ตอนที่ 30.1 บทเรียน (ต่อ)เฮ้ย....นี่มันจะให้ผมทำกับกล้วยจริงๆเหรอ ไม่อาววววว...ใครจะบ้าทำฟะ แถมต่อหน้าคนอื่นอีก
“ไม่เอา จะบ้าเหรอ ใครจะทำ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธทันทีทันใด
“ไม่ลองทำ แล้วจะรู้ได้ไงว่าที่สอนไปน่ะ เข้าใจถูกต้องหรือเปล่า” แมนดี้พูดหน้าตาขึงขัง
“ไม่เอา! ยังไงก็ไม่เอา” ผมค้านเสียงแข็ง ยังไงก็ไม่ยอมทำอะไรแบบนี้หรอก
“อ๊ะ งั้นเอายังงี้ เดี๋ยวเราจะทำให้ดูก่อน แล้วอาร์มค่อยทำตาม” มันพูดแล้วเดินไปหยิบกล้วยอีกใบ เอาทิชชู่เช็ดเปลือกจนสะอาดแล้วลงมานั่งข้างๆผม
“อาร์ม ดูนี่นะ” เอาแล้วครับ....ดูมันสิ เอาปากครอบกล้วยเฉยเลยอ่ะ โอ๊ย....ตูอยากจะบ้า ทำไมเราถึงมีเพื่อนหน้าหนาขนาดนี้วะเนี่ย
“อาร์ม.....รออะไรอยู่ ทำตามเราเร็ว ข้ามขั้นที่หนึ่งไปขั้นที่สองเลย ไม่ต้องมาทำเป็นอาย ผู้ชายมีไอ้นั่นเหมือนกันอายอะไร” หึ...มีไอ้นั่นเหมือนกันอายอะไร พูดออกมาได้นะไอ้แมนดี้ มีนะมีเหมือนกันแต่ไม่มีใครต้องมานั่งเรียนแบบผมนี่ ผมนึกสงสัย...จะมีใครสติดีๆมาเรียนอะไรแบบนี้รึเปล่า เอ....หรือว่าผมสติไม่ดี หรือว่าผมเชื่อคนง่ายไป
ผมได้แต่นั่งเฉยไม่ขยับตัว
“เร็วๆ!! อย่าให้ต้องมีการตีนะ” มันพูดแล้วเงื้อมือจะตีแขนผม
ดูมัน......ขู่ผมด้วยอ่ะ ทำยังกับผมเป็นนักเรียนมันจริงๆงั้นแหละ ผมค่อยหยิบกล้วยขึ้นมาแล้วค่อยๆเอาปากมาจ่อตรงปลาย ขอทำใจซักห้านาทีได้ไหม
“ต่อไป....ตอนนี้เอาปากครอบลงไป ส่วนลิ้นในปากเลียไปรอบส่วนปลาย หัดขั้นที่สองนี้ให้ได้ก่อน” ผมยังเงอะๆงะ ไม่ยอมทำตามซักที แมนดี้เลยเอามือตีแขนผมดังเพี๊ยะ เฮ้ย....นี่มันเอาจริงเหรอเนี่ย ตีซะแขนผมแดงเป็นรอยเลยอ่ะ
“เร็ว เร็ว ไม่ต้องลีลา” มันขู่ผมด้วยคำพูดและสายตา ผมจำใจครอบปากลงไปบนผลกล้วยจากส่วนปลาย แล้วค่อยๆเอาลิ้นวนไปวนมา
“ทำท่านี้ไปห้านาที แล้วค่อยไปขั้นที่สาม” มันสั่งเสียงเข้มเลย อะไรนะ....ห้านาที นี่มันจะให้ผมอมจนเปลือกกล้วยมันเปื่อยเลยรึไงเนี่ย
อยากถามจริงๆเลยว่ามันเคยสอนใครมาก่อนหรือเปล่า หรือว่าผมเป็นหนูทดลองตัวแรกของคลาสฟะ
ก๊อก....ก๊อก.... เสียงเคาะประตู ผมชะงัก เอากล้วยออกจากปากทันที
“สงสัยเป็นเมด พอดีก่อนขึ้นมา เราขอหมอนเพิ่มเพราะเราชอบนอนกอดหมอนข้าง เลยขอกอดหมอนสักสองใบแทนแล้วกัน” แมนดี้บอกผม แล้วลุกเดินไปที่ทางเดินไปประตู ก่อนไปมีการหันมาสั่งผม
“ทำต่อไปอาร์ม ห้ามอู้ จนกว่าจะครบห้านาที” พอดีผมนั่งบนเตียงซึ่งจากมุมนี้คนที่ยืนอยู่ตรงประตูจะมองเข้ามาไม่เห็นผม ผมเลยได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรม หลับหูหลับตาอมมันไว้เฉยๆยังงั้นแหละ ซักพักได้ยินเสียงปิดประตู
“อาร์ม.....ทำอะไรอยู่ นี่หิวมากจนกินกล้วยทั้งเปลือกเลยเหรอ”
เฮ้ย...นี่มันเสียงพี่แนทนี่ แล้วเข้ามาได้ไงอ่ะ ผมรีบลืมตาปล่อยมือออกจากกล้วยทันที แต่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เพราะกล้วยมันยังคาปากผมอยู่ คราวนี้ผมเลยอ้าปากคายออก กล้วยค่อยๆหล่นแบบสโลว์โมชั่นลงบนตักทับเจ้าอาร์มน้อยของผม จุกโว้ยยย (ลองนึกภาพตาม) ได้ยินเสียงหัวเราะจากแมนดี้ ผมหันไปมองมันแล้วถลึงตาใส่แบบคาดโทษ ทำไมไม่มีการส่งเสียงเตือนกันมั่งเลยฟะ แล้วนี่......พี่แนทจะคิดยังไง ตาย ตาย ตาย.....อยากเอาหน้ามุดใต้เตียงจัง
“เอ่อ.....พอดีอาร์มกับแมนดี้รู้สึกหิว เลยเอากล้วยมากินรองท้องอ่ะค่ะ” แมนดี้เห็นผมนั่งอึ้งเลยช่วยแก้สถานการณ์ แต่พี่แนทจะเชื่อรึเปล่า ก็.....มันมีบ้านไหนจะกินกล้วยแล้วอมไว้แบบนี้เนี่ย
“นี่พี่แนทมาหาอาร์ม มีอะไรเหรอค้าบบบบ” ผมแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นและลากเสียงท้ายประโยคแบบอ้อนๆ ลุกจากเตียงเดินไปเกาะแขนพี่แนท ไม่ได้ครับ....ต้องรีบเบี่ยงเบนประเด็นก่อนที่พี่แนทจะสงสัยแล้วถามอะไรต่อ
“พรุ่งนี้ก่อนทานข้าวเช้า พี่อยากชวนอาร์มไปเดินเล่นน่ะ พี่ดูพยากรณ์อากาศแล้ว พรุ่งนี้อากาศดีทั้งวันเลยนะ” พี่แนทยิ้มแล้วจับมือผมที่เกาะแขนพี่แนทอยู่ เหวอ.....นี่ผมกับพี่แนทจะได้ไปเดินเล่นกันแบบที่คู่รักเค้าทำกันใช่ไหมเนี่ย คิดแล้วเขินจังเลย
“ได้ครับ อาร์มอยากไป กี่โมงดีอ่ะครับ” ผมเอาหัวไถๆไหล่พี่แนทเหมือนลูกแมว เหมือนที่ผมชอบทำกับพี่โอมบ่อยๆเวลาอยากอ้อนขออะไร คิดแล้ว.....ตูก็ทำไปได้เนอะ ต่อหน้าไอ้แมนดี้ด้วย ได้ยินเสียงพี่แนทหัวเราะหึหึแบบอารมณ์ดี รู้สึกถึงมือพี่เค้าที่ยีหัวผมเบาๆ
“ซักเจ็ดโมงดีมั้ย” ผมพยักหน้าหงึกหงักยิ้มกว้างให้พี่แนทตาหยีเลย ก็คนมันดีใจนี่ครับ
พี่แนทคงมันเขี้ยวเลยหยิกแก้มผมเบาๆหนึ่งที
“พี่แนท ไม่ชวนแมนดี้ด้วยเหรอค่ะ น้อยใจนะเนี่ย” ผมหันขวับไปมองแมนดี้ ส่งสัญญาณทางสายตาไปห้ามมัน ไม่ได้นะ...มันจะมาทำลายบรรยากาศการเดินเล่นของคู่รักไม่ได้
“ไปด้วยกันมั้ยแมนดี้” พี่แนทเอ่ยชวน คงชวนตามมารยาทนั่นแหละ
“ไม่หรอกค่ะ แมนดี้พูดเล่น กลัวมีใครบางคนมาดักตีหัวถ้าแมนดี้ไปด้วย” มันพูดแล้วปรายตามาทางผม ดีมาก....รู้ตัวก็ดี
“นั่นแล็ปท็อปของแมนดี้เหรอ หรือของตี๋” พี่แนทมองไปที่โน๊ตบุ๊คบนเตียง
“ของแมนดี้เองค่ะ พอดีเอามาเปิดโชว์รูปศิลปะสวยๆให้อาร์มดู อาร์มเค้าชอบงานศิลปะค่ะ” มันพูดแล้วหันมาขยิบตาให้ผม ผมอยากจะตะโกนออกไป ตูไม่ได้อยากดูเฟ้ย แต่เป็นมันนั่นแหละที่อยาก
“เหรอ....พี่รู้ว่าอาร์มชอบถ่ายรูป แต่ถ้าอาร์มชอบงานศิลปะ เดี๋ยวกลับนิวยอร์ค พี่ขอแก้ตัวพาอาร์มไปอาร์ทมิวเซียมอีกรอบนะครับ” ผมจำได้...ก็ไอ้มิวเซียมที่พี่หลอกพาผมเดินห้าสิบบล็อค แต่พอไปถึงเค้าประกาศอีกสิบห้านาทีมิวเซียมปิดนั่นแหละ
“ครับ อาร์มก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะไปเที่ยวซ่อมหลังกลับจากซานฟราน”
“งั้นพี่ขอดูรูปด้วยสิ อยากรู้ว่าอาร์มชอบศิลปะสไตล์ไหน” เฮ้ย....ไม่ได้นะ นั่นมันรูปโป๊ชัดๆ
ขืนพี่แนทดูได้ตกใจแน่ๆ แล้วจะไหนภาพพจน์ใสซื่อของผมที่อุตส่าห์สั่งสมมา (มีด้วยเหรอ) ผมสบตาแมนดี้สื่อกันได้ว่า ให้พี่แนทดูไม่ได้เด็ดขาด
“เอ่อ....แมนดี้ปิดเครื่องไปแล้วค่ะ โน๊ตบุ๊คแมนดี้มันรวนๆยังไงไม่รู้ สงสัยจะโดนไวรัส เวลาเปิดเครื่องที รอนานมากกกค่ะ” มันลากเสียงยาวเพื่อแสดงว่าต้องรอนานจริงๆถ้าจะเปิดเครื่องใหม่ ผมรู้...ที่จริงมันยังไม่ได้ปิดเครื่องหรอก คือฝาเครื่องยังเปิดอยู่ รูปก็ยังเปิดอยู่ แต่เครื่องหันหน้าเข้าหาหัวเตียงเลยมองจากตรงนี้ไม่เห็น
“ไม่เป็นไรหรอกไว้วันหลังก็ได้ อาร์มเจ็ดโมงเจอกันที่ล็อบบี้นะครับ” พี่แนทดูไม่ติดใจอะไร ผมเดินไปส่งพี่แนทที่ประตู ที่จริงอยากกู๊ดไนท์คิสพี่แนทจัง ติดแต่ว่าแมนดี้ยืนอยู่ด้วย
พี่แนทไปไม่ถึงนาที ไอ้ตี๋อาบน้ำเสร็จเดินออกจากห้องน้ำ ปะแป้งซะหน้าลายพร้อย ผมเปียกลู่ติดศีรษะ
“อาร์ม ตี๋ขอใช้แป้งอาร์มนะ แป้งเด็กหอมดีเหมือนกัน นี่ตี๋ตัวหอมแล้ว อาร์มลองดมดูสิ” มันเดินเข้ามาใกล้โน้มตัวลงจะให้ผมดมตัวมันให้ได้ ผมรีบเอามือยันมันออก ไม่ต้องเลย.....รู้แล้วว่าตัวหอม ก็เล่นอาบน้ำเป็นชาติแบบนั้น
“ไม่เอา เราจะไปอาบน้ำแล้ว” ผมรีบเดินหลบไปหยิบเสื้อผ้าแล้วเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงแมนดี้แว่วๆ
“ตี๋ขา อาร์มเค้าไม่ดม ให้แมนดี้ดมพิสูจน์แทนก็ได้ค่ะ” ผมได้แต่หัวเราะหึหึในใจ
************************************