‘HAPPY 50th BIRTHDAY TO MY RESPECTED FATHER’
ม่อนแจ่มหยิบภาพในกรอบไม้ที่ห่อไว้อย่างดีออกมาจากช่องระหว่างโต๊ะและเตียง.. ในหัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
นี่คือของขวัญทำมือชิ้นแรกในชีวิตที่เขาจะมอบให้คุณพ่อ แต่นี่ไม่ใช่ของขวัญที่แท้จริงหรอก เพราะของขวัญวันเกิดที่ล้ำค่าที่สุดของคุณพ่อคือการได้รับรู้ว่าท่านมีลูกชายอีกหนึ่งคน ลูกชายที่สมศักดิ์ศรีด้วย และม่อนแจ่มจะบอกท่านเอง ..หลังจากคุยกับคุณแม่แล้ว
..พชรบอกให้คุยกับคุณแม่..ตาใสหลับลง กลืนความขมขื่นลงไปในลำคอ ..แล้วเขาและพชรคงจะเป็นพี่น้องกันอย่างเป็นทางการ
“ลุงสมครับ” ม่อนแจ่มกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
“ม่อนเรียนเสร็จแล้ว จะรีบไปคอยหน้าหอสามชายนะครับ”
“อ้าว ไอ้ม่อน?” ไอดิลเปิดประตูออกมาจากห้องสามสามห้องซึ่งอยู่ติดกัน
ม่อนแจ่มยกยิ้มให้คู่ซี๊น้อยๆ วันนี้เขาเลิกช้ากว่าจึงกลับมาทีหลัง
“เข้าไปคุยกับหมอกล่ะสิ ..ดี”
“ก็.. ใช่..”
“วันนี้มึงไปกินข้าวกับหมอกนะ กูจะเข้าบริษัทอีก” ม่อนแจ่มบอกกล่าว
“เอ้อ อ่าม โอเค..”
ไอดิลทำหน้าแปลกพิกล ม่อนแจ่มจึงหรี่ตาลง “เป็นอะไรหรือไง หมอกไม่อยู่?”
“คือ.. เมื่อกี้พชรมา”
พชร?
มา? ม่อนแจ่มรอฟัง..
“พชรบอกว่าคุณน้านิภาเจ็บขา ขับรถไม่ได้ เลยต้องไปขับรถให้ แล้วหมอกก็ไปกับพชร จะได้ช่วยขี่รถพชรกลับมาหอน่ะ”
ไอดิลอธิบาย “แต่ไปที่ไหน ..กูไม่รู้”
ม่อนแจ่มชะงักไป
คุณน้านิภา ไม่สิ.. คุณน้าเพชรลดาเจ็บขาหรือ
โธ่..
“เฮ้ย อย่าทำหน้าแบบนั้น” ไอดิลรีบมาตบไหล่
“คงไม่เป็นอะไรมากหรอก พชรดูกังวล แต่ก็ธรรมดาแหละ มันรักแม่มันมาก ก็อยู่กับแม่สองคนมาตลอดนี่นา”
“อย่างนี้ พชรก็ช่วยพ่อกับแม่ทำสวนมาตั้งแต่เด็กเลยสิ”
“ใช่ แต่ ..แค่แม่” “ใช่..”
พชรอยู่กับแม่มาตลอด“ไม่เป็นไรนะ มีอะไรกูจะโทรบอก มึงเข้าบริษัทเถอะ วันนี้วันเกิดพ่อมึงไม่ใช่เหรอ” ไอดิลพยักเพยิดมายังภาพวาดที่ม่อนแจ่มหนีบไว้ระหว่างลำตัว
ม่อนแจ่มก้มลงมองบ้าง ตอบรับเบาๆ
“ใช่..”
Mercedes Benz สีดำที่คุ้นเคยมาจอดเทียบหน้าฟุตบาท..
ม่อนแจ่มก้าวยาวๆไปขึ้นรถของบ้านตนเอง ยกมือไหว้ลุงสม ในใจประหวัดนึกถึงคนที่พชรเรียกว่า ‘แม่’
สาวใหญ่หน้าตาสะสวย ท่าทางใจดีที่เขาเคยเจอ คุณเพชรลดา เพชรหละปูน
ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวเลี้ยงลูกชายมาสิบเก้าปี ..ท่านจะเหน็ดเหนื่อยและว้าเหว่หรือไม่.. แค่ไหนกัน..
ม่อนแจ่มถอนหายใจ หลับตาสลับกับลืมตาตลอดทาง ..เขาจะเริ่มต้นเอ่ยกับมารดาอย่างไรดี ..ท่านจะตกใจมากไหมหนอ
แต่อย่างไรเสีย.. ม่อนแจ่มคงไม่อาจรออยู่เฉยๆโดยที่ไม่พูดอะไรเลยได้ พชรรอมานานเกินไปแล้ว..
ลุงสมชะลอรถจอดหน้าบริษัท..
ม่อนแจ่มสูดลมหายใจเข้า กระชับกรอบภาพแนบลำตัว
เลิกคิ้วน้อยๆ เมื่อเห็นคุณลุงบุญส่งประจำการอยู่ที่รถ Volvo สีขาวที่มักขับพาคุณพ่อกลับบ้าน
“คุณลุงบุญส่ง คุณพ่อจะกลับบ้านแล้วหรือครับ?”
ก็ดีนะ.. บางที
ม่อนแจ่มน่าจะคุยบางเรื่องที่บ้าน..“สวัสดีครับคุณม่อน วันนี้คุณท่านมีงานเลี้ยง คุณท่านไปหยิบเอกสารและคุณผู้หญิงเพิ่งจะตามเข้าไปน่ะครับผม”
อ้อ..เอาอย่างไรดีล่ะ
แบบนี้ คุณพ่อคุณแม่ก็คงรีบสินะ.. ม่อนแจ่มถอนหายใจ
เขาควรไปรอที่บ้าน แต่.. ไหนๆก็มาแล้ว เอาของขวัญไปให้คุณพ่อเสียก่อนแล้วกัน ท่านมีงานต่อ ก็ไม่รู้ว่าจะกลับกี่โมงกันแน่..
ร่างเล็กเดินเข้าไปในบริษัท กดลิฟต์ตรงขึ้นไปยังห้องทำงานชั้นบน..
“ลงไปแล้วหรือครับ?”เสียงเล็กถามย้ำกับเลขานุการสาวและเลิกคิ้วอย่างงงๆ เมื่อได้รับคำบอกเล่า
“ทั้งท่านประธานและคุณระมิงค์ออกไปแล้วค่ะคุณม่อน ท่านมีงานเลี้ยงต่อ แต่ว่า.. ท่านประธานกลับมาเอาเอกสารอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ลงไปสักพักแล้วเหมือนกันค่ะ”
ม่อนแจ่มกลับลงมาชั้นล่าง กวาดสายตาไปทั่วบริเวณ
ถ้าคุณพ่อลงไปแล้ว ก็ควรจะสวนกันสิ ..หรือไปลิฟต์คนละตัวกันนะ
“สวัสดีค่ะ คุณม่อนแจ่ม”
ผู้จัดการสาวค้อมศีรษะให้น้อยๆ ม่อนแจ่มรีบยกมือไหว้
“อ่อ.. สวัสดีครับคุณผู้จัดการ ไม่ทราบเห็นคุณพ่อบ้างไหมครับ”
“อ่า..” ผู้จัดการลังเลเล็กน้อย
“ม่อน เอ๊ย ผม.. ผมเอาของขวัญวันเกิดมาให้คุณพ่อครับ” ม่อนแจ่มรีบชี้แจง เข้าใจว่าบิดายุ่งงาน แต่อยากเรียนให้ผู้จัดการเข้าใจว่าเขาขอเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แค่ยื่นภาพนี้ให้ แล้วเอ่ยบอกสุขสันต์วันเกิด.. ใช้เวลาน่าจะไม่เกินสองสามนาที
“เอ่อ.. ท่าน ท่านอยู่ที่ห้องพยาบาลค่ะ” ผู้จัดการค่อยๆเอ่ยบอกอย่างไม่แน่ใจว่าควรทำไหม
“ห้องพยาบาล คุณพ่อไม่สบายหรือครับ คุณพ่อเป็นอะไร”
ถาม.. แต่ไม่ได้รอฟังคำตอบ ขาสั้นรีบวิ่งเร็วๆไปทางห้องพยาบาลเรียบร้อยแล้ว คุณพ่อเป็นอะไรถึงต้องไปห้องพยาบาลนะ..
ม่อนแจ่มหอบแฮ่กๆ มองผ่านช่องประตูเข้าไปภายในเมื่อมาถึงจุดหมาย
คุณแม่อยู่ที่นี่ด้วย เอ๊ะ แล้วนั่น..
สายตาภายในกรอบแว่นแดงมองค้าง ..คุณน้าเพชรลดา?
ขาชะงักลง ค่อยๆเดินเข้าใกล้ประตู กระทั่งเห็นคนอีกหนึ่งคน
..พชร..ม่อนแจ่มยืนนิ่ง.. ยิ่งกว่าตกใจ..
ไอดิลบอกว่าพชรไปรับคุณน้าเพชรลดา แล้ว.. มารับที่นี่น่ะหรือ ..ที่ PP Group นี้?
ทั้งสี่คนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขากำลังจะพูดอยู่ที่นี่ ..พร้อมๆกันเลย
นี่มัน.. เรื่องอะไร..
“พชร ประดิษฐาพงศ์ มีความจำเป็นอะไรต้องไป?”
ม่อนแจ่มชะงัก..
คุณแม่เพิ่งจะพูดว่า.. ว่า.. พชร ประดิษฐาพงศ์
คุณแม่ทราบแล้วอย่างนั้นหรือ?
“ผมไม่.. คุณอย่า..”
เสียงเข้มที่คุ้นเคยพยายามจะเอ่ยบางอย่างกับมารดาเขา
แล้ว.. ทั้งสองคนรู้จักกันหรือ ..ทำไม
“พชร”
เสียงคุณพ่อเอ่ยทวนชื่อ ..สายตามองพชรอย่างอยากจะเห็น
ในแววตาคมกล้าที่ม่อนแจ่มสัมผัสได้ถึงความหวั่นไหวเมื่อวาน ตอนนี้มันเกินกว่านั้น มันไม่ใช่แค่หวั่นไหว ..มันเจ็บปวด
“ค่ะ.. เขาเป็นลูกคุณ”
เสียงสั่นเอ่ยความจริงที่ม่อนแจ่มรู้
แต่ แต่.. คุณแม่ทราบได้อย่างไร ว่ามีพชร.. ว่า.. พชรเป็นลูกคุณพ่อ ทั้งที่คุณพ่อ ..ไม่ทราบเรื่องนี้เลย
“ลดา.. คุณมีลูกกับผมตั้งแต่ตอนนั้น คุณท้องพชร เขาเป็นลูกผม แล้วคุณไม่บอกผมได้ยังไง ได้ยังไงลดา..”
..
คุณพ่อไม่ทราบ แต่คุณแม่ทราบ?
ม่อนแจ่มงุนงง ขาเรียวขยับเข้าไปให้ได้ยินชัดเจน
“เขาทิ้งคุณไป เพราะ..”
..
“ฉันโกหกลดาว่าฉันท้องกับคุณ และอยากให้เขาหลีกทางเพื่อคุณจะได้แต่งงานกับฉัน ..ฉันที่เหมาะกับคุณมากกว่าเขา”
“แล้วทำไมคุณต้องทำอย่างนั้น..”
..ม่อนแจ่มเบิ่งตา
เขาพยายามจับประเด็น สมองเชื่องช้ากว่าปกติ..
โกหก..
แต่งงาน..“เพราะว่าฉันท้องจริงๆ..”
..
“เพราะว่า.. ม่อนแจ่มไม่ได้คลอดก่อนกำหนด”
..
ม่อนแจ่มไม่ได้คลอดก่อนกำหนด?
แต่.. แต่เขาตัวเล็ก
เขาไม่สูงใหญ่เหมือนคุณพ่อเพราะคลอดก่อนกำหนดไม่ใช่หรือ.. ตามที่เคยรู้มา..
..
“ฉันท้องอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนแต่งงาน”
..อะไรนะม่อนแจ่มลมหายใจสะดุด ..ฟังคำที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยิน
“ม่อนแจ่มไม่ใช่ลูกคุณ..”
มือเรียวกำเข้าหากันแน่น
แม้ถ้อยคำนั้นชัดเจนในหัว
แต่ม่อนแจ่มก็ต้องแปลมันซ้ำ ..ค้นหาความหมาย
ม่อนแจ่มไม่ใช่ลูกคุณพ่อ.. แปลว่าอะไร.. “ตั้งแต่พชรปรากฏตัว ฉันก็เตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องมีวันนี้ แต่ก็ไม่คิดหรอกว่าต้องพูดออกมาเองจริงๆ”
ระมิงค์สะอื้นให้ “ฉัน.. จะค่อยๆบอกม่อนแจ่ม แล้ว.. เราจะไปเอง”
วันนี้วันเกิดนายพจน์ ระมิงค์ทราบดี
ไม่ใช่เพราะเธอจำได้ แต่เพราะม่อนแจ่มลูกชายได้เตรียมของขวัญไว้ เธอเห็นเมื่อเดือนก่อน
แล้วนี่.. ม่อนแจ่มอาจไม่มีโอกาสได้ให้.. ส่วนเธอ ไม่เคยให้และไม่มีอะไรจะให้ คงมีเพียงแต่สิ่งที่จะคืน..
คืนภรรยา.. คืนลูกชาย..
และทั้งหมดนี้ก็คือ..
“ลูกชายคนเดียวของคุณคือพชร..”
พชร..
ลูกชายคนเดียว..พชร.. เป็นลูกคุณพ่อ
พ่อ.. ที่ไม่ใช่พ่อของเขา
สิบเก้าปีภายใต้ชายคาบ้านประดิษฐาพงศ์
สิบเก้าปี.. ที่พชรไม่ได้พบพ่อ
สิบเก้าปี.. ที่พชรควรจะอยู่ที่นั่น
แล้วเขา..
เขา.. ไม่ใช่ลูกคุณพ่อ
ม่อนแจ่มก้าวถอยหลัง..
เขา.. ไม่ได้คลอดก่อนกำหนด เขาไม่ใช่ลูกคุณพ่อ
และนี่คือ.. ทำไมเขาไม่เหมือนคุณพ่อ
นี่คือ.. ทำไมเขากับคุณพ่อถึงไม่เคยผูกพันกัน
นี่คือ..
พชรรู้เรื่องนี้อยู่แล้วหรือเปล่า..ม่อนแจ่มพยายามหันหลังกลับไป
ภาพซึ่งนำมาเป็นของขวัญที่ถืออยู่ในมือสั่นไหว ขาเรียวแทบยืนไม่อยู่
บางประโยคลอยกลับเข้ามากระทบความทรงจำ
“หน้ามึงไม่เหมือนพ่อกูหรอก ว่าแต่หน้ากู.. เหมือนพ่อมึงหรือเปล่า”หน้ามึงไม่เหมือนพ่อกูหรอก..พชรรู้..
แต่ม่อนแจ่มไม่รู้ ..ไม่รู้ว่าควรจะไปไหน แต่เขาอยากเดินไป เขา..
เขามาทำอะไรอยู่ที่นี่..
เขามาทำบ้าอะไรอยู่ที่นี่!ร่างเล็กยืนทำอะไรไม่ถูก ดวงตาแห้งผาก จุกแน่นในใจจนแม้แต่น้ำตายังไม่มีทางไหลออกมาได้
มือที่กำภาพวาดแน่นก่อนหน้าคลายออก เสียงของบางอย่างกระทบพื้นกระเบื้อง ..ม่อนแจ่มสะดุ้ง ก้มลงมอง
‘ HAP PY 50th BIRTH DAY TO MY RES PEC TED FA THER ’
เสียงที่ทำให้สี่ชีวิตในห้องหันมามองหน้าประตูเป็นตาเดียว..
“ม่อน..” ระมิงค์อุทาน น้ำเสียงสั่นไหวราวกับจะขาดหายไป
“ม่อน..” ม่อนแจ่มเสียงพร่า ไม่รู้จะเอ่ยคำใด
“ผม..” ..เขาเรียบเรียงเป็นประโยคไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ม่อนแค่.. ผมจะมา..”
ปากอิ่มสั่นระริก ทว่า ดวงตาแห้งผาก พยายามอย่างยิ่งให้แข้งขายืนอยู่ได้อย่างมั่นคง ขณะที่ผู้เป็นมารดาทรุดลงกับพื้นตั้งแต่หันมาเห็นเขา
ระมิงค์มองลูกชายด้วยน้ำตาเอ่อท้น
ม่อนแจ่ม.. ม่อนแจ่มได้ยินหรือเปล่าอย่างไรก็ตาม ..สีหน้าและแววตาของบุตรชายในสายเลือดทำให้ตระหนักดี
ระมิงค์สะอื้น ไม่ได้ตั้งใจเลยว่าจะให้ลูกชายรู้ด้วยวิธีนี้ เธออยากจะค่อยๆพูด.. ค่อยๆบอก.. ดังที่เด็กพชรเคยให้โอกาสในคราแรก ทว่านี่มันสายเกินแก้ไขแล้ว ที่ต้องทำตอนนี้ก็แค่รอ.. เธอแค่รอ.. รอให้ม่อนแจ่มตะโกนขอคำยืนยันจากเธอ..
แต่.. ม่อนแจ่มไม่โวยวาย ไม่ตะโกน ไม่พูดอะไร
ตกใจ เสียใจ แต่ไม่มีอะไรจะพูด ม่อนแจ่มได้แต่มองชายคนที่เคยบอกว่าไม่ชอบตัวเอง
ในวันที่ความจริงเปิดเผย.. สายตาที่มองกลับมาไม่ได้มีความยินดี ไม่มีความสาสมใจ
ปกติ พชรมักไม่แสดงความรู้สึกใดผ่านดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น ทว่า นาทีนี้.. พชรมองเขาด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
เสียใจหรือ?
ไม่.. พชรไม่มีอะไรควรต้องเสียใจเลยเป็นดวงตาสีน้ำตาลที่เบือนหลบ ไม่กล้าประสานนานกว่านี้..
ม่อนแจ่มสูดลมหายใจเบาๆ ก้าวเข้าไปภายในห้องพยาบาล
ความเข้มแข็งและกล้าหาญเป็นคุณสมบัติที่คนเราควรต้องมี
..ใช่ไหม ร่างเล็กย่อตัวลง ค่อยๆโอบประคองบ่ามารดา
“แม่ครับ ลุกขึ้นเถอะ” ม่อนแจ่มเอ่ยเสียงหนัก
ระมิงค์เบิ่งตา ขมวดคิ้วมองลูกชาย
ม่อนแจ่ม.. ทำไมม่อนแจ่มไม่..“ลุกขึ้นเถอะครับ คุณ.. คุณลดากับลูกชาย ..และคุณพจน์ คงมีเรื่องมากมายที่จะพูดคุย ทำความเข้าใจกัน คุณแม่ไปกับม่อน”
..
“..ไปกับม่อนนะครับ”
ม่อนแจ่ม..ระมิงค์ได้แต่อ้าปากค้างไว้
ลูกชายหน้าซีดเผือด แต่ไม่โวยวาย
ดวงตาหวั่นไหว แต่กลับไม่ร้องไห้ออกมา
เป็นมือเรียวเล็กที่ประคองเธอลุกขึ้นจากพื้น
เป็นเด็กน้อยขี้กลัวที่พยายามกระตุ้นให้เธอกล้าหาญ..
“ไม่เป็นไร” พชรเอ่ยขึ้นหนักๆ ลำคอตีบตันไปหมด
“แม่ครับ เดี๋ยวเราไป..” ร่างสูงตั้งท่าจะเข้าไปประคองมารดา
“คุณเพชรลดาเจ็บขา” ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย มองบริเวณข้อเท้าของคนบนเตียงพยาบาล
คนที่เคยเอาลำไยจากสวนมาฝาก คนที่ยังคงมองเขาด้วยแววตาแสดงความปราณีและเห็นใจ แม้ว่าม่อนแจ่มจะไม่แน่ใจเลยว่าควรได้รับ
พชรนิ่ง เม้มปากบางๆ ไม่เคยถนัดในเรื่องการพูดสื่อสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเช่นนี้
แม้อยากจะพูด..
อยากจะ..
“ไม่เป็นไร” ม่อนแจ่มย้ำคำ “..ไม่เป็นไรเลยจริงๆ”
ร่างเล็กประคองมารดาไว้มั่น พาเธอหันหลังออกผ่านประตูไป..
ระมิงค์ได้แต่มองลูกชายค้าง งุนงงไปหมด
อะไรบางอย่างในดวงตาสองคู่..
อะไรบางอย่างในน้ำเสียงของคนสองคน..
“รถคุณแม่จอดที่ไหนหรือครับ”
ม่อนแจ่มเอ่ยถาม ระมิงค์จึงเดินนำไปตามทางออกสู่โรงจอดรถพิเศษที่ซึ่งรถส่วนตัวของเธออยู่ที่นั่น
“ม่อนขับให้ไหมครับ” ลูกชายเอื้อเฟื้อ ระมิงค์จึงมอบกุญแจให้ไปทั้งยังอึ้งๆ..
มือเรียวจับพวงมาลัย ขับพารถมุ่งหน้าออกจากบริษัท
ระยะหนึ่งแล้ว.. กว่าที่จะตีไฟซ้าย ชะลอจอดชิดขอบถนน..
“คุณแม่ครับ” ม่อนแจ่มฝืนเอ่ยหนักๆ แม้น้ำเสียงจะแตกพร่า หันมามองมารดาอย่างจริงจัง
“เล่าให้ม่อนฟังที..”
ระมิงค์ก้มหน้า หยดน้ำตารินไหล
“แม่..” เสียงสั่นเอ่ยค่อยๆ แต่ก็พยายามให้ชัดเจน
“แม่คบกับคุณพ่อของม่อน และท้อง.. คุณตาไม่ยอมรับเพราะฐานะ.. ขณะเดียวกัน คุณตากับเพื่อนสนิทก็มีข้อตกลงที่จะให้แม่กับคุณพจน์แต่งงานกัน เพราะธุรกิจ..”
ม่อนแจ่มเพียงนิ่งฟัง..
“แม่ไล่เพชรลดา คนรักของคุณพจน์ไป แม่..โกหกว่าแม่ท้องกับคุณพจน์”
“แล้ว..” ม่อนแจ่มลำคอแห้งผาก
“คุณเพชรลดาไม่ได้บอกคุณแม่หรือครับว่าเธอกำลังท้อง..”
“บอก..” ระมิงค์ไหล่สั่น
“แล้ว.. คุณแม่ก็ยังไล่เธอไปหรือครับ..”
มีเพียงน้ำตาเป็นคำตอบ
“แม่.. แค่ให้เช็คเธอไปแสนนึง แล้ว.. ก็แต่งงาน”
..
“แม่กับคุณพจน์ไม่รู้สึกอะไรต่อกันเลย เราแยกกันนอนเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็ไม่มีใครเรียกร้องจะนอนด้วยกัน”
..
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย
สายสัมพันธ์..
สายสัมพันธ์ที่ไอดิลเคยพูดถึง เขาตระหนักแล้วในตอนนี้ว่าที่เขาไม่รู้จักและไม่รู้สึกถึงนั้นก็เป็นเพราะว่ามันไม่เคยมี
พจน์ ประดิษฐาพงศ์กับระมิงค์ ประดิษฐาพงศ์ไม่เคยรักกัน ..และม่อนแจ่มก็ไม่ได้ถูกเลี้ยงมาโดยคนสองคนที่รักกัน ..ไม่เลย
“แม่พยายามลืมเรื่องเพชรลดาไป ลืมที่เธอบอกว่าท้อง.. ไม่ยอมบอกคุณพจน์ กล่อมตัวเองว่าเป็นเรื่องโกหก จนกระทั่งเมื่อหลายเดือนก่อน ตอนม่อนเพิ่งเข้ามหา’ลัย เด็กหนุ่มคนนั้นมาพบแม่..”
เด็กหนุ่มคนนั้น..“ม่อนก็คงเห็นแล้ว หน้าตาเขา รูปร่างเขา.. แม่ถึงตระหนักว่าเพชรลดามีลูกจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ลูก.. ลูกคุณพจน์”
..
“แม่ขอโทษ..”
“พชรบอกว่ามันไม่เคยมีปัญหากับมึง”
“แต่.. มันไม่ชอบมึง”ในที่สุด.. ก็รู้ว่าทำไมพชรถึงไม่ชอบเขา
ม่อนแจ่มปฏิเสธ ไม่ยอมรับการ ‘ไม่ชอบ’ ของพชรมาตลอด
เขาพยายามทลายกำแพง เขาเข้าหา เขาหาเรื่อง เขายั่วเย้า เขา.. เป็นคนทำให้ทุกอย่างเลยเถิดมาขนาดนี้
ทั้งที่พชรมีสิทธิ์ชอบธรรม สมเหตุสมผลที่สุดที่จะไม่ชอบเขา ..เกลียดเขาก็ยังได้ด้วยซ้ำ
หน้าขาวเผือดซบลงกับพวงมาลัย..
สิ้นสุดความอดทน.. หยาดน้ำตาอุ่นๆรินไหลลง..
ความเข้มแข็งสุดท้าย คือ.. การยอมรับความอ่อนแอของตัวเอง
พชรบอกชัดเจนว่าไม่ชอบ..
แต่ก็เป็นเขา.. ม่อนแจ่มที่พยายามหาเรื่องอีกฝ่าย พยายามทำให้พชรสนใจให้ได้
พชรหลีกเลี่ยงเขา พชรไม่ยอมปะทะคารมกับเขา พชรไม่เคยทะเลาะด้วย ..นอกจากทนไม่ไหวจริงๆ
‘หน้ามึงไม่เหมือนพ่อกูหรอก ว่าแต่หน้ากู..เหมือนพ่อมึงหรือเปล่า’นั่นเป็นเพียงครั้งเดียวที่พชรควบคุมตัวเองไม่ได้
นอกจากครานั้น พชรไม่เคยพูดอะไรทำนองนี้อีกเลย ไม่พูดถึง.. เก็บความเครียดไว้กับตัวเอง
พชรไม่ชอบ แต่ก็ยังมีน้ำใจกับเขา ..ช่วยเหลือเขา เพราะพชรเป็นคนดี
ทั้งที่.. ม่อนแจ่มแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากพชร ..เป็นลูกของคนที่ทำกับแม่พชรแบบนั้น
ทั้งหมด แค่เพราะ.. พชรเป็นคนมีน้ำใจ
แล้วก็เป็นเขา.. เป็นเขาที่..
‘บอกกูให้ปล่อย..’
‘..บอกเดี๋ยวนี้’
..
‘พชร..’ ใบหน้าขึ้นสีจัดอย่างอับอาย..
ไม่ใช่เขินอาย ..แต่อับอาย
เขาไม่คิด.. ว่าตัวเองจะกล้าสู้หน้าพชรได้อีกแล้ว
“ม่อนแวะไปหอแป๊ปนึงนะครับ”
ม่อนแจ่มกลั้นสะอื้น เอ่ยบอกมารดา ก่อนออกรถต่อไปตามทางสู่มหาวิทยาลัย..
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“ไอ้ม่อน?” ไอดิลทักทันทีที่ม่อนแจ่มเปิดประตูเข้ามา ไอหมอกเองก็นั่งอยู่ด้วยกันเหมือนที่เขารู้ว่าจะต้องเป็น เมื่อซัดสายตามองหามอเตอร์ไซค์ดำเขียวที่คุ้นเคยและเห็นมันจอดอยู่ที่เดิมหน้าหอสามชาย
ม่อนแจ่มพยักหน้าให้คนทั้งคู่ ไม่พูดอะไร ได้แต่เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบกระเป๋าเป้ออกมา กวาดหนังสือและเอกสารประกอบการเรียนใส่ลงไป
“เฮ้ยๆ! ไอ้ม่อน นั่นมึงจะไปไหน”
ไอดิลเลิกคิ้ว มองอย่างตกใจ
“กู..” ม่อนแจ่มเอ่ยตอบหอบๆ “กูจะไปอยู่กับแม่น่ะ”
มือเรียวคว้าชุดนักศึกษาและเสื้อผ้าลำลองไม่กี่ชุดใส่ลงในกระเป๋าหิ้วของลุงสม
ไม่มีเวลาเก็บเครื่องนอน ..ที่เหลือค่อยมาเอาวันหลัง
อย่างไรก็ตาม แขนเรียวคว้าเอาม้วนกระดาษซึ่งก็คือภาพที่ยังวาดไม่เสร็จมาด้วย ..รีบแค่ไหน เขาก็ไม่อาจทิ้งสิ่งนี้ไว้
“เกิดอะไรขึ้น ไอ้ม่อน” ไอดิลงุนงง
“ทำไมมึงจะไป ที่บ้านมีปัญหาหรือไง?”
ปัญหาหรือ..“ไม่มี ไม่มีเลย กูแค่ไม่อยาก..”
อยู่ห้องนี้แล้ว..“แล้วมึงบอกพชรหรือยัง?”
‘พชร’ ชื่อที่ม่อนแจ่มไม่อยากได้ยินในตอนนี้เลย
ไม่ได้บอก.. หัวเล็กส่ายไปมา
ไอดิลขมวดคิ้วมุ่น “นี่มึงทะเลาะกับพชรหรือไง?”
ทะเลาะหรือ..“กูกับพชรไม่เคยทะเลาะกัน..” น้ำเสียงแห้งผากเอ่ยบอก พยายามห้ามน้ำตา
“พชรไม่เคยทะเลาะกับกู กูทะเลาะของกูอยู่คนเดียวตลอด มึงก็รู้..”
ไอดิลรับฟัง พยายามคิดตาม แต่ความสัมพันธ์ระหว่างรูมเมททั้งสองมันช่างยากเย็นเกินเข้าใจเอาเสียจริงๆ
“เออ.. เออ แล้วมึงทะเลาะของมึงเองคนเดียวรุนแรงขนาดอยู่ร่วมห้องกันไม่ได้เลยเหรอวะ?”
ไอดิลไม่เข้าใจ.. และม่อนแจ่มก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้สั้น ง่ายหรือได้ใจความ
แต่แบบนี้ล่ะดีแล้ว.. พชรจะได้ไม่ต้องลำบากใจ ..ไม่ต้องลำบากใจอีกต่อไป
นานเท่าไหร่แล้วที่พชรทนมา ..มีน้ำใจแค่ไหนที่อุตส่าห์ไม่ตะโกนใส่หน้าว่าม่อนแจ่มไม่ใช่ลูกคุณพ่อ
ทั้งที่โดนท้าต่อยบ้าง วุ่นวายบ้าง ต่างๆนานา..
อะไรบางอย่างเตือนม่อนแจ่มว่าเขาสองคนผ่านจุดนั้นมาแล้ว ..ใช่
แต่มันก็ผ่านมาไกลเกินไป ..ผ่านมาจนถึงจุดที่มีเรื่องที่ใหญ่กว่า.. สำคัญกว่าให้คำนึง..
“มึงความจำดีไหม ..ไอ้ดิ้ล” เขาเอ่ยถามคู่ซี๊
“ห๊ะ.. เอ่อ ก็..” ไอดิลยังไม่หายงง ไม่รู้ควรจะตอบว่าอะไร
“กูพอจะฝากคำพูดสองสามประโยคให้พชร ..ได้ไหม”
อ้อ..
“ได้ ได้สิ เดี๋ยวให้หมอกช่วยจำด้วย”
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย สูดลมหายใจ ค่อยๆเอ่ยให้ชัดเจน
“มึงไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องรู้สึกแย่”
..
“กูกับแม่.. ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง”
..
“มึงเป็นคนมีน้ำใจมาก กูขอบคุณ และ กู.. กูดีใจที่..ได้เป็นรูมเมทของมึง..”
รูมเมท..ใช่.. เขากับพชรเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน
ส่วนเรื่องนั้น.. มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ ..ไม่มีอะไรให้ต้องคิดถึงเลย
ดวงตาใสที่เริ่มพร่ามัวหันไปมองเตียงล่างของตัวเอง ..ก่อนจะทำได้เพียงสาวเท้าออกจากห้อง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ประตูรถเปิดออก.. ม่อนแจ่มวางกระเป๋าทั้งสองใบไว้เบาะหลัง ก่อนจะเข้ามานั่งประจำที่คนขับ
นั่งเงียบๆ อยู่อึดใจหนึ่ง พยายามหยุดน้ำตาของตัวเองไว้ให้ได้..
ระมิงค์มองลูกชาย คิดทบทวนสิ่งต่างๆ
“เธอก็มาแล้ว อยากทำอะไร พูดอะไร เธอก็จัดการเองเถอะ ..ฉันทำไม่ได้”
“หมายความว่ายังไง ทำไม่ได้?
คุณอยากให้ลูกชายคุณรู้จากปากผมหรือ อยากจะให้เขาช็อคตายหรือยังไง!”
“ฉันไม่รู้จะพูดยังไง”
“ความจริง..
ความจริงไงครับ สิ่งที่ต้องพูด บอกลูกคุณก่อนที่เขาจะรู้จากคนอื่น แล้วค่อยไปสารภาพกับคุณพจน์” “ฉันทำไม่ได้”
“ทำซะ!”
“เธอก็ไปบอกคุณพจน์เองเลยสิ!”
"คุณบอกลูกชายคุณก่อน!”
“แล้วทำไมเธอต้องแคร์ ต้องสนใจว่าลูกชายฉันจะรู้สึกยังไง รู้จักหรือ!” “ม่อน..”
ที่สุด.. ระมิงค์ก็ตัดสินใจเอ่ยถามออกไป “ลูกรู้จักพชรใช่ไหม?”
รู้จักพชรใช่ไหม..คำถามนั้นบาดลึกลงในหัวใจ ความทรงจำมากมายแจ่มชัดอยู่ในหัว
“พชรเป็นรูมเมทม่อน..”
ม่อนแจ่มพูดได้เพียงแค่นั้น ดวงตาใสหันมองมารดา หวังให้ท่านเข้าใจความหมายมากมายภายใต้นิยามสั้นๆและธรรมดาสามัญอย่าง ‘รูมเมท’
..ความหมายมากมายที่พชรมีต่อเขา..พชรยังคงเป็นคนพิเศษ..
เป็นคนที่ม่อนแจ่มยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบเจอในชีวิต
ชีวิตดำเนินไป บางสิ่งเริ่มต้น ..แล้วสิ่งนั้นก็จบลง และม่อนแจ่มก็ไม่เสียใจกับอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นก่อนที่มันจะจบลง
อะไรที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและพชร..
มือเรียวหมุนพวงมาลัย มุ่งหน้าไปที่ไหนก็ไม่รู้ตามแต่มารดาจะบอกให้ไป
บางที.. เหตุผลที่พชรไปในตอนนั้นคงไม่ใช่การที่พชรเป็นลูกคุณพ่อ ทว่า.. คือการที่
ม่อนแจ่มเองไม่ใช่ลูกคุณพ่อต่างหาก
แต่.. ถ้าจะมีใครที่ต้องเดินจากไป มันไม่ควรเป็นพชร มันควรเป็นเขา ..เขาเองที่อยู่ผิดที่ผิดทางมาตั้งแต่แรก
มันไม่เกี่ยวว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรกับพชร มันเกี่ยวกับเขาไม่ควรเป็นเหตุผลขัดขวางพชรจากการมีครอบครัวที่สมบูรณ์
มันคือการที่เขารู้สึกว่าควรออกไป คือการยอมสูญเสียอะไรก็ตามเพื่อให้คนอีกคนมีชีวิตที่ดี ..อะไรก็ตาม ซึ่งนั่นก็รวมถึง.. ความรู้สึกของตัวเองด้วย
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ขอบคุณสำหรับการติดตามและขออภัยที่รอบนี้มาช้าครับ