-อัลฟา-
ผมกำลังสงบจิตสงบใจไม่ให้ลุกวิ่งขึ้นไปกระชากร่างบางของอีกคนมาถามว่านี่มันเรื่องอะไรกันแล้วไอ้ผู้ชายที่เดินโอบเอวกันนั่นมันเป็นใคร แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง**?** ผมกดโทรศัพท์โทออกไปหาโยชิอีกรอบ ติดครับ ไม่ได้ขึ้นเลขหมายเหมือนเดิมแล้ว ผมรอสายจนตัดไปแล้วรอบหนึ่ง ผมก็กดโทรอีกรอบ ผมจะโทรอยู่แบบนี้จนกว่าอีกฝ่ายจะยอมรับ ...
“ฮัลโหล” โยชิรับแล้วครับ
(ครับพี่)
“ทำไมพี่โทรหาเราไม่ติดเลยละ” ผมบังคับเสียงให้เป็นปกติไม่อยากให้อีกคนจับได้ว่าตอนนี้ผมอยู่ในอามณ์ที่แทบจะตะคอกใส่ตั้งแต่ที่รับสาย
(พอดีแบตมันหมดครับ พี่มีอะไรรึเปล่า) โยชิทำไมถึงตอบได้ปกติแบบนี้ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรอ
“พี่จะโทรหาแฟนตัวเองต้องมีอะไรด้วยหรอ” ผมถามเสียงแข็งขึ้น ไอ้เดฟที่นั่งข้างๆมันบีบไหล่ผมให้ใจเย็นๆ ผมจึงพ่นลมหายใจเข้าออกอย่างใจเย็น บอกตัวเองว่าอย่าใจร้อนๆ
(ปะ เปล่าครับ)
“อืม งั้นทำอะไรอยู่ครับ” ผมกลับมาใช้เสียงปกติอีกครั้ง
(ตอนนี้หรอครับ ก็กำลังจะเข้านอนแล้วครับ)
“หรอ..” ผมหลับตากำโทรศัพท์แน่น ทำไมโยชิต้องโกหกผมด้วย ทำไมกัน
(ครับ ผมง่วงแล้ว ถ้าพี่ไม่มีอะไรงั้นแค่นี้นะครับ) โยชิบอกพร้อมกับทำเสียงหาวหวอดๆให้ผมรับรู้
“อืม งั้นพี่ไม่กวนเราแล้ว ฝันดีนะครับตัวเล็ก”
(ครับ ฝันดีเช่นกันนะครับ)
“...” ผมยังไม่ได้วางสาย อีกฝ่ายเองก็เช่นกัน
(.........................)
“พี่รักตัวเล็กนะ” ผมบอกก่อนที่จะตัดสายทิ้งไป จุกครับ ทำไมถึงโกหก**?** ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้ ผมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมด แก้วแล้วแก้วเล่า
“เฮ้ยพอๆเลย**!** เดี๋ยวก็ได้ตายกันพอดี” ไอ้เดฟดึงแก้วเหล้าออกจากมือผม
“เชี้ยเดฟกูไม่ไหวแล้ววะ**!**” ผมบอกมันแล้วลุกขึ้นเดินไปยังบันได้เพื่อจะขึ้นไปยังชั้นวีไอพี ชั้นวีไอพีของผับแห่งนี้ถ้าไม่รวยจริงไม่สามารถขึ้นมาได้ มีแต่พวกคุณหนู ไฮโซ พ่อแม่นักการเมือง หรือนักธุรกิจเท่านั้น ผมเดินดุ่มๆขึ้นมาได้ครึ่บงทางก็ถูกการ์ดกักตัวไว้
“ขึ้นไปไม่ได้นะครับ”
“ทำไม**!”** ผมถามเสียงแข็งจ้องหน้ากาดอย่างเอาเรื่อง “ปล่อยกู**!**” ผมดิ้นให้กาดที่จับตัวผมหลุดออกแต่ก็เปล่าประโยชน์ ยิ่งผมดิ้นแรงมันยิ่งเพิ่มแรงจับตรึงผมแน่น
“ยังไงก็ขึ้นไปไม่ได้หากคุณไม่ได้รับอนุญาต”
“ไอ้เหี้ยปล่อยกู**!!**” ผมตะคอกใส่
“เฮ้ยๆ ใจเย็นก่อนไอ้อัล” ไอ้เดฟเข้ามาจับตัวผมไว้ กาดพวกนั้นจึงปล่อยผม ผมจะเดินขึ้นไปแต่ก็ถูกดักทางไว้เหมือนเคย ไอ้เดฟจึงยื่นบัตรส่งให้กาดนั้นดู ก่อนที่พวกมันจะยอมพยักหน้าแล้วปล่อยให้ผมกับไอ้เดฟเดินขึ้นไป ผมรีบรุดขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว ผมมองซ้าย มองขวา หาคนที่ผมต้องการพบมากที่สุด
“เชี้ยอัลทางนั้น”
“ไหน**?**” ไอ้เดฟมันชี้ไปทางด้านซ้ายมือ ระยะทางที่ผมยืนอยู่ตรงนี้มันห่างจากโต๊ะที่โยชินั่งมาก ผมจึงเดินตรงไปด้วยความรีบร้อน ไอ้เดฟมันเข้ามากระชากแขนผมไว้
“อย่าใจร้อน ใจเย็นๆ” มันย้ำคำนี้กับผมตลอดเวลา
“เออรู้แล้ว**!**”
“ตัวเล็ก**!**” ผมเดินเข้าไปกระชากโยชิออกจากผู้ชายคนนั้น โยชิเหมือนจะชะงักเมื่อเห็นผม
“พะ พี่ครับมาได้ไง” โยชิถามเสียงสั่น ผมกำแขนบางแน่นจะลากออกไปจากตรงนี้
“จะพาโยชิไปไหน**!”** เสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับกระชากโยชิเข้าไปหาตัวเอง ผมไม่ยอมให้มันเอาตัวแฟนผมไปหรอก
“ปล่อย**!**” ผมมองจ้องหน้าไอ้เวรนี้อย่างเอาเรื่อง ผมกระชากแขนโยชิหาตัวอีกรอบ
“กูไม่ปล่อย” มันกระชากแขนโยชิกลับไปอีก
“พะ พี่ครับ ผมเจ็บ” เสียงโยชิทำให้ผมกับไอ้เวรนั้นหันไปมอง ผมกับมันปล่อยแขนโยชิออกพร้อมๆกัน โยชิลูบแขนตัวเองทั้งสองข้างมองผมกับมันสลับกัน
“เป็นอะไรรึเปล่า” มันหันไปจับแขนโยชิแล้วเบาๆ โยชิส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร ผมมองสองคนที่ดูจะเป็นห่วงเป็นใยกันเป็นพิเศษ มันทำให้ผมยิ่งหงุดหงิดหนักเข้าไปอีก
“ปล่อยแขนแฟนกู” ผมผลักมันแล้วดึงโยชิเข้าหาตัวเอง “ไปกับพี่!” ผมบอกเสียงเรียบนิ่ง
“ไม่!!” โยชิยื้อตัวเองเอาไว้ทำให้ผมต้องหันไปมองอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไม?”
“ผมจะไม่ไปกับพี่” โยชิบอกพร้อมกับสลัดมือออก
“ทำไม?” ผมยังคงถามคำเดิมซ้ำๆ
“...” โยชิไม่ตอบกลับหันหน้าหนี
“พี่ถามว่าทำไม!!” ผมตะคอกใส่โยชิ ผมจับไหล่โยชิเขย่าแรงๆ
“ปะ ปล่อย ผมจะ เจ็บบ”
“ปล่อยโยชิ!” มันเข้ามาผลักอกผม ผมถอยหลังไปสองสามก้าว
“มึง!”
“เชี้ยอัลหยุด!” ไอ้เดฟมันเข้ามาห้ามผมไว้ ทำให้ผมต้องค้างหมัดที่จะปล่อยไปไว้กลางอากาศ ผมหลับตาระงับอารมณ์ที่มันคงลงไม่ได้แล้ว ผมลืมตาขึ้นมองคนที่รักที่ตอนนี้ไปยืนหลบอยู่ด้านหลังของไอ้เวรนั้น
“กลับไปกับพี่” ผมพยายามจะไม่ตะคอก ผมบังคับให้ตัวเองเป็นปกติ ไม่งั้นถ้าเราไปคุยกันคงต้องใช้กำลังเป็นแน่
“ผะ ผมคงไปกับพี่ไม่ได้”
“ทำไม..” ผมมองโยชิอย่างไม่เข้าใจ
“เราเลิกกันเถอะครับ” ผมตัวชาวาบ หมายความว่าไง เลิก? นี่มันอะไรกัน ผมไม่เข้าใจ
“มะ หมายความว่าไง?” ผมถามเสียงสั่น
“...เราพอกันแค่นี้เถอะครับ”
“ไม่ ! พี่ไม่เลิก!”
“ถ้ามึงไม่เลิกงั้นรูปพวกนี้กูจะเอาโพสลงเว็บประจานมึงซะ**!**” ผมไม่รู้ว่ามันมาตอนไหน จู่ๆมันก็โยนรูปใส่หน้าผม ผมหยิบรูปภาพที่ตกลงบนพื้นขึ้นมาดู เป็นภาพเปลือยบนเตียงในห้องผม แล้วภาพพวกนี้เป็นผมหมดเลย
“นี่มันอะไรกัน?” ผมพึมพำกับตัวเองมองรูปหลายใบในมืออย่างพิจารณา ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือว่า...
“ผมก็แค่ทำอย่างที่พี่เคยทำไว้กับผม แต่ผมไม่กล้าพอที่จะอัดเป็นคลิปแบบที่พี่ทำ ผมทำได้แค่ภาพถ่ายเท่านั้น แต่ถ้าพี่ยังไม่หยุดยุ่งกับผม ภาพพวกนี้จะถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ ถ้าพี่ไม่อยากให้ครอบครัวของพี่ต้องมารับรู้เรื่องน่าอายแบบนี้ อย่ายุ่งกับผมอีก เราจบกันแค่นี้เถอะครับ”
“..ไม่” น้ำเสียงของผมเอ่ยออกมาเบาวิว
“ไปกันเถอะ”
“มึงจะพาแฟนกูไปไหนไอ้เหี้ย!” ผมเดินไปกระชากตัวไอ้เวรนั่นแล้วชกเข้าที่หน้ามันเต็มแรง
“ทำบ้าอะไรของพี่เนี้ย!!” โยชิเดินเข้ามาผลักผมให้ออกห่างจากไอ้เวรนั่น
“ทำไม! เป็นเดือดเป็นร้อนแทนมันรึไงวะ” ผมคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว ผมตะคอกใส่โยชิอย่างหลืออด
“เออ เป็นห่วง!” ผมไม่คิดว่าโยชิจะกล้าพูดคำนี้ออกมาแล้วผมละไม่เป็นห่วงเลยรึไงวะ ผมเป็นแฟนนะ
“เหอะ!” ผมดันกระพุ้งแก้มตัวเองนึกโกรธคนตรงหน้า ผมได้แต่กำหมัดแน่นมองโยชิอย่างโกรธเคือง
“ต่างคนต่างอยู่!”
“ไม่!!” ผมสวนกลับคำพูดของโยชิทันที “ตัวเล็กไม่รักพี่แล้วหรอ?”**
“ผมไม่เคยรักพี่เลย ผมเกลียดพี่ จะให้ผมรักพี่ได้ยังไง จะให้ผมรักคนที่ทำลายชีวิตผมได้ยังไงกัน พี่รู้อะไรไหม ผมทั้งสะอิดสะเอี้ยด ทั้งขยะแขยงที่ต้องกอดต้องจูบกับพี่ ผมทนไม่ไหวแล้ววะ จากนี้เรื่องระหว่างเราถือว่าจบนะครับ”
“แต่พี่รักโย โยจะไม่รักพี่ยังไงก็ได้ แต่ขอร้องอย่าทิ้งพี่ อย่าไปจากพี่”
“มันไม่มีประโยชน์หรอกครับ...ผมฝากนี่คืนแม่พี่ด้วย” โยชิยื่นกล่องกำมะยีป็นกล่องเครื่องเพชรที่แม่ผมคยให้ส่งมาให้ผมแต่ปมไม่รับ โยชิจึงยัดมันใส่ไว้ในมือของผมแทน
“...” ผมพูดไม่ออก บอกไม่ถูก เหมือนมีก้อนอะไรขึ้นมาอุดตัน
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับ...สุขสันต์วันครบรอบหนึ่งเดือน”
-โยชิ-“ตัวเล็กไม่รักพี่แล้วหรอ?” น้ำเสียงและสายตาเจ็บปวดนั่นมองมาที่ผมอย่างตัดพ้อ ผมทำเพียงเบือนหน้าหนีก่อนที่จะพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้มันสั่นเมื่อนต้องพูดประโยคนี้ออกมา
“ผมไม่เคยรักพี่เลย ผมเกลียดพี่ จะให้ผมรักพี่ได้ยังไง จะให้ผมรักคนที่ทำลายชีวิตผมได้ยังไงกัน พี่รู้อะไรไหม ผมทั้งสะอิดสะเอี้ยด ทั้งขยะแขยงที่ต้องกอดต้องจูบกับพี่ ผมทนไม่ไหวแล้ววะ จากนี้เรื่องระหว่างเราถือว่าจบนะครับ”
“แต่พี่รักโย โยจะไม่รักพี่ยังไงก็ได้ แต่ขอร้องอย่าทิ้งพี่ อย่าไปจากพี่” ผมไม่สามารถหันกลับไปมองเขาได้จริงๆ ถ้าผมหันไปผมเองจะต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ และแผนนี้คงไม่สำเร็จ
“มันไม่มีประโยชน์หรอกครับ...ผมฝากนี่คืนแม่พี่ด้วย” ผมยื่นกล่องเครื่องเพชรที่ได้มาให้อีกคน เขาไม่ยอมรับทำให้ผมต้องจับมือเขาแล้วยัดใส่มือเขาซะ
“...” เขาเงียบ..ผมจึงพูดต่อ
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับ...สุขสันต์วันครบรอบหนึ่งเดือนครับ”
จบ..มันจบแล้วจริงๆ อย่าได้มีการคิดแค้นอะไรกันอีกเลย ผมจะอยู่ในส่วนของผม เขาเองก็ต้องอยู่ในส่วนของเขา พอผมพูดประโยคนั้นจบผมก็หันหลังเดินออกมาจากจุดนั้น ปล่อยให้น้ำตาไหลรินรดออกมาอย่างไม่ปิดกั้นมันเอาไว้อีกต่อไป...
ย้อน..
แผนครั้งนี้มันเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนที่จะเดินทางไปประจวบไม่นาน ...
“เฮียมีเรื่องให้ช่วยวะ...”
“มีไรวะ ทำไมทำหน้าซีเรียสกัน” อาทิตย์ถามแล้วมองหน้าน้องชายสองคนที่ทำหน้าเครียดกัน
“เอ่อคือ..” จากนั้นโยชิจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาให้อาทิตย์ได้รับทราบรวมทั้งเรื่องคลิปว่าใครเป็นคนปล่อยออกไป
“แล้วจะให้เฮียทำอะไรให้ว่ามา” อาทิตย์ถามเมื่อได้ฟังเรื่อยงราวที่ผ่านมาทั้งหมด เขาคิดอยากจะเห็นหน้าไอ้เวรนั่นที่กล้ามาทำกับน้องชายของเขาได้ ถ้าเจอเขาไม่เก็บมันไว้แน่ ทำขนาดนั้นแล้วยังจะมายุ่งวุ่นวายกับน้องเขาอีก
“เฮียแค่แกล้งควงไอ้โยแค่นั้น ไม่ต้องพูดเชี้ยไรมากนะเว้ย ส่วนที่เหลือเดี๋ยวผมจัดการเอง”
“ควง?” อาทิตย์ถามเนปจูนอย่างไม่เข้าใจ
“เออน่า ช่วยทำให้เนียนเหมือนเฮียควงเด็กเฮียนั่นละ เดี๋ยวอย่างอื่นผมกับไอ้เตี้ยจัดการกันเอง” เนปจูนยังคงอธิบายต่อ
“เออๆ ทำแค่นี้เองหรอวะ คิดว่าจะให้กูไปอัดมันซักหมัดสองหมัดหน่อย ให้หายแค้นกับที่มันทำกับน้องกู” อาทิตย์นึกแค้นในใจ ถ้าเจอแม่จะจัดการให้นอนอาบเลือดเลย
“อืม ส่วนเรื่องไอ้คนปล่อยคลิปนั้นอ่ะ..เมียมันอนุญาตให้อัดได้ตามสบาย” เนปจูนบอกด้วยท่าทางสบายๆ
“กูว่าอย่าเลยวะ มันรุนแรงไปกูไม่อยากให้ใช้กำลัง” โยชิเอ่ยบอก
“เมียมันยังไม่เห็นสนใจเลย เอาน่าให้มันโดนซะบ้างเถอะไม่เอาถึงตายหรอกไม่ต้องห่วง” เนปจูนบอกอย่างไม่ใส่ใจ
-อาทิตย์-ผมมองร่างบางของน้องชายเดินหันหลังออกไปจากตรงนี้ ผมหวังว่าพรุ่งนี้น้องผมจะสามารถยิ้มได้อย่างเคย ผมไม่อยากเห็นน้องตัวเองต้องทำหน้าเศร้า จะร้องไห้ตลอดเวลาอีกแล้ว ถึงแม้ว่าน้องผมจะเก็บอาการแค่ไหนก็ตาม คนเป็นพี่ยังไงซะก็ต้องรู้สึกถึงความผิดปกติอยู่แล้ว ตั้งแต่วันที่โยชิและเนปจูนมาขอให้ผมช่วย ถึงมันจะไม่ได้ทำอะไรมาก ผมก็เต็มใจช่วยถ้าหากจะทำให้เรื่องนี้มันจบโดยไม่ต้องมีอะไรติดค้างกันระหว่างทั้งสองฝ่าย การแก้แค้นกันไปมามันไม่ได้ส่งผลดีให้กันเลยสัดนิดเดียว ผมหันมามองผู้ชายอีกคนที่แทบล้มทั้งยืน เห็นแล้วก็สงสารนะครับ แต่ผมไม่ได้ใจดีขนาดจะยอมให้คนที่ทำกับน้องผมขนาดนั้น
“เดฟ” น้ำเสียงเรียบนิ่งดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเงียบ ผมมองเลยไปก็เห็นผู้ชายร่างโปร่งตัวก็พอเท่าๆกับเนปจูน เดินไปหยุดอยู่ใกล้ผู้ชายที่ชื่อเดฟหรือผู้ชายที่มากับแฟนโยชินั้นละ
“มะ เมีย” อ่า สองคนนี้เป็นแฟนกันถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเพื่อนสนิทกับโยชิและเนปจูน ถึงผมจะเคยเจอก็เถอะแต่คงเดาได้ไม่ยาก
“มึงเป็นคนปล่อยคลิปไอ้โยใช่ไหม” น้ำเสียงเย็นชาถาม สายตายังคงมองจ้องอย่างเอาคำตอบ
“...” มันทำเพียงพยักหน้ายอมรับ
“หึ กูควรทำยังไงกับมึงดีวะเดฟ”
“เมียกูขอโทษ พาสต้ากูขอโทษ” มันบอกกับเด็กพาสต้าอย่างอ้อนวอน
“จะเอายังไงดีวะเฮีย สั่งลูกน้องเฮียจัดการมันเลยไหม” ไอ้เนปน้องชายผมมันพูดขึ้น ผมส่ายหน้ามองเหตุการณ์ตรงหน้าก่อน
“ไปดูโยชิ” ผมบอกเนปจูน มันพยักหน้าแล้วเดินตามทางที่โยชิเดินไป ผมเดินมาหยุดยืนตรงหน้าผู้ชายที่เหมือนจะไม่มีสติ อยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง “ปล่อยโยชิไปซะ จากนี้ก็ต่างคนต่างอยู่” มันเงยหน้าขึ้นมามองผม สายตามันแข็งกร้าวขึ้น
“กูไม่มีทางปล่อยโยชิไปให้มึงหรอก!”
“เฮ้ออ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง” ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“กูไม่มีวันปล่อยโยชิไปแน่” มันพูดย้ำชัดคำเดิม
“มึงรักโยชิ?” ผมกอดอกถามมัน
“รัก!” มันตอบเสียงหนักแน่น
“หึ รัก? แล้วมึงทำเรื่องเหี้ยนั่นกับโยชิทำไม”
“..กู” มันอึกอัก
“คนรักกันเขาไม่ทำร้ายกันอย่างนี้หรอก สมควรแล้วที่โยชิเลือกที่จะทิ้งมึง” ผมยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ
“...”
“ถ้ามึงรักโยชิจริง ปล่อยให้เขาไปเถอะวะ” ผมพูดอย่างต่อรอง
“กูปล่อยเขาไม่ได้” มันพูดขึ้นลอยๆ “ปล่อยไม่ได้..”
“ส่วนเรื่องภาพพวกนี้มึงไม่ต้องห่วงกูไม่โพสลงเว็บหรอก”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น มึงจะโพสลงหรือไม่ แต่กูจะไม่มีวันปล่อยโยชิไปเด็ดขาด!” มันสบตากับผม สายตาจริงจังกับคำพูดทำให้ผมมั่นใจว่ามันไม่มีทางปล่อยน้องผมแน่ ผมละยอมมันจริงๆ
“...กูจะไม่ห้าม ถ้ามึงรักโยชิจริงๆก็ทำให้เขากลับมาหามึงเองแล้วกัน”
ผมไม่มีสิทธิไปห้ามความคิดของคนอื่นได้ ผมบอกได้เท่านี้ ส่วนหลังจากนี้ก็คงจะเป็นเรื่องของคนสองคนที่จะตัดสินใจกันเอง
-พาสต้า-“เมียกูขอโทษ พาสต้ากูขอโทษ” ผมมองไอ้เดฟที่กำลังส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ผม
“เดฟกูว่ามึงกับกูเลิกกันดีกว่าวะ” ผมบอกเสียงเรียบ มองมันด้วยสายตาเย็นชา ผมรู้เรื่องนี้ด้วยตัวเองตอนที่มันกำลังนั่งคุยอยู่กับโยชิ หลังจากที่ผมกลับมาจากเข้าห้องน้ำ
“จริงๆเรื่องคลิปนั้นเป็นพี่เองที่ผิด ไอ้อัลมันไม่ผิดหรอก”
“ครับ?”
“พี่เป็นคนอัดคลิปและเป็นคนปล่อยคลิปนั้นลงในเว็บโรงเรียนเอง”
ผมได้ยินมันชัดทุกคำพูด ผมรอให้สองคนนั้นคุยกันเสร็จแล้วจึงเดินเข้าไปทำตัวเป็นปกติ ทั้งๆที่ในใจอยากจะอัดไอ้เดฟให้ตายคาตีนตรงนั้น
“ไม่เลิกนะพาสต้า!” ผมจับมือผมแน่น
“กูคงทนคบมึงต่อไปไม่ได้แล้ววะเดฟ”
“พะ พาสต้า”
“กูคบกับคนที่ทำเพื่อนกูไม่ได้!” ผมสลัดมือที่จับผมออก
“...เมีย”
“อย่าโผล่หน้ามาให้กูเห็นนะเดฟ ไม่งั้นกูเอามึงตายแน่!” ผมบอกมันเสียงแข็งแล้วก้เดินจากออกมา ผมยกมือไหว้พี่ชายไอ้เนปกับไอ้โย ถึงจะพึ่งเจอกกันก็เถอะนะ
“โยชิละครับ” ผมถาม
“อยู่ในห้องทำงานชั้นสาม” พี่เขาตอบนิ่งๆ
“ผมขึ้นไปได้ใช่ไหม”
“อืม..” พี่เขาครางรับ ผมกำลังจะเดินออกไปก็ต้องชะงักเมื่อพี่เขากลับจับแขนผมไว้ “แบบนี้ดีแล้วหรอ?” พี่เขาถามไม่มองหน้ผม แต่กลับมองไปข้างหน้าซึ่งเป็นทางที่ผมพึ่งจะเดินออกมา
“ผมคิดว่าดีแล้วครับ”
“ดีแล้ว แล้วร้องไห้ทำไม?”ผมร้องไห้งั้นหรอวะ? ผมยกมือลูบหน้าตัวเองปรากฏมีน้ำใสๆอยู่บนใบหน้า
“ผม..” ผมพูดไม่ออก ไม่คิดว่าจะให้ใครมาเห็นน้ำตาตัวเองเลย
-เนปจูน-“เตี้ย...” ผมเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานของเฮีย เพราะผับแห่งนี้เป็นผับที่เฮียและเพื่อนลงทุนร่วมกัน พอเข้ามาด้านในกลับมืด ไฟในห้องก็ไม่เปิด “เตี้ย..” ผมเรียกอีกครั้งก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆออกมา หรือว่าจะไม่อยู่ในนี้วะ
ตุบ!
“เตี้ย!” ผมรีบหาสวิตเปิกไฟห้อง เมื่อค้นพบแล้วผมก็เปิดมันแล้วมองหาที่มาของเสียงที่ดังขึ้น อยู่ไหนวะ ห้องก็ไม่ได้ใหญ่แต่ทำไมไม่เห็น ตรงโซฟารับแขกก็ไม่อยู่
“ฮึก ฮือ..” เสียงสะอื้นดังขึ้น ผมเปลี่ยนทิศทางที่จะเดินตรงไปยังห้องน้ำต้องเปลี่ยนมาที่โต๊ะทำงานแทน
“..เตี้ย” ผมเอ่ยเรียกคนที่กอดเข่าสะอื้นอยู่หลังโต๊ะทำงาน ไอ้เตี้ยค่อยๆเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตามองผม
“ฮือออ เนปจูน” ไอ้เตี้ยมันกางแขนออก ผมจึงเดินเข้าไปนั่งลงตรงหน้าแล้วกอดมันไว้ มันซบหน้าร้องไห้กับอกผม มือก็กำเสื้อด้านหลังผมแน่น
“...” ผมไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกไป ผมไม่รู้ว่าจะปลอบมันตอนนี้ยังไง ปล่อยให้มันร้องไห้ให้พอ
“สูง กูเจ็บ ฮืออ กูเจ็บ**!**” มันผลักผมออกแล้วตบเข้าที่อกข้างซ้ายตัวเอง มันกำมือแน่นตรงอกข้างซ้ายมองผมทั้งน้ำตา ผมค่อยๆเช็ดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนบนหน้าออกให้ ยิ่งผมเช็ดมันก็ยิ่งไหลออกมาเรื่อยๆ
“...”
“มันจบแล้ว ฮึก จบแล้วจริงๆใช่ไหม ฮืออ”
“อืมจบแล้ว” ผมดึงมันเข้ามากอดอีกครั้ง
“ฮืออออ”
“ขอโทษนะเตี้ย กูขอโทษ” ขอโทษที่ทำให้มึงต้องเจ็บอีก ขอโทษที่ทำให้มึงต้องร้องไห้อีก มันส่ายหัวบอกว่าไม่เป็นไร ยิ่งมันเป็นแบบนี้ผมยิงรู้สึกว่าผมผิดเท่านั้น ผมไม่น่าคิดแค้นให้โยชิเอาคืนเลย ไม่น่าคิดแผนอะไรนี่เลย น่าจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ บางทีเรื่องมันอาจจะไม่เลวร้ายก็ได้ “ขอโทษ..”
.
.
“โยชิละเนปจูน” เสียงเปิดประตูทำให้ผมหันกลับไปมองเห็นคนสองคนเดินเข้ามาพร้อมกัน
“ร้องไห้จนหลับไปแล้ว...แล้วมึงละไอ้พาสทำไมตาแดง ร้องไห้?” ผมบอกกับเฮียก่อนหันไปพูดถามมัน มันไม่ตอบผมก็รู้อยู่แล้ว
“กูเลิกกับมันแล้ว” ไอ้พาสมันตอบเสียงเรียบ
“งั้นกูเสียบ” มันหันขวับมามองผมทันที หึๆ
“โอ๊ยย เจ็บนะไอ้เฮีย!” เฮียมันตบหัวผมอย่างแรงเลยครับ
“ใช่เรื่องไหม เดี๋ยวกูยิงทิ้ง” เฮียมันว่า แค่หยอกเล่นเอง นี่ก็จริงจัง
“ล้อเล่นเหอะ ไม่อยากให้เครียดแค่ไอ้เตี้ยคนเดียวก็ไม่รู้จะปลอบไงละ มีไอ้พาสอีกคนคงไม่ไหว” ผมบอกแล้วลูบหัวตัวเองปอยๆ มองไอ้เตี้ยที่หลับทั้งตาบวมๆนั่น เฮียลูบหัวคนหลับเบาๆเหมือนปลอบโยนและกล่อมให้นอนหลับฝันดีในเวลาเดียวกัน เสียงถอนหายใจรอบแล้วรอบเล่าจากพาสต้า
“เฮ้อออ...”
-โยชิ-เรื่องราวทั้งหมดมันจบลงแล้ว ผมไม่พบเจอเขาอีกหลังจากวันนั้นซึ่งเวลายู่ที่คณะผมเองก็จะเลี่ยงกลุ่มของเขาเหมือนกันถึงจะไม่เห็นเขาเดินอยู่ในกลุ่มของพี่คิมเลย แม้แต่พี่เดฟเองก็ไม่เห็น เรื่องของพาสต้ากับพี่เดฟผมมารู้หลังจากนั้นสองวัน มันบอกกับผมว่าเลิกกับพี่เดฟแล้ว มันบอกว่ามันไม่สามารถคบกับคนที่ทำร้ายเพื่อนตัวเองได้ อาการซึมๆของมันในช่วงแรกทำให้ผมนึกเป้นห่วงแต่ถึงอย่างนั่นไอ้พาสกลับดูเข้มแข็งกว่าผมหลายเท่า
(อยู่ไหนแล้ว กูรอนานละนะ)
“เออถึงแล้ว นี่กำลังจะข้ามถนนไปแล้ว” ผมนัดกับไอ้สูงไว้ให้มันมารับผมในช่วงเย็นของวัน เพราะเฮียให้ไปหา จริงๆมันจะเข้ามารับในมอเลยแต่ผมบอกว่าไม่เป็นไรไม่อยากให้มันรอเพราะไม่รู้ว่าจะเลิกตอนไหน ผมจึงให้มันมารอผมที่ร้านขนมด้านหน้ามอซึ่งมันอยู่ตรงกันข้ามกัน
(เออเร็วๆๆเลย กูแดกขนมหวานจนจะเป็นเบาหวานแล้วเนี้ย)
“ชิ ไม่เป็นหรอกเหอะ มึงกินแค่วันเดียว” ผมตอบมันสายตาก็สอดส่องมองดูรถที่วิ่งผ่านไปมาตามทางแบบไม่มีช่องว่างให้ผมได้ข้ามไปเลย ทำไมวันนี้รถเยอะจังวะ
(น้ำหนักกูขึนจะโทษมึงไอ้เตี้ย)
“มึงแดกเองนะสูง แค่นี้นะจะข้ามถนนละ” ผมตัดสายทิ้งเมื่อเห็นว่ารถเริ่มน้อยลงและพอมีช่องว่างให้ผมได้ข้ามไป ผมรีบเดินก้าวไปข้างหน้า
“ตัวเล็กระวัง!!” ผมหยุดยืนอยู่กลางถนนผมหันกลับไปมองคนที่เรียกผมว่าตัวเล็กเขายืนอยู่ข้างถนนฝั่งที่ผมเดินออกมา เสียงบีบแตรรถดังขึ้นผมหันกลับไปมาทางของเสียงมีรถคันหนึ่งวิ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง ผมตัวแข็งทื่อไม่สามารถก้าวออกไปได้ ผมทำได้เพียงแค่หลับตาแน่นไม่อยากรับรู้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นยังไง ผมคงต้อง...ตาย
พลั่ก !
“โอ๊ยย!!” ผมโดนชนแล้วหรอ ผมรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดของตัวเอง ผมว่าหัวผมไปกระทบเข้ากับถนนแน่เลย ทำไมมันถึงรู้สึกเจ็บที่หัวแบบนี้นะ ผมกำลังจะตายใช่ไหม?**
ปัง !โครม ! เอี๊ยดดด...กรี๊ดดดด!!
ผมได้ยินเสียงโครมครามเสียงกรี๊ดร้องดังเข้ามาในโสตประสาท
‘มีคนโดนรถชน..’
‘จะตายมั้ยแก..’
‘เรียกรถพยาบาลเร็ว!!’
เสียงโหวกเหวกโวยวายต่างๆนาๆมากมายผมรู้สึกมึนหัวไปหมด ผมค่อยๆลืมตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างช้าๆ และก็ต้องข่มตาหลับอีกรอบ มันรู้สึกเจ็บจนปวดอย่างหนัก ร่างกายผมถูกพยุงโดยใครไม่รู้
“คุณครับ ไหวหรือเปล่า”
“...” ผมไม่ได้ตอบเพราะตอนนี้จะขยับตัวจะแทบไม่ไหวอยู่แล้ว
“คุณครับ คุณ!” ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ผมมองหน้าคนที่เข้ามาช่วยพยุงผมไว้
“ผะ ผมยังไม่ตายหรอครับ” ผมถามเสียงแผ่ว
“คุณไม่เป็นไรหรอกครับ” เขาตอบ
“แต่ว่าผมโดนรถชน” ผมตอบเสียงแหบเพร่า
“มีคนมาผลักคุณออกทำให้ตัวเขาเป็นฝ่ายโดนชนเองอาการหนักทีเดียว” เขาบอกพร้อมกับปรายตาไปมองยังบุคคลที่ยืนมุ่งอยู่ ใครกันที่เขามาช่วยผมแต่ตัวเองกลับเป็นผู้โชคร้ายนั้น
“คะ คุณช่วยพาผมไปหาเขาได้มั้ย?”
“ไหวหรอครับ” ผมพยักหน้า ผมไหวผมอยากเข้าไปดูผู้ที่มีพระคุณช่วยที่ช่วยผมไว้ เขาค่อยๆพยุ่งผมพาเดินไปยังจุดที่อยู่ไม่ห่างจากผมมาก ผู้คนที่มุงดูส่งเสียงกันไม่หยุดหย่อน
“ช่วยถอยหน่อยครับ” ผู้ชายที่พยุงผมถอยทางอออกเผื่อที่จะได้พาผมเข้าไปได้ คนที่มุงเมื่อหันมาเห็นผมก็พากันถอยออกให้เล็กน้อย
‘จะรอดไหมแก ดดนชนแรงขนาดนั้น’ เสียงรอบข้างยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
‘เขาวิ่งเข้ามาช่วยเด็กคนนี้ไง ฉันเห็นกับตา’
‘ตายแน่เลยวะโดนชนเต็มเหนี่ยวขนาดนั้น’
ผมเข้ามาอยู่ในวงล้อมของคนมุง ผมมองผู้ชายที่แน่นิ่งอยู่บนพื้นถนน ร่างกายสะบักสะบอมเต็มไปด้วยคราเลือดที่ไหลออกมาเป็นจำนวนมาก ผมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนตรงหน้า ใจผมกระตุกวูบ รู้สึกตัวชานึบ ขาที่ไม่ค่อยจะมีแรงอยู่แรงกลับอ่อนปวกเปียก ผมทรุดลงตรงนั้นอย่างหมดแรง
“กรี๊ดด คุณคะเป็นอะไรรึเปล่า”
“คุณครับไหวไหม” ผู้ชายที่พยุงผมมาตกใจไม่น้อยเมื่อเห้นผมทรุดนั่งลงบนพื้นถนน
“ตัวเล็กระวัง!!” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาในโสตประสาทของผม ภาพที่เขามองผมอย่างตื่นตะหนกอยู่ฝั่งของถนน
“ฮืออออ..” ผมปล่อยโฮออกมา ไม่อายด้วยว่าคนตรงหน้าจะมีมากแค่ไหน ผมไม่สนสายตาพวกนั้น แทบลืมความอายไปในที่สุด ในเวลาแบบนี้จะมาอายทำไม
“พะ พี่ครับ..” ผมค่อยๆคลานเข้าไปหาร่างที่หมดสติกลางกองเลือด ผมดึงเขาเข้ามากอดไว้แนบอก ปล่อยให้น้ำตาไหลริน ตัวก็เปื้อนคราบเลือดของคนที่หลับในอ้อมแขน “อย่าตายนะ ฮึก อย่าตาย” ผมบอกคำว่าอย่าตายซ้ำๆ
“ฮืออ ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ผมที” ผมบอกกับคนที่ยืนดูอยู่ พวกเขาทำหน้าเลิกลั่กแต่ก็ยังกดโทรหารถพยาบาลให้
“เราโทรแล้ว อีกไม่นานคงมาถึง”
“แล้วเมื่อไหร่!!” ผมตะคอกเสียงดัง เมื่อไหร่จะมา ถ้าเขาตายจะทำยังไง ผมเลือกที่จะไม่สนใจสิ่งรอบข้างแล้วหันมากอดคนในอ้อมแขนแนบชิดกว่าเคย
“ฮึก พี่จะตายแบบนี้ไม่ได้ ทำไม..ทำไม ฮืออออ” ทำไมถึงต้องเอาตัวเองเข้ามาช่วยผม ทำไม!!!!
TBC.