ตอนที่ 40 เลิกตาผมจ้องประตูห้องน้ำอย่างมาดมั่น ประกายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง หูผมคอยฟังเสียงน้ำจากฝักบัวและความเคลื่อนไหวต่างๆในห้องน้ำอย่างใจจดใจจ่อ
ในที่สุด....เสียงน้ำหยุด นั่นเสียงกริ๊ก......พี่แนทกำลังจะเปิดประตูออกมาแล้ว ผมรีบเทผงอีโนใส่ปากดื่มน้ำตามแล้วยัดซองเปล่าไว้ในกระเป๋ากางเกง เอื้อมมือไปหยิบกระปุกยานอนหลับ ตอนแรกกะวางหัวเตียงแต่กลัวพี่แนทไม่เห็นเลยถือไว้ในมือดีกว่า เอานิ้วชี้จิ้มยาหม่องเตรียมไว้
นอนลงบนเตียงแล้วหลับตา อีโนเริ่มทำหน้าที่ของมันอย่างรวดเร็วทันใจ ฟองฟอดเต็มปากแล้วครับตอนนี้
เอ.....ทำไมทุกอย่างเงียบแบบนี้ ผมแอบเปิดตาเหล่มองประตูห้องน้ำ......ยังปิดอยู่ สงสัยพี่แนทกำลังยืนไว้อาลัยให้กับตัวเอง อิ อิ
แล้วไอ้ฟองบ้าเอ๊ยยยย.....แย่งกันออกมาหาอากาศหายใจหรือยังไงฟะ แม่ง....เต็มปากจนล้นออกมาหมดแล้ว แล้วตูจะเทเข้าปากหมดซองทำไมเนี่ย รู้แบบนี้...น่าจะเทแค่ครึ่งซอง นั่น....ประตูแง้มเปิดออกช้าๆ ผมรีบหลับตาลง
“
อาร์ม! อาร์ม! เป็นอะไรครับ ทำไมถึงอ้วกเลอะเทอะแบบนี้” พี่....น้ำลายฟูมปากจากยาพิษนี่มันดูเหมือนคนอ้วกแตกตรงหนายยยย ผมยังนอนหลับตานิ่งไม่ไหวติง
“อาร์ม...อาร์ม” คราวนี้รู้สึกถึงมือที่จับไหล่ผมเขย่าเบาๆ ถึงจะปิดตาอยู่ผมยังรู้สึกได้ถึงเงาดำที่พาดหน้า นิ้วมือพี่แนทจับคางผมแล้วดันให้ปากเผยอออกเล็กน้อย ผมแอบหรี่ตามองข้างเดียว เห็นพี่แนทเอาหูเข้ามาใกล้ปากกับจมูกผมเหมือนพยายามฟังเสียงอะไรซักอย่าง
แล้วนิ้วพี่แนทก็กดที่คอผมด้านขวาเหมือนตรวจจับอะไรอยู่ งงครับ....พี่แนททำอะไรฟะ
ความคิดในหัวแล่นอย่างรวดเร็ว นี่....อย่าบอกนะว่าพี่แนทกำลังจะปฏิบัติการกู้ชีพผมอยู่ คงกำลังตรวจชีพจรผมล่ะสิ ความคิดผมย้อนกลับไปเป็นภาพขาวดำ
.
.
ตอนนั้นผมเรียนอยู่ปีสอง ไอ้แมนดี้มันมาชวนไปเรียนปฏิบัติการกู้ชีพสำหรับประชาชน ที่โรงพยาบาลชื่อดังของมหาวิทยาลัยผม เค้าเปิดคอร์สอบรมฟรี เรื่องของเรื่องคือมันอยากไปเหล่หมอหล่อๆที่คณะแพทย์ เผื่อฟลุ้คได้อะไรหรือใครติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง แต่เหตุผลที่มันใช้บอกผมคือรู้เรื่องแบบนี้ไว้ก็ไม่เสียหาย เผื่ออนาคตต้องใช้ยามฉุกเฉิน
ในห้องเรียนหลังจากเรียนภาคทฤษฏีแล้วก็แบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละสี่คนต่อหุ่นหนึ่งตัว
กลุ่มผมมีแมนดี้ ตี๋ (ซึ่งตามติดผมตลอด) ดล และผม แมนดี้กระดี้กระด้ามากเป็นพิเศษ เนื่องจากตอนเรียนทฤษฏีในห้อง หมอหนุ่มที่มาบรรยายหล่อมาก สูงขาวตี๋ เข้าสเป็คแมนดี้สุดๆ
ตรงหน้าพวกเราคือหุ่นล่ำบึ้กเปลือยท่อนบนเห็นกล้ามท้องเป็นมัดๆอยู่หนึ่งตัว ระหว่างรออาจารย์ที่คุมกลุ่มผมเข้ามา
ไอ้แมนดี้ก็เริ่มลวนลามหุ่นทันที
“ที่จริงอาจารย์น่าจะให้ปั๊มคนจริงนะ ถ้าตี๋....มาเป็นหุ่นแทนยิ่งดีใหญ่ แมนดี้จะผายปอดสุดฝีมือเลย” ไอ้ตี๋ส่งสายตาพิฆาตให้แมนดี้
“ตี๋ก็.....ไม่ต้องทำหน้าดุขนาดนั้นก็ได้” ว่าแล้วแมนดี้ก็หันไปสนใจหุ่นต่อ มันทำเหมือนก้มลงไปจะเป่าปาก
“แมนดี้ทำเป็นเหรอ” ผมถามมันอย่างสงสัย
“ก็ง่ายๆ ถ้าจะทำให้ฟื้น ก็แค่....เอามือวางบนหัวนมแล้วลูบไล้ไปมา.......จนหุ่นมันเสียว เดี๋ยวมันก็ฟึ้นขึ้นมาเองแหละ.....”
มันหัวเราะคิกคัก นิ้วมือก็ลูบหัวนมหุ่นไปด้วย ผมได้แต่ส่ายหน้า มันนี่จริงๆเลย แม้แต่หุ่นก็ยังไม่เว้น
“แต่ถ้าตี๋ยอมเป็นหุ่นนะ แมนดี้จะไม่ทำแค่ลูบหัวนมให้เสียวหรอก จะทำจน.....ครางเลยล่ะ” มันพูดแล้วทำตาปรือกัดริมฝีปาก ส่งสายตาเย้ายวนไปให้ไอ้ตี๋
“มึงอยากลูบตีนกูก่อนมั้ยยไอ้แมนดี้ อาร์ม......ทำไมมึงต้องมาเรียนคอร์สนี้กับมันด้วยวะ” ไอ้ตี๋คงสุดจะทนแล้ว สักพักอาจารย์ก็เข้ามา เป็นอันจบบทสนทนา
.
.
.กลับมาเป็นภาพสี ณ เวลาปัจจุบัน ถ้าอย่างงั้น....เดี๋ยวพี่แนทก็จะผายปอดกับกดหน้าอกผมสิ ไม่อาววววว......โดนกดหน้าอกเจ็บจะตาย ม่ายย.....มันต้องไม่เป็นแบบนี้
ผมรีบลืมตาขึ้นทันที ปั้นสีหน้าระทดระทวยเหมือนคนใกล้ตาย เอานิ้วชี้ที่มียาหม่องอยู่มาป้ายตา ได้ผล.....แสบโว้ยยยยย น้ำตาไหลทันที
“อาร์ม....บอกพี่เร็ว ปวดท้องหรือเจ็บตรงไหน” พี่แนทพอเห็นผมลืมตาแกก็รีบโน้มหน้ามาใกล้ๆแล้วนั่งลงข้างๆผม
“ชีวิตอาร์มมันคงได้แค่นี้แหละ......” พูดไปฟองก็ยิ่งไหลย้อยออกมา พี่แนทคงงงว่าผมพูดอะไรไม่เห็นเกี่ยวกับที่แกถาม
“อาร์มพูดอะไรน่ะ....พี่ไม่เข้าใจ เร็วๆอาร์ม บอกพี่ว่าเจ็บหรือว่าปวดตรงไหน” ผมส่ายหน้าน้ำตาไหลเป็นทาง
พร้อมทำหน้าตาเจ็บปวดไปด้วย
“อาร์มเข้าใจแล้วว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง.....” ยิ่งพูดฟองยิ่งไหลเลอะจากมุมปากไปที่คาง โอ้ยยย...ทำไมมันทุเรศทุรังสกปรกแบบนี้ฟะ
“อาร์มอยาก....อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่........” ผมพูดเสียงขาดเป็นห้วงๆเพื่อความสมจริง
“นี่.....อาร์มหมายความว่ายังไง” พี่แนททำหน้างงหนัก ผมเลยปล่อยมือที่ถือกระปุกยาลงบนตักแก พี่แนทมองตามแล้วหยิบมันขึ้นมาดู
“พี่แนทไม่มีวันเข้าใจอาร์ม เป็นผู้ชาย....แต่ถูกเรียกว่าเมีย การที่ต้องอยู่แบบนี้..... แบบที่ไม่มีศักดิ์ศรีอะไรเหลืออยู่เลย สู้อย่าอยู่เลยซะดีกว่า......” ยิ่งพูดเสียงยิ่งสั่น พอพูดจบผมยกมือขึ้นปิดหน้าปล่อยโฮดังลั่น สมบทบาทมากเลยตู
“นี่มันยานอนหลับนี่อาร์ม อย่าบอกนะว่า....... แต่....เอ๊ะ......” เสียงพี่แนทหยุดไป พูดว่า แต่.....เอ๊ะ แล้วก็เงียบไปนี่หมายความว่าไงฟะ ผมแอบมองหน้าพี่แนทลอดช่องระหว่างนิ้วมือที่ปิดหน้าอยู่ เห็นตาแกวิบวับเหมือนกลั้นยิ้มยังไงไม่รู้ นี่พี่......ผมกำลังจะตายนะ
“ฮึก ฮึก พี่แนทไม่เข้าใจอาร์ม พี่แนทไม่รักอาร์ม” ผมยิ่งสะอื้นปล่อยโฮหนักขึ้นอีก
ทั้งน้ำมูกน้ำตาและน้ำลายเลอะเต็มหน้าเละเทะไปหมด อเน็จอนาถตัวเองดีแท้ แต่ the show must go on เอาวะ.......ไม่มีอะไรจะทุเรศกว่านี้แล้ว
“พี่ไม่เข้าใจอาร์มตรงไหน ไหนบอกให้พี่รู้หน่อยสิครับ”
“ก็อาร์ม...แค่บอกว่าขอรุกพี่ พี่ก็อึ้งเดินเข้าห้องน้ำไปเลย ฮึก ฮึก จะให้อาร์มคิดยังไง.....
อาร์มมันไม่มีความหมายอะไรสำหรับพี่แนทเลยซักนิด ฮึก ฮึก” ผมยกมือปาดน้ำตาป้อยๆ
“อาร์ม....อย่าพูดอีกเลย ดูสิ....เลอะเทอะน่าเกลียดหมดแล้ว.....” มาว่าผมหน้าตาน่าเกลียดเหรอ ผมยิ่งร้องไห้โฮดังขึ้นอีก
“พี่ว่าเราไปโรงพยาบาลกันเถอะ ต้องให้หมอใส่สายเส้นโตๆเข้าทางจมูกเพื่อล้างท้อง แล้วก็ต้องฉีดยาอีกหลายเข็มด้วย” ว่าไงนะพี่แนท.......ใส่สายเข้าจมูก ไม่เอา...แค่คิดก็เจ็บแล้ว พี่แนททำท่าจะช้อนตัวผมเพื่ออุ้มขึ้น ผมสะบัดตัวออกทันที
“ไม่...ไม่ พี่แนท...ปล่อย...ปล่อยอาร์ม ไม่ทันแล้วพี่แนท ให้อาร์มไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะ” พูดไปก็ไอแคกๆไปด้วย ก็มันสำลักไอ้ฟองบ้าๆนั่นแหละครับ
“ไปเถอะอาร์ม เชื่อพี่” พี่แนทไม่สนใจผมที่พยายามดิ้นหนี จะช้อนตัวผมขึ้นให้ได้
“ม่ายยยยย ปล่อยอาร์ม” ตูไม่อยากไปโรงพยาบาล เข้าใจมั้ยยยย
ผมยิ่งดิ้นหนักขึ้น แต่แรงพี่แนทเยอะกว่าอุ้มผมขึ้นจนได้
แล้วแกก็ชะงักจ้องไปบนเตียง ผมหันมองตามสายตาแก
.
.
.
ย๊ากกก........นั่น....ซองอีโนหล่นจากกระเป๋ากางเกงโพ้มมมมมม พี่แนทปล่อยผมลงนั่งบนเตียง เอื้อมมือไปหยิบซองอีโนขึ้นมาแล้วหันมาจ้องหน้า ผมหน้าซีดทันที ได้แต่ทำหน้าปุเลี่ยนๆ
“อีโน.....ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร แก้อาการจุกเสียดแน่นเฟ้อ” ผมรู้แล้วค้าบบบว่ามันมีสรรพคุณยังไง พี่ไม่ต้องบรรยายก็ด้ายยย
“คือ...คืออาร์มเป็น....เป็นโรคกระเพาะ เมื่อกี้กินข้าวแล้วมันปวดๆท้องยังไงก็ไม่รู้อ่ะครับ” ผมพูดเสียงอ่อยๆ
พี่แกยังจ้องหน้าผมนิ่งอยู่ สงสัยจะไม่ค่อยพอใจคำตอบเท่าไหร่
พี่แนทหยิบกระปุกยาเปิดฝาเทยาออกมาดู แล้วหยิบเม็ดยาขึ้นมาดูใกล้ๆ
“วิตามินซี” พี่แนทพูดแล้วหันมาจ้องหน้าผมอีกแล้ว พี่แนทไม่ต้องจ้องผมมากก็ได้ เดี๋ยวหน้าผมก็สึกหมดหล่อกันพอดี
ผมเริ่มกำมือบิดไปมา ทำหน้าน่าสงสารพร้อมส่งสายตาอ้อนๆให้พี่แนท
“อะ...อาร์มเป็นโรค.....เป็นโรคลักปิดลักเปิดเลือดออกตามไรฟันอ่ะค้าบบ หมอบอกต้องกินวิตามินซีจะได้หายไวๆ” ส่งสายตาปิ๊งๆให้พี่แนท
“วิตามินซี....ในกระปุกยานอนหลับ” พี่แนทพูดเรื่อยๆ แต่ฟังเหมือนเป็นประโยคคำถามแถมจ้องตาผมเขม็ง
ผม....ผมต้องตอบแกเหรอเนี่ย
“คือ....คือ...คืออาร์มชอบกินวิตามินซีกับยานอนหลับน่ะ มันได้ผลดีจริงๆนะพี่แนท” ไม่น่าเชื่อว่าผมยังแถไปได้อีก สีข้างคงมีเลือดออกซิบๆแล้วตอนนี้
พี่แนทขว้างกระปุกยาลงถังขยะอย่างแรง แล้วเดินออกจากห้องปิดประตูดังปั้ง ผมสะดุ้งทันที
ไม่นะ....พี่แนท......กลับมาก่อนนน
**************************
ผมได้แต่นั่งหมดแรงอยู่บนเตียง ไม่มีแรงจะลุกขึ้นเดินหรือทำอะไรทั้งนั้น ซักพักพี่แนทก็เดินกลับเข้าห้องมาหน้าตาบึ้งตึง
“อาร์ม เอาพาสปอร์ตของอาร์มมาให้พี่ เขียนอีเมลล์อาร์มมาด้วย” อะไรกัน....ผมงงไปหมดแล้ว
“พะ...พี่แนทจะเอาไปทำไมครับ” ผมถามเสียงเบาๆ
“ไม่ต้องถาม บอกให้เอามาก็เอามาสิ” เสียงดุมากเลยอ่ะ ผมเดินไปหยิบพาสปอร์ตให้พี่แนทจากกระเป๋าเดินทาง
“ไปล้างหน้าล้างตาด้วย จะปล่อยให้เลอะเทอะแบบนั้นเหรอ” ผมเลยเดินไปห้องน้ำตามที่แกสั่ง
พอกลับออกมา ก็เห็นพี่แนทนอนบนเตียงหันหลังให้ผม ผมล้มตัวนอนตามข้างๆ
“พี่แนท อาร์มขอโทษนะครับ” เงียบ.......ไม่มีเสียงตอบ พี่แนทโกรธจริงๆเหรอเนี่ย
แล้วพี่แนทเอาพาสปอร์ตผมไปทำไมแถมอีเมลล์อีก อย่าบอกนะว่าพี่....พี่จะเอาไปซื้อตั๋วเครื่องบินให้ผมกลับเมืองไทยในวันสองวันนี้
ไม่อาวววว.....พี่แนทอย่าทำแบบนั้นนะครับ
“พี่แนท....” ผมเรียกแกอีกครั้งเบาๆ
“............” แกยังนอนนิ่ง
ไม่ไหวแล้วครับ........น้ำตาผมเริ่มไหลอีกแล้ว
“พี่แนท....ไม่นอนกอดอาร์มเหรอครับ” เอื้อมมือไปแตะต้นแขนคนตัวโตเบาๆ แต่พี่แนทก็ยังไม่ยอมพูดอะไร
ผมได้แต่มองแผ่นหลังกว้างตรงหน้า
นี่พี่ไม่อยากแตะต้องตัวผมแล้วเหรอ.....แค่คิดก็ทนไม่ไหวแล้ว น้ำตายิ่งไหลมากขึ้น ผมสะอื้นเบาๆกับตัวเอง
คนข้างๆก็ยังนอนเงียบ ร้องไห้อยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้อีกทีพี่แนทก็หันมากอดผมไว้ทั้งตัว ผมรีบซุกหน้ากับอกพี่แนททันทีอย่างกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะเปลี่ยนใจ พี่แนทจูบหน้าผากผมเบาๆ
แต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมา
“พี่แนท อาร์มขอโทษ....” ผมพูดเสียงอู้อี้ ยกมือขึ้นมาไหว้ที่อกพี่แนท
“อาร์มจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว พี่แนทอย่าไล่อาร์มกลับเมืองไทยนะครับ” แต่พี่แนทไม่ตอบหรือพูดอะไรซักคำ น้ำตาไหลอีกแล้ว ผมได้แต่สะอื้นร้องไห้จนหลับไป
****************************
ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้ามองหาพี่แนทแต่ก็ไม่เห็น โอ้ยยย.....ปวดหัวจัง รู้สึกตาตุ่ยๆยังไงไม่รู้ สงสัยจะร้องไห้มากไปหน่อย
กำลังลุกขึ้นนั่ง พี่แนทก็เดินเข้าห้องมา แต่งตัวเรียบร้อยเหมือนพร้อมไปทำงาน
“อ่ะนี่.....ของอาร์ม แล้วก็เตรียมตัวให้พร้อมด้วย” พี่แนทยื่นพาสปอร์ตให้ผม พร้อมกระดาษอะไรไม่รู้สองสามแผ่น
ทำไม...ทำไมต้องเตรียมตัวให้พร้อมด้วย นี่....พี่อย่าบอกนะว่า มันคือตั๋วเครื่องบินที่พี่ซื้อให้ผมออนไลน์
ไม่เอา......ผมไม่อยากกลับเมืองไทยตอนนี้
“พะ....พี่แนท พี่จะไล่อาร์มกลับเมืองไทยจริงๆเหรอครับ” แกจ้องหน้าผมนิ่งไม่ตอบอะไร
ไอ้น้ำตาเจ้ากรรมมันไหลอีกแล้ว พี่แนท.....เราจะจบกันแค่นี้จริงๆเหรอ ผมผิดจนพี่อภัยให้ไม่ได้เลยใช่มั้ย แล้วที่พี่บอกว่าอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกๆวัน อยากนอนกอดผมทุกๆคืน อยากลืมตาตื่นมาเห็นหน้าผมเป็นคนแรกทุกๆเช้า อยากรับรู้ประสบการณ์ทุกๆอย่างในชีวิตโดยมีผมอยู่ด้วย พี่ลืมมันไปหมดแล้วเหรอ แล้วแหวนบ้าๆนี่อีก ให้ผมมาตั้งแต่แรกทำไม ถ้าพี่ไม่ได้คิดถือเป็นจริงเป็นจังอะไร
ตอนนี้ผมรู้สึกอึดอัดเจ็บในอกเหมือนกับหัวใจถูกบีบรัดไว้ มันแน่นไปหมดหายใจไม่ออกหัวใจเหมือนโดนฉีกเป็นเสี่ยงๆ ผมทนต่อไปไม่ไหวแล้ว...........
***************************************