาก็ยิ้มทักทายส่งมาให้  ผมก็ยิ้มตอบไปทั้งๆที่จะไม่ไหวอยู่รอมร่อ

“แฮก เหนื่อยเว้ย  ใครเป็นคนเลือกสถานที่วะ” ผมโวยขึ้นมาดังๆ  ระบายความเหนื่อยล้า  ทำไมถึงเลือกสถานที่ได้ทำร้ายร่างกายผมมาก  ไม่ไหวแล้วขอนั่งพักก่อนละกัน..

“หึๆ” เสียงหัวเราะดังแทรกเข้ามาในโสตประสาทผม  ผมมองหน้าเขาอย่างหงุดหงิด  มันใช่เวลามาขำไหม  บ้ารึเปล่า  รึเมาแดด  เหอะ  ผมเบะปากเมื่อเห็นหน้าอีกคนยังยิ้มขำมองมาทางผม

“น้ำ..”แล้วเขาก็ยื่นน้ำเกลือแร่มาให้ผม  ผมไม่รีรอให้เขาพูดซ้ำ  ยกกรอกเข้าปากทันที
 
“อ๊า...” สดชื่นขึ้นมาทันที

“กินน้อยๆหน่อยยังต้องเดินอีกไกล  ขวดสุดท้ายแล้วนะนั่น” ห้ะ !  จริงดิ  ยังไม่ใกล้ถึงอีกหรอวะ  แล้วอะไรขวดสุดท้าย  ผมมองน้ำในมือสลับกับหน้าเขาที่ส่งยิ้มกวนมาให้

“ขวดสุดท้าย?” ผมทวนคำ เขาพยักหน้ารับ

“ใช่ สุดท้าย” ผมกระพริบตามองเขาปริบๆ

“ละ แล้วมึงไม่กินหรอ?”

“ไม่เป็นไร  ให้เด็กน้อยตัวเล็กๆกินดีกว่า  กูไม่หิวเท่าไร”  ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก  นี่กูแดกน้ำชาวบ้านเขาจะหมดแล้วหรอ

“ทำหน้าจะร้องไห้ทำไม”  ใครจะร้องบ้าแล้ว  ผมพยุงตัวเองเดินนำเขาขึ้นไปก่อนเหมือนเคย  อีกไกลแค่ไหนวะจะถึงฝั่งฝัน

“ไอ้โยมึงมีน้ำไหม  น้ำกูหมดแดกแล้ว  แฮกๆ” ผมขึ้นมาทันเพื่อนแล้วครับ  เพื่อนผมนั่งกันประปรายตามทางเดินเต็มไปหมด  มันหอบหายใจถามผม  ผมได้แต่ส่ายหน้า

“กูไม่มีวะ  หมดไปตั้งแต่เขาลูกแรกแล้ว”

“กูจะตายแล้ว  ใครเป็นคนเลือกพามาที่นี้วะ!!!”  มันแหกปากลั่นไม่ต่างจากผม  เพื่อนคนอื่นๆขำกับท่าทางมัน   เพื่อนคนนี้เรียนอยู่ห้องเดียวกับผม  คุยกันบ้างแต่ไม่ถึงขั้นสนิทอะไรเพราะเดินคนละกลุ่ม

“โอ๊ยย กูจะมาทิ้งชีวิตไว้ที่นี้ไม่ได้  กูยังไม่มีเมียกะเขาเลย   ยังไม่ได้ทำตามฝันเลยเว้ย”

“ฮ่าๆๆๆ”  เสียงหัวเราะยังคงมีต่อเนื่อง  ถึงทุกคนจะเหนื่อยจนเหงื่อท่วมแต่กลับรู้สึกสนุกกับมัน  ได้เห็นรอยยิ้มเสียงหัวเราะ แล้วผมรู้สึกมีความสุข

“งั้นกูไปก่อนนะ” ผมบอกกับเพื่อนที่อยู่ตรงนั้นและเดินหน้าต่อไป  ทางเริ่มชันขึ้น  หินที่เดินเหยียบก็ดูจะลื่นง่ายจริง  ผมระวังเรื่องการเดินมากครับ  ถ้าลื่นแล้วตกกลิ้งลงไปมีแต่ตายกับตาย  เดินขึ้นไปเรื่อยๆผมก็เริ่มคลาน  ใช่ครับไม่ผิดหรอกคลานเลย  ทรุดนั่งขยับก้าวไปช้าๆ มือจับหินดันตัวขึ้นไป  รันทดจังชีวิตผม ผมจะมาที่นี่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น  จะไม่มาอีกแล้วววววว

“พักก่อนก็ได้มั้ง  ไม่ต้องรีบหรอกมีเวลาทั้งวัน” ผมหยุดนิ่งกับที่  คิดว่าจะไม่ได้ยินเสียงแล้วซะอีกเห็นเงียบมาตลอดทางที่เดิน  เขาเดินห่างจากผมนะครับ  แต่เดินตามหลังผมมา  คนที่เดินผ่านไปมาก็ยังคงยิ้มให้ผมเหมือนเคย  พร้อมกับประโยคเดิมๆที่ใครผ่านลงมาก็บอกว่า

“อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว สู้ๆนะ” ครับ  ประโยคนี้วนไปวนมา  ประโยคเดียวแต่แตกต่างที่คนพูดไม่ซ้ำหน้ากันเท่านั้น

“โอ๊ยยปวดขาไม่ไหวแล้วววว” ผมร้องโหยหวนออกมาสุดจะทน

“จริงๆเลย..อ่ะน้ำ กินซะ”  น้ำเพียงนิดเดียวที่เหลืออยู่ถูกยื่นมาให้ผม  ผมมองมันนิ่งๆ  จะกินดีไม่กินดี  แล้วมองหน้าเขาที่จ้องอยู่

“...”ผมเม้มปากแน่น

“กินไปเถอะ  กินจนจะหมดแล้ว เอ้า!” ผมยื่นมือไปรับขวดน้ำกับเขาขึ้นมาดื่มแล้วยื่นกลับคืนให้เขา

“กินซะสิ  เดี๋ยวจะหาว่าไม่แบ่ง”เขารับน้ำที่เหลือทั้งหมดไปดื่ม

“ขอบคุณครับ” เขายิ้มกว้างมองหน้าผม  ผมเสมองไปทางอื่นไม่อยากเห็น

 

“อีกนิดๆจะถึงแล้ว”  มันจะถึงแล้วจริงๆ  แค่เราเดินลงไปอีกแค่นิดเดียวจริๆ  ตอนนี้ผมเข้าใกล้ตัวถ้ำแล้วกำลังเดินลงไป  ทางก็ยิ่งชันมากขึ้น  แต่ตอนลงมันสบายกว่าตอนขึ้นอยู่แล้วจริงไหมครับ  พอเดินลงมาเรื่อยๆ  อากาศก็เริ่มเย็นมีลมพัดกระทบผิวผมให้รู้สึกดี  ธรรมชาตินี่ดีจริงๆนะครับ

“อ๊ะ อ๊ากก! ตุบ” ฮืออ เจ็บ!  มัวแต่ซึบซับบรรยากาศจนลืมมองทางเดินทำให้ผมลื่นล้มไปนั่งกับพื้นหิน

“ทำไมไม่ระวัง ห้ะ!!” เสียงตวาดลั่นทำเอาผมสะดุ้ง  ร่างสูงของอีกคนรีบเขามาดูผมที่นั่งแหมะกับพื้น  เขามองผมด้วยสายตาดุๆ

“ฮึก..” ผมเม้มปากกลั้นเสียงสะอื้น  น้ำตาคลอเบ้า

“เฮ้ออ” เสียงถอนหายใจดังมาให้ได้ยิน ผมมองเขาที่กำลังจับข้อเท้าผม

“อ๊ะ  จะ เจ็บ!” ผมขยับเท้าหนี

“จะดูให้”

“ไม่เอามันเจ็บ” ผมยังคงงอแงไม่ให้เขาดูเท้าให้  เขาจับเท้าผมไว้แน่นแล้วจ้องหน้าผมนิ่งๆ

“อย่าดื้อ” แล้วเขาก็ถอดรองเท้าผ้าใบที่ผมใส่ออกอย่างเบามือ

“เจ็บๆๆ” ผมตีไหล่เขาไปหลายที

“เจ็บก็อยู่นิ่งๆ  อย่าขยับ...ดื้อจนได้เลือด” ผมนิ่วหน้าเมื่อเขาเริ่มบีบๆนวดๆตรงบริเวณข้อเท้าผม

“...”

“น้ำก็หมดแล้วจะได้น้ำที่ไหนล้างเท้า” เขาพูดขึ้นมาลอยๆ

“ไม่เห็นต้องล้างเลย” ผมตอบเขาไป  ถึงเขาจะไม่ได้ถามก็เถอะ  เขาหันมาใช้สายตาดุๆกับผม  ทำเหมือนผมเป็นเด็กอย่างงั้นแหละ 

“มันสกปรก..”

“...” ผมเงียบเมื่อเขาพูดจบแล้วจัดการเอาผ้าเช็ดหน้าของเขามาพันรอบข้อเท้าผม  ผมมองการกระทำของเขาเงียบๆปล่อยให้เขาพันจนเสร็จ

“ลุกไหวไหม?” ผมพยักหน้า แล้วค่อยๆลุกขึ้นโดยมีเขาพยุงอยู่

“...”

“จะไปต่อหรือว่าจะหยุดรอพวกนั้นแค่ตรงนี้”  ไม่เอาหรอก  ใครจะยอมหยุดแค่นี้  ผมดั้นด้นเดินมาจนใกล้ถึงแล้ว  ไม่ยอมแพ้ง่ายๆแน่

“...” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ  เขาถอนหายใจอีกรอบ
 
“แต่ขาเจ็บอยู่  จะเดินไหวยังไง  คิดบ้าง” เขาบ่นผม

“แต่มันอีกแค่นิดเดียวเอง” ผมพูดเสียงแผ่ว

“ก็รู้ว่าอีกแค่นิดเดียว  แต่ดูทางด้วยมันชันมากแค่ไหน  ถ้าเดินลงไปเท้ามันก็ต้องใช้งานหนักกว่าเดิม  โดยเฉพาะข้างที่ไม่เจ็บ  อย่าดื้อแล้วฟังที่พูดบ้าง  นี่มันบนเขานะ  ไม่ใช่ทางลาด”

“อยากอยู่ก็อยู่ไปคนเดียวดิ!” ผมผลักเขาออกและค่อยๆเดินลง  เกาะไม้ราวจับเดินลงไป 

“ให้ตายเหอะ!!” เสียงสบถดังขึ้นมา  ผมทำเป็นไม่สนใจค่อยๆก้าวเดินต่อไป  อีกแค่นิดเดียวเอง..

“อ๊ะ !”  ผมเกือบล้มลงไปอีกรอบแล้วถ้าไม่มีแขนแกร่งโอบรอบเอวผมอยู่

“พูดไม่ฟัง”

“...”

“เอ้าอยากไปนักก็ขึ้นมา เดี๋ยวพาไปเอง” เขาย่อตัวลงต่อหน้าผม ผมมองแผ่นหลังกว้างอย่างนึกลังเล

“...”

“จะยังอยากไปอยู่ไหม  เร็วๆ” เขาเร่งทำให้ผมยอมย่อตัวหาเขา  ผมวาดแขนกอดคอเข้าไว้จากทางด้านหลัง เขาค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้น  สอดแขนกับข้อพับขาผมทั้งสองข้างขึ้น ผมซบหน้าลงกับไหล่กว้างเงียบๆ ผมคิด.. คิดถึงกลิ่นน้ำหอมที่เขาใช้  คิดถึงบ่ากว้างนี้ที่ผมเคยซบมัน  คิดถึง..เมื่อก่อนที่เรารักกัน  ไม่สิ  ที่ผมรักเขาฝ่ายเดียวต่างหาก ... ระหว่างทางเดินลงไปอาจจะดูทรหดไปหน่อย  แต่เขาก็ยังพาผมไปให้ถึงสถานที่  พอถึงจุดหมายเขาค่อยๆวางผมลงกับหินก้อนใหญ่

“ไอ้โย!! มึงเป็นไร  นี่มึงทำไรเพื่อนกูห้ะไอ้เหี้ย!!” ไอ้พาสมันวิ่งหน้าตั้งมาหาผม  เมื่อมันเห็นว่าผมได้รับบาดเจ็บมันก็พาลไปหาอีกคน  มันกระชากคอเสื้อเขามองอย่างเอาเรื่อง

“เอ่อ..ไอ้พาสใจเย็นก่อน” ผมปรามมัน  มันผลักเขาออกห่างๆ

“มึงเป็นไรมากป่ะ  เจ็บมากไหม มันทำไรมึง บอกมา”

“กูแค่ลื่นล้มเฉยๆ  มันไม่ได้ทำไรกู”

“แน่นะ”

“อืม” ผมพยักหน้า

“งั้นลุกไหวไหม  ไปถ่ายรูปกัน”   มันไม่ยอมให้ผมได้ตอบมันพยุงผมลุกขึ้นแล้วพาไปถ่ายรูปมุมต่างๆ  ขาก็เจ็บอยู่หรอกแต่อยากถ่ายรูปมากกว่า แหะๆ  สวยครับ บรรยากาศภายในถ้ำสวยมากร่มเย็นดี  แล้วก็พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์สวยมากกก  คุ้มกับที่เดินมาจริงๆครับ  ถึงแม้พอใกล้จะถึงมีคนแบกมาก็เถอะ

 
“สลับกันไหมมึง”  ตอนนี้เรากำลังเดินกลับเส้นทางเดิม  ขึ้นและลงเขา  พี่คิมบอกว่าถ้าลงเขาลูกนี้ได้ก็ไม่มีปัญหาเพราะต่อเรือกลับไปก็ได้ไม่จำเป็นต้องเดินเขาอีกลูกหนึ่ง    ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระมากจริงๆตอนนี้  ทุกคนต่างต้องมาเหนื่อยเพราะผมโดยเฉพาะเขาที่ไม่ยอมให้ผมได้ขยับเดินเลยแม้แต่นิด  เพื่อนๆเขา ทั้งพี่เดฟ พี่เอ พี่โบ๊ท  รวมไปถึงพี่คิมต่างพากันสับเปลี่ยนกันให้ผมขี่หลังกลับ  ไอ้พาสเองก็บ่นผมตลอดทางจนหูชา...ก็ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้  ก็มันลื่นเองจะให้ทำไง  กว่าจะถึงข้างล่างได้เล่นเอาทุกคนทรุดหอบ  ผมที่ไม่เหนื่อยเท่าไร  แต่ร้อนครับ  เลยได้แต่ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่  พวกเขาก็โบกมือบอกไม่เป็นไรๆ  ...  ดีหน่อยที่ข้างล่างมีร้านอาหารตั้งอยู่  พวกเราทั้งหมดจึงเข้าไปนั่งพักดื่มน้ำ  กินข้าว  เห็นเพื่อนร่วมคณะบางคนนั่งกินข้าวอยู่ก่อนแล้ว  บางกลุ่มก็พึ่งลงมา  ตอนนี้ในร้านจึงประปรายไปด้วยรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมคณะมหาลัยเดียวกัน

“กูคิดว่าจะเอาชีวิตมาตายที่นี้แล้ว...” พี่เอพูดขึ้นจากที่หายเหนื่อยแล้ว

“ไอ้คิมมึงใช่ไหมเลือกสถานที่นี่  มึงได้อ่านข้อมูลไหมว่าต้องมาลำบากที่นี่”พี่โบ๊ทเสริม

“อ้าว  กูก็บอกพวกมึงในที่ประชุมแล้วนิ  ห่า ไหนๆวะหมาตัวไหนมันบอกว่าอยากมาทดสอบความแข็งแรง  ถุยสิ! ตอนนี้อย่ามาว่ากู  พวกมึงเลือกเอง”

“แล้วจะเถียงกันทำไม”  เขาบอกกับเพื่อนเขาจากนั้นก็เกิดความเงียบขึ้น  ไม่เงียบได้ไงครับก็อาหารมาเสริฟด้วยความที่เหนื่อยล้ากันมา  พอข้าววางปุ๊บทุกสิ่งที่เคยพูดคุยก็เก็บไว้ก่อน นาทีนี้กินอย่างเดียว เพิ่มพลังงานที่เสียไปมากมาย  ไอ้พาสถึงกับขอเบิ้ลสองเลยครับ

พอมาถึงรถทุกชีวิตถึงกับสลบไปกับที่นั่งของตัวเอง  ตอนนี้รถยังไม่ออกนะครับเพราะต้องรอคนที่ยังเดินลงจากเขามาไม่หมด  คนที่มาถึงก่อนก็พากันนอนรอ..ผมที่ไม่เหนื่อยอะไรมากมายเท่าคนอื่น  เพราะมีคนแบกมา  จึงนั่งเล่นเกมส์ในมือถือรอ  ส่วนคนข้างๆนั่นพอถึงที่ก็ปรับเบาะเอนหลังพิงนอน  ยกแขนปิดตาตัวเอง  ผมจึงปรับแอร์ฝั่งผมให้เขา

 
Rrrrrrr Rrrrrr

ผมไม่รู้ว่าผมนั่งมองเขานอนหลับนานแค่ไหนจนเมื่อเสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นเตือนสติผมที่อยู่ในห้วงภวังค์ความคิดของตัวเอง  ผมกดรับทันทีเมื่อรู้ว่าใคร

“อืม ว่าไง”  ผมทักทายปลายสาย

(ตอนนี้มึงอยู่ไหนเตี้ย)

“อยู่ถ้ำพระยานครอ่ะ” ผมตอบ

(แล้วจะกลับวันไหน)

“พรุ่งนี้  เดี๋ยวยังไงจะโทรบอกอีกที”

(อืมๆๆ...แล้วเรื่องนั้น) ผมมองคนข้างๆที่ขยับตัวเล็กน้อย   ก่อนตอบ
 
“อืม..”  ผมตอบมันสั้นๆแค่นั้น  คุยกันได้อีกสองสามประโยคก็วางสายไป  ผมจึงเสียบหูฟังเปิดฟังเพลงหลับตาลงเหมือนคนข้างกาย...

 

 

TBC.

 

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนที่18 : เป็นแฟนกันนะ
-อัลฟา-

 

เรากลับมาถึงที่พักกันช่วงเวลาบ่ายสามของวัน  ทำไมนะหรอครับ  เพราะกว่าจะได้เดินทางออกมาจากถ้ำพระยานครต้องรอเพื่อนๆน้องๆ ขึ้นรถให้ครบ    ส่วนผมพอถึงรถก็หลับเป็นตายเลย  รถออกตอนไหนก็ไม่ทราบ  ตื่นมาก็โดนคนข้างๆปลุก  แล้วไล่ให้ลงจากรถเพราะถึงที่พักแล้ว  ผมจึงจับใจลงจากรถทั้งๆที่อยากจะแกล้งนอนขวางทางนานๆหน่อย

 

“จับกลุ่มกันได้แล้วมารับกุญแจบ้านพักกับพี่นะครับ  อย่างที่บอกบ้านหนึ่งหลังสามารถพักได้ทั้งหมดเก้าคน  ถ้าใครจับกลุ่มได้แล้วมารับได้เลยครับ” ไอ้คิมแจกจ่ายกุญแจบ้านให้กับน้องๆหลายกลุ่ม

 

“เมียมึงพักกับกูบ้านนี่ๆ” ไอ้เดฟมันลากพาสต้าเข้าไปบ้านพักหลังเดียวกับกลุ่มพวกผม  มีพาสต้าก็ต้องมีโยชิ  เพื่อนผมช่างรู้ใจจริงๆ

 

“วุ่นวายจริงเว้ย  น่ารำคาญ” ต่อให้มันโวยวายยังไงเพื่อนผมก็จัดการลากมันไปได้อยู่ดี  ผมคว้าเอากระเป๋าตัวเองได้ก็เดินตรงไปบ้านพักหลังที่ไอ้เดฟมันเขาไปก่อนแล้ว บ้านพักที่เราเลือกพักวันที่สองเป็นบ้านพักเล็กๆสองชั้นครับ  มีสามห้องนอน สองห้องน้ำ มีระเบียงยื่นออกมาด้วยนะครับ  ชั้นล่างจะมีห้องนอนหนึ่งห้องซึ่งสามารถพักได้สองถึงสามคน  หนึ่งห้องน้ำ  และมีตะไว้สำหรับนั่งเล่นหรือทานอาหารด้วย  ส่วนชั้นบนจะมีสองห้อง หนึ่งห้องน้ำ  เหมือนกันกับชั้นล่างที่สามารถพักได้ห้องละสองถึงสามคน  ตรงส่วนระเบียงยื่นออกไปนั่นจะมีทีวี  ตู้เย็น โต๊ะเก้าอี้สำหรับทานอาหาร  นั่งเล่นคุยกัน  พื้นที่ตรงส่วนนี้กว้างครับ  ผมพักอยู่ห้องเดียวกับไอ้เดฟ  พาสต้ากับโยชิ  ซึ่งอยู่ส่วนด้านบน  ข้างล่างจะเป็นไอ้คิม ไอ้โบ๊ทและไอ้เอ

 

“ไอ้โยไปเล่นน้ำกัน”

 

“กูปวดขาอยู่  มึงยังจะชวนเล่นอีกหรอวะ”

 

“ก็กูไม่มีเพื่อนเล่น”

 

“ไม่มีเพื่อนเล่นหรือไม่มีเพื่อนให้แกล้ง”

 

“ไปเหอะนา..”   เสียงพูดคุยกันดังลอดเข้ามาให้ได้ยิน  พร้อมเสียงตึงตังที่ดังออกห่างไป  สงสัยจะลงไปข้างล่างแล้ว  ผมหันมาสนใจไอ้เพื่อนข้างตัวที่กำลังนอนเกลื้อนกลิ้งบนเตียงอยู่

 

“ไม่ไปคุมเมียมึงรึไง” ผมถาม  มันส่ายหน้า

 

“วันนี้กูเหนื่อยแล้ว  จะตายละห่า ปล่อยมันไปวันหนึ่งละกัน”

 

“เดี๋ยวเมียมึงก็โดนจีบหรอก”

 

“เชี้ยอัลหุบปากไปเลย  มึงนี่ชอบทำให้กูคิดมากจริงๆ”  แต่สุดท้ายมันก็ลุกไปอย่างหงุดหงิด ผมได้แต่ขำกับท่าทางมัน  ยุขึ้นง่ายจริงๆเพื่อนผม

 

 

 

“หายไปไหนแล้วว่ะ” ผมกับไอ้เดฟเดินมายังชายหาดที่อยู่หน้าบ้านพักไม่ไกลมาก  ผู้คนมากมายกำลังเล่นน้ำทะเล  ทำให้ผมกับไอ้เดฟมองหาสองคนนั้นไม่เจอ

 

“คนแม่งก็เยอะชิบหาย  แล้วกูจะเจอไหมเนี้ย” ไอ้เดฟยังเดินบ่นไปหาไปด้วย

 

“พูดมากวะ” ผมว่า

 

“ปากกู สัส” เออๆๆไม่เถียงหรอก  ก็ปากมึงนิไม่ใช่ปากกู

 

 

เดินหากันมาสักพักก็พบร่างของสองคนนั้นนั่งอยู่ที่ริมชายหาด  แต่จะบอกว่าสองคนก็ไม่ใช่เพราะยังมีใครอีกสามคนที่ผมไม่รู้จัก  แต่ที่แน่ๆไม่ใช่รุ่นน้องที่มาด้วยกันแน่นอน

 

“เมีย!” ไอ้เดฟกัดฟันพูดจ้องมองไปยังมุมนั้น  มันก้าวเท้าฉับๆอย่างรวดเร็ว ผมจึงรีบวิ่งตามมันไป  เพราะคนที่ผมตามหาด้วยก็อยู่ในกลุ่มนั้นเช่นกัน

 

“เมีย!!” ไอ้เดฟตะโกนลั่น  ทำให้ทั้งกลุ่มหันมามองมันเป็นตาเดียว  มันจ้ำอาวไปหาไอ้พาสต้า

 

“เป็นเชี้ยไรของมึงเนี้ย”  พาสต้าตะคอกกลับ

 

“พวกมึงเป็นใครมายุ่งไรกับเมียกู!” มันไม่ตอบพาสต้า  มันหันไปพูดกับเด็กกลุ่มนั้นแทน

 

“เอ่อ..” เสียงอ้ำๆอึ้งๆของเด็กคนหนึ่ง

 

“ถามก็ตอบสิวะ!”

 

“ไอ้เดฟใจเย็น” ผมปราม พร้อมจับไหล่มันไว้  แล้วปรายสายตามองเด็กผู้ชายทั้งสามคนตรงหน้า

 

“งี่เง่า”

 

“มึงว่าไงนะเมีย!”

 

“กูบอกว่ามึงมันงี่เง่า  ไม่รู้อะไรก็หุบปากไปเลย”

 

“พาสต้า!!”  นานๆทีไอ้เดฟจะเรียกเมียมันเต็มยศขนาดนี้  แสดงว่ามันโกรธจริงสินะ  สายตาที่จ้องพาสต้าแข็งกร้าวและน้ำเสียงที่เอ่ยเรียกดุดันขึ้น  เมียมันก็แค่มองจ้องกลับแบบไม่กลัวมันแม้แต่น้อย

 

“พอกันทั้งคู่  คุยกันดีๆดิวะ” ผมว่า

 

“เหี้ยแบบมึง  อย่าเสือก”  ผมได้แต่กรอกตาไปมาอย่างหงุดหงิด  ไม่เสือกก็ได้วะ  เรื่องผัวเมียเคลียร์กันเองแล้วกัน  มองอีกคนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ

 

“เป็นอะไร?” ผมถามโดยที่ไม่สนว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งบีบเท้ามันอยู่

 

“...” มันไม่ตอบแค่หันมามองหน้าผมเล็กน้อย

 

“เฮ้อออ  เหยิบไปกูทำเอง  นวดแบบนั้นคงหายเจ็บหรอก” ผมบอกกับเด็กนั้นแต่มันก็ไม่ยอมถอยออกเอาแต่มองหน้าผม

 

“ผมทำได้”

 

“เหยิบ!” ผมกดเสียงต่ำมองอีกคนนิ่งๆ  มันถึงยอมเขยิบถอยออกไป  ผมจึงเข้านั่งแทนที่  พร้อมกับจับขาที่ปวดเป้งของอีกคนมาดู  มันปวดกว่าตอนแรกมาก

 

“โอ๊ย เจ็บๆเบาๆหน่อยดิ”

 

“ก็อยู่นิ่งๆสิ  จะขยับเท้าหนีทำไมห้ะ” ผมดุอีกคน  มันทำหน้าบึ้งไม่พอใจที่โดนดุ

 

“งั้นก็เบาๆสิ”

 

“ครับๆจะเบามือที่สุด” ผมค่อยๆบีบนวดเบาๆ  ยาก็ไม่ได้เอามาต่อให้นวดไปก็ไม่หายบวมอยู่ดี  ผมจึงมองหยุดนวดแล้วมองอีกคน

 

“อะไร?” มันขมวดคิ้วมุน

 

“กลับบ้านพักดีกว่า  หรือจะไปหาหมอดี  ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่” ผมบอกตามจริง

 

“เอ่อคือ..พี่ครับ” ยังอยู่อีกหรอวะ  ผมหันไปมองเด็กที่กำลังพูดแทรกขึ้น

 

“มีไร” ผมถาม

 

“แถวนี้พอมีโรงบาลใกล้ๆอยู่ครับ”

 

“...” ผมไม่ตอบแต่กลับหันไปหาคนที่เจ็บเท้าแทน  อุ้มอีกคนขึ้นแล้วพยักหน้าบอกเด็กพวกนั้น

 

“ครับ?” มันเกาหัวถาม งงๆ

 

“พาไปหน่อย..” ผมบอก  เด็กนั้นจึงรีบพาไป  ระหว่างทางไปผมจึงพูดคุยกับเด็กผู้ชายที่มาส่งเล็กน้อย  ได้ความว่าเป็นเด็กจังหวัดใกล้เคียงมาเที่ยว  แต่พอจะรู้ว่าแถวนี้มีโรงบาลอยู่ด้วยเพราะมาบ่อย  พอมาถึงโรงบาลก็ต้องรอคิวเพราะคนเยอะมาก  ... หลังจากให้หมอตรวจเช็คอาการข้อเท้าบวมแล้ว  ก็รอรับยา จ่ายตัง  แล้วก็ขับรถกลับ  โดยได้เด็กคนนั้นแหละครับมาส่งอีก

 

“ขอบคุณมากน้อง” ผมบอก

 

“ไม่เป็นไรพี่  คนไทยด้วยกัน” มันยิ้มขำเขินๆ

 

“ขอบคุณนะ นายเป็นคนดีจริงๆ” โยชิบอก  ไอ้เด็กนั่นส่ายหน้าไปมายิ้มกว้าง

 

“ไม่หรอกครับ  ผมก็คนปกตินี่แหละ  ก็ชั่วบ้างดีบ้าง” มันเกาแก้มยิ้มเขินตอบ

 

“งั้นหรอ ฮ่ะๆ” โยชิขำกับท่าทีของเด็กนั้น ผมมองมันสองคนสลับกัน  หงุดหงิดเว้ย

 

“อะแฮ่ม!” ผมแกล้งกระแอมเบาๆ  สองคนนั้นถึงหันมามองผม

 

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

 

“โชคดี” ผมบอก

 

“ขับรถกลับดีๆนะ” โยชิบอก  เด็กนั้นก้มหัวเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับไปที่รถตัวเอง  แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปในรถมันก็หันมาตะโกนถาม

 

“ว่าแต่นายชื่ออะไรหรอ?” ผมหันขวับไปมองมันทันที  จะไปก็รีบไปดิวะ

 

“ไอ้เด็กเวร” ผมพูดเสียงลอดไรฟันจ้องมันเขม็ง  แต่มันคงไม่ได้สนใจมองผมหรอกสายตามันมองคนข้างผมต่างหาก

 

“...โยชิ!” ไอ้คนข้างๆก็ตะโกนตอบกลับไป  โวยยหงุดหงิดๆ

 

“ผมชื่อมาร์คนะครับ  หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ” ไม่มีวันที่มึงจะได้เจอกันหรอกเว้ย  ตราบใดที่มีกูอยู่บนโลกใบนี้

 

“แล้วเจอกัน..” ยัง  ยังโบกมือให้ผู้ชายอื่นอีก  อยู่กับผมไม่ให้มันจะยิ้มกว้างขนาดนี้เลย

 

“เหอะ!”

 

“...” มันหันมามองผมแล้วไม่พูดอะไร  พอโบกมือลาไอ้เด็กนั้นจนพอใจก็เดินหันกลับเข้าบ้านพักแบบไม่สนใจผม

 

“เหอะ!” ผมถอนหายใจแรงระบายความหงุดหงิดออกมา  ดึงทึ่งหัวตัวเองแรงๆ  เตะลมระบายความหงุดหงิดออกมาให้หมด  อยู่กับเขาละบึ้งตลอด  พอเด็กนั้นละยิ้มจนปากแทบฉีก

 

“ไอ้เดฟละ?”  ผมเดินเข้าบ้านมาก็เห็นไอ้เพื่อนสามตัวกำลังนั่งกินขนมเล่นเกมส์ในมือถือแข่งกันอยู่

 

“ง้อเมียมันอยู่ข้างบน” ไอ้เอเป็นคนตอบ  มือก็กดยิกๆ

 

โครม ! เสียงเหมือนอะไรหล่นใส่พื้นดังลั่น  ไอ้พวกที่เล่นเกมส์อยู่กดสตอปเกมส์แล้วเงยหน้ามามองกันก่อนจะมองไปข้างบนที่เกิดเสียง... รุนแรงตลอดเลยสองคนนี้  ทะเลาะกันทีไรบ้านแทบพัง  หรือไม่ข้าวของที่มันใช้โยนใส่กันนี่แหละพัง

 

“เฮ้ออ” ผมถึงกับกุมขมับ  แล้วมันทะเลาะกันแบบนี้ผมจะคุยเรื่องที่จะให้มันช่วยได้ไงว่ะเนี้ย

 

“มึงมันงี่เง่า  ไอ้ควาย  ไอ้เดฟมึงมันควาย!!” เสียงพาสต้าตวาดลั่นบ้าน

 

“มึงว่ากูควาย  งั้นมึงก็ควายเหมือนกันเพราะมึงมีผัวเป็นควาย!!”

 

“ไอ้เหี้ยเดฟ!!”

 

เพล้ง ! โครม!  ตึง! 

 

จบประโยคของพาสต้าเสียงกระทบดังสนั่นให้ได้ยินเล่นเอาพวกผมตกใจกันทีเดียว

 

“เอ่ออ  มึงไปห้ามมันหน่อยไอ้เอ” ไอ้โบ๊ทสะกิดไอ้เอเบาๆ

 

“มึงสิต้องไป  กูยังอยากมีชีวิตอยู่” ไอ้เอส่ายหน้าพรือ

 

“งั้น..ไอ้คิมมึงเลย”ไอ้โบ๊ท

 

“เหอะ  ปัญหามันเองกูขอไม่เสือก  รอดูความพินาดของมันดีกว่า” ไอ้คิมไหวไหล่อย่างไม่สนใจ

 

“ไอ้อัล  งั้นมึงไปเลยเพื่อนสนิทมึงนิ ไปห้ามพวกมันหน่อยเดี๋ยวได้ฆ่ากันตายพอดี”

 

“ห้ามไปก็เท่านั้น..เฮ้ออ” ผมตอบ

 

“โอ๊ย!!” เสียงร้องลั่นทำให้พวกผมหันกลับไปมองข้างบนอีกครั้ง  เสียงนี่ไม่ใช่ทั้งไอ้เดฟและพาสต้า  แต่เป็นเสียงของคนที่น่าจะอยู่ข้างบนมากกว่า

 

“ไอ้เชี้ย! เด็กมึงโดนลูกหลงชัวร์เลย  ไปดูน้องมันเร็ว!” ไอ้โบ๊ทว่า ผมจึงรีบขึ้นไปดูข้างบนบ้าน  ขึ้นมาก็พบกับเศษซากอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด  จากพื้นที่เคยสะอาดตอนนี้...เกินบรรยาย  แล้วนี่ไอ้คู่ผัวเมียหายหัวไปไหนวะ  ผมเดินข้ามเศษแก้วที่แตกไปหาร่างที่นั่งแหมะอยู่กับที่ไม่ห่างจากประตูระเบียงมากนัก

 

“เป็นอะไรรึเปล่า?”

 

“ไม่” อีกคนส่ายหน้า  ผมเข้าไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้นพาเดินออกไปส่วนของระเบียงบ้าน

 

“แล้วสองคนนั้นอยู่ไหน” ผมถาม

 

“ในห้องนอน” มันบุ้ยปากไปทางห้องนอนที่เป็นห้องของผมกับไอ้เดฟพัก

 

“จริงๆเลย  ไม่โดนลูกหลงใช่ไหม” ผมจับมันพลิกไปมาดู

 

“...” มันส่ายหน้าเป็นคำตอบ

 

“เฮ้ออดีแล้ว  งั้นนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะ” ผมบอกก็เดินเข้าไปในบ้านจับไม่กวาด  ถังขยะที่อยู่ใกล้ๆมากวาดเศษเกลื้อนกลาดนี่ทิ้งๆไป  ถ้าหากเดินเหยียบได้เป็นแผลแน่  พรุ่งนี้คงต้องไปจ่ายค่าเสียหายของพวกนี้อีก  ทะเลาะกันแบบไม่ใช้กำลังไม่ได้หรอวะ  ว่าแล้วขอซักทีเหอะ ผมจึงถีบประตูห้องที่พวกมันอยู่ไปทีหนึ่ง

 

“ให้ช่วยไรมั้ย?” ผมมองคนที่ผมบอกให้นั่งอยู่นอกระเบียงนั่นนิ่งๆ  ทำไมไม่เคยเชื่อฟังเลยวะ  ขาก็ยังไม่หายเจ็บเลย  เดินกะเผลกๆเข้ามานั่งก้มเก็บเศษขยะทิ้ง  จะห้ามก็ไม่ทันแล้วครับ

 

“ไม่ต้องถามหรอกมั้ง  ก็ช่วยไปแล้วนิ”

 

“ช่วยกันมันเสร็จเร็วกว่า”

 

“ครับๆๆ งั้นก็ระวังแก้วบาดด้วย”  เราจึงช่วยกันจัดการทำความสะอาดพื้นจนเสร็จ  ผมอาสาเอาขยะลงไปทิ้งเอง  มะนพยักหน้าโอเค  แล้วบอกจะเดินดูอีกรอบเผื่อมีเศษแก้วหลงเหลืออยู่  ก็เออโอเค  ส่วนไอ้พวกที่หายเงียบในห้องนั้นก็ไม่คิดจะออกมาดูดำดูดีเพื่อนมึงเลย

.

.

.

“หึ  หน้าระรื่นเชียวนะ”  ผมทักมันเมื่อเห็นมันเดินลงมาข้างล่างอย่างอารมณ์ดี  มันยิ้มกว้าง พรางยักคิ้วมากวนส้นผมอีก  หลังจากเคลียร์ทุกอย่างเสร็จผมก็พาเด็กผม(?)  โยชินั่นละ  ลงมานั่งรวมกับพวกไอ้คิมด้านล่าง  อยู่ด้านบนเสียงมันดังรบกวนแก้วหูพวกผม  ไม่ถามนะครับว่าเสียงอะไร...

 

“ขอตัวไปดูพาสต้าก่อนนะครับ”

 

“เดินไหวนะ  ให้ช่วยพยุงไหม” ผมถามอย่างเป็นห่วง  มันส่ายหน้าเดินจับราวบันไดขึ้นไป  พอมันพ้นแล้วผมจึงหันมามองเพื่อนที่มีความสุขเกินหน้าต่างจากเมื่อกี้นี่ลิบลับ

 

“มองหน้ากูทำไมคับ อิจฉา?”

 

“เหอะ  คิดงั้น..กูรอมึงนานละห่า  นั่งลงมีเรื่องจะคุยด้วย”

 

-โยชิ-


ผมเดินจับราวบันไดขึ้นมาด้านบนของบ้านพัก  จะเข้าไปดูไอ้พาสที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง  เปิดประตูเข้าไปก็พบกับเศษซากนอนตายเกลื้อนเต็มห้อง  ผมมองร่างของเพื่อนที่นอนคว้ำหน้าอยู่กับเตียง

 

“ไอ้พาส” ผมเรียกมัน  มันลืมตามองผมนิ่งๆ

 

“อืม..”

 

“ไหวไหมมึง” ผมถามมันอย่างนึกเป็นห่วง

 

“ไม่ตายง่ายๆหรอกนา” มันว่าแล้วก็ดันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงมองผม

 

“เห็นมึงสบายดีกูก็ดีใจ”

 

“หึ แล้วเรื่องนั้นว่าไง?” ไอ้พาสมันเสยผมที่ปรกหน้ามันขึ้นถามผม

 

“อืม  ตามที่บอกนั้นแหละ” ผมตอบ  มันพยักหน้า

 

“หึ เออจะรอดู...”

 

“...”

 

“กูง่วง  ขอนอนก่อน  สองทุ่มปลุก” มันบอกก่อนที่จะล้มตัวลงนอน  สองทุ่มปลุก  ผมยกมือถือขึ้นมาดูนาฬิกา...หกโมงครึ่ง

 

“เออๆ” อย่างน้อยให้มันนอนพักไปก่อนแล้วกัน

 

 

“เอานี่ๆๆ แล้วก็เอานี่  เดี๋ยวๆๆนี่ด้วย” ไอ้พาสครับมันสั่งอาหารมากินแบบไม่ยั้ง  ตอนนี้ผมกับมันมานั่งกินข้าวกันด้านนอก  เพราะมีร้านค้ามาตั้งเปิดเรียงรายมากมาย  มีร้านอาหารด้วยนะครับ  ผสมปนเปกันอยู่  ผมกับมันเลือกนั่งร้านข้างทางธรรมดา  ไม่อยากเข้าไปนั่งในร้านอาหาร  นั่งแบบนี้แหละครับลมพัดเย็นๆดี  จริงๆพี่ๆในคณะเขาจัดงานเลี้ยงสังสรรค์กันให้อยู่ครับ  แต่พวกผมแกมากินข้าวข้างนอกดีกว่า  กินเสร็จกะจะเข้าไปรวมนิดๆหน่อยๆ  ให้ได้พอเห็นหน้าแล้วคอยเข้าที่พัก ไปพักผ่อนดีกว่า  วันนี้เหนื่อยทั้งวันแล้วจริงๆ

 

“สั่งเยอะขนาดนี้จะกินหมดไหมมึง” ผมถาม

 

“หมดไม่หมดเดี๋ยวก็รู้เองละนา  แดกๆไปเถอะ” ดูมันตอบสิครับ

 

“กูละยอมมึงเลย”

 

“จ้ะ  กูรู้กูเก่ง หึๆ”

 

“มโน  พูดเองเออเอง” ผมว่ามัน  มันจึงตบหัวผมทีหนึ่ง

 

“พูดมาก  ปากนะเก็บไว้กินข้าวดีกว่านะไอ้เตี้ย”

 

“เออกูไม่เถียงกะมึงแล้ว” ผมยู่ปาก  หันไปมองทางอื่นแทนมองหน้ากวนส้นของมัน  มันหัวเราะที่แกล้งผมได้  ฮึ่ย ! อย่าให้ถึงตากูบ้างนะ ...  อาหารที่สั่งมาเสริฟผมจึงหันมาจัดการรับประทานเขากระเพาะทันที  หิวครับบอกตรงๆ  หิวมากก  ถึงจะบ่นไอ้พาสว่าสั่งเยอะแต่เราสองคนก็นั่งกินไปคุยไปจนหมด เช็คบิล หารครึ่ง เตรียมกลับไปร่วมงานกับเพื่อนๆในคณะที่คงกำลังเมามันส์  สนุกสนานอยู่  ถึงพี่คิมจะบอกว่าจำกัดพวกแอลกอฮอล์ก็เถอะแต่สภาพที่ผมเห็นตอนนี้แต่ละคนเมาได้ทีเลย  บางคนก็เลื้อยกับพื้น  บางคนก็นอนกอดต้นไม้  บางคนนี่ก็ร้องเพลงอะไรไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่อง  อย่างว่าละครับ คณะวิศวะมีแต่ผู้ชาย  มันเป็นเรื่องปกติกับสภาพแบบนี้  แต่บางคนก็ยังคงมีสติอยู่นะครับ  คอคงแข็งน่าดู

 

“ไอ้พาสต้า ไอ้โยชิ...มาเน๊ๆๆ” เสียงอ้อแอ้ตะโกนเรียกผมกับไอ้พาส   ผมหันไปมองพบกับเพื่อนรวมห้องตัวเองที่ได้ศักดิ์เป็นถึงหัวหน้าห้องเชียว  หน้าแดงหูแดง  คงหนัก  ขวดเหล้ายังคามืออยู่เลย

 

“เรียกไมไอ้หัวหน้า” ไอ้พาสตอบ

 

“แดกๆๆ” มันยื่นขวดเหล้าที่ถือยื่นให้พวกผม  ผมส่ายหน้า  ไม่อยากกินพึ่งกินข้าวมาเอง

 

“แดกไปเถอะ  กูขอบายแค่เข้ามาดูแปบๆจะไปนอนละ” ไอ้พาสตอบ

 

“อย่ากินเยอะนักละเดี๋ยวแฮงค์จนลุกไม่ไหวนะหัวหน้า” ผมบอก  หัวหน้ามันพยักหน้าเข้าใจแต่มันก็ยังคงกรอกเหล้าเข้าปากต่ออยู่ดี

 

“ไอ้เชี้ยพาสต้า!!” เพื่อนอีกคนโผล่พรวดเข้ามาจับตัวไอ้พาสไว้

 

“เป็นเชี้ยไรของมึงไอ้วิน”

 

“ไปไหนมาว่ะให้กูตามหาตั้งนาน”วินว่า

 

“แดกข้าวมา มีไร”ไอ้พาส

 

“หาเจ้ามือวงไพ่  สนป่ะ  ?”  เล่นไพ่อีกละ  ผมมองวินที่ยังรอคอยคำตอบจากไอ้พาสที่ทำท่านึกคิด  อย่ามาทำเป็นคิดใจมึงอ่ะระริกระรี้ตั้งแต่แรกแล้ว เหอะๆ

 

“ก็ได้.. ไอ้โยมึงกลับไปก่อนเลยนะ  กูไปเล่นแปบเดียว”ไอ้พาสบอก

 

“กูจะพยายามเชื่อว่าแปบเดียวครับเพื่อน  งั้นกูไปนอนก่อนละกัน”

 

“โอเคๆๆเดินระวังๆอย่าไปฉุดใครเขาละ ฮ่าๆๆ”

 

“สัส!” ผมด่ามันก่อนจะกระเผลกตัวเองมาบ้านพัก

 

เงียบ...  มืด.. บรรยากาศมันช่างดูวังเวงจริงๆครับ  ถึงจะมีการสังสรรค์กันแต่มันก็ห่างจากที่ผมพักอยู่  ผมเดินลูบแขนตัวเองมาเรื่อยๆ  บรรยายกาศเหมือนหนังผีเลยครับ  แล้วกูจะคิดทำไมวะเนี้ย   พอเดินมาถึงบ้านพักกลับมืด  บ้านไม่ได้เปิดไฟหรือไงว่ะ  โอยยใจจะวายเปิดไปคงไม่เจออะไรโผล่พรวดมาหรอกนะ

 

“ขนลุก..” ผมพึมพำกับตัวเอง  ยกมือถือส่องไฟค่อยๆเปิดประตูแง้มเข้าไปในบ้าน  แต่สิ่งที่ผมเห็นในห้องมืดนี้กลับสว่างเพราะแสงเทียนที่วางเรียงรายเต็มพื้นเป็นทางเดิน  กลิ่นหอมจากเทียนที่ถูกจุดทำให้ผมลืมความกลัวเมื่อกี้ทันที  แสงนวลของเทียนฉุดดึงผมให้หลงใหลอย่างไม่ต้องสงสัย  ผมเดินตามทางของเทียนที่วางเป็นเส้นทางเดินไปชั้นบน  เดินมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ตรงระเบียง  ... ผมเดินตรงไปหยุดตรงระเบียงตรงกลางที่ผมหยุดยืนนั้นมีเทียนรายล้อมเป็นรูปหัวใจดวงโต  จู่ๆก็มีเสียงกีตาร์คลอดังขึ้น  ทำให้ผมหลุดจากภวังค์มองไปยังต้นเสียงนั้น  เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งดีดกีตาร์อยู่ท่ามกลางแสงเทียน  ทำไมผมถึงสังเกตไม่เห็นว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้

 

ให้ฉันดูแลเธอ



 

ก็เป็นคนธรรมดา ไม่พิเศษ
ก็เป็นคนที่เดินดิน อย่างคนทั่วไป
ไม่ได้ดี เกินกว่าคนไหน
มีแค่ใจดวงเดียวให้เธอ

 

ก็เป็นเพียงคนๆ หนึ่งไม่เลิศเลอ
แค่บังเอิญมาเจอเธอ แต่ไม่รู้ทำไม
ยิ่งใกล้กัน ก็ยิ่งหวั่นไหว
อยากค้นใจเธอดูสักครั้ง


เสียงทุ้มเปล่งออกมาตามจังหวะของกีตาร์ที่เขากำลังเล่นมัน  ผมมองเขาเงียบๆ  ฟังเพลงที่เขากำลังร้องให้ผม  เขาจ้องผมไม่วางตา

 

หากบังเอิญ ถ้าเธอต้องการใคร
หากวันใดถ้าเธอนั้นอ่อนแอ


ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม
ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ
ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน
จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี


หากว่าเธอยังลังเลไม่แน่ใจ
ก็ปล่อยให้มันเป็นไป ให้ตัวฉันได้พิสูจน์
ว่ารักเธอ มากสักแค่ไหน
โปรดไว้ใจฉันดูสักครั้ง


ผมจ้องมองเขาที่จ้องมองผมไม่ละสายตาไปไหน  เนื้อเพลงและเสียงร้องของเขามันตรึงผมไว้ไม่ให้ละสายตาไปไหน  เขาร้องไปยิ้มไป  จนทำให้ใจของผมเต้นตึกตักจนแทบระเบิดออกมา...

 

หากบังเอิญ ถ้าเธอต้องการใคร
หากวันใดถ้าเธอนั้นอ่อนแอ


ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม
ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ
ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน
จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี

ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม
ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ
ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน
จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี
.

.

.


ให้ฉันดูแลเธอ รักเธอได้ไหม
ให้ฉันเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเธอเหงาใจ
ไม่ต้องกลัว จะไม่ไปไหน
จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี …

 

เสียงร้องและเสียงกีตาร์เบาลงแล้ว  ...  แต่สายตาของเรายังคงจ้องกันอยู่  ในใจผมตอนนี้มันรวนไปหมด  ถึงแม้เพลงที่เขาเล่นจะจบลงแล้วแต่ใจผมมันยังคงเต้นตึกตักดังอยู่เลย  เขาวางกีตาร์แล้วค่อยๆเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นนั่น  ผมมองคนตรงหน้าที่จับมือผมไปกุมไว้...

 

“หากว่าเธอยังลังเลไม่แน่ใจ
ก็ปล่อยให้มันเป็นไป ให้ตัวฉันได้พิสูจน์
ว่ารักเธอ มากสักแค่ไหน
โปรดไว้ใจฉันดูสักครั้ง”

 

“...” ผมเพียงแค่จ้องมองเขาเงียบๆ  เขาเลื่อนมือข้างหนึ่งมาลูบอยู่บนแก้มผม

 

“จะไม่ทำให้เธอเจ็บอีกเหมือนเคย จะดูแลอย่างดี …”  ท่อนสุดท้ายของเพลงเมื่อครู่ถูกเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มของอีกคน  รอยยิ้มบางเผยบนใบหน้าหล่อเหลานั่นยิ่งรับกับแสงเทียน  ยิ่งทำให้เขาดูดียิ่งขึ้น

 

“...”

 

“ฟังพี่นะตัวเล็ก...”

 

“...”

 

“พี่ไม่รู้ว่าจะพิสูจน์ตัวเองให้เราเห็นหรือให้เราเชื่อได้เต็มร้อยว่าพี่รักเราจริงๆยังไง  พี่ไม่สามารถบังคับเราได้  แต่พี่อยากจะพิสูจน์ด้วยการกระทำต่อจากนี้...แค่เราให้โอกาสพี่อีกครั้ง  พี่สัญญาจะทำมันให้ดีที่สุด  พี่จะไม่ทำให้เราเสียใจอีกแล้ว”

 

“...” ผมยังคงเงียบฟังอีกคนอยู่

 

“..คบกันนะโยชิ..” 

 

“คะ คือ..” ผมหลบสายตาอีกคนที่จ้องมาอย่างรอคอยคำตอบ

 

“...เป็นแฟนกับพี่นะครับตัวเล็ก”


 

TBC.

 


ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
โยชิคิดจะทำอะไร? เอาคืนหรอ? // ตกลงจะตอบว่าไงนะ อยากรู้

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนที่19 : คบ...
[/b]


-อัลฟา-

 

“ตัวเล็ก..”

 

“อื้ออ~” ผมมองใบหน้าบิดเบี้ยวของคนข้างๆที่ผมกำลังปลุก  มองยังไงมันก็ดูน่ารัก ...

 

“ตื่นได้แล้ว  ไหนว่าจะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น หืม” ผมเขย่าคนตัวเล็กเบาๆอีกรอบ

 

“งื้มม ..” ร่างบางค่อยๆปรือตาขึ้นมองหน้าผมกระพริบตาปริบๆมองผมอยู่  ผมจึงยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บที่ริมฝีปากอมชมพูนั่นเบาๆ

 

“มอนิ่งคิสครับตัวเล็ก”

 

“อื้มม..” ร่างบางยกผ้าห่มปิดครึ่งหน้ามองสบตากับผม  ผมยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าของอีกคนขึ้นสีแดงระเรื่อ

 

“จะดูพระอาทิตย์ขึ้นหรือจะนอนต่อ?” ผมลูบหัวร่างบางเบาๆ

 

“..ดูพระอาทิตย์”

 

“งั้นไปล้างหน้าล้างตากัน” ผมดึงอีกคนลุกจากที่นอน  ถึงจะยังงัวเงียอยู่แต่สุดท้ายก็ยอมลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไปกับผม  ตอนนี้ยังคงมืดอยู่เพราะเช้ามากก  ... แต่ก็เพราะคนตัวเล็กที่บอกผมเมื่อคืนว่าอยากดูพระอาทิตย์ขึ้นทำให้ผมต้องตื่นมาเพื่อปลุกอีกคนให้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตามคำขอ

 

“พระอาทิตย์ขึ้นดี๋ยวคอยมานอนต่อ”  ผมจูงมือร่างบางที่ทำท่าจะหลับกลางอากาศอยู่รอมร่อทั้งๆที่ก็เพิ่งล้างหน้าล้างตาไป  อีกคนไม่พูดอะไรเพียงพยักหน้ารับ  ตาปรือ เอียงคอเล็กน้อย  ผมพามายังชายหาดใกล้ๆบ้านพัก  ลมพัดเย็นๆ เข้ามากระทบกับผิวกายเราทั้งคู่  ผมนั่งลงกับพื้นทรายละเอียดดึงคนที่ยืนค้ำหัวให้นั่งลงบนตัก

 

“อ่ะ !”

 

“อยู่นิ่งๆ” ผมสั่งเพราะคนที่นั่งบนตักผมขยุกขยิกไปมา

 

“ไม่หนักรึไง”  ผมกอดเอวบางไว้เอาคางเกยไหล่แล้วบีบจมูกอีกคนเบาๆอย่าหมั่นเขี้ยว

 

“ตัวแห้งแค่เนี้ย  จะหนักได้ไง”  ผมกระชับกอดแน่นขึ้น

 

“...” อีกคนไม่พูดอะไรผมจึงพูดต่อ

 

“..คิดว่ากอดกระดูกอยู่นะเนี่ย”

 

“นี่!!” 

 

“หึๆ” คนตัวเล็กดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดผม  ทำหน้ามุ่ยไม่พอใจที่ผมว่า

 

“ปล่อยไม่ต้องมากอดกู”

 

“หืม? กู?”

 

“เอ่อ..ผม”  อาจจะติดเป็นนิสัยไปแล้วแต่ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ  ค่อยๆปรับไปเดี๋ยวมันก็เหมือนเดิม..เหมือนอย่างเมื่อตอนนั้น

แสงสีส้มเริ่มทอประกายขึ้นมาให้เห็นจางๆ  ผมบอกคนในอ้อมกอดให้หันไปมองเบื้องหน้าที่ตอนนี้เริ่มสว่างแล้วเพราะพระอาทิตย์กำลังลอยขึ้นอย่างช้าๆ  ผมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของอีกคนบนใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มบางๆ  ตาประกายวิบวับสดใส  ทำให้ผมพลอยยิ้มตามไปด้วย  ได้ตื่นเช้าแบบนี้ก็รู้สึกดีเหมือนกันครับ  ยิ่งตื่นขึ้นมาพร้อมกับคนที่ผมเฝ้ารอมาตลอด  ไม่คิดว่าจะได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง  ผมเดินจับมือกับมันพาเดินเลียบชายหาดรับแสงแดดอบอุ่นยามเช้าให้ร่างกายได้สังเคราะห์แสง  ซักพักเราสองคนก็เดินกลับไปยังบ้านพัก  เพราะต้องกลับไปเก็บของเตรียมตัวเดินทางกลับ  ...

 

“ไปอาบน้ำก่อนแล้วคอยมาเก็บของจะได้ไปกินข้าวเช้ากัน” ผมบอกกับร่างบาง  ตอนแรกไม่ยอมบอกขอนอนก่อนเพราะตื่นเช้ามากกกกกกกกก  แต่ผมเกรงว่าจะไม่ทันจึงบอกให้ไปอาบก่อนแล้วผมจะอาบต่อ

 

“อย่าเพิ่งก็ได้  เดี๋ยวคอยอาบ” มีอิดออดครับ

 

“จะอาบเองหรือจะให้พี่อาบให้” ผมบอกพร้อมมองจ้องร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยิ้มหื่นออกมา  อีกคนส่ายหน้ารัวเร็วจนหัวแทบหลุด

 

“อาบเองได้!” ผมมองหน้าบึ้งๆของอีกคนที่เดินตึงตังมาหยิบผ้าขนหนูที่ผมเตรียมให้แล้วเดินออกจากห้องเข้าห้องน้ำไป   ผมจึงพับผ้าห่มเก็บไว้ให้เรียบร้อย  เดินไปเคาะห้องข้างๆ  เพราะถึงแม้เมื่อคืนผมจะนอนกับโยชิแต่กระเป๋าผมยังคงอยู่ที่ห้องเดิม    ผมยังไม่ได้เล่าใช่ไหมครับว่าตอนนี้ผมกับโยชิกลับมาคบกันแล้ว  เมื่อคืนผมก็รู้สึกหวั่นใจไม่น้อยกลัวว่าโยชิจะไม่ตอบตกลงที่จะยอมคบกลับผม  แต่แล้วความคิดที่ผมกลัวนั่นกลับไม่เป็นดั่งที่คิด  โยชิยอมคบกับผมเล่นเอาผมอึ้งไปหลายนาทีเลยทีเดียว  และคนที่เรียกสติผมกลับมาก็เป็นคนที่กำลังอาบน้ำในห้องน้ำนั่นแหละครับ  ผมคิดเพียงแค่ว่าในเมื่อโยชิยอมให้โอกาสผมแล้ว  ผมก็ต้องทำให้เต็มที่  จากนี้เวลนี้และ ณ ที่นี่  ผมขอสัญญาต่อท่านผู้อ่านทุกคนว่า ผมจะรักและดูแลโยชิอย่างดีที่สุดและจะไม่ทำให้โยชิต้องเสียใจอีกเด็ดขาด  เพราะว่าโอกาสไม่ได้มีมาง่ายๆ  ผมจะทำมันให้เต็มที่ ... ขอให้ทุกคนเชื่อเถอะครับ   

 

ก๊อก ๆๆ

 

“เชี้ยเดฟ!” ผมทั้งเคาะทั้งตะโกนเรียกให้มันตื่นขึ้นมาเปิดประตูให้ผม  แต่เหมือนมันจะไม่มีปฎิกิริยาใดๆจากคนด้านในเลยซักนิด

 

“ไอ้เหี้ยเดฟตื่นเว้ย!” เปลี่ยนจากเคาะเป็นทุบประตูแทน  ไม่ใช่อะไรนะครับผมจะต้องเอาเสื้อผ้าเพื่อที่จะอาบน้ำต่อ  แต่ในห้องก็ยังเงียบอยู่  นั่นนอนหรือตาย

 

“อะ..”

 

“เป็นเหี้ยไรของมึงคนจะหลับจะนอนเว้ย!!!”

 

“...” ประตูถูกกระชากออกอย่างแรงด้วยคนในห้อง  อารมณ์รุนแรงแบบนี้มีแค่คนเดียวครับ  เมียเพื่อน ไอ้พาสต้ามันตะโกนลั่นและมองผมเขม็ง  มันขยี้หัวตัวเองแรงๆ  หนังหัวจะหลุดละเหอะ ผมได้แต่มองมันนิ่งๆไม่ได้พูดไร

 

“มีอะไรกัน?”  แฟนผมเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างๆ  จ้องผมกับเพื่อนมันสลับกันไปมา

 

“ไม่มีครับ” ผมหันไปยิ้มบอก  แล้วก็เดินเข้าห้องเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ

 

“พาสต้า  ตื่นแล้วก็อาบน้ำเก็บของเตรียมกลับ”

 

“เออๆๆ” ผมได้ยินเสียงโยชิพูดบอกกับพาสต้า  แต่ผมก็ไม่ได้สนใจหรอกครับไม่ใช่เรื่องของผม  ผมได้ของที่ต้องการแล้วกำลังจะไปอาบน้ำแต่มองเพื่อนตัวเองที่ยังหลับสบายอยู่บนเตียงแล้วนึกหมั่นไส้  เมื่อคืนมันไม่ยอมมาช่วยจัดสถานที่เลยครับ  พอบอกว่ามีเลี้ยงมีเหล้า นู้นครับลงไปแดกตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด  ผมละยอมมันแต่ยังดีที่มีไอ้โบ๊ท ไอ้คิมช่วยด้วย  ส่วนไอ้เอนะหรอ เหอะๆ  อยู่แถบชายหาดตั้งแต่คุยกันเสร็จมันก็ชิ่งเลย

 

“หลับสบายนักนะมึง” ผมจัดการยกตีนถีบมัน  ลงแรงๆ  ให้มันรู้ตัว

 

“เมียจ๋า  อย่ากวนผัว  ผัวจะนอน” แล้วมันก็จับเท้าผมไปกอดลูบ  เห็นแล้วขนลุก  ไม่วายมันยังทำหน้าฟินเคลิ้มทั้งๆที่ตายังหลับอยู่ เป็นเอามาก  ผมชักเท้ากลับมาแล้วเดินออกจากห้องไปอาบน้ำ

 

อาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ไปเก็บของตัวเองในห้อง  พร้อมกับปลุกไอ้เดฟให้ตื่นอาบน้ำ  เพราะไอ้คิมมันตะโกนเรียกให้ไปกินข้าวเช้ากันได้แล้ว  ส่วนพวกเมาค้างนั้นถึงจะกักเรื่องเครื่องดื่มมึนเมาแต่ก็นะ  จะบังคับใครได้  พวกมันก็ไปซื้อเพิ่ม  ยิ่งแต่พวกปีสองยิ่งหนัก  เป็นพี่ที่เป็นตัวอย่างมาก  ส่วนผมหรอ  ไม่ได้ไปร่วมครับ  อยู่กับแฟน -////-

 

“เชี้ยเดฟลุกได้แล้ว  ไอ้คิมมันเรียกแล้ว” ผมเรียกมันพร้อมกับเขย่าตัวมัน  มันรำคาญพลิกตัวหนี  ไอ้นี่นิ

 

“.คร๊อกก .z Z Z”

 

“ไอ้เดฟฟโว้ยยย!” ผมตะโกนเลยครับคราวนี้

 

“งื้มๆๆอยากตายรึไง!” มันลุกขึ้นมาชี้หน้าผมแต่ตายังหลับอยู่  ละเมอหรอวะ  เหอๆ

 

“ไม่ต้องไปปลุกควายหรอก ปล่อยแม่งไว้งั้นแหละ” ไอ้พาสต้าเมียรักไอ้เดฟครับ  มันเดินเข้ามามองสภาพแฟนตัวเองแล้วก็เอาตีนเขี่ยๆหน้าไอ้เดฟที่อยู่บนเตียง   ผมไม่รู้สึกว่ามันสองตัวจะรักกันได้  ดูจากการที่ไอ้พาสต้ามันแสดงความรักสิครับ  ดูยังไงก็เหมือนเกลียด...  หรือว่ามันรกกันด้วยลำแข้งวะครับ  เพราะปกตินี่เห็นตีกันบ่อยแถมเสือกชอบทำข้าวของพังยับเยินอีก

 

“อื้ม!” ไอ้เดฟมันปัดตีนเมียมันออก

 

“หึ” ไอ้พาสต้ามันเอาขาออกแล้วครับ  แล้วมันหันมาจ้องหน้าผมแทนมากกว่า

 

“อะไร?” ผมถาม

 

“...ควาย”มันเหยียดยิ้มมองผมก่อนที่จะพยักเพยิดหน้าไปทางไอ้เดฟอีกที

 

“...” ผมมองไอ้พาสต้าที่เดินผิวปากอารมณ์ดีออกไป  ทำไหมผมถึงรู้สึกมันด่าผมวะ  แต่คำว่า‘ควาย’ มันมักใช้กับไอ้เดฟมากกว่า หรือผมจะคิดมากไปเอง

 .

.

.

“เอาข้าวผัดกุ้งครับ..ตัวเล็กกินอะไร?” ผมหันไปถามคนข้างกาย

 

“เหมือนกันก็ได้”

 

“ครับข้าวผัดกุ้ง2” ผมบอกกับพนักงานแล้วก้หันมายิ้มให้กับคนข้างกาย

 

“พอเลยไอ้อัล  เพื่อนอยู่ต่อหน้ากรุณาช่วยมองด้วยครับ  รู้ครับว่ากำลังอยู่ในช่วงอินเลิฟ  แต่อย่าลืมว่ามีพวกกูนั่งหัวโด่อยู่นี่ด้วย  อย่าทำเหมือนโลกนี้มีเราสองคน” ไอ้เอบ่นครับ  แหมมช่วงข้าวใหม่ปลามันส์ทำไมเพื่อนไม่เข้าใจ  ผมไหวไหล่ทำเป็นไม่สนใจมันหันมาคุยกับแฟนผมดีกว่าเย๊อะ!!!

 

“ไอ้...” ไอ้โบ๊ท

 

“...” ไอ้คิม

 

“z Z Z” ไอ้เดฟ  (กว่าจะลากมาได้เล่นเหนื่อยครับไอ้นี่แถมมานั่งหลับอีก)

 

“ - -“ ไอ้พาสต้า

 

“^_^” ผม

 

“-/////-“ โยชิ

 

กวนกันไปกวนกันมาจนอาหารมาเสริฟ พวกเราทุกคนก็ต่างพากันกินกันเงียบๆ  พอข้าวเข้าปากจะเงียบแบบนี้แหละครับ มารยาทในการรับประทานอาหาร

 

“อร่อยมั้ย?” ผมถาม

 

“อร่อย..ของพี่ละ”

 

“หึ  ไม่อร่อยหรอก  ไหนเอาของตัวเล็กมากินสิ” ผมว่าแล้วอ้าปากรอให้อีกคนป้อน  โยชิตักข้าวในจานตัวเองมาป้อนผม

 

“อ้าม..อร่อยมั้ย” ผมเคี้ยวข้าวในปากกลืนก่อนจะตอบ

 

“อร่อยมากกกกก” ผมบอกยิ้มกว้าง

 

“เหอะๆกูเกลียด..” ไอ้คิม

 

“มันก็ทำกระทะเดียวกันไหมวะ” ไอ้เดฟว่า  มันฟื้นแล้วครับ  ด้วยแรงตบกบาลของเมียมัน

 

“กูว่าอาการหนัก” ไอ้โบ๊ทมันว่าผมพร้อมส่ายหน้า

 

“อิจฉาเว้ยยยย!!” ไอ้เอ

 

“เหอะๆ  กูจะสำรอก” ไอ้พาสต้า

 

“เมียท้องหรอ?” ไอ้เดฟมันหันไปหาไอ้พาสต้าทันที  ทำเป็นลูบท้องเมียมันด้วย หวังว่าลูกมันจะดิ้น

 

“เป็นควายไม่พอ เสือกโง่อีก  กูไม่มีมดลูกจะท้องได้ไง!” ไอ้พาสต้ามันว่าแล้วตบหัวไอ้เดฟทีหนึ่ง

 

“สม ฮ่าๆๆๆ” พวกผมต่างหัวเราะไอ้เดฟ  สมหน้ามัน  คู่นี้มันอยู่ด้วยมือและตีนจริงๆ

 

“เออน้องโยชิครับ”

 

“ครับ?” โยชิเงยหน้ามองไอ้เอ

 

“คือพี่อยากรู้อ่ะครับ” อยากรู้ไรวะ  ผมขมวดคิ้วมองเพื่อนตัวเอง

 

“รู้อะไรครับ”

 

“คือแบบ..มึงถามดิไอ้โบ๊ท”

 

“อ้าวไงโบ้ยมาให้กูวะ..ไอ้คิมมึงถามดิ” ผมมองพวกมันสามตัวที่ยังเกี่ยงกันว่าใครจะถาม

 

“กูตลอดๆๆๆ” ไอ้คิมว่า  มันมองมาที่โยชินิ่งๆ ก่อนที่จะเริ่มถาม

 

“จะถามไรแฟนกู?” ผมถามมองพวกมัน

 

“คือพี่สงสัยว่าผู้ชายคนนั้นอ่ะ”

 

“ผู้ชายอะไร?” ได้ยินผมก็ขมวดคิ้วอีกรอบ  ผู้ชายอะไรผู้ชายไหนวะ

 

“ผู้ชาย?” โยชิเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย เออกูก็สงสัย ไอ้คิมมันเลยขยายความต่อ

 

“คนที่มีเรื่องหน้าคณะกับไอ้อัลตอนนั้นไง  แล้วก็ที่มารับมาส่งโยชิทุกวัน”

 

“ทำไมหรอครับ?” โยชิถามกลับ

 

“พวกพี่แค่อยากรู้ว่า..เอ่อ  แบบตอนนี้น้องก้เป็นแฟนกับเพื่อนพี่ใช่ไหม  แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นอะไรกับโยชิหรอ”

 นั่นสินะ  ผมก็ลืมเรื่องไอ้เวรนั้นไปเลย  ผมหันมามองคนข้างกายว่าจะตอบคำถามนี้ยังไง  เพราะครั้งก่อนไอ้เดฟมันเคยเล่าให้ผมฟังว่าเป็นแฟนกับโยชิ  ตอนที่มันทะเลาะกันที่บ้านไอ้พาสต้า

 

“อ่อ..เนปจูนเป็นลูกพี่ลุกน้องกับผมเองครับ”

 

“ลูกพี่ลูกน้อง?” ผมถาม  โยชิหันมายิ้มบางให้พยักหน้า

 

“ครับ เพราะเนปจูนเป็นลูกชายของน้องสาวแม่ผม” อ่า..แบบนี้นี่เองแต่ว่า?

 

“แล้วทำไมตอนนั้นถึงบอกพี่ว่าเป็นแฟนกัน” คำถามตรงกับที่ผมคิดเป๊ะเลย  ไอ้เดฟมันเป้นคนถามครับ คิดว่ามันหลับซะอีกเห็นเงียบไปนาน

 

“ใช่ตอนที่พี่กับเนปจูนต่อยกันมั้ยครับ” โยชินึกก่อนที่จะถาม ไอ้เดฟพยักหน้า

 

“ใช่”

 

“ก็ถ้าผมไม่พูดไปแบบนั้นพี่ก็ต้องคิดว่าพาสต้านอกใจพี่ใช่ไหมละครับ”

 

“ก็...” ไอ้เดฟมันพูดไม่ออก มันหันไปมองเมียมัน  ไอ้พาสต้าแค่เหล่สายตามองแล้วก็หันมากินข้าวปกติ  ไม่สนใจสิ่งรอบข้างอย่างพวกผม

 

“ครับ ก็ตามที่ผมบอกแหละครับ..พี่เชื่อผมไหมว่าผมกับเนปจูนไม่ได้เป็นอะไรกัน นอกจากลูกพี่ลูกน้องกันธรรมดา” ผมต้องเชื่อสิ่งที่โยชิบอกผมอยู่แล้ว  อีกอย่างไอ้พาสต้าก้ไม่ได้ค้านอะไรในเรื่องที่ผมกับโยชิกลับมาคบกันด้วย  ถึงตอนแรกที่มันรู้จะโวยวายและด่าทอผมนิดๆหน่อยๆก็เถอะ

 

“ครับพี่เชื่อพี่ตัวเล็กพูดทุกอย่าง” ผมหยิกแก้มนิ่มอีกคนอย่างหมั่นเขี้ยว  ทำไมถึงน่ารักแบบนี้วะ

 

“ขอบคุณที่เชื่อผมครับ”

 

“..ครับ” ผมเชื่อคำพูดของคนตรงหน้านี้ทุกอย่าง  การที่เราได้คบกันอีกครั้งมันเป็นเรื่องที่ผมไม่คาดคิด  จากที่ผมตามตื้อทุกทางแต่อีกคนก็เหมือนจะไม่สนใจ  แต่ตอนนี้ผมได้มาคบกันแล้ว  ผมก็ต้องเชื่อใจกันและกันใช่ไหม  ผมไม่คิดว่าโยชิจะโกหกผมหรอก  เพราะผมเชื่อ...   โยชิก็ยังคงเป็นโยชิคนเดิมที่ผมรู้จัก

 

 

 

-โยชิ-

 

“ขอบคุณที่เชื่อผมครับ”

 

“..ครับ”   ผมบอกกับเขาพร้อมยิ้มจางเป็นการขอบคุณที่เขาเชื่อในคำพูดของผม

 

‘...เป็นแฟนกับพี่นะครับตัวเล็ก’

 

ยอมรับครับว่าตกใจที่จู่ๆก็ถูกขอเป็นแฟน  แต่ด้วยบรรยายกาศในตอนนั้นจะเดาว่าเป็นเรื่องอื่นไม่ได้ ใช่ไหมละครับ  ผมยอมรับว่าใจเต้นแรงมาก ทั้งสายตา การกระทำ เพลงที่เขาสื่อมันมาให้ผม  ผมคิดดีหรือเปล่าที่ตอบตกลงไป  แต่ทุกอย่างมันก็เป็นอย่างที่เห็น...ผมตกลงคบกับเขา

 

“ไม่ลืมของอะไรแล้วนะ”

 

“ครับ” ผมบอกอีกคนที่รับกระเป๋าผมไปถือให้

 

“ปะ..” ผมพยักหน้าจับมือเขาที่แบมือมาตรงหน้า แล้วก็เดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ห่างจากบ้านพักไม่ไกล

 

“หวานกันจริง  มดกัดกูแล้ววะ”

 

“เสือก” พอเราสองคนขึ้นรถมาก็ได้ยินเสียงแซวของพี่เอ   ผมก็เขินเป็นนะครับ  แต่กกับเขาผมไม่รู้ว่าจะใช่คำไหน  ไม่เคยเห็นจะเขินที่โดนแซวแบบผมบ้างเลย  แถมบางครั้งยังตอบไปว่า ...

 

‘อิจฉา?’/ ‘แซวไปเถอะกูด้าน’

บางครั้งก็แค่ไหวไหล่ไม่สนใจต่อคำแซวต่างๆที่พวกพี่เขาพูดใส่  แต่เป้นผมเองที่เขินกับคำพูดพวกนั้นตลอดเวลา

 

“ถึงมอแล้วกลับกับพี่นะ”

 

“งั้นผมขอโทรไปบอกเนปจูนก่อนนะครับ” ผมบอกเขา เขาพยักหน้า  คงไม่มีอะไรติดค้างแล้วละมั้ง  แต่ก็ดีแล้วครับ อธิบายครั้งเดียวก็รู้เรื่องไม่ต้องพุดซ้ำ  ผมยิ้มบางก่อนจะกดเบอร์ไอ้สูงแล้วโทรออก  รอสายไม่นานปลายสายก็รับ

 

(ว่าไงเตี้ย)

 

“สูงตอนนี้กูกำลังเดินทางกลับแล้ว”

 

(อ่าห้ะ  แล้วจะถึงตอนไหนจะได้ไปรับ)

 

“ไม่ต้องมารับหรอก  คือว่า..” ผมหันไปมองเขาที่จ้องผมคุยโทรศัพท์อยู่

 

(อะรไ?)

 

“เดี๋ยวให้พี่เขาไปส่ง”

 

(พี่? ใครวะ) มันถามต่อ

 

“พี่อัล  คนที่มึงเคยชกเขานั่นแหละ” ผมบอกเสียงแผ่ว

 

(..................................) เงียบ  ไอ้สูงมันเงียบ

 

“สูง ได้ยินไหม”  ผมขมวดคิ้วอาโทรศัพท์มาดูหน้าจอเผื่อสัญญาณจะหาย  แต่เปล่าเลย

 

(มึงกลับไปดีกันแล้วหรอ) มันว่าเสียงนิ่งน่ากลัว  ขนาดไม่เห็นหน้าผมยังขนลุกเลยครับ

 

“...อืม  เรากลับมาคบกันคืนแล้ว”  ผมหันไปมองเขาที่ยังมองผมไม่ว่างตาแถมยังยิ้มให้ผมอีก

 

(เตี้ย!!! มึงนี่มัน.......)

 

“เดี๋ยวกลับไปเล่าให้ฟัง..แค่นี้นะ”

 

(เออ) แล้วสายก็ตัดไป  ผมมองหน้าจอที่แสงดับลงแล้ว

 

“เป็นไงบ้าง” เขาถาม ผมยิ้มก่อนตอบ

 

“ครับ  ผมจะกลับพร้อมพี่” ผมว่าแล้วซบลงตรงไหล่เขา  เขาลูบหัวผมเบาๆ

 

ตอนนี้เรากำลังเดินทางกลับหลังจากที่ทุกคนฟื้นคืนชีพ   เสียเวลาหน่อย  แต่ไม่มีคนบ่นหรือโวยวายอะไร   พวกพี่เขาพาไปซื้อของฝงของฝากให้กลับไปฝากเพื่อนที่มอ หรือ ครอบครัว  ผมก็ลงไปครับ  ซื้อมาเยอะมากก  ส่วนใหญ่จะเป็นของกิน ฮ่ะ ๆ จนมาถึงมหาลัยในเวลาบ่ายสามเกือบสี่โมงเย็น   ผมนั่งรอเขาที่ต้องยกของไปเก็บในตึกคณะก่อน  ไม่นานเขาก็มา

 

“เสร็จแล้วหรอครับ” ผมถาม

 

“เสร็จแล้วกลับเลยไหม”

 

“อือ” ผมพยักหน้าเขาเข้ามาดึงกระเป๋าออกจากมือผมแล้วเดินจูงมือผมข้างที่ว่างพาไปยังรถของเขาที่จอดอยู่โรงจอดรถของคณะ

 

มาถึงคอนโดที่พักอาศัยของผมและของเขา  ทุกคนคงทราบแล้วใช่ไหมว่าเราพักห้องตรงข้ามกัน  ... เดินเข้าไปด้านในขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นที่พัก  เราสองคนไม่ได้เอ่ยอะไรด้วยกัน  แต่มือที่จับกันอยู่ไม่เคยห่างไปไหน  เดินมาถึงห้องเราก็ปล่อยมือกันผมขอกระเป๋าของผมคืนเขาก็ยืนให้แต่ก็ชักกลับไปคืน  ผมมองอย่างสงสัยว่าทำไม?

 

“มีอะไรหรอครับ?” ผมถาม

 

“เดี๋ยวถือเข้าไปให้ดีกว่า” เขาว่า

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ  ผมเกรงใจแค่นี้พี่ก็เหนื่อยพอแล้ว” ผมบอก เขาส่ายหน้า

 

“ทำให้กับแฟนพี่ไม่เหนื่อยหรอก” เขาบอกยิ้มๆ

 

“พี่ดูแลผมตลอดแล้ว  ไปพักเถอะครับ”

 

“งั้นไปพักด้วยกันดิ” เขาว่าแล้วดึงมือผมให้ไปหยุดยืนหน้าห้องเขา  ส่งสายตาแพรวพราวมามองผม  รู้สึกใจไม่ดีเลยแหะ เหอๆ  ผมว่าผมกลับห้องดีกว่าเนอะ

 

“บ้า! ผมจะไปพักเหมือนกัน”

 

“ตะ..” ก่อนที่เขาจะพูดต่อก็มีเสียงเรียกขัดขึ้นก่อน

 

“เตี้ย!” ผมหันไปทางห้องผม  ไอ้สูงมันยืนมองอยู่

 

“...” เขานิ่ง ยืนมองไอ้สูง

 

“กลับมาทำไมไม่เข้าห้อง” ไอ้สูงพูดเสียงราบเรียบ  ตาก็จ้องมือที่จับกันของผมอยู่

 

“เอ่อ.. พี่ครับผมกลับห้องก่อนนะ” ผมบอกพร้อมกับดึงกระเป๋าของตัวเองมาถือไว้  ครั้งนี้เขายอมปล่อยง่ายๆ

 

“ไว้พี่โทรหานะ”

 

“ครับ”

 

จุ๊บ ! เขาจุ๊บที่ปากผมเบาๆไม่นานก็ผละออกแล้วเปิดประตูเข้าห้องตัวเองไป ส่วนผมนะหรอก็ยืนแข็งรู้สึกหน้าร้อนผ่าวยังไงไม่รู้

 

“จะยืนเป็นหินอีกนานไหม” ไอ้สูงถาม ผมหันไปมองค้อนมัน  บังอาจมาว่าผม ผมเดินเข้าห้องกระแทกตัวมันเต็มแรง  จะกระแทกไหล่ครับแต่ไม่ถึง ฮ่าๆๆๆ

 

“เตี้ย! เจ็บนะ!” มันโวยครับ

 

“ใครสน?” ผมทำเป็นไม่สนใจมันเดินเอากระเป๋าไปเก็บในห้องนอนและเอาของฝากที่ซื้อมาไปวางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ  ไอ้สูงเดินเข้ามาในห้องนอนแล้วนั่งลงตรงเตียงจ้องหน้าผม

 

“เล่ามา..”

 

“เล่าอะไร?” ทำไมผมจะไม่รู้ละครับว่ามันจะให้ผมเล่าเรื่องอะไร

 

“เรื่องมึงกับไอ้เชี้ยนั่นไง...เล่า!” มันถามจ้องผมไม่วางตา  ผมจึงจำเป็นต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้มันฟังทั้งหมด

 

“ก็คบกัน  กูตกลงเป็นแฟนกับเขาแล้ว” ผมบอก

 

“ให้มันได้แบบนี้สิวะ!!!” ไอ้สูงมันว่าแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง  ผมมองมันนิ่งๆ

 

“...”

 

“แล้วมึงไม่เป็นไรหรอ” ไอ้สูงมันถามแต่ตามันมองบนเพดานห้อง

 

“ไม่เป็นไรหรอก” ผมตอบมันเสียงเบาไม่แน่ใจเหมือนกัน

 

“ยังไงกูก็อยู่ข้างมึงเสมอนะเตี้ย”

 

“อืม  รู้น่า ไม่ต้องมาทำซึ้ง ฮ่ะ”

 

“เออไงก็แล้วแต่มึง  มึงตัดสินใจไปแล้วนิ” มันลุกขึ้นนั่งแล้วมองผมอีกครั้ง

 

“...อืม”

 

“ไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ  กูจะออกไปข้างนอก” ไอ้สูงว่าจบมันก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป  ผมมองตามหลังมันที่เดินออกไปแล้ว  เสียงประตูหน้าห้องปิดลง  ผมจึงเดินไปหยิบผ้าขนหนูเดินเขาห้องน้ำ  อาบน้ำพักผ่อน  ร่างกายเหนื่อยล้า  ถึงแม้เท้าตอนนี้จะหายเจ็บแล้ว  แต่อาการปวดนิ่งๆก็ยังอยู่  เดินได้ปกติแล้วแต่ถาลงแรงมากไปก็เจ็บเหมือนกัน  แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่เดินกระเผลกแล้วนะครับ

 

Rrrrrrrr Rrrrrrr

 

 ออกมาจากห้องนำก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  ผมเดินมาหยิบดูเบอร์ที่โทรเข้ามาปรากฏว่าเป็นของ ‘คุณแฟน’  ไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่าใครก็คนห้องตรงข้ามผมเนี้ยแหละ

 

“ครับพี่” ผมกรอกเสียง

 

(ทำไมรับช้า  พี่โทรไปตั้งหลายสาย) ผมจึงเอาโทรศัพท์มาดูหน้าจอ  มันปรากฏสายที่ไม่ได้รับแจ้งขึ้นอยู่

 

“ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ” ผมตอบพร้อมกับขยี้หัวตัวเองที่พึ่งจะสระมา

 

(งั้นหรอ..ตัวหอมเลยดิ) เขาพูดแล้วหัวเราะ

 

“ขำอะไรครับ” ผมถามกลับ

 

(เปล่า..มาหาหน่อยดิหรือจะให้พี่ไปหา)

 

“พี่พักผ่อนเถอะครับ”

 

(แต่พี่คิดถึงตัวเล็กนิ นะๆ อยากเจอ) เขาว่าเสียงอ้อน  ผมอมยิ้มเขินครับเขิน -//-

 

“เราพึ่งห่างกันเองเถอะครับ  พักเถอะครับผมก็จะพักเหมือนกัน”  ตอนนี้เหนื่อยมากครับ  นั่งรถจนเมื่อยก้นถึงจะไม่กี่ชั่วโมงก็เถอะ

 

(ก็ได้  ... วางสายไปตัวเล็กเข้าเฟสด้วยนะ)

 

“ครับ?เขาทำไม?” ผมถามขมวดคิ้ว เอคืนก็เข้าแล้วนิ  เข้าไปรับแอดเฟรนเขานั่นแหละครับ เขาบอกผมว่าแอดมาตั้งนานแล้วแต่ผมไม่รับ  ก็เพราะตอนนั้นผมกับเขายังไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมนิ

 

(เถอะนา  งั้นพี่ไม่กวนเราแล้ว  วางละนะถึงจะไม่อยากวางก็เถอะ)

 

“ครับพี่  บาย..” แล้วสายก็ถูกตัดไป  ผมจึงเข้าเฟสตามที่เขาบอก  แจ้งเตือนคนแอดเฟรน  ข้อความ  ผมกดดูแจ้งเตือนก็พบกับ...มีแฟนแล้ว

 

“...” ผมมองการแจ้งเตือนบนหน้า  จะกดยอมรับดีมั้ย  ที่เขาให้เข้าเฟสเพราะสาเหตุนี้เองหรอ  เอาไงดีวะ  จู่ๆใจก็เต้นรัวขึ้นมา  มันไม่เห็นจะมีอะไรน่าตื่นเต้นเลย ในเมื่อตอนนี้เราก็คบกันแล้ว  คิดแบบนั้นผมจึดกดยอมรับสถานะที่เขาส่งมา  หน้าเฟสมันเด้งเป็น...

 

 

กำลังคบกับ..

 

 

 

 

 

อัลฟา อินทรสิริกุล  กำลังคบกับ  โยชิ กรเกียรติ

 

 

 



TBC.

 

 

************************

อ้าว...เขาคบกันแล้ว ฮ่าๆๆๆ

เราแต่งได้เท่านี้ง่ะ  รู้สึกไม่พอใจ ฮืออๆๆ ชื่อเฟสที่ต่อท้ายจะเป็นนามสกุลเน้ออ

(หากมีคำไหนผิดหรือตกหล่นขออภัยคะ)

เม้น + ให้คะแนน เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน๊าาา จุ๊บๆๆ

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนที่20 : นายท่านคุณหญิง
[/b]

-อัลฟา-

 

กริ๊ง กริ๊ง

 

ผมกดออดหน้าห้องของคนรัก  พูดแบบนี้ก็รู้สึกเขินขึ้นมา  ตั้งแต่วันที่ผมกับโยชิคบกันตอนนี้ก็เข้าอาทิตย์ที่สองแล้ว  ผมมักจะมากดออดหน้าห้องที่อยู่ตรงข้ามผมทุกวัน  ทีแรกผมชวนให้โยชิย้ายเข้ามาอยู่กับผมแต่อีกคนไม่ยอม  แต่ถึงอย่างนั่นโยชิก็มาค้างห้องผมบ้างเป็นครั้งคราวไป...แต่ไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้นนะครับ  ผมรักด้วยใจไม่ได้รักด้วยร่างกายเหมือนแต่ก่อนแล้ว

 

“มาไม?” น้ำเสียงห้วนๆพูดขึ้นเมื่อเปิดประตูแล้วเจอผม  เป็นแบบนี้แทบตลอดที่ผมมาหาโยชิ

 

“มาหาแฟน” ผมตอบ  ไม่ได้จะกวนแต่มาหาแฟนจริงๆ

 

“ใครแฟนมึง  ไสหัวไปเลย” มันว่า  นี่ถ้ามันไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้อง(ตามที่แฟนผมบอก) ผมคงเข้าไปตั๊นหน้ามันซักทีสองทีให้มันหายกวนตีนผม

 

“โย ชิ” ผมพูดชื่อเน้นคำ

 

“เหอะ!” และไม่ว่าเมื่อไรมันก็จะยอมหลีกทางให้ผมเข้าไปในห้องมันทุกครั้ง  พอนั่งลงตรงโซฟากลางห้องได้ผมก็กวาดตามองว่าโยชิอยู่ไหน ? เมื่อไม่เห็นก็ถามมัน

 

“แล้วโยชิละ?” มันเดินออกมาจากครัว  กรอกตามองบนไปมาก่อนจะตอบผม

 

“..อาบน้ำ”

 

“...”  มันตอบผมแล้วก็เดินออกจากห้องไป  ผมจึงนั่งรอโยชิในห้องคนเดียว ซักพักโยชิก็เดินออกมา  ชุดที่โยชิใส่วันนี้เป็นเสื้อยืดสีขาวด้านในและมีเชิ้ตสีชมพูลายทางับแขนทับ  กางเกงยีนสีดำ  ขาดส่วนเข่าทั้งสองข้างจากการออกแบบ ผมถูกเซ็ตอย่างดี ใบหน้าหวานที่มองมาที่ผมพรางเลิ้กคิ้ว ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบห้อง

 

“พี่มาตอนไหนครับ?”

 

“มาซักพักแล้ว” ผมตอบมองแฟนตัวเองที่มองรอบห้องไม่วางตา

 

“ไอ้สูงไปไหนหรอครับ” ผมเพิ่งมารู้ตอนที่คบกันนี่แหละครับ  ทีแรกก็ งง สูงๆ  ที่เห็นเรียกคืออะไร  ที่ไหนได้เพราะไอ้เนปจูนมันสูงกว่าแฟนผมนี่เองถึงได้ฉายาที่แฟนผมตั้งให้ว่า “ ไอ้สูง”  ส่วนของแฟนผมนะหรอ “ไอ้เตี้ย” ไง  ก็สมเหตุสมผลดีครับ  เตี้ยไม่พอยังน่ารักอีก  แถมยังคงตัวเล็กที่ผมมักเรียกบ่อยๆด้วย

 

“ออกไปไหนไม่รู้ดิ  ว่าแต่อาบน้ำนานไปไหม  รู้ไหมพี่รอนาน” ผมว่าแล้วกอดร่างบางตรงหน้าพร้อมกับหอมแก้มไปฟอดใหญ่

 

“ทำไรของพี่เนี้ย!” รู้หรอกว่าเขิน  ทำไมน่ารักแบบนี้นะ

 

“ก็อยากรู้ว่าหอมยัง  เห็นอาบน้ำนาน” ผมเลยจัดไปอีกซักฟอด

 

“พี่บ้า!” ยังไม่ชื่นใจเลยครับโดนอีกคนผลักหน้าออกก่อนซะงั้น  ผมจึงหยุดเห็นห้าแดงๆของคนที่รักแล้วก็อดจะแกล้งต่อไม่ได้

 

“ยังไม่ชื่นใจเลย” ผมแกล้งยื่นหน้าไปใกล้  อีกคนดันหน้าผมออก  ผมจึงจับแขนของโยชิทั้งสองข้างแล้วยื่นหน้าทำปากจะเข้าไปจูบ โยชิเบี่ยงหน้าหนี

 

“ไอ้พี่บ้า  ปล่อยเลย  จะทำอะไร!”

 

“ทีแรกจะหอมแก้มแฟน  แต่เปลี่ยนใจเป็นจุ๊บปากดีกว่า”

 

จุ๊บ !

 

“พอใจแล้วใช่ไหม  ปล่อยเลย!”

 

“เขินหรอตัวเล็ก” โยชิหันมามองค้อนผม  ยิ่งท่าทางแบบนี้ผมยิ่งอยากแกล้ง  มันน่ารักครับ  ชอบเวลาที่แฟนเขินจริงๆ  ผมรู้สึกอาการหนักขึ้นทุกวัน  ไม่อยากห่างคนตัวเล็กนี่เลย  อยากจะอยู่ด้วยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทุกวันทุกคืน  ตื่นนอนก็เจอ  เข้านอนพร้อมกัน  ได้กอดเวลาอากาศหนาว ได้ไปเที่ยวเล่นด้วยกัน  ...

 

“ว่าแต่วันนี้เราจะไปไหนหรอครับ”

 

“อืม..พี่จะพาไปหาพ่อแม่พี่” ผมกอดร่างบางเข้าหาตัวอีกรอบ

 

“ห้ะ!?!” อีกคนหันมามองหน้าผมพร้อมกับเบิกตากว้างเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด

 

“ก็ตามที่บอกแหละครับ” ผมยิ้มมองอีกคนที่ตอนนี้คิ้วขมวดกันเป็นโบว์แล้ว

 

“...”ยังมาทำตาปริบๆมองอีก

 

“พี่นัดพ่อแม่ไว้แล้วว่าจะพาว่าที่ลูกสะใภ้ไปกินข้าวด้วย” ที่พูดนี้ผมจริงจังนะครับ  ผมไม่เคยพาใครเข้าบ้านด้วย ยกเว้นเพื่อนฝูง  พอบอกพ่อกับแม่ไปแบบนั้นท่านทั้งสองก็ดูจะดีอกดีใจ  อยากจะเห็นหน้าลูกสะใภ้เต็มแก่  ผมยังได้ข่าวมาอีกว่าคุณแม่ผมท่านเตรียมเข้าครัวเองเลยละครับ  คิดดูสิครับวันๆอยู่แต่กับร้านเครื่องเพชร จับแต่เครื่องพงเครื่องเพชร   แต่ตอนนี้จะจับตะหลิว จะมีด จับสากในครัว  นี่ถ้าไม่ใช่เพราะลูกสะใภ้แม่ผมไม่กระตื้อรือร้นขนาดนี้หรอกครับ

 

“...แต่ผมยังไม่พร้อม” โยชิว่าเสียงแผ่วก้มหน้างุด

 

“ไปกราบท่านเฉยๆไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก  อีกอย่างพี่อยู่ด้วย” ผมว่า  ลูบผมนิ่มอีกคนให้คลายความกังวล

 

“แต่เราเพิ่งคบกันได้ไม่นานนะครับ”

 

“จะนานหรือไม่นาน  มันไม่ได้สำคัญหรอกนะ  แค่ตอนนี้เรารักกันก็พอแล้ว”

 

“...”

 

“อีกอย่างตัวเล็กก็ยังเคยพาพี่ไปพบคุณแม่ของเราเลยนิ” ใช่ครับ  ตอนก่อนที่จะเกิดเรื่องที่ผมก่อนั้น ช่วงที่ผมคบกับโยชิ  ผมมักจะไปรับไปส่งโยชิไปโรงเรียนด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ  แม่โยชิใจดีมากครับ  แต่คุณพ่อนั้นไม่เคยพบ...

 

“แต่ว่า..”

 

“พ่อแม่พี่ใจดี  เชื่อพี่สิว่าท่านต้องชอบตัวเล็ก”

 

“ท่านจะรับได้หรอครับที่ลูกชายตัวเองคบ...ผู้ชาย”

 

“ไปเดี๋ยวก็รู้เองแหละ...นะ”  ผมกอดโยชิแน่นขึ้นแล้วเอาหัวซบบนไหล่บาง

 

“..ครับ”

 

 

 

บ้านอินทรสิริกุล

 

ผมขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านก็มีคนเดินมาเปิดประตูให้ผมลงจากรถยื่นกุญแจรถให้คนขับรถของบ้านและบอกกับคนรับใช้ให้ยกของจากหลังรถเอาไปเก็บ  ผมมองคนข้างกายที่ลงจากรถมาพร้อมๆกับผมในมือก็ถือกระเช้าแบรนรังนกไว้  โยชิบอกว่าถ้าไม่มีของมาฝากท่านมันก็ดูจะเสียมารยาทผมจึงพาแวะซื้อก่อนที่จะถึงบ้าน  ผมจับมือโยชิที่ตอนนี้มีเหงือซึมเต็มมือ

 

“ตื่นเต้นหรอ?” ผมถาม

 

“อือ” โยชิพยักหน้า  ผมกุมมืออีกคนแน่นขึ้นพร้อมยิ้มบางส่งเป็นกำลังใจให้

 

“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอก  ไม่มีอะไรน่ากลัว” ผมว่าจบก็พาเดินเข้าไปในบ้าน

 

“สวัสดีครับคุณหญิงแม่” พอเข้ามาถึงโซนห้องรับแขกผมก็เอ่ยทักท่านที่กำลังนั่งจิบชาอ่านหนังสืออยู่

 

“มาแล้วหรอพ่อลูกชายตัวดี” คงยังไม่มามั้งแม่  นี่มาทั้งเสียงทั้งตัวเลย

 

“ยังไม่มาครับ นี่ฝาแฝด”  ผมเดินเข้าไปกอดท่าน  รู้สึกจะไม่ได้กลับมาบ้านนานพอควรเพราะส่วนใหญ่ผมใช้ชีวิตอยู่ที่คอนโดซะส่วนมาก  บ้านก็นานๆทีครับ  ถ้าไม่ถูกเรียกตัว หรือวันรวมญาติผมจะไม่มา

 

“แล้วไหนละลูกสะใภ้ที่จะพามาให้แม่เห็น” แม่ผมถามก่อนจะใช้สายตาสอดส่องดู 

 

“ก็ยืนอยู่หน้าแม่นี่ไง” ผมว่าแล้วเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ข้างๆโยชิ

 

“สะ สวัสดีครับ” แฟนผมยกมือไหว้แม่อย่างมีมารยาท  แฟนผมครับแฟนผม

 

“อะ สวัสดีจ้ะ” แม่รับไหว้ก่อนที่จะรับของฝากจากแฟนผม

 

“ของฝากครับ”

 

“อ่า..ขอบคุณจ้ะ  จริงๆไม่ต้องเอามาก็ได้” แม่ผมบอกพร้อมกับยื่นกระเช้าส่งให้คนรับใช้เอาไปเก็บ

 

“ไม่ต้องกังวล” ผมกระซิบบอก โยชิพยักหน้า

 

“ลูกชายไม่หยอกแม่ครับ  ไหนลูกสะใภ้แม่  อย่าให้ดีใจเก้อ”  แม่ผมถามย้ำอีกครั้ง

 

“ก็บอกว่าคนนี้ ไม่มีล้อเล่น  จริงจังครับคุณหญิง”

 

“...” ท่านดูจะอึ้ง  เพราะคงตอนแรกคิดว่าผมล้อเล่น  ท่านจึงไม่เชื่อ

 

“..พี่ครับ” ผมหันมามองแฟนตัวเองที่หน้าเริ่มซีดลงเรื่อยๆ ผมจึงลูบหัวลูบหลังปลิบ  มันอาจจะยากที่ท่านจะยอมรับ  อีกอย่างผมเองกเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน  ท่านเองคงตั้งความหวังกับผมไว้สูง  อยากให้ผมมีครอบครัวที่ดี สืบทอดมรดก มีทายาทสืบสกุลต่อๆไป  ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำตามที่ท่านคิดหรอกครับ  ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ท่านก็ต้องยอมรับมันให้ได้  ผมไม่มีวันที่จะเลิกกับโยชิเด็ดขาด  ต่อให้ท่านจะยอมรับหรือไม่  ผมจะดูแลคนๆนี้ให้ดีที่สุดอย่างที่เคยสัญญาไว้

 

“แม่ว่าไปนั่งคุยกันดีกว่านะ” ท่านว่าแล้วเดินไปนั่งโซฟาหนังที่เดิมของท่าน ผมพาโยชินั่งตรงข้ามกับท่าน  ผมนั่งโซฟาเดียวกันกับโยชิครับ  ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง  เป็นผมเองที่ทำลายบรรยากาศอึมครึมนี้

 

“พ่อละคุณหญิง” ผมถาม  ตั้งแต่เข้าบ้านก็ยังไม่เห็น

 

“จะเข้ามาช่วงเที่ยงๆ  อีกไม่นานหรอก” แม่บอกผมแต่สายตามองที่โยชิ

 

“งั้นหรอครับ..คุณหญิงจ้องแฟนผมจนตัวสั่นหน้าซีดหมดแล้ว”

 

“ก็ฉันกำลังสแกนว่าที่ลูกสะใภ้นิ  อยู่เงียบๆไปเลยพ่อลูกชาย” เหนแม่ผมพูดแบบนี้ก็เข้าใจได้เลยครับท่านยอมเปิดใจแล้ว  ไม่งั้นไม่มานั่งสแกนแบบนี้หรอก

 

“เอ่อ..คะ คือ”

 

“คุณหญิงเห็นไหม แฟนผมกลัวคุณหญิงเนี้ย...โอ๋ๆไม่ต้องกลัวนะตัวเล็ก” ผมบอกกับแม่แล้วหันมาโอ๋แฟนผมด้วยการกอดลูบหัวลูบหลัง  อีกคนก็ดิ้นให้ปล่อย  หันไปทางแม่  แม่ถึงกับส่ายหน้า

 

“ว่าแต่เราชื่ออะไรหรือจ้ะ?” แม่ผมถามโยชิ

 

“ผะ ผมโยชิครับ”

 

“แล้วไปเจอลูกชายแม่ที่ไหนจ้ะ” แม่ถามต่อ

 

“เอ่อ..คือ”

 

“ผมเคยคบตอนมัธยม  แต่เลิกกันไป  แต่ตอนนี้กลับมาคบกันเหมือนเดิมแล้วครับคุณหญิง” ผมตอบแทนโยชิที่ดูเหมือนจะตอบไม่ถูก

 

“ฉันไม่ได้ถามนะพ่อลูกชาย” แม่หันมาดุผมแต่ไม่จริงจังนัก

 

“โถ่ววคุณหญิงก็เล่นถามแล้วจ้องจะเอาคำตอบแบบนั้นแฟนผมก็ตอบไม่ถูกสิ”

 

“ฉันละเหนื่อยใจกับลูกแบบแกจริงๆอัลฟา” แม่ถึงกับกุมขมับเลยทีเดียว

 

“โถ่ววว คุณหญิง”

 

“เงียบ!” แม่ยกมือขึ้นบอกว่าเงียบ

 

“...” ผมจึงปิดปากเงียบ

 

“ว่าแต่อายุเท่ากันหรอจ้ะ” แม่ผมหันไปถามโยชิต่อ

 

“เปล่าครับ  ผมอายุน้อยกว่าหนึ่งปี” โยชิตอบพร้อมยิ้มบาง   ผมจับมือโยชิบีบเปล่าๆเพราะรู้ว่าอีกคนเกร็งแค่ไหน

 

“อย่างนั้นหรอจ้ะ  งั้นก็เพิ่งขึ้นปีหนึงสิ”

 

“ครับ”

 

“เรียนอะไรละลูก” แม่ผมเริ่มพูดคุยสบายมากขึ้น  ไม่ได้จ้องเหมือนตอนแรกแล้ว  ท่านถามและยิ้มบางมองโยชิเหมือนกำลังเอ็นดูเป็นลูกคนหนึ่ง

 

“วิศวะครับ”

 

“งั้นก็เรียนเหมือนกับลูกชายแม่นะสิ”

 

“ครับ” โยชิพยักหน้า

 

“แม่ฝากดูลูกชายแม่ด้วยนะ  หากไปก่อปัญหาอะไรที่ไหนจัดการได้เลย  แม่อนุญาต”

 

“อ้าวคุณหญิงไหงงั้นอ่ะ”

 

“หึ..” ผมหันมามองคนข้างกายที่กำลังขำผมอยู่

 

“ขำไรตัวเล็กเดี๋ยวจะโดน” ผมบอกพร้อมหยิกแก้มนิ่มอีกคน

 

“อื้ออ อ่อย!” โยชิตีแขนผมที่ยังไม่ปล่อยแก้มนิ่มของตัวเอง

 

“ปล่อยน้องเลย  ทำแบบนั้นแก้มน้องช้ำหมด”  แม่เป็นแม่ผมปะเนี้ย  ทำไมไม่เห็นดีกับลูกเลย

 

“ไม่ช้ำหรอกแม่ผมทำเบา” ผมบอก

 

“ปล่อยน้องเลย...ลูกโยมาหาแม่นี่มา  ไม่ต้องไปนั่งกับคนนิสัยไม่ดีหรอกลูก” แม่ผมท่านยอมลุกมาแล้วดึงแขนผมออกจากโยชิ  ยังครับยังไม่พอดึงตัวแฟนผมไปนั่งกับท่านด้วย  อ้าวไหงงั้น

 

“...” ผมได้แต่มองตาปริบๆ  คุณหญิงท่านแย่งแฟนผมไป  มีกอดต่อหน้าด้วย

 

“แม่ขอโทษนะลูกโย  ลูกไม่น่าหลงผิดมาคบกับลูกชายแม่เลย” ท่านกอดแล้วลูบหัวโยชิอย่างเอ็นดู  แต่เดี๋ยวนะ  ประโยคเมื่อกี้อะไรกัน นี่ลูกนะนี่ลูกไง

 

“คุณหญิงพูดงี้ได้ไง  ลูกนะลูก  คุณหญิงต้องบอกว่าคบกับผมแล้วโชคดีดิ”

 

“เงียบไปเถอะ  อย่าให้ต้องเล่าเรื่องที่คุณลูกไปก่อไว้มากมายเลย  เดี๋ยวน้องเขาจะบอกเลิกแก หึ”

 

“ไม่พูดแล้วก็ได้...สรุปคุณหญิงยอมรับว่าที่สะใภ้คนนี้ไหม” ผมถาม แม่มองผมก่อนที่จะดันร่างโยชิที่กอดออกมาดู ก่อนจะตอบผม

 

“รับสิย๊ะ  น่ารักน่ารักขนาดนี้  ปากนิดจมูกหน่อย  หน้าก็หวาน  สามผ่านเลย” แม่ผมพูด  คนที่ได้ยินมีหรือจะไม่เขิน  ตอนนี้นั่งก้มหน้าต่อหน้าแม่ผมนั่นละ

 

“ขะ ขอบคุณครับ” โยชิ

 

“ขอบคุณอะไรกัน  แม่สิต้องขอบคุณลูกที่ทำให้ลูกชายแม่ยอมกลับมาบ้านในรอบหลายเดือน”

 

“คุณหญิงก็เกินไป  ผมพึ่งมาเมื่อเดือนที่แล้วเองเถอะ”

 

“แต่ก็อยู่ไม่ถึงสามสิบนาทีก็แจ้นออกจากบ้าน  เขาไม่เรียกว่ากลับบ้านจ้ะ”

 

“ไม่ถึงขนาดนั้นซักหน่อย” ผมว่าเสียงแผ่ว  ผมสังเกตโยชิที่คงจะเริ่มผ่อนคลายแล้วจากคำพูดของแม่ที่บอกว่ารับได้ที่ผมกับโยชิคบกัน  ผมเองก็ดีใจที่แม่รักและเอ็นดูโยชิ

 

“คุณหญิงคะ  คุณท่านกลับมาแล้วคะ” เด็กรับใช้เอ่ยบอก  ก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกไปทางส่วนครัว  คงจะไปช่วยกันตั้งโต๊ะเพราะพ่อผมกลับมาแล้ว

 

“ไปรับคุณพ่อกันลูก” แม่ว่าพร้อมกับจูงมือว่าที่ลูกสะใภ้ไปด้วย  ผมชอบคำว่าลูกใภ้จริงๆครับ หึๆ

 

 

-โยชิ-

 

“รับสิย๊ะ  น่ารักน่ารักขนาดนี้  ปากนิดจมูกหน่อย  หน้าก็หวาน  สามผ่านเลย” ผมเขินกับคำพูดท่านที่บอกกับผมออกมาตรงๆทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายจากตอนแรกมาก

 

“ขะ ขอบคุณครับ” แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังคงตอบติดๆขัดๆอยู่ ตั้งแต่ที่พี่เขาบอกผมว่าจะพามาพบพ่อกับแม่ผมก็รู้สึกกังวลทันที  ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยพาเขาไปพบแม่  แต่พอมาวันนี้เขาพาผมมาพบพ่อแม่เขาบางผมกลับรู้สึกตื่นเต้น  ตลอดเวลามาบ้านพี่เขาผมได้แต่คิดในใจว่าจะเอาไง จะต้องทำไงบ้าง  ทำอะไรดี  พอคิดได้ว่าการไปพบผู้ใหญ่ก็ต้องมีของไปฝาก ผมจึงให้พี่เขาพาแวะซื้อของก่อนที่จะถึงบ้าน

.

.

.

“ไปรับคุณพ่อกันลูก”  ท่าพูดกับผมพร้อมกับจูงมือผมให้เดินตามท่านไป ตื่นเต้นหนักเข้าไปอีก  ถึงแม้แม่พี่เขาจะยอมรับผม  แต่คุณพ่ออาจจะไม่ก็ได้

 

“..ครับ”

 

“กลับมาแล้วหรอคะคุณ...นี่ว่าที่ลูกสะใภ้ของเรา” ท่านว่าแล้วดันผมให้มาหยุดยืนข้างหน้าสามีท่าน  ผมที่มึนๆ งงๆ กับเหตุการ์ณตรงหน้าอยู่ก็ยกมือสวัสดีทักทายท่านก่อน

 

“สะ สวัสดีครับ” อาการติดอ่างมาอีกแล้ว  ท่านมองผมนิ่งแต่ก็ยอมรับไหว้ผม

 

“คุณว่าอะไรนะคุณหญิง” พ่อพี่เขาถามคุณแม่กลับอีกรอบ  แล้วหันมามองผมอีกที

 

“ว่าที่ลูกสะใภ้เราไงละคะคุณ...น่ารักเนอะฉันชอบ” มีพี่เขาตอบยิ้มกว้างพร้อมกับโอบเอวผม  ผมเกร็งครับ  เกร็งมากเมื่อสายตาพ่อพี่เขาจ้องผมไม่วางตา

 

“...ลูกชายตัวดีคุณอยู่ไหนละคุณหญิง”

 

“อยู่นี่ครับนายท่าน” พี่เขาเข้ามาหยุดยืนหน้าพ่อตัวเอง

 

“หายหัวไปซะนาน” ท่านมองลูกชายตัวเอง  แล้วเบี่ยงสายตามามองผมอีกรอบเป็นเชิงถามกันทางสายตา

 

“ก็อย่างที่คุณหญิงพูดนั่นแหละ  ยอมรับได้ไหมที่ลูกหาสะใภ้ผู้ชายมาให้”  ตรง..ตรงมากกกก

 

“หึ  ยอมรับไม่ได้ก็ต้องยอมรับละวะ  ก็คุณหญิงบอกว่าชอบคนเป็นพ่ออย่างฉันจะห้ามอะไรได้” ท่านพูดกลั้วหัวเราะ แบบนี้แสดงว่าท่านยอมรับผมสินะ

 

“นายท่านนี่กลัวเมียของแท้จริงๆ”

 

“หรือมึงไม่กลัวละไอ้ลูกชาย” ท่านเลิกคิ้วถาม

 

“กลัวดินายท่าน! ฮ่าๆๆ”

 

“หึ เลือดกูมันข้นสินะ..เข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า หิวแล้วด้วย  คุณหญิงมาให้กอดหน่อย” พ่อพี่เขาบอกก่อนที่จะเดินเข้ามากอดภรรยาตัวเอง

 

“หายกังวลแล้วนะ  พี่บอกแล้วไม่มีอะไรต้องกลัว”

 

“..ครับ” ผมยิ้มรับ

 

 อาหารเรียงรายกันหลายชนิดวางอยู่บนโต๊ะกินข้าวขนาดใหย่  ส่วนหัวโต๊ะจะเป็นนายใหญ่ของบ้านคือพ่อพี่เขา ละทางด้านขวามือท่านจะเป็นภรรยาคนสวย ผมลืมเล่าไปสินะ  แม่พี่เขายังดูสาวอยู่เลยครับ  สวยมากด้วย  ส่วนทางซ้ายมือของท่านจะเป็นพี่เขาและก็ผม

 

“เรามาเริ่มทานกันเถอะผมหิวแล้วสิ” พ่อพี่เขาว่า พวกเราจึงลงมือรับประทานอาหารกัน

 

“กินเยอะๆนะลูกโย  แม่เป็นคนเข้าครัวเองเลย” ท่านบอกพร้อมกับยิ้มบางๆมาให้ผม

 

“..ครับ  คุณป้าก็ทานเยอะๆนะครับ”

 

“ไม่เรียกป้าสิลูก!”

 

“คะ ครับ?” ผมทำหน้าสงสัย

 

“เรียกแม่จ้ะแม่   ยังไงซะลูกโยก็ขึ้นชื่อว่าเป็นว่าที่ลูกสะใภ้บ้านอินทรสิริกุลเชียวนะ”

 

“อ่าครับๆ” ผมพยักหน้ารับ

 

“ไหนลองเรียกคุณแม่สิจ้ะ”

 

“เอ่อ..” ผมหันไปมองพี่เขาที่นั่งข้างผม  ตอนนี้เขากำลังกลั้นหัวเราะอยู่  มองไปทางพ่อพี่เขาเองก็เช่นกัน ท่านยังพยักหน้าให้ผมทีหนึ่งเลยครับ ผมหันไปทางแม่พี่เขาที่จ้องเอาคำตอบจากผม

 

“คะ คุณแม่..” ท่านยิ้มพอใจ

 

“ดีมากจ้ะ แม่ปลื้มจริงๆ  แวะมาหาแม่บ่อยๆนะลูก”

 

“ครับ” ผมยิ้มตอบท่าน  ท่านตักอาหารให้ผม ผมก็บอกขอบคุณตามมารยาทเวลาที่ใครทำอะไรให้  บนโต๊ะอาหารก็ไม่เงียบอย่างที่คิดคุณพ่อพี่เขาถามผมต่างๆมากมาย  ท่านถามว่าพ่อแม่ผมทำงานอะไร  แล้วผมอยู่ยังไง  เรียนอะไร  แล้วไปคบกับลูกชายท่านได้ไง บางครั้งผมเองก็ตอบไม่ได้ก็จะมีพี่เขาคอยตอบแทน...

 

“ลูกชายแม่ไม่เคยพาใครเข้าบ้านจริงๆจังๆซักที รู้ไหมลูกโย”

 

“...” ผมส่ายหน้า  ไม่รู้ครับ

 

“ลูกชายพ่อพอโทรมาบอกว่าจะพาสะใภ้มาให้ดู  คุณหญิงดีใจใหญ่เลย  ลงมือทำอาหารเองด้วยนะ” พ่อพี่เขาพูด  ตอนนี้เรากำลังนั่งเล่นกันในห้องรับแขกให้อาหารที่พึ่งทานไปย่อยจึงนั่งคุยกัน  พ่อพี่เขาเป็นนักธุรกิจครับ  บริหารงานหลายอย่างเลย  ทำโรงแรมด้วยนะครับ  เป็นโรงแรมชื่อดัง  พ่อพี่เขาบอกจริงๆเรียนจบวิศวะแต่ได้มาบริหารซะงั้น  แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของท่าน  เพราะท่านต้องรับช่วงต่อจากตะกูล  ส่วนแม่พี่เขาทำร้านเครื่องเพชรครับ  ท่านจึงมอบกำไลเพชรมาให้ผมชิ้นหนึ่ง   ผมเกรงใจว่าไม่อยากรับไว้  แต่ท่านก็ขยั้นขยอผมจนต้องยอมรับไว้

 

“ผมไม่ทราบเลยครับ  พี่เขาแค่บอกว่าจะพามาพบคุณพ่อกับคุณแม่” ผมตอบ

 

“คงตื่นเต้นมากน่าดู  แม่เข้าใจจ้ะแม่ก็เคย  แต่พอมาเห็นแบบนี้แล้วแม่ก็สบายใจ  ที่ลูกชายแม่มีครักที่ดีแบบลูกโย”

 

“ขอบคุณครับ”

 

“เรียนจบแต่งเลยนะนายท่าน”

 

“ค แค่กๆๆ” ผมที่กำลังดื่มน้ำถึงกับสำลัก

 

“เป็นไรมากไหม?” พี่เขาลูบหลังให้ผม  ผมส่ายหน้าพร้อมกับยื่นมือไปรับทิชชูจากแม่พี่เขามาเช็ดปาก

 

“จะรีบไปไหนวะไอ้ลูกชาย” พ่อพี่เขาถาม

 

“ก็อยากอยู่กินกันเลย..เนอะตัวเล็ก” ยังหันมาถามหน้าตาเฉยอีก  รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมา

 

“...” ผมไม่ได้ตอบแต่หลบสายตาล้อเลียนจากผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงนี้  พูดอะไรไม่อายปากเลย

 

“ถามน้องยังเขาอยากอยู่กับมึงไหมไอ้ลูกชาย  อีกอย่างพ่อแม่เขาจะยกลูกเขาให้มึงไหม” พ่อยังพูดต่อ

 

“ยกดินายท่าน  และนายท่านกับคุณหญิงต้องไปสู่ขอให้ผมด้วย  เข้าใจไหม?”

 

“คุณหญิงว่าไง?”

 

“ได้สิ  แต่ถึงยังงั้นต้องไปถามพ่อแม่ของลูกโยก่อน โอเค้?” ท่านทำมือว่าโอเคไหม

 

“เคคุณหญิง  อย่าลืมละที่พูดอ่ะ”

 

“...” ผมได้แต่นั่งฟังเงียบๆให้พ่อแม่ลูกเขาคุยตกลงกันเอง

 

 

บ่ายสามโมง

 

“น่าจะอยู่กันให้นานกว่านี้นะ” คุณแม่ท่านว่า เมื่อมาส่งผมกับพี่เขาขึ้นรถเตรียมจะกลับกันแล้ว

 

“ก็อยากอยู่นานๆนะคุณหญิง  แต่ไม่เอาหรอกเดี๋ยวคุณหญิงแต๊ะอั๊งแฟนผม”  พี่เขาพุดหยอกแม่ตัวเอง  คุณแม่ท่านจึงตีแขนลูกชายตัวเองไปทีหนึ่ง

 

“พรุ่งนี้ผมก็ต้องไปเรียนแล้ว  ผมต้องกลับไปทำการบ้านครับ” ผมตอบ ท่านยิ้มเอ็นดูผมพรางลูบหัวผม

 

“งั้นหรอจ้ะ  เป็นเด็กดีจริงๆ ต่างจากคนแถวนี้”

 

“คุณหญิง..ใช่สิ๊ ! มีลูกรักคนใหม่แล้วนิ  ไอ้เราก็หมาหัวเน่า” ผมขำกับท่าทางงอนๆของพี่เขา  ท่านเองก็ส่ายหน้าปลงกับลุกชายตัวเอง

 

“ก็มึงทำตัวไม่น่ารักไงไอ้ลูกชาย  ขนาดพ่อยังชอบหนูโยมากกว่าเลย  นี่ท่าสลับกันได้คงดี หึๆ”

 

“นายท่าน!! ทำไมไม่เข้าข้างลูกคนนี้หน่อย”

 

“ฉันเข้าข้างเมีย  เมียอยู่ข้างไหนฉันอยู่ข้างนั้น”

 

“งั้นเราเอาลูกโยมาเป็นลูกของเรานะคะคุณ  ส่วนคนนี้ปล่อยทิ้งข้างทางเนอะ”

 

“หึๆ”  ครอบครัวพี่เขาเป็นครอบครัวที่อบอุ่นดีครับ  และพ่อแม่พี่เขาก็ดูจะสนิทกับลูกชาย  ดูเป็นกันเองสุดๆ โดยเฉพาะคุณพ่อพี่เขา  มีพูดหยาบกับลูกบ้าง  และดูท่านทั้งสองจะรักลูกชายมาก  ลูกคนเดียวนิเนอะ  ผมเองก็เหมือนกันป๊ากับม๊ารักผมมากไม่ต่างกัน

 

“กลับก่อนนะครับ..สวัสดีครับ”ผมไหว้ลาท่านทั้งสอง

 

“จ้ะ  ว่างๆก็มาหาแม่ได้เสมอนะ..มากอดทีลูก” ท่านอ้าแขนออก  ผมจึงเดินเข้าไปกอดท่าน  ท่านเอ็นดูผม  ผมดีใจแต่อีกใจหนึ่งผมกลับ...รู้สึกผิด

 

“พ่อกับแม่พี่น่ารักดีนะครับ” ตอนนี้เรากำลังขับรถกลับคอนโดกัน  ถ้าออกเย็นกว่านี้รถจะติดมากและจะถึงคอนโดดึก

 

“อืม  พี่บอกตัวเล็กแล้วว่าพ่อแม่พี่ใจดี” พี่เขาหันกลับมายิ้มให้ผมแล้วก็หันไปมองทางต่อ

 

“ครับ..ใจดีมาก” มาก..จนผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที  พี่เองก็ดีกับผมมากเหมือนกัน  ขอบคุณนะครับ  ผมได้แต่คิดในใจเท่านั้น

 

“แม่พี่ดูจะเอ็นดูตัวเล็ก  จนลูกชายแบบพี่เป็นหมาหัวเน่าเลย ฮ่ะๆ”

 

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

 

“จริงๆนะ  คุณหญิงแม่เป็นคนถูกใจอะไรยากแต่ถ้าได้ถูกใจแล้วท่านจะหวงมากเหมือนกัน  ถือว่าตัวเล็กผ่านแล้วนะ  เรียนจบมาเป็นสะใภ้เต็มตัวให้บ้านพี่นะครับ” ผมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่เขาที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ  เขินกับคำพูดตัวเองสินะ  ไม่คิดว่าจะอายเป็นด้วย

 

 

“...ถ้ามีโอกาสนะครับ” ผมพึมพำกับตัวเองโดยที่อีกคนไม่มีทางได้ยิน พรางมองข้างทางเหมือนมีสิ่งดึงดูดผมให้มอง  แต่จริงๆแล้วไม่ใช่  ผมกำลังอยู่กับความคิดตัวเองมากกว่า  ผมกำลัง...ลังเล

 

 

 

 

TBC.
[/color]

 

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนที่21: แผน?

-อัลฟา-

 

“เลือกได้รึยัง  นี่พี่ซื้อของสดจนครบหมดแล้วนะ”

 

“เอ๋…”  ผมเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างๆของคนที่กำลังตั้งใจเลือกมะเขือเทศอยู่ สองมือจับข้างละลูกแล้วก็ส่องๆมองๆดูว่าลูกไหนโอเคกว่ากัน

 

“เลือกแบบนี้แล้วเมื่อไรจะได้กินครับตัวเล็ก” ผมบอกกลั้วหัวเราะเห็นคนที่ท่าทางตั้งใจเลือกเป็นอย่างมาก

 

“เอ๊ะ ! เงียบๆหน่อยได้ไหมคนกำลังใช้สมาธิอยู่”

 

“ขนาดนั้นเลย?” ผมถามเสียงสูง ฮ่ะๆๆ

 

“อืม..โอเคได้ละ ทำให้อร่อยๆนะครับ”  เพราะโยชิบอกอยากกินสปาเกตตี้ซอสมะเขือเทศ ของสดในตู้เย็นผมก็ไม่ค่อยมีจึงต้องพามาซื้อของด้วย  ได้ทั้งของสดและของใช้ส่วนตัว  เห็นแบบนี้ผมทำอาหารเป็นนะครับถึงจะทำไม่ได้ทุกอย่าง  แต่ถ้าคนเนี้ย(ชี้โยชิ)อยากกินอะไรต่อให้ไม่เคยทำผมก็จะพยายามหาวิธีทำมาให้กินแล้วกันครับ  ผมเป็นแฟนที่ดีใช่ไหมละ หึๆ

 

“งั้นไปจ่ายตังแล้วกลับกันเลยเนอะ”

 

“อือๆ”

.

.

“ตัวเล็กหยิบจานให้พี่หน่อย” ผมบอกให้อีกคนที่กำลังนั่งกินไส้กรอกหน้าเคาเตอร์บาร์หยิบจานให้ผม

 

“อ่ะ  อืมหอมดี  น่ากินจังแต่รสชาติจะเป็นไงน๊า” โยชิยื่นจานส่งมาให้ผมใส่สปาเก็ตตี้ร้อนๆที่ผมเพิ่งทำเสร็จ

 

“อร่อยไม่อร่อยยังไงก็ต้องกินนะ” ผมบอกกลั้วหัวเราะ

 

“ถ้าไม่อร่อยเททิ้งได้ไหมละ?”

 

“ไม่เทดิ  นี่ทำให้สุดใจเลยนะที่รัก  ลองชิมก่อน..เป็นไง?” ผมหยิบส้อมมาหมุนเส้นแล้วเป่าเบาๆก่อนป้อนอีกคน  ผมถามหลังจากที่โยชิกลืนมันลงไปแล้วเรียบร้อย

 

“ก็พอกินได้”

 

“แค่นั้นเองหรอ? งั้นไม่ต้องกิน” ผมบอกทำทีจะเอาไปเททิ้ง

 

“เฮ้ย  จะบ้าหรอเสียดายของ  บอกว่าพอกินได้  มันก็กินได้ดิ เอามากินเอง” ผมปล่อยจานสปาเก็ตตี้ให้อีกคนง่ายๆ โยชิเดินกลับไปนั่งที่เดิม  ผมจึงหันมาจัดการกับอุปกรณ์ในครัวที่ต้องล้างเก็บ

 

“กินเงียบเลยนะ” ผมแซว  ทำให้คนที่ตั้งหน้าตั้งตากินไม่พูดไม่จาอะไรเงยหน้าขึ้นมามองผมที่นั่งท้าวคางมองอยู่ตรงหน้า  แก้มก็เคี้ยวตุ้ยๆ มันน่าหยิกจริงๆ

 

“เวลากินอาหารควรรับประทานเงียบๆครับพี่  มันเป็นมารยาท”

 

“ไม่บอกไม่รู้นะเนี้ย” ผมพูดหยอก

 

“งั้นกูไว้ซะเถอะ”

 

“ไม่รู้ไม่ได้หรอออออ” ผมลากเสียงยาว

 

“ไม่ได้! พอเลยจะกินต่อแล้ว” ว่าจบโยชิก็ลงมือทานต่อ ผมมองคนต้องหน้ากินอย่างเอร็ดอร่อย  นี่ขนาดว่าพอใช้นะครับ

 

“จะเอาอีกป่ะ?” ผมถามลองเชิง อีกคนเงยหน้าขึ้นมองผมตาปริบๆก็พยักหน้า ผมเช็ดมุมปากที่เปื้อนด้วยซอสออกให้แล้วนำจานของโยชิใส่สปาเก็ตตี้เพิ่มให้

 

“ขอบคุณครับบ” โยชิบอกยิ้มๆแล้วลงมือทานต่อ  ได้เห้นคนรักกินฝีมือตัวเองก็ดีใจ

 

“ถามจริงนะอร่อยป่ะ?”

 

“ก็บอกไปรอบหนึ่งแล้วนะครับว่าพอใช้ได้ งั่มๆ”

 

“ครับๆๆพอใช้ได้” ผมยื่นมือเข้าไปลูบแก้มเนียนของคนตรงหน้าเบาๆ  อยากจะฟัดให้หายหมั่นเขี้ยว ผมสังเกตเห็นใบหน้าคนตรงหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ  เขินละสิ หึ น่ารักเป็นบ้าเลย

 

“แล้วพี่ไม่กินหรอครับ” ผมส่ายหน้า

 

“แค่เห็นเรากินพี่ก็อิ่มแล้ว” ผมยักคิ้วยิ้มส่งให้เมื่อคนตรงหน้ามองมา

 

“โนครับ  ไม่ใช่เรื่องจริง คนบ้าอะไรเห็นคนอื่นกินแล้วตัวเองจะอิ่ม”

 

“คนแบบพี่ไง” ผมบอก

 

“นี่ผมมีแฟนเป็นคนบ้าหรอเนี้ย”

 

“ใช่บ้า บ้ามาก  บ้ารักตัวเล็กไง” ผมบอกพร้อมกับท้าวคางมองแล้วยิ้มกว้าง

 

“แหวะ  พูดอะไรก็ไม่รู้” โยชิพึมพำเบาๆเสมองไปทางอื่น แก้มแดงเรื่อ เขินอีกแล้ว หึๆ แบบนี้มันน่าแกล้งนัก

 

“มาวงมาแหวะ  ท้องลูกของเราแล้วหรอตัวเล็ก”

 

“ไม่น่าจะใช่ลูกของพี่หรอก”

 

“หมายความว่าไง? นี่นอกใจพี่หรอ?” ผมถามเสียงจริงจัง  มองคนตรงหน้านิ่งรอฟังคำตอบ

 

“เออ  แล้วทำไมพี่จะทำไม” โยชิถามกลับหน้าตาย

 

“พี่จะไปฆ่ามัน!” ผมว่าเสียงแข็ง

 

“พี่จะทำให้ลูกผมกำพร้าพ่อนะ” โยชิว่าต่อ

 

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่รับเป็นพ่อเอง” ผมบอกแล้วลุกเดินออกไป

 

หึ่ม ! หงุดหงิดครับ  ต้องเดินออกมาผมไม่อยากจะทะเลาะกับโยชิ  มันอาจจะดูงี่เง่าแต่ใครจะอยากให้แฟนตัวเองบอกว่ามีลูกกับคนอื่นละครับ  ตอจะเป็นผู้ชายมดลงมดลูกไม่มีก็เถอะ  ถ้าบอกว่าท้องลูกผมจะดีกว่านี้

 

“นี่! พี่งอนผมหรอครับ” โยชินั่งลงข้างผม  ตอนนี้ผมนั่งอยู่โซนนั่งเล่น  ผมหยิบรีโมทเปิดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ

 

“เปล๊า!” ผมตอบเสียงสูง   มือก็กดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ

 

“งั้นก็ดีแล้วครับ ผมจะได้ไม่ต้องง้อ” เห้ย! ได้ไงวะ  นี่งอนให้ง้อนะเว้ย

 

“...” ผมเงียบทำเป็นไม่สนใจ  แต่ในใจนี่ไม่สุขแล้วครับ

 

“งั้น..ผมกลับห้องละนะ”

 

“เดี๋ยวดิ!” โยชิทำท่าจะลุกขึ้นผมจึงกอดหมับเอาไว้แน่น

 

“มีอะไรว่ามา?” โยชิเลิกคิ้วมองผม  อะไรละ  เห้ยนี่งอนอยู่นะ

 

“ไม่ง้อพี่หน่อยหร๊อออ” ผมลากเสียงให้รู้ว่าง้อหน่อยดิ นี่งอนอยู่นะเฟ้ย

 

“ก็ไหนบอกว่าไม่งอนไง หึๆ” โยชิถามขำๆ

 

“ก็ตอนนี้งอนแล้วไงครับ ตัวเล็กง้อพี่เลย”

 

“อะไร?  ไม่ต้องเลยไม่เล่นแล้วดูหนังดีกว่า”โยชิว่าหยิบรีโมทเปิดไปช่องภาพยนตร์แทน

 

“...” ผมเงียบ  นั่งกอดอกมองจอสี่เหลี่ยมที่กำลังฉายหนังเรื่องหนึ่ง

 

“ฮ่าๆๆๆ”

 

“ไม่เห็นตลกเลย” ผมพึมพำเบาๆ เมื่อโยชิขำฉากหนังที่ตลกแต่ผมไม่ตลกหรอก  ไม่สนใจกันเลยเฟ้ย หึ่ม! ทำไงดีวะ

 

“นี่! พี่ครับ”

 

“อืม” ผมขานรับ

 

“หันมาคุยกันดีๆสิครับ” ผมจึงหันไปแต่ก้ยังไม่พูดอะไร

 

“...”

 

“ไหนบอกสิครับว่าคุณแฟนป็นอะไร” โยชิถาม

 

“แฟนไม่สนใจ..” ผมตอบ

 

“ผมไม่สนใจพี่ตรงไหนวะ” โยชิขมวดคิ้วถาม

 

“ก็ตัวเองสนหนังในจอมากกว่าพี่อ่ะ” ผมทำแก้มพองลม  ให้รู้กูยังงอนและงอนเพิ่มขึ้น

 

“ไอ้พี่บ้าคิดว่าทำแก้มอมลมงี้มันน่ารักรึไง” โยชิตบเข้าที่แก้มผมเบาๆแล้วหัวเราะ

 

“เชอะ!” ผมสะบัดหน้าหนี  ทำไมรู้สึกว่าตัวเองจะแต๋ววะ ฮ่าๆๆ ไม่เป้นไรครับไม่มีเพื่อนผมอยู่ ผมทำต่อหน้าแฟนเท่านั้น

 

“หว๊า~ วันนี้กะว่าจะมานอนค้างด้วยซะหน่อย” อะไรค้างๆนะ  ผมหันไปมองคนที่จ้องจอสี่เหลี่ยมไม่วางตา

 

“จริงดิตัวเล็ก!” ผมถามอย่างตื่นเต้น  ก็นานๆโยชิจะมาค้างกับผมที่ห้องนิ

 

“อืม” โยชิพยักหน้า  ผมถึงกับยิ้มกว้าง

 

“ดีจังวันนี้ได้นอนกอดแฟนแล้ว  จะกอดแรงๆเลยคอยดูซิ” ผมหอมแก้มเนียนแล้วก็กอดวางหน้าบนไหล่อีกคน

 

“หายงอนยัง?” โยชิถาม

 

“อะไรใครงอน ไม่มี๊” ผมบอก

 

“หึ พอเลยดูหนังดีกว่านะ”

 

“ครับ ดูหนังกัน” ผมจับมือบางมากุมไว้นั่งดูหนังกันไปเรื่อยๆ  ผมว่าผมกับโยชิกำลังไปได้สวย  ตั้งแต่ที่เริ่มกลับมาคบกันใหม่เราไม่ค่อยจะทะเลาะกันรุนแรง  หากวันใดที่เรามีเรื่องไม่สบายใจหรืออารมณ์ไม่อยู่ในเวลาที่จะคุย  เราจะออกมาอยู่เงียบๆกันให้ใจเย็นลงแล้วค่อยคุยกันอีกครั้ง  ผมหันมองเสี้ยวหน้าของคนที่รักมาก  ใบหน้ายิ้มแย้มที่ผมโหยหามาตลอดที่รู้สึกตัวเอง  ผมไม่อยากทำลายรอยยิ้มนี้อีกแล้ว  ผมจะรักษารอยยิ้มสดใสนี้ไว้อย่างดีที่สุด ...เพราะมันสำคัญ

 

 

-โยชิ-

 

ผมนั่งมองคนที่กำลังนอนหลับหนุนตักผมอยู่  เรากำลังนั่งดูหนังด้วยกัน ตอนแรกเขาก็นั่งดูพร้อมกับกุมมือผมไว้ไม่ปล่อย  แต่คงจะง่วงเลยเปลี่ยนเป็นมานอนตักผมแทน  ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรปล่อยให้อีกคนใช้ตักผมเป็นหมอนหนุนนอนดูหนังด้วยกัน  พอหนังจบผมจึงได้หันมาสนใจเขาสุดท้าย...หลับ

 

ครืด ครืด..

เสียงเตือนข้อความจากโทรศัพท์ผมสั่นขึ้น ผมมองหน้าคนที่หลับก่อนที่จะกดดูข้อความอย่างระมัดระวัง

 

‘อย่าลืมทำตามแผนที่วางไว้ละ  อย่าให้หมอนั่นจับได้ละเข้าใจนะ’

 

เนปจูนเป็นคนส่งข้อความมาหาผม  ผมเลื่อนสายตาอ่านข้อความช้าๆ แผน? นั้นสินะ ผมลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำว่าวันนี้ผมต้องทำอะไรบ้าง  ผมวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเตี้ยด้านหน้า  มองผู้ชายที่ยังคงนอนหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่ากำลังอยู่ในห้วงนิทราอย่างลึกยากที่จะตื่น  ผมเลื่อนมือลูบตามคิ้วเข้มเลื่อนลงมาที่ดวงตาที่ปิดสนิท  ย้ายลงมาที่แก้ม จมูกที่โด่งเป็นสันสวยและริมฝีปากเป็นที่สุดท้าย  ผมลูบมันเบาๆเพราะกลัวอีกคนจะตื่นมาเสียก่อน

 

“ผมไม่มีทางเลือก” ผมพึมพำแผ่วเบา   

 

 

 

“ตัวเล็ก!” เสียงเรียกดังขึ้นให้ผมได้ยิน  ตอนนี้ผมกำลังจัดเตรียมอาหารที่เพิ่งมาส่งเพื่อจัดใส่จานจะได้กินกัน  ตอนนี้ก็ปาไปเกือบจะสองทุ่มแล้ว

 

“ครับพี่” ผมขานรับ

 

“อยู่ไหน?”

 

“ในครัวครับ” ผมตอบกลับเมื่ออีกคนถามมา  เขาเดินงัวเงียจากอาการเพิ่งตื่นนอนเขามานั่งตรงบาร์

 

“ทำไมไม่ปลุกพี่ละ” เขาถาม

 

“ผมเห็นพี่หลับสบายไม่อยากปลุกครับ  หิวรึยัง?” ผมถามพรางแกะกล่องอาหารจัดใส่จานไปด้วย

 

“ถ้าปลุกพี่จะได้พาไปกินข้างนอก”

 

“ไม่เห็นต้องไปกินข้างนอกเลย” ผมบอก

 

“แต่พี่อยากพาตัวเล็กไปดินเนอร์ใต้แสงเทียน บรรยากาศโรแมนติกนี่นา”  เขาลุกเดินเข้ามาถึงตัวผมตอนไหนไม่ทราบเพราะผมกำลังจัดอาหารอยู่  เขากอดผมจากด้านหลังเอาหน้าวางบนไหล่ผม

 

“เราดินเนอร์ที่นี่ก็ได้นิครับ ไม่เห็นต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากเลย”

 

“ไม่มีอะไรยุ่งยากสำหรับพี่หรอก  อีกอย่างพี่เต็มใจทำให้ตัวเล็ก” เขาว่าพร้อมกับหอมแก้มผมหนึ่งทีก็กลับมาวางหน้าบนไหล่ผมเหมือนเคย

 

“พี่ครับ..” ผมเรียก

 

“หื้ม?”

 

“ผมหนักนะ  กอดแบบนี้อึดอัดด้วยผมจัดอาหารไม่ถนัดนะครับ” ผมแตะที่แขนเขาเบาๆให้ปล่อย  แต่พี่เขาไม่ปล่อยกลับกระชับแล้วยังซุกไซร้ที่คคอของผมอีก

 

“ตัวเล็ก..”

 

“ครับว่าไง?” ผมขานรับ

 

“พี่ยังไม่หิวข้าวเลยอ่ะ” ผมขมวดคิ้วมุน  นี่มันสองทุ่มแล้วไม่หิวได้ไง  เขาไม่หิวแต่ผมหิวอ่ะ

 

“เอ้..งั้นผมกินก่อนนะ”

 

“ไม่เอา” อะไรของเขาว่ะ

 

“ครับ?”

 

“พี่อยากกินอย่างอื่นมากกว่าข้าวอ่ะ” อะไรคือมากกว่าข้าวว่ะ  ผมกลับหลังหันไปมองอีกคนที่ยอมคลายแขนที่กอดรัดผมมื่อครู่ออกแล้วแต่ก้ยังไม่ได้ถอยห่างจากผม

 

“แล้วพี่จะกินอะไรครับ?”

 

“ก็...” เขาทำหน้านึกครู่หนึ่งแล้วปลายตามามองที่ผม

 

“ก็?” ผมถามอย่างนึกสงสัย

 

“ก็นี้ไง” เขาบอกแล้วชี้มาที่ผมพร้อมกับส่งรอยยิ้มเจ้าเลห์ ผมมองคนตรงหน้าอย่างตื่นตระหนก  คงไม่มั้ง

 

“...” ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไร  คิดหาวิธีว่าจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ยังไง  หากถ้าสิ่งที่เขาพูดบอกว่าจะกินผมเนี้ย  ผมเข้าใจความหมายมันดีครับว่ามันหมายถึงอะไร  ผมไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมันหมายความว่าอะไรนะเว้ย!!

 

“พี่ว่าอิ่มกว่าข้าวเยอะเลย  แถมดูไปน่าจะอร่อยกว่าด้วย”

 

“อะ เอ่อ..” ผมหันซ้ายหันขวาหาทางหนีเมื่ออีกคนเขามาประชิดตัวกว่าเดิมแถมยังเอาแขนมาปิดกั้นตัวผมไม่ให้มีทางหนีทีไล่ด้วยซ้ำ  ผมยังไม่พร้อมนะเว้ย  อย่าทำกับผมแบบนี้

 

“หื้ม..” เขาเลียปากตัวเองใช้สายตามองผมอย่างหื่นกระหาย

 

“พะ พี่..” ผมเรียกอีกคนแผ่วเบาพร้อมผลักให้เขาเขยิบออก แต่เขากลับยิ่งเบียดร่างกายเข้ามาแนบชิด  กอดเอวดึงผมเข้าหาตัวเขา ผมออกแรงดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนแกร่งนี้

 

“ดิ้นทำไมครับคนดี  เหนื่อยนะ” เขากระซิบชิดริมหูผมเสียงแหบพร่า  ใจผมเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้น

 

“พะ พี่ครับผมว่าเรากินข้าวกันเถอะ” ผมเบือนหน้าหลบเมื่อริมฝีปากของอีกคนจะมาสัมผัสกับปากผมทำให้ปากปลี่ยนทิศมาอยู่ที่แก้มผมแทน  เขาคลอเคลี่ยแก้มผมสลับกับซุกซอกคอผม

 

“แต่พี่ยังไม่หิวนิ”

 

“ตะ แต่ว่าผมหิว” ผมบอก

 

“ตัวเล็ก..” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ

 

“นะครับพี่” ผมจำใจต้องหันมาสบตากับคนตรงหน้า  ผมจับใบหน้าอีกคนให้หันมาสบตากับผม

 

“...”

 

“กินข้าวนะครับที่รัก”

 

“...”

 

“นะครับ  พี่อัลโยหิวแล้ว”

 

“ก็ได้..” ผมยิ้มกว้างให้อีกคน

 

“งั้นพี่จะกินข้าวเลยหรือว่าจะอาบน้ำก่อน” ผมถามเมื่อพี่เขายอมล่าถอยออกไปจากตัวผมแล้ว

 

“กินก่อนแล้วกันตัวเล็กหิวแล้วนิ” เขาบอกพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้  ผมจึงนั่งลงข้างๆเขา

 

“ครับ  หิวมากกก” ผมบอกยิ้มๆ พร้อมกับส่งจานข้าวให้เขา

 

“งั้นก็กินเยอะๆนะครับ หึๆ”

 

“ครับ?” ผมเลิ้กคิ้วถาม  ไอเสียงหัวเราะนั้นมันช่างทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที  พี่เขาคงไม่คิดทำอะไรผมหรอกนะ  แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมันก็อาจจะช่วยให้แผนของผมสำเร็จขึ้นก็ได้

 

“เปล่าครับ อะพี่ตักให้”

 

“ขอบคุณครับ งั้นนี่ครับ” ผมตักให้เขาเหมือนกัน

 

“ขอบคุณครับ  แฟนพี่นี่น่ารักจริงๆเลย” ผมยิ้มรับ

 

“...” เขาเปลี่ยนจากที่ผมรู้จักจริงๆครับ  เขาดูแลผมดีทุกอย่าง ถนุถนอมผมไม่เคยคิดจะทำเกินเลยกว่าจูบหรือกอดด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ผู้ชายอย่างเขาเรื่องเซ็กส์ก็สำคัญไม่ต่างกัน

 

“ทำไมไม่กินละตัวเล็กไหนบอกหิว”

 

“อ่าครับ หิว..” ผมส่งยิ้มแห้งๆ  ตักข้าวเข้าปากกิน

 

“เป็นอะไรรึเปล่า?” เขาถาม

 

“ปะ เปล่าครับ พี่กินเยอะๆนะ อาหารที่ผมสั่งมามีแต่ของโปรดพี่เลยนิ” ผมพูดอย่างเอาใจจริงๆอาหารที่สั่งก็มีแต่ที่เขาชอบ  ผมน่าจะเดาถูกนะ  เพราะเขาเคยบอกตอนช่วงที่ผมคบอยู่กับเขาตอนนั้น

 

“คิดเรื่องเมื่อกี้หรอ  พี่ขอโทษนะที่ทำให้ตัวเล็กคิดมาก” เขาวางช้อนแล้วหันมามองผม ผมเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวมาสบตากับเขาแทน

 

“...” ผม

 

“พี่ก็แค่..” เขายังพูดไม่ทันจบแต่ผมกลับแทรกขึ้นก่อน

 

“ถ้าพี่อยากพี่บอกกับผมตรงๆดีกว่าครับ” ผมพูดเสียงเบา ก้มหน้าหลบสายตาคมที่กำลังจ้องมองผมไม่วางตาเมื่อประโยคที่ผมเอ่ยบอกออกไปทำให้อีกคนดูเหมือนจะชะงักไปนิดแต่ก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม  ตอนนี้ผมรู้สึกร้อนๆที่หน้ามากเลยครับ  นี่ผมกำลังยั่วยวนเขาด้วยคำพูดรึเปล่านะ

 

“ขอบคุณนะที่ตัวเล็กยอมให้พี่  แต่พี่ไม่อยากให้เราฝืนเพื่อพี่” เขาลูบหัวผม และเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

“...” ผมมองเขาที่ส่งยิ้มบางมาให้ผม

 

“เราค่อยๆเป็นค่อยๆไปแบบนี้แหละดีแล้ว”

 

“...” ผมเม้มปากแน่น มองเขาที่ยังคงเอ่ยต่อ

 

“เมื่อกี้ที่พี่ทำก็แค่อยากแกล้งเราเท่านั้นไม่ได้จริงจัง”  ทำไมเขาชอบแกล้งผมนักนะ  ไอ้เราก็คิดว่าเขาอยาก...จริงๆ

 

“...กินข้าวต่อเถอะครับเดี๋ยวมันเย็นหมด” ผมพูดตัดบทแล้วหันมาสนใจอาหารต่อ  เราสองคนกินอาหารท่ามกลางความเงียบทั้งผมและเขาไม่ได้เอ่ยพูดคุยอะไรกันออกมาอีกจนกินข้าวกันเสร็จเขาก็บอกว่าจะเก็บจานล้างเองให้ผมไปอาบน้ำอาบท่าดีกว่า   ผมจึงเข้ามาอาบน้ำในห้องนอน  ผมหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำ   ใช้เวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานผมก็ออกมาด้านนอกห้องก็เห็นว่าพี่เขากำลังนั่งดูทีวีอยู่

 

“ไปอาบน้ำได้แล้วครับ” ผมเข้าไปกอดคออีกคนจากข้างหลัง

 

“อาบเสร็จแล้วหรอ” เขาถาม

 

“ครับเสร็จแล้ว” ผมตอบ

 

“งั้นมาหอมทีอยากรู้ว่าพออาบน้ำแล้วตัวพี่จะหอมแบบตัวเล็กรึเปล่า”

 

“แตะอั๊งผมตลอดอ่ะ ฮ่ะๆ” แต่ผมก็ยื่นหน้าไปให้เขาหอมนะครับ

 

“อืม หอมจริงๆด้วย  งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”

 

“ครับ” เขาลุกเข้าห้องนอนไปอาบน้ำ  ผมนั่งลงบนโซฟาห้องนั่งเล่นสายตาก็จ้องไปที่จอสี่เหลี่ยมตรงหน้าที่กำลังฉายรายการวาไรตี้อยู่

 
(ต่อข้างล่าง)

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ครืด ครืด..

เสียงข้อความข้าวของผมสั่นขึ่นอีกครั้ง  ผมละสายตาจากหน้าจอมามองที่โทรศัพท์

 

‘ทำตามแผนรึยังวะไอ้เตี้ย’ เนปจูน

 

“...” นั่นสินะ  ผมควรที่จะเริ่มตามแผนที่วางไว้ได้แล้ว  ถึงเวลาของผมแล้วสิ

 

‘อืม  กำลังทำ’ ผมตอบเนปจูนกลับไป

 

ผมเดินเข้ามายังส่วนของครัวอีกครั้ง  ผมจะเป็นจำพวกต้องดื่มนมก่อนนอนทุกคืน  และต่อให้ดื่มนมความสูงของผมก็ไม่เคยจะไต่ระดับขึ้นเลย  ไหนใครบอกว่าดื่มนมเยอะๆแล้วสูงวะ  นี่ผมยังเตี้ยดัดด่านอยู่เลย เหอะๆ เข้าเรื่องครับ

 

“อย่าลังเล มึงต้องทำได้โยชิ” ผมบอกกับตัวเอง  เกิดจะมาลังเลอะไรกันตอนนี้  ในเมื่อเวลานี้เหมาะที่สุดแล้ว  ผมเปิดตู้เย็นเอานมมาเทใส่แก้วใสสองแก้วที่ผมเตรียมไว้  แก้วหนึ่งเป็นของผมและอีกแก้วหนึ่งเป็นของเขา

 

“แก้วซ้ายของพี่เขา  แก้วขวาของกู” ผมพึมพำจำแก้วไว้ให้ขึ้นใจ  ซ้ายของเขา  ขวาของผม  แต่ว่าทำไมกูไม่กินให้เสร็จๆไปเลยว่ะ  คิดดังนั้นผมจึงกินนมแก้วของผมจนหมดแก้วแล้ววางไว้  ส่วนอีกแก้วผมต้องยกไปให้เขาสินะ ... ผมเดินถือแก้วนมเข้ามาในห้องนอนเห้นพี่เขาแต่งตัวด้วยชุดนอนเสร็จพอดี

 

“มาครับเดี๋ยวผมเช็ดหัวให้” ผมบอกพร้อมกับเรียกให้พี่เขามานั่งตรงปลายเตี้ย  ผมวางแก้วนมไว้บนโต๊ะหัวเตียงก่อนที่จะเข้าไปหาเขาที่นั่งรอให้ผมไปเช็ดผมให้  ผมขยับตัวนั่งชันเข่าไว้พรางเช็ดผมอีกคน

 

“วันนี้แฟนพี่ทำตัวน่ารักจริงๆนะ”

 

“ผมก็น่ารักทุกวันแหละ  ใช่ไหม” ผมถามกลับเช็ดผมอีกคนอย่างตั้งใจ  ในหัวก็กำลงัคิดว่าจะเริ่มมันยังไงเพื่อไม่ให้แผนที่วางไว้เสีย

 

“อืม  น่ารักทุกวันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วย”

 

“แล้วผมน่ารักแถมยังน่าฟัดด้วยนะครับ” ผมกอดคอเขาจากด้านหลัง  ผมที่เช็ดให้เขาก็แห้งแล้ว  ผมกระซิบเสียงอ่อนหวานข้างหูอีกคน พี่เขาดูจะสะดุ้งเล็กน้อย คงไม่คิดว่าผมจะทำสินะ

 

“ตะ ตัวเล็ก...”

 

“ว่าไงครับ” ผมยังคงใช้น้ำเสียงเดิมอยู่  เขาหันมาจ้องมองผมตาปริบๆก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงไม่มั่นใจออกมา

 

“ยะ อยากหรอ?”

 

“...” ผมไม่ตอบแต่ทำเป็นเสมองทางอื่น  จนไปสะดุดกับแก้วนมที่ผมต้องให้เขาดื่ม ผมจึงขยับตัวไปหยิบแก้วนมที่ผมเตรียมมาส่งให้เขา

 

“หืม?”

 

“กินนมก่อนนอนครับ  ผมกินแล้วแก้วนี้ผมเอามาให้พี่” ผมบอก เขายื่นมือมารับแก้วนมจากผมยกขึ้นดื่มจนหมดแก้ว  ผมยิ้มเมื่อเห็นอีกคนื่นแก้วเปล่าส่งกลับมาให้ผม ยาจะเริ่มออกฤทธิ์หลังจากนี้20นาที  ผมต้องรีบทำเวลาแล้วสินะ  ใจผมเต้นตึกๆเหมือนคนตีกลอง ผมเดินเอาแก้วนมกลับมาเก็บไว้ในครัว  พร้อมกับแอบส่งข้อความหาเนปจูน

 

‘ตอนนี้ให้กินนมผสมยานอนหลับไปแล้ว  เอาไงต่อ’

 

ครืด ครืด..

ไม่ถึงสองนาทีก็มีข้อความตอบกลับมา

 

‘มึงยั่วมันเป็นไหม  ยั่วให้มันอยากเอากับมึงอ่ะ ทำๆไปเถอะกูเชื่อมึงทำได้เตี้ย’

 

“ยั่ว? ใครจะไปทำเป็นวะ”

 

“ตัวเล็ก!”

 

“คะ ครับ”  เอาวะ  ลองดูก็ได้ถึงจะไม่เคยก็เถอะ  ผมเดินกลับเข้ามาในห้องนอนก็เห้นอีกคนยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ลุกไปไหน

 

“ทำไมเอาแก้วไปเก็บนานจัง” เขาว่า  ผมว่าผมไปไม่นานนะ รึเปล่า

 

“แหะๆ” ผมยิ้มแห้งส่งให้  เอาไงดีวะ

 

“นอนกันเถอะ พี่ง่วงแล้ว” เขาขยับจะขึ้นไปนอนบนเตียงแต่ผมรั้งเอาไว้

 

“พี่ครับ...”

 

“อืม มีอะไรตัวเล็ก” เป็นไงเป็นกันวะ

 

 ผมกดจูบบนริมฝีปากหนาพร้อมเบียดร่างกายให้แนบชิดกับเขา ตอนแรกเหมือนเขาจะชะงักไปแต่ก็ยอมที่จะเปิดปากรับลิ้นร้อนของผมให้เกี่ยวตวัดกับลิ้นของเขา เราแลกลิ้นและดูดดึงสลับกันไปมา  ผมผละออกมาจ้องมองใบหน้าผู้ชายตรงหน้า  ตาหวานเชื่อมกำลังมองผม  ใจผมเต้นระรัวแทบทะลุออกมา

 

“ยั่วพี่หรอตัวเล็ก” เสียงกระซิบชิดริมฝีปากผม

 

ผมถูกดันให้ลงไปนอนบนเตียงพร้อมกับร่างสูงโปร่งขึ้นคล่อมแทน  ผมโอบรอบคออีกคนและใช้มือข้างหนึ่งลูบบนแผงอกมองเขาอย่างยั่วยวน

 

“เปล่ายั่วซักหน่อย” ผมบอกด้วยน้ำเสียงอ้อนและเริ่มปลดกระดุมเสื้อของเขาออก  เขามองหน้าผมแล้วมองที่มือผมที่กำลังปลดกระดุมเสื้อเขา

 

“เล่นแบบนี้พี่ไม่รับประกันความปลอดภัยนะตัวเล็ก” ผมปลดกระดุมเสื้อเขาออกหมดก็จับถอดให้อออกจากตัวเขา   แผงอกลอยเด่นอยู่ต่อหน้าผม  ผมเลื่อนมือไปลูบมันเบาจากอก เลื่อนลงมาบริเวณหน้าท้อง ผมเลื่อนสายตามาสบกับเขาไม่ห่างไปไหนส่งสายตายั่วยวนเต็มที่เท่าที่ผมจะทำได้ เขาเลียริมฝีปากตัวเองเมื่อผมลูบตรงส่วนอ่อนไหวกลาลำตัวของเขาที่กำลังจะถูกผมปลุกให้มันลุกขึ้นมา   

 

“พี่ครับ” ผมเรียกเขาเสียงกระเส่า

 

“อ๊ะ อื้ม..” เสียงแหบพร่าครางเมื่อผมกุมความเป็นชายของอีกคนเต็มมือ

 

“ผมอยาก...” และเมื่อจบประโยคนั้นจากปากผม  ร่างสูงก็บดเบียดริมฝีปากเข้าหาผมทันที ผมเปิดปากรับลิ้นอีกคนเข้ามาเกี่ยวตวัดกันไปมา เขาดูดลิ้นผมสลับกับขมเม้มริมฝีปากไปด้วย   เขาผละออกมาจูบแก้มแล้วเลื่อนมาพรมจูบตรงคางแล้วเปลี่ยนมาซุกไซร้ดูดเม้มตามซอกคอผม ผมเบี่ยงหน้าหลบไปอีกด้านเพื่อให้เขาได้ทำมันได้อย่างถนัด  ใจก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ  ผมไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนไม่เคยต้องยั่วใครแบบนี้เลย  มือสากลูบไล้ตามผิวกายผม เสื้อผมถูกเลิกขึ้นมาเหนืออก

 

“อ๊ะ..อื้ม ยะ อย่า” ผมครางออกมาเมื่อเขาใช้ลิ้นเลียบนยอดอกของผม

 

“อื้ม..” เขาครางออกมาอยากพอใจ  ผมแอ่นอกรับกับปลายลิ้นที่ทั้งเลียและดูดจนมันแข็งขึ้นเนตุ่มไต

 

“อ๊ะ พะ พี่อย่ากัด เจ็บ” ผมบอกเขาที่ขบกัดบนยอดอกผมเลียเบาๆ  เขาเลื่อนตัวลงลากลิ้นเลียไปตามตัวผมจนมาถึงหน้าท้องเขาเลียส่วนสะดือของผม ทำให้ผมหดหน้าท้องเกร็ง  เขายืดตัวขึ้นมาจูบกับผมอีกครั้ง พร้อมกับดึงกางเกงนอนที่ใส่อยู่ออกจากขา  ... เมื่อไร เมื่อไรฤทธิ์ยานอนหลับนั้นจะออกฤทธิ์ซักที  ไม่งั้นผมได้เสียตัวจริงๆแน่  ยิ่งถูกปลุกอารมณ์ด้วยแล้ว..

 

“ตะ ตัวเล็ก” เสียงครางกระเส่าเรียกให้ผมหันไปรับจูบดูดดื่มจากเขา  เขาผละออกแล้วลุกไปถอดกางเกงนอนของตัวเอง  ทั้งผมและเขาตอนนี้เราอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าทั้งคู่  เสื้อที่เคยอยู่ที่คอผมตอนนี้ถูกถอดทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว ผมผลักให้เขานอนลงบนเตียงแล้วผมขึ้นคล่อมเขาแทน

 

“เดี๋ยวผมทำให้พี่เองนะครับ” ผมซุกลงตรงซอกคอเขา ดูดเม้มให้มีรอยจาง พยายามทำให้นาน รอเวลาให้ยาออกฤทธิ์สักที  ผมจูบซับตามแผงอกกว้างสลับกับใช้ลิ้นเลีย  ผมครอบครองเม็ดทับทิบได้ยินเสียงครางพอใจจากอีกฝ่าย  ทำให้ผมก็เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆไม่ต่างกัน

 

“อื้ม อ๊า..”

 

“อื้อออ” เขาดึงตัวผมขึ้นไปบดจูบกับเขาอีกครั้งพร้อมกับพลิกให้ผมไปอยู่ใต้ร่างเขาเช่นเดิม เขาผละจูบออกอย่างอ้อยอิ่งกระซิมเบาๆใกล้ริมฝีปากที่ขยับเพียงนิดเดียวก็แนบชิดกันได้เสมอ

 

“พี่รักตัวเล็กนะ  เป็นของพี่คนเดียวนะครับ”  อึก..เหมือนมีก้อนสะอึกขึ้นมาอยู่ที่คอผมเมื่อประดยคนั้นถูกเอ่ยออกมา..

 

“อึก อื้ม..” ว่าจบเขาก็กลับมาจูบผมอีกครั้ง   เขาซุกหน้าลงบนคอผมอีกครั้งแต่ครั้งนี้ เขาค่อยๆเงยหน้ามามองผมแล้วสะบัดหัว

 

“ตะ ตัวเล็ก” เขาเรียกผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

“...” ผมไม่ได้ขานรับแค่มองจ้องใบหน้าเขา มือผมยกขึ้นลูบเรีบวหน้าเขาเบาๆก่อนที่เขาจะ

 

ตุ๊บ ! ล้มลงใส่ตัวผม  แรงทั้งหมดถูกทับลงมาบนตัวผมเต็มๆ

 

“พี่ครับ..” ผมเขย่าตัวคนที่นอนทับผมอยู่

 

“...” เงียบไร้เสียงตอบรับ

 

“พี่อัลได้ยินผมไหม” ผมเรียกอีกครั้งด้วยความมั่นใจ  เมื่ออีกฝ่ายไม่มีการตอบสนองผมจึงดันร่างเขาออกจากตัวผม  ผมมองคนที่สลบไปเพราะยานอนหลับที่ผมใส่ไปในนมแก้วนั้นให้เขาดื่ม

 

“...” ผมลูบหน้าเขาอีกครั้ง  ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะครับ  แต่ผมไม่มีทางเลือกพี่เข้าใจผมนะครับ...

 

“ผมขอโทษ..” ผมเอ่ยขอโทษร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง  เขาไม่มีทางได้ยินมันหรอก

 

กริ๊ง กริ๊ง

 

เสียงกริ๊งหน้าห้องดังขึ้น  ผมผละลุกมาใส่เสื้อผ้าอย่างลวกๆก่อนที่จะออกไปเปิดประตูเพราะรู้ว่าเป็นใคร ผมหลบทางให้เนปจูนได้เข้ามาในห้อง

 

“มันหลับแล้วใช่ไหม” เนปจูนถาม

 

“อืม..” ผมตอบเสียงนิ่ง  มันเดินเข้าไปยังห้องนอนของเจ้าของห้องที่นอนหลับอยู่

 

“เก่งนิ  ทำให้มันเป็นได้ขนาดนี้” เนปจูนพูดขำๆ  มันยกเอาอุปกรณ์ที่เตรียมมาด้วยเช็คนิดหน่อย

 

“...” ผมมองมันที่กำลังกดชัตเตอร์กล้องรัวภาพคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องบนเตียง

 

“ไอ้เตี้ย  มาช่วยจัดท่ามันหน่อยดิวะ”

 

“...” ผมยังคงยืนนิ่งอยู่ไม่ได้เดินไปหามัน

 

“เตี้ย!!”

 

“อะ เออๆๆ” ผมจึงเดินขึ้นบนเตียงจับหันตามที่เนปจูนต้องการ

 

“นี่รอยที่มึงทำใช่ไหมวะ  เซ็กส์จัดเหมือนกันนะเรา หึๆ”

 

“หุบปาก!” ผมบอกให้มันเงียบ  ถ่ายมาได้หลายภาพจนมันพอใจ  มันถึงหันมามองหน้าผมที่ยืนข้างๆมัน

 

“รู้สึกผิดหรอวะเตี้ย” นั้นสิ  คงจะเป็นแบบนั้น  ผมไม่อยากทำแบบนี้เลย  แต่ในเมื่อแผนการเอาคืนนี้มันเริ่มขึ้นตั้งแต่แรกแล้ว

 

“นิดหน่อย” ผมตอบ

 

“หยุดกลางคันไม่ได้แล้วนะเว้ย  อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด  กูอยู่ข้างมึงเสมอนะจำไว้” เนปจูนตบบ่าผมเบาๆเหมือนให้กำลังใจ

 

“แล้วจากนี้...เราจะเอายังไงต่อเมื่อเขาตื่นขึ้นมา” ผมถามมัน  คิดไม่ออกจริงๆว่าจะแก้ต่างยังไง

 

“มึงก็บอกว่ามันหลับก่อนหรืออะไรยังไงก็ช่าง ... พรุ่งนี้ครบรอบหนึ่งเดือนที่คบกันของมึงกับมันไม่ใช่รึไง”

 

“อืม” ใช่ครับ พรุ่งนี้จะครบหนึ่งเดือนที่เราคบกัน หนึ่งเดือนที่มีแต่ความทรงจำดีๆตลอดที่เราคบกันมา

 

“ไม่ว่าจะยังไง  ไม่ว่าจะเกิดอะไร ไม่ว่าจะมีอุปสรรคแค่ไหน  ถ้ามันรักมึงจริงมันก็ไม่ยอมปล่อยมึงไปหรอก”

 

“...”

 

“ที่ทำแบบนี้มันได้ข้อพิสูจน์ด้วยไงว่ามันรักมึงจริงหรือเปล่า”

 

“กูไม่รู้..” ผมตอบเสียงแผ่ว  ผมกลัวถ้าเขารักผมจริงๆเหมือนที่บอกจริงๆ  แล้วผมเองก็เป็นคนทำลายมันเขายังจะรักผมอยู่อีกหรือเปล่า  ที่ผมทำอาจจะไม่ต่างจากที่เขาทำกับผมเลยก็ได้...

 

“งั้นกูกลับก่อนแล้วกัน  พรุ่งนี้เจอกัน”

 

“อืม ไม่ไปส่งนะ” ผมบอกมัน  มันพยักหน้ารับแล้วเดินออกไปจากห้อง ผมเดินเขามานั่งอยู่ใกล้ร่างที่นอนหลับไม่ตื่นขึ้นมารับรู้เรื่องที่ผมกำลังทำอยู่  ผมลูบแก้มเขาแผ่วเบา  ผมก้มลงไปจูบปากหนาเบาๆผละออก  ผมล้มตัวลงนอนข้างๆเขาดึงผ้าห่มมาคลุมทั้งตัวผมและตัวเขา ผมกอดร่างเขาไว้ซบหน้ากับแผงอกกว้างฟังเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ

 

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ขอให้พี่รักผมเหมือนกับตอนนี้ได้ไหม” ผมพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบที่มีผมตื่นอยู่คนเดียว

 

“...”

 

“ผมขอโทษ..ฮึก” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยขึ้นเบาๆ น้ำตาที่ผมคิดว่าจะกลั่นมันไว้ได้ถูกปล่อยออกมาอัตโนมัติ

 

“...”

 

“ฮืออ ..ฮึก” ผมร้องไห้และกอดอีกคนแน่น  ที่ผมทำเพราะผมหยุดมันไม่ได้  ผมขอโทษครับพี่

 

“...”

 

 

“ผม...รักพี่นะครับ”


 

ออฟไลน์ Cencer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนที่22เลิกกันเถอะ

-อัลฟา-

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะแสงแดดส่องผ่านหน้าต่างที่ไม่ได้ปิดม่าน  ผมหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมขึ้นใหม่ ผมเปลี่ยนหันตะแคงข้างหวังจะไปกอดร่างบางของคนรักที่น่าจะนอนอยู่ข้างๆ แต่สิ่งที่ผมพบกลับว่างเปล่า

“เฮ้ออ..” ผมลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงแล้วคิดว่าเมื่อคืนผมกับโยชิกำลัง  เออ  กำลัง..นั่นละ แล้วอะไรต่อวะ  คิดไม่ออก  จากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย  แล้วสรุปผมกับโยชิเราเสร็จกันป่ะวะ แต่เรื่องนี้ช่างมันก็เถอะ  แล้วแฟนผมหายไปไหนวะ  ผมลุกออกจากเตียงก็เพิ่งสังเกตว่าบนตัวผมมีชุดที่เมื่อคืนถอดออกไปใส่อยู่บนตัวเหมือนเดิม  ผมเดินไปยังห้องน้ำที่คาดว่าน่าจะมีคนอยู่แต่ก็ไม่  ผมจึงเดินออกมาส่วนด้านนอกก็ว่างเปล่า  ผมเดินเข้าห้องนอนอีกครั้งหยิบโทรศัพท์โทรหาแต่ก็ไม่รับ

“หรือว่าจะกลับห้องแล้ว**?**” คงจะเป็นงั้น  ผมจึงเข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะได้ไปหาคนที่อยู่ห้องตรงข้าม

กริ๊ง กริ๊ง

ผมกดออดหน้าห้องสองสามรอบกว่าจะมีคนมาเปิด  ก็เหมือนเดิมทุกครั้งคนเปิดมักเป็นไอ้เด็กเนปจูนนี่ตลอด

“มีไร**?**” มันถามเสียงห้วน

“มาหาแฟน” ผมตอบ

“ไม่อยู่” มันตอบ ผมขมวดคิ้ว

“ไปไหน**?**”ผมถาม

“ไม่รู้สิ บังเอิญตัวไม่ได้ติดกัน” มันตอบกลับกวนๆ พูดกับมันไม่เคยจะได้คำตอบดีๆหรอกครับ

“กูสาระอย่ามากวน”

“เอ้านี่กูก็สาระกูไม่รู้ไง  ถามมากว่ะ”

“เออไม่รู้ก็ไม่รู้” ผมว่าก่อนที่จะเดินกลับห้องตัวเอง

“แต่เอ๋..เห็นว่าคืนนี้ไอ้เตี้ยมันบอกให้ไปเจอที่ไหนว่ะ” มันพูดขึ้นลอยๆเหมือนพูดคนเดียว  แต่ผมเข้าใจว่ามันอยากให้ผมได้ยิน ผมจับลูกบิดประตูไว้แต่ยังไม่เปิดเข้าไป

“...”

“อ๋อจำได้แล้ว ผับ... สี่ทุ่ม” มันพูดจบก็เดินกลับเข้าห้องไปทำเหมือนกับว่าสิ่งที่มันพูดขึ้นลอยๆเหมือนผมไม่ได้ยิน  แต่ผมมั่นใจว่ามันตั้งใจ

-โยชิ-

“มึงจะกลับไปอยู่บ้านจริงๆหรอวะเตี้ย”

“อืม”

ผมกลับมาห้องตัวเองในช่วงเช้าตรู่ของวัน  ผมมาเก็บของใช้ส่วนตัวของตัวเองใส่กระเป๋าเพื่อที่จะนำกลับเอาไปเก็บที่บ้านทั้งหมด  ผมจะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านคืนครับ  ส่วนห้องนี้ก็ยกให้เป็นของไอ้สูงคนเดียวไปเลย

“งั้นกูก็ต้องอยู่คนเดียวอ่ะดิ”

“อย่ามางอแงน๊าสูง  ทำอย่างกะไม่เคยอยู่คนเดียว” ผมว่ามัน   เพราะมันทำหน้าบึ้งใส่ผม

“ถามจริงเหอะเตี้ย”

“อะไร**?**” ผมมองมันที่นั่งขัดสมาธิข้างๆผมที่กำลังนั่งเก็บของใส่กล่องอยู่

“มึงจะหนีมันไปถึงไหนว่ะ**?**”

“กูไม่ได้หนี  กูแค่จะกลับไปอยู่บ้านตัวเอง”

“หรอ  เชื่อได้หรอคำแก้ตัวนี้ไม่ผ่านวะ หึๆ” แล้วมันก็นั่งขำ

“เออแล้วแต่จะคิดเหอะ” ผมตอบปิดกล่องแล้วยกไปรวมกับพวกกล่องอื่นที่รวมกันอยู่

“อืม ว่าแต่ขนไปหมดเลยหรอวะ  ทิ้งไว้นี้บ้างก็ได้” มันว่าแล้วขุ้ยๆเขี่ยๆดู

“เออ  ขี้เกียจกลับมาอีก...”

“ขี้เกียจมาหรือไม่อยากมาเพราะคนห้องนั้นกันแน่”

“หุบปากไปเถอะ”

“หึ  แล้วจะให้ไปส่งป่ะ**?**” มันถาม  ผมส่ายหน้า

“ไม่ต้อง เดี๋ยวเฮียมารับ  มึงแค่ช่วยยกของไปข้างล่างแล้วกัน”

Rrrrrrrrrr

“เฮียโทรมาพอดี แปบนะ” ผมบอกแล้วรับสาย

“ไอ้เฮียมันตื่นเช้าเป็นด้วยหรอวะ”  ผมไม่ได้สนใจอะไรไอ้ตัวข้างๆที่บ่นคนเดียว

“ครับเฮีย”

(เสร็จยัง  เฮียถึงแล้วนะ)

“ครับ  เสร็จแล้ว เดี๋ยวผมจะลงไปเดี๋ยวนี้” ผมบอกแล้วก็ตัดสาย หันไปมองไอ้สูงที่เลิกคิ้วมองหน้าผม

“มาถึงแล้วใช่ม่ะ” มันถาม

“อืม ยกไปให้หมดนะมึง” ผมบอกมันพร้อมกับชี้ที่กล่องทั้งหมดสามกล่อง  มีกล่องใหญ่หนึ่งกล่องกล่องเล็กสองกล่อง  ผมลากกระเป๋าเดินนำไปเปิดประตูรอให้มันเดินออกมา  พอมันเดินออกมาผมก็ปิดประตูเดินนำไปที่ลิฟท์

“ใช้กูยกของหนักนะเตี้ย  ช่วยซักนิดก็ยังดี” มันเริ่มบ่นครับ

“เอาน่าแค่ถือๆเดี๋ยวพอถึงรถเฮียมึงก็สบายแล้ว” ผมบอกกับมัน  มันทำหน้าบึ้งใส่

“มันต่างจากตอนนี้ตรงไหนว่ะ”

“ก็ตอนที่มึงวางกล่องในรถเฮียแล้วไง” ผมบอกกลั้วหัวเราะ

“เหอะ ! แทนที่จะให้ไอ้เฮียมาช่วยยกด้วย” มันเริ่มพาลไปถึงเอีย

“เอาน่าๆๆ  พอลิฟท์ลงไปถึงชั้นหนึ่งแล้วมึงก็สบาย”

“เออๆๆ” พอมาถึงชั้นหนึ่งก็เดินออกจากลิฟท์เพื่อไปหาเฮียที่จอดรถรออยู่หน้าคอนโด  ผมยกมือไหว้สวัสดีเฮีย  เฮียพยักหน้ารับก่อนจะเข้าไปช่วยไอ้สูงที่มันทักเฮียด้วยวาจาที่โคตรจะนับถือเฮียมันเลย

“แค่นี้ทำเป็นบ่นไอ้เนป  ยกของนิดเดียวทำเป็นจะตาย” เฮียวางกล่องสุดท้ายที่รับจากไอ้สูงไปเก็บแล้วหันมามองน้องชายตัวเองที่ทำหน้าเหมือนจะตาย

“อย่าไปสนมันเลยครับเฮีย  เราไปกันเถอะ” ผมบอกพร้อมกับผลักให้เฮียขึ้นรถไม่ต้องไปสนใจไอ้สูงมัน

“ใช้งานกูเสร็จก็ทิ้งกูเลยนะ” มันพูดไล่หลัง

“เออ มึงหมดประโยชน์ละ ไปนะ” ผมโบกมือลามันขึ้นรถทันที

“เอออย่าลืมคืนนี้นะเว้ยไอ้เตี้ย” คืนนี้ที่ผับ... สี่ทุ่มตรง

รถของเฮียเคลื่อนตัวออกมาจากคอนโด ผมมองคอนโดที่เคยพักอาศัยอยู่ถึงจะไม่นานแต่มันก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน  ผมมองเลยไปยังชั้นที่ผมอยู่  คนที่พักอยู่ห้องตรงขามกับผมไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมารึยัง

“เป็นอะไรหรือเปล่า” เฮียทักขึ้น  ผมละสายตาจากตึกสูงมามองหน้าเฮีย

“เปล่าครับไม่ได้เป็นอะไร” ผมยิ้มบาง

“หรือคิดเรื่องของหมอนั้น**?**”

“...” ผมไม่ได้ตอบ

“ไม่ตอบแสดงว่าจริงด้วยสินะ” เฮียยังคงว่าต่อ

“เฮีย..” ผมเรียกเฮียเสียงเบา

“หืม**?**”

“เปล่าครับ” ผมส่ายหน้าแล้วมองออกนอกรถ  สายตาโฟกัสวิวข้างถนนมากกว่า  ... จนมาถึงบ้าน เฮียบีบแตรรถเรียกให้คนในบ้านให้มาเปิดประตูบ้านให้  ผมโทรบอกคุณป้าแม่บ้านไว้แล้วว่าจะกลับมาอยู่บ้าน

“สวัสดีครับป้า” ผมยกมือสวัสดีท่านพร้อมกับเดินเข้าไปกอดท่านไว้  ท่านตบหลังผมสองสามทีก็ปล่อยกอดออก

“สวัสดีคะคุณหนู สวัสดีคะคุณอาทิตย์”

“สวัสดีครับป้าแหวน” ท่านยิ้มอบอุ่นมาให้ผมกับเฮียก่อนที่จะบอกให้เข้าไปข้างในบ้านดีกว่า  ส่วนของผมที่ขนกลับก็ให้เด็กในบ้านยกขึ้นไปเก็บไว้ให้

“ทานข้าวกันมารึยังคะคุณหนู”  ผมส่ายหน้า

“ยังครับ หิวมากเลยครับป้า  มีอะไรให้ผมกินป่าว” ผมบอกท่านอย่างอ้อนๆ ท่านยิ้มขำก่อนที่จะขอตัวไปเข้าครัวทำอาหารให้ผมกับเฮียทาน

“กลับมาอยู่บ้านไม่กลัวเหงารึไงเรา”

“ไม่อ่ะ บ้านไอ้พาสก็อยู่ข้างๆนี่เอง  ผมไม่เหงาหรอก  ดีซะอีกได้กลับมาอยู่บ้านสบายกว่าอยู่คอนโดเยอะ” ก็จริงครับเพราะอยู่คนโดต้องทำนู้นนั่นนี่เองทุกอย่าง  มาอยู่บ้านสบายกว่าจริงๆ  ตื่นมาก็มีคุณป้าแม่บ้านทำอาหารให้กิน  หรือบางทีผมวิ่งไปฝากท้องบ้านไอ้พาสก็ได้ ฮ่าๆๆ

“งั้นก็ดีแล้วละ”เฮียยีหัวผมเล่น  ผมยู่ปากใส่ชอบนักนิยีหัวผมเล่นเนี้ย  ผมยุ่งหมด

“ว่าแต่เฮียน่าจะมาพักกับโยนะ  บ้านตั้งกว้างอยู่คนเดียวมันก็แปลกๆ”

“ก็ไหนว่าไม่เหงา”

“ก็พูดไปงั้นแหละ”

“หึๆ อะ..”

“อะไรอ่ะเฮีย” ผมมองซองสีน้ำตาลในมือเฮียที่ยื่นมาให้ผม

“..นี่มัน” ผมมองรูปจำนวนมาก  เป็นรูปถ่ายโดยฝีมือไอ้สูงเมื่อคืน  ผมเงยหน้ามองเฮีย

“อืม  รูปที่ต้องใช้คืนนี้  ไอ้เนปมันส่งไปให้เฮียเมื่อคืน”

“...” ผมมองดูรูปภาพพวกนี้อีกครั้ง

“เป็นอะไร**?กลัวหรือว่าไม่อยากทำแล้ว?**” เฮียเลิกคิ้วถาม

“ผม..”

“มันอยู่ที่เราตัดสินใจนะโยชิ  เฮียยังไงก็ได้จะให้ทำอะไรเฮียไม่ขัดหรอกนะ  แต่สิ่งที่เราทำไปเราต้องคิดถึงผลที่จะตามมาด้วย  โยรับมันไหวรึเปล่า”

“เฮียคือ..”

“เอาเถอะถ้ายังยืนยันที่จะทำตามแผนที่ไอ้เนปมันว่าก็ทำไป  ทำให้มันจบๆแล้วก็กลับมาเป็นเด็กน้อยที่น่ารักของเฮียเหมือนเดิม”

“อือ” ผมพยักหน้า

“ไม่น่าปล่อยไว้กับไอ้เนปเลย  ถูกมันฝังความชั่วเข้าสมองจนได้ เฮ้ออ” เฮียถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมมองเฮียที่เอามือกุมขมับตัวเอง

“ฮ่ะๆ มันก็ไม่ถึงขนาดนั่งกุมขมับมั้งเฮีย”  ผมบอก

“จากเด็กน้อยน่ารักโดนไอ้เนปล้างสมอง เฮียว่าก็หนักแล้วนะ”

“ครับๆไม่เถียงเฮียแล้ว ชิ”

“หึๆ” เฮียมันขำ ชิ ใช่สิก็ใครจะไปเถียงเฮียอาทิตย์อุทัยได้ เหอๆ

นั่งเล่นหยอกกันซักพักคุณป้าท่านก็เรียกให้ไปทานอาหารที่ท่านเพิ่งทำเสร็จสดๆร้อนๆกัน  ผมกับเฮียกินข้าวไปคนละสองจานเชียว  ข้าวที่บ้านอร่อยกว่าร้านอาหารหรูๆอีก  พอกินอิ่มเราก็มาเดินเล่นในสวนหน้าบ้าน

“ไม่ลองซื้อหมามาเลี้ยงดูละ”

“ครับ**?**”

“มีหมาไว้เป็นเพื่อนก็ดีนะ บ้านตั้งกว้าง สนามหน้าบ้านก็ใหญ่” เฮียชี้ไปยังสนามหน้าบ้านที่เป็นพื้นที่โล่ง  ก็ดีเหมือนกัน บ้านผมไม่ได้มีสัตว์เลี้ยงเลย

“แต่ผมจะมีเวลาดูแลมันหรอเฮีย”

“เราไม่จำเป็นต้องดูแลมันตลอดก็ได้  มันก็เหมือนคนนั้นละ  บางเวลาก็ต้องการเวลาส่วนตัวแต่ก็อย่าลืมที่จะใส่ใจมัน  เพราะมันก็มีหัวใจไม่ต่างจากคน”

“มีสาระวะเฮีย ฮ่าๆๆ  เดี๋ยวว่างพาโยไปซื้อนะ”

“อืมได้สิ  แต่ตอนนี้เฮียต้องกลับแล้ววะ ไงก็เจอกันที่ผับคืนนี้” เฮียมันเดินเข้ามากอดผมแล้วลูบหลังลูบหัวผม  ผม งง กับการกระทำของเฮียมันไม่รู้มาอารมณ์ไหน

“...”

“จบเรื่องนี้แล้ว  ยิ้มนะโยชิ  ยิ้มเหมือนที่เคยยิ้ม  อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนี้อีก  เฮียไม่อยากให้เราเป็นแบบนี้  คืนนี้มันจะต้องจบ...ทุกอย่าง” เฮียกระชับกอดผมแน่น  ผมทำหน้าแบบนั้นงั้นหรอก  เฮียสังเกตมันมาตลอดเลยหรอ  ผมว่าผมเก็บอาการเก่งนะ  หรือผมพลาดไป

“ฮึก..เฮีย” ผมกอดตอบเฮียเหมือนต้องการที่พักพิงตอนนี้  มันจะจบ  มันต้องจบ  ยังไงเรื่องผมกับเขา...ต้องจบ

สี่ทุ่ม ผับ....

-เดฟ-

“ทำไมกูต้องมากับมึงด้วยวะเนี้ย  กูจะไปหาเมีย” ผมมองเพื่อนสนิทตัวเองที่วันนี้ดูจะกระวนกระวายเป็นพิเศษ

“เมียกับเพื่อนมึงเห็นใครสำคัญกว่ากัน”

“เมีย**!**” ผมตอบได้แทบทันที มันหันมาหาผมขวับ “เอาน๊าๆๆ แล้วนี่มึงมาทำไมผับเนี้ย” ผมถามมันอีกรอบ

“มาหาโยชิ”

“โยชิ**?” ไหนว่าอยู่ห้องตรงข้ามกันไง  แล้วทำไมมันต้องมาหาโยชิที่ผับ?**

“อืม” มันครางรับพร้อมกับสอดส่ายสายตามองหา “ ก็สี่ทุ่มแล้วนิวะทำไมไม่เห็น” มันพึมพำคนเดียว ผมเองก็ช่วยๆสอดส่องมันอีกแรง

“แล้วไมมึงไม่โทรหาวะ  หาแบบนี้จะเจอหรอ**?**” เออมีโทรศัพท์ไว้ทำไมไม่โทรวะ  ไอ้อัลมันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

“ปิดเครื่อง”

“ทะเลาะกันหรอวะ**?**” ผมถามกลับ มันส่ายหน้าก็ถ้าไม่ทะเลาะกันแล้วทำไมน้องมันถึงปิดเครื่องหนีวะ  แล้วไหนจะมาโผล่อยู่นี่อีก

“เออเดี๋ยวก็คงมา..ม้างงงง”  ผมบอกมันแต่สายตาดันไปสะดุดเข้ากับผู้ชายสองคนที่เดินโอบกันขึ้นไปยังชั้นวีไอพี

“เป็นอะไร**?” ไอ้อัลมันหันมาถามผมแล้วมันก็มองตามสายตาผมที่มองขึ้นไป “ตัวเล็ก!**” ไอ้อัลแทบวิ่งตามไปแต่ผมดึงรั้งมันเอาไว้ก่อน

“จะไปไหนมึง” ผมถาม มันสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของผม  ผมกำแน่น  ถ้าปล่อยมันไปตอนนี้มีหวังผับถล่ม

“จะไปหาเมียกู**!**” มันว่าเสียงแข็งสายตามันก็จับจ้องสองคนที่เดินขึ้นบันได

“ใจเย็นดิวะ นั่งลงไอ้อัล” ผมบอกมันให้ใจเย็นๆก่อน

“มึงจะให้กูเย็นได้ไงวะ  ถ้าเป็นเมียมึงมึงจะพูดแบบนี้ป่ะ” ก็ไม่  ถ้าเป็นเมียกูนะ  กูวิ่งใส่ตั้งแต่แรกแล้วก้เหมือนมึงเลยแหละ แต่ตอนนี้ต้องดูสถานการณ์ก่อน

“รอดูซักพักก่อนเหอะวะ  อย่าพึ่งพลีพลามเข้าไปเลยวะ” มันฮึดอัดในลำคอแต่ก็ยอมนั่งลงตามเดิม ผมถอนหายใจมองเพื่อนตัวเองที่กำลังอยู่ในอารมณ์มาคุเต็มที่  มันเป็นคนอารมณ์ร้อนข้อนี้ผมรู้ดีผมเองก็ไม่ต่างจากมันเท่าไร

“เออ**!!**”


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด